การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522

← พ.ศ. 2519 22 เมษายน พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2526 →

ทั้งหมด 301 ที่นั่งในรัฐสภาไทย
ต้องการ 151 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก
ผู้ใช้สิทธิ43.9% ลดลง
  First party Second party Third party
  คีกฤทธิ์ ปราโมช.jpg ประมาณ อดิเรกสาร.jpg Thanat Khoman (cropped).jpg
หัวหน้า หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ประมาณ อดิเรกสาร ถนัด คอมันตร์
พรรค กิจสังคม ชาติไทย ประชาธิปัตย์
เขตของหัวหน้า ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 11 ส.ส.สระบุรี ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 6
เลือกตั้งล่าสุด 45 56 114
ที่นั่งที่ชนะ 88 42 35
ที่นั่งเปลี่ยน เพิ่มขึ้น 43 ลดลง 14 ลดลง 79
คะแนนเสียง 4,179,174 2,213,299 2,865,248
% 21.1% 11.3% 14.6%

  Fourth party
  Samak Sundaravej.JPG
หัวหน้า สมัคร สุนทรเวช
พรรค ประชากรไทย
เขตของหัวหน้า ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 1
เลือกตั้งล่าสุด ไม่ได้ลงเลือกตั้ง
ที่นั่งที่ชนะ 32
ที่นั่งเปลี่ยน เพิ่มขึ้น 32
คะแนนเสียง 528,210
% 2.7%

นายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง

เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
คณะปฏิวัติ

ว่าที่นายกรัฐมนตรี

เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
อิสระ

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522 จัดเป็น การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 12[1] ของประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง ส่งผลให้รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลยกเว้นการบังคับเกี่ยวกับการจัดตั้งหรือการสังกัดพรรคการเมืองของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยใช้คำว่า "กลุ่มการเมือง" เป็นการเรียกอย่างไม่เป็นทางการ การเลือกตั้งมีขึ้นในเดือนธันวาคม ปีเดียวกันแล้ว พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522

การเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก ที่มีขึ้นหลังเหตุการณ์นองเลือดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวง ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการรัฐประหารและกบฏเกิดขึ้นตามมาอีก รวมทั้งหมด 3 ครั้ง

ผลของการเลือกตั้ง ปรากฏว่า พรรคประชากรไทยที่เพิ่งมีการก่อตั้งขึ้นมา โดย นายสมัคร สุนทรเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของพรรค โดยสามารถได้รับเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ถึง 29 ที่นั่ง จากทั้งหมด 32 ที่นั่ง โดยเหลือให้แก่ พันเอก ถนัด คอมันตร์ จากพรรคประชาธิปัตย์, หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช และนายเกษม ศิริสัมพันธ์ จากพรรคกิจสังคม เพียง 3 ที่นั่งเท่านั้น ในขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศ พรรคกิจสังคม ได้รับเลือกมาเป็นอันดับหนึ่ง คือ 88 ที่นั่ง ขณะที่ผู้สมัครอิสระที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด ได้ทั้งสิ้น 63 ที่นั่ง จากเสียงทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎร 301 เสียง จึงไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงเกินครึ่ง ทุกพรรคจึงมีมติสนับสนุนให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ซึ่งต่อมาในวันที่ 12 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งนับเป็นสมัยที่ 2

การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยชนะการเลือกตั้งมาก่อนหน้านั้นถึง 2 ครั้ง คือ ในปี พ.ศ. 2518 และพ.ศ. 2519 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่เคยได้รับการเลือกตั้งมาทั้งหมด ก็เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น ขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศจากที่เคยได้มากถึง 114 คน ในปี พ.ศ. 2519 เหลือเพียง 35 คนเท่านั้น ในครั้งนี้ [2]

ดังนั้น หลังการเลือกตั้ง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคซึ่งไม่ได้ลงรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็ได้ลาออกพร้อมทั้งคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด เพื่อรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้ง ซึ่งต่อมา ผู้ที่รับได้เลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค คือ พ.อ.ถนัด คอมันตร์ สมาชิกพรรคผู้ได้รับเลือกตั้งมาเพียงคนเดียวเท่านั้นของกรุงเทพมหานคร และ ม.ร.ว.เสนีย์ ก็ได้ถือโอกาสนี้วางมือจากการเมืองทั้งหมด[3] [4]

อนึ่ง การเลือกตั้งครั้งนี้มีความแตกต่างไปจากการเลือกตั้งครั้งอื่น ๆ คือ ในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2522 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ประกอบการเลือกตั้งครั้งนี้ ในมาตรา 18 ได้กำหนดให้มีการจำกัดสิทธิของผู้ที่ใช้สิทธิเลือกตั้งพอสมควร เช่น ต้องจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และการไปใช้สิทธินั้นต้องลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ก่อนด้วย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนที่เกิดจากบิดาที่เป็นชาวจีนอพยพ[5] ทั้ง ๆ ที่ตามกฎหมายแล้ว บุคคลเช่นนี้ถือว่ามีสัญชาติไทยโดยสมบูรณ์ ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในเวลาต่อมามาตรานี้ก็ได้รับการแก้ไข[6][7]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2539. ศูนย์บริการข้อมูลและกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. 1996. pp. 5–7.
  2. "ประวัติพรรคประชาธิปัตย์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-15. สืบค้นเมื่อ 2012-06-27.
  3. ม้ามืดสมัคร ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ผู้ลงคะแนนเขตกรุงเทพฯ เลือกประชากรไทยแทนประชาธิปัตย์ หน้า 168, กาลานุกรมสยามประเทศ 2485-2554 โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ISBN 978-974-228-070-3
  4. Nohlen, D, Grotz, F & Hartmann, C (2001) Elections in Asia: A data handbook, Volume II, p285 ISBN 0-19-924959-8
  5. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๒๒, Act มาตรา 18 ประกาศใช้เมื่อ 1979-02-03
  6. พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓, Act มาตรา 5 ประกาศใช้เมื่อ 1980-02-04
  7. มารุต บุนนาค, ท่านอาจารย์เสนีย์ ปราโมช ที่ผมเคารพและศรัทธา ภาคผนวก หน้า 18. ชีวลิขิต โดย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ISBN 974-9353-50-1