ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tkit9s2o (คุย | ส่วนร่วม)
→‎พระโอรส-ธิดา: ปรับย่อหน้าให้ตรง
บรรทัด 92: บรรทัด 92:
*** ศุภมงคล โชติกเสถียร สมรสกับ จันทริกา โชตึกเสถียร (สกุลเดิม กาญจโนมัย) มีบุตรคนเดียว คือ
*** ศุภมงคล โชติกเสถียร สมรสกับ จันทริกา โชตึกเสถียร (สกุลเดิม กาญจโนมัย) มีบุตรคนเดียว คือ
**** ภีมมงคล โชติกเสถียร
**** ภีมมงคล โชติกเสถียร
*** [[หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล]] (28 กันยายน พ.ศ. 2486) สมรสกับรัชนี คชเสนี (ภายหลังได้หย่ากัน) และสมรสใหม่กับบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร-ธิดาสามคน ได้แก่
**[[หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล]] (28 กันยายน พ.ศ. 2486) สมรสกับรัชนี คชเสนี (ภายหลังได้หย่ากัน) และสมรสใหม่กับบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร-ธิดาสามคน ได้แก่
****[[หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล]] (5 กันยายน พ.ศ. 2514)
***[[หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล]] (5 กันยายน พ.ศ. 2514)
**** หม่อมหลวงอรมงคล โสณกุล
*** หม่อมหลวงอรมงคล โสณกุล
****[[หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล]] (30 เมษายน พ.ศ. 2521) สมรสกับ[[นาเดีย โสณกุล]] (สกุลเดิม นิมิตรวานิช; 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2521) มีบุตรคนเดียว คือ
***[[หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล]] (30 เมษายน พ.ศ. 2521) สมรสกับ[[นาเดีย โสณกุล]] (สกุลเดิม นิมิตรวานิช; 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2521) มีบุตรคนเดียว คือ
***** นพมงคล โสณกุล ณ อยุธยา (9 มกราคม พ.ศ. 2555)
**** นพมงคล โสณกุล ณ อยุธยา (9 มกราคม พ.ศ. 2555)


*[[พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี]] (24 กันยายน พ.ศ. 2455 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2520) เสกสมรสกับ[[หม่อมเจ้าอรชุนชิษณุ สวัสดิวัตน์]] (15 มกราคม พ.ศ. 2454 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2512) มีพระโอรส-ธิดาสามคน ได้แก่
*[[พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี]] (24 กันยายน พ.ศ. 2455 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2520) เสกสมรสกับ[[หม่อมเจ้าอรชุนชิษณุ สวัสดิวัตน์]] (15 มกราคม พ.ศ. 2454 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2512) มีพระโอรส-ธิดาสามคน ได้แก่

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:20, 24 พฤษภาคม 2562

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น 5 เจ้าฟ้าชั้นเอก
กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ดำรงตำแหน่ง9 เมษายน พ.ศ. 2475 - 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2475
เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
ดำรงตำแหน่ง1 เมษายน พ.ศ. 2471 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
ดำรงตำแหน่ง24 สิงหาคม พ.ศ. 2469 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2471
เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ
ดำรงตำแหน่ง11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2463
ประสูติ29 มิถุนายน พ.ศ. 2424
พระบรมมหาราชวัง อาณาจักรสยาม
สิ้นพระชนม์18 มกราคม พ.ศ. 2487 (62 ปี)
บันดุง ดัตซ์ตะวันออก
ชายา
หม่อม
หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร
หม่อมสมพันธ์ บริพัตร ณ อยุธยา
พระบุตร10 พระองค์
ราชวงศ์จักรี
พระบิดาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระมารดาสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี

จอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต (29 มิถุนายน พ.ศ. 2424 - 18 มกราคม พ.ศ. 2487, Prince Paribatra Sukhumbandhu, Prince of Nakhon Sawan) ชาววังออกพระนามโดยลำลองว่า ทูลกระหม่อมชาย หรือ ทูลกระหม่อมบริพัตร ทรงดำรงตำแหน่งที่สำคัญทางการทหาร ตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ เสนาธิการทหารบก เสนาบดีกระทรวงกลาโหม เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร ทรงดำรงตำแหน่งองคมนตรีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

นอกจากนี้ยังทรงพระปรีชาสามารถในงานดนตรี ทรงได้รับการขนานพระนามเป็น "พระบิดาแห่งเพลงไทยเดิม" ทรงพระนิพนธ์เพลงไทย เพลงฝรั่งและเพลงไทยเดิมไว้มากมาย ทรงนิพนธ์เพลง วอทซ์ปลื้มจิต, วอทซ์ชุมพล, สุดเสนาะ, เพลงมหาฤกษ์, เพลงพญาโศก

พระประวัติ

ไฟล์:สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี-กรมพระนครสวรรค์วรพินิต.jpg
ทูลกระหม่อมบริพัตรทรงฉายกับพระมารดา

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ประสูติเมื่อวันพุธ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2424[1] ในพระบรมมหาราชวัง มีพระเชษฐภคินีพระองค์เดียว คือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร

วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2434 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าต่างกรม มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุชุมพันธุ์ ดิลกจันทรนิภาพงษ์ มหามกุฏวงษ์นราธิราช จุฬาลงกรณ์นาารถราชวโรรส อดุลยยศอุภโตพงษพิสุทธิ นรุตมรัตน ขัตติยราชกุมาร กรมขุนมไหสูริยสงขลา[2] และมีพระราชพิธีมงคลการโสกันต์ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม ถึงวันที่ 2 มกราคม ร.ศ. 113[3]

ทรงศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ทรงสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเสนาธิการ ประเทศเยอรมนี เมื่อเสด็จกลับมารับราชการ สมเด็จพระบรมชนกนารถทรงพระดำริว่าพระนามกรมเดิมไม่สมพระเกียรติยศ จึงโปรดเกล้าให้เปลี่ยนพระนามกรมเป็น กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2444[4] พระองค์ประทับที่วังบางขุนพรหม ซึ่งเป็นวังที่มีความใหญ่โตโอ่อ่าที่สุด กอรปกับทรงมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย จึงได้รับการกล่าวขานอีกฉายาหนึ่งจากคนทั่วไปว่า "จอมพลบางขุนพรหม" หรือ "เจ้าฟ้าวังบางขุนพรหม" ทรงเป็นต้นราชสกุลบริพัตร [5]

วันที่ 16 พฤศจิกายน ร.ศ. 122 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นราชองครักษ์พิเศษ[6] ต่อมาในวันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ ศกนั้น ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกรมทหารเรือ[7] และวันที่ 19 มีนาคม ศกเดียวกัน ได้ทรงสาบานตนและรับพระราชทานตราตั้งเป็นองคมนตรี[8]

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดให้เปลี่ยนคำนำพระนามเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ[9] และในวันต่อมาพระองค์ท่านได้เข้าถือน้ำและรับตั้งเป็นองคมนตรี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม[10] แล้วโปรดให้เลื่อนเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ ดิลกจันทรนิภาพงศ มหามกุฎวงศนราธิราช จุฬาลงกรณนาถราชวโรรส อดุลยยศอุภโตพงศพิศุทธ นรุตมรัตนขัติยราชกุมาร กรมพระนครสวรรค์วรพินิต สชีวะเชษฐสาธิษฐสุขุมาลกษัตริย์ อภิรัฎฐมหาเสนานหุษเนาอุฑฑิน จุฬินทรปริยมหาราชวรางกูร สรรพพันธุธูรราชประยูรประดิษฐาประชาธิปกปัฐพินทร์ ปรมินทรมหาราชวโรปการ ปรีชาไวยัตโยฬารสุรพลประภาพ ปราบต์ไตรรัชยยุคยุกติธรรมอรรถศาสตร อุดมอาช์วีวีรยาธยาศรัย เมตตามันตภาณีศีตลหฤทัย พุทธาทิไตรรัตนศรณธาดา มหันตเดชานุภาพบพิตร ทรงศักดินา 50000 ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2468[11] (นับแบบปัจจุบันตรงกับปี พ.ศ. 2469)

ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นเจ้านายพระองค์สำคัญที่ทางคณะราษฎร ผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองต้องควบคุมองค์ไว้เป็นองค์ประกันสำคัญสูงสุด เนื่องด้วยทรงเป็นผู้รักษาพระนคร อีกทั้งยังทรงควบคุมหน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งทหาร และตำรวจ ซึ่งในเช้าวันที่ 24 มิถุนายน นั้น พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น) เป็นผู้นำในการบุกวังบางขุนพรหม เพื่อควบคุมพระองค์ ซึ่งทรงกำลังจะหนีทางท่าน้ำหลังวัง พร้อมกับครอบครัวและข้าราชบริพาร แต่ทว่ามีเรือตอร์ปิโดหาญทะเลของทางทหารเรือฝ่ายคณะราษฎรที่ควบคุมโดย เรือโท จิบ ศิริไพบูลย์ คอยดักอยู่ จึงยังทรงลังเล จนในที่สุดพระองค์จึงทรงยินยอมให้ทางคณะราษฎรควบคุมองค์ และเสด็จไปประทับยังพระที่นั่งอนันตสมาคม พร้อมกับเจ้านายพระองค์อื่น ๆ และบุคคลสำคัญต่าง ๆ ซึ่งก่อนเสด็จมา ได้ทรงต่อรองขอเปลี่ยนเครื่องทรงจากชุดกุยเฮง ซึ่งเป็นชุดบรรทม ก็ได้รับการปฏิเสธ[12] หลังจากนั้นในวันต่อมา ต้องเสด็จออกจากประเทศไทยอย่างกะทันหัน โดยเสด็จไปด้วยรถไฟขบวนพิเศษ ซึ่งวิ่งตลอดไม่มีหยุดพักจนถึงปีนังวันที่ 10 กรกฎาคม และย้ายไปประทับอยู่ที่เมืองบันดุง เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ตราบจนสิ้นพระชนม์

ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพียงไม่กี่วันนั้น พระยาอธิกรณ์ประกาศ (หลุย จาติกวณิช) อธิบดีกรมตำรวจได้ถวายรายงานต่อพระองค์ถึงรายชื่อของบุคคลต่าง ๆ ในคณะราษฎรว่ามีท่าทีจะกระทำการกระด้างกระเดื่องประการใดประการหนึ่งต่อบ้านเมือง แต่พระองค์ไม่ทรงเชื่อ ด้วยทรงเห็นว่าบุคคลเหล่านี้ไม่น่าจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะกระทำการใด ๆ ได้ เนื่องจากทรงคุ้นเคยกับบุคคลเหล่านี้ดี ซ้ำบางคนยังทรงชุบเลี้ยงและรู้จักมาตั้งแต่ยังเด็กด้วยซ้ำ[12]

จอมพลเรือ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคไตและพระหทัย เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2487 ที่ตำหนักประเสบัน เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย ขณะพระชันษา 63 ปี อัญเชิญพระศพกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2491[13] และได้มีการพระราชทานเพลิงพระศพ ที่พระเมรุท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2493

พระโอรส-ธิดา

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสกสมรสกับหม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร (ราชสกุลเดิม: ไชยันต์; 12 ธันวาคม พ.ศ. 2429 – 21 มิถุนายน พ.ศ. 2499) ภายหลังหม่อมเจ้าประสงค์สมประชวร จึงทรงรับหม่อมสมพันธุ์ บริพัตร ณ อยุธยา (ราชสกุลเดิม: ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา; 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2448 - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523) มาเป็นหม่อมอีกคน และมีพระโอรส-ธิดารวม 10 พระองค์[14] ดังนี้

พระโอรส-ธิดาที่ประสูติแต่หม่อมเจ้าประสงค์สม แรกประสูติเป็นหม่อมเจ้า ได้รับการสถาปนายกขึ้นเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทุกพระองค์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว [15] ได้แก่

  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร (16 มีนาคม พ.ศ. 2450 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546)
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสิฐสบสมัย (21 กันยายน พ.ศ. 2451 - 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517) เสกสมรสกับหม่อมเจ้าโกลิต กิติยากร (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2453 - 2 มกราคม พ.ศ. 2519) มีพระธิดาคนเดียว คือ
    • หม่อมราชวงศ์พิลาศลักษณ์ บุณยะปานะ (22 สิงหาคม พ.ศ. 2483 - 24 กันยายน พ.ศ. 2540) สมรสกับบัณฑิต บุณยะปานะ (6 ตุลาคม พ.ศ. 2477 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2536) มีบุตร-ธิดาสามคน ได้แก่
      • พิฑูร บุณยะปานะ สมรสกับปองสุข บุณยะปานะ (สกุลเดิม บุณยะประสิทธิ์)
      • ศิถี ศรีวิกรม์ สมรสกับชาญ ศรีวิกรม์
      • สิรี อุดมฤทธิรุจ สมรสกับกำพล อุดมฤทธิรุจ
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน (21 ธันวาคม พ.ศ. 2452 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543) เสกสมรสกับหม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล (9 มกราคม พ.ศ. 2429 - 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507) มีพระโอรส-ธิดาสี่คน ได้แก่
    • หม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล (31 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 - 8 สิงหาคม พ.ศ. 2528) สมรสกับอมรา เหรียญสุวรรณ (ภายหลังได้หย่ากัน)
    • หม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล (23 มิถุนายน พ.ศ. 2483 - 13 กันยายน พ.ศ. 2533) สมรสกับสนทนา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม หงสกุล) มีบุตรสองคน ได้แก่
      • หม่อมหลวงธีรเชษฐ์ โสณกุล
      • หม่อมหลวงรัตนมงคล โสณกุล
    • หม่อมราชวงศ์สุมาลยมงคล โสณกุล (8 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562) สมรสกับจุลเสถียร โชติกเสถียร มีบุตร-ธิดาสามคน ได้แก่
      • ปิยมงคล โชติกเสถียร
      • สิริมงคล โชตึกเสถียร สมรสกับกฤษฎา จีนะวิจารณะ (ภายหลังได้หย่ากัน) มีบุตร-ธิดาสามคน ได้แก่
        • จิณณ์ จีนะวิจารณะ
        • กัญฑ์ จีนะวิจารณะ
        • สิริน จีนะวิจารณะ
      • ศุภมงคล โชติกเสถียร สมรสกับ จันทริกา โชตึกเสถียร (สกุลเดิม กาญจโนมัย) มีบุตรคนเดียว คือ
        • ภีมมงคล โชติกเสถียร
    • หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (28 กันยายน พ.ศ. 2486) สมรสกับรัชนี คชเสนี (ภายหลังได้หย่ากัน) และสมรสใหม่กับบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร-ธิดาสามคน ได้แก่
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรกานตมณี (24 กันยายน พ.ศ. 2455 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2520) เสกสมรสกับหม่อมเจ้าอรชุนชิษณุ สวัสดิวัตน์ (15 มกราคม พ.ศ. 2454 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2512) มีพระโอรส-ธิดาสามคน ได้แก่
    • หม่อมราชวงศ์ศศิพันธ์ สวัสดิวัตน์
    • หม่อมราชวงศ์เดือนเด่น กิติยากร สมรสกับหม่อมราชวงศ์สฤษดิคุณ กิติยากร มีบุตร-ธิดาสามคน ได้แก่
      • หม่อมหลวงชาครีย์ กิติยากร
      • หม่อมหลวงทยา กิติยากร
      • หม่อมหลวงรมย์ กิติยากร
    • หม่อมราชวงศ์ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ (25 กันยายน พ.ศ. 2490) สมรสกับหม่อมราชวงศ์พร้อมฉัตร สวัสดิวัตน์ (ราชสกุลเดิม วุฒิชัย) มีธิดาสองคน ได้อก่
      • หม่อมหลวงศศิภา สวัสดิวัตน์
      • หม่อมหลวงจันทราภา สวัสดิวัตน์
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าน้อง (12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2462 - 4 ธันวาคม พ.ศ. 2462)
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปรียชาติสุขุมพันธุ์ (4 มิถุนายน พ.ศ. 2463 - 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2465)
ไฟล์:หม่อมสมพันธ์ บริพัตร.jpg
หม่อมสมพันธุ์ และพระโอรส-ธิดา

พระโอรส-ธิดา ที่ประสูติแต่หม่อมสมพันธุ์ แรกประสูติเป็นหม่อมเจ้า ได้รับการสถาปนายกขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทุกพระองค์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว[16] ได้แก่

  • อินทุรัตนา บริพัตร (พระยศเดิม พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า; 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2465) เสกสมรสกับสมหวัง สารสาส (13 ตุลาคม พ.ศ. 2454 - 1 มกราคม พ.ศ. 2540; ภายหลังได้หย่ากัน) มีพระโอรส-ธิดาสามคน ได้แก่
    • ธรณินทร์ สารสาส (20 กันยายน พ.ศ. 2496) สมรสกับสุนิตรา สารสาส (สกุลเดิม เรืองสมวงศ์)
    • สินนภา สารสาส (14 พฤษภาคม พ.ศ. 2499) สมรสกับ อนันต์ ตาราไต (ภายหลังได้หย่ากัน)
    • สันติ สารสาส (ชื่อเดิม พญานินทร์; 10 สิงหาคม พ.ศ. 2507)
  • พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ (29 มิถุนายน พ.ศ. 2466 - 10 เมษายน พ.ศ. 2546) เสกสมรสกับหม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม ณ ถลาง; 14 ธันวาคม พ.ศ. 2467 – 5 กันยายน พ.ศ. 2558) มีพระโอรส-ธิดาสองคน ได้แก่
    • หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร (22 กันยายน พ.ศ. 2495) สมรสกับนุชวดี บำรุงตระกูล (ภายหลังได้หย่ากัน) และสมรสใหม่กับสาวิตรี บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม ภมรบุตร) มีบุตรสองคน ได้แก่
      • หม่อมหลวงพินิตพันธ์ บริพัตร สมรสกับมิยา บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม รีวงษ์)
      • หม่อมหลวงวราภินันท์ บริพัตร
    • หม่อมราชวงศ์วโรรส บริพัตร สมรสกับพัฒนาพร นิยมศิริ (ภายหลังได้หย่ากัน) และสมรสใหม่กับวรภาทิพย์ บริพัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม โตเจริญ) มีบุตร-ธิดาสามคน ได้แก่
      • หม่อมหลวงวรพินิต บริพัตร
      • หม่อมหลวงวรภานัน บริพัตร
      • หม่อมหลวงภูมิอาชว์ บริพัตร

การรับราชการ

ตราประจำราชสกุลบริพัตร

พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งหน้าที่ราชการสำคัญทั้งฝ่ายกลาโหมและมหาดไทยหลายรัชกาล ด้วยทรงเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าให้แก่กิจการที่ทรงรับภาระเป็นอย่างดียิ่งทั้งทางด้านการทหาร การปกครอง การสาธารณสุข การศึกษา ทรงวางรากฐานความเจริญของกองทัพเรือไทย กองทัพบก กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย

ตำแหน่งสำคัญ

  • เสนาธิการทหารบก (2446 - 24 กุมภาพันธ์ 2447)
  • ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ (25 กุมภาพันธ์ 2447 - 10 ธันวาคม 2453)
  • องคมนตรี (24 ตุลาคม 2453 - 26 พฤศจิกายน 2468)
  • เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ (11 ธันวาคม 2453 - 18 มิถุนายน 2463)
  • เสนาธิการทหารบก และผู้บัญชาการกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (19 มิถุนายน 2463 - 23 สิงหาคม 2469)
  • อุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดสยาม (12 กรกฎาคม 2463 - 24 มิถุนายน 2475)
  • อภิรัฐมนตรีสภา (28 พฤษภาคม 2468 - 24 มิถุนายน 2475)
  • เสนาบดีกระทรวงกลาโหม (24 สิงหาคม 2469 - 31 มกราคม 2471)
  • เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย (1 เมษายน 2471 - 24 มิถุนายน 2475)
  • อุปนายกสภาป้องกันพระราชอาณาจักร (7 เมษายน 2472 - 24 มิถุนายน 2475)
  • ประธานอภิรัฐมนตรีสภาและเสนาบดีสภา (23 กรกฎาคม 2472 - 24 มิถุนายน 2475)
  • ผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร (25 กรกฎาคม 2472 - 11 ตุลาคม 2472) (9 เมษายน 2473 - 8 พฤษภาคม 2473) (19 มีนาคม 2473 - 12 ตุลาคม 2474)

ผลงานดนตรี

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงซอได้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ต่อมาทรงต่อเพลงกับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ จนมีฝีพระหัตถ์ดีเยี่ยม และทรงต่อเพลงกับเจ้าเทพกัญญา บูรณพิมพ์ เป็นครั้งคราว

พระองค์ทรงเครื่องดนตรีไทยได้หลายชนิด เช่น ฆ้องวงใหญ่ ระนาด ซอ ทั้งยังทรงเปียโนได้ดีอีกด้วย เมื่อพระองค์เสด็จมาประทับที่วังบางขุนพรหม ทรงมีทั้งวงปี่พาทย์และวงเครื่องสายประจำวัง

วงปี่พาทย์นั้นเริ่มแรกทรงใช้วงดนตรีมหาดเล็กเรือนนอก ซึ่งเป็นของตระกูลนิลวงศ์จากอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ต่อมาทรงได้วงดนตรีของหลวงกัลยาณมิตตาวาส (ทับ พาทยโกศล) และจางวางทั่ว พาทยโกศล ซึ่งมีนักดนตรีและนักร้องที่มีชื่อเสียงประจำวง เช่น

  • นายทรัพย์ เซ็นพานิช - ระนาดเอก
  • จ่าเอกกมล มาลัยมาลย์ - ระนาดเอก
  • นายสาลี่ มาลัยมาลย์ - ระนาดเอก, ฆ้องวง
  • จ่าโทฉัตร สุนทรวาทิน - ระนาดทุ้ม
  • นายศิริ ชิดท้วม - ระนาดทุ้ม
  • นายช่อ สุนทรวาทิน - ฆ้องวงใหญ่
  • ร้อยเอก นพ ศรีเพชรดี - ฆ้องวงใหญ่
  • จ่าสิบเอก พังพอน แตงสืบพันธุ์ - ฆ้องวงเล็ก
  • นายละม้าย พาทยโกศล - เครื่องหนัง
  • จ่าสิบเอก ยรรยงค์ โปร่งน้ำใจ - เครื่องหนัง
  • นายเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล - ปี่ใน, ซอสามสาย
  • นางเจริญ พาทยโกศล - นักร้อง
  • จ่าเอก อิน อ๊อกกังวาล - นักร้อง
  • นางสาวสอาด อ๊อกกังวาล - นักร้อง
  • นางเทียม เซ็นพานิช - นักร้อง
  • คุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ - นักร้อง
  • นางสว่าง คงลายทอง - นักร้อง
ไฟล์:วงดนตรีทูลกระหม่อมบริพัตร.jpg
วงเครื่องสายทูลกระหม่อมบริพัตรฯ

ส่วนวงเครื่องสายนั้นเป็นวงที่ทรงบรรเลงร่วมกับพระราชธิดา พระประยุรญาติ และผู้ใกล้ชิด มีนายสังวาล กุลวัลกี เป็นผู้ฝึกสอน นักดนตรีและนักร้อง เช่น

ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระบาทสมเด็จปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นั้น วังบางขุนพรหมเป็นศูนย์กลางการประชันวงปี่พาทย์ การแสดงดนตรี และการละเล่นต่าง ๆ และเป็นที่เกิดของเพลงที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก ส่วนวงปี่พาทย์วังบางขุนพรหมนั้น ก็เป็นวงที่มีชื่อเสียงมาก และได้เข้าร่วมในการประชันวงที่วังบางขุนพรหมเมื่อ พ.ศ. 2466 ซึ่งได้รับการตัดสินให้ชนะเลิศ เป็นต้นตำรับการขับร้องที่สืบทอดมาแต่โบราณ

ทูลกระหม่อมบริพัตรฯ โปรดใช้เวลาว่างส่วนพระองค์ในการศึกษาวิชาดนตรี ทั้งด้านประสานเสียง และการประพันธ์เพลง จนทรงสามารถประพันธ์เพลง และทำหน้าที่เป็นวาทยากรได้อย่างคล่องแคล่ว เคยทรงเล่าประทานพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา พระธิดา ฟังว่า “…ถ้าพ่อเลือกได้ พ่อจะเรียนดนตรีและภาษา และจะทำงานด้านดนตรีอย่างเดียว แต่พ่อเลือกไม่ได้ เพราะพ่อบังเกิดมามียศตำแหน่ง ต้องทำงานให้ประเทศชาติ ทูลหม่อม (รัชกาลที่ 5) สั่งให้พ่อไปเรียนวิชาทหารเพื่อกลับมาปรับปรุงกองทัพไทย พ่อก็ไปเรียนวิชาทหาร บางครั้งพ่อเบื่อบางวิชาที่ต้องเรียนจนทนไม่ไหว ต้องเก็บพ็อกเก็ตมันนี่เอาแอบไปเรียนดนตรี แอบไปเรียนเพราะพวกผู้ใหญ่สมัยนั้นเห็นว่าวิชาดนตรีไม่เหมาะกับชายชาติทหาร เมื่อได้เรียนดนตรีที่พ่อรักก็สบายใจ เกิดความอดทนที่จะเรียนและทำงานที่พ่อเบื่อ…”

ทรงเริ่มแต่งเพลงสากลก่อนเพลงไทย เพลงชุดแรก ๆ มีเพลงวอลทซ์โนรี และเพลงจังหวะโปลก้า ชื่อเพลงมณฑาทอง เป็นต้น

ทรงนิพนธ์เพลงไทยประสานเสียงแบบเพลงสากล เช่น เพลงมหาฤกษ์ เพลงมหาชัย เพลงสรรเสริญเสือป่า เพลงสาครลั่น และทรงแยกเสียงประสานเพลงไทยสำหรับบรรเลงด้วยวงโยธวาฑิต ทำให้แตรวงบรรเลงเพลงไทยได้ไพเราะ มีหลักการประสานเสียงดียิ่งขึ้น ได้ทรงประดิษฐ์เพลงแตรวงไว้หลายเพลง เช่น โหมโรงสะบัดสะบิ้ง เพลงเขมรใหญ่ เถา เพลงแขกมัสหรี เถา เพลงแขกสี่เกลอ เถา

เพลงที่ทรงนิพนธ์ไว้ทั้งสำหรับวงโยธวาฑิตและปี่พาทย์ เช่น เพลงแขกมอญบางขุนพรหม เถา (พ.ศ. 2453) เพลงพม่าห้าท่อน เถา เพลงแขกสาย เถา (พ.ศ. 2471) เพลงพ่าห้าท่อน เถา เพลงพวงร้อย เถา

ทรงนิพนธ์เพลงเถาสำหรับปี่พาทย์ไว้เป็นจำนวนมาก เช่น เพลงเทวาประสิทธิ์ เถา (พ.ศ. 2471) เพลงอาถรรพ์ เถา (พ.ศ. 2471) เพลงสมิงทองเทศ เถา (พ.ศ. 2473) และภายหลังเมื่อเสด็จไปประทับที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซียแล้ว ยังได้ทรงนิพนธ์เพลงสำหรับวงปี่พาทย์ไม้แข็งขึ้นอีกหลายเพลง เช่น เพลงน้ำลอดใต้ทราย เถา (พ.ศ. 2480) เพลงนารายณ์แปลงรูป เถา (พ.ศ. 2480) และเพลงสุดถวิล เถา (พ.ศ. 2484)

ในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ทรงปรับปรุงวงดนตรีสากลของกองดุริยางค์ทหารเรือ จนสามารถบรรเลงเพลงประเภทซิมโฟนีได้ดีเป็นที่ยอมรับมาจนถึงปัจจุบัน

พระนิพนธ์

เพลงฝรั่ง

  • เพลงวอลทซ์ปลื้มจิตต์
  • เพลงวอลทซ์ประชุมพล
  • เพลงสุดเสนาะ
  • เพลงมณฑาทอง
  • เพลงวอลทซ์เมฆลา
  • เพลงมหาฤกษ์
  • เพลงสรรเสริญเสือป่า
  • เพลงวอลทซ์โนรี
  • เพลงสาครลั่น
  • เพลงโศรก
  • เพลงนางครวญ 3 ชั้น

เพลงไทยแท้

  • เพลงแขกมอญบางขุนพรหม
  • เพลงสุดสงวน 2 ชั้น
  • เพลงเขมรพวง 3 ชั้น
  • เพลงเขมรชมจันทร์
  • เพลงสารถี 3 ชั้น
  • เพลงสบัดสบิ้ง
  • เพลงทยอยนอก
  • เพลงทยอยเขมร
  • เพลงทยอยใน เถา
  • เพลงแขกเห่
  • เพลงถอนสมอ
  • เพลงแขกมัทรี
  • เพลงครอบจักรวาล เถา
  • เพลงบุหลันชกมวย 3 ชั้น
  • เพลงเขมรใหญ่ เถา
  • เพลงพม่า เถา
  • เพลงแขกสี่เกลอ เถา
  • เพลงแขกสาย เถา
  • เพลงบาทสกุณี
  • เพลงขับไม้
  • เพลงเขมรโพธิสัตว์ เถา

เพลงไทยเดิม ซึ่งเป็นทางและทำนองสำหรับใช้บรรเลงพิณพาทย์โดยตรง

  • เพลงแขกสาย เถา
  • เพลงอาถรรพ์ เถา
  • เพลงแขกสาหร่าย 3 ชั้น
  • เพลงสมิงทองมอญ เถา
  • เพลงอาเฮีย
  • เพลงสารถี 3 ชั้น

เพลงไทยเดิม ทรงพระนิพนธ์เมื่อเสด็จจากกรุงเทพฯ แล้วไปประทับอยู่ที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย

  • เพลงต้นแขกไทร 2 ชั้น
  • เพลงครวญหา เถา
  • เพลงกำสรวญสุรางค์
  • เพลงอักษรสำอางค์ และ เพลงสุรางค์จำเรียง
  • เพลงจีนลั่นถัน
  • เพลงจีนเข้าห้อง
  • เพลงน้ำลอดใต้ทราย เถา
  • เพลงขยะแขยง 3 ชั้น
  • เพลงจีนเก็บบุปผา เถา
  • เพลงดอกไม้ร่วง
  • เพลงเทวาประสิทธิ์ เถา
  • เพลงวิลันดาโอด
  • เพลงจิ้งจกทอ งเถา
  • เพลงตะนาว เถา
  • เพลงพวงร้อย เถา
  • เพลงถอนสมอ เถา
  • เพลงพระจันทรครึ่งซีก
ธรรมเนียมพระยศของ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
การทูลใต้ฝ่าพระบาท
การแทนตนข้าพระพุทธเจ้า
การขานรับพะยะค่ะ/เพคะ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

พระองค์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของตระกูลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้[17]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

พงศาวลี

พงศาวลีในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
16. (=24.) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
 
 
 
 
 
 
 
8. (=12.) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
17. (=25.) สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี
 
 
 
 
 
 
 
4. (=6.) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
18. (=26.) เจ้าขรัวเงิน
 
 
 
 
 
 
 
9. (=13.) สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
19. (=27.) สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์
 
 
 
 
 
 
 
2. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
20. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
 
 
 
 
 
 
10. สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
21. เจ้าจอมมารดาทรัพย์
 
 
 
 
 
 
 
5. สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
11. หม่อมน้อย ศิริวงศ์ ณ อยุธยา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
24. (=16.) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
 
 
 
 
 
 
 
12. (=8.) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
25. (=17.) สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี
 
 
 
 
 
 
 
6. (=4.) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
26. (=18.) เจ้าขรัวเงิน
 
 
 
 
 
 
 
13. (=9.) สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
27. (=19.) สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์
 
 
 
 
 
 
 
3. สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
28. เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค)
 
 
 
 
 
 
 
14. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
29. เจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล
 
 
 
 
 
 
 
7. เจ้าคุณจอมมารดาสำลี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
15. ขรัวยายคล้าย (หรือหม่อมคล้าย)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เชิงอรรถ


อ้างอิง

  1. ธำรงศักดิ์ อายุวัฒนะ. ราชสกุลจักรีวงศ์ และราชสกุลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2544. 490 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-222-648-2
  2. "ประกาศการรับพระสุพรรณบัตรเฉลิมพระนามพล" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 8 (43): 390–391. 24 มกราคม พ.ศ. 2434. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  3. "พระราชพิธีมงคลการโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 11 (41): 325–328. 6 มกราคม พ.ศ. 2437. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  4. "พระบรมราชโองการ ประกาศ เปลี่ยนพระนามกรม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 18 (35): 683–685. 1 ธันวาคม พ.ศ. 2444. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  5. http://freepages.genealogy.rootsweb.com/~royalty/thailand/i535.html
  6. "แจ้งความกรมยุทธนาธิการ เรื่อง ให้นายพลเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และนายพลตรี สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์วรพิจิต เป็นราชองครักษ์พิเศษ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 20 (35): 595. 29 พฤศจิกายน 2446. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  7. "พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 20 (48): 813. 28 กุมภาพันธ์ 2446. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  8. "พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลและตั้งองคมนตรี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 20 (52): 879–880. 27 มีนาคม 2446. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  9. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ คำนำพระนามพระบรมวงษานุวงษ์, เล่ม 27, ตอน ก, 30 ตุลาคม พ.ศ. 2453, หน้า 1
  10. ราชกิจจานุเบกษา, บัญชีพระนามและนามองคมนตรี ที่พระราชทานสัญญาบัตรแล้ว, เล่ม 27, ตอน 0 ง, 1 มกราคม ร.ศ. 129, หน้า 2,273-4
  11. "พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาพระอิสริยศเฉลิมพระอภิไธยและเลื่อนกรมพระราชวงศ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 42 (0 ก): 378–380. 21 มีนาคม 2468. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  12. 12.0 12.1 ชะตาชาติ, "2475" .สารคดีทางไทยพีบีเอส: 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
  13. สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. ราชสกุลวงศ์. พิมพ์ครั้งที่ 14, กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2554. 296 หน้า. หน้า 89-90. ISBN 978-974-417-594-6
  14. กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี, หม่อมราชวงศ์. สายพระโลหิตในพระพุทธเจ้าหลวง. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มดี, พ.ศ. 2551. 290 หน้า. ISBN 978-974-312-022-0
  15. พระบรมราชโองการ ประกาศ ยกพระวรวงษ์เธอ เป็นพระเจ้าวรวงษ์เธอ, เล่ม 27, ตอน ก, 8 มกราคม พ.ศ. 2453, หน้า 99
  16. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2470/A/253.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า], เล่ม 44, ตอน 0ก, 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470, หน้า253
  17. จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
  18. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (ชั้นสายสะพาย จำนวน ๔,๕๒๔ ราย)เล่ม ๑๑๓ ตอน ๒๒ ข ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ หน้า ๑
  19. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (ชั้นสายสะพาย จำนวน ๔,๕๒๔ ราย)เล่ม ๑๑๓ ตอน ๒๒ ข ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ หน้า ๑
  20. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชการที่ ๔, เล่ม ๒๑, ตอน ๓๒, ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๗, หน้า ๕๖๔
  21. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัจจุบันฝ่ายหน้า, เล่ม ๒๕, ตอน ๓๕, ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๑, หน้า ๑๐๑๒
  22. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๒๗, ตอน ๐ ง, ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๓, หน้า ๒๔๐๙
  23. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ง, ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๓๑๒๐
  24. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา, เล่ม ๓๘, ตอน ๐ ง, ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๔, หน้า ๒๖๐๖
  25. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา, เล่ม ๒๐, ตอน ๒๗, ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๖, หน้า ๔๔๕
  • จุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรส พระราชธิดา และพระราชนัดดา
  • ชีวิตในวังบางขุนพรหม, กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ถัดไป
สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข
เจ้าฟ้าฯกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
ผู้บัญชาการทหารเรือ
(ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ
24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2453
เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ
11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2463)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
เจ้าพระยาบดินทรเดชานุชิต
(แย้ม ณ นคร)
เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
(24 สิงหาคม พ.ศ. 2469 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2471)
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้าฯกรมหลวงลพบุรีราเมศวร์
เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
(1 เมษายน พ.ศ. 2471 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475)
พระยาจ่าแสนยบดีศรีบริบาล (ชิต สุนทรวร)
เจ้าพระยาบดินทรเดชานุชิต
(แย้ม ณ นคร)
ผู้บัญชาการทหารบก
(25 ตุลาคม พ.ศ. 2471 - 16 มิถุนายน พ.ศ. 2474)
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯกรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(9 เมษายน พ.ศ. 2475 - 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2475)
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์