สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช |
|
---|---|
![]() |
|
|
|
พระอิสริยยศ | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น 4 |
ฐานันดรศักดิ์ | เจ้าฟ้าชั้นพิเศษ |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์จักรี |
ข้อมูลส่วนพระองค์ | |
ประสูติ | 11 มกราคม พ.ศ. 2402 พระบรมมหาราชวัง, กรุงเทพมหานคร, ไทย |
ทิวงคต | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 (69 ปี) วังบูรพาภิรมย์, กรุงเทพมหานคร, ไทย |
พระบิดา | พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
พระมารดา | สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี |
หม่อม | หม่อมเลี่ยม ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมสุ่น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมลับ ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมเยี่ยม ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมย้อย ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา |
พระบุตร | 14 พระองค์ |
จอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (11 มกราคม พ.ศ. 2402 - 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2402 เป็นพระราชโอรสลำดับสุดท้ายในพระบรมราชชนนี เมื่อพระบรมราชชนนีสวรรคตสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระชันษาเพียง 2 ปี
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ชาววังมักเอ่ยพระนามอย่างลำลองว่า "สมเด็จพระราชปิตุลาฯ" ส่วนชาวบ้านมักออกพระนามว่า "สมเด็จวังบูรพา" เพราะทรงมีวังชื่อว่า "วังบูรพาภิรมย์" ซึ่งก็คือตำแหน่งที่เป็นย่านวังบูรพาในปัจจุบัน และทรงเป็น "ตา" ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ตามพระประวัตินั้น ทรงเป็นจอมพลในรัชกาลที่ 7 ที่ทหารรักมาก เล่ากันมาว่าพวกทหารมักจะแบกพระองค์ท่านขึ้นบนบ่าแห่แหนในวาระที่มีการฉลองต่างๆ เช่น ฉลองคล้ายวันประสูติ เป็นต้น
ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดกิจการไปรษณีย์ไทย
ครั้งถึงร.7 ในพิธีบรมราชาภิเศก ทรงโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระปิตุลา(อา)แท้ๆที่เหลืออยู่พระองค์เดียวนี้เป็นสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ศักดินา 100,000 เป็นพิเศษ เทียบเท่า ศักดินา ตำแหน่ง พระบรมโอรสาธิราช , พระบรมราชินี , พระบรมราชเทวี ท่านจึงทรงเป็นผู้มีบุญพิเศษ ที่เป็นเจ้าฟ้าชั้นโทจากแรกประสูติ แล้วได้เฉลิมพระเกิยรติยศขึ้นเป็นเจ้าฟ้าชั้นพิเศษที่มีศักดินาสูงเช่นนี้ เมื่อสิ้นพระชนม์ จึงใช้คำว่า "ทิวงคต" ท่านได้เสด็จทิวงคต เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 ทรงเป็นต้นราชสกุลภาณุพันธุ์
เนื้อหา
พระประวัติ[แก้]
เมื่อทรงพระเยาว์[แก้]
สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระองค์ประสูติเมื่อวันพุธ เดือนยี่ แรม 4 ค่ำ ปีมะแม เอกศก จุลศักราช 1221 ตรงกับวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2402 ณ พระตำหนักที่ประทับเดิมของสมเด็จพระศรีสุลาไลย ภายในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมชนกนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการสมโภชขึ้นเมื่อพระชนมพรรษาได้ 3 วัน และสมโภชเดือน ตามลำดับ ณ พระตำหนักที่ประสูติ
พระองค์มีพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีรวม 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์
เมื่อพระองค์มีพระชนมพรรษาได้ 2 ปี สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนีเสด็จสวรรคต และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จสวรรคต เมื่อพระองค์มีพระชนมพรรษาได้ 10 ปี พระองค์เป็นผู้โปรยข้าวตอกในกระบวนแห่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์เป็นผู้โยง
เมื่อพระชนมพรรษาได้ 12 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการแห่รับพระสุพรรณบัฏเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ และโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีโสกันต์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมื่อพระองค์มีพระชนมพรรษาได้ 13 ปี หลังจากนั้น พระองค์ผนวชเป็นสามเณร ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วเสด็จออกไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งเป็นพระตำหนักที่ประทับเดิมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งที่พระองค์ออกผนวช เมื่อครบพรรษาจึงลาผนวช
การศึกษา[แก้]
พระองค์ทรงเริ่มต้นการศึกษาเล่าเรียนในสำนักของครูผู้หญิงแล้วทรงเริ่มศึกษาด้วยพระองค์เองเรื่อยมา หลังจากนั้นจึงทรงเล่าเรียนหนังสือขอมและบาลีที่สำนักพระยาปริยัตติธรรมธาดา (เปี่ยม) เมื่อผนวชเป็นสามเณร พระองค์ทรงวิชาทางพุทธศาสตร์ในสำนักสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
หลังจากนั้น พระองค์ทรงศึกษาวิชาการทหารในสำนักกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตั้งแต่ พ.ศ. 2415 และทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษในสำนักของมิสเตอร์ เอฟ.ยี. แปตเตอร์ซัน ที่โรงเรียนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมประตูพิมานไชยศรีชั้นนอกภายในพระบรมมหาราชวัง และทรงเรียนวิชาภาษาไทยเพิ่มเติมจากสำนักพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) รวมทั้งศึกษาแบบอย่างราชการพระราชประเพณีในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์
การรับราชการ[แก้]
พระองค์ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ รับราชการทหารครั้งแรกในตำแหน่งนายทหารพิเศษแต่งเครื่องยศชั้นนายร้อยโท กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประพาสสิงคโปร์ (ครั้งที่ 2) และพม่าส่วนของอังกฤษตลอดประเทศอินเดีย รวมทั้งหัวเมืองขึ้นของกรุงสยามตามชายทะเลฝั่งตะวันตกของแหลมมลายู
พระกรณียกิจ[แก้]
หนังสือค๊อตข่าวราชการ[แก้]
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงประทับอยู่ ณ ตำหนักหอนิเพทพิทยาคม ริมประตูศรีสุนทร ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทรงศึกษาภาษาอังกฤษร่วมกับเจ้านายที่เป็นพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์อื่นๆ เมื่อยังทรงพระเยาว์ ต่อมาแม้การสอนภาษาอังกฤษที่นั่นจะยกเลิกไป แต่เจ้านายก็ยังเสด็จไปชุมนุมกันที่ตำหนักหอนิเพทพิทยาคม
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้ทรงชักชวนพระเจ้าน้องยาเธอบางพระองค์ ช่วยกันจดข่าวในพระราชสำนักแต่ละวันมาพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือพิมพ์ข่าวรายวัน เจ้านายที่ทรงร่วมจดข่าวในครั้งเริ่มแรกมี 6 พระองค์ คือ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ หนังสือข่าวเล่มแรกพิมพ์ออกเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2418 ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า "COURT" ซึ่งแปลว่า พระราชสำนัก ต่อมาใน พ.ศ. 2419 จึงใช้ชื่อภาษาไทยว่า ข่าวราชการ ในเวลาต่อมาจึงเรียกว่า หนังสือค๊อตข่าวราชการ
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงดำริให้มีคนเดินส่งหนังสือแก่ผู้รับหนังสือทุกๆ คน ทุกๆ เช้า โดยคิดเงินค่าสมาชิก และเมื่อคนส่งหนังสือไปส่งหนังสือที่บ้านสมาชิกผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะฝากจดหมายส่งถึงสมาชิกผู้หนึ่งผู้ใดก็ได้ โดยจะต้องซื้อแสตมป์ปิดจดหมายของตนที่จะฝากไปส่งและลงชื่อของตนเองทับแสตมป์แทนตราเพื่อให้เป็นแสตมป์ที่จะนำไปใช้อีกไม่ได้ แสตมป์นั้นทำเป็นพระรูปเหมือนอย่างที่พิมพ์ไว้ข้างหน้าหนังสือ COURT ขายดวงละอัฐและให้ซื้อได้จากโรงพิมพ์หนังสือข่าวราชการ ราคาค่าจ้างส่งจดหมายมีอัตราต่างกัน ถ้าอยู่ในคูพระนครชั้นใน ติดแสตมป์หนึ่งอัฐ ถ้านอกคูพระนครออกไป ผู้ส่งต้องติดแสตมป์ 2 อัฐ
กิจการไปรษณีย์[แก้]
การจัดส่ง หนังสือ COURT และ หนังสือข่าวราชการ ของคนส่งหนังสือที่ทำหน้าที่รับส่งจดหมายระหว่างสมาชิกด้วย นับเป็นจุดเริ่มของการมี บุรุษไปรษณีย์ และการใช้แสตมป์ติดบนจดหมายที่สมาชิกของหนังสือ COURT และหนังสือข่าวราชการส่งถึงกัน จึงเป็นจุดเริ่มของการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศไทย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้มีการไปรษณีย์และโทรเลขขึ้นในประเทศไทย ทรงเห็นว่าสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช มีพระทัยใส่ในเรื่องการไปรษณีย์ จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ตั้งกรมไปรษณีย์ และกรมโทรเลข ขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ทรงได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์ และกรมโทรเลข เป็นพระองค์แรกของประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 ทั้ง 2 กรมนี้ได้รวมเป็นกรมเดียวกัน มีชื่อใหม่ว่า กรมไปรษณีย์โทรเลข
พระโอรสและพระธิดา[แก้]
สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นต้นราชสกุลภาณุพันธุ์ ทรงเษกสมรสกับ หม่อมแม้น (สกุลเดิม: บุนนาค) ธิดาเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค)[1] ในปี พ.ศ. 2427 โดยรับการยกย่องให้เป็นสะใภ้หลวง และมีหม่อมอีก 6 ท่าน ได้แก่ [2] ได้แก่
- หม่อมเลี่ยม (สกุลเดิม: ศุภสุทธิ์) ธิดาหลวงศุภมาตรา (สอาด ศุภสุทธิ์)
- หม่อมสุ่น (สกุลเดิม: ปักษีวงศา)
- หม่อมลับ (สกุลเดิม: จาติกรัตน์) ธิดาพระมหาสงคราม (เอี่ยม จาติกรัตน์)
- หม่อมเล็ก (สกุลเดิม: ยงใจยุทธ) ธิดากองนาทองดำ ยงใจยุทธ
- หม่อมเยี่ยม (สกุลเดิม: ณ บางช้าง) ธิดาหลวงมหาดไทย (แสง ณ บางช้าง)
- หม่อมย้อย (สกุลเดิม: โกมารกุล ณ นคร) ธิดาพระยาศรีสรราชภักดี (หนูเล็ก โกมารกุล ณ นคร)
โดยมีพระโอรสธิดารวมทั้งหมด 16 พระองค์ เป็นชาย 9 พระองค์ และหญิง 7 พระองค์
พระรูป | พระนาม | หม่อมมารดา | ประสูติ | สิ้นพระชนม์/สิ้นชีพิตักษัย | คู่สมรส |
---|---|---|---|---|---|
1. หม่อมเจ้าทิพยสัมพันธ์ (พ.ศ. 2470 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทิพยสัมพันธ์) |
หม่อมเลี่ยม | 17 พฤษภาคม 2428 | 26 กรกฎาคม 2451 | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ | |
![]() |
2. หม่อมเจ้านิพันธ์ภาณุพงศ์ (พ.ศ. 2428: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านิพันธ์ภาณุพงศ์ พ.ศ. 2443: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านิพันธ์ภาณุพงศ์ พ.ศ. 2466: กรมหมื่นภาณุพงศ์พิริยเดช) |
ที่ 1 ในหม่อมแม้น | 7 กันยายน 2428 | 22 สิงหาคม 2477 | หม่อมแผ่ว หม่อมเจ้าวิไลกัญญา (เทวกุล) หม่อมอรุณศรี (สุขเจริญ) หม่อมมาลี (แสง-ชูโต) หม่อมพะเยา (นายนันท์) |
3. หม่อมเจ้าศิริวงศ์วัฒนเดช (พ.ศ. 2436: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริวงศ์วัฒนเดช พ.ศ. 2443: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริวงศ์วัฒนเดช) |
ที่ 2 ในหม่อมแม้น | 7 มีนาคม 2432 | 6 พฤษภาคม 2451 | ||
![]() |
4. หม่อมเจ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม) | 17 พฤศจิกายน 2434 | 1 ธันวาคม 2434 | ||
![]() |
5. หม่อมเจ้าเฉลิมเขตรมงคล (พ.ศ. 2436: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล พ.ศ. 2443: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล) |
ที่ 3 ในหม่อมแม้น | 10 มีนาคม 2435 | 23 มกราคม 2500 | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ |
6. หม่อมเจ้าสุริยนเยี่ยมพยับ (พ.ศ. 2470: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยนเยี่ยมพยับ) |
หม่อมสุ่น | 14 กันยายน 2437 | 19 กันยายน 2455 | ||
![]() |
7. หม่อมเจ้าพัลลัภดนัย (พ.ศ. 2470: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพัลลัภดนัย) |
หม่อมลับ | 16 กันยายน 2442 | 2 กรกฎาคม 2444 | |
![]() |
8. หม่อมเจ้าแดง (ชาย) | 23 เมษายน 2447 | ในวันประสูติ | ||
![]() |
9. หม่อมเจ้าไข่มุก | ที่ 1 ในหม่อมเล็ก | 24 เมษายน 2447 | 29 ธันวาคม 2447 | |
![]() |
10. หม่อมเจ้ารำไพประภา (พ.ศ. 2470: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา) |
ที่ 2 ในหม่อมเล็ก | 25 กรกฎาคม 2450 | 18 มิถุนายน 2522 | หม่อมเจ้าธานีเสิกสงัด ชุมพล |
![]() |
11. หม่อมเจ้าอาภัสสรวงศ์ (พ.ศ. 2470: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์) |
ที่ 3 ในหม่อมเล็ก | 20 มิถุนายน 2452 | 21 ตุลาคม 2525 | หม่อมมณี (บุนนาค) หม่อมอำไพ (แสงสุข) |
12. หม่อมเจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช (พ.ศ. 2470: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช) |
ที่ 4 ในหม่อมเล็ก | 15 กรกฎาคม 2457 | 24 ธันวาคม 2528 | หม่อมซีริล (เฮย์คอค) หม่อมชลิต้า (โฮวาร์ด) หม่อมสาลิกา (กะลันตานนท์) หม่อมอรุณี (จุลทะโกศล) หม่อมชวนชม (ไชยนันท์) |
|
![]() |
13. หม่อมเจ้านรเศรษฐสุริยลักษณ์ (พ.ศ. 2470: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านรเศรษฐสุริยลักษณ์) |
ที่ 5 ในหม่อมเล็ก | 9 ธันวาคม 2458 | 22 มีนาคม 2497 | |
![]() |
14. หม่อมเจ้าจิรศักดิ์สุประภาต (พ.ศ. 2470: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต) |
ที่ 6 ในหม่อมเล็ก | 4 กันยายน 2460 | 12 กันยายน 2485 | หม่อมมณี (บุนนาค) |
![]() |
15. หม่อมเจ้าเล็ก (หญิง) | ที่ 7 ในหม่อมเล็ก | 5 กันยายน 2461 | 11 กันยายน 2461 |
พระเกียรติยศ[แก้]
พระอิสริยยศ[แก้]
- พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ (13 มกราคม พ.ศ. 2402 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411)
- พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ (2 ตุลาคม พ.ศ. 2411 - 3 สิงหาคม พ.ศ. 2413)
- สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ดำรงราชอิศริยาธิบดีศรีวิสุทธ มหามงกุฎพงษวโรภยาภิชาติ ราชโสทรานุชาธิบดินทร์ ทิพยศิรินทรพิพัฒน์ สุขุมาลรัตนราชกุมาร กรมหมื่นภาณุพันธุวงศ์วรเดช (4 สิงหาคม พ.ศ. 2413 - 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2424)
- สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ดำรงราชอิศริยาธิบดีศรีวิสุทธ มหามงกุฎพงษวโรภยาภิชาติ ราชโสทรานุชาธิบดินทร์ ทิพยศิรินทรพิพัฒน์ สุขุมาลรัตนราชนรินทรานุชาธิบดี กรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช (20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2424 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428)
- สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช พิเศษขัติยศักดิ อรรคอุดมชาติ บรมนราธิราชโสทรานุชาธิบดี สุจริตจารีราชการัณย์ มหันตมหาอุสาหพิริยพหลดลประสิทธิ อเนกพิธคุณากร สุนทรธรรมพิทักษ์ อรรคมโหฬารอัธยาไศรย ศรีรัตนไตรยสรณธาดา อดุลยเดชานุภาพบพิตร (22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428 - 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453)[3]
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช (24 ตุลาคม พ.ศ. 2453 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454)
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พิเศษขัตติยศักดิ์อัครอุดมชาติ ปรมินทรมหาราชโสทรานุชาธิเบนทร์ ปรเมนทรมหาวชิราวุธราชปิตุลา มหันตมหาอุสาห พิริยพหลดลประสิทธิ สุจริตจารีราชการัณย์ สุรพลขันธ์คณาภรณ์ สุนทรธรรมพิทักษ์ อัครมโหฬารัธยาศัย ศรีรัตนตรัยสรณธาดา อดุลยเดชานุภาพพิลาศ ธรรมิกนาถบพิตร (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 - 14 มีนาคม พ.ศ. 2468) [4]
- สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (15 มีนาคม พ.ศ. 2468 - 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471) [5] ศักดินา 100,000
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย[แก้]
- พ.ศ. 2425 :
เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ประดับเพชร, พ.ศ. 2463)
- พ.ศ. 2412 :
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์
- พ.ศ. 2443 :
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ (ดาราประดับเพชร, พ.ศ. 2452)
- พ.ศ. 2455 :
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์
- พ.ศ. 2461 :
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 1 (เสนางคะบดี)
- พ.ศ. 2456 :
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
- พ.ศ. 2463 :
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ
- พ.ศ. 2447 :
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ชั้นที่ 2 (ม.ป.ร.2)[6]
- พ.ศ. 2444 :
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 1 (จ.ป.ร.1)
- พ.ศ. 2453 :
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1)[7]
- พ.ศ. 2469 :
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1 (ป.ป.ร.1)[8]
- พ.ศ. 2436 :
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการในพระองค์ และ เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน[9]
- พ.ศ. 2436 :
เหรียญจักรมาลา
- พ.ศ. 2441 :
เหรียญจักรพรรดิมาลา
- พ.ศ. 2444 :
เหรียญบุษปมาลา
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]
ประเทศ | ปีที่ได้รับ | เครื่องอิสริยาภรณ์ | แพรแถบ | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|
![]() |
พ.ศ. 2416 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎเหล็ก ชั้นที่ 1 | ![]() |
|
![]() |
พ.ศ. 2422 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์อิสะเบลลา คาโตลิกา ชั้นที่ 1 | ![]() |
|
![]() |
พ.ศ. 2424 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 1 | ![]() |
[10] |
![]() |
พ.ศ. 2433 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัย ชั้นที่ 1 พร้อมดาราดอกไม้โปโลเนีย | ![]() |
[11] |
![]() |
พ.ศ. 2434 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์นกอินทรีขาว ชั้นที่ 1 | ![]() |
[12] |
![]() |
พ.ศ. 2434 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดอกพอโลเนีย ชั้นที่ 1 | ![]() |
|
![]() |
พ.ศ. 2438 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์มอรีสแอนด์ลัสรัส ชั้นที่ 1 | ![]() |
[13] |
![]() |
พ.ศ. 2439 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์นกอินทรีแดง ชั้นที่ 1 | ![]() |
[14] |
![]() |
พ.ศ. 2464 | เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์, ชั้นที่ 1 | ![]() |
ราชตระกูล[แก้]
พงศาวลีของสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ชมรมสายสกุลบุนนาค
- ↑ หม่อมราชวงศ์มาลินี จักรพันธุ์. ต้นกำเนิดที่เกิดเหตุ... เจ้าชายดาราทอง. กรุงเทพฯ : มติชน, 2546. 376 หน้า. ISBN 974-322-980-9
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศเลื่อนกรม, เล่ม ๑, ตอน ๕๘, ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๗, หน้า ๕๐๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศเลื่อนแลกรมแลเจ้าพระยา, เล่ม 28, 11 พฤศจิกายน ร.ศ.130, หน้า 1719-1721
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสถาปนาพระอิสริยยศเฉลิมพระอภิธัยและเลื่อนกรมพระราชวงศ์, เล่ม 42, 21 มีนาคม พ.ศ. 2468, หน้า 376-377
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชการที่ ๔, เล่ม ๒๑, ตอน ๓๒, ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๗, หน้า ๕๖๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๒๗, ตอน ๐ ง, ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๓, หน้า ๒๔๐๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ง, ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๓๑๒๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐, ตอน ๓๗, ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๑๘๙๓, หน้า ?๔๐๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๒, ตอน ๓๖, ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘, หน้า ๓๒๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗, ตอน ๓๖, ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๓, หน้า ๓๑๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์รุสเซีย, เล่ม ๘, ตอน ๔๖, ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๑๘๙๑, หน้า ๔๑๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๒, ตอน ๓๖, ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘, หน้า ๓๒๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๓, ตอน ๓๗, ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๙,หน้า ๔๕๑
หนังสือ[แก้]
- Jeffy Finestone, สมุดพระรูปพระราชโอรส พระราชธิดาและพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) (แปลโดยชาคริต ชุ่มวัฒนะ), โลมาโฮลดิ้ง, พ.ศ. 2543
- จุดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่ม 1, พ.ศ. 2536
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
|
|
|
|
|
|
|
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2402
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2471
- เจ้าฟ้า
- กรมพระยา
- พระราชโอรสในรัชกาลที่ 4
- ราชสกุลภาณุพันธุ์
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย
- ทหารบกชาวไทย
- จอมพล
- ผู้บัญชาการทหารเรือไทย
- ผู้บัญชาการทหารบกของกองทัพไทย
- ทหารเรือชาวไทย
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.จ.ก. (ฝ่ายหน้า)
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ น.ร.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ.ว.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ร.ว.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส.ร.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
- สมาชิกเหรียญ ร.ด.ม.(พ)
- สมาชิกเหรียญ ร.ด.ม.(ผ)
- สมาชิกเหรียญจักรมาลา
- สมาชิกเหรียญจักรพรรดิมาลา
- สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ ม.ป.ร.2
- สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ จ.ป.ร.1
- สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ ว.ป.ร.1
- สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ ป.ป.ร.1
- ผู้ได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์
- นักหนังสือพิมพ์ชาวไทย
- บรรณาธิการหนังสือพิมพ์
- ชาวไทยเชื้อสายมอญ
- ชาวไทยเชื้อสายเปอร์เซีย
- ชาวไทยเชื้อสายจีน
- สมาชิกกองเสือป่า