พรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2541)
พรรคพลังประชาชน (อักษรย่อ: พปช. อังกฤษ: People Power Party) เป็นพรรคการเมืองไทยในอดีต มีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคคือสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกพรรคคือกุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคแต่เดิมมาจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนมีนโยบายประชานิยมและมีฐานเสียงที่เข้มแข็งในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พรรคกลายเป็นผู้นำของรัฐบาลผสมหลังจากที่รัฐบาลทหารสนับสนุนการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2550 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวต่อต้านทักษิณ สาบานว่าจะต่อต้านพรรคพลังประชาชนหลังจากที่พรรคตัดสินใจแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 รองหัวหน้าพรรคคือยงยุทธ ติยะไพรัช ถูกตั้งข้อหาทุจริตการเลือกตั้งในระหว่างการเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2550 ข้อหาเหล่านี้นำไปสู่การยุบพรรคโดยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551
ประวัติ[แก้]
พรรคพลังประชาชนก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 โดยมีพันตำรวจโทกานต์ เทียนแก้ว เป็นหัวหน้าพรรค[1] และดำรงอยู่ในฐานะพรรคขนาดเล็กเป็นเวลาหลายปี ซึ่งพรรคได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งคือการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2543 โดยทางพรรคได้ส่งผู้สมัครคือ พันตำรวจโท กานต์ หัวหน้าพรรคแต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ต่อมาทางพรรคส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2544, 2548 และ 2549 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยส่วนใหญ่ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนหลังจากที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบหลังการรัฐประหาร พ.ศ. 2549 และลงสมัครรับเลือกตั้งในฐานะผู้สมัครของพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2550[2][3] ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากพรรคไทยรักไทยถูกยุบโดยคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 อีกทั้งยังมีคำสั่งห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคจำนวน 111 คนเล่นการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เช่น ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค ทำให้นางสาวสุภาพร ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคในตอนนั้นได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2550 ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารพรรคที่เหลืออีก 5 คนพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะแต่ยังคงรักษาการจนกว่าจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่[4]
อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและอดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทย นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งภายหลังประกาศตัวเป็น 'นอมินี' ของทักษิณ ชินวัตร และ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคพลังประชาชนตามลำดับ ในคราวประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 พร้อมกับแก้ไขข้อบังคับพรรค เปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์พรรค และย้ายที่ทำการพรรคมาอยู่ที่ 1770 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง ซึ่งเป็นที่ทำการพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน[5][6]
สัญลักษณ์ของพรรค[แก้]
สัญลักษณ์ของพรรคในยุคแรก เป็นรูปวงกลมสีเขียว อันหมายถึงความสงบสุขร่มเย็นของแผ่นดินไทย มีภาพเสาธงชาติไทยปักอยู่บนแผนที่ประเทศไทยอยู่ใจกลางของวงกลม รายล้อมด้วยตุ๊กตาแต่งตัวเป็นอาชีพต่างๆ ซึ่งเป็นสื่อแทนชาวไทยในหลายสาขาอาชีพ โดยมีตัวอักษรชื่อพรรค เป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ รายล้อมสัญลักษณ์ดังกล่าวทั้งหมด
ส่วนสัญลักษณ์ของพรรคในปัจจุบัน เป็นตัวอักษรไทย พ สีน้ำเงิน โดยเส้นทแยงจากล่างซ้ายขึ้นบนขวาเป็นสีแดง และขาว ซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์ของพรรคไทยรักไทย ที่เป็นตัวอักษรไทย ท สีน้ำเงิน ที่มีเส้นทแยงจากล่างซ้ายขึ้นบนขวา เป็นสีแดง ขาว และน้ำเงิน
บุคลากร[แก้]
หัวหน้าพรรค[แก้]
ลำดับ | รูป | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | ตำแหน่งสำคัญ |
1 | พันตำรวจโทกานต์ เทียนแก้ว (22 ตุลาคม พ.ศ. 2504 — ปัจจุบัน) |
30 ธันวาคม พ.ศ. 2541 | 29 มกราคม พ.ศ. 2546 | ||
2 | นางสาวสุภาพร เทียนแก้ว (5 มกราคม พ.ศ. 2516 — ปัจจุบัน) |
7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 | 23 สิงหาคม พ.ศ. 2550 | ||
3 | นายสมัคร สุนทรเวช (13 มิถุนายน พ.ศ. 2478 — 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552) |
24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 | 30 กันยายน พ.ศ. 2551 | • อดีตนายกรัฐมนตรี • อดีตรองนายกรัฐมนตรี 3 สมัย • อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม • อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย • อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 2 สมัย • อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย • อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ • อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร | |
4 | ![]() |
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (31 สิงหาคม พ.ศ. 2490 — ปัจจุบัน) |
30 กันยายน พ.ศ. 2551 | 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 | • อดีตนายกรัฐมนตรี • อดีตรองนายกรัฐมนตรี • อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม • อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ |
เลขาธิการพรรค[แก้]
ลำดับ | รูป | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | ตำแหน่งสำคัญ |
1 | นางสาวสุภาพร เทียนแก้ว (5 มกราคม พ.ศ. 2516 — ) |
23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 | 20 ธันวาคม พ.ศ. 2541 | ||
2 | นางสาวปิยะรัตน์ เทียนแก้ว (13 มิถุนายน พ.ศ. 2478 — ) |
31 ธันวาคม พ.ศ. 2541 | 20 สิงหาคม พ.ศ. 2550 | ||
3 | นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี (2 พฤษภาคม พ.ศ. 2500 — ) |
24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 | 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 | • อดีตรองนายกรัฐมนตรี • อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง • อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร • อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี |
กรรมการบริหารพรรค[แก้]
รายชื่อกรรมการบริหารพรรคอิงตามประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง[7]
- สมัคร สุนทรเวช
- ยงยุทธ ติยะไพรัช
- พันตำรวจโท กานต์ เทียนแก้ว
- ไชยา สะสมทรัพย์
- สมชาย วงศ์สวัสดิ์
- สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
- พลเอก เรืองโรจน์ มหาศรานนท์
- สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์
- ประสงค์ บูรณ์พงศ์
- สุภาพร เทียนแก้ว
- สุวัฒน์ วรรณศิริกุล
- สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
- อนุสรณ์ วงศ์วรรณ
- นพดล ปัทมะ
- ชูศักดิ์ ศิรินิล
- สุขุมพงศ์ โง่นคำ
- สงคราม กิจเลิศไพโรจน์
- ร้อยโท กุเทพ ใสกระจ่าง
- สุธา ชันแสง
- ศรีเมือง เจริญศิริ
- มงคล กิมสูนจันทร์
- พันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์
- ทรงศักดิ์ ทองศรี
- สมาน เลิศวงศ์รัฐ
- นิสิต สินธุไพร
- ธีระชัย แสนแก้ว
- วีระพล อดิเรกสาร
- สุทิน คลังแสง
- อิทธิ ศิริลัทธยากร
- กิตติกร โล่ห์สุนทร
- บุญลือ ประเสริฐโสภา
- พิเชษฐ์ ตันเจริญ
- มาลินี ภูตาสืบ
- ปิยะรัตน์ เทียนแก้ว
- ศรัญญา แสงวิมา
- มนัสปรียา ภูตาสืบ
- กาญจน์ณิชา แต้มดี
การเลือกตั้ง[แก้]
2549[แก้]
ใน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 พรรคส่งผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อจำนวน 5 คน ได้คะแนน 305,015 คะแนน ไม่ได้รับเลือก และส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขต ได้รับเลือกจำนวน 3 คนในการลงคะแนนรอบที่ 2 วันที่ 23 เมษายน 2549 ที่จังหวัดกระบี่ เขต 1 และเขต 3 และจังหวัดตรัง เขต 2 [8] โดยเป็นพื้นที่ในเขตฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผู้มีสิทธิ์ส่วนใหญ่ลงคะแนนเสียงให้ เพื่อไม่ให้ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยได้รับเลือก และคะแนนเสียงที่ได้ น้อยกว่าคะแนนเลือกที่จะไม่เลือก (No Vote)
ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง รอบที่ 2 เมื่อวันที่ 23 เมษายน ปีเดียวกัน ผู้สมัครในนามพรรคพลังประชาชน ที่จังหวัดสงขลา เขต 2 ถูกกรรมการการเลือกตั้งตัดสิทธิ์ เนื่องจากเป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ เวียนเทียนมาสมัครใหม่ในระบบแบ่งเขต[9]
2550[แก้]
ใน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 พรรคพลังประชาชนได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 233 คน โดยมีแบบแบ่งเขต 199 คน และแบบสัดส่วน 34 คน กลายเป็นพรรคอันดับหนึ่ง และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคชาติไทย, พรรคเพื่อแผ่นดิน, พรรคมัชฌิมาธิปไตย, พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา, และ พรรคประชาราช เข้ามาร่วมรัฐบาลด้วย
ผลการเลือกตั้งทั่วไป[แก้]
การเลือกตั้ง | จำนวนที่นั่ง | คะแนนเสียงทั้งหมด | สัดส่วนคะแนนเสียง | ผลการเลือกตั้ง | ผู้นำเลือกตั้ง |
---|---|---|---|---|---|
2544 | 0 / 500
|
ไม่ได้รับเลือกตั้ง | กานต์ เทียนแก้ว | ||
2548 | 0 / 500
|
26,855[10] | |||
2549 | 0 / 500
|
305,015 | การเลือกตั้งเป็นโมฆะ | สุภาพร เทียนแก้ว | |
2550 | 233 / 480
|
26,293,456 | 36.63% | พรรคจัดตั้งรัฐบาล | สมัคร สุนทรเวช |
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[แก้]
การเลือกตั้ง | ผู้สมัคร | คะแนนเสียงทั้งหมด | สัดส่วนคะแนนเสียง | ผลการเลือกตั้ง |
---|---|---|---|---|
2543 | พันตำรวจตรี กานต์ เทียนแก้ว | 1,613 | ![]() | |
2547 | การุญ จันทรางศุ | 11,070 | ![]() | |
2551 | ประภัสร์ จงสงวน | 543,488 | 25.19% | ![]() |
ข้อวิพากษ์วิจารณ์[แก้]
นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะหัวหน้าพรรค[แก้]
การเข้ามาของนายสมัครทำให้เกิดข้อวิจารณ์ในสังคม เนื่องจากแกนนำส่วนหนึ่งของพรรค ถูกมองว่า “ซ้ายจัด” เคยเข้าป่า ร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา ขณะที่นายสมัคร เป็นสัญลักษณ์ของอุดมการณ์ “ขวาสุดขั้ว” โดยนายแพทย์สุรพงษ์ ได้กล่าวถึงข้อวิจารณ์ในกรณีดังกล่าวว่า “ผมว่าคนที่คิดอย่างนี้เป็นคนที่ใช้ประสบการณ์เดิมเมื่อ 30 ปีที่แล้วมาพูด อุดมการณ์ซ้ายกับขวานั้นเป็นแนวคิดเรื่องการบริหารประเทศในอดีต ที่แยกออกจากกันระหว่างฝ่ายทุนนิยมกับสังคมนิยม แต่ทุกวันนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไป เพราะสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ต้องเดินทางสายกลาง ฉะนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ยืนยันจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าพื้นเพความคิดจะเป็นซ้ายหรือขวา ถ้ามีจุดยืนที่จะทวงคืนประชาธิปไตยให้กลับสู่บ้านเมืองโดยเร็วที่สุดแล้วละก็ เราพร้อมที่จะร่วมมือ”[11]
การกล่าวโทษและการลาออก[แก้]
รัฐบาลอายุ 5 เดือนของนายสมัคร สุนทรเวช ตกที่นั่งลำบากในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 หลังจากนายนพดล ปัทมะ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาออกจากตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคและประธานสภาผู้แทนราษฎรคือนายยงยุทธ ติยะไพรัช ถูกห้ามเล่นการเมืองเป็นเวลา 5 ปี หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาข้อหาซื้อเสียง จากนั้น นายไชยา สะสมทรัพย์ ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะปกปิดทรัพย์สินของภรรยา
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมว่านายนพดล ปัทมะ และคณะรัฐมนตรีทั้งหมดกระทำการโดยไม่ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาสำหรับข้อตกลงทวิภาคีกับกัมพูชา โดยนายนพดลในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลงนามในข้อตกลงเมื่อเดือนมิถุนายนเพื่อสนับสนุนกัมพูชาในการขอสถานะมรดกโลกสำหรับปราสาทพระวิหารอายุ 900 ปี[12] พรรคฝ่ายค้านยื่นคำร้องต่อรองประธานวุฒิสภานายนิคม ไวยรัชพานิช ให้ถอดถอนนายนพดล ปัทมะ ประเด็นปราสาทพระวิหาร ซึ่งนายนพดลถูกกล่าวหาว่าทำผิดมาตรา 190 และมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติไม่ไว้วางใจก่อนที่นายนพดลจะลงจากตำแหน่ง[13]
รัดทำมะนวย ฉบับหัวคูณ[แก้]
วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 มีงานปฐมนิเทศผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน โดยภายในงาน มีการแจกหนังสือวิพากษ์วิจารณ์ข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ชื่อหนังสือว่า “รัดทำมะนวย ฉบับหัวคูณ” เขียนโดย พ.ต.อ.ประจักษ์ศิลป์ สุพรรณเภสัช ซึ่ง พ.ต.อ.ประจักษ์ศิลป์ ชี้แจงว่า ชื่อหนังสือได้นำมาจากเนื้อหาบางส่วนในบทความของ สุจิตต์ วงศ์เทศ และ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่เขียนไว้ว่า รัดทำมะนวยปล้นอำนาจประชาชน และ ไอ้พวกทุจริตมันเป็นพวกหัวคูณ คือคิดอะไรแต่เรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง โดยการคูณ คูณ คูณ คูณ ว่าเป็นเงินเท่าไร โดยนำคำจากทั้งสองบทความ มาสมาสกันเป็นชื่อหนังสือ[14]
ต่อมา น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา และส่งเสริมการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2550 ได้ออกแถลงการณ์ประณามหนังสือเล่มดังกล่าว ว่าทำให้ผู้อ่านเข้าใจรัฐธรรมนูญ ที่ถือเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ไปในทางที่ไม่สุภาพ (ผวนแล้วเป็นคำหยาบ) [15]
ยุบพรรค[แก้]
ดูบทความหลักที่: คดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2551
2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 คณะตุลาการรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยกรณีอัยการสูงสุดมีคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชาชน รวมทั้งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งต่อกรรมการบริหารพรรคเป็นจำนวน 37 คน มีกำหนด 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญคำสั่งให้ยุบพรรค
ตุลาการรัฐธรรมนูญ ระบุว่ากรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคกระทำการฝ่าฝืนและขัดต่อ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ที่มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริต และได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่พรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ต้องร่วมรับผิดชอบ
ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่าคำแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกร้องฟังไม่ขึ้น เนื่องจากนายยงยุทธ เป็นนักการเมืองหลายสมัย มีฐานะเป็นถึงรองหัวหน้าพรรค และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ย่อมต้องเพิ่มความเข้มงวดที่จะไม่กระทำการใดๆ อันฝ่าฝืนกฎหมาย แต่นายยงยุทธ ติยะไพรัช กลับกระทำผิดเสียเอง
นอกจากนี้กรณีที่พรรคพลังประชาชนโต้แย้งว่าได้จัดการประชุมชี้แจงเพื่อกำชับไม่ให้ผู้สมัครของพรรคกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งแล้วก็ตามนั้น ศาลเห็นว่าแม้พรรคจะมีการกระทำดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นความรับผิดในการที่กรรมการบริหารพรรคจะไปกระทำผิดเอง เพราะทำให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้มีผลบังคับใช้
ส่วนที่มีข้อโต้แย้งว่าผลการสืบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ละเมิดสิทธิและไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมนั้น ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่า กกต.มีหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาล และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายมาอย่างถูกต้องแล้ว
ภายหลังการยุบพรรค[แก้]
สส. ของพรรคที่ยังเหลืออยู่ได้ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ขณะเดียวกันก็มี สส.บางส่วนที่ไม่ได้ย้ายตามไป แต่ไปสังกัดพรรคอื่น ดังนี้
- พรรคภูมิใจไทย 24 คน
- พรรคเพื่อแผ่นดิน 5 คน
- พรรคกิจสังคม 4 คน
- พรรคมาตุภูมิ 2 คน (ฟาริดา สุไลมาน, นัจมุดดีน อูมา)
- พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน (สากล ม่วงศิริ)
ดูเพิ่ม[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง รับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคพลังประชาชน
- ↑ Thaksin's legal advisor to join People Power party, People's Daily, July 30, 2007
- ↑ Ex-TRT MPs join little-known party เก็บถาวร 2007-12-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, The Nation (Thailand), July 29, 2007
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน
- ↑ People Power to elect Samak as new leader on August 22 เก็บถาวร 2009-04-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, The Nation (Thailand), August 2007
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน
- ↑ ไทยรัฐ, สรุปรวม พรรคไม้ประดับ แย่งที่นั่ง ทรท.ได้ถึง 9 เขต เก็บถาวร 2007-09-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ คมชัดลึก, ตัดสิทธิ์ผู้สมัครสส.พรรคเล็ก สงขลา 3 คนเมืองคอน 2 ราย เก็บถาวร 2008-12-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ "ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ปี พ.ศ. 2548 - Open Government Data of Thailand". data.go.th.
- ↑ ฐากูร บุนปาน, คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12, ลืมได้?, นสพ.มติชน, 8 สิงหาคม 2550
- ↑ afp.google.com, Thai government in disarray as foreign minister resigns เก็บถาวร 2008-12-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ nationmultimedia.com, Noppadon impeached by the Opposition เก็บถาวร 2008-12-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ มติชน, สนช.ประณาม พปช.แจก 'รัดทำมะนวยฯ' นศ.พระปกเกล้าแถลงสั่งสอนวัฒนธรรม, นสพ.มติชน, 15 พฤศจิกายน 2550
- ↑ ไทยรัฐ, “ประสงค์” ฉุนรัฐธรรมนูญถูกลบหลู่, นสพ.ไทยรัฐ, 16 พฤศจิกายน 2550
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เก็บถาวร 2007-12-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน