ข้ามไปเนื้อหา

พรรคพลังประชารัฐ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พรรคพลังประชารัฐ
หัวหน้าพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองหัวหน้า
เลขาธิการไพบูลย์ นิติตะวัน
รองเลขาธิการภัครธรณ์ เทียนไชย
กาญจนา จังหวะ
เหรัญญิกพลเอก กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์
นายทะเบียนสมาชิกสมโภชน์ แพงแก้ว
โฆษกพลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย
รองโฆษกอัคร ทองใจสด
กรรมการบริหาร
ประธานที่ปรึกษาพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ผู้อำนวยการสำนักงานวราเทพ รัตนากร
คำขวัญปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส
ก่อตั้ง2 มีนาคม พ.ศ. 2561
(6 ปี 247 วัน)[1]
แยกจากพรรคเพื่อไทย
พรรคประชาธิปัตย์
ก่อนหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (แกนนำ)
ที่ทำการ547 ถนนรัชดาภิเษก ซอยอาภาภิรมย์ แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. 10900
สมาชิกภาพ  (ปี 2565)57,375 คน[2]
อุดมการณ์กษัตริย์นิยม[3]
อนุรักษนิยม[4]
ทหารนิยม[5]
อำนาจนิยม
จุดยืนขวา[6]
สี  สีน้ำเงิน
เพลงเพลงพรรคพลังประชารัฐ
สภาผู้แทนราษฎร
40 / 495
สภากรุงเทพมหานคร
2 / 50
เว็บไซต์
www.pprp.or.th
การเมืองไทย
รายชื่อพรรคการเมือง
การเลือกตั้ง

พรรคพลังประชารัฐ (ย่อ: พปชร.) เป็นพรรคการเมืองไทยที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2561 จากการรวมตัวของนักการเมืองกลุ่มต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ซึ่งพรรคเสนอชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในขณะนั้น เป็นนายกรัฐมนตรีต่อในสมัยที่ 2 ปัจจุบันมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และ ไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นเลขาธิการพรรค

ประวัติ

[แก้]
ตราสัญลักษณ์เดิมของพรรคพลังประชารัฐ

ชวน ชูจันทร์ ประธานประชาคมตลาดน้ำคลองลัดมะยม และ สุชาติ จันทรโชติกุล อดีต สส. สงขลา พรรคความหวังใหม่ และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเป็นผู้จดจองชื่อพรรคพลังประชารัฐต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561[7] ชื่อพรรค "พลังประชารัฐ" เป็นชื่อนโยบายช่วยเหลือคนยากจนที่สำคัญของรัฐบาลประยุทธ์[8] พรรคได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม "สามมิตร" ซึ่งมีแกนนำเป็นอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ ได้แก่ สมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งยังดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอยู่ กลุ่มดังกล่าวพยายามดึงตัวสมาชิกรัฐสภาทั้งจากพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มดังกล่าวสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ขณะที่ยังมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอยู่ในขณะนั้น

พรรคจัดประชุมสามัญใหญ่ของพรรคเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 เพื่อเลือก หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรกจำนวน 25 คนปรากฏว่า อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในรัฐบาลประยุทธ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลประยุทธ์ 1 เป็นเลขาธิการพรรคคนแรก วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561 อุตตมพร้อมคณะได้เดินทางมายัง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อจดทะเบียนจัดตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ [9]

ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 มีบุคคลกว่า 150 คนเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ โดยมีทั้งอดีตสมาชิกรัฐสภา อดีตรัฐมนตรีและบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งในจำนวนนี้มีสมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา[10] นักการเมืองท้องถิ่น รวมถึงอดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ[11]

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ 4 คนที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งเพื่อมาหาเสียงเต็มเวลา หลังถูกวิจารณ์มาหลายเดือน[12]

การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562

[แก้]

พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แม้มีพรรคการเมืองหลายพรรคสนับสนุนประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคพลังประชารัฐถูกมองว่าเป็น "พรรคนิยมประยุทธ์อย่างเป็นทางการ" เพราะแกนนำพรรคหลายคนเป็นรัฐมนตรีและที่ปรึกษาในรัฐบาลประยุทธ์[13][14]

ในการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และให้คำมั่นขยายโครงการสวัสดิการ[15] ต่อมาในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 พรรคพลังประชารัฐเสนอปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 425 บาท ทำให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นนโยบายประชานิยม ทำไม่ได้จริง หรือทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน แต่พรรคยืนยันว่าสามารถทำได้จริง[16]

พรรคพลังประชารัฐถูกร้องเรียนว่าได้รับการสนับสนุนอย่างลำเอียงจากเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐ[17][18] ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 รัฐบาลประยุทธ์อนุมัติงบประมาณอัดฉีดเงินสด 86,700 ล้านบาท[19] ทำให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นการใช้เงินภาษีซื้อเสียง[20] นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังถูกกล่าวหาว่ามีการให้ประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเพื่อแลกกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นนโยบายช่วยเหลือคนยากจนของรัฐบาล[21]

ประยุทธ์ใช้อำนาจเต็มที่ตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว สั่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งวาดเขตเลือกตั้งใหม่[22][23][24] นักวิจารณ์ระบุว่า การวาดเขตเลือกตั้งใหม่นี้เอื้อประโยชน์ต่อพรรคพลังประชารัฐ โดยบางคนให้ความเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว[25]

วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561 พรรคพลังประชารัฐจัดโต๊ะจีนระดมทุนมูลค่า 600 ล้านบาท โดยมีแผนที่ซึ่งมีชื่อหน่วยงานของรัฐ เช่น กระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมด้วย ทำให้มีข้อกังขาว่ามีการใช้เงินภาษีหรือหาผู้บริจาคหรือผู้ซื้อที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหน่วยงานดังกล่าวซึ่งอาจต้องมีการตอบแทนในอนาคต[26] ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 พรรคเปิดเผยชื่อผู้บริจาคในงานดังกล่าวตามระเบียบ 90 ล้านบาท โดยเป็นชื่อผู้ได้รับสัมปทานจากรัฐเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม พรรคไม่ได้เปิดเผยแหล่งที่มาของเงินบริจาคที่เหลือ[27] วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562 กกต. เปิดเผยว่า ไม่พบความผิดที่พรรคพลังประชารัฐจัดโต๊ะจีนระดมทุน เนื่องจากไม่พบบุคคลต่างชาติบริจาคเงิน จึงไม่มีความผิดและไม่ต้องยุบพรรค[28] ทว่าต่อมาสำนักข่าวอิศราพบว่า มีกลุ่มทุนจากประเทศไอซ์แลนด์ถือหุ้นในบริษัทที่บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ[29]

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 พรรคพลังประชารัฐถูกยื่นคำร้องไต่สวนยุบพรรค เนื่องจากเสนอชื่อประยุทธ์ซึ่งถือว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามเพราะดำรงตำแหน่งทางการเมือง[30] ต่อมา ผู้ตรวจการแผ่นดินแถลงว่าประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ และจะไม่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองต่อ[31] วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562 พรรคพลังประชารัฐถูกยื่นเอาผิดจากกรณีปราศรัยนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาหาเสียง เข้าข่ายความผิดฐานเตรียมทรัพย์สินเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายเลือกตั้ง[32]

ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นพบว่าพรรคพลังประชารัฐได้ สส. มากเกินคาด โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครสามารถแย่งที่นั่งจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ทั้งหมด ทำให้ใบตองแห้ง คอลัมนิสต์ข่าวหุ้น เขียนว่า คนชั้นกลางเก่าอนุรักษนิยมที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์หันไปเลือกพรรคพลังประชารัฐแทน แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์เพราะเกลียดทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ใบตองแห้งยังเขียนว่า พรรคพลังประชารัฐใช้ปัจจัยในการเมืองแบบเก่าเพื่อเอาชนะ คือ นโยบายประชานิยม สส. ที่ดูดจากพรรคอื่น ประกอบกับอำนาจรัฐราชการ นอกเหนือจากฐานเสียงอนุรักษนิยมในต่างจังหวัด องค์ประกอบของรัฐบาลที่อาจเกิดจากพรรคพลังประชารัฐตั้งจะมีองค์ประกอบจะเป็นนักการเมืองทุนท้องถิ่น ย้อนกลับไปเหมือนสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ[33]

ครม. ประยุทธ์ 2

[แก้]

ก่อนมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 มีข่าวแย่งตำแหน่งภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยกลุ่มสามมิตรซึ่งประกอบด้วยสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สมศักดิ์ เทพสุทิน และอนุชา นาคาศัยแถลงยืนยันว่าตนต้องได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีตามโผในวันที่ 11 มิถุนายน ซึ่งหากไม่ตรงก็จะแสดงจุดยืนอีกครั้ง และมีข่าวกลุ่มสามมิตรพยายามเสนอญัตติขับไล่สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกจากตำแหน่ง เพราะ "เป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรคและของรัฐบาลเป็นอย่างสูง ... ไม่ยึดโยงกับ สส. ในพรรค ไม่เห็นหัว สส. ในพรรคแม้แต่คนเดียว ... ท่านทำให้พรรคเราแตกแยก"[34] ก่อนที่ต่อมากลุ่มสามมิตรจะยอมล้มข้อเรียกร้องของตนเองและยอมรับให้ประยุทธ์จัดสรรคณะรัฐมนตรี[35] โดยก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าจะมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจากอุตตม เป็นประยุทธ์[36]

ต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 พรรคพลังประชารัฐออกมายอมรับว่าต้องชะลอนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาทต่อวัน แม้ก่อนหน้านี้จะยืนยันว่าจะนำนโยบายไปปฏิบัติในระหว่างหาเสียง[37]

1 มิถุนายน พ.ศ. 2563 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐจำนวน 18 คนลาออกจากตำแหน่ง ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคชุดเดิมที่ทำหน้าที่อยู่พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะตามข้อบังคับพรรค[38] ต่อมาในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563 พรรคพลังประชารัฐได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี พ.ศ. 2563 ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยมีการแก้ไขเพื่อปรับเปลี่ยนรูปเครื่องหมายพรรคการเมือง และย้ายที่ทำการพรรคแห่งใหม่ไปยังอาคารรัชดาวัน ถนนรัชดาภิเษก ตรงข้ามศาลอาญา และมีการแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค อนุชา นาคาศัย เป็นเลขาธิการพรรค และพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ​เป็นโฆษกพรรค[39]

การเลือกตั้ง พ.ศ. 2566

[แก้]

ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2565 มีการปรับกระบวนทัศน์การทำงานด้านสื่อสารของ พปชร. โดยปรับภาพลักษณ์ของ พล.อ. ประวิตร หัวหน้าพรรค ให้เป็นนายทหารประชาธิปไตย เข้าถึงได้กับทุกกลุ่ม[40] เดือนมกราคมปีถัดมาอุตตมและสนธิรัตน์ได้กลับเข้าพรรคพลังประชารัฐ เดือนมีนาคมปีเดียวกันมีภาพพลเอกประวิตรพบกับภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หนึ่งในแกนนำกลุ่มราษฎร เขากล่าวว่าจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก[41] เดือนถัดมาพลเอกประวิตรสมัครเป็น สส. ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่ง และเขายังเป็นบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีไทยเพียงคนเดียวของพรรคด้วย โดยพรรคมีนโยบายไม่แก้ไขและไม่ร่วมกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112[42]

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 พลเอกประวิตรได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ในวันเดียวกัน ทางพรรคพลังประชารัฐได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 3/2566 เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งอรรถกร ศิริลัทธยากร สส. ฉะเชิงเทรา ได้เสนอชื่อ พลเอกประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคเพียงชื่อเดียว ทำให้พลเอกประวิตรได้เป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคได้มีการเสนอชื่อ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส. พะเยา เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่เพียงชื่อเดียวเช่นเดียวกัน ทำให้ร้อยเอกธรรมนัสได้เป็นเลขาธิการพรรคสมัยที่ 2 นอกจากนี้ พลเอกประวิตรได้มีคำสั่งแต่งตั้งพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ น้องชายของพลเอกประวิตรเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค และวราเทพ รัตนากร อดีต สส. กำแพงเพชร เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพรรค[43]

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2566 นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากสมาชิกพรรคและทุกตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงเหรัญญิกพรรคด้วย โดยให้เหตุผลว่าตนได้ทำหน้าที่เหรัญญิกพรรคครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว[44] เดือนสิงหาคมปีถัดมาเธอได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคกล้าธรรม[45] ในเดือนเดียวกันหลังแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ธรรมนัสได้ประกาศแยกทางกับพลเอกประวิตร พร้อมนำ สส. จำนวนหนึ่งขอร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย[46][47][48] และหลังจากนั้นพรรคเพื่อไทยก็ได้มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64[49] ต่อมาในวันที่ 20 สิงหาคม ร้อยเอกธรรมนัส และ สส. ในกลุ่มอีก 5 คน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค จากนั้นในวันที่ 6 กันยายน พลเอกประวิทย์ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคกลางที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรค เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จำนวน 19 คน ในวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2567 พรรคได้เปิดศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐ

บุคลากร

[แก้]

หัวหน้าพรรค

[แก้]
ลำดับ รูป ชื่อ เริ่มวาระ สิ้นสุดวาระ
1 อุตตม สาวนายน 29 กันยายน พ.ศ. 2561 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563
2 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ปัจจุบัน

เลขาธิการพรรค

[แก้]
ลำดับ รูป ชื่อ เริ่มวาระ สิ้นสุดวาระ
1 สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563
2 อนุชา นาคาศัย 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564
3
(ครั้งที่ 1)
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564 19 มกราคม พ.ศ. 2565
4 สันติ พร้อมพัฒน์ 3 เมษายน พ.ศ. 2565 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
3
(ครั้งที่ 2)
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 3 กันยายน พ.ศ. 2567
5 ไพบูลย์ นิติตะวัน 6 กันยายน พ.ศ. 2567 ปัจจุบัน

กรรมการบริหารพรรค

[แก้]
ลำดับที่ ชื่อ ตำแหน่ง
1 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค
2 สันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค
3 ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
4 ตรีนุช เทียนทอง
5 อุตตม สาวนายน
6 สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
7 ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์
8 ชัยมงคล ไชยรบ
9 อภิชัย เตชะอุบล
10 ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค
11 ภัครธรณ์ เทียนไชย รองเลขาธิการพรรค
12 กาญจนา จังหวะ
13 พลเอก กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค
14 สมโภชน์ แพงแก้ว นายทะเบียนสมาชิกพรรค
15 พลตํารวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค
16 อนันต์ ผลอำนวย กรรมการบริหารพรรค
17 ทวี สุระบาล
18 สุธรรม จริตงาม
19 กระแสร์ ตระกูลพรพงศ์
20 คอซีย์ มามุ
21 อัครวัฒน์ อัศวเหม
22 ยงยุทธ สุวรรณบุตร
23 ชาญกฤช เดชวิทักษ์
24 หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี
25 วัน อยู่บำรุง

บุคลากรของพรรคในตำแหน่งอื่น ๆ

[แก้]

กลุ่มย่อยในพรรค

[แก้]

การเลือกตั้ง

[แก้]

ผลการเลือกตั้งทั่วไป

[แก้]
การเลือกตั้ง จำนวนที่นั่ง คะแนนเสียงทั้งหมด สัดส่วนคะแนนเสียง ที่นั่งเปลี่ยน ผลการเลือกตั้ง ผู้นำเลือกตั้ง
2562
116 / 500
8,441,274 23.74% เพิ่มขึ้น 116 แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา
2566
40 / 500
537,625 1.36% ลดลง 76 ร่วมรัฐบาล (2566-2567) ประวิตร วงษ์สุวรรณ
แยกฝ่าย (2567-ปัจจุบัน)[a]

ข้อวิจารณ์

[แก้]

ความขัดแย้งกับธรรมนัส

[แก้]

ครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2565)

[แก้]

19 มกราคม พ.ศ. 2565 ผู้สื่อข่าวการเมืองรวมถึงสายทหารหลายราย ได้ออกรายงานตรงกันว่า ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยสมาชิกในสังกัดอีก 20 คน ได้พร้อมใจกันยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทั้งหมดถูกเรียกประชุมด่วนที่มูลนิธิป่ารอยต่อหลังจากประชุมสภาล่มเมื่อเวลา 17.45 น.[51] จนในเวลา 20.21 น. มีรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส พร้อม สส. ในสังกัดอีก 20 คน ได้เปลี่ยนไปยื่นขอมติขับออกจากพรรคแทนการลาออก เพื่อให้ตนและ สส. สามารถสังกัดพรรคการเมืองใหม่ได้ใน 60 วัน ตามกฎหมาย และคณะกรรมการพร้อมสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ มีมติ 78 เสียง ให้ขับ ร.อ.ธรรมนัส พร้อม สส. ในสังกัดอีก 20 คน ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคทันที ฐานสร้างความขัดแย้งและแตกแยกในพรรค[52] ความตอนหนึ่ง พลเอกประวิตร กล่าวว่า "ยอม ๆ ไปเหอะ ถ้าอยากออกก็ให้ออกไป จะได้สงบ พรรคจะได้เดินต่อ"[53]

เอกรัฐ ตะเคียนนุช ผู้สื่อข่าวช่องวัน 31 ณ ขณะนั้น คาดการณ์บนแฟนเพจส่วนตัวว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นชนวนความขัดแย้งตั้งแต่ครั้งที่พลเอกประยุทธ์ ใช้คำสั่งปลดร้อยเอกธรรมนัสออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้ฝ่ายร้อยเอกธรรมนัสกับฝ่ายพลเอกประยุทธ์ไม่ลงรอยกันนับตั้งแต่นั้น และใจจริง ธรรมนัส และสมาชิกทั้งหมด "จะลาออก" เพื่อให้ตัวเองขาดคุณสมบัติการเป็น สส. ซึ่งจะเป็นผลให้รัฐบาลขาดความเสถียรภาพจากที่ไม่ค่อยเสถียรภาพอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประวิตรไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเจรจากับธรรมนัสให้อยู่ต่อเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล ผลสุดท้าย ธรรมนัสขอเปลี่ยนจากลาออกเป็นขอมติขับออกจากพรรคแทน[54] หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ ร.อ.ธรรมนัส พร้อม สส. ทั้ง 20 คน จะย้ายไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย โดยมีข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะมี วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ซึ่งเป็นคนสนิทใกล้ชิดของประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค[55]

ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2565 เกิดความขัดแย้งระหว่างพลเอกประวิตรและพลเอกประยุทธ์ในพรรคพลังประชารัฐ[56] และต่อมาพลเอกประยุทธ์ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในช่วงต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2566[57] เวลาต่อมาธรรมนัสได้กลับเข้าพรรคพลังประชารัฐ[58]

รายชื่อ สส. ที่พรรคมีมติขับออกจากพรรค[59]
[แก้]
ย้ายไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย
[แก้]
ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย
[แก้]

ครั้งที่สอง (พ.ศ. 2567)

[แก้]

ความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับกลุ่มของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีการส่งรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีแพทองธาร ปรากฎว่าไม่มีชื่อของร้อยเอกธรรมนัส และตำแหน่งรัฐมนตรีเดิมของธรรมนัสถูกแทนที่ด้วยชื่อของ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขในคณะรัฐมนตรีเศรษฐา โดยพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ด้วยตนเองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว[60] ต่อมาในวันที่ 20 สิงหาคม มีการแถลงต่อสื่อมวลชน โดยประกาศแยกทางกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ[61] จากนั้นมีการรวบรวม สส.พรรคพลังประชารัฐที่เข้าร่วมกับร้อยเอกธรรมนัส 29 คน และ สส.จากพรรคเล็กอีก 5 คน เพื่อยื่นชื่อรัฐมนตรีในสัดส่วนของตนในวันถัดไป[62] แต่ในเวลาต่อมา มีสมาชิกกลุ่มธรรมนัสถอนตัวออกจากกลุ่ม ทำให้มีสมาชิกกลุ่มเหลือ 20 คน

หนึ่งสัปดาห์ถัดจากนั้นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64[63] ต่อมาร้อยเอกธรรมนัสพร้อมกับไผ่ ลิกค์, อรรถกร ศิริลัทธยากร, บุญยิ่ง นิติกาญจนา, สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ และบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ได้ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ[64]

สส.พรรคพลังประชารัฐที่อยู่กลุ่มธรรมนัส
[แก้]
  1. ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เขต 1
  2. นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 3
  3. นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3
  4. นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา เขต 3
  5. นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4
  6. นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 5
  7. นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9
  8. นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี เขต 2
  9. นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1
  10. นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1
  11. นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร เขต 2
  12. นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก เขต 3
  13. นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3
  14. นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี เขต 10
  15. นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3
  16. นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 4
  17. นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2
  18. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2
  19. นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7
  20. นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2
การแบ่งฝ่ายในการร่วมรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ
[แก้]

ในคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64 พรรคพลังประชารัฐได้มีการแบ่งฝ่ายออกเป็น 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายของธรรมนัส พรหมเผ่า หรือ กลุ่มธรรมนัส มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 20 คน ซึ่งเป็นฝ่ายร่วมรัฐบาล และฝ่ายของประวิตร วงษ์สุวรรณ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 20 คน ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน

คำร้องคัดค้านการเป็น สส.

[แก้]

15 มิถุนายน พ.ศ. 2566 มีเอกสารที่นำเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ประกาศผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ครั้งที่ 1 ปรากฏว่ามี ว่าที่ สส. ที่ประกาศผลรับรอง 329 คน ขณะที่มี 71 เขต ที่มีเรื่องร้องคัดค้าน มีรายงานว่า เอกสารดังกล่าวอาจเป็นเอกสารสรุปของฝ่ายปฏิบัติการ แจ้งเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ที่ยังไม่ได้นำเสนอต่อที่ประชุม กกต.[65] โดยพรรคพลังประชารัฐถูกร้องคัดค้านทั้งสิ้น 14 คน ดังนี้

ลำดับ รายชื่อ สส. เขตที่ลงเลือกตั้ง
1 ไผ่ ลิกค์ กำแพงเพชร เขต 1
2 สะถิระ เผือกประพันธุ์ ชลบุรี เขต 10
3 อัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ชัยภูมิ เขต 7
4 นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เชียงใหม่ เขต 9
5 ทวี สุระบาล ตรัง เขต 2
6 ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ พังงา เขต 2
7 จักรัตน์ พั้วช่วย เพชรบูรณ์ เขต 2
8 วันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ เพชรบูรณ์ เขต 5
9 อัคร ทองใจสด เพชรบูรณ์ เขต 6
10 วิริยะ ทองผา มุกดาหาร เขต 1
11 รัชนี พลซื่อ ร้อยเอ็ด เขต 3
12 ชัยมงคล ไชยรบ สกลนคร เขต 5
13 ขวัญเรือน เทียนทอง สระแก้ว เขต 1
14 โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สิงห์บุรี เขต 1

แต่ถึงกระนั้น กกต. ก็ประกาศรับรอง สส. ทั้ง 500 คนก่อน โดยได้ชี้แจงว่าจะดำเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง

การแยกไปตั้งพรรค

[แก้]

พรรคพลังประชารัฐเคยมีสมาชิกพรรคที่ย้ายไปร่วมงานกับพรรคอื่น ดังนี้

หมายเหตุ

[แก้]
  1. กลุ่ม ธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อมกับ สส. 20 คน เป็นฝ่ายร่วมรัฐบาล และกลุ่ม ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมกับ สส. 20 คน เป็นฝ่ายค้าน

ดูเพิ่มเติม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "สรุปข้อมูลรายชื่อพรรคที่ออกหนังสือเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง (ณ วันที่ 21 กันยายน 2561)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-24. สืบค้นเมื่อ 2019-02-20.
  2. ข้อมูลพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่ ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2565
  3. "Asia in Review SEA Thailand - German-Southeast Asian Center of Excellence for Public Policy and Good Governance (CPG)". สืบค้นเมื่อ 13 March 2019.
  4. ""พรรคพลังประชารัฐ"เปิดตัวยิ่งใหญ่ "อุตตม"นั่งแท่นหัวหน้าพรรค". Tnnthailand.com. สืบค้นเมื่อ 13 March 2019.
  5. "2019 Political Preview: Emerging Market Elections In Focus". Fitchsolutions.com. 13 August 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-27. สืบค้นเมื่อ 13 March 2019.
  6. "Former Khon Kaen MP Premsak holds hands with Sam Mitr leader". The Nation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-03. สืบค้นเมื่อ 13 March 2019.
  7. จดพรรคใหม่คึก มารอแต่เช้ามืด ไทยรัฐ 2 มีนาคม 2561
  8. "PM allows ministers to back parties". Bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-27.
  9. "อุตตม" ยื่นจดจัดตั้ง 'พปชร.' ปัดดูดหัวละ 50 ล้าน!
  10. "150+ Politicos Defect to New Pro-Junta Party". Khaosod English (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2018-11-27. สืบค้นเมื่อ 2018-11-27.
  11. "นับคะแนน 112 อดีต ส.ส./ผู้สมัคร ส.ส. ซบพลังประชารัฐลุยเลือกตั้ง 62". ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 2019-03-27.
  12. "Palang Pracharath ministers resign from cabinet". Bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2019-01-30.
  13. "'Three Friends' Join Pro-Junta Party, Say Charter Favors Them". Khaosod English. 19 November 2018.
  14. "Parties propose poll date". Bangkok Post. 30 June 2018.
  15. Asaree Thaitrakulpanich (February 27, 2019). "Thai Election for Dummies: Guide to the Parties". Khaosod English. สืบค้นเมื่อ 3-3-2019. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= (help)
  16. "รุมถล่มยับค่าจ้าง 425 บาท พรรคพลังประชารัฐฟุ้ง เป็นรัฐบาลทำได้จริง". ไทยรัฐ. 17 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 17-3-2019. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= (help)
  17. Mongkol Bangprapa (2 July 2018). "EC asked to nip Palang Pracharat in the bud". Bangkok Post.
  18. "'No special treatment for pro-Prayut group'". The Nation. 3 July 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-01. สืบค้นเมื่อ 2019-03-27.
  19. "EC to investigate cash handout spree". Bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
  20. "PPRP 'not shaken' by EC's cash handout investigation". Bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
  21. "ชาวบ้าน "เลิงนกทา" แฉ ต้องสมัครสมาชิก พปชร. ถึงได้บัตรคนจน แถมเงินกลับบ้านอีก 100 บาท". Pptvhd36.com. สืบค้นเมื่อ 2018-12-26.
  22. "New EC boundary ruling under fire". Bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-11-28.
  23. "EC under microscope for gerrymandering over designing of boundaries - The Nation". The Nation (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-11-29. สืบค้นเมื่อ 2018-11-28.
  24. "EC completes redrawing of constituencies - The Nation". The Nation (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-24. สืบค้นเมื่อ 2018-11-28.
  25. "Election has already been won, so what now? - The Nation". The Nation (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-24. สืบค้นเมื่อ 2018-11-29.
  26. "Sontirat: Dinner table map doesn't belong to party". Bangkokpost.com. สืบค้นเมื่อ 2018-12-26.
  27. "ต้องโชว์ทุกเดือน! กาง กม.เงินบริจาคพรรค-ลุ้นก้อน 532 ล.งานโต๊ะจีน พปชร.ใครทุนใหญ่?". Isranews.org. 2019-01-28. สืบค้นเมื่อ 2019-02-03.
  28. "เลือกตั้ง 2562 : "พลังประชารัฐ" รอดยุบพรรค ระดมทุนโต๊ะจีนไร้เงินต่างชาติ". ไทยพีบีเอส. 12 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-13.
  29. "'สำนักข่าวอิศรา' แกะรอยทุนไอซ์แลนด์ถือหุ้นบริษัทบริจาคโต๊ะจีน พปชร. พบใช้ที่อยู่เดียวกับนิติบุคคลในเอกสาร Offshore Leaks". ประชาไท. 2019-03-16. สืบค้นเมื่อ 2019-03-27.
  30. "ร้อง กกต.ยุบพลังประชารัฐคัดค้าน "ตู่" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี". ไทยรัฐ. 16 ก.พ. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-02-27.
  31. ""ประยุทธ์"รอด!ผู้ตรวจฯชี้ ไม่มีสถานะ"จนท.อื่นของรัฐ"". เดลินิวส์. 14 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-14.
  32. "เพื่อไทยยื่นเอาผิด พลังประชารัฐ ปราศรัยหาเสียงสัญญาว่าจะให้ "บัตรคนจน"". ไทยรัฐ. 14 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-14.
  33. "การเมืองยุคตู่ Vs ธนาธร". ข่าวหุ้น. 25 มี.ค. 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-03-27.
  34. พลังประชารัฐ : สามมิตร ไล่ สนธิรัตน์ พ้นเลขาฯ ชี้ "เป็นภัยความมั่นคงของพรรค”
  35. พลังประชารัฐ : สามมิตร “ไม่งอแง” เลิกเขย่าโผ ครม. ล้มแผนไล่ สนธิรัตน์
  36. ประยุทธ์ ส่อทิ้ง “เปรมโมเดล” ยึด “สฤษดิ์สไตล์”
  37. พลังประชารัฐ ยอมรับ ขึ้นค่าแรง 425 บาท ต้องรอไปก่อน เกรงกระทบหลายส่วน
  38. ไทยพีบีเอส (1 มิถุนายน 2563). "18 กก.บห.พรรคพลังประชารัฐลาออก "อุตตม" พ้นหัวหน้าพรรค". news.thaipbs.or.th. สืบค้นเมื่อ 27 มิถุนายน 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  39. ไทยรัฐ (27 มิถุนายน 2563). "เปิดรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ ใต้การนำของ "ลุงป้อม"". www.thairath.co.th. สืบค้นเมื่อ 27 มิถุนายน 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  40. "เลือกตั้ง 2566 : เบื้องหลัง "จดหมายเปิดใจ" และ "ลุงป้อมเปิดอกคุยสื่อ"". BBC News ไทย. 2023-04-12.
  41. ""บิ๊กป้อม" คุยกับ "น้องมายด์ แกนนำราษฎร" อารมณ์ดี เซลฟี่คู่ บอกจะไม่มีรัฐประหารอีก". pptvhd36.com.
  42. "เลือกตั้ง 2566 : ประวิตร "ฟิตเปรี๊ยะ" พร้อมเป็นนายกฯ เผยมีดีลประยุทธ์-ไม่คุยทักษิณ". BBC News ไทย. 2023-04-12.
  43. ชูน้อง‘บิ๊กป้อม’ รีเซตพลังประชารัฐดัน‘พัชรวาท’จ่อทำ งานใหญ่
  44. ""นฤมล" ลา พปชร. แจงทำหน้าที่เหรัญญิกพรรคเสร็จสมบูรณ์แล้ว". ผู้จัดการออนไลน์. 2 ตุลาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 2 ตุลาคม 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  45. ""นฤมล" นั่งหัวหน้า "พรรคกล้าธรรม" คนใหม่ ย้ำนโยบาย "คนไทยอยู่ดี มีสุขฯ"". www.thairath.co.th. 2024-08-06.
  46. ""ธรรมนัส" เปิดใจแยกทาง "ประวิตร" นำ 29 สส.พลังประชารัฐถอย". Thai PBS.
  47. "ด่วน!! ธรรมนัส ประกาศตัวเป็นอิสรภาพ บอกรับใช้ ลุงป้อม มามากพอแล้ว". อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 - AMARIN TV HD. 2024-08-20.
  48. "เช็กชื่อ 26 สส. "กลุ่มธรรมนัส" ลอยแพบิ๊กป้อม". Thai PBS.
  49. ด่วน มติ สส.เพื่อไทย ชง กก.บห. ขับพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
  50. ‘พลังประชารัฐ’ ชุมนุม 10 ก๊ก ต้อนบ้านใหญ่-มุ้งย่อย ตำรับ ‘ไทยรักไทย’
  51. เอกรัฐ ตะเคียนนุช (19 มกราคม 2565). "สะพัด!! "#ผู้กองฯธรรมนัส" จะลาออก เลขาฯ พปชร. พยายามสอบถามเจ้าตัว แต่ยังติดต่อไม่ได้!". www.facebook.com/EakaratTkn. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม 2565. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  52. ผู้จัดการออนไลน์ (19 มกราคม 2565). "ชี้ขับธรรมนัสพ้น พปชร. รัฐบาลประยุทธ์เสียงปริ่มน้ำ อยู่ได้แบบหืดขึ้นคออาจยุบสภา". www.mgronline.com. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม 2565. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  53. สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา (19 มกราคม 2565). ""ยอมๆ ไปเหอะ ถ้าอยากออกก็ให้ออกไป จะได้สงบ พรรคจะได้เดินต่อ เรื่องนี้ได้คุยกับนายกฯ แล้ว"". www.facebook.com/sorrayuth9115. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม 2565. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  54. เอกรัฐ ตะเคียนนุช (19 มกราคม 2565). ""เกมการเมืองแบบไทยๆ การเมืองยุค #นายพล.."". www.facebook.com/EakaratTkn. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม 2565. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  55. มติชน (20 มกราคม 2565). "รู้จัก 'พรรคเศรษฐกิจไทย' พรรคใหม่ ก๊วนธรรมนัส". www.matichon.co.th. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม 2565. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  56. "ร้าว แต่ยังไม่แตก พลังประชารัฐในภาวะ "มังกรสองหัว"". BBC News ไทย. สืบค้นเมื่อ 2023-02-02.
  57. "นักการเมืองเต็มตัว 'บิ๊กตู่' สมัครสมาชิก รทสช. ขึ้นเวทีร่ายยาวภารกิจเพื่อคนไทยทั้งชาติ". 2023-01-09.
  58. "'ธรรมนัส' เตรียมเข้า 'พลังประชารัฐ' ก่อน 7 ก.พ.นี้ ไม่ขอรับตำแหน่งในพรรค". workpointTODAY.
  59. "9 เดือนพรรคเศรษฐกิจไทย กับ "มือที่หายไป" ของ ร.อ. ธรรมนัส". BBC News ไทย. 2022-10-11.
  60. ""ธรรมนัส" หลุด ครม.ใหม่ "สันติ" นั่ง รมว.เกษตรฯ แทน". Thai PBS.
  61. ""ธรรมนัส" เปิดใจแยกทาง "ประวิตร" นำ 29 สส.พลังประชารัฐถอย". Thai PBS.
  62. เปิดชื่อ ส.ส.ก๊วนธรรมนัส หลังแถลงโว 34 เสียงแน่นปึ้ก มีภรรยา ‘สันติ’ อยู่ด้วย
  63. ด่วน มติ สส.เพื่อไทย ชง กก.บห. ขับพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
  64. "ธรรมนัส เผย ยื่นลาออกกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ 20 ส.ค." THE STANDARD. 2024-09-05.
  65. "เปิดชื่อ 71 ว่าที่ ส.ส. กกต.จ่อแขวน เหตุร้องคัดค้าน". Thai PBS.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]