พระบรมมหาราชวัง
| พระบรมมหาราชวัง | |
|---|---|
Grand Palace | |
พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม | |
![]() | |
| ชื่อเดิม | พระราชวังพระนคร |
| ชื่ออื่น | วังหลวง |
| ข้อมูลทั่วไป | |
| สถานะ | ทรัพย์สินส่วนพระองค์[1] |
| ประเภท | พระราชวัง |
| สถาปัตยกรรม | ไทย |
| ที่ตั้ง | แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร |
| เมือง | กรุงเทพมหานคร |
| ประเทศ | ประเทศไทย |
| เริ่มสร้าง | 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2325 |
| พิธีเปิด | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2325 |
| เจ้าของ | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
| ข้อมูลทางเทคนิค | |
| พื้นที่ | 152 ไร่ 2 งาน |
| เว็บไซต์ | |
| royalgrandpalace | |
| ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม |
| เป็นส่วนหนึ่งของ | โบราณสถานในเขตกรุงเทพมหานคร |
| เลขอ้างอิง | 0005574 |
พระบรมมหาราชวัง (อังกฤษ: Grand Palace) เป็นพระราชวังและศูนย์กลางการปกครองของประเทศไทย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวงใหม่ พระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรี และยังเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา นับเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
พระบรมมหาราชวังประกอบด้วยหมู่พระที่นั่ง อาคารและวังหลวงที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยอย่างงดงาม ประณีตบรรจง พร้อมทั้งมีวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ซึ่งเป็นพระอารามหลวงประจำพระบรมมหาราชวัง ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองไทย อาคารในพระบรมมหาราชวังมีการจัดวางอย่างเป็นระเบียบ โดยแยกพื้นที่ส่วนพระราชฐานชั้นในสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์
พระบรมมหาราชวังไม่ได้ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์โดยตรงในปัจจุบัน แต่ยังคงเป็นสถานที่สำคัญที่ใช้ประกอบพระราชพิธีและรับรองพระราชอาคันตุกะชั้นสูง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญซึ่งสะท้อนถึงความมีเอกลักษณ์และความงดงามทางสถาปัตยกรรม พร้อมทั้งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและศรัทธาของชาติไทย นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ชาวไทยและชาวโลกควรอนุรักษ์สืบไป[2]
ประวัติ
[แก้]
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมายังตำบลบางกอก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออก หรือฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังหลวงขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครองประเทศ และเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรี การก่อสร้างพระราชวังหลวงเริ่มขึ้นพร้อมกับการสร้างพระนครเมื่อ พ.ศ. 2325 โดยสร้างขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นที่อยู่ของพระยาราชาเศรษฐีและชาวจีนทั้งหลาย ดังนั้น พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปอยู่สถานที่แห่งใหม่ตั้งแต่คลองใต้วัดสามปลื้มจนถึงคลองเหนือวัดสามเพ็ง หรือบริเวณย่านสำเพ็งในปัจจุบัน เริ่มดำเนินการในวันที่ 22 เมษายน หลังพระราชพิธียกเสาหลักเมือง 1 วัน และเริ่มก่อสร้างพระที่นั่งภายในพระราชวังหลวงในวันที่ 6 พฤษภาคม[3] ก่อนจะมีการเฉลิมพระราชมณเฑียรในวันที่ 13 มิถุนายน แต่ขณะนั้นพระราชมนเฑียรสร้างด้วยเครื่องไม้และสร้างเสาระเนียดรายรอบพระราชวัง เพื่อประกอบพระราชพิธีปราบดาภิเษก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2326 พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชมนเฑียรพระมหาปราสาทเปลี่ยนเสาระเนียดจากเครื่องไม้เป็นก่อกำแพงอิฐ สร้างประตูรายรอบพระบรมมหาราชวัง ตลอดจนสร้างพระอารามในพระราชวังหลวงคือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เมื่อสร้างพระราชนิเวศน์มนเฑียรเป็นการถาวรแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2328 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเต็มตามแบบแผนราชประเพณีอีกครั้งหนึ่ง ตามด้วยพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครั้งแรก
พระบรมมหาราชวังได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมขยายอาณาเขตและบูรณปฏิสังขรณ์มาในทุกรัชกาล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระราชอนุชา ขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงบัญญัติให้เรียกพระราชวังหลวงว่า "พระบรมมหาราชวัง" นั่นคือ ทรงบัญญัติให้ใช้คำว่า "บรม" สำหรับฝ่ายวังหลวง และ “บวร” สำหรับฝ่ายวังหน้า พระราชวังบวรสถานมงคลหรือวังหน้าจึงเรียกว่า "พระบวรราชวัง" เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว พระราชวังหลวงก็ยังคงใช้ว่า "พระบรมมหาราชวัง" มาจนกระทั่งปัจจุบัน
ปัจจุบันพระบรมมหาราชวังมิได้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีแล้ว เนื่องจากมีสิ่งปลูกสร้างอยู่อย่างแออัด ทำให้ขวางทางลมในฤดูร้อน ที่ประทับในพระบรมมหาราชวังจึงร้อนจัด ทำให้พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงพระประชวรกันอยู่เสมอ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายที่ประทับถาวรไปอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือระหว่างคลองผดุงกรุงเกษมกับคลองสามเสน คือพระราชวังดุสิต[4] และเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีมาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เครื่องบินจากฝ่ายสัมพันธมิตรเข้าทิ้งระเบิดโจมตีสถานที่อันเป็นจุดยุทธศาสตร์ รวมถึงพระบรมมหาราชวัง โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2487[5] มีลูกระเบิดมาตกในเขตพระบรมมหาราชวังข้าง ๆ พระพุทธรัตนสถาน ทำให้โครงสร้างหลังคาได้รับความเสียหาย[6]
ที่ตั้งและอาณาเขต
[แก้]
ปัจจุบันพระบรมมหาราชวังตั้งอยู่ในแขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร มีอาณาเขตติดต่อกับสถานที่สำคัญเรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ และท้องสนามหลวง
- ทิศตะวันออก ติดกับศาลฎีกาและกระทรวงกลาโหม
- ทิศใต้ ติดกับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
- ทิศตะวันตก ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
พื้นที่ของพระบรมมหาราชวังในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเมื่อแรกสร้าง มีเนื้อที่ทั้งหมด 132 ไร่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขยายเขตพื้นที่ออกไปเป็น 152 ไร่ 2 งาน จนถึงปัจจุบัน แผนผังของพระบรมมหาราชวังได้ยึดถือแบบของพระราชวังหลวงสมัยกรุงศรีอยุธยา คือสร้างติดกับแม่น้ำ หันหน้าไปทางทิศเหนือ โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ทางทิศตะวันตก ให้กำแพงเมืองด้านข้างแม่น้ำเป็นกำแพงพระบรมมหาราชวังชั้นนอก และมีวัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นพระอารามหลวงในพระราชวังตามแบบวัดพระศรีสรรเพชญ์ของกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก
เขตพระราชฐาน
[แก้]พระบรมมหาราชวังสามารถแบ่งพื้นที่ออกเป็นบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดารามและเขตพระราชฐานอันเป็นพื้นที่สำหรับเป็นที่ประทับและบริหารราชการแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ โดยเขตพระราชฐานสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่[7]
เขตพระราชฐานชั้นหน้า
[แก้]เขตพระราชฐานชั้นหน้า นับตั้งแต่ประตูวิเศษไชยศรีถึงประตูพิมานไชยศรี (ไม่นับรวมบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม) รวมทั้ง บริเวณรอบนอกกำแพงชั้นในของพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ตั้งของหน่วยราชการต่าง ๆ และที่ทำการของทหารรักษาพระราชวัง เช่น สำนักพระราชวัง กรมราชเลขานุการในพระองค์ เป็นต้น
เขตพระราชฐานชั้นกลาง เป็นที่ประดิษฐานของ พระที่นั่งบุษบกมาลามหาจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท
เขตพระราชฐานชั้นกลาง นับตั้งแต่ประตูพิมานไชยศรีถึงประตูสนามราชกิจ เป็นที่ตั้งของปราสาทราชมณเฑียรทั้งสถาปัตยกรรมไทยและตะวันตก ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญ ๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีฉัตรมงคล ประกอบไปด้วย
พระมหามณเฑียร เป็นหมู่พระที่นั่งที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อทรงใช้เป็นที่ประทับและเป็นพระราชพิธีมณฑลในพระราชพิธีปราบดาภิเษก ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลางและชั้นใน ปัจจุบัน ใช้เป็นพระราชพิธีมณฑลสำหรับประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและพระราชพิธีสำคัญอื่น ๆ ในพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรีสืบเนื่องกันมา โดยพระที่นั่งที่สำคัญของพระมหามณเฑียร ได้แก่ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่งไพศาลทักษิณ และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
หมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการและเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลางและชั้นใน เดิมประกอบด้วยหมู่พระที่นั่ง 11 องค์ ปัจจุบัน พระที่นั่งในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอยู่ในสภาพที่ชำรุดจนเกินกว่าการบูรณะได้จึงมีการรื้อพระที่นั่งลงหลายองค์ อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่บนสถานที่เดิม พระที่นั่งที่สำคัญของหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ได้แก่ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ และพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร
หมู่พระมหาปราสาท เป็นหมู่พระที่นั่งที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญและเป็นพระราชมณเฑียรที่ประทับ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลางและชั้นใน ปัจจุบัน หมู่พระมหาปราสาทใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญ อาทิ พระราชพิธีฉัตรมงคล รวมทั้ง เป็นสถานที่สำหรับสรงน้ำพระบรมศพและประดิษฐานพระบรมศพของของพระบรมราชวงศ์ชั้นสูง พระที่นั่งที่สำคัญ ได้แก่ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งพิมานรัตยา พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท และพระที่นั่งราชกรัณยสภา
สวนศิวาลัย เป็นสวนภายในพระบรมมหาราชวัง ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของพระอภิเนาว์นิเวศน์อันเป็นพระราชมณเฑียรที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตราบจนเสด็จสวรรคต แต่พระราชมณเฑียรดังกล่าวเกิดการชำรุดทรุดโทรมจนยากต่อการบูรณะซ่อมแซม ดังนั้น จึงจำต้องรื้อถอนไปเกือบหมดสิ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบัน สวนศิวาลัยและบริเวณใกล้เคียงมีพระที่นั่งที่สำคัญตั้งอยู่ ได้แก่ พระพุทธรัตนสถาน พระที่นั่งมหิศรปราสาท พระที่นั่งบรมพิมาน และพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท
เขตพระราชฐานชั้นใน
[แก้]เขตพระราชฐานชั้นใน นับตั้งแต่ประตูสนามราชกิจจนถึงแถวเต๊งทางทิศใต้ เป็นเขตสำหรับผู้หญิงล้วน ผู้ชายที่อายุ 13 ปีขึ้นไปห้ามเข้า (ยกเว้นพระมหากษัตริย์) หากจะเข้าก็ต้องมีโขลนกำกับดูแล (โขลน คือ ตำรวจหญิงที่คอยกำกับดูแล ความเรียบร้อยในเขตพระราชฐานชั้นใน) เป็นที่ตั้งของพระตำหนัก ตำหนัก เรือน ของพระมเหสี พระราชเทวี พระชายา พระราชธิดา เจ้าจอมมารดา เจ้าจอม ข้าราชบริพารและข้าราชการฝ่ายใน
การใช้งาน
[แก้]พระบรมมหาราชวังได้ใช้เป็นที่ประทับและศูนย์กลางการปกครองของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มาตลอด จนถึงกลางรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประทับเพียงครั้งคราว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ได้เสด็จประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง กระทั่งเสด็จสวรรคต หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบัน มิได้มีพระมหากษัตริย์เสด็จมาประทับในพระบรมมหาราชวังเป็นการถาวรอีก ปัจจุบันพระที่นั่งบรมพิมาน เป็นเขตพระราชฐานและที่ประทับส่วนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
ส่วนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาประทับบ้างเป็นครั้งคราว เช่น เวลาซ่อมพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน หรือเวลามีการพระราชพิธี เป็นต้น พระบรมมหาราชวังใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ ตามพระราชประเพณี, เป็นที่รับแขกเมือง และพระราชอาคันตุกะ รวมทั้งเป็นที่ตั้งพระบรมศพและพระศพของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ส่วนบริเวณเขตพระราชฐานชั้นนอกได้ใช้เป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ เช่น สำนักพระราชวัง, สำนักราชเลขาธิการ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา และเขตพระราชฐานชั้นในก็มิได้เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้านายฝ่ายในอีกต่อไป แต่ยังคงเป็นที่ทำการและที่พำนักของข้าราชการสำนักพระราชวังในฝ่ายพระราชฐานชั้นในบางส่วน ซึ่งล้วนเป็นสตรีทั้งสิ้น
แผนที่
[แก้]ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "พระราชบัญญัติ จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ๒๕๖๑" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 2 November 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-11-23. สืบค้นเมื่อ 26 September 2021.
- ↑ Global Market Information Database, Tourist Attractions - World, 10 Apr 2008
- ↑ หงส์วิวัฒน์ 2003, p. 7
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความเรื่องสวนดุสิต, เล่ม 15, ตอน 50, 12 มีนาคม พ.ศ. 2441, หน้า 543
- ↑ วัลลี นวลหอม. "พัฒนาการของบางกอกฝั่งตะวันตก พ.ศ. 2398 - 2488" (PDF). มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 165.
- ↑ "ภาพหายาก ระเบิดลงในพระบรมมหาราชวัง สมัยสงครามโลกครั้งที่2".
- ↑ กาญจนา นาคสกุล, เขตพระราชฐานในพระบรมมหาราชวัง[ลิงก์เสีย], เข้าถึงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554
บรรณานุกรม
[แก้]- หงษ์วิวัฒน์, นิดดา (2003). วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง. กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย: แสงแดดเพื่อนเด็ก. ISBN 974-90560-2-7.
{{cite book}}:|ref=harvไม่ถูกต้อง (help)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ของพระบรมมหาราชวัง
- ภาพถ่ายทางอากาศของ พระบรมมหาราชวัง
- ภาพพาโนรามา 360 องศาของ พระบรมมหาราชวัง
- รายชื่อเว็บไซต์พระราชวังต่าง ๆ ในความดูแลของสำนักพระราชวัง
- ชมพระบรมมหาราชวังแบบเสมือนจริง
- ระเบียบส่วนราชการในพระองค์ ว่าด้วยการเข้าชม การถ่ายภาพยนตร์ วีดิทัศน์ และภาพนิ่งในพระบรมมหาราชวัง พ.ศ. 2563 เก็บถาวร 2022-08-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
13°45′N 100°30′E / 13.750°N 100.500°E
