สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น 4
เจ้าฟ้าชั้นโท
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ดำรงตำแหน่ง12 มกราคม พ.ศ. 2477[1][2] - 2 มีนาคม พ.ศ. 2478[2]
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
นายกรัฐมนตรีพระยาพหลพลพยุหเสนา
เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ
ดำรงตำแหน่ง
21 มีนาคม พ.ศ. 2435 – 23 ธันวาคม พ.ศ. 2437
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระจักรพรรดิพงษ์
ถัดไปพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศิริธัชสังกาศ
เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ
ดำรงตำแหน่ง
1 เมษายน พ.ศ. 2435 – 20 มีนาคม พ.ศ. 2436
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าสถาปนากระทรวง
ถัดไปพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์
ดำรงตำแหน่ง
2 กันยายน พ.ศ. 2444 – 12 มิถุนายน พ.ศ. 2450
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์
ถัดไปพระยาสุริยานุวัตร
เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
ดำรงตำแหน่ง
พ.ศ. 2437 – 2 กันยายน พ.ศ. 2442
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าเจ้าพระยาพลเทพ (ในฐานะ สมุหพระกลาโหม)
ถัดไปพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม
เสนาบดีกระทรวงวัง
ดำรงตำแหน่ง
13 มิถุนายน พ.ศ. 2448 – กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2452
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา
ถัดไปพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสรรพสิทธิประสงค์
อภิรัฐมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 – 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2475
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
องคมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
30 พฤษภาคม พ.ศ. 2430 – พ.ศ. 2435
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้บัญชาการกรมยุทธยาธิการ
ดำรงตำแหน่ง
มีนาคม พ.ศ. 2439 – เมษายน พ.ศ. 2442
เสนาบดีพระองค์เอง
ก่อนหน้าสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช
ถัดไปสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช
ประสูติ28 เมษายน พ.ศ. 2406
จังหวัดพระนคร ประเทศสยาม (ปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย)
สิ้นพระชนม์10 มีนาคม พ.ศ. 2490 (83 ปี)
วังคลองเตยจังหวัดพระนคร ประเทศไทย (ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ตำหนักปลายเนิน กรุงเทพมหานคร)
พระราชทานเพลิง19 เมษายน พ.ศ. 2493
พระเมรุ ท้องสนามหลวง
หม่อมหม่อมราชวงศ์ปลื้ม ศิริวงศ์
มาลัย เศวตามร์
หม่อมราชวงศ์โต งอนรถ
พระนามเต็ม
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ มหามกุฏพงศนฤบดินทร์ ปรมินทรานุชาธิเบนทร์ อัฐเมนทรราชอัยยกา สวามิภักดิ์สยามวิชิต สรรพศิลปสิทธิวิทยาธร สุรจิตรกรศุภโกศล ประพนธปรีชาชาญโบราณคดี สังคีตวาทิตวิธีวิจารณ์ มโหฬารสีตลัธยาศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณานุวัตน์ ขัตติยเดชานุภาพบพิตร
พระนามเดิม
พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ
พระบุตร9 องค์
ราชวงศ์จักรี
ราชสกุลจิตรพงศ์
พระบิดาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระมารดาพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย
ศาสนาเถรวาท
อาชีพทหาร นักการเมือง ศิลปิน นักวิชาการ
ลายพระอภิไธย
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้สยาม
แผนก/สังกัดกองทัพสยาม
ชั้นยศ พลเอก
บังคับบัญชารั้งตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ
ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ

พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (28 เมษายน พ.ศ. 2406 – 10 มีนาคม พ.ศ. 2490) เป็นพระราชวงศ์สยาม รัฐมนตรี นายพล และนักปราชญ์ เป็นพหูสูต พระองค์กลายเป็น "นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม"[3]

พระประวัติ[แก้]

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 63 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ประสูติเมื่อวันอังคารเดือน 6 ขึ้น 11 ค่ำ ปีกุน เบญจศก จ.ศ. 1225 ตรงกับวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2406 แรกประสูติมีสกุลยศเป็นพระองค์เจ้า และได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระบรมชนกนาถโดยมีพระราชหัตถเลขา ดังนี้[4]

"สมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยามผู้พระบิดา ขอตั้งนามบุตรชายที่ประสูติจากหญิงแฉ่พรรณรายผู้มารดา ในวันอังคาร เดือน 6 ขึ้น 11 ค่ำ ปีกุนเบญจศกนั้นว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ สิงหนาม ขอจงมีความเจริญชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ ศุภสารสมบัติ สุวรรณหิรัญรัตนยศบริวารศฤงคารศักดานุภาพ ตระบะเดชพิเศษคุณสุนทรศรีสวัสดิ พิพัฒนมงคลพิบุลยผลทุกประการ เทอญ"

เมื่อครั้งที่สมเด็จพระบรมชนกนาถสวรรคต พระองค์มีพระชันษาเพียง 5 ปี แต่ทรงจำถึงตอนหนึ่งว่า "สมเด็จพระราชบิดาทรงประทับนั่งที่เก้าอี้ที่หมุนได้ ทรงฉลองพระองค์สีแดงสด"

ตราประจำพระองค์ของ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

ในปี พ.ศ. 2428 ได้รับการสถาปนาจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนนริศรานุวัติวงษ[5] นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีพระราชดำริว่า หม่อมเจ้าพรรณราย พระมารดาในพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนนริศรานุวัติวงษนั้น นับเป็นพระเจ้าหลานเธอในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระขนิษฐาร่วมพระชนกในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี (สมเด็จพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ดังนั้น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนนริศรานุวัติวงษจึงมีพระอัยการ่วมกับพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการสถาปนา พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนนริศรานุวัติวงษ ขึ้นเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัติวงษ พร้อมกันนี้ทรงสถาปนาพระเชษฐภคินีในพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนนริศรานุวัติวงษ ขึ้นเป็น พระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนขัตติยกัลยา ด้วย[6]

นอกจากนี้พระองค์ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นองคมนตรี[7][8] เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2430

หลังจากที่ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ[9] เสนาบดีกระทรวงพระคลัง เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ผู้บัญชาการทหารเรือ จนกระทั่งได้รับพระราชทานพระยศเป็น พลโท เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำริเห็นควรที่จะสถาปนาให้ดำรงพระอิสริยยศที่ "กรมหลวง" ได้ กอปรกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ ซึ่งเป็นพระโสทรานุชา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงสถาปนาพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัติวงษขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัตติวงษ์ เมื่อ ปี พ.ศ. 2448[10]

เมื่อ พ.ศ. 2452 พระองค์ประชวรด้วยโรคพระหทัยโตขณะที่ยังทรงรับราชการในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวังจึงได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตตามที่ทรงขอ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงแม้ด้วยพระโรคที่พระองค์เป็นอยู่นั้นไม่เอื้ออำนวยให้พระองค์ทรงสามารถรับราชการในตำแหน่งที่สำคัญ ๆ ได้ แต่พระองค์ก็ยังคงรับราชการส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงออกแบบงานต่าง ๆ ตามพระราชประสงค์ เช่น พระโกศพระบรมอัฐิและพระวิมานทองคำลงยาราชาวดีสำหรับประดิษฐานพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการเลื่อนกรมสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัตติวงษ์ขึ้นเป็นกรมพระ มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า[11] สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ มหามกุฏพงศ์นฤบดินทร ปรมินทรานุชาธิเบนทร์ ปรเมนทรราชปิตุลา สวามิภักดิ์สยามวิชิต สรรพศิลปสิทธิวิทยาธร สุรจิตรกรศุภโกศล ประพนธปรีชาชาญโบราณคดี สังคีตวาทิตวิธีวิจารณ์ มโหฬารสีตลัธยาศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณานุวัติ ขัตติยเดชานุภาพบพิตร

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นอภิรัฐมนตรี[12] ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ถึงวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2475[13]

วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2488 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลจึงมีพระบรมราชโองการให้เลื่อนเป็นกรมพระยา มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ มหามกุฎพงศนฤบดินทร์ ปรมินทรานุชาธิเบนทร์ อัฐเมนทรราชอัยยกา สวามิภักดิ์สยามวิชิต สรรพศิลปสิทธิวิทยาธร สุรจิตรกรศุภโกศล ประพนธปรีชาชาญโบราณคดี สังคีตวาทิตวิธิวิจารณ์ มโหฬารสีตลัธยาศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณานุวัตน์ ขัตติยเดชานุภาพบพิตร ทรงศักดินา 50000[14]

ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงใช้เวลาส่วนใหญ่กับงานศิลปะและวิทยาการจนพระกำลังพระปัญญาเสื่อมลงทุกที ด้วยทรงพระชราด้วยโรคภัยเบียดเบียน คือ โรคพระหทัยโต หลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคเส้นพระโลหิตแข็ง วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2490 จึงสิ้นพระชนม์โดยสงบ ขณะมีพระชันษาได้ 83 ปี นับเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีพระชันษาสูงที่สุด ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชโปรดเกล้าฯ ให้มีการไว้ทุกข์ในพระราชสำนักมีกำหนด 15 วัน[15] พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระโกศทองใหญ่ ประดับพุ่มเฟื่อง แทนพระโกศทองน้อยที่ทรงพระศพอยู่แต่เดิม เป็นการเพิ่มพระเกียรติยศขึ้นเป็นพิเศษ และได้มีการจัดพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2493 โดยใช้พระเมรุองค์เดียวกับพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร[16] และนับเป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีพระชนม์ชีพมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พระกรณียกิจ[แก้]

ด้านราชการ[แก้]

นายพลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

ทรงดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีหลายกระทรวง ประกอบไปด้วย กระทรวงโยธาธิการ[17][18] กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงวัง[19] ทั้งยังดำรงตำแหน่งองคมนตรีและรัฐมนตรีสภา[20] และสมาชิกสภาการคลัง[21]

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรีที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน อุปนายกราชบัณฑิตยสภา แผนกศิลปากร และพระองค์ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการพระราชวงศ์ มีหน้าที่สนองพระเดชพระคุณในพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระราชวงศ์พระองค์ใดที่มีกิจที่ไม่ต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาก็ให้ติดต่อกราบบังคมทูลต่อพระองค์แทน[22] นอกจากนี้ ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จยังต่างประเทศ พระองค์ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2476[23] จนกระทั่ง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ พระองค์จึงพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

ด้านศิลปกรรม[แก้]

งานสถาปัตยกรรมที่โปรดทำมากคือ แบบพระเมรุ โดยตรัสว่า "เป็นงานที่ทำขึ้นใช้ชั่วคราวแล้วรื้อทิ้งไป เป็นโอกาสได้ทดลองใช้ปัญญาความคิดแผลงได้เต็มที่ จะผิดพลาดไปบ้างก็ไม่สู้กระไร ระวังเพียงอย่างเดียวคือเรื่องทุนเท่านั้น"

ด้านสถาปัตยกรรม[แก้]

ไฟล์:วัดเบญเมื่อครั้งก่อสร้าง.jpg
พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เมื่อแรกสร้าง
อาคารเรียนโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร
  • การออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2442
  • การออกแบบก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร เริ่มก่อสร้างเมื่อ วันที่ 4 มิถุนายน รัตนโกสินทรศก 121 (พ.ศ. 2445) หรือ ร.ศ. 121

งานด้านสถาปัตยกรรมเป็นงานที่พระองค์ทรงพิถีพิถันอย่างมาก เพราะตรัสว่า "ต้องระวังเพราะสร้างขึ้นก็เพื่อความพอใจ ความเพลิดเพลินตา ไม่ใช่สร้างขึ้นเพื่ออยากจะรื้อทิ้ง ทุนรอนที่เสียไปก็ใช่จะเอาคืนมาได้ ผลที่สุดก็ต้องทิ้งไว้เป็นอนุสาวรีย์สำหรับขายความอาย"

ด้านภาพจิตรกรรม[แก้]

ภาพเขียน
  • ภาพเขียนสีน้ำมันประกอบพระราชพงศาวดาร แผ่นดินพระเจ้าท้ายสระครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นภาพช้างทรงพระมหาอุปราชแทงช้างพระที่นั่ง ภาพเขียนรถพระอาทิตย์ที่เพดานพระที่นั่งภานุมาศจำรูญ (พระที่นั่งบรมพิมาน)
  • ภาพประกอบเรื่องธรรมาธรรมะสงคราม
  • ภาพแบบพัดต่าง ๆ

ฯลฯ

ด้านออกแบบ[แก้]

ด้านวรรณกรรม[แก้]

"พระสุริโยทัยขาดคอช้าง" จิตรกรรมประกอบโคลงพระราชพงศาวดาร ฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

มีทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น โคลงประกอบภาพจิตรกรรมภาพพระราชพงศาวดาร โคลงประกอบเรื่องรามเกียรติ์ ทรงพระนิพนธ์เมื่องานฉลองพระนครครบรอบร้อยปี, ลายพระหัตถ์โต้ตอบประทานบุคคลต่าง ๆ เช่น จดหมายเวรโต้ตอบกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ลายพระหัตถ์ประทานความรู้ในลักษณะจดหมายโต้ตอบพระสารประเสริฐและพระยาอนุมานราชธน เรื่องภาษาและประเพณี ลายพระหัตถ์โต้ตอบเหล่านี้ เป็นเหมือนคลังความรู้สำหรับผู้สนใจใฝ่ศึกษาค้นคว้าทั่วไป

ด้านดุริยางคศิลป์และนาฏศิลป์[แก้]

ทรงสนพระทัยทั้งดนตรีไทยและดนตรีสากล โดยเฉพาะดนตรีไทยนั้นทรงฝึกฝนมาแต่พระเยาว์ ทรงถนัดเล่นปี่พาทย์และระนาดมากกว่าเครื่องดนตรีอื่น ๆ

เพลงพระนิพนธ์
  1. เพลงสรรเสริญพระบารมี (คำร้อง)
  2. เพลงเขมรไทรโยค
  3. เพลงตับ เช่น ตับแม่ศรีทรงเครื่อง ตับเรื่องขอมดำดิน

ด้านบทละคร[แก้]

ทรงนิพนธ์บทละครดึกดำบรรพ์ไว้หลายเรื่อง เช่น

  1. สังข์ทอง ตอนทิ้งพวงมาลัย ตีคลี และตอนถอดรูป
  2. คาวี ตอนเผาพระขรรค์ ชุบตัว และตอนหึง
  3. อิเหนา ตอนตัดดอกไม้ฉายกริช ไหว้พระ และตอนบวงสรวง
  4. รามเกียรติ์ ตอนศูรปนขาตีสีดา

พระโอรสและพระธิดา[แก้]

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเป็นต้นราชสกุลจิตรพงศ์ มีหม่อม 3 ท่าน ได้แก่

  1. หม่อมราชวงศ์ปลื้ม (ราชสกุลเดิม: ศิริวงศ์) พระธิดาในพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้เป็นสะใภ้หลวง
  2. หม่อมมาลัย (สกุลเดิม: เศวตามร์) ธิดาพระสาครสมบัติ (เผือก เศวตามร์)
  3. หม่อมราชวงศ์โต (ราชสกุลเดิม: งอนรถ) ธิดาในหม่อมเจ้าแดง งอนรถ กับหม่อมวัน งอนรถ ณ อยุธยา

โดยมีพระโอรสธิดารวมทั้งหมด 9 พระองค์ เป็นชาย 5 พระองค์ และหญิง 4 พระองค์

พระรูป พระนาม หม่อมมารดา ประสูติ สิ้นชีพิตักษัย คู่สมรส
1. หม่อมเจ้าหญิงปลื้มจิตร
(ท่านหญิงเอื้อย)
หม่อมราชวงศ์ปลื้ม 6 มกราคม พ.ศ. 2433 29 ธันวาคม พ.ศ. 2459
2. หม่อมเจ้าอ้าย
(ท่านชายอ้าย)
ที่ 1 ในหม่อมมาลัย ไม่ทราบปี 5 กันยายน พ.ศ. 2446
3. หม่อมเจ้าเจริญใจ
(ท่านชายยี่)
ที่ 2 ในหม่อมมาลัย 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2440 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 หม่อมอ่อน
4. หม่อมเจ้าสาม
(ท่านชายสาม)
ที่ 1 ในหม่อมราชวงศ์โต พ.ศ. 2447 พ.ศ. 2447
5. หม่อมเจ้าหญิงประโลมจิตร ไชยันต์
(ท่านหญิงอี่)
ที่ 2 ในหม่อมราชวงศ์โต 8 มีนาคม พ.ศ. 2448 31 ตุลาคม พ.ศ. 2513 หม่อมเจ้าตระนักนิธิผล ไชยันต์
ไฟล์:หม่อมเจ้าดวงจิตร.JPG 6. หม่อมเจ้าหญิงดวงจิตร
(ท่านหญิงอาม)
ที่ 3 ในหม่อมราชวงศ์โต 26 กันยายน พ.ศ. 2451 6 กันยายน พ.ศ. 2548
7. หม่อมเจ้ายาใจ
(ท่านชายไส)
ที่ 4 ในหม่อมราชวงศ์โต 28 ธันวาคม พ.ศ. 2453 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 หม่อมจักลิน (ดูบัวส์)
8. หม่อมเจ้าเพลารถ
(ท่านชายงั่ว)
ที่ 5 ในหม่อมราชวงศ์โต 3 ธันวาคม พ.ศ. 2457 26 มีนาคม พ.ศ. 2537 หม่อมเจ้ากุมารีเฉลิมลักษณ์ (ดิศกุล)
9. หม่อมเจ้าหญิงกรณิกา
(ท่านหญิงไอ)
ที่ 6 ในหม่อมราชวงศ์โต 11 ธันวาคม พ.ศ. 2459 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระยศ[แก้]

พลเอก นายกองตรี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
รับใช้ ไทย
แผนก/สังกัดกองทัพบกสยาม
ชั้นยศ พลเอก

พระยศทหาร[แก้]

  • พ.ศ. 2431 นายพลตรี[24]
  • 20 กันยายน พ.ศ. 2444 นายพลโท[25]
  • 10 กันยายน พ.ศ. 2466 นายพลเอก[26]

พระยศพลเรือน[แก้]

  • 22 กันยายน พ.ศ. 2455 - มหาเสวกเอก[27]

พระเกียรติยศ[แก้]

พระอิสริยยศ[แก้]

ธรรมเนียมพระยศของ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ธงประจำพระอิสริยยศ
ตราประจำพระองค์
การทูลใต้ฝ่าพระบาท
การแทนตนข้าพระพุทธเจ้า
การขานรับพะยะค่ะ/เพคะ
  • 28 เมษายน พ.ศ. 2406 – 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 : พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ
  • 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 – 10 มีนาคม พ.ศ. 2428 : พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ
  • 10 มีนาคม พ.ศ. 2428 – 18 ธันวาคม พ.ศ. 2430 : พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์
  • 18 ธันวาคม พ.ศ. 2430 – 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2448 : พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์
  • 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2448 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 : สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์
  • 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 – 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456 : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์
  • 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456 – 31 ธันวาคม พ.ศ. 2488 : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ มหามกุฏพงศ์นฤบดินทร ปรมินทรานุชาธิเบนทร์ ปรเมนทรราชปิตุลา สวามิภักดิ์สยามวิชิต สรรพศิลปสิทธิวิทยาธร สุรจิตรกรศุภโกศล ประพนธปรีชาชาญโบราณคดี สังคีตวาทิตวิธีวิจารณ์ มโหฬารสีตลัธยาศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณานุวัติ ขัตติยเดชานุภาพบพิตร
  • 31 ธันวาคม พ.ศ. 2488 – 10 มีนาคม พ.ศ. 2490 : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ มหามกุฏพงศนฤบดินทร์ ปรมินทรานุชาธิเบนทร์ อัฐเมนทรราชอัยยกา สวามิภักดิ์สยามวิชิต สรรพศิลปสิทธิวิทยาธร สุรจิตรกรศุภโกศล ประพนธปรีชาชาญโบราณคดี สังคีตวาทิตวิธีวิจารณ์ มโหฬารสีตลัธยาศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณานุวัตน์ ขัตติยเดชานุภาพบพิตร

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลต่างๆ ดังนี้[28]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]

  •  อิตาลี:
    • พ.ศ. 2435 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฏอิตาลี ชั้นที่ 1[48]

พระสมัญญานาม[แก้]

  • พระบิดาช่างศิลป์แห่งกรุงสยาม และ นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม[49][50][51]
  • พระบิดาทางด้านสถาปัตยกรรมไทย[52]

การระลึก[แก้]

วันที่ 28 เมษายนเป็นวันครบรอบวันประสูติของพระองค์ ทุกปีจะมีงาน "วันนริศ" ณ ตำหนักปลายเนิน คลองเตย มีการแสดงละคร การบรรเลงเพลงพระนิพนธ์ การตั้งแสดงงานฝีพระหัตถ์บางชิ้น และการมอบ "ทุนนริศรานุวัดติวงศ์" แก่นักศึกษาในสาขาวิชาศิลปะ

เนื่องในวาระฉลองวันประสูติครบ 100 พรรษาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2506 องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ประกาศยกย่องให้พระองค์เป็นบุคคลสำคัญของโลกประจำปี พ.ศ. 2506 นับเป็นบุคคลไทยคนที่ 2 ที่ได้รับการยกย่องดังกล่าว[53]

พงศาวลี[แก้]

อ้างอิง[แก้]

เชิงอรรถ
  1. พระราชกฤษฎีกา ตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พุทธศักราช ๒๔๗๖ เก็บถาวร 2011-11-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ราชกิจจานุเบกษา, 11 มกราคม 2476, เล่ม 50, หน้า 838, สืบค้นวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561
  2. 2.0 2.1 นับตามปีปฏิทินสากล
  3. Silpakorn Channel. "Documentary of Prince Naris Official" (Video, subtitled). YouTube (ภาษาไทย และ อังกฤษ). Silpakorn University. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-12-21. สืบค้นเมื่อ 2019-04-25.
  4. จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ, คาถาพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระนามพระราชโอรสธิดา, โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, พ.ศ. 2472
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศตั้งกรม, เล่ม ๑, ตอน ๖๕, ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๘, หน้า ๕๖๗
  6. ราชกิจจานุเบกษา, คำประกาศตั้งเจ้าฟ้ากรมขุน (พระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนขัติยกัลยา และพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัติวงษ) เก็บถาวร 2011-11-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม 4, ตอน 37, 30 ธันวาคม พ.ศ. 2430, หน้า 293
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวตั้งปริวีเคาน์ซิลเลอร์, เล่ม 4, หน้า 45
  8. ราชกิจจานุเบกษา, สัญญาบัตรปริวีเคาน์ซิลเลอร์, เล่ม 4, หน้า 47-48
  9. ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งต่าง ๆ
  10. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศเลื่อนกรมและตั้งเจ้าพระยา, เล่ม ๒๒, ตอน ๓๔, ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๘, หน้า ๗๓๗
  11. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เลื่อนกรม ตั้งกรม ตั้งพระองค์เจ้า และตั้งเจ้าพระยา, เล่ม ๓๐, ตอน ก, ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๖, หน้า ๓๒๙
  12. "พระราชดำรัสทรงตั้งอภิรัฐมนตรีสภา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 42 (0 ง): 2618. 28 พฤศจิกายน 2468. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-08-16. สืบค้นเมื่อ 8 มีนาคม 2562. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  13. "พระบรมราชโองการ ประกาศ เลิกอภิรัฐมนตรีสภา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 49 (0 ก): 2618. 17 กรกฎาคม 2475. สืบค้นเมื่อ 8 มีนาคม 2562. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  14. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัติวงศ์ ขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยา, เล่ม ๖๓, ตอนที่ ๑ ก, ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๙, หน้า ๕-๘
  15. "ข่าวในพระราชสำนัก วันอังคาร ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๔๙๐ กำหนดการ พระราชกุศลทักษิณานุสรณ์พระราชทานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ พุทธศักราช ๒๔๙๐" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 64 (13 ง): 491. 18 มีนาคม 2490. สืบค้นเมื่อ 13 สิงหาคม 2563. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  16. "กำหนดการ ที่ ๗/๒๔๙๓ พระราชทานเพลิงพระศพจอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระศพพลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ และพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย ณ พระเมรุท้องสนามหลวง พุทธศักราช ๒๔๙๓" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 67 (21 ง): 1525, 1540–1550. 11 เมษายน 2493. สืบค้นเมื่อ 14 มีนาคม 2562. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  17. การดำรงตำแหน่งเสนาบดี
  18. ดำรงตำแหน่งกระทรวงโยธาธิการ
  19. ดำรงตำแหน่งกระทรวงต่างๆ
  20. ดำรงตำแหน่งองคมนตรีและรัฐมนตรี
  21. ประกาศตั้งสมาชิกสภาการคลัง
  22. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งผู้กำกับการพระราชวงศ์(สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์), เล่ม ๔๔, ตอน ๐ ก, ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๐, หน้า ๒๓๘
  23. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชกฤษฎีกาตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พุทธศักราช ๒๔๗๖ เก็บถาวร 2011-11-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๕๐, ตอน ๐ ก, ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๖, หน้า ๘๓๘
  24. พระราชทานสัญญาบัตรทหาร
  25. พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก
  26. พระราชทานยศทหารบก
  27. ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศพระราชทานยศแก่ข้าราชการในกระทรวงวัง เล่ม 29 หน้า 1405 วันที่ 22 กันยายน 2455
  28. ผู้บัญชาการทหารบก พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เก็บถาวร 2019-09-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บไซต์กองทัพบก
  29. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-10-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๕๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๘๐๑, ๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๘๑
  30. ราชกิจจานุเบกษา, ถวายบังคมพระบรมรูปและพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2019-05-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐ ตอนที่ ๓๔ หน้า ๓๖๘, ๑๙ พฤศจิกายน ๑๑๒
  31. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และ ฝ่ายใน, เล่ม ๑๗ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๕๐๑, ๒๕ พฤศจิกายน ๑๑๙
  32. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า, เล่ม ๒๒ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๗๖๒, ๒๖ พฤศจิกายน ๑๒๒
  33. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานตรารัตนวราภรณ์ เก็บถาวร 2022-10-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๙๒๓, ๒๑ มกราคม ๒๔๕๙
  34. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-10-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๔๒ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๖๗๐, ๗ มีนาคม ๒๔๖๘
  35. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-10-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๘๔๘, ๑๙ มกราคม ๒๔๖๑
  36. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐ ตอนที่ ๓๙ หน้า ๔๓๔, ๒๔ ธันวาคม ๑๑๒
  37. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๗ ตอนที่ ๔๓ หน้า ๓๙๒, ๒๕ มกราคม ๑๐๙
  38. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2020-07-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐ ตอนที่ ๔๑ หน้า ๔๕๖, ๗ มกราคม ๑๑๒
  39. ราชกิจจานุเบกษา, ส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไปพระราชทาน เก็บถาวร 2022-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๔๓๙, ๒ พฤษภาคม ๒๔๖๙
  40. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๔ เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๑ ตอนที่ ๓๒ หน้า ๕๖๕, ๖ พฤศจิกายน ๑๒๓
  41. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัจจุบันฝ่ายหน้า, เล่ม ๒๕ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๑๐๑๒, ๒๙ พฤศจิกายน ๑๒๕
  42. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ เก็บถาวร 2022-06-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๑๐, ๑๑ มกราคม ๑๒๙
  43. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายหน้า เก็บถาวร 2022-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๑๒๐, ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๖๙
  44. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ เก็บถาวร 2022-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๕๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๙๖๐, ๒๘ พฤศจิกายน ๒๔๘๑
  45. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญราชินี, เล่ม ๑๕ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๒๘๓, ๒๕ กันยายน ๑๑๗
  46. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเข็มอักษรเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรป, เล่ม ๒๔ ตอนที่ ๓๔ หน้า ๘๘๕, ๒๘ พฤศจิกายน ๑๒๖
  47. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเข็มพระชนมายุสมมงคล เก็บถาวร 2022-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๖๓๐, ๖ มีนาคม ๑๒๘
  48. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๙ ตอนที่ ๕ หน้า ๓๕, ๑ พฤษภาคม ๑๑๑
  49. คนและเหตุการณ์ของไทยที่ยูเนสโกยกย่อง
  50. พระบิดาช่างศิลป์แห่งกรุงสยาม
  51. "นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-12-01. สืบค้นเมื่อ 2018-07-13.
  52. พระบิดาทางด้านสถาปัตยกรรมไทย
  53. การเฉลิมฉลองบุคคลสำคัญและเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์[ลิงก์เสีย] จากเว็บไซต์ สำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
บรรณานุกรม
  • สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. ราชสกุลวงศ์. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2554. 296 หน้า. หน้า 73-74. ISBN 978-974-417-594-6
ก่อนหน้า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ถัดไป
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ เสนาบดีกระทรวงพระคลัง
(21 มีนาคม พ.ศ. 2435 - 23 ธันวาคม พ.ศ. 2437)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนศิริธัชสังกาศ
เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์
(พุ่ม ศรีไชยันต์)
เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
(พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2442)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ รั้งตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ
(27 มีนาคม พ.ศ. 2441 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2442)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ
(8 สิงหาคม พ.ศ. 2444 - 11 ธันวาคม พ.ศ. 2453)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์
กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(12 มกราคม พ.ศ. 2476 - 2 มีนาคม พ.ศ. 2477)
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตน์จาตุรนต์