ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 11: | บรรทัด 11: | ||
| majority_seats = 251 |
| majority_seats = 251 |
||
| registered = 51,239,638 |
| registered = 51,239,638 |
||
| turnout = 74.69% {{decrease}} 0. |
| turnout = 74.69% ({{decrease}} 0.34 pp) |
||
<!-- ** แผนที่มีข้อผิดพลาด ** |
<!-- ** แผนที่มีข้อผิดพลาด ** |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:23, 22 มิถุนายน 2563
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทั้งหมด 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรไทย ต้องการ 251 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลงทะเบียน | 51,239,638 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้ใช้สิทธิ | 74.69% ( 0.34 pp) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ (คลิกเพื่อดูภาพขยายและคำอธิบายสีของพรรคการเมือง) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ปฏิทินการเลือกตั้ง | |
---|---|
23 ม.ค. | ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งฯ |
24 ม.ค. | กกต. ประกาศรายละเอียดการเลือกตั้ง |
28 ม.ค. – 19 ก.พ. | วันลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร |
4 – 8 ก.พ. | วันรับสมัคร ส.ส. พร้อมแจ้งชื่อผู้สมัครนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง |
15 ก.พ. | กกต. ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร |
4 – 16 มี.ค. | วันลงคะแนนนอกราชอาณาจักร |
17 มี.ค. | วันเลือกตั้งล่วงหน้า |
24 มี.ค. | วันเลือกตั้งทั่วไป |
9 พ.ค. | วันหมดเขตประกาศรับรองผลการเลือกตั้งร้อยละ 95 |
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไปครั้งที่ 28 กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 เพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 500 คน นับเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการเอื้อประโยชน์แก่พรรคพลังประชารัฐตั้งแต่การออกแบบระบบการเลือกตั้ง การรณรงค์หาเสียงและการตัดสินของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบบการเลือกตั้งเป็นแบบจัดสรรปันส่วนผสม โดย ส.ส. 500 คนมาจากระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด 350 เขต เขตละคน และอีก 150 คนมาจากที่นั่งปรับระดับ (leveling seat) ผู้ที่มิใช่ ส.ส. สามารถได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หลายพรรคสนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งต่อ จึงมีการแบ่งพรรคการเมืองออกเป็นสามฝ่ายหลัก คือ ฝ่ายสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ฝ่ายคัดค้าน และอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ประกาศตัวชัดเจน บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในช่วงเลือกตั้งก็เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้น่าจดจำด้วย
พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดสองพรรคสภาผู้แทนราษฎรเสียที่นั่งมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐและพรรคอนาคตใหม่ซึ่งเป็นพรรคเพิ่งตั้งได้ที่นั่งเพิ่มมากที่สุด คืนวันเลือกตั้ง หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้วเสร็จร้อยละ 93 พบว่าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. แบบแบ่งเขตมากที่สุด วันที่ 25 มีนาคม 2562 มีการประกาศผลผู้ชนะการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตอย่างไม่เป็นทางการทั้ง 350 เขต หลังจากการสั่งนับคะแนนใหม่และเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งจำนวนหนึ่ง วันที่ 7 พฤษภาคม กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง 349 เขต วันที่ 8 พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเปิดช่องให้ใช้สูตรคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อให้พรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งน้อยกว่า ส.ส. พึงมี ต่อมาวันที่ 26 พฤษภาคม กกต. สรุปรายชื่อ ส.ส. ทั้ง 500 คน ทำให้มีพรรคการเมืองรวม 26 พรรคในสภาล่างนับว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ บทบาทของ กกต. ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางและมีความพยายามเข้าชื่อถอดถอน กกต.
วันที่ 5 มิถุนายน รัฐสภามีมติเลือกพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ในสภาผู้แทนราษฎรประยุทธ์ได้รับคะแนนเสียงจาก ส.ส. 19 พรรค นับเป็นรัฐบาลผสมที่มีจำนวนพรรคมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในวันที่ 9 และ 10 กรกฎาคมตามลำดับ
เบื้องหลัง
รัฐประหารปี 2557 และรัฐบาลประยุทธ์ 1
ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในห้วงวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยุบสภาผู้แทนราษฎรและมีกำหนดจัดการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในเดือนมีนาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเพราะการเลือกตั้งไม่เกิดในวันเดียวกันทั่วประเทศ[1] หลังข้อตกลงระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 20 กรกฎาคม[1] ต่อมา เกิดรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น เป็นหัวหน้าคณะ และมีประกาศจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปหลังดำเนินการปฏิรูปและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ไม่นานหลังรัฐประหาร พลเอกประยุทธ์กล่าวว่าการเลือกตั้งน่าจะจัด "ภายในสิ้นปี 2558" ทว่า เมื่อสิ้นปี 2557 เจ้าหน้าที่ของรัฐหลายคนกล่าวต่อสาธารณะว่า จะไม่จัดการเลือกตั้งจนถึงประมาณกลางปี 2559[2] ในเดือนพฤษภาคม 2558 รองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม กล่าวว่า บัดนี้จะจัดการเลือกตั้ง "ประมาณเดือนสิงหาคมหรือในเดือนกันยายน" 2559 หลังรัฐบาลประกาศเจตนาว่าจะจัดการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าจะจัดในช่วงต้นปี 2559[3] ในเดือนมิถุนายน 2558 พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า เขาเต็มใจรั้งตำแหน่งอีกสองปีหาก "ประชาชนต้องการ" หลังสภาปฏิรูปแห่งชาติผลักดันเพื่อจัดการลงคะแนนว่าการปฏิรูปของรัฐบาลควรเสร็จสิ้นก่อนจัดการเลือกตั้งหรือไม่ หมายความว่า การเลือกตั้งทั่วไปอาจไม่จัดจนกว่าต้นปี 2561 แต่ไม่กี่วันต่อมา เขาวางตัวห่างจากการริเริ่มของสภาปฏิรูปแห่งชาติหลังเผชิญปฏิกิริยาสะท้อนสำหรับความเห็นของเขา[4] ทว่า การนี้เปิดประตูไว้ให้ "การสำเร็จการปฏิรูป" ภายใต้รัฐบาลใหม่ซึ่งจะเลื่อนการเลือกตั้งไปอีก หากการริเริ่มของสภาปฏิรูปแห่งชาติสำเร็จ
ในเดือนตุลาคม 2560 พลเอกประยุทธ์ให้คำมั่นว่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปประมาณเดือนพฤศจิกายน 2561 ทว่า การเลือกวันเลือกตั้งทำให้เกิดข่าวลือว่าเขาพยายามรั้งอำนาจหลังการเลือกตั้งครั้งถัดไปผ่านพรรคการเมืองที่กองทัพหนุนหลัง ในเดือนมกราคม 2561 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเลื่อนการใช้บังคับกฎหมายการเลือกตั้งใหม่อีก 90 วัน ซึ่งยิ่งเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปอีก ในเวลานั้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การตัดสินใจของ สนช. อาจเลื่อนการเลือกตั้งไปจนเดือนกุมภาพันธ์ 2562[5]
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ตัวแทนกลุ่มการเมืองเข้าร่วมประชุมกับ กกต. เพื่อรับทราบข้อมูลในการยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560[6]
ภายหลังจากการประชุมหารือ 4 ฝ่ายประกอบไปด้วยคณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ กกต. และพรรคการเมืองที่สโมสรทหารบกเมื่อวันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน 2561 วิษณุ เครืองามให้สัมภาษณ์ว่าได้กำหนดวันเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรก โดยมีตัวเลือกได้แก่ 24 กุมภาพันธ์, 31 มีนาคม, 28 เมษายน หรือ 5 พฤษภาคม 2562 ทั้งนี้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดวันเลือกตั้ง[7] การเลือกตั้งครั้งนี้จะจัดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งมีทหารหนุนหลัง และจะนำไปสู่การสิ้นสุดลงของช่วงเวลาเผด็จการทหารที่ยาวนานที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทย[8]
ระบบเลือกตั้ง
รัฐธรรมนูญกำหนดระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed Member Apportionment System: MMA) โดยกำหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต 350 คน ซึ่งมาจากผู้ที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดในเขตนั้น ๆ ฝ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อมาจากคะแนนเสียงของพรรคการเมืองที่ได้รับทั้งประเทศหารด้วย 150 ได้เป็นจำนวน ส.ส. ที่พึงมีของพรรคการเมืองนั้น ๆ แล้วนำจำนวนดังกล่าวมาเพิ่มให้ ส.ส. เขตที่พรรคการเมืองดังกล่าวได้อยู่ก่อนแล้ว[9] ลักษณะของระบบนี้ทำให้คะแนนเสียงของผู้สมัครที่แพ้ในระดับเขตไปนับรวมในระดับชาติ อย่างไรก็ดี หากเกิดการเลือกตั้งใหม่หรือเลือกตั้งซ่อมจะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงทั่วประเทศและต้องมีการคำนวณที่นั่งตามสัดส่วนใหม่ การคำนวณ ส.ส. แบบดังกล่าวออกแบบมาให้เกิดรัฐสภาที่มีพรรคการเมืองหลายพรรคและต้องตั้งรัฐบาลผสม[10]: 29 ด้านบีบีซีไทยคำนวณว่าหากใช้ระบบดังกล่าวไปคิดในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2554 พรรคเพื่อไทยจะได้ที่นั่งน้อยลง 61 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์จะได้ที่นั่งน้อยลง 14 ที่นั่ง ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 16 ที่นั่ง และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินจะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 11 ที่นั่ง[11] รศ. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำนายว่าพรรคที่จะได้ที่นั่งเกิน 25 ที่นั่งน่าจะมีไม่เกิน 5 พรรค[12]
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เปลี่ยนแปลงวิธีการออกเสียงเลือก ส.ส. โดยเดิมจะมีบัตรเลือกตั้งสองบัตร แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะลดบัตรเลือกตั้งเหลือบัตรเดียว โดยเลือกทั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อพร้อมกัน[13] เป็นการเลือกตั้งทั่วไปของไทยครั้งแรกที่การเลือกตั้ง ส.ส. สองแบบใช้บัตรเดียว และไม่มีใช้ในประเทศเยอรมนีและนิวซีแลนด์ที่ใช้ระบบเลือกตั้ง MMA เช่นเดียวกัน[10]: 28–29 นอกจากนี้ กกต. ไม่ได้กำหนดเบอร์เดียวกันทั่วประเทศสำหรับพรรคการเมือง และบนบัตรลงคะแนนยังแสดงเฉพาะเบอร์ ชื่อและโลโก้พรรคการเมืองเท่านั้น ไม่มีชื่อผู้สมัคร[10]: 33 นิด้าโพลจัดทำการสำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2561 พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจกว่าสามในสี่ไม่ทราบว่าจะมีบัตรลงคะแนนใบเดียวและพรรคการเมืองจะไม่ได้ใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศ[14]
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คสช. แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทั้ง 250 คน ซึ่งมีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ดังนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงต้องการคะแนนเสียงของสมาชิกรัฐสภารวมกันตั้งแต่ 376 คนขึ้นไป นักวิจารณ์กล่าวว่าวุฒิสภาชุดนี้ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ประยุทธ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปแม้พรรคที่นิยมประยุทธ์จะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรน้อยกว่า ทั้งนี้ หาก ส.ว. ทั้ง 250 คนสนับสนุนประยุทธ์ ทำให้พรรคการเมืองที่นิยมประยุทธ์ต้องการอีกเพียง 126 ที่นั่งก็สามารถเลือกเขาเป็นนายกรัฐมนตรีได้[15] นักวิจารณ์ทำนายว่าพรรคพลังประชารัฐและพรรคการเมืองอื่นที่นิยมทหารอาจได้ที่นั่งรวมกันไม่ถึง 126 ที่นั่ง และจะต้องการการสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์
การเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 กำหนดเขตเลือกตั้ง ส.ส. ไว้ 350 เขต ลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อนที่กำหนดไว้ 400 เขต[16] ในปี 2561 กกต. มีหน้าที่วาดเขตเลือกตั้งใหม่ แต่ก่อนมีการประกาศ ประยุทธ์ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเลื่อนการประกาศเขตเลือกตั้ง นอกจากนี้ กกต. ยังได้รับยกเว้นจากกฎหมายเขตเลือกตั้งเดิม ทำให้ กกต. สามารถวาดเขตเลือกตั้งใหม่อย่างไรก็ได้ ฝ่ายพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดจนมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยแสดงการคัดค้านรุนแรง[17] ซึ่งแย้งว่าการเลื่อนเวลาจะทำให้ กกต. วาดแผนที่ให้เอื้อต่อพรรคพลังประชารัฐ นักหนังสือพิมพ์และนักวิจารณ์เปรียบเทียบการณ์นี้ว่าเหมือนกับการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเอาเปรียบในสหรัฐ บางคนออกความเห็นว่า คสช. ชนะการเลือกตั้งแล้ว[18][15][19]
วันที่ 29 พฤศจิกายน กกต. วาดเขตเลือกตั้งใหม่แล้วเสร็จและประกาศ[20] ซึ่งพรรคการเมืองหลายพรรคและองค์การควบคุมดูแลพบว่ามีการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเอาเปรียบซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะได้ประโยชน์หลายกรณี[21][22] เขตเลือกตั้งใหม่บางเขตมีรูปทรงประหลาดและไม่ได้ยึดแบบจำลองที่ กกต. แถลงว่าจะใช้ก่อนหน้านี้ กระบวนการวาดเขตเลือกตั้งใหม่ยังเป็นความลับและมีการพิจารณาไตร่ตรองน้อยมาก[10]: 32–33
เขตเลือกตั้ง 350 เขต แบ่งจำนวนเขตเลือกตั้งตามจังหวัดดังต่อไปนี้ [23]
พื้นที่ | จำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร |
---|---|
กรุงเทพมหานคร | 30 |
นครราชสีมา | 14 |
ขอนแก่น และอุบลราชธานี | 10 |
เชียงใหม่ | 9 |
ชลบุรี, นครศรีธรรมราช, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สงขลา และอุดรธานี | 8 |
เชียงราย, ร้อยเอ็ด, สมุทรปราการ และสุรินทร์ | 7 |
ชัยภูมิ, นครสวรรค์, นนทบุรี, ปทุมธานี, สกลนคร และสุราษฎร์ธานี | 6 |
กาญจนบุรี, กาฬสินธุ์, นครปฐม, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, มหาสารคาม และราชบุรี | 5 |
กำแพงเพชร, ฉะเชิงเทรา, นครพนม, นราธิวาส, ปัตตานี, พระนครศรีอยุธยา, ระยอง, ลพบุรี, ลำปาง และสุพรรณบุรี | 4 |
จันทบุรี, ชุมพร, ตรัง, ตาก, น่าน, ประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, พะเยา, พัทลุง, พิจิตร, เพชรบุรี, ยโสธร, ยะลา, เลย, สมุทรสาคร, สระแก้ว, สระบุรี, สุโขทัย, หนองคาย และหนองบัวลำภู | 3 |
กระบี่, ชัยนาท, บึงกาฬ, แพร่, ภูเก็ต, มุกดาหาร, ลำพูน, สตูล, อำนาจเจริญ, อุทัยธานี และอุตรดิตถ์ | 2 |
ตราด, นครนายก, พังงา, แม่ฮ่องสอน, ระนอง, สิงห์บุรี สมุทรสงคราม และอ่างทอง | 1 |
คณะกรรมการการเลือกตั้ง
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 กำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่แทนชุดเดิมซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดวาระในปี 2563 สนช. ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งของคณะรัฐประหาร ปฏิเสธผู้ได้รับเสนอชื่อ 2 ครั้ง รวม 9 คนโดยเป็นการพิจารณาลับและไม่เปิดเผยเหตุผล[10]: 36 ก่อนมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจนครบในเดือนธันวาคม 2562 ซึ่งเป็นเวลาสี่เดือนก่อนเลือกตั้ง พีเน็ตซึงเป็นองค์การสังเกตการเลือกตั้งในประเทศกล่าวว่าคณะกรรมการไม่ผ่านมาตรฐานสมรรถภาพ และพิสูจน์ตนเองไม่ได้ว่าปลอดอิทธิพลการเมือง[24]
พรรคการเมืองและชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี
ภาพรวม
ที่ผ่านมานับแต่ปี 2544 พรรคการเมืองซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งทั่วไปทุกครั้ง (ได้แก่ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย) ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตไม่ครบทุกเขตทั่วประเทศ[25] แต่ใช้วิธีการตั้งพรรคไทยรักษาชาติเป็นพรรคพี่-พรรคน้องส่งผู้สมัครในเขตที่พรรคเพื่อไทยไม่น่าชนะเพื่อหวังเพิ่มที่นั่งจากระบบจัดสรรปันส่วนผสม[26]: 156 ส่วนพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กพยายามดึงตัว ส.ส. และ "ผู้สมัครสอบตก" เข้าร่วมพรรคเพื่อเพิ่มที่นั่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อ[11] การเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ พรรคอนาคตใหม่ ส่งเสริมแนวร่วมต่อต้านรัฐประหาร โดยหัวหน้าพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ วางตัวเป็นผู้สมัครที่มีความคิดก้าวหน้า (progressive) มากที่สุด[26]: 156 ฝ่าย คสช. ใช้วิธีการตั้งพรรคที่ดึงดูดเสียงจากทุกส่วนในทำนองเดียวกับพรรคสามัคคีธรรมในปี 2535 ดันแคน แม็กคาร์โกเขียนว่าพรรคพลังประชารัฐมีการซื้อตัวผู้สมัครและได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐและข้าราชการท้องถิ่น[26]: 156 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ กกต. สรุปยอดผู้สมัคร ส.ส. พบมีผู้สมัครแบบแบ่งเขตจำนวน 11,128 คน จากพรรคการเมือง 80 พรรค และแบบบัญชีรายชื่อ 2,718 คนจาก 72 พรรค รวม 13,846 คน เทียบกับผู้สมัครในปี 2554 จำนวน 3,832 คน[27]
ชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 กกต. ประกาศรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอให้รัฐสภาพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยพรรคการเมืองที่เสนอรายชื่อ จำนวน 44 พรรค รวม 68 รายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งกฎหมายเปิดให้บุคคลที่มิใช่ ส.ส. เป็นนายกรัฐมนตรีได้ พรรคการเมืองหลายพรรคเตรียมเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคหลักที่สนับสนุนคณะรัฐประหาร พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ แต่มีรัฐมนตรีหรือที่ปรึกษาของเขาเป็นผู้บริหารของพรรคพลังประชารัฐ[28] จึงมีการแบ่งพรรคการเมืองต่าง ๆ ออกเป็นสามฝ่ายใหญ่ ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เช่น พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคพลังชล เป็นต้น ฝ่ายหนึ่งคัดค้านพลเอกประยุทธ์ เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย เป็นต้น และอีกฝ่ายหนึ่งที่มีจุดยืนไม่ชัดเจน เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น[29] วันที่ 10 มีนาคม 2562 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศว่าจะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ฝ่ายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ แต่ต้องไม่เอาพรรคพลังประชารัฐด้วย เชื่อว่ามีบางพรรคที่บอกว่าไม่เอาพลเอกประยุทธ์ แต่อยากจับมือพลังประชารัฐเพื่อชูตัวเองขึ้นเป็นนายกฯ[30]
พรรคประชาธิปัตย์ | พรรคพลังประชารัฐ | พรรคเพื่อไทย | พรรคภูมิใจไทย | พรรคอนาคตใหม่ | ||
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | ประยุทธ์ จันทร์โอชา | สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ | ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ | ชัยเกษม นิติสิริ | อนุทิน ชาญวีรกูล | ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ |
---|---|---|---|---|---|---|
นายกรัฐมนตรี (2551–2554) |
นายกรัฐมนตรี (2557–ปัจจุบัน) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (2557–2562) |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (2548–2549) |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (2555–2557) |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (2556–2557) |
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (2544–2548) |
รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท (2545–2562) |
กรณีเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ผู้ดำเนินรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ช่องนาว 26 กล่าวว่า "8 กุมภา จะเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองระดับแผ่นดินไหว" และอีกตอนหนึ่งว่า "เปิด[ชื่อ]ออกมาเมื่อไร แผ่นดินไหวทางการเมืองทันที [...] ไม่ใช่คนตระกูลชินวัตร หรือวงศ์สวัสดิ์ จะเป็นชื่อที่อึกทึกครึกโครมทั้งแผ่นดิน"[31] ด้านหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ลงข่าวพาดหัวว่า "ประยุทธ์ยอมรับ เผื่อใจแล้ว! ไม่ได้เป็นนายกฯ"[32]
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พรรคไทยรักษาชาติยื่นพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล เป็นผู้ที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ด้านปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติให้สัมภาษณ์ว่า "พระองค์ท่านเองทรงมีพระเมตตาตอบรับและให้พรรคไทยรักษาชาติเสนอพระนามในบัญชีนายกฯ ของพรรค"[33][34] วันเดียวกัน ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยื่นหนังสือต่อประธาน กกต. ขอให้พิจารณาการเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ว่าเข้าข่ายขัดระเบียบ กกต. เรื่องลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เนื่องจากทรงเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอดีตว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง[35][36]
คืนเดียวกันนั้นเอง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยประกาศพระราชโองการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สรุปว่า การนำพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ แม้จะทรงกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้ว มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมืองเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติและไม่บังควรอย่างยิ่ง[37] ในรายชื่อที่ กกต. รับรองในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ไม่ปรากฏชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ นอกจากนี้ กกต. จะหารือต่อไปว่าการกระทำดังกล่าวของพรรคไทยรักษาชาติเข้าข่ายต้องยุบพรรคหรือไม่[38]
เหตุการณ์ก่อนเลือกตั้ง
คดีความและการยื่นยุบพรรคการเมือง
หลังพรรคไทยรักษาชาติยื่นเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีเป็นนายกรัฐมนตรี กรรมการการเลือกตั้งมีมติยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติเนื่องจาก "กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ[39] และเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง จดทะเบียนจัดตั้งพรรคใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองเป็นเวลา 10 ปี[40] ส่วนผู้ที่ลงคะแนนเลือกพรรคไทยรักษาชาติไปแล้วถือว่าเป็นบัตรเสียทั้งหมด การยุบพรรคไทยรักษาชาติถือเป็นผลเสียใหญ่หลวงต่อฝ่ายต้านรัฐประหาร[26]: 157
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 วิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ ยื่นคำร้องต่อกรรมการการเลือกตั้งให้ไต่สวนยุบพรรคพลังประชารัฐ และคัดค้านการเสนอชื่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีเนื่องจากดำรงตำแหน่งทางการเมืองถือว่ามีคุณสมบัติต้องห้าม[41] ต่อมา ผู้ตรวจการแผ่นดินแถลงว่าประยุทธ์เป็นผู้ใช้อำนาจอธิปัตย์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ และจะไม่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองต่อ[42] วันที่ 12 มีนาคม 2562 กกต. เปิดเผยว่า ไม่พบความผิดที่พรรคพลังประชารัฐจัดโต๊ะจีนระดมทุน เนื่องจากไม่พบบุคคลต่างชาติบริจาคเงิน จึงไม่มีความผิดและไม่ต้องยุบพรรค[43] ทว่าต่อมาสำนักข่าวอิศราพบว่า มีกลุ่มทุนจากประเทศไอซ์แลนด์ถือหุ้นในบริษัทที่บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ[44] วันที่ 14 มีนาคม 2562 พรรคพลังประชารัฐถูกยื่นเอาผิดจากกรณีปราศรัยนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาหาเสียง เข้าข่ายความผิดฐานเตรียมทรัพย์สินเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายเลือกตั้ง[45]
วันที่ 29 มิถุนายน 2561 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กวิจารณ์การดูดผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ ต่อมาเขาถูกฟ้องว่านำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ล่าสุดอัยการสั่งเลื่อนคำสั่งคดีเป็นวันที่ 26 มีนาคมซึ่งเป็นวันหลังเลือกตั้ง[46] วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ทีมงานประชาชนและปกป้องรัฐธรรมนูญยื่นหนังสือถึง กกต. ให้พิจารณาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยยกว่ามีความพยายามเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และคำประกาศจะสานต่อภารกิจของคณะราษฎร[47] วันที่ 14 มีนาคม กกต. ยกคำร้องกรณีลงประวัติธนาธรผิดว่าเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย[48] วันที่ 15 มีนาคม พรรคอนาคตใหม่ถูกยื่นยุบพรรคหลังมีอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติหาเสียงให้ โดยถูกกล่าวหาว่าเข้าข่ายถูกผู้อื่นครอบงำพรรค[49]
การอภิปรายทางโทรทัศน์
วันที่ 1 มีนาคม 2562 อรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล) พิธีกรทางช่องเอ็มคอตเอชดี โพสต์ทางเฟซบุ๊กว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บริหารให้ยุติการดำเนินพิธีกรรายการ ทั้งนี้ เธอเป็นพิธีกรรายการ "ศึกเลือกตั้ง 62" เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมอภิปรายเป็นเยาวชนที่ตอบคำถาม 4 ข้อ เช่น "เห็นด้วยหรือไม่ ที่รธน.60 ในบทเฉพาะกาล 5 ปีแรกให้ ส.ว. 250 คนร่วมโหวตเลือกนายกฯ" กรรมการบริหาร อสมท ปฏิเสธว่าไม่ได้ปลด ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยออกแถลงการณ์ว่าคำสั่งนี้เป็นการแทรกแซงเสรีภาพสื่อ และคุกคามสื่อมวลชน[50]
การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร
ระหว่างวันที่ 4 ถึง 16 มีนาคม 2562 มีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร โดยมีผู้ออกเสียงคิดเป็นร้อยละ 84.7 ของจำนวนผู้ลงทะเบียน 119,232 คน แม้ว่าจะประสบปัญหาหลายประการ[10]: 79 วันที่ 9 มีนาคม มีการโพสต์ทางสื่อสังคมว่า มีคนไทยในประเทศจีนกว่า 500 คนไม่ได้บัตรเลือกตั้งในการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร[51] วันเดียวกัน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศมาเลเซียกว่า 4,000 คน ต้องรอใช้สิทธินาน 3–4 ชั่วโมง จนต้องเปิดให้เลือกตั้งเพิ่มในวันที่ 10 มีนาคม[52] ด้านพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง โพสต์แสดงความผิดพลาดในการพิมพ์เอกสารของ กกต. ซึ่งชื่อผู้สมัครกับพรรคการเมืองอยู่แยกกันคนละหน้า[53] มีบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจากประเทศนิวซีแลนด์ส่งมาไม่ทันหย่อนลงบัตรเลือกตั้งเวลา 17.00 น. จำนวน 1,500 บัตร ด้านเลขาธิการ กกต. แถลงว่า จะมีสอบสวนว่าบัตรเหล่านี้จะกลายเป็นบัตรเสียหรือไม่ รวมทั้งถามหาผู้รับผิดชอบ[54] ต่อมา คณะกรรมการการเลือกตั้งวินิจฉัยว่าบัตรดังกล่าวล้วนเป็นบัตรเสีย โดยอ้างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 114 ("กรณีที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า [...] การออกเสียงคะแนนนอกราชอาณาจักรที่ใดมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม...")[55]
บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์
การเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดลของพรรคไทยรักษาชาติสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับทักษิณ ชินวัตร[26]: 157 แม้หลังยุบพรรคไทยรักษาชาติแล้ว ทักษิณยังจัดงานเลี้ยงสมรสของธิดาตนโดยเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นประธานในพิธีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม สองวันก่อนเลือกตั้งด้วย[26]: 157 คืนวันที่ 23 มีนาคม 2562 มีการเผยแพร่ประกาศสำนักพระราชวัง ความโดยสรุปว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบรมราชชนกที่ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้[56] แฮชแท็ก "โตแล้วเลือกเองได้" ติดกระแสอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ในคืนนั้นเอง[57] ดันแคน แม็กคาร์โกเขียนว่า พระมหากษัตริย์ไม่พอพระทัยกับความเชื่อมโยงดังกล่าวจึงเป็นที่มาของแถลงการณ์ เหตุการณ์ทั้งสองนี้ไม่ได้ทำให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมากขึ้น แต่ทำให้ผู้ที่ต่อต้านทักษิณพากันไปเลือกพรรคพลังประชารัฐ[26]: 157
มีการแพร่สัญญาณประกาศดังกล่าวอีกครั้งก่อนเริ่มเวลาเลือกตั้งเล็กน้อย และประธานกรรมการการเลือกตั้งให้สัมภาษณ์สื่อกระตุ้นให้คนไทยเลือกโดยคำนึงถึงประกาศสำนักพระราชวังด้วย[58]
การรณรงค์เลือกตั้ง
แม้ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติยกเลิกคำสั่งห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในปลายปี 2561 ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง แต่พรรคที่ต่อต้านรัฐประหารยังเกรงว่าจะถูกจับกุม[59] กว่าจะเริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งก็ล่วงเข้าต้นปี 2562 แล้ว[10]: 59 สำหรับวิธีการหาเสียงพรรคการเมืองยังใช้วิธีเดิม เช่น การเยี่ยมบ้าน ป้ายประกาศริมถนน ขบวนรถติดลำโพง และการชุมนุมสาธารณะ ในพื้นที่ชนบทซึ่งมักจำกัดการรณรงค์ให้เหลือโฆษณาโทรทัศน์และสถานีวิทยุชุมชน มีการจำกัดตามกฎหมายให้ใช้เฉพาะช่องเวลาที่กำหนดให้เท่านั้น[10]: 59–60 ข้อกำหนดตามกฎหมายที่เข้มงวดเพื่อป้องกันสารสนเทศเท็จและการหมิ่นประมาททำให้หลายพรรคงดการรณรงค์หาเสียงบนสื่อสังคม แต่หลายพรรคหาเสียงบนสื่อสังคมอย่างกว้างขวาง[60] บรรยากาศการหาเสียงเป็นไปโดยสงบ ข้อกำหนดที่เข้มงวดของ กกต. ทำให้พรรคการเมืองรณรงค์แบบไม่เผชิญหน้ากัน[10]: 61 มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงก่อกวนผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์[10]: 61 มีรายงานการซื้อเสียงและการปฏิบัติโดยมิชอบอย่างกว้างขวาง แต่ข้าราชการไม่สนใจสอบสวน[10]: 75
ทางการเลือกปฏิบัติโดยเข้าข้างพรรคที่สนับสนุน คสช. พลเอกประยุทธ์เดินทางไปทั่วประเทศและมีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรตลอดปี 2560 และ 2561 ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเป็นการรณรงค์เลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและก่อนกำหนด อีกทั้งมีการจัดการชุมนุมการเมืองก่อนยกเลิกคำสั่งห้ามดำเนินกิจกรรมการเมืองของ คสช.[10]: 59, 61 มีโครงการสวัสดิการของรัฐหลายโครงการที่เกิดขึ้นในช่วงรณรงค์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุและข้าราชการเกษียณ[10]: 76 การละเมิดทรัพยากรของรัฐในรูปการผูกโครงการสวัสดิการของรัฐและการรณรงค์เลือกตั้งเป็นไปโดยกว้างขวาง โดยมีการตั้งชื่อพรรคการเมือง "พลังประชารัฐ" ให้คล้ายกับโครงการของรัฐ[10]: 77 วันที่ 20 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้งทั่วไป คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 37,900 ล้านบาทเข้ากองทุนประชารัฐ และกระทรวงการคลังจ่ายเงินค่าป่วยการแก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 1 ล้านคน เป็นเงิน 1.8 พันล้านบาท และจ่ายเงินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา วงเงิน 2,922 ล้านบาท รวมตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2561 เป็นต้นมา รัฐบาลประยุทธ์อนุมัติงบประมาณอัดฉีดกว่า 80,000 ล้านบาท[61] รวมผู้ได้รับประโยชน์จากกองทุนเป็น 14 ล้านคน[10]: 77 พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแบบถือฝ่าย เช่น แนะให้ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยไปฟังเพลง "หนักแผ่นดิน" และสั่งให้กองทัพบกเปิดเพลงดังกล่าวทางสถานีวิทยุกองทัพบก แม้ต่อมาจะมีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว[62]
พรรคเพื่อไทยชูแนวนโยบายเศรษฐกิจ รวมทั้งนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ส่งเสริมธุรกิจเอกชน กระตุ้นการท่องเที่ยว ขยายสาธารณสุขภาครัฐ เลิกการเกณฑ์ทหาร และลดรายจ่ายกลาโหม[63] พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และให้คำมั่นขยายโครงการสวัสดิการ[63] พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายนิยมตลาดเสรี นิยมเจ้า ประกันราคาพืชผลเกษตร บริการฉุกเฉินโรงพยาบาลไม่เสียค่าใช้จ่ายและประกันรายได้ขั้นต่ำภาครัฐ[63] พรรคอนาคตใหม่มีนโยบายร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีนโยบายเสรีนิยมที่เน้นความโปร่งใสของรัฐบาล การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ลดรายจ่ายกลาโหมนำมาขยายสวัสดิการสังคมและสาธารณสุข[63] พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายกัญชาถูกกฎหมาย เวลาทำงานสี่วันต่อสัปดาห์ การตั้งสถานที่ทำงานร่วมกัน (co-working space)[63] พรรคชาติพัฒนามีนโยบายสร้างสนามกีฬา แหล่งพลังงานทางเลือก กำจัดหมอกควันและช่วยเหลือผู้พิการ[63] พรรคชาติไทยพัฒนามีนโยบายกระจายอำนาจ และการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและการศึกษา[63] พรรคเพื่อชาติมีนโยบายปรับปรุงสาธารณสุขต่างจังหวัด การขนส่งในเมือง และลดภาษีการขนส่งการเกษตร[63] พรรคประชาชาติมีแนวนโยบายการอยู่ร่วมกันระหว่างศาสนา การหาทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ และปราบปรามยาเสพติด[63] พรรคเสรีรวมไทยมีนโยบายลดขนาดกองทัพและย้ายหน่วยงานทหารออกนอกกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพัฒนาเศรษฐกิจต่างจังหวัด[63] ต้นเดือนมีนาคม 2562 พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ส่วนพรรคพลังประชารัฐเสนอเป็นวันละ 425 บาท ทำให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นนโยบายประชานิยม ทำไม่ได้จริง หรือทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน[64] การสำรวจพรรคการเมืองของสหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ (FIDH) พบว่าส่วนใหญ่ไม่เต็มใจผูกมัดแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน เพิ่มเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก และจำกัดบทบาทของกองทัพ[65]
หลังพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบในเดือนมีนาคม 2562 ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคไทยรักษาชาติหลายคนกลับไปเข้ากับพรรคเพื่อไทย รวมทั้งมีความพยายามถ่ายคะแนนไปยังพรรคเสรีรวมไทยและพรรคประชาชาติ[66] อดีตสมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติไปเข้ากับพรรคเพื่อชาติ มีอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง 1 คนไปเข้ากับพรรคภูมิใจไทย[66] และยังมียุทธวิธีการรณรงค์ไม่ประสงค์ลงคะแนน แต่กรรมการการเลือกตั้งมองว่าเป็นลักษณะที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม เพราะ "มีวัตถุประสงค์ให้มีคะแนนโหวตโนมากกว่าคะแนนผู้สมัคร ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการเลือกตั้ง"[66] อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่เป้าหมายเทคะแนนของอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ[66] แม้มีข่าวฐิติมา ฉายแสง อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง เชิญชวนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตตนเลือกผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่แทน[67] ด้านธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจปฏิเสธว่าโทรศัพท์คุยกับอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติเพื่อขอคะแนนเสียง[68]
ผลสำรวจ
ผลสำรวจพรรคการเมืองที่ต้องการ
ระยะเวลาการสำรวจ | องค์การที่สำรวจ | กลุ่มตัวอย่าง | เพื่อไทย | ประชาธิปัตย์ | พลังประชารัฐ | อนาคตใหม่ | อื่น ๆ | คะแนนนำ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4–6 มีนาคม 2562 | กรุงเทพโพลล์ | 1,735 | 21.7% | 15.5% | 19% | 12% | 0.9% | 8.9% |
1–28 กุมภาพันธ์ 2562 | มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | 1,431 | 19% | 24% | 12% | 27% | 18% | 3% |
15 กุมภาพันธ์ 2562 | FT Confidential Research[69] | 1,000 | 24% | 14% | 9% | 11% | 42% | 10% |
11 กุมภาพันธ์ 2562 | มหาวิทยาลัยรังสิต[70] | 8,000 | 16.90% | 18.30% | 21.50% | 7.40% | 35.9% | 3.20% |
4–7 กุมภาพันธ์ 2562 | นิด้า | 2,091 | 36.49% | 15.21% | 22.57% | 8.18% | 17.55% | 13.92% |
2–15 มกราคม 2562 | นิด้า | 2,500 | 32.72% | 14.92% | 24.16% | 11.00% | 17.20% | 8.56% |
24 ธันวาคม 2561 | มหาวิทยาลัยรังสิต[71] | 8,000 | 25.38% | 22.62% | 26.03% | 9.80% | 16.17% | 0.65% |
10–22 ธันวาคม 2562 | ซุปเปอรฺ์โพล / YouGov[72] | 1,094 | 38.30% | 22.80% | 4.70% | 24.40% | 9.80% | 13.90% |
24 พฤศจิกายน 2561 | มหาวิทยาลัยรังสิต[73] | 8,000 | 23.64% | 19.01% | 26.61% | 8.84% | 21.90% | 2.97% |
20–22 พฤศจิกายน 2561 | นิด้า | 1,260 | 31.75% | 16.98% | 19.92% | 15.63% | 15.72% | 11.83% |
17–18 กันยายน 2561 | นิด้า | 1,251 | 28.78% | 19.58% | 20.62% | 15.51% | 15.51% | 8.16% |
17–19 กรกฎาคม 2561 | นิด้า | 1,257 | 31.19% | 16.47% | 21.88% | 9.63% | 20.83% | 9.31% |
8–9 พฤษภาคม 2561 | นิด้า | 1,250 | 32.16% | 19.20% | 25.12% | 11.60% | 11.92% | 7.04% |
3 กรกฎาคม 2554 | การเลือกตั้ง 2554 | 32,525,504 | 48.41% | 35.15% | - | - | 16.44% | 13.26% |
หมายเหตุ: ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยรังสิตถูกกล่าวหาว่าไม่มีความน่าเชื่อถือเนื่องจากเชื่อว่ามีความลำเอียงต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ สังศิต พิริยะรังสรรค์ หัวหน้าผู้จัดทำการสำรวจ เป็นผู้สนับสนุนประยุทธ์อย่างเปิดเผย และผู้กังขากล่าวหาว่ามีการตกแต่งผลให้สำรวจให้เข้าข้างประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น[74] ต่อมา มีการประกาศว่าจะยุติการสำรวจโดยใช้ชื่อมหาวิทยาลัยเป็นผู้สำรวจเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงมหาวิทยาลัยเสียหาย[75] อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์สังศิตและมหาวิทยาลัยรังสิตยังออกผลสำรวจมาอีกครั้งหนึ่ง[70]
ผลสำรวจบุคคลเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องการ
ระยะเวลาการสำรวจ | องค์การที่สำรวจ | กลุ่มตัวอย่าง | ประยุทธ์ | สุดารัตน์ | อภิสิทธิ์ | ธนาธร | อื่น ๆ | คะแนนนำ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1–28 กุมภาพันธ์ 2562 | ม.อ. โพล | 1,431 | 10.30% | 8.00% | 12.00% | 16.10% | 53.60% | 4.10% |
4–7 กุมภาพันธ์ 2562 | นิด้า | 2,091 | 26.06% | 24.01% | 11.43% | 5.98% | 32.52% | 2.05% |
2–15 มกราคม 2562 | นิด้า | 2,500 | 26.20% | 22.40% | 11.56% | 9.60% | 30.24% | 3.08% |
24 ธันวาคม 2561 | มหาวิทยาลัยรังสิต[71] | 8,000 | 26.04% | 25.28% | 22.68% | 9.90% | 16.10% | 0.76% |
24 พฤศจิกายน 2561 | มหาวิทยาลัยรังสิต[73] | 8,000 | 27.06% | 18.16% | 15.55% | 9.68% | 29.55% | 8.90% |
20–22 พฤศจิกายน 2561 | นิด้า | 1,260 | 24.05% | 25.16% | 11.67% | 14.52% | 24.60% | 1.11% |
17–18 กันยายน 2561 | นิด้า | 1,251 | 29.66% | 17.51% | 10.71% | 13.83% | 28.29% | 1.37% |
17–19 มิถุนายน 2561 | นิด้า | 1,257 | 31.26% | 14.96% | 10.50% | 7.48% | 35.80% | 16.30% |
8–9 พฤษภาคม 2561 | นิด้า | 1,250 | 32.24% | 17.44% | 14.24% | 10.08% | 18.08% | 14.80% |
การเลือกตั้ง
คณะกรรมการการเลือกตั้งริเริ่มใช้แอปพลิเคชันอุปกรณ์เคลื่อนที่สามแอพสำหรับผู้ออกเสียงและเจ้าหน้าที่ แอพ "Smart Vote" มีข้อมูลเกี่ยวกักระบวนการเลือกตั้งและผู้สมัคร แอพมียอดดาวน์โหลดกว่า 100,000 ครั้ง, แอพ "ตาสัปปะรด" ซึ่งเข้าสู่ระบบด้วยเลขประจำตัวประชาชนใช้สำหรับร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลต่อ กกต. และแอพ "Rapid Report" ซึ่งให้เจ้าหน้าที่ใช้ส่งต่อผลการนับคะแนนขึ้นไปตามสายบังคับบัญชา[10]: 42–3
การเลือกตั้งล่วงหน้า
มีการตั้งศูนย์เลือกตั้งล่วงหน้า 395 แห่ง อย่างน้อยเขตเลือกตั้งละหนึ่งแห่ง นอกจากนี้ศูนย์เลือกตั้งล่วงหน้า 3 แห่งยังเป็นกล่องลงคะแนนเคลื่อนที่สำหรับผู้พิการ[10]: 31 กกต. เปิดเผยว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต 2.63 ล้านคน[76] มีผู้ออกมาใช้สิทธิในวันที่ 17 มีนาคม 2562 คิดเป็นร้อยละ 86.98 พบการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย 3 กรณี คือ 1. พบบุคคลนำบัตรเลือกตั้งทั้งเล่มไปทำเครื่องหมายให้ผู้สมัครพรรคการเมืองพรรคเดียวในจังหวัดสมุทรปราการ 2. มีการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้สิทธิแทนในจังหวัดอุทัยธานี และ 3. มีการทำเอกสารปลอมแจ้งว่า กกต. ไม่รับรองผู้สมัครคนหนึ่งที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีบางกรณีที่ผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไม่พบข้อมูลที่หน่วยเลือกตั้ง จนเมื่อตรวจสอบแล้วจึงให้ใช้สิทธิ[77] ด้านผู้ใช้สื่อสังคมแสดงความคิดเห็นว่ามีหลายกรณีที่แจกบัตรเลือกตั้งผิดเขตแล้วกรรมการไม่ยอมเปลี่ยนบัตรให้ ไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือทำให้เกรงว่าอาจมีการสับเปลี่ยนบัตรเลือกตั้ง[78]
การเลือกตั้งทั่วไป
มีผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งต่างประเทศ 11 ประเทศและองค์การระหว่างประเทศ 1 องค์การ[79] ด้านสหภาพยุโรปชี้แจงว่าไม่สามารถส่งผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งได้เพราะไม่ได้รับเชิญจากประเทศเจ้าภาพตามกำหนดทำให้ไม่มีเวลาเตรียมการ[80] มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) องค์การสังเกตการณ์การเลือกตั้งวิจารณ์กรรมการการเลือกตั้งว่าจัดการเลือกตั้งมีปัญหา เจ้าหน้าที่ประจำเขตเลือกตั้งหย่อนยานการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ ปล่อยให้มีเจ้าหน้าที่รัฐไปควบคุมการลงคะแนนของผู้มาใช้สิทธิ และไม่ป้องกันการทุจริตการเลือกตั้งเท่าที่ควร นอกจากนี้ยังวิจารณ์การใช้อิทธิพลของรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐ การทุ่มเงินซื้อเสียงทั้งในช่วงการปราศรัยหาเสียงและในช่วงคืนก่อนใกล้เลือกตั้งในหลายพื้นที่[81] เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (ANFREL) ระบุว่ามีการอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการใช้ล้อเข็นและผู้พิการทางสายตา แต่วิจารณ์ว่าในบางพื้นที่มีการตรวจบัตรประชาชนของผู้ออกเสียงไม่เพียงพอ และจุดเลือกตั้งบางจุดจงใจจัดไว้ใกล้กับร้านธงฟ้าประชารัฐซึ่งเป็นโครงการของรัฐ[10]: 83–4 มีผู้แทนจากพรรคการเมืองและผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งในประเทศน้อย มีผู้สังเกตการณ์ของ ANFREL คนหนึ่งถูกตำรวจขอให้ส่งมอบข้อมูลที่บันทึกด้วย[10]: 85 กระบวนการนับคะแนนในสถานีเลือกตั้งส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสุจริต แต่ขาดความโปร่งใสอย่างร้ายแรงในขั้นตอนการทำตารางคะแนนและการรวมคะแนน นอกจากนี้ การนับคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะเพียงพอ[10]: 86
การหยั่งเสียงเลือกตั้งจากผู้ใช้สิทธิ์แล้ว (exit poll) ทุกสำนักให้พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. มากที่สุดแต่ไม่พอจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ตามมาด้วยพรรคพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ ยกเว้น Exclusive Poll ที่ให้พรรคพลังประชารัฐมากกว่าเพื่อไทย
สวนดุสิตโพล[82] | ซูเปอร์โพล[83] | Exclusive Poll[84] | |
---|---|---|---|
เพื่อไทย | 173 | 163 | 130–135 |
พลังประชารัฐ | 96 | 96 | 135–140 |
ประชาธิปัตย์ | 88 | 77 | 85–90 |
ภูมิใจไทย | 40 | 59 | 65–70 |
อนาคตใหม่ | 49 | 40 | 20 |
ผลการเลือกตั้ง
ผลอย่างเป็นทางการ
↓ | |||||
คะแนนเสียง | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|
เพื่อไทย | 7,881,006 | 22.16 |
136 | 0 | 136 / 500
| |
พลังประชารัฐ | 8,441,274 | 23.74 |
97 | 19 | 116 / 500
| |
อนาคตใหม่ | 6,330,617 | 17.80 |
31 | 50 | 81 / 500
| |
ประชาธิปัตย์ | 3,959,358 | 11.13 |
33 | 20 | 53 / 500
| |
ภูมิใจไทย | 3,734,459 | 10.50 |
39 | 12 | 51 / 500
| |
เสรีรวมไทย | 824,284 | 2.32 |
0 | 10 | 10 / 500
| |
ชาติไทยพัฒนา | 783,689 | 2.20 |
6 | 4 | 10 / 500
| |
ประชาชาติ | 481,490 | 1.35 |
6 | 1 | 7 / 500
| |
เศรษฐกิจใหม่ | 486,273 | 1.37 |
0 | 6 | 6 / 500
| |
เพื่อชาติ | 421,412 | 1.19 |
0 | 5 | 5 / 500
| |
รวมพลังประชาชาติไทย | 415,585 | 1.17 |
1 | 4 | 5 / 500
| |
ชาติพัฒนา | 244,770 | 0.69 |
1 | 2 | 3 / 500
| |
พลังท้องถิ่นไท | 214,189 | 0.60 |
0 | 3 | 3 / 500
| |
รักษ์ผืนป่าประเทศไทย | 134,816 | 0.38 |
0 | 2 | 2 / 500
| |
พลังปวงชนไทย | 80,186 | 0.23 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
พลังชาติไทย | 73,421 | 0.21 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
ประชาภิวัฒน์ | 69,431 | 0.20 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
พลังไทยรักไทย | 60,434 | 0.17 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
ไทยศรีวิไลย์ | 60,354 | 0.17 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
ครูไทยเพื่อประชาชน | 56,633 | 0.16 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
ประชานิยม | 56,264 | 0.16 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
ประชาธรรมไทย | 48,037 | 0.14 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
ประชาชนปฏิรูป | 45,420 | 0.13 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
พลเมืองไทย | 44,961 | 0.13 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
ประชาธิปไตยใหม่ | 39,260 | 0.11 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
พลังธรรมใหม่ | 35,099 | 0.10 |
0 | 1 | 1 / 500
| |
อื่น ๆ | 57,344 | 0.16 |
0 | 0 | 0 / 500
| |
คะแนนสมบูรณ์ | 35,561,556 | 100 | 350 | 150 | 500 | |
คะแนนเสีย | 2,130,327 | 5.57 | ||||
ไม่ประสงค์ลงคะแนน | 605,392 | 1.58 | ||||
จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง | 38,268,366 | 74.69 | ||||
จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง | 51,239,638 | |||||
ที่มา: คณะกรรมการการเลือกตั้ง คะแนนเสียง ส.ส. แบบแบ่งเขต, ผล ส.ส. แบบแบ่งเขต, ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ |
ผลการเลือกตั้งปี 2562 มีห้าพรรคซึ่งประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ อนาคตใหม่ ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยได้ที่นั่งร้อยละ 86.8 ในสภาล่าง เมื่อเทียบกับในปี 2554 ซึ่งพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์สองพรรคครองที่นั่งเกินร้อยละ 80[85]: 165 พรรคเพื่อไทยยังรักษาอัตราชนะเลือกตั้งที่ร้อยละ 54.4 และครองฐานเสียงในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือไว้ได้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้แพ้ใหญ่สุดในการเลือกตั้ง โดยเสียฐานในภาคใต้ตอนบนและกรุงเทพมหานคร สำหรับพรรคพลังประชารัฐและอนาคตใหม่ซึ่งเป็นพรรคใหม่เป็นผู้ชนะรายใหญ่สุด ส่วนหนึ่งจากสภาพที่มีการแบ่งขั้วอย่างสูงในการเมืองไทย โดยผู้สมัครอดีต ส.ส. ที่พรรคพลังประชารัฐดูดจากพรรคอื่นได้รับเลือกตั้งกลับมาเกินครึ่ง และพรรคอนาคตใหม่ใช้สื่อสังคมทำให้ได้รับเสียงจากเยาวชน ผู้เลือกตั้งครั้งแรกและคนในเขตเมืองทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคกลางและภาคตะวันออก[85]: 165–7
ความสับสนเรื่องการประกาศผลการเลือกตั้ง
คืนวันเลือกตั้ง หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้วเสร็จไปร้อยละ 93 พบว่าพรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด (7.59 ล้านคะแนน) รองลงมาสี่อันดับได้แก่ พรรคเพื่อไทย (7.12 ล้านคะแนน) พรรคอนาคตใหม่ (5.23 ล้านคะแนน) พรรคประชาธิปัตย์ (3.23 ล้านคะแนน) และพรรคภูมิใจไทย (3.20 ล้านคะแนน) พรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. พึงมีจำนวนไล่เลี่ยกัน แต่พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. แบบแบ่งเขตมากกว่า[86] กรรมการการเลือกตั้งเปิดเผยว่า มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งคิดเป็นร้อยละ 65.96 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด 51.2 ล้านคน เป็นบัตรเสียร้อยละ 5.6 และไม่ประสงค์ลงคะแนนร้อยละ 1.5[87] อย่างไรก็ดี กรรมการการเลือกตั้งกลับตัดสินใจเลื่อนการประกาศผลการเลือกตั้งในคืนวันเลือกตั้งโดยอ้างว่า "ไม่มีเครื่องคิดเลข"[88] การเลื่อนการประกาศผลทำให้มีความกังวลว่าอาจมีการโกงการเลือกตั้ง[89] วันรุ่งขึ้น กรรมการการเลือกตั้งประกาศผู้ได้รับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตอย่างไม่เป็นทางการทั้ง 350 เขต[90] กรรมการการเลือกตั้งกล่าวโทษสื่อต่าง ๆ ว่ามีข้อผิดพลาดของมนุษย์ทำให้ตัวเลขที่ได้ไม่ตรงกัน[91] และให้รอคะแนนทั้ง 350 เขตในภายหลัง[92] ทั้งนี้ กกต. จะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เพราะต้องไต่สวนสำนวนที่อาจมีผลเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้ได้รับเลือกตั้งก่อน[91] มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 186 เรื่อง[93] ผลการเลือกตั้งทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่นั่งส่วนเกิน (overhang) ซึ่งพรรคเพื่อไทยชนะได้ ส.ส. แบบแบ่งเขตมากกว่า ส.ส. พึงมี ทำให้เหลือที่นั่งสำหรับ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อไม่ถึง 150 ที่นั่ง ในกรณีนี้เคยมีการอภิปรายแล้วว่าจะ "ต้องปรับสูตรคำนวณจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อให้เท่ากับ 150 คน ด้วยการใช้เทียบบัญญัติไตรยางค์"[94]
กกต. ประกาศคะแนนมหาชนของแต่ละพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มีนาคม 2562 นอกจากนี้ ยังประกาศว่าผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 38.26 ล้านคน (ร้อยละ 74.69) โดยอ้างว่าตัวเลขผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเดิมคิดโดยยึดฐานข้อมูลขณะประกาศผลร้อยละ 93[95] ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งและร้อยละของผู้มาใช้สิทธิที่ กกต. แถลงไว้เมื่อวันที่ 24 กับ 28 มีนาคม 2562 ไม่ตรงกัน[96] กกต. ลบผลคะแนนมหาชนในวันที่ 28 พฤษภาคมหลังมีข้อค้นพบดังกล่าว กรรมการการเลือกตั้งคนหนึ่งระบุว่าสาเหตุที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งไม่ตรงกันนั้นเป็นเพราะมีผู้มาใช้สิทธิบางส่วนมาลงทะเบียนแล้วแต่ไม่ได้ลงคะแนน[93] วันที่ 4 เมษายน กกต. สั่งนับคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั้ง 2 หน่วย และจัดการเลือกตั้งใหม่ใน 6 หน่วยมีกำหนดในวันที่ 21 เมษายน 2562 กกต. แถลงว่าให้นับคะแนนใหม่เพราะผลการนับคะแนนไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิและจำนวนบัตรเลือกตั้ง ส่วนหน่วยที่มีคำสั่งให้จัดการเลือกตั้งใหม่นั้นเนื่องจากผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกับจำนวนบัตรเลือกตั้ง[97] โดยหน่วยเลือกตั้งที่มีคำสั่งให้นับคะแนนใหม่ ได้แก่ หน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดขอนแก่น ซึ่งผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยชนะ[97] ส่วนหน่วยเลือกตั้งที่มีคำสั่งให้จัดการเลือกตั้งใหม่ มีจำนวน 6 หน่วย โดยเป็นหน่วยที่ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยชนะ 4 หน่วย และหน่วยที่ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐชนะ 2 หน่วย[97]
วันที่ 21 เมษายน 2562 มีการเลือกตั้งซ่อมใน 254 หน่วยเลือกตั้งหลังพบว่ามี "บัตรเขย่ง" อย่างไรก็ตาม ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงผู้ชนะการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ยกเว้นในจังหวัดนครปฐม โดยจะมีการประกาศผลนับคะแนนใหม่ในวันที่ 28 เมษายน[98] วันที่ 23 เมษายน 2562 กกต. มีมติเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เพราะ "สัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด" และให้จัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 26 พฤษภาคม โดยพรรคเพื่อไทยจะเสียคะแนนเดิมในเขตนี้[98] นอกจากนี้ยังกรณีที่พบว่า กกต. จังหวัดกับเลขา กกต. รายงานผลการเลือกตั้งส.ส. เขต 1 นครปฐมไม่ตรงกัน โดย กกต. จังหวัดรายงานว่าผู้สมัครพรรรคอนาคตใหม่ชนะ ส่วนเลขา กกต. รายงานว่าผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ชนะ[99]
การคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ
กฎหมายไม่ได้กำหนดสูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อชัดเจน มีการเปิดเผยว่าสูตรการคำนวณจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อแบ่งได้ 3 สูตร ซึ่งอาจทำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กมีที่นั่งเปลี่ยนแปลงถึง 7 ที่นั่ง[100] โดยก่อนการเลือกตั้ง กกต. ประมาณว่าพรรคจะที่ได้รับจัดสรร ส.ส. บัญชีรายชื่อต้องได้คะแนนเสียงขั้นต่ำ 70,000 คะแนน[101] วันที่ 5 เมษายน 2562 กกต. เปิดเผยสูตรคำนวณจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากการมีที่นั่งเกินทำให้มีการจัดสรรที่นั่งให้แก่พรรคการเมืองขนาดเล็กเพิ่มรวม 25 พรรค ทั้งนี้ กกต. แถลงว่าจำนวนดังกล่าวยึดตัวเลขที่ประกาศเมื่อวันที่ 28 มีนาคม[102] สูตรดังกล่าวลดคะแนนเสียงขั้นต่ำเหลือ 35,000 คะแนน[101] วันที่ 11 เมษายน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความการใช้สูตรเพื่อจัดสรร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อให้แก่พรรคการเมืองที่มี ส.ส. พึงมีน้อยกว่า 1 คนชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่[103] ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับเรื่องดังกล่าวเพราะ กกต. ไม่มีอำนาจ[104] วันที่ 26 เมษายน 2562 ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย[105]
วันที่ 7 พฤษภาคม 2562 กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง 349 เขต ยกเว้นเขตเลือกตั้งที่ 8 จังหวัดเชียงใหม่ที่ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยชนะ โดย กกต. สั่งตัดสิทธิผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ทว่า กกต. ยังไม่ประกาศคะแนนมหาชนของแต่ละพรรคการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงตามผู้สมัครเขตต่าง ๆ ที่ถูกตัดสิทธิ[106] วันต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยด้วยมติเอกฉันท์ว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 128 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91[107] และ กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 149 คน ซึ่งรวมพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งมากกว่า ส.ส. พึงมีรวม 11 พรรคด้วย[a][108]
พรรคเพื่อไทย[109] พรรคประชาธิปัตย์[110] และพรรคอนาคตใหม่[111] ประกาศคัดค้านสูตรคำนวณ ส.ส. ที่ กกต. ใช้ เช่นเดียวกับปัจเจกบุคคล เช่น สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.[112] และลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ เลขาธิการพีเน็ต[113] นอกจากนี้ได้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์และการติดแฮชแท็กบนทวิตเตอร์ โดยเรียก ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อจากพรรคการเมืองขนาดเล็กซึ่งได้คะแนนเสียงต่ำกว่า 71,000 คะแนนจำนวน 11 พรรค ว่าเป็น "ส.ส. เอื้ออาทร"[114][115]
ผลสืบเนื่อง
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของสหราชอาณาจักรรายงานว่า คนไทยอาจต้องการเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมมากกว่าสนใจปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และการเมืองไทยน่าจะแบ่งขั้วรุนแรงยิ่งกว่าเก่า ด้านแชแนลนิวส์เอเชียและหนังสือพิมพ์เดอะสเตรตส์ไทมส์ของสิงคโปร์ระบุว่าแม้พรรคพลังประชารัฐได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ก็จะเป็นรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพและไม่สามารถผ่านกฎหมายได้[116] สื่อวิเคราะห์สาเหตุที่พรรคพลังประชารัฐได้รับความนิยมไปต่าง ๆ นานา สำนักข่าวรอยเตอส์รายงานว่า น่าจะมีอิทธิพลของสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องด้วยไม่มากก็น้อย ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานว่า ทักษิณ ชินวัตรใช้ความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์มากเกินไปทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรง[116] คาร์โล โบนูรา อาจารย์จากวิทยาลัยบูรพคดีศึกษาและการศึกษาแอฟริกา ระบุว่า "ฝ่ายผู้นำทหารสามารถดึงตัวนักการเมืองที่มีประสบการณ์มาร่วมพรรคที่สนับสนุนทหารได้ และการเลือกตั้งในไทยมีการยึดต่อตัวบุคคลสูงมาก"[117] นอกจากนี้ พรรคอนาคตใหม่ที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับสามจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยในการเมืองไทย[116] ทีมข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มองว่าในสภาวะที่ "ฝ่ายพรรคการเมือง" และ "ฝ่ายรัฐประหาร" ไม่สามารถตั้งรัฐบาลใหม่ได้ รัฐบาลประยุทธ์จะได้เป็นรัฐบาลต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งในสภาวะทางตันเช่นนี้ อาจต้องอาศัยประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข[118] เควิน เฮวีสัน ศาสตราจารย์กิตติคุณจากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ระบุว่า กกต. อาจตัดสิทธิผู้ชนะการเลือกตั้งบางคนจนถึงขั้นยุบพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งอาจทำให้เกิดการประท้วงตามท้องถนนอีก หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจมีรัฐประหารอีกครั้ง[119] เดวิด สเตร็คฟัส นักวิชาการชาวอเมริกัน ระบุว่า ประเทศไทยได้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และการเลือกตั้งที่เป็นผลดีต่อทหาร[120] ด้าน รศ. ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ กล่าวว่า "นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง มันคือการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยภายใต้การดูแลทหาร"[120] นักวิเคราะห์ยังมองว่า ประเด็นเรื่องทักษิณ ชินวัตรจะมีความสำคัญน้อยลงในการเมืองไทย แต่จะเปลี่ยนไปเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการมากขึ้น[119]
การเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค
คืนวันเลือกตั้ง หลังนับคะแนนไปได้ประมาณร้อยละ 90 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคหลังพรรคมีโอกาสสูงที่จะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรน้อยกว่า 100 ที่นั่งตามการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์อาจมีโอกาสไปตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ[121] วันที่ 15 พฤษภาคม จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่[122]
การจัดตั้งรัฐบาล
วันที่ 25 มีนาคม 2562 พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าตนได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตมากที่สุด จึงขอตั้งรัฐบาล[123] ด้านพรรคพลังประชารัฐซึ่งแถลงว่าพรรคได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนมากที่สุดระบุว่าพร้อมจัดตั้งรัฐบาลเช่นกัน[124] พรรคอนาคตใหม่แถลงไม่เสนอชื่อธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะให้พรรคที่ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันดับหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมเสนอเงื่อนไขร่วมรัฐบาล คือ ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและให้พลเรือนควบคุมกองทัพ[125] สำหรับพรรคภูมิใจไทยกำหนดเงื่อนไขร่วมรัฐบาลว่าต้องมีนโยบายกัญชาเสรี[126] ธนาธรกล่าวว่าพร้อมสนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีแม้ไม่ได้เป็น ส.ส. เนื่องจากนายกรัฐมนตรีควรมาจากพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร และสิ่งสำคัญอันดับแรกคือการยุติการสืบทอดอำนาจ[127] มีข่าวลือว่าพรรคภูมิใจไทยเจรจากับพรรคพลังประชารัฐเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยขอตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังเตรียมเจรจาตำแหน่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้พรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย[128] วันที่ 27 มีนาคม 2562 พรรคเพื่อไทยนำพรรคพันธมิตรทางการเมืองรวม 6 พรรค ได้แก่ พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเพื่อชาติและพรรคพลังปวงชนไทยประกาศตั้งรัฐบาล โดยมีผู้แทนจากพรรคการเมืองดังกล่าวยกเว้นพรรคเศรษฐกิจใหม่เข้าร่วมลงนามสัตยาบันคัดค้านการสืบทอดอำนาจ คสช. ด้านมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ชี้แจงว่าแม้ตนไม่ได้เข้าร่วม แต่ส่งสารมาสนับสนุน[129]
ช่วงเดือนเมษายน 2562 มีผู้เสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และให้มีนายกรัฐมนตรีนอกเหนือจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองต่าง ๆ เสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการเมืองไม่มีทางออก ซึ่งรัฐธรรมนูญก็เปิดช่องไว้[130] วันที่ 25 เมษายน 2562 หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ลงข่าวว่า พรรคพลังประชารัฐสามารถรวบรวมเสียง ส.ส. ได้ถึง 270 ที่นั่ง ประกอบด้วยพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา รวมพลังประชาชาติไทย เศรษฐกิจใหม่ พลังท้องถิ่นไท และ ส.ส. พรรคอื่นที่จะขัดมติพรรคอีก 40 คน[131]
ช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 หลัง กกต. ประกาศรายชื่อ ส.ส. มีข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนาไม่พอใจกับโควตารัฐมนตรีที่ได้รับ และว่าพรรคพลังประชารัฐยึดกระทรวงเศรษฐกิจไว้เองทั้งหมด นอกจากนี้ยังอึดอัดใจที่จะสนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี และการมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และบุคคลจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติร่วมรัฐบาล[132] ด้านธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่ากำลังรวบรวมเสียงจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ซึ่งมี ส.ส. รวม 378 ที่นั่ง แต่ไม่ตอบว่าจะสนับสนุนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจากพรรคประชาธิปัตย์ หรืออนุทิน ชาญวีรกุลจากพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่[133]
วันที่ 27 พฤษภาคม 2562 พรรคภูมิใจไทยประกาศจะตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ โดยมีกระแสข่าวว่าพรรคจะได้รับจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา[134] อย่างไรก็ดี หลังมีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐด้วย พรรคภูมิใจไทยก็ว่าตนก็อาจไม่เข้าร่วมเช่นกัน[135] ต้นเดือนมิถุนายน 2562 มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์เจรจาได้ที่นั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์[136] และมีมติร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ[137]
วันที่ 5 มิถุนายน 2562 สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาลงมติเลือกพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย โดยได้รับคะแนนเสียงจาก ส.ส. ทั้งหมด 19 พรรค นับเป็นรัฐบาลผสมที่มีพรรคการเมืองจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม จนถึงเดือนกรกฎาคมยังไม่สามารถตั้งรัฐบาล โดยมีข่าวนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลชิงตำแหน่งรัฐมนตรีกันอยู่เนือง ๆ[138] มีข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐจะยึดกระทรวงที่เคยตกลงไว้กับพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์[139] สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนประกาศลาออกจากพรรคหลังพรรคเข้าร่วมรัฐบาลและสนับสนุนประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี[140][141][142] ส่วนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.[143]
วันที่ 10 กรกฎาคม 2562 มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งบีบีซีไทยระบุว่ามาจากพรรคพลังประชารัฐ 18 คน (โควตาประยุทธ์ 7 คน โควตาพรรค 3 คน โควตา กปปส. 2 คน โควตากลุ่มสามมิตร 2 คน โควตามุ้ง 4 คน) พรรคประชาธิปัตย์ 7 คน ภูมิใจไทย 7 คน ชาติไทยพัฒนา 2 คน รวมพลังประชาชาติไทย 1 คน และชาติพัฒนา 1 คน[144]
คดีความและการพิจารณาเพิกถอนสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ช่วงต้นเดือนเมษายน 2562 ทางการไทยแจ้งข้อหาต่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ รศ. ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำพรรคอนาคตใหม่ ในคดียุยงปลุกปั่นเกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116[145] วันที่ 18 เมษายน 2562 ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ยื่น กกต. ขอให้ยุบพรรคตนเองเพราะชื่อว่ามีคนนอกครอบงำพรรค รวมทั้งขอให้ กกต. ไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง[146] วันที่ 26 เมษายน 2562 ผู้ชนะการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตพรรคพลังประชารัฐคนหนึ่งถูกยื่นสอบคุณสมบัติผู้สมัครเพราะถือหุ้นสื่อ[147]
ปฏิกิริยา
แกนนำพรรคเพื่อไทยแถลงในคืนวันเลือกตั้งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความไม่ชอบมาพากล มีการใช้เงินมากในบางพื้นที่ และมีการส่งบุคลากรมาพบสมาชิกพรรคเพื่อไทยในช่วง 2 วันก่อนการเลือกตั้ง[148] ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนลงหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์วิจารณ์กรรมการการเลือกตั้งที่เปิดเผยผลการเลือกตั้งเบื้องต้นอย่างเป็นทางการล่าช้า ซึ่งแสดงว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติกลัว ทักษิณชี้ว่าในบางพื้นที่มีคะแนนที่ผู้สมัครได้รับเกินผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งที่ กกต. กลางออกไม่ตรงกับคะแนนที่สถานีเลือกตั้ง มีรายงานว่าบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนเสียงไม่ถูกต้องแต่เลือกพรรคพลังประชารัฐกลับถูกนับเป็นบัตรดี และมีบัตรเลือกตั้งถูกนับเป็นบัตรเสียมากจนน่ากังขา[149] ด้านสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปเรียกร้องให้ทางการสอบสวนความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้ง ฝ่ายสหรัฐเรียกร้องให้กรรมการการเลือกตั้งเปิดเผยผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการโดยเร็ว[150] คณะกรรมการการเลือกตั้งยืนยันว่าไม่มีบัตรปลอมและบัตรเกิน พร้อมขู่ว่าหากแบ่งปันข่าวปลอมดังกล่าวจะมีความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550[151]
พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า มีการเตรียมกำลังและที่คุมขังพร้อมรับการชุมนุมคัดค้านผลการเลือกตั้ง[152] วันที่ 28 มีนาคม 2562 ผู้บัญชาการห้าเหล่าทัพแถลงจุดยืนร่วมกันว่าการดำเนินการตามพระบรมราโชวาทให้คนดีปกครองบ้านเมือง และให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง[153]
สภาพไม่แน่นอนหลังการเลือกตั้งทำให้ต่างชาติชะลอการลงทุนในประเทศไทย โดยตั้งแต่ต้นปี 2562 ไฟแนนเชียลไทมส์ คำนวณว่าต่างชาติถอนเงินจากตลาดหุ้นและพันธบัตร 730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[154]
วันที่ 2 เมษายน 2562 พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แถลงให้ประชาชนทุกฝ่ายสามัคคีกันและเคารพกติกา สาธยายพฤติกรรมของนักการเมืองในอดีต พร้อมทั้งกล่าวหาผู้ไปศึกษาต่อต่างประเทศบางคนว่ามีพฤติการณ์พยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข[155]
การประท้วงคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องส่วนใหญ่รู้สึกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งลำเอียงเข้าข้างพรรคพลังประชารัฐ เมื่อดูจากการปฏิบัติต่อพรรคพลังประชารัฐเมื่อเทียบกับพรรคอื่น[10]: 53 คณะกรรมการการเลือกตั้งตัดสิทธิ์ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยคนหนึ่งฐานบริจาคเงินในช่วงรณรงค์หาเสียง และผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่คนหนึ่งฐานเป็นเจ้าของบริษัทสื่อทั้งที่ยังไม่ได้ประกอบธุรกิจ อย่างไรก็ดี ผู้สมัครรายอื่นอีกหลายคนก็บริจาคเงินระหว่างรณรงค์หาเสียงและถือหุ้นสื่อเช่นเดียวกัน แต่ไม่ถูกตัดสิทธิ[10]: 55, 57
วันที่ 27 มีนาคม 2562 สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเตรียมรวบรวมรายชื่อประชาชน 20,000 คนเพื่อยื่นถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้งหลังมีมติให้บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจากประเทศนิวซีแลนด์เป็นโมฆะ[55] มีการตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้งในพื้นที่ 9 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ[156] แต่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่ให้จัดกิจกรรมดังกล่าว จึงย้ายไปอยู่หน้าประตูทางเข้าแทน[157] มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบไปสังเกตการจัดกิจกรรมดังกล่าวที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยระบุว่าไปดูว่าทำผิดกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะหรือไม่[158] ในวันที่ 31 มีนาคม 2562 มีการตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อบริเวณแยกราชประสงค์[159] และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ[160] วันที่ 1 เมษายน บนเว็ปไซต์ change.org มีการร่วมลงชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งในวันที่ 30 มีนาคม สามารถรวบรวมรายชื่อได้ถึง 800,000 รายชื่อแล้ว[161] องค์การที่ยื่นหนังสือเพื่อต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้ถอดถอน กกต. ได้แก่ เครือข่ายคนรุ่นใหม่[162] และสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย[163]
วันที่ 8 เมษายน 2562 กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาติดตามการเลือกตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออ่านแถลงการณ์ระบุถึงความหย่อนสมรรถนะของ กกต.[164] วันที่ 10 เมษายน นักวิชาการเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองเข้ายื่นจดหมายต่อ กกต. ให้เปิดเผยคะแนนอย่างโปร่งใสและให้ถอนฟ้องประชาชนที่วิจารณ์ กกต. เช่นเดียวกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมและสิทธิมนุษยชนจำนวน 63 องค์การ[165] วันที่ 11 เมษายน มีการจัดกิจกรรมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อเรียกร้องให้ กกต. ถอนฟ้องประชาชน[166]
เชิงอรรถ
- ↑ ต่อมาผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 เชียงใหม่ทำให้พรรคไทรักธรรมเสียที่นั่ง จึงเหลือพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งมากกว่า ส.ส. พึงมี 10 พรรค
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 Thailand to hold fresh election on 20 July BBC News, 30 April 2014
- ↑ Yueh, Linda (26 November 2014). "Thailand's elections could be delayed until 2016". BBC World News. BBC. สืบค้นเมื่อ 10 June 2015.
- ↑ Peel, Michael (19 May 2015). "Generals postpone Thailand elections for at least six more months". Financial Times. สืบค้นเมื่อ 10 June 2015.
{{cite news}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|subscription=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-access=
) (help) - ↑ "PM backpedals on staying on". The Nation. Nation Multimedia Group. 9 June 2015. สืบค้นเมื่อ 10 June 2015.
- ↑ Peel, Michael (30 January 2018). "Thailand's PM Prayut Chan-o-cha says he needs more time in office to prepare for election". Straits Times. สืบค้นเมื่อ 30 January 2018.
- ↑ "มีอะไรน่าสนใจ เมื่อ กกต. เปิดจดทะเบียนพรรคใหม่ 2 มี.ค." 1 มีนาคม 2561. สืบค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2561.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "การเมือง'วิษณุ' วางไทม์ไลน์เลือกตั้งช้าสุด 5 พ.ค. 62". Workpoint. 26 June 2018. สืบค้นเมื่อ 4 September 2018.
- ↑ Nguyen, Anuchit; Thanthong-Knight, Randy (2019-01-23). "Thailand to Hold First General Election Since Coup in 2014". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 23 January 2019.
- ↑ สงสกุล, พลวุฒิ (03.10.2018). "ทำความเข้าใจก่อนไปเลือกตั้ง ส.ส. ใช้บัตรใบเดียว เลือกได้เพียงหนึ่ง 'คนที่รัก' หรือ 'พรรคที่ใช่'". The Standard. สืบค้นเมื่อ 2562-02-08.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ 10.00 10.01 10.02 10.03 10.04 10.05 10.06 10.07 10.08 10.09 10.10 10.11 10.12 10.13 10.14 10.15 10.16 10.17 10.18 10.19 10.20 10.21 The 2019 Thai General Election:A Missed Opportunity for Democracy. The Asian Network for Free Elections (ANFREL). ISBN 978-616-8264-00-3.
- ↑ 11.0 11.1 "เลือกตั้ง 2562: พลิกสูตรคำนวณยอด ส.ส. กับยุทธศาสตร์ "แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย"". บีบีซีไทย. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ (21 มกราคม 2019). "เลือกตั้ง 2562 : ที่สุดที่คุณอาจยังไม่รู้ก่อนเข้าคูหา". บีบีซีไทย. สืบค้นเมื่อ 2019-08-02.
- ↑ Limited, Bangkok Post Public Company. "Young voters find voice". bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-30.
- ↑ "Most people confused by new electoral system: Nida Poll". Bangkok Post. 11 Nov 2018. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
- ↑ 15.0 15.1 "Election has already been won, so what now? - The Nation". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ "EC completes redrawing of constituencies - The Nation". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ Limited, Bangkok Post Public Company. "Watchdog demands govt stop meddling with EC". bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ "EC under microscope for gerrymandering over designing of boundaries - The Nation". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ Limited, Bangkok Post Public Company. "New EC boundary ruling under fire". bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
- ↑ "EC completes redrawing of constituencies". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-12-26.
- ↑ "Parties accuse EC of bias in constituency mapping". The Nation (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-12-26.
- ↑ Rojanaphruk, Pravit; Writer, Senior Staff (2018-11-30). "Parties Fume Over New 'Gerrymandered' Electoral Map". Khaosod English (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2018-12-26.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, เล่ม ๑๓๕, ตอน ๑๐๑ ก, ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑,
- ↑ Pravit Rojanaphruk (March 7, 2019). "Poll Observers Give 'F' Grade to Election Commission". Khaosod English. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : เพื่อไทย ส่งผู้สมัคร ไม่ครบทั่วประเทศ ครั้งแรกในรอบ 17 ปี". บีบีซีไทย. 4 กุมภาพันธ์ 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-08-02.
- ↑ 26.0 26.1 26.2 26.3 26.4 26.5 26.6 McCargo, Duncan. "Anatomy: Future Backward". Contemporary Southeast Asia. 41 (2). doi:10.1355/cs41-2a. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
{{cite journal}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า s:|month=
และ|coauthors=
(help) - ↑ "เลือกตั้ง 2562 ผู้สมัครส.ส.ทะลุหมื่นคน มากกว่าปี 2554 กว่า 3 เท่า". ไทยรัฐ. 8 ก.พ. 2562. สืบค้นเมื่อ 2562-02-08.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ Limited, Bangkok Post Public Company. "PM allows ministers to back parties". https://www.bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2019-01-08.
{{cite web}}
: แหล่งข้อมูลอื่นใน
(help)|website=
- ↑ "เลือกตั้ง 62 l เปิดคำพูด แถลงการณ์ ส่องจุดยืนแต่ละพรรคการเมือง "เลือกไหมนายกฯ ชื่อประยุทธ์?"". Workpoint News. 12 กุมภาพันธ์ 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-11.
- ↑ "โพสต์หมดเวลาเกรงใจแล้ว มาร์คยัน ไม่สนับสนุน "บิ๊กตู่" (คลิป)". ไทยรัฐ. 11 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-11.
- ↑ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์, อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์” (2019-02-06). เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand (Full) | 6 ก.พ. 62 | เจาะลึกทั่วไทย (YouTube). กรุงเทพมหานคร: SpringNews. เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ 8:00. สืบค้นเมื่อ 2019-02-09.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : 8 ก.พ. ไทยรักษาชาติ กับ จุดเปลี่ยนการเมือง "ระดับแผ่นดินไหว" ?". บีบีซีไทย. 7 กุมภาพันธ์ 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ "ครั้งประวัติศาสตร์! ทูลกระหม่อมฯ ตอบรับ ไทยรักษาชาติ ลงชิงนายกฯ". ข่าวสด. 8 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ "Princess Ubolratana: Thai royal to stand as PM candidate". Thailand General Election 2019. Bangkok: BBC. 2019-02-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-09. สืบค้นเมื่อ 2019-02-09.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : ไพบูลย์ ยื่น กกต. ระงับ ทษช. หยุดเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ". บีบีซีไทย. 2019-02-08. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ ""ไพบูลย์" ขอ กกต.ระงับแคนดิเดตนายกฯ ทษช". กรุงเทพมหานคร: ไทยพีบีเอส. 2019-02-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-09. สืบค้นเมื่อ 2019-02-09.
- ↑ "Thailand's king condemns bid by sister to become PM". BBC. กรุงเทพมหานคร. 2019-02-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-08. สืบค้นเมื่อ 2019-02-08.
- ↑ "กกต.ประกาศชื่อแคนดิเดตนายกฯพรรคการเมืองแล้ว 45 พรรค ไม่มีชื่อพรรคไทยรักษาชาติ". มติชนออนไลน์. 11 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 11-02-2562.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เลือกตั้ง 2562 : ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามที่ กกต. ยื่น". บีบีซีไทย. 14 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2562.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "ยุบ'ไทยรักษาชาติ'! ฐานทำ'สถาบัน'เสื่อม". เดลินิวส์. 7 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 7 มีนาคม 2562.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "ร้อง กกต.ยุบพลังประชารัฐคัดค้าน "ตู่" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี". ไทยรัฐ. 16 ก.พ. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-02-27.
- ↑ ""ประยุทธ์"รอด!ผู้ตรวจฯชี้ ไม่มีสถานะ"จนท.อื่นของรัฐ"". เดลินิวส์. 14 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-14.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : "พลังประชารัฐ" รอดยุบพรรค ระดมทุนโต๊ะจีนไร้เงินต่างชาติ". ไทยพีบีเอส. 12 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-13.
- ↑ "'สำนักข่าวอิศรา' แกะรอยทุนไอซ์แลนด์ถือหุ้นบริษัทบริจาคโต๊ะจีน พปชร. พบใช้ที่อยู่เดียวกับนิติบุคคลในเอกสาร Offshore Leaks". ประชาไท. 2019-03-16. สืบค้นเมื่อ 2019-03-27.
- ↑ "เพื่อไทยยื่นเอาผิด พลังประชารัฐ ปราศรัยหาเสียงสัญญาว่าจะให้ "บัตรคนจน"". ไทยรัฐ. 14 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-14.
- ↑ "ภาพชุด 'ธนาธร' รอดคุก! อัยการนัดพบอีกที 26 มีนาคม หลังเลือกตั้ง!". ข่าวสด. 27 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-02-27.
- ↑ "โดนอีก! ยื่น กกต.ยุบพรรคอนาคตใหม่ ชี้มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง". ประชาชาติธุรกิจ. 28 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-02-28.
- ↑ "พ่อของฟ้าเฮ 'ธนาธร' รอดแล้ว กกต.ยกคำร้อง ยุบอนาคตใหม่ ปม ลงประวัติผิด!". ข่าวสด. 14 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-17.
- ↑ ""ศรีสุวรรณ" ชงกกต.ยุบ"อนาคตใหม่"". โพสต์ทูเดย์. 15 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-17.
- ↑ "อสมท : ปลดพิธีกรหญิงช่อง 9 ใครเป็นใครใน "แดนสนธยา"". บีบีซีไทย. 3 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-14.
- ↑ "แชร์ว่อน! เลือกตั้งไทยล่วงหน้า ที่จีนป่วน บัตรหาย500ใบ!! ท้วงไป โดนแย้งแบบนี้?". ข่าวสด. 10 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-10.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : กกต.แจงปมรอ 4 ชั่วโมง ไม่ได้กาบัตร! เลือกตั้งต่างแดนในมาเลเซีย". ไทยพีบีเอส. 10 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-10.
- ↑ "เลือกตั้ง2562: "ไอติม" ห่วง "กาผิดเบอร์" เอกสารตปท.ไม่เคลียร์". ไทยพีบีเอส. 11 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-13.
- ↑ "กกต.รับบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าจาก"นิวซีแลนด์"มาไม่ทันนับคะแนน". โพสต์ทูเดย์. 24 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 25-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ 55.0 55.1 "'ศรีสุวรรณ' เตรียมล่า 2 หมื่นชื่อถอดถอน กกต. หลังวินิจฉัยบัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์เป็นบัตรเสีย". มติชน. 27 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-27.
- ↑ "'ในหลวง' โปรดเกล้าฯให้อัญเชิญพระบรมราโชวาท ร.9". กรุงเทพธุรกิจ. 23 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-23.
- ↑ "#โตแล้วเลือกเองได้ ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ในทวิตเตอร์คืนก่อนวันเลือกตั้ง". ประชาไท. 23 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-24.
- ↑ "พลังประชาชนกำหนดอนาคตประเทศไทย 24 มี.ค." บีบีซีไทย. 2019-03-24. สืบค้นเมื่อ 2019-03-24.
8:05 อัญเชิญพระบรมราโชวาท ร.9 "ส่งเสริมคนดีปกครองบ้านเมือง" มาเผยแพร่ซ้ำทาง ทรท. ฯลฯ / 10:37 ปธ.กกต. ขอคนไทยใช้สิทธิ “โดยคำนึงถึงประกาศสำนักพระราชวัง” ฯลฯ
- ↑ MASAYUKI YUDA (December 18, 2018). "Thai anti-junta parties hold back campaigns in fear of arrests". Nikkei Asian Review. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
- ↑ Hannah Ellis-Petersen (26 Jan 2019). "Thailand's military junta cracks down on social media ahead of election". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : ครม. ไฟเขียวงบเติมกองทุน "ประชารัฐ" ส่วนคลังเร่งจ่ายเงิน อสม. 1 ล้านคน". บีบีซีไทย. 20 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ Teeranai Charuvastra (February 18, 2019). "Army Revokes Order to Broadcast 'Red Scare' Song". Khaosod English. สืบค้นเมื่อ 3-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ 63.00 63.01 63.02 63.03 63.04 63.05 63.06 63.07 63.08 63.09 Asaree Thaitrakulpanich (February 27, 2019). "Thai Election for Dummies: Guide to the Parties". Khaosod English. สืบค้นเมื่อ 3-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "รุมถล่มยับค่าจ้าง 425 บาท พรรคพลังประชารัฐฟุ้ง เป็นรัฐบาลทำได้จริง". ไทยรัฐ. 17 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 17-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "More shadows than lights in political parties' human rights commitments". FIDH. 14/03/2019. สืบค้นเมื่อ 2-6-2020.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ 66.0 66.1 66.2 66.3 หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ (15 มีนาคม 2019). "เลือกตั้ง 2562 : เปิดสูตรคำนวณ ส.ส. ในกระแส "โหวตโน-เทคะแนน"". ไทยรัฐ. สืบค้นเมื่อ 17-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "น้องสาวจาตุรนต์ โพสต์ชวนชาวแปดริ้ว กา 'อนาคตใหม่' หลัง 'ทษช.' ถูกยุบ". ข่าวสด. 11 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 13-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ ""ธนาธร" ปัดแกนนำ "อนาคตใหม่" ยกหูคุย "ไทยรักษาชาติ" ช่วยเทคะแนนหนุน". ไทยรัฐ. 9 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 13-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "Political risk soars ahead of Thailand's election". Financial Times (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2019-02-16.
- ↑ 70.0 70.1 "'รังสิตโพล' ชี้คนเลือก 'พลังประชารัฐ' มากที่สุด หลังเคยประกาศยุติทำโพลมาแล้ว | ประชาไท Prachatai.com". prachatai.com. สืบค้นเมื่อ 2019-02-19.
- ↑ 71.0 71.1 isranews (2018-12-29). "รังสิตโพลล์ เผยคะแนนนิยมเป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง 'พล.อ.ประยุทธ์' อันดับ 1". สำนักข่าวอิศรา. สืบค้นเมื่อ 2018-12-29.
- ↑ "ซูเปอร์โพลเผยผลวิจัย ถ้าเลือกตั้งวันนี้ 'พท.'ที่1 ทิ้งห่าง'พปชร.' ด้าน'อนค.'คะแนนนิยมกทม.พุ่ง". 25 December 2018. สืบค้นเมื่อ 23 December 2018.
- ↑ 73.0 73.1 "สังศิตโพล ครั้งที่ 4 ให้ 'พลังประชารัฐ' คะแนนนิยมแซง 'เพื่อไทย' แล้ว | ประชาไท". prachatai.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-30.
- ↑ News, Workpoint. ""สังศิต" ประกาศยุติทำรังสิตโพลล์ หลังผล "ประยุทธ์" นำถูกหาว่าไม่เป็นกลาง". Workpoint News. สืบค้นเมื่อ 2019-02-19.
{{cite web}}
:|last=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - ↑ "รังสิตโพลพ่นพิษ!'สังศิต'ประกาศไม่ทำแล้วหลังเผยคะแนนนิยม'บิ๊กตู่'นำตลอด". Thai Post | อิสรภาพแห่งความคิด (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2019-01-08.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : 17 มีนา เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ต่างอย่างไรกับใช้สิทธิวันจริง". ไทยรัฐ. 17 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 17-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เลือกตั้งล่วงหน้าจับโกงได้ 3 จังหวัด". คมชัดลึก. 18 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 24-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เลือกตั้งล่วงหน้า : แจกบัตรผิดเขต ไม่มีข้อมูลผู้สมัคร รอคิวสะสม ปัญหาเลือกตั้งล่วงหน้าของ กกต". บีบีซีไทย. 17 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 24-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "กกต. แจงผู้แทน 11 ประเทศ-องค์การระหว่างประเทศ สังเกตการณ์เลือกตั้ง ยัน ประชาธิปไตย ไม่มีพิมพ์เขียว". มติชน. 23 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 28-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "สหภาพยุโรปไม่ส่งคณะสังเกตการณ์สำหรับการเลือกตั้งในประเทศไทย". ประชาไท. 2019-03-23. สืบค้นเมื่อ 28-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เลือกตั้ง2562: ฟังชัดๆ "พีเน็ต" ฟันธงเลือกตั้งส่อล้มเหลว". ไทยพีบีเอส. 24 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 25-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "ผลเอ็กซิตสวนดุสิตโพลชี้ "พรรคเพื่อไทย" ชนะขาด!". ประชาชาติธุรกิจ. 24 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 09-06-2020.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ ""ซูเปอร์โพล" ระบุเพื่อไทยได้ 153 ที่นั่ง ตามด้วย พปชร.-ปชป". ประชาชาติธุรกิจ. 24 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 09-06-2020.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "เทียบ Exit Poll 3 ค่ายล่าสุด". เอ็มไทย. 24 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 09-06-2020.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ 85.0 85.1 KONGKIRATI, PRAJAK. "Overview: Political Earthquakes". Contemporary Southeast Asia. 41 (2). doi:10.1355/cs41-2a. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
{{cite journal}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า s:|month=
และ|coauthors=
(help) - ↑ "อัปเดต! ผลการเลือกตั้ง ไม่เป็นทางการ เพื่อไทยยังนำ ส.ส.เขต". ข่าวสด. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ "เลือกตั้ง2562 : กกต.ชี้ ปชช.ใช้สิทธิ 65.96% บัตรเสีย 5.6%". ไทยพีบีเอส. 24 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ Helen Regan; Kocha Olarn (March 25, 2019). "Confusion mounts as Thailand's election results delayed". CNN. สืบค้นเมื่อ 2019-03-26.
{{cite news}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ "Thailand election results delayed as allegations of cheating grow". ABC News (ภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลีย). 25 March 2019. สืบค้นเมื่อ 26 March 2019.
- ↑ "เปิดรายชื่อ ส.ส.เขต 350 ที่นั่ง ผลการเลือกตั้ง2562". เดลินิวส์. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ 91.0 91.1 "กกต. โบ้ยสื่อรับผิดชอบรายงานผลเลือกตั้ง 4 โมงเย็นรู้ผล 95% แต่อุบคะแนนรวม". ข่าวสด. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-26.
- ↑ "กกต.ประกาศชื่อ ส.ส.เขต 350 คนอย่างไม่เป็นทางการ". เวิร์คพอยต์นิวส์. 25 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-26.
- ↑ 93.0 93.1 Teeranai Charuvastra (Mar 28, 2019). "Election Results Removed After Media Spot Discrepancies". Khaosod English. สืบค้นเมื่อ 2019-03-30.
- ↑ หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ (29 มีนาคม 2019). "ผลเลือกตั้ง 2562 : เปิดพจนานุกรมเลือกตั้งฉบับ กกต". บีบีซีไทย. สืบค้นเมื่อ 2019-03-30.
- ↑ "เลือกตั้งล่วงหน้า : แจกบัตรผิดเขต ไม่มีข้อมูลผู้สมัคร รอคิวสะสม ปัญหาเลือกตั้งล่วงหน้าของ กกต". บีบีซีไทย. 17 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 24-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "'คุณหญิงหน่อย' ตั้งข้อสังเกต บัตรเกิดใหม่ในหีบ "แบบนี้ก็ได้เหรอคะ"". วอยซ์ทีวี. Mar 28, 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-28.
- ↑ 97.0 97.1 97.2 "ผลการเลือกตั้ง 2562 : มติ กกต. กำหนดจัดการเลือกตั้งใหม่ 6 หน่วยใน 5 จังหวัด 21 เม.ย. นี้". บีบีซีไทย. 5 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-04-06.
- ↑ 98.0 98.1 "เลือกตั้ง 2562 : หนึ่งเดือนหลังเข้าคูหา คนไทยรู้อะไรแล้วบ้าง". บีบีซี. 24 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-04-24.
- ↑ "สรุปยังไงแน่ ส.ส. เขต 1 นครปฐม นับคะแนนกี่ครั้งก็ดูมีปัญหา". ไทยรัฐ. 29 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-04-29.
- ↑ หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ (2 เมษายน 2019). "ผลการเลือกตั้ง 2562 : เช็คเสียง 2 ขั้วการเมืองใน 3 สูตร "คณิตศาสตร์การเมืองไทย"". บีบีซีไทย. สืบค้นเมื่อ 2019-04-02.
- ↑ 101.0 101.1 Pravit Rojanaphruk (April 8, 2019). "Doubts over Election Commission's Party List Allocations Grow". มติชน. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
- ↑ "กกต.ร่อนเอกสาร แจง ผลคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ ยึดสูตร 25พรรคได้ส.ส. มีพรรคเล็กได้ที่นั่งเพียบ". มติชน. 5 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-04-06.
- ↑ "ผลการเลือกตั้ง 2562 : กกต. มีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความสูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ". บีบีซี. 11 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-04-12.
- ↑ "ด่วน! ศาล รธน.มติไม่รับคำร้อง กกต.ยื่นตีความสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์". มติชน. 24 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-04-24.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : มติเอกฉันท์ผู้ตรวจฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความสูตรคำนวณ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์". บีบีซีไทย. 26 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-04-26.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : กกต. ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส. 349 เขต". บีบีซีไทย. 7 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-05-07.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : มติเอกฉันท์ ศาลรัฐธรรมนูญชี้ พ.ร.ป. ส.ส. ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ". บีบีซีไทย. 8 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-05-08.
- ↑ "ผลเลือกตั้ง 2562 : กกต. ประกาศรับรอง 149 ส.ส. บัญชีรายชื่อ". บีบีซีไทย. 8 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-05-08.
- ↑ "เพื่อไทยค้านสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของกกต. ชี้ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ลั่นจะดำเนินการตามกฎหมายต่อกกต.ทุกช่องทาง". โพสต์ทูเดย์. 8 พ.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-08.
- ↑ "ปชป.ค้านกกต.สูตรคิด'ปาร์ตี้ลิสต์' จ่อฟ้องตามช่องก.ม." เดลินิวส์. 9 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-08.
- ↑ "อนค.ลุยต่อค้านกกต.คำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ". ไอเอ็นเอ็น. 10 พฤษภาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2020-06-08.
- ↑ ""สมชัย" สอนมวยสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 14 พรรคเก้าอี้เพิ่ม". ไอเอ็นเอ็น. 8 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-08.
- ↑ "'รองปธ.พีเน็ต'ผิดหวัง'กกต.' ยุใครได้ผลกระทบปมสูตรคำนวณส.ส.ให้ฟ้องศาล". แนวหน้า. 8 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-08.
- ↑ "แฮชแท็ก #สสเอื้ออาทร ทะยานติดอันดับ หลังเห็นผลประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ". kapook.com. Kapook.com. 8 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 26 พฤษภาคม 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ทวิตกระหน่ำเดือด! ส.ส.เอื้ออาทร หลังกกต.รับรองผล พรรคแต้มน้อย ตบเท้าเข้าสภา". khaosod.co.th. ข่าวสด. 8 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 26 พฤษภาคม 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 116.0 116.1 116.2 "เลือกตั้ง 2562 : สื่อต่างประเทศตีข่าวผลเลือกตั้งดับฝันนำไทยสู่ความเปลี่ยนแปลง". บีบีซีไทย. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ "ลุ้นพรรคไหนจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน". บีบีซีไทย. 24 มี.ค. 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-30.
10:49 25 มี.ค. / นักวิเคราะห์ชี้ “การดูด” พาพลังประชารัฐชนะ
- ↑ "เดินหน้าประเทศไทย : ผ่าทางตันการเมืองหลังเลือกตั้ง". ไทยรัฐ. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ 119.0 119.1 "Analysis: Thai Election Shows Divisions and Instability Remain". Khaosod English. April 2, 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-04-02.
- ↑ 120.0 120.1 "ลุ้นพรรคไหนจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน". บีบีซีไทย. 24 มี.ค. 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-30.
- ↑ หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ (24 มีนาคม 2562). "เลือกตั้ง 2562 : อนาคต อภิสิทธิ์ ในวันที่ประชาธิปัตย์ตกที่นั่ง "พรรคต่ำร้อย"". บีบีซีไทย. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ "ด่วน! ผลการลงคะแนน "ประชาธิปัตย์" โหวต "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" นั่งหัวหน้าพรรคใหม่คนที่ 8". กรุงเทพธุรกิจ. 15 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-06-07.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 เพื่อไทยแถลงชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล". บีบีซีไทย. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : พปชร. ประกาศจัดรัฐบาลแข่ง อ้างเสียงประชาชนหนุน ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อ". บีบีซีไทย. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : อนาคตใหม่ ไม่เสนอชื่อ ธนาธร เป็นนายกฯ". บีบีซีไทย. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ "เลือกตั้ง2562 : "อนุทิน" ย้ำเงื่อนไขพรรคร่วมรัฐบาลต้องรับนโยบายกัญชา". บีบีซีไทย. 25 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ ""ธนาธร" ชู "หญิงหน่อย" นั่งนายกฯ ! เรียกร้องปิดสวิตซ์ ส.ว.โหวตนายกฯ". เวิร์กพอยต์นิวส์. 25 มี.ค. 2019. สืบค้นเมื่อ 2020-06-08.
- ↑ "สะพัด! ภูมิใจไทย ขอเก้าอี้ 'คมนาคม-มหาดไทย' ส่ง 'บิ๊กตร.' นั่ง-เสนอ ก.เกษตรฯให้ ปชป". มติชน. 28 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-30.
- ↑ "ผลการเลือกตั้ง 2562 : เพื่อไทยนำตั้งรัฐบาลผสม 255 เสียง". บีบีซีไทย. 2019-03-27. สืบค้นเมื่อ 2019-03-27.
- ↑ "รัฐบาลแห่งชาติ-นายกฯพิเศษ รัฐธรรมนูญเปิดช่อง ส.ส.+ส.ว แก้ล็อกการเมือง". ประชาชาติธุรกิจ. 21 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-05-11.
- ↑ "รัฐบาลสะเด็ดน้ำ 270 เสียง พลังประชารัฐ-พรรคพันธมิตร "บิ๊กตู่" + 40 งูเห่าพ่นพิษ!". ประชาชาติธุรกิจ. 25 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-04-26.
- ↑ "วุ่นหนัก! ตั้งรัฐบาลบิ๊กตู่ ระส่ำ พรรคร่วมฯ จ่อสละเรือ ถ้ายังมี 'บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก'". ข่าวสด. 10 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-05-11.
- ↑ ""ธนาธร"เดินเกมเจรจาขั้วที่3 ตั้งรัฐบาลลุยรวม 378 เสียง ปิดสวิชต์ส.ว." โพสต์ทูเดย์. 11 พ.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-05-11.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : ภูมิใจไทยประกาศจับขั้วตั้งรัฐบาลกับ พปชร". บีบีซีไทย. 27 พฤษภาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-05-30.
- ↑ "'อนุทิน' ยอมรับ หาก 'ประชาธิปัตย์' ไม่ร่วม 'พลังประชารัฐ' กระทบภูมิใจไทยแน่". มติชน. 29 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-05-30.
- ↑ "ประชาธิปัตย์คว้าเก้าอี้เกษตรและพาณิชย์ ตอบตกลงร่วมรัฐบาล". โพสต์ทูเดย์. 4 มิ.ย. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-06-07.
- ↑ "ประชาธิปัตย์ อ้างปิดสวิตช์ คสช. โหวต "ประยุทธ์" ปิดดีลร่วมรัฐบาล พปชร.ยึดกระทรวงเกรดเอ". ประชาชาติ. 5 มิ.ย. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-06-07.
- ↑ "100 วันหลังเลือกตั้ง คนไทยยังไม่ได้รัฐบาลชุดใหม่". บีบีซีไทย. 2 กรกฎาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-07-03.
- ↑ "3กระทรวงเกรดเอส่อหลุดมือ! พลังประชารัฐ จ่อเรียกพรรคร่วมถก 'บิ๊กตู่' ก่อนเคาะโผ". ข่าวสด. 7 มิ.ย. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-06-07.
- ↑ ""สมชัย" ประกาศลาออกจากประชาธิปัตย์ เพราะอุดมการณ์แตกต่างกัน". Workpoint News. 4 มิถุนายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-11.
- ↑ "ไอติม พริษฐ์ ประกาศยุติบทบาท ลาออกประชาธิปัตย์ ลั่นไม่สามารถเห็นด้วยได้!". ข่าวสด. 5 มิถุนายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-11.
- ↑ ""11 สมาชิกปชป." ขอลาออก ผิดหวัง "ประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล". สยามรัฐ. 9 มิถุนายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-08.
- ↑ "อภิสิทธิ์ลาออกสส.รับผิดชอบไม่เลือกบิ๊กตู่เป็นนายกฯ". โพสต์ทูเดย์. 5 มิ.ย. 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-08.
- ↑ "ประยุทธ์ 2/1 : โปรดเกล้าฯ ครม. แล้ว". บีบีซีไทย. 10 กรกฎาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-07-10.
- ↑ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ : ประมวลสัปดาห์ "ศึกหนัก" แกนนำพรรคอนาคตใหม่". บีบีซีไทย. 6 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-04-18.
- ↑ "ลูกพรรค "ลุงมิ่ง" ยื่นกกต. ขอให้ยุบพรรคเศรษฐกิจใหม่". ไทยรัฐออนไลน์. 18 เม.ย. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-04-18.
- ↑ "เพื่อไทย ยื่น กกต. สอบว่าที่ส.ส. พลังประชารัฐ ถือหุ้นสื่อกว่า 250 ล้านหุ้น!". ข่าวสด. 26 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-04-26.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : "ภูมิธรรม" พบความไม่ปกติในการเลือกตั้ง". ไทยพีบีเอส. 24 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-25.
- ↑ Thaksin Shinawatra (March 25, 2019). "Thaksin Shinawatra: The Election in Thailand Was Rigged". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 26-3-2019.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ Teeranai Charuvastra (March 26, 2019). "EU, UK Urge Thailand to Resolve 'Election Irregularities'". Khaosod English. สืบค้นเมื่อ 2019-03-27.
- ↑ "เลือกตั้ง 2562 : สหรัฐฯ-มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้อง กกต. โปร่งใส-เป็นธรรม". บีบีซีไทย. 26 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-30.
- ↑ "ศรีวราห์ ฮึ่ม! ห้ามชุมนุมค้านผลเลือกตั้ง เตรียมที่ขัง รับคนได้พันคน จับตาโซเชียล!". ข่าวสด. 24 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-28.
- ↑ "ผลเลือกตั้ง 2562 : ผู้บัญชาการทหารสูงสุดขอให้ประชาชน "เชื่อใจ" กกต". บีบีซีไทย. 28 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-30.
- ↑ "ผลการเลือกตั้ง 2562 : นักวิเคราะห์ชี้ต่างชาติชะลอการลงทุน ผลเลือกตั้งล่าช้า ได้รัฐบาลผสม เสถียรภาพน้อย". บีบีซีไทย. 27 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-27.
- ↑ "ผบ.ทบ. จวก "นักวิชาการจบนอก" คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง". บีบีซีไทย. 2 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-04-02.
- ↑ "เลือกตั้ง2562 : นศ. 9 มหาวิทยาลัย ตั้งโต๊ะล่าชื่อถอดถอน กกต". ไทยพีบีเอส. 28 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-28.
- ↑ "ม.เกษตรฯ เบรกล่าชื่อถอด กกต. อ้างมหาลัยไม่ยุ่งการเมือง นิสิตต้องย้ายไปข้างถนน". ประชาไท. 2019-03-28. สืบค้นเมื่อ 2019-03-28.
- ↑ ""ไปดูว่าผิดพ.ร.บ.ชุมนุมหรือไม่" ผกก.บางเขน แจง ทำตามกม.ไปดู-ถ่ายรูป นิสิต ตั้งโต๊ะล่าชื่อถอดกกต.จริง". ประชาชาติ. 28 March 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-03-28.
- ↑ "ถอน กกต. ราชประสงค์ยุติ ก่อนไปต่อ สน.ลุมพินี เสียค่าปรับปม "เครื่องเสียง"". ประชาชาติ. 31 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-31.
- ↑ "'จ่านิว-โบว์' นำทีมชุมนุม ตั้งโต๊ะอนุสาวรีย์ชัย ล่ารายชื่อถอด กกต". ไทยโพสต์. 31 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-31.
- ↑ "ใกล้ครบล้าน คนไทยล่าชื่อถอดถอนกกต.แตะ 8 แสนคน". ไทยรัฐ. 30 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-31.
- ↑ "มาตามนัดหอบ8แสนชื่อยื่นปปช.ตรวจสอบกกต. วอนสังคมอย่าลืมพวกเรา". โพสต์ทูเดย์. 11 เม.ย. 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
- ↑ "Activist group seeks NACC probe into EC's conduct". The Nation. Apr 08. 2019. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ "มข.ตั้งเครือข่ายนักศึกษา เปิดปฏิบัติการตามการทำงาน กกต". กรุงเทพธุรกิจ. 9 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
- ↑ "121 นักวิชาการยันหาก กกต. ไม่ถอนฟ้องประชาชน ก็ต้องฟ้องพวกเราด้วย". ประชาไท. 2019-04-10. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.
- ↑ "'ทนายอานนท์' จัดยืนเฉยๆ ประท้วง กกต. ที่อนุสาวรีย์ชัยฯต่อ เผย 17 เม.ย.มายืนใหม่". ประชาไท. 2019-04-12. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02.