ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จังหวัดนครราชสีมา"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
สมัยอยุธยา |
||
บรรทัด 64: | บรรทัด 64: | ||
''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับปลีก เลขทะเบียน ๒๒๒ ๒/ก ๑๐๔'' กล่าวถึง[[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2]] (เจ้าสามพระยา) “อยู่ปีหนึ่ง ท่านให้ก็ตกแต่งช้างม้ารี้พล ทั้งปวงจะยกไปเมืองพิมายพนมรุ้งไซร้ พอเจ้าเมืองทั้งหลายถวายบังคมพระบาทผู้เป็นเจ้าๆก็ให้พระราชทานรางวัลแล้วคืนไปอยู่ตามภูมิลำเนา”<ref name=":1">ศานติ ภักดีคำ. '''เขมรรบไทย'''. กรุงเทพ; สำนักพิมพ์มติชน, 2554.</ref> ซึ่งตรงกับศิลา[[จารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพ]]ซึ่งจารึกขึ้นเมื่อพ.ศ. 1974 และพบที่[[อำเภอลำสนธิ]][[จังหวัดลพบุรี]] กล่าวถึงสมเด็จพระอินทราบรมจักรพรรดิธรรมิกราชโปรดฯให้[[ขุนศรีไชยราชมงคลเทพ]] "เอาจตุรงค์ช้างม้ารี้พลไปโจมจับพระนครพิมายพนมรุ้ง"<ref name=":1" /> แสดงให้เห็นว่าอาณาจักรอยุธยาแผ่ขยายอำนาจเข้ามาในเขตลุ่มแม่น้ำมูลตอนบนและ[[ที่ราบสูงโคราช]]ด้านตะวันตกในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้าสามพระยาฯ |
''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับปลีก เลขทะเบียน ๒๒๒ ๒/ก ๑๐๔'' กล่าวถึง[[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2]] (เจ้าสามพระยา) “อยู่ปีหนึ่ง ท่านให้ก็ตกแต่งช้างม้ารี้พล ทั้งปวงจะยกไปเมืองพิมายพนมรุ้งไซร้ พอเจ้าเมืองทั้งหลายถวายบังคมพระบาทผู้เป็นเจ้าๆก็ให้พระราชทานรางวัลแล้วคืนไปอยู่ตามภูมิลำเนา”<ref name=":1">ศานติ ภักดีคำ. '''เขมรรบไทย'''. กรุงเทพ; สำนักพิมพ์มติชน, 2554.</ref> ซึ่งตรงกับศิลา[[จารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพ]]ซึ่งจารึกขึ้นเมื่อพ.ศ. 1974 และพบที่[[อำเภอลำสนธิ]][[จังหวัดลพบุรี]] กล่าวถึงสมเด็จพระอินทราบรมจักรพรรดิธรรมิกราชโปรดฯให้[[ขุนศรีไชยราชมงคลเทพ]] "เอาจตุรงค์ช้างม้ารี้พลไปโจมจับพระนครพิมายพนมรุ้ง"<ref name=":1" /> แสดงให้เห็นว่าอาณาจักรอยุธยาแผ่ขยายอำนาจเข้ามาในเขตลุ่มแม่น้ำมูลตอนบนและ[[ที่ราบสูงโคราช]]ด้านตะวันตกในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้าสามพระยาฯ |
||
ในสมัยอยุธยาเมืองนครราชสีมาคือ "เมืองโคราฆะ" ริมแม่น้ำลำตะคองในตำบลโคราชอำเภอสูงเนินในปัจจุบันซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับเมืองเสมา เมืองนครราชสีมามีความสำคัญในฐานะเป็นฐานการปกครองของอยุธยาในลุ่มแม่น้ำมูลตอนบนและเป็นรอยต่ออาณาเขตของอยุธยากับ[[อาณาจักรล้านช้าง]]และ[[เขมรป่าดง]] ในรัชสมัย[[สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ]]จาก[[กฎมณเฑียรบาล]]เมืองนครราชสีมาเป็นหนึ่งในเมืองพระยามหานครแปดเมืองซึ่งเจ้าเมืองต้องถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ใน[[พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน นาทหารหัวเมือง]] ปรากฎราชทินนามของเจ้าเมืองนครราชสีมาว่า '''ออกญากำแหงสงครามรามภักดีอภัยพิรียบรากรมภาหุ''' ศักดินา 10,000 ไร่ พงศาวดารเขมรระบุว่าในพ.ศ. |
ในสมัยอยุธยาเมืองนครราชสีมาคือ "เมืองโคราฆะ" ริมแม่น้ำลำตะคองในตำบลโคราชอำเภอสูงเนินในปัจจุบันซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับเมืองเสมา เมืองนครราชสีมามีความสำคัญในฐานะเป็นฐานการปกครองของอยุธยาในลุ่มแม่น้ำมูลตอนบนและเป็นรอยต่ออาณาเขตของอยุธยากับ[[อาณาจักรล้านช้าง]]และ[[เขมรป่าดง]] ในรัชสมัย[[สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ]]จาก[[กฎมณเฑียรบาล]]เมืองนครราชสีมาเป็นหนึ่งในเมืองพระยามหานครแปดเมืองซึ่งเจ้าเมืองต้องถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ใน[[พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน นาทหารหัวเมือง]] ปรากฎราชทินนามของเจ้าเมืองนครราชสีมาว่า '''ออกญากำแหงสงครามรามภักดีอภัยพิรียบรากรมภาหุ''' ศักดินา 10,000 ไร่ พงศาวดารเขมรระบุว่าในพ.ศ. 2113 เมื่อ[[สมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (พระยาละแวก)|สมเด็จพระบรมราชาที่ 3]] แห่ง[[อาณาจักรเขมรละแวก]]เข้าตีกรุงศรีอยุธยาไม่สำเร็จจึงยกทัพเข้ามายึดเมืองนครราชสีมาได้สำเร็จ<ref name=":1" /> [[สมเด็จพระนเรศวร|สมเด็จพระนเรศวรฯ]]ทรงจัดการปกครองหัวเมืองขึ้นใหม่โดยเมืองนครราชสีมามีฐานะเป็นเมืองชั้นโท นอกจากนี้พงศาวดารเขมรยังระบุอีกว่าในพ.ศ. 2173 รัชกาล[[สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง]] พระศรีธรรมราชาที่ 2 แห่ง[[อาณาจักรเขมรอุดง]]ยกทัพมากวาดต้อนผู้คนในเขตเมืองนครราชสีมา<ref name=":1" /> |
||
[[ไฟล์:Corazema-Map-1693.JPG|thumb|left|เมืองโคราชสีมาในแผนที่ของ ลา ลูแบร์ พ.ศ. 2236|248.991x248.991px]] |
[[ไฟล์:Corazema-Map-1693.JPG|thumb|left|เมืองโคราชสีมาในแผนที่ของ ลา ลูแบร์ พ.ศ. 2236|248.991x248.991px]] |
||
ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] ทรงเห็นว่านครราชสีมามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เนื่องจากเป็นเมืองหน้าด่านของอยุธยาติดกับพรมแดนลาวล้านช้าง จึงโปรดฯให้ย้ายเมืองนครราชสีมาจากเมืองโคราฆะเดิมและเมืองเสมามาสร้างเมืองใหม่ที่[[อำเภอเมืองนครราชสีมา]]ในปัจจุบัน วางผังเมืองโดยเดอลามาร์ (De la Mare) วิศวกรชาวฝรั่งเศส<ref name=":2">http://www.koratdaily.com/blog.php?id=8613</ref> เป็นตารางรูปสีเหลี่ยมกว้าง 1,000 เมตร ความยาว 1,700 เมตร มีกำแพงเมืองขนาดใหญ่ตามแบบตะวันตกมีป้อมค่ายหอรบ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงรวมชื่อเมืองโคราฆะและเมืองเสมา<ref>http://koratth.weebly.com/3611361936323623363336053636.html</ref>แล้วพระราชทานนามเมืองใหม่ว่า "'''เมืองนครราชสีมา'''" เมื่อจุลศักราช 1036 (พุทธศักราช 2217) และทรงแต่งตั้งให้[[พระยายมราช (สังข์)]]เป็นเจ้าเมือง [[ซีมง เดอ ลา ลูแบร์]] บันทึกไว้ใน[[จดหมายเหตุลาลูแบร์|''จดหมายเหตุลาลูแบร์'']]ว่า '''เมืองโคราชสีมา''' (Corazema) เป็นหัวเมืองใหญ่หนึ่งในเจ็ดมณฑล ตั้งอยู่ติดชายแดนของราชอาณาจักรสยามกับเมืองลาว มีเมืองบริวาร 5 เมืองได้แก่ เมืองนครจันทึก (อำเภอสีคิ้ว) เมือง[[จังหวัดชัยภูมิ|ชัยภูมิ]] เมืองพิมาย เมือง[[จังหวัดบุรีรัมย์|บุรีรัมย์]] และเมือง[[อำเภอนางรอง|นางรอง]]<ref name=":2" /> |
ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] ทรงเห็นว่านครราชสีมามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เนื่องจากเป็นเมืองหน้าด่านของอยุธยาติดกับพรมแดนลาวล้านช้าง จึงโปรดฯให้ย้ายเมืองนครราชสีมาจากเมืองโคราฆะเดิมและเมืองเสมามาสร้างเมืองใหม่ที่[[อำเภอเมืองนครราชสีมา]]ในปัจจุบัน วางผังเมืองโดยเดอลามาร์ (De la Mare) วิศวกรชาวฝรั่งเศส<ref name=":2">http://www.koratdaily.com/blog.php?id=8613</ref> เป็นตารางรูปสีเหลี่ยมกว้าง 1,000 เมตร ความยาว 1,700 เมตร มีกำแพงเมืองขนาดใหญ่ตามแบบตะวันตกมีป้อมค่ายหอรบ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงรวมชื่อเมืองโคราฆะและเมืองเสมา<ref>http://koratth.weebly.com/3611361936323623363336053636.html</ref>แล้วพระราชทานนามเมืองใหม่ว่า "'''เมืองนครราชสีมา'''" เมื่อจุลศักราช 1036 (พุทธศักราช 2217) และทรงแต่งตั้งให้[[พระยายมราช (สังข์)]]เป็นเจ้าเมือง [[ซีมง เดอ ลา ลูแบร์]] บันทึกไว้ใน[[จดหมายเหตุลาลูแบร์|''จดหมายเหตุลาลูแบร์'']]ว่า '''เมืองโคราชสีมา''' (Corazema) เป็นหัวเมืองใหญ่หนึ่งในเจ็ดมณฑล ตั้งอยู่ติดชายแดนของราชอาณาจักรสยามกับเมืองลาว มีเมืองบริวาร 5 เมืองได้แก่ เมืองนครจันทึก (อำเภอสีคิ้ว) เมือง[[จังหวัดชัยภูมิ|ชัยภูมิ]] เมืองพิมาย เมือง[[จังหวัดบุรีรัมย์|บุรีรัมย์]] และเมือง[[อำเภอนางรอง|นางรอง]]<ref name=":2" /> |
||
เมื่อ[[สมเด็จพระเพทราชา]]ทรงยึดอำนาจในพ.ศ. 2231 พระยายมราช (สังข์) เจ้าเมืองนครราชสีมาที่แต่งตั้งโดยสมเด็จพระนารายณ์ฯแข็งเมืองไม่ไปถือน้ำพิพัฒน์สัตยา พระเพทราชาทรงส่งทัพเข้าล้อมเมืองนครราชสีมาในพ.ศ. 2232 แต่ไม่สำเร็จและถอยกลับไป พระเพทราชาจึงทรงส่งทัพมาอีกครั้งในปีถัดมาสามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้ในที่สุด พระยายมราช (สังข์) หลบหนีไปยังเมือง[[นครศรีธรรมราช]] จากนั้นปีพ.ศ. 2241 ชาวบ้านในเมืองนครราชสีมาชื่อบุญกว้างพร้อมพรรคพวกอีกยี่สิบแปดคน<ref>จิตรสิงห์ ปิยะชาติ. '''กบฏกรุงศรีอยุธยา'''. กรุงเทพฯ: ยิปซีสำนักพิมพ์, พฤศจิกายน 2551.</ref>สามารถยึดอำนาจในเมืองนครราชสีมาจากเจ้าเมืองคนใหม่ได้ นำไปสู่[[กบฏบุญกว้าง]] พระเพทราชาทรงส่งทัพเข้าล้อมเมืองนครราชสีมาอีกครั้งกินเวลายืดเยื้ออยู่นานถึงสามปี ฝ่ายอยุธยาใช้อุบายผูกหม้อดินระเบิดกับว่าวจุฬาแล้วชักให้ลอยไปตกในเมืองนครราชสีมาเพื่อให้เกิดเพลิงไหม้ จนกระทั่งบุญกว้างและพรรคพวกหลบหนีออกจากเมืองและทัพหลวงกลับไป |
|||
ในแผ่นดิน [[สมเด็จพระเพทราชา]] พระยายมราชเจ้าเมืองนครราชสีมาที่แต่งตั้งโดย[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]]ได้แข็งเมือง เนื่องจากไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชา ที่ก่อการยึดอำนาจและเปลี่ยนราชวงศ์ จึงไม่ขอขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา แต่ถูกกองทัพกรุงศรีอยุธยาใช้เวลาปราบปรามโดยล้อมเมืองอยู่ประมาณ 2 ปี โดยใช้อุบายและกลยุทธปราบลงได้ พระยายมราช เจ้าเมืองนครราชสีมาได้หนีไปพึ่ง เจ้าพระยารามเดโชเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชาเช่นกัน แต่ถูกกองทัพอยุธยาตามไปปราบปรามลงได้ นับแต่นั้นเมืองนครราชสีมาได้ถูกลดความสำคัญลงไม่เข้มแข็งดังแต่ก่อน |
|||
เมื่อทัพพม่าเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาในพ.ศ. 2309 [[กรมหมื่นเทพพิพิธ]]พระโอรสใน[[พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]]เสด็จจากหัวเมืองชายทะเลตะวันออกมาเกลี้ยกล่อมให้พระยานครราชสีมาเจ้าเมืองนครราชสีมาให้การสนับสนุนแด่พระองค์ในการกอบกู้อยุธยาจากการล้อมของพม่า แต่พระยานครราชสีมาไม่ยินยอมด้วย กรมหมื่นเทพพิพิธจึงทรงส่งหม่อมเจ้าประยงพระโอรสและหลวงมหาพิชัยลักลอบนำกองกำลังเข้าเมืองนครราชสีมาและทำการลอบสังหารพระยานครราชสีมา<ref name=":3">พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).</ref> กรมหมื่นเทพพิพิธจึงทรงสามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้แต่เพียงไม่นานน้องชายของพระยานครราชสีมาที่ถูกสังหารไปนั้นคือหลวงแพ่งหลบหนีไปยังเมืองพิมายขอความช่วยเหลือจากพระพิมายผู้เป็นเจ้าเมืองพิมายในการยึดเมืองนครราชสีมาคืนจากกรมหมื่นเทพพิพิธ พระพิมายและหลวงแพ่งยกทัพจากเมืองพิมายเข้ามายึดเมืองนครราชสีมาได้สำเร็จและจับกุมกรมหมื่นเทพพิพิธ พระพิมายไว้พระชนม์ชีพกรมหมื่นเทพพิพิธและเชิญกรมหมื่นเทพพิพิธไปประทับที่เมืองพิมาย หลวงแพ่งได้เป็นพระยานครราชสีมา |
เมื่อทัพพม่าเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาในพ.ศ. 2309 [[กรมหมื่นเทพพิพิธ]]พระโอรสใน[[พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]]เสด็จจากหัวเมืองชายทะเลตะวันออกมาเกลี้ยกล่อมให้พระยานครราชสีมาเจ้าเมืองนครราชสีมาให้การสนับสนุนแด่พระองค์ในการกอบกู้อยุธยาจากการล้อมของพม่า แต่พระยานครราชสีมาไม่ยินยอมด้วย กรมหมื่นเทพพิพิธจึงทรงส่งหม่อมเจ้าประยงพระโอรสและหลวงมหาพิชัยลักลอบนำกองกำลังเข้าเมืองนครราชสีมาและทำการลอบสังหารพระยานครราชสีมา<ref name=":3">พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).</ref> กรมหมื่นเทพพิพิธจึงทรงสามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้แต่เพียงไม่นานน้องชายของพระยานครราชสีมาที่ถูกสังหารไปนั้นคือหลวงแพ่งหลบหนีไปยังเมืองพิมายขอความช่วยเหลือจากพระพิมายผู้เป็นเจ้าเมืองพิมายในการยึดเมืองนครราชสีมาคืนจากกรมหมื่นเทพพิพิธ พระพิมายและหลวงแพ่งยกทัพจากเมืองพิมายเข้ามายึดเมืองนครราชสีมาได้สำเร็จและจับกุมกรมหมื่นเทพพิพิธ พระพิมายไว้พระชนม์ชีพกรมหมื่นเทพพิพิธและเชิญกรมหมื่นเทพพิพิธไปประทับที่เมืองพิมาย หลวงแพ่งได้เป็นพระยานครราชสีมา |
||
=== สมัยกรุงธนบุรี === |
=== สมัยกรุงธนบุรี === |
||
หลัง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง|กรุงศรีอยุธยาล่มสลาย]]ในพ.ศ. 2310 เจ้าเมืองพิมายจึงยกให้กรมหมื่นเทพพิพิธขึ้นเป็น"เจ้าพิมาย" เจ้าพิมายกรมหมื่นเทพพิพิธทรงแต่งตั้งเจ้าเมืองพิมายเดิมเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (พระพิมาย) ยกทัพเข้าลอบสังหารพระยานครราชสีมา (หลวงแพ่ง) ชุมนุมเจ้าพิมายมีเขตอำนาจตั้งแต่สระบุรี<ref name=":3" />ขึ้นไปจรดเขตแดนของอาณาจักรล้านช้าง เป็นหนึ่งในชุมนุมต่างๆที่เกิดขึ้นหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาโดยมีกรมหมื่นเทพพิพิธหรือเจ้าพิมายป็นผู้นำ ในพ.ศ. 2311 หลังจากที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงตีค่ายโพธิ์สามต้นแตกแล้ว มองย่าปลัดทัพฝ่ายพม่าหลบหนีมาเข้าพวกกับชุมนุมพิมาย สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงยกทัพติดตามขึ้นมาตีชุมนุมเจ้าพิมาย เจ้าพิมายให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ (พระพิมาย) ตั้งรับอยู่ที่ด่านจอหอ (ตำบลจอหอ อำเภอเมือง) และให้พระยาวรวงษาธิราชบุตรชายของเจ้าพระศรีสุริยวงษ์ตั้งทัพอยู่ที่[[อำเภอด่านขุนทด|ด่านขุนทด]]<ref name=":3" /> ทัพหลวงของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงยกทัพเข้ายึดค่ายของเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ (เจ้าพิมาย) ที่จอหอได้สำเร็จ เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ (พระพิมาย) ถูกจับกุมและประหารชีวิต พระราชวรินทร์ (ทองด้วง) ต่อมาคือ[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก]] และพระมหามนตรี (บุญมา) ต่อมาคือ[[กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท]] เข้ายึดค่ายของพระยาวรวงษาธิราชที่ด่านขุนทดได้สำเร็จ เมื่อทัพทั้งสองพ่ายแพ้แก่ธนบุรีเจ้าพิมายจึงหลบหนีจากเมืองพิมายไปยังลาวล้านช้างแต่ขุนชนะจับเจ้าพิมายมาถวายแด่พระเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีฯทรงสำเร็จโทษเจ้าพิมายและแต่งตั้งให้ขุนชนะเป็นพระยากำแหงสงครามครองเมืองนครราชสีมา<ref name=":3" /> ชุมนุมเจ้าพิมายจึงสิ้นสุดลงและนครราชสีมาจึงเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของธนบุรี |
หลัง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง|กรุงศรีอยุธยาล่มสลาย]]ในพ.ศ. 2310 เจ้าเมืองพิมายจึงยกให้กรมหมื่นเทพพิพิธขึ้นเป็น"เจ้าพิมาย" เกิด[[ชุมนุมเจ้าพิมาย]]ขึ้น เจ้าพิมายกรมหมื่นเทพพิพิธทรงแต่งตั้งเจ้าเมืองพิมายเดิมเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (พระพิมาย) ยกทัพเข้าลอบสังหารพระยานครราชสีมา (หลวงแพ่ง) ชุมนุมเจ้าพิมายมีเขตอำนาจตั้งแต่สระบุรี<ref name=":3" />ขึ้นไปจรดเขตแดนของอาณาจักรล้านช้าง เป็นหนึ่งในชุมนุมต่างๆที่เกิดขึ้นหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาโดยมีกรมหมื่นเทพพิพิธหรือเจ้าพิมายป็นผู้นำ ในพ.ศ. 2311 หลังจากที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงตีค่ายโพธิ์สามต้นแตกแล้ว มองย่าปลัดทัพฝ่ายพม่าหลบหนีมาเข้าพวกกับชุมนุมพิมาย สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงยกทัพติดตามขึ้นมาตีชุมนุมเจ้าพิมาย เจ้าพิมายให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ (พระพิมาย) ตั้งรับอยู่ที่ด่านจอหอ (ตำบลจอหอ อำเภอเมือง) และให้พระยาวรวงษาธิราชบุตรชายของเจ้าพระศรีสุริยวงษ์ตั้งทัพอยู่ที่[[อำเภอด่านขุนทด|ด่านขุนทด]]<ref name=":3" /> ทัพหลวงของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงยกทัพเข้ายึดค่ายของเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ (เจ้าพิมาย) ที่จอหอได้สำเร็จ เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ (พระพิมาย) ถูกจับกุมและประหารชีวิต พระราชวรินทร์ (ทองด้วง) ต่อมาคือ[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก]] และพระมหามนตรี (บุญมา) ต่อมาคือ[[กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท]] เข้ายึดค่ายของพระยาวรวงษาธิราชที่ด่านขุนทดได้สำเร็จ เมื่อทัพทั้งสองพ่ายแพ้แก่ธนบุรีเจ้าพิมายจึงหลบหนีจากเมืองพิมายไปยังลาวล้านช้างแต่ขุนชนะจับเจ้าพิมายมาถวายแด่พระเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีฯทรงสำเร็จโทษเจ้าพิมายและแต่งตั้งให้ขุนชนะเป็นพระยากำแหงสงครามครองเมืองนครราชสีมา<ref name=":3" /> ชุมนุมเจ้าพิมายจึงสิ้นสุดลงและนครราชสีมาจึงเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของธนบุรี |
||
ในสมัยธนบุรีปรากฎมีนามเจ้าเมืองนครราชสีมาได้แก่ พระยากำแหงสงคราม (ขุนชนะ) และ"เจ้าพระยานครราชสีมา"<ref>https://pantip.com/topic/37872872</ref> ในพ.ศ. 2323 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงให้พระยากำแหงสงคราม (ขุนชนะ) ย้ายไปรับราชการที่ธนบุรีและแต่งตั้งให้หลวงนายฤทธิ์ (ทองอิน) เป็นพระยาสุริยอภัย (ทองอิน) เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมา (ต่อมาคือ[[สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์|เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์]]) และพระอภัยสุริยา (บุญเมือง) เป็นปลัดเมืองนครราชสีมา (ต่อมาคือ[[สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์|เจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์]]) ในช่วงปลายรัชสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีฯเมื่อเกิดการกบฏพระยาสรรค์ขึ้น พระยาสุริยอภัยเจ้าเมืองนครราชสีมาได้นำกำลังทหารของนครราชสีมาเข้าควบคุมสถานการณ์ที่กรุงธนบุรีไว้ก่อนที่[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช|เจ้าพระยาจักรี]]และ[[สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท|เจ้าพระยาสุรสีห์]]จะยกทัพกลับมาจากกัมพูชาและเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน |
ในสมัยธนบุรีปรากฎมีนามเจ้าเมืองนครราชสีมาได้แก่ พระยากำแหงสงคราม (ขุนชนะ) และ"เจ้าพระยานครราชสีมา"<ref>https://pantip.com/topic/37872872</ref> ในพ.ศ. 2323 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงให้พระยากำแหงสงคราม (ขุนชนะ) ย้ายไปรับราชการที่ธนบุรีและแต่งตั้งให้หลวงนายฤทธิ์ (ทองอิน) เป็นพระยาสุริยอภัย (ทองอิน) เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมา (ต่อมาคือ[[สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์|เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์]]) และพระอภัยสุริยา (บุญเมือง) เป็นปลัดเมืองนครราชสีมา (ต่อมาคือ[[สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์|เจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์]]) ในช่วงปลายรัชสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีฯเมื่อเกิดการกบฏพระยาสรรค์ขึ้น พระยาสุริยอภัยเจ้าเมืองนครราชสีมาได้นำกำลังทหารของนครราชสีมาเข้าควบคุมสถานการณ์ที่กรุงธนบุรีไว้ก่อนที่[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช|เจ้าพระยาจักรี]]และ[[สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท|เจ้าพระยาสุรสีห์]]จะยกทัพกลับมาจากกัมพูชาและเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:53, 15 เมษายน 2563
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
จังหวัดนครราชสีมา | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Nakhon Ratchasima |
คำขวัญ: เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน | |
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมาเน้นสีแดง | |
ประเทศ | ไทย |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | วิเชียร จันทรโณทัย (ตั้งแต่ พ.ศ. 2558) |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 20,493.964 ตร.กม.[1] ตร.กม. (Formatting error: invalid input when rounding ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 1 |
ประชากร (พ.ศ. 2562) | |
• ทั้งหมด | 2,648,927 คน[2] คน |
• อันดับ | อันดับที่ 2 |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 37 |
รหัส ISO 3166 | TH-30 |
ชื่อไทยอื่น ๆ | โคราช, ราชสีมา |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | สาธร |
• ดอกไม้ | สาธร |
• สัตว์น้ำ | ปลาพวง (ปลาบ้า) |
ศาลากลางจังหวัด | |
• ที่ตั้ง | ถนนมหาดไทย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 30000 |
• โทรศัพท์ | 0 4424 3798 |
• โทรสาร | 0 4425 5070 |
เว็บไซต์ | http://www.nakhonratchasima.go.th/ |
นครราชสีมา หรือรู้จักในชื่อ โคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทยและมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชื่อเมืองนครราชสีมาปรากฏครั้งแรกเป็นเมืองพระยามหานครในการปฏิรูปการปกครองในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ(ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา) ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีรับสั่งให้ย้ายเมืองนครราชสีมามาตั้งบริเวณพื้นที่ปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ. 2217
ที่มาของชื่อ
มีผู้เสนอว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ เมืองนครราช คือเมืองเดียวกันกับเมืองราด ของพ่อขุนผาเมือง เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเมืองพระนครหลายประการ นอกจากนี้รูปสลักกองทัพชาวสยามบนระเบียงด้านหนึ่งของ นครวัด อาจเป็นชาวสยามจากลุ่มแม่น้ำมูลที่เกี่ยวข้องกับเมืองนครราช และยังมีการกล่าวถึงเมืองนครราชสีมาในพงศาวดารของกัมพูชาหลายครั้งด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีมุมมองอีกด้านหนึ่งก็ว่า นครราชสีมา นั้นเป็นคำไทยเป็นคำใหม่ แยกเป็นคำได้คือ นคร, ราช และ สีมา หมายความว่า "เมืองใหญ่อันเป็นขอบขัณฑสีมาของราชอาณาจักร" (ราช+สีมา) ส่วนคำว่า โคราช (สำเนียงถิ่น: โค-หฺราด, ไทยกลาง: โค-ราด, เขมร: โก-เรียช) นั้น น่าจะเพี้ยนมาจาก นครราช (อ่านตามสำเนียงว่า คอน-หฺราด ซึ่งเป็นคำเรียกนครราชสีมาแบบย่อ ๆ ของชาวบ้าน) หรือ อังกอร์เรียจ ต่อมาลดรูปเป็น กอร์เรียจ และเพี้ยนเป็นโคราช ในที่สุดและไม่ได้เพี้ยนมาจากชื่อเมืองโคราฆปุระ (Gorakhpur) ที่เป็นชื่อเมืองสมัยใหม่ในแคว้นเดียวกับเมืองอโยธยา (Ayodhya) ในอินเดีย ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพแต่อย่างใดเนื่องจากเมืองโคราชที่สูงเนินมีความเก่าแก่กว่าเมืองโคราฆปุระ
เดิมทีนั้นชื่อเมืองนครราชสีมา มีการใช้ "นครราชสีมา" และ "นครราชสีห์มา" สลับกันไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2445 (พ.ศ. 2444 เดิม) ได้มีพระบรมราชโองการฯ ให้ประกาศว่า
ชื่อมณฑลแลเมืองนครราชสีห์มา ซึ่งใช้ตัว ห การันต์ด้วยนั้น เปนการผิดจากความหมายของชื่อเมือง แต่นี้ต่อไปอย่าให้ใช้ตัว ห การันต์ ให้ใช้ว่า นครราชสีมา ในการที่จะออกชื่อเกี่ยวด้วยมณฑลแลเมืองนี้ในที่ทั้งปวง
— ราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๒ มกราคม ร.ศ. ๑๒๐ เล่ม ๑๘ หน้า ๗๙๑
ประวัติศาสตร์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
ภาพเขียนสีเขาจันทร์งามที่วัดเขาจันทร์งามอำเภอสีคิ้วเป็นภาพเขียนสีของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่ามีชุมชนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคหินใหม่ต่อเนื่องมาถึงยุคสำริดและยุคเหล็กอยู่ที่อำเภอโนนสูงประกอบด้วยแหล่งโบราณคดีบ้านปราสาทและแหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัด ซึ่งเป็นชุมชนที่มีการอาศัยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ประมาณ 3000 ปีก่อนตั้งแต่ยุคหินจนถึงยุคประวัติศาสตร์ ในยุคสำริดมีการค้นพบเครื่องประดับสำริดต่างๆและเครื่องปั้นดินเผา แหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัดเป็นแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย[5] มีพบการฝังศพผู้ใหญ่ไว้ในภาชนะดินเผา[5] ที่อำเภอพิมายพบภาชนะดินเผาแบบพิมายดำ (Phimai Black Ware) เมื่อเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์วัฒนธรรมเขมรอินเดียและพระพุทธศาสนาเข้ามาในพื้นที่ ทำให้ชุมชนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ถูกแทนที่ด้วยชุมชนในยุคประวัติศาสตร์ซึ่งได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากภายนอก
สมัยโบราณ
อาณาจักรศรีจนาศะ
ในยุคทวารวดีปรากฎมีอาณาจักรศรีจนาศะ หรือ "จนาศะปุระ" ขึ้นซึ่งสันนิษฐานว่ามีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองโบราณเสมา ในตำบลเสมาอำเภอสูงเนินในปัจจุบัน พบหลักฐานเกี่ยวกับอาณาจักรศรีจนาศะจากจารึกสองชิ้นได้แก่ จารึกบ่ออีกาพบที่บ้านอีกาอำเภอสูงเนิน กำหนดอายุที่พ.ศ. 1411 ใช้อักษรหลังปัลลวะและจารึกด้วยภาษาสันสกฤตและภาษาเขมร กล่าวถึงพระราชาแห่งศรีจนาศะประทานสัตว์และทาสแก่พระสงฆ์และสรรเสริญอังศเทพผู้สร้างศิวลึงค์ และจารึกศรีจนาศะซึ่งพบที่อยุธยาเป็นอักษรขอมโบราณในภาษาสันกฤตและเขมรกล่าวถึงรายพระนามกษัตริย์แห่งศรีจนาศะจารึกขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 1480 เมืองเสมาเป็นเมืองมีคูน้ำคันดินล้อมรอบเป็นรูปวงกลมรีพบโบราณสถานจำนวนเก้าแห่ง นอกจากนี้ยังมีพระนอนหินทรายที่วัดธรรมจักรเสมารามซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในยุคศรีจนาศะ หลักฐานที่พบแสดงว่าถึงพระพุทธศาสนาในศรีจนาศะซึ่งได้รับอิทธิพลจากทวารวดีอยู่คู่กับศาสนาพราหมณ์ไศวนิกาย เมืองศรีจนาศะมีความสัมพันธ์กับเมืองศรีเทพจังหวัดเพชรบูรณ์และเมืองละโว้ซึ่งอยู่ภายใต้มัณฑละเดียวกัน
เมื่อจักรวรรดิเขมรแผ่ขยายอำนาจมาในพื้นที่เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ทำให้อาณาจักรศรีจนาศะสิ้นสุดลง จารึกเมืองเสมาพ.ศ. 1514 กล่าวถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 เมือง "โคราฆะปุระ" ถือกำเนิดขึ้นที่ตำบลโคราชริมแม่น้ำลำตะคองมีปราสาทเมืองแขกและปราสาทโนนกู่ซึ่งเป็นศิลปะแบบเกาะแกร์
ปราสาทพิมายและอาณาจักรขอมโบราณ
สันนิษฐานว่าปราสาทหินพิมายถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1[6] เนื่องจากรูปแบบศิลปะของซุ้มและมุขหน้าปราสาทประธานเป็นศิลปะแบบบาปวนซึ่งเป็นศิลปะในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 นอกจากปราสาทหินพิมายยังมีปราสาทหินพนมวันที่ตำบลบ้านโพธิ์ซึ่งสร้างขึ้นในยุคเดียวกัน พบจารึกที่ปราสาทพิมายทั้งหมดหกหลัก กล่าวถึงการบูชาและถวายของแด่พระพุทธเจ้า การกล่าวสรรเสริญพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 และการสร้างรูปเคารพรวมทั้งพิธีกรรมต่างๆ จารึกปราสาทหินพิมาย 2 พ.ศ. 1579 กล่าวถึงพระนาม“ศรีสูรยวรมะ” ปราสาทหินพิมายเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาวัชรยาน[7] ทับหลังของปราสาทประธานสลักเป็นรูปของพระชินพุทธะและพบสัญลักษณ์และรูปเคารพของวัชรยานอื่นๆ เมืองพิมายหรือ "วิมายปุระ" เป็นฐานที่มั่นของราชวงศ์มหิธรปุระซึ่งเริ่มต้นขึ้นที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และต่อมาได้ครองจักรวรรดิเขมร จารึกปราสาทหินพิมาย 3 พ.ศ. 1651 ซึ่งตรงกับสมัยพระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ 1 กล่าวว่า “...กมรเตงอัญศรีวิเรนทราธิบดีวรมะเมืองโฉกวะกุลสถาปนากมรเตงชคตเสนาบดีไตรโลกยวิชัย ซึ่งเป็นเสนาบดีแห่งกมรเตงชคตวิมายะ" ในยุคนี้มีการสร้างปราสาทพิมายเพิ่มเติมในศิลปะยุคนครวัดซึ่งเป็นศิลปะในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ปราสาทหินพิมายจึงเป็นการรวมกันของศิลปะยุคบาปวนและศิลปะยุคนครวัด
เมื่อราชวงศ์มหิธรปุระได้ขึ้นครองจักรวรรดิเขมรเมืองวิมายประทวีความสำคัญขึ้นในฐานะศูนย์กลางการปกครองของขอมโบราณในลุ่มแม่น้ำมูลตอนบน ในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 บูรณะปราสาทพิมายเนื่องจากเป็นเมืองเกิดของพระมารดา จากที่ปรากฎในจารึกปราสาทพระขรรค์พ.ศ. 1734 ที่นครธมซึ่งกล่าวถึงเส้นทางการคมนาคมในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กล่าวว่า“จากเมืองหลวงไปยังเมืองวิมาย (มี) ที่พักพร้อมด้วยไฟ 17 แห่ง” แสดงให้เห็นว่าเมืองวิมายเป็นเมืองจุดหมายปลายทางที่สำคัญ พบรูปประติมากรรมเหมือน[8]ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ปราสาทพิมาย ต่อมาเมื่อจักรวรรดิเขมรเสื่อมอำนาจลงและอาณาจักรอยุธยาแผ่ขยายอำนาจเข้ามาเมืองพิมายจึงลดความสำคัญลง
สมัยอยุธยา
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับปลีก เลขทะเบียน ๒๒๒ ๒/ก ๑๐๔ กล่าวถึงสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) “อยู่ปีหนึ่ง ท่านให้ก็ตกแต่งช้างม้ารี้พล ทั้งปวงจะยกไปเมืองพิมายพนมรุ้งไซร้ พอเจ้าเมืองทั้งหลายถวายบังคมพระบาทผู้เป็นเจ้าๆก็ให้พระราชทานรางวัลแล้วคืนไปอยู่ตามภูมิลำเนา”[9] ซึ่งตรงกับศิลาจารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพซึ่งจารึกขึ้นเมื่อพ.ศ. 1974 และพบที่อำเภอลำสนธิจังหวัดลพบุรี กล่าวถึงสมเด็จพระอินทราบรมจักรพรรดิธรรมิกราชโปรดฯให้ขุนศรีไชยราชมงคลเทพ "เอาจตุรงค์ช้างม้ารี้พลไปโจมจับพระนครพิมายพนมรุ้ง"[9] แสดงให้เห็นว่าอาณาจักรอยุธยาแผ่ขยายอำนาจเข้ามาในเขตลุ่มแม่น้ำมูลตอนบนและที่ราบสูงโคราชด้านตะวันตกในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้าสามพระยาฯ
ในสมัยอยุธยาเมืองนครราชสีมาคือ "เมืองโคราฆะ" ริมแม่น้ำลำตะคองในตำบลโคราชอำเภอสูงเนินในปัจจุบันซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับเมืองเสมา เมืองนครราชสีมามีความสำคัญในฐานะเป็นฐานการปกครองของอยุธยาในลุ่มแม่น้ำมูลตอนบนและเป็นรอยต่ออาณาเขตของอยุธยากับอาณาจักรล้านช้างและเขมรป่าดง ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจากกฎมณเฑียรบาลเมืองนครราชสีมาเป็นหนึ่งในเมืองพระยามหานครแปดเมืองซึ่งเจ้าเมืองต้องถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ในพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน นาทหารหัวเมือง ปรากฎราชทินนามของเจ้าเมืองนครราชสีมาว่า ออกญากำแหงสงครามรามภักดีอภัยพิรียบรากรมภาหุ ศักดินา 10,000 ไร่ พงศาวดารเขมรระบุว่าในพ.ศ. 2113 เมื่อสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 แห่งอาณาจักรเขมรละแวกเข้าตีกรุงศรีอยุธยาไม่สำเร็จจึงยกทัพเข้ามายึดเมืองนครราชสีมาได้สำเร็จ[9] สมเด็จพระนเรศวรฯทรงจัดการปกครองหัวเมืองขึ้นใหม่โดยเมืองนครราชสีมามีฐานะเป็นเมืองชั้นโท นอกจากนี้พงศาวดารเขมรยังระบุอีกว่าในพ.ศ. 2173 รัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระศรีธรรมราชาที่ 2 แห่งอาณาจักรเขมรอุดงยกทัพมากวาดต้อนผู้คนในเขตเมืองนครราชสีมา[9]
ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเห็นว่านครราชสีมามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เนื่องจากเป็นเมืองหน้าด่านของอยุธยาติดกับพรมแดนลาวล้านช้าง จึงโปรดฯให้ย้ายเมืองนครราชสีมาจากเมืองโคราฆะเดิมและเมืองเสมามาสร้างเมืองใหม่ที่อำเภอเมืองนครราชสีมาในปัจจุบัน วางผังเมืองโดยเดอลามาร์ (De la Mare) วิศวกรชาวฝรั่งเศส[10] เป็นตารางรูปสีเหลี่ยมกว้าง 1,000 เมตร ความยาว 1,700 เมตร มีกำแพงเมืองขนาดใหญ่ตามแบบตะวันตกมีป้อมค่ายหอรบ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงรวมชื่อเมืองโคราฆะและเมืองเสมา[11]แล้วพระราชทานนามเมืองใหม่ว่า "เมืองนครราชสีมา" เมื่อจุลศักราช 1036 (พุทธศักราช 2217) และทรงแต่งตั้งให้พระยายมราช (สังข์)เป็นเจ้าเมือง ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ บันทึกไว้ในจดหมายเหตุลาลูแบร์ว่า เมืองโคราชสีมา (Corazema) เป็นหัวเมืองใหญ่หนึ่งในเจ็ดมณฑล ตั้งอยู่ติดชายแดนของราชอาณาจักรสยามกับเมืองลาว มีเมืองบริวาร 5 เมืองได้แก่ เมืองนครจันทึก (อำเภอสีคิ้ว) เมืองชัยภูมิ เมืองพิมาย เมืองบุรีรัมย์ และเมืองนางรอง[10]
เมื่อสมเด็จพระเพทราชาทรงยึดอำนาจในพ.ศ. 2231 พระยายมราช (สังข์) เจ้าเมืองนครราชสีมาที่แต่งตั้งโดยสมเด็จพระนารายณ์ฯแข็งเมืองไม่ไปถือน้ำพิพัฒน์สัตยา พระเพทราชาทรงส่งทัพเข้าล้อมเมืองนครราชสีมาในพ.ศ. 2232 แต่ไม่สำเร็จและถอยกลับไป พระเพทราชาจึงทรงส่งทัพมาอีกครั้งในปีถัดมาสามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้ในที่สุด พระยายมราช (สังข์) หลบหนีไปยังเมืองนครศรีธรรมราช จากนั้นปีพ.ศ. 2241 ชาวบ้านในเมืองนครราชสีมาชื่อบุญกว้างพร้อมพรรคพวกอีกยี่สิบแปดคน[12]สามารถยึดอำนาจในเมืองนครราชสีมาจากเจ้าเมืองคนใหม่ได้ นำไปสู่กบฏบุญกว้าง พระเพทราชาทรงส่งทัพเข้าล้อมเมืองนครราชสีมาอีกครั้งกินเวลายืดเยื้ออยู่นานถึงสามปี ฝ่ายอยุธยาใช้อุบายผูกหม้อดินระเบิดกับว่าวจุฬาแล้วชักให้ลอยไปตกในเมืองนครราชสีมาเพื่อให้เกิดเพลิงไหม้ จนกระทั่งบุญกว้างและพรรคพวกหลบหนีออกจากเมืองและทัพหลวงกลับไป
เมื่อทัพพม่าเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาในพ.ศ. 2309 กรมหมื่นเทพพิพิธพระโอรสในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จจากหัวเมืองชายทะเลตะวันออกมาเกลี้ยกล่อมให้พระยานครราชสีมาเจ้าเมืองนครราชสีมาให้การสนับสนุนแด่พระองค์ในการกอบกู้อยุธยาจากการล้อมของพม่า แต่พระยานครราชสีมาไม่ยินยอมด้วย กรมหมื่นเทพพิพิธจึงทรงส่งหม่อมเจ้าประยงพระโอรสและหลวงมหาพิชัยลักลอบนำกองกำลังเข้าเมืองนครราชสีมาและทำการลอบสังหารพระยานครราชสีมา[13] กรมหมื่นเทพพิพิธจึงทรงสามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้แต่เพียงไม่นานน้องชายของพระยานครราชสีมาที่ถูกสังหารไปนั้นคือหลวงแพ่งหลบหนีไปยังเมืองพิมายขอความช่วยเหลือจากพระพิมายผู้เป็นเจ้าเมืองพิมายในการยึดเมืองนครราชสีมาคืนจากกรมหมื่นเทพพิพิธ พระพิมายและหลวงแพ่งยกทัพจากเมืองพิมายเข้ามายึดเมืองนครราชสีมาได้สำเร็จและจับกุมกรมหมื่นเทพพิพิธ พระพิมายไว้พระชนม์ชีพกรมหมื่นเทพพิพิธและเชิญกรมหมื่นเทพพิพิธไปประทับที่เมืองพิมาย หลวงแพ่งได้เป็นพระยานครราชสีมา
สมัยกรุงธนบุรี
หลังกรุงศรีอยุธยาล่มสลายในพ.ศ. 2310 เจ้าเมืองพิมายจึงยกให้กรมหมื่นเทพพิพิธขึ้นเป็น"เจ้าพิมาย" เกิดชุมนุมเจ้าพิมายขึ้น เจ้าพิมายกรมหมื่นเทพพิพิธทรงแต่งตั้งเจ้าเมืองพิมายเดิมเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (พระพิมาย) ยกทัพเข้าลอบสังหารพระยานครราชสีมา (หลวงแพ่ง) ชุมนุมเจ้าพิมายมีเขตอำนาจตั้งแต่สระบุรี[13]ขึ้นไปจรดเขตแดนของอาณาจักรล้านช้าง เป็นหนึ่งในชุมนุมต่างๆที่เกิดขึ้นหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาโดยมีกรมหมื่นเทพพิพิธหรือเจ้าพิมายป็นผู้นำ ในพ.ศ. 2311 หลังจากที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงตีค่ายโพธิ์สามต้นแตกแล้ว มองย่าปลัดทัพฝ่ายพม่าหลบหนีมาเข้าพวกกับชุมนุมพิมาย สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงยกทัพติดตามขึ้นมาตีชุมนุมเจ้าพิมาย เจ้าพิมายให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ (พระพิมาย) ตั้งรับอยู่ที่ด่านจอหอ (ตำบลจอหอ อำเภอเมือง) และให้พระยาวรวงษาธิราชบุตรชายของเจ้าพระศรีสุริยวงษ์ตั้งทัพอยู่ที่ด่านขุนทด[13] ทัพหลวงของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงยกทัพเข้ายึดค่ายของเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ (เจ้าพิมาย) ที่จอหอได้สำเร็จ เจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ (พระพิมาย) ถูกจับกุมและประหารชีวิต พระราชวรินทร์ (ทองด้วง) ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระมหามนตรี (บุญมา) ต่อมาคือกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เข้ายึดค่ายของพระยาวรวงษาธิราชที่ด่านขุนทดได้สำเร็จ เมื่อทัพทั้งสองพ่ายแพ้แก่ธนบุรีเจ้าพิมายจึงหลบหนีจากเมืองพิมายไปยังลาวล้านช้างแต่ขุนชนะจับเจ้าพิมายมาถวายแด่พระเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีฯทรงสำเร็จโทษเจ้าพิมายและแต่งตั้งให้ขุนชนะเป็นพระยากำแหงสงครามครองเมืองนครราชสีมา[13] ชุมนุมเจ้าพิมายจึงสิ้นสุดลงและนครราชสีมาจึงเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของธนบุรี
ในสมัยธนบุรีปรากฎมีนามเจ้าเมืองนครราชสีมาได้แก่ พระยากำแหงสงคราม (ขุนชนะ) และ"เจ้าพระยานครราชสีมา"[14] ในพ.ศ. 2323 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงให้พระยากำแหงสงคราม (ขุนชนะ) ย้ายไปรับราชการที่ธนบุรีและแต่งตั้งให้หลวงนายฤทธิ์ (ทองอิน) เป็นพระยาสุริยอภัย (ทองอิน) เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมา (ต่อมาคือเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์) และพระอภัยสุริยา (บุญเมือง) เป็นปลัดเมืองนครราชสีมา (ต่อมาคือเจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์) ในช่วงปลายรัชสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีฯเมื่อเกิดการกบฏพระยาสรรค์ขึ้น พระยาสุริยอภัยเจ้าเมืองนครราชสีมาได้นำกำลังทหารของนครราชสีมาเข้าควบคุมสถานการณ์ที่กรุงธนบุรีไว้ก่อนที่เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์จะยกทัพกลับมาจากกัมพูชาและเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน
สมัยรัตนโกสินทร์
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมืองนครราชสีมามีฐานะเป็นเมืองชั้นเอก กำกับตรวจตราเมืองประเทศราช ๓ เมือง คือ เวียงจันทน์ นครพนม จำปาศักดิ์ ให้รวมทั้งปกครองหัวเมืองเขมร พระยานครราชสีมา (เที่ยง) เป็นผู้สำเร็จราชการ และในรัชสมัยนี้ ชาวเมืองนครราชสีมาได้น้อมเกล้าถวายช้างเผือก 2 เชือก
ในสมัยรัชกาลที่ 2 เกิดกบฏ อ้ายสาเกียดโง้ง ที่จำปาศักดิ์ มีรับสั่งให้พระยานครราชสีมา (เที่ยง) นำกองทัพไปปราบ แต่ เจ้าอนุวงศ์ เจ้าประเทศราชเวียงจันทน์ส่งเจ้าราชวงศ์ไปปราบกบฏได้เสร็จสิ้นก่อน และเจ้าราชวงศ์ได้ครองเมืองจำปาศักดิ์ต่อมา ต่อมาทองอิน เชื้อสายของพระเจ้าตาก และบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ได้เป็นผู้สำเร็จราชการต่อจากพระยานครราชสีมา (เที่ยง)
ในสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ฉวยโอกาสที่เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) นำกองทหารไปราชการต่างเมือง ยกทัพลาวมายึดครองเมืองนครราชสีมา และส่งกองทหารไปกวาดต้อนครอบครัวลาวถึงเขตเมืองสระบุรีก่อนที่จะถอยทัพเมื่อกองทัพสยามจากพระนครเริ่มรวมพลได้ทัน เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 ก่อนกองทัพลาวจะถอยทัพออกจากเมืองนครราชสีมา ไปยังทางเหนือเพื่อสมทบกับกองทัพของเจ้าสุทธิสาร โดยก่อนไป ได้ถอนเสาหลักเมืองออกเพื่อให้เป็นเมืองร้าง และเจ้าอนุวงศ์ได้สั่งการให้ทหารกองหลังรื้อกำแพงเมืองออก เผาประตูเมือง และสถานที่สำคัญๆในเมืองให้หมดสิ้น ให้ตัดต้นไม้ที่ให้ผลให้เหลือแต่ตอ ด้วยที่จะได้กลับมายึดเมืองนครราชสีมาได้สะดวกในภายหลัง ทำให้ต้นไม้ผลถูกตัดหมดสิ้น กำแพงเมืองจากมุมทิศอิสานและกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกถูกรื้อออกหมด กำแพงเมืองทางทิศใต้ถูกรื้อมาถึงด้านหลังวัดสระแก้ว ส่วนกำแพงเมืองจากมุมทิศอิสานและกำแพงเมืองทางทิศเหนือถูกรื้อ กำแพงเมืองด้านทิศตะวันตกถูกรื้อออก 1 ส่วนเหลือ 2 ส่วน ประตูเมืองถูกเผาบางส่วน 3 ประตูคือ ประตูเมืองทางทิศตะวันเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก ชาวเมืองนครราชสีมาผู้เฒ่าผู้แก่ที่ไม่ได้ถูกกวาดต้อน ได้รับข่าวว่ากองทัพจากพระนครที่ส่งกำลังมาช่วยเหลือ กำลังจะเดินทัพมามาถึงทุ่งโพธิ์เตี้ยห่างจากเมืองนครราชสีมา 10 กม. ในอีกไม่นาน ทำให้กำลังทหารลาวกองหลังของเจ้าอนุวงศ์ที่กำลังทำรื้อกำแพง และเผาทำลายเมืองนครราชสีมาอยู่นั้น เกิดความหวาดกลัวและถอยทัพออกไป ทำให้เมืองนครราชสีมาถูกเผาทำลายลงไปเพียงบางส่วน ส่วนชาวเมืองนครราชสีมาที่ถูกกวาดต้อนไปนั้น ได้รวมตัวกันต่อต้านกองทัพลาวของเจ้าอนุวงศ์ โดยมีพระยาปลัดนครราชสีมา พระยายกกระบัตร และ พระณรงค์สงคราม (มี) เป็นผู้นำในการรบ ณ ทุ่งสัมฤทธิ และผู้นำในการสนับสนุนช่วยเหลือการรบ คือ คุณหญิงโม ภริยาปลัดเมืองนครราชสีมา และนางสาวบุญเหลือ บุตรบุญธรรมคุณหญิงโม ต่อมากองทัพชาวนครราชสีมาได้ร่วมกับกองทัพหลวงของกรมพระราชวังบวรฯ ในการรบครั้งต่อๆมาจนกระทั่งเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์ได้ในที่สุด ภายหลัง คุณหญิงโมได้รับการแต่งตั้งเป็นท้าวสุรนารี และ พระณรงค์สงครามได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระยาณรงค์สงคราม
ในการสงครามเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) และพระยาณรงค์สงคราม ได้เป็นทัพหน้าของกองทัพที่นำโดยเจ้าพระยาบดินทรเดชานำพลชาวนครราชสีมาทำการรบอย่างกล้าหาญในสงครามกับเวียดนาม และสามารถรุกไปถึงเขตแดนเมืองไซ่ง่อน ก่อนที่จะต้องถอยทัพเนื่องจากกองทัพไทยพ่ายแพ้ในแนวรบด้านอื่น ต่อมาพระยาณรงค์สงคราม ได้เป็นนายทัพสำคัญในกองทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชา จนสิ้นสุดสงคราม
เมื่อ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ถึงแก่กรรม พระพรหมบริรักษ์ (เกษ) บุตรชายคนโตของเจ้าพระยาบดินทรเดชาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าเมืองนครราชสีมาคนต่อมา
เมื่อว่างเว้นจากสงคราม เมืองโคราชได้ฟื้นตัวขึ้นใหม่กลายเป็นชุมทาง การค้าที่สำคัญ ในการติดต่อระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคกลาง มีกองเกวียน กองคาราวานการค้า ขนาดใหญ่ผ่าน และ หยุดพักอยู่เสมอ
ในสมัยรัชกาลที่ 4 บาทหลวงปาลเลกัวซ์ ได้เขียนว่า ตัวเมืองโคราชล้อมรอบด้วยกำแพงตั้งอยู่บนที่ราบสูง เดินทางจากบางกอกใช้เวลา 6 วันโดยไต่ระดับสูงขึ้นไปตามเส้นทาง ดงพญาไฟ ประชากรโคราชมีประมาณ 60,000 คน ครึ่งหนึ่งเป็นคนสยาม อีกครึ่งหนึ่งเป็นคนเขมร ในตัวเมืองมีประชากร 7,000 คน มีคนจีนประมาณ 700 คน มีเหมืองแร่ทองแดง มีโรงหีบอ้อย สินค้า คือ ข้าว งาช้าง หนังสัตว์ เขาสัตว์ ไม้เต็ง อบเชย
ในรัชกาลนี้ เจ้าพระยานครราชสีมา (เกษ) ได้เลื่อนเป็น เจ้าพระยามุขมนตรี (เกษ) และ เจ้าเมืองนครราชสีมาคนต่อมาคือ พระยานครราชสีมา (แก้ว) บุตรชายคนรองของเจ้าพระยาบดินทรเดชา หลังจากนั้น พระยานครราชสีมา (แก้ว) ได้เลื่อนเป็น เจ้าพระยายมราช (แก้ว) และ เจ้าเมืองคนต่อมาคือ พระยานครราชสีมา (เมฆ) บุตรชายคนโตของ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน)
ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยานครราชสีมา (เมฆ) บุตรของ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้เป็นแม่ทัพบกไปปราบจีนฮ่อที่เมืองหนองคาย ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งมณฑลนครราชสีมาเพื่อควบคุมดูแลหัวเมืองในบริเวณใกล้เคียง เป็นมณฑลแรกของประเทศ มีพระยานครราชสีมา (กาจ สิงหเสนี) บุตรเขยของพระยานครราชสีมา (เมฆ) เป็นผู้ว่าราชการคนแรก มีการจัดตั้งกองทหารประจำมณฑลตามหลักสากล มีการตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่นครราชสีมา มีการสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ผ่านอยุธยา สระบุรี ดงพญาไฟ ไปสู่นครราชสีมา จนเปิดการเดินรถไฟหลวง สายกรุงเทพ - นครราชสีมา ได้สำเร็จ การคมนาคมติดต่อสะดวกขึ้นเป็นอย่างมาก ในช่วงเดียวกันฝรั่งเศสได้เข้ามามีอำนาจเหนือคาบสมุทรอินโดจีน ทำให้สยามจำต้องเร่งการปรับปรุงพัฒนาราชอาณาจักรโดยเฉพาะในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการจัดตั้งการขนส่งปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ และ สายการบินระหว่าง กรุงเทพ - นครราชสีมา มีการขยายเส้นทางรถไฟสายอีสาน จนสามารถขยายเส้นทางการเดินรถไฟจาก นครราชสีมา ถึง ขอนแก่น และ นครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ได้สำเร็จในสมัยรัชกาลที่ 7
ยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ในช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระองค์เจ้าบวรเดช ได้รวบรวมกองกำลังทหารจากมณฑลนครราชสีมาเป็นหลัก ร่วมกับ พันเอกพระยาศรีสิทธิ์สงคราม เพื่อทำการต่อสู้กับคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะผู้ก่อการได้ยกกองกำลังเข้ามาล้อมกรุงเทพฯ แต่เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อในที่สุดก็ต้องถอยทัพและประสบความพ่ายแพ้เนื่องจากมีกำลังที่น้อยกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ พันโทหลวงพิบูลสงครามผู้บัญชาการกองกำลังผสมฝ่ายรัฐบาล มีอำนาจในการควบคุมกำลังทหารมากขึ้นส่งผลให้ได้อำนาจทางการเมืองและจัดตั้งรัฐบาลทหารได้ในเวลาต่อมา
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทหารในสังกัด มณฑลทหารบกที่ 3 นครราชสีมา ได้ทำการร่วมรบในกรณีพิพาทอินโดจีน กองทัพไทยสามารถยึดดินแดนกลับคืนมาบางส่วน เป็นการชั่วคราว หลังสงครามยุติสหรัฐอเมริกาได้ให้ความช่วยเหลือสร้างถนนมิตรภาพ จาก สระบุรี ถึง นครราชสีมา ซึ่งเป็นทางหลวงที่ได้มาตรฐานดีที่สุดของประเทศในขณะนั้น
ในช่วงสงครามเวียดนาม สหรัฐอเมริกาได้ขอใช้นครราชสีมาเป็นฐานบัญชาการการรบ มีการสร้างฐานบินโคราช และต่อมาไทยได้เปลี่ยนให้เป็น กองบิน 1 ซึ่งเป็นฐานกำลังรบทางอากาศหลักของกองทัพอากาศไทยในปัจจุบัน โดยมีมีเครื่องบิน F-16 ประจำการอยู่สองฝูงบิน
ในปี พ.ศ. 2523 มีความพยายามรัฐประหารโดยกลุ่มทหารของ พลเอกสัณห์ จิตรปฏิมา แต่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทรงแปรพระราชฐานไปประทับที่นครราชสีมา กองกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 นำโดยพลตรี อาทิตย์ กำลังเอกได้เป็นกองกำลังหลักในการปราบกบฏลงได้ในที่สุด หลังจากนั้น อดีตผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 หลายท่านได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในเวลาต่อมา
เนื่องจากความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ปัจจุบัน นครราชสีมา จึงได้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองที่สำคัญรองจากกรุงเทพมหานคร เป็นประตูสู่อิสาน เป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของกองฐานกำลังรบหลักของกองทัพบก และกองทัพอากาศในปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2553 ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากฝนช่วงปลายฤดูตกหนักในบริเวณต้นแม่น้ำมูล นับเป็นอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
ภูมิศาสตร์
ภูมิประเทศ
จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่บนที่ราบสูงโคราช ห่างจากกรุงเทพ 259 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 20,493.964 ตารางกิโลเมตร (12,808,728 ไร่) เป็นพื้นที่ป่าไม้ 2,297,735 ไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติคืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลานร้อยละ 61.4 และเป็นแหล่งน้ำ 280,313 ไร่[15] ทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดชัยภูมิ และขอนแก่น ทิศใต้ติดต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก และสระแก้ว ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดบุรีรัมย์ และทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดสระบุรี ชัยภูมิ และลพบุรี
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 150-300 เมตร มีเทือกเขาสันกำแพง และเทือกเขาพนมดงรัก เป็นแนวยาวทางด้านทิศใต้และทิศตะวันตก ส่วนบริเวณตอนล่างค่อนไปทางเหนือและตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม โดยมีลำตะคองและลำน้ำสาขาอื่น ๆ ไหลหล่อเลี้ยงบริเวณด้านเหนือของเมือง และ เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำสำคัญคือแม่น้ำมูลซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศของจังหวัดนครราชสีมาจัดอยู่ในประเภททุ่งหญ้าเขตร้อน มีลมมรสุมหลักพัดผ่านคือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้อากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง กับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีอากาศชุ่มชื้นและมีฝนตกชุก โดยทั่วไปสามารถแบ่งฤดูกาลออกได้เป็น 3 ฤดู คือ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม มีฝนตกชุก ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดในเดือนตุลาคม ฤดูหนาว สภาพอากาศจะเริ่มเปลี่ยนจากฤดูฝนไปสู่ฤดูหนาวตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ระยะนี้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นลมหนาวและแห้งพัดจากประเทศจีน และฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกลางเดือนพฤษภาคม
เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่ราบสูง มีป่าและทิวเขาสูงกั้นเขตแดนเป็นแนวยาว อากาศจึงค่อนข้างร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน และในฤดูหนาวก็ค่อนข้างหนาวเย็นโดยอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 27.4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33 อาศาเซลเซียส มีค่าความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดทั้งปี 71 % ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดเฉลี่ย 89% ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำสุดเฉลี่ย 49 %
ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดนครราชสีมา (พ.ศ. 2504-2533) | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 30.6 (87.1) |
33.5 (92.3) |
35.8 (96.4) |
36.5 (97.7) |
34.9 (94.8) |
34.1 (93.4) |
33.6 (92.5) |
33.1 (91.6) |
32.1 (89.8) |
30.9 (87.6) |
29.7 (85.5) |
29.3 (84.7) |
32.84 (91.12) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 16.8 (62.2) |
20.0 (68) |
22.2 (72) |
24.0 (75.2) |
24.5 (76.1) |
24.3 (75.7) |
23.9 (75) |
23.7 (74.7) |
23.6 (74.5) |
22.6 (72.7) |
20.2 (68.4) |
17.1 (62.8) |
21.91 (71.44) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 5.9 (0.232) |
17.8 (0.701) |
37.1 (1.461) |
63.5 (2.5) |
140.5 (5.531) |
108.3 (4.264) |
113.7 (4.476) |
146.2 (5.756) |
221.6 (8.724) |
143.4 (5.646) |
27.3 (1.075) |
2.8 (0.11) |
1,028.1 (40.476) |
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 0.1 mm) | 0.9 | 2.2 | 5.1 | 7.7 | 13.8 | 13.3 | 13.5 | 16.4 | 18.1 | 12.2 | 4.0 | 0.7 | 107.9 |
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด | 284.2 | 245.1 | 253.8 | 248.1 | 237.5 | 208.6 | 194.6 | 187.3 | 169.0 | 233.4 | 257.3 | 282.0 | 2,800.9 |
แหล่งที่มา 1: WMO | |||||||||||||
แหล่งที่มา 2: CMA |
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ จรดจังหวัดชัยภูมิ จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดบุรีรัมย์
- ทิศตะวันออก จรดจังหวัดบุรีรัมย์
- ทิศใต้ จรดจังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดสระแก้ว,
- ทิศตะวันตก จรดจังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรีและจังหวัดนครนายก
การเมืองการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
แบ่งปกครองแบ่งออกเป็น 32 อำเภอ 289 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน
ชั้น | ชื่ออำเภอ | พื้นที่ (ตร.กม.) |
ห่างจาก จังหวัด (กม.) |
ตั้งเมื่อ (พ.ศ.) |
ตำบล | หมู่บ้าน | ประชากร | ||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชาย | หญิง | รวม | |||||||
พิเศษ | เมืองนครราชสีมา |
755.596 | 0 | 2438 | 25 | 243 | 214,809 | 224,657 | 439,466 |
1 | ด่านขุนทด |
1,428.14 | 84 | 2451 | 16 | 220 | 62,900 | 63,881 | 126,781 |
1 | บัวใหญ่ |
305.028 | 101 | 2440 | 10 | 121 | 41,776 | 41,984 | 83,760 |
1 | ปักธงชัย |
1,374.32 | 34 | 2451 | 16 | 213 | 56,797 | 59,349 | 116,146 |
1 | พิมาย |
896.871 | 60 | 2440 | 12 | 208 | 64,039 | 65,925 | 129,964 |
1 | สีคิ้ว |
1,247.07 | 45 | 2441 | 12 | 169 | 60,967 | 61,704 | 122,671 |
1 | ปากช่อง |
1,825.17 | 85 | 2501 | 12 | 217 | 92,953 | 94,097 | 187,050 |
2 | ครบุรี |
1,816.85 | 58 | 2482 | 12 | 152 | 46,578 | 47,683 | 94,261 |
2 | จักราช |
501.672 | 40 | 2496 | 8 | 108 | 34,979 | 35,138 | 70,117 |
2 | โชคชัย |
503.917 | 30 | 2448 | 10 | 126 | 38,581 | 40,364 | 78,945 |
2 | โนนสูง |
676.981 | 37 | 2440 | 16 | 195 | 61,941 | 64,443 | 126,384 |
2 | ประทาย |
600.648 | 97 | 2506 | 13 | 148 | 38,900 | 38,948 | 77,848 |
2 | สูงเนิน |
782.853 | 36 | 2444 | 11 | 125 | 39,140 | 41,065 | 80,205 |
2 | ห้วยแถลง |
495.175 | 65 | 2506 | 10 | 120 | 37,826 | 37,254 | 75,080 |
2 | ชุมพวง |
540.567 | 98 | 2502 | 9 | 130 | 41,132 | 41,179 | 82,311 |
3 | เสิงสาง |
1,200.24 | 88 | 2519 | 6 | 84 | 34,440 | 34,188 | 68,628 |
3 | คง |
454.737 | 79 | 2481 | 10 | 155 | 40,231 | 41,067 | 81,298 |
3 | โนนไทย |
541.994 | 28 | 2443 | 10 | 131 | 35,584 | 36,675 | 72,259 |
3 | ขามสะแกแสง |
297.769 | 50 | 2511 | 7 | 72 | 21,537 | 21,722 | 43,259 |
3 | แก้งสนามนาง |
107.258 | 130 | 2529 | 5 | 56 | 18,656 | 18,828 | 37,484 |
3 | วังน้ำเขียว |
1,130.00 | 70 | 2535 | 5 | 83 | 20,992 | 21,078 | 42,070 |
4 | บ้านเหลื่อม |
218.875 | 85 | 2519 | 4 | 39 | 10,733 | 10,859 | 21,592 |
4 | หนองบุญมาก |
590.448 | 52 | 2526 | 9 | 104 | 29,847 | 29,882 | 59,729 |
4 | เทพารักษ์ |
357.465 | 90 | 2538 | 4 | 58 | 12,087 | 11,755 | 23,842 |
4 | พระทองคำ |
359.522 | 45 | 2539 | 5 | 74 | 20,982 | 21,255 | 42,237 |
4 | สีดา |
162.825 | 85 | 2540 | 5 | 50 | 12,177 | 12,167 | 24,344 |
4 | บัวลาย |
106.893 | 103 | 2540 | 4 | 45 | 12,296 | 12,473 | 24,769 |
4 | โนนแดง |
193.407 | 75 | 2532 | 5 | 65 | 12,536 | 12,950 | 25,486 |
4 | ขามทะเลสอ |
203.605 | 22 | 2509 | 5 | 46 | 14,404 | 14,418 | 28,822 |
4 | เมืองยาง |
255.522 | 110 | 2538 | 4 | 44 | 14,156 | 13,925 | 28,081 |
4 | ลำทะเมนชัย |
308.457 | 120 | 2539 | 4 | 59 | 16,166 | 16,066 | 32,232 |
4 | เฉลิมพระเกียรติ |
254.093 | 18 | 2539 | 5 | 61 | 17,191 | 17,777 | 34,968 |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
-
อบจ.นครราชสีมา
-
ทน.นครราชสีมา
-
ทม.ปากช่อง
-
ทม.สีคิ้ว
-
ทม.บัวใหญ่
-
ทม.เมืองปัก
มีจำนวนทั้งสิ้น 334 แห่ง แบ่งออกเป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 4 แห่ง เทศบาลตำบล 85 แห่ง และ องค์การบริหารส่วนตำบล 243 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามพื้นที่ดังนี้
อำเภอเมืองนครราชสีมา
อำเภอปากช่อง อำเภอสีคิ้ว อำเภอบัวใหญ่ อำเภอปักธงชัย
อำเภอด่านขุนทด
|
อำเภอพิมาย อำเภอโนนสูง
อำเภอโชคชัย อำเภอครบุรี อำเภอเทพารักษ์
อำเภอสูงเนิน อำเภอขามทะเลสอ อำเภอขามสะแกแสง อำเภอคง อำเภอโนนไทย อำเภอห้วยแถลง |
อำเภอเสิงสาง อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอจักราช อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอชุมพวง อำเภอโนนแดง อำเภอบัวลาย อำเภอประทาย อำเภอพระทองคำ อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีดา อำเภอหนองบุญมาก อำเภอแก้งสนามนาง |
รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
รายนามผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ ปลัดมณฑลทำหน้าที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา | |
รายนาม | วาระการดำรงตำแหน่ง |
---|---|
1. พระยากำแหงสงคราม (กาจ สิงห์เสนี) | รศ.115 - 120 (พ.ศ. 2439 - 2444) |
2. พระรังสรรค์สารกิจ (เลื่อน ศรีเพ็ญ) | รศ.120 - 123 (พ.ศ. 2444 - 2447) |
3. พระยาสุริยเดช (จาบ สุวรรณทัต) | รศ.123 - 124 (พ.ศ. 2447 - 2448) |
4. พระยาวรชัยวุฒิกร (เลื่อง สนธิรัต) | รศ.124 - 125 (พ.ศ. 2448 - 2449) |
5. พระบรมราชบรรหาร (สวัสดิ์ วิเศษศิริ) | รศ.125 - 129 (พ.ศ. 2449 - 2453) |
6. พระไชยนฤนาท (ทองดี) | รศ.129 - 131 (พ.ศ. 2453 - 2455) |
7. พระเทพราชธานี (โหมด) | พ.ศ. 2455 – 2456 |
8. พระยศสุนทร (ศิริ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) | พ.ศ. 2456 – 2458 |
9. พระยาสุริยราชวราภัย (จร) | พ.ศ. 2458 – 2460 |
10. พ.ต.พระยาบรมราชบรรหาร (เย็น ภะระมรทัต) | พ.ศ. 2460 - 2465 |
11. พระยานครราชเสนี (สหัส สิงหเสนี) | พ.ศ. 2465 – 2471 |
12. พระยาพิริยะพิชัย (เทียบ สุวรรณนิน) | พ.ศ. 2471 – 2474 |
13. พระยานายกนรชร (เจริญ ปริยานนท์) | พ.ศ. 2474 – 2476 |
14. พระยากำธรพายัพทิศ ( ดิส อินทโสฬส) | 2 พ.ย.2476 – 1 มี.ค.2479 |
15. พ.อ.หลวงอาจศรศิลป (ประพันธ์ ธนพุทธิ) | พ.ศ. 2479 – 2484 |
16. นายสุรินทร์ ชิโนทัย | พ.ศ. 2484 – 2484 |
17. พระสาครบุรานุรักษ์ (ปริก สุวรรณานนท์) | 19 ธ.ค.2484 – 19 พ.ย.2486 |
18. ขุนทยานราญรอน (วัชระ วัชรบูล) | 1 ต.ค.2486 – 21 ธ.ค.2487 |
19. หลวงวิธสุรการ (ถวิล เจียนมานพ) | 22 ธ.ค.2487 – 31 ธ.ค.2488 |
20. นายอุดม บุญประคอง | 1 ส.ค.2488 – 31 ก.ค.2489 |
21. นายถนอม วิบูลมงคล | 21 ต.ค.2489 – 5 ธ.ค.2490 |
22. ขุนบริบาลบรรพตเขตต์ (สังเวียน บริบาลบรรพตเขตต์) | 6 ธ.ค.2490 – 21 มี.ค.2492 |
23. ขุนวรคุตต์คณรักษ์ (บุญฤทธิ์ วรนุตนานนท์ ) | 23 มี.ค.2492 – 20 มี.ค.2495 |
24. นายยุทธ จรัณยานนท์ | 21 มี.ค.2495 – 11 ต.ค.2497 |
25. นายสุวรรณ รื่นยศ | 12 ต.ค.2497 – 22 พ.ค.2500 |
26. พ.ต.อ.เลื่อน กฤษณามระ | 23 พ.ค.2500 – 6 มี.ค.2501 |
27. นายเจริญ ภมรบุตร | 6 มี.ค.2501 – 4 มี.ค.2507 |
28. นายสวัสดิ์วงศ์ ปฏิทัศน์ | 4 มี.ค.2507 – 2 ต.ค.2511 |
29. นายสมชาย กลิ่นแก้ว | 2 ต.ค.2511 – 15 เม.ย.2513 |
30. ร.ต.ท.ระดม มหาศรานนท์ | 13 เม.ย.2513 – 30 ก.ย.2516 |
31. นายประมูล ศรัทธาทิพย์ | 1 ต.ค.2516 – 5 ธ.ค.2516 |
32. นายวิชิต ศุขะวิริยะ | 6 ธ.ค.2516 – 31 ธ.ค.2519 |
33. นายจำรูญ ปิยัมปุตระ | 1 ม.ค.2520 – 30 ก.ย.2520 |
34. นายเลิศ หงษ์ภักดี | 1 ต.ค.2520 – 31 มี.ค.2524 |
35. นายสมบูรณ์ ไทยวัชรามาศ | 1 เม.ย.2524 – 30 ก.ย.2531 |
36. นายไสว พราหมณี | 1 ต.ค.2531 – 30 ก.ย.2533 |
37. นายดำรง รัตนพานิช | 1 ต.ค.2533 – 30 ก.ย.2537 |
38. นายสุพร สุภสร | 1 ต.ค.2537 – 30 ก.ย.2539 |
39. นายประวิทย์ สีห์โสภณ | 1 ต.ค.2539 – 19 ต.ค.2540 |
40. นายโยธิน เมธชนัน | 20 ต.ค.2540 – 22 เม.ย.2544 |
41. นายสุนทร ริ้วเหลือง | 23 เม.ย.2544 – 30 ก.ย.2547 |
42. นายพงศ์โพยม วาศภูติ | 1 ต.ค.2547 – 30 ก.ย.2548 |
43. นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ | 1 ต.ค.2548 – 30 ก.ย.2550 |
44. นายสุธี มากบุญ | 1 ต.ค.2550 - 30 ก.ย.2551 |
45. นายประจักษ์ สุวรรณภักดี | 1 ต.ค.2551 - 30 ก.ย.2553 |
46. นายระพี ผ่องบุพกิจ | 1 ต.ค.2553 - 27 พ.ย.2554 |
47. นายชวน ศิรินันท์พร | 28 พ.ย.2554 - 28 ก.ย.2555 |
48. นายวินัย บัวประดิษฐ์ | 1 ต.ค. 2555 - 27 พ.ค. 2557 |
49. นายธงชัย ลืออดุลย์ | 2 มิ.ย. 2557 - 30 ก.ย. 2558 |
50. นายวิเชียร จันทรโณทัย | 1 ต.ค. 2558 -ปัจจุบัน |
เศรษฐกิจ
ปี (พ.ศ.) |
ผลิตภัณฑ์มวล รวมจังหวัด (ล้านบาท) |
ผลิตภัณฑ์มวล รวมจังหวัดต่อคน (บาท) |
---|---|---|
2538 | 77,295 | 30,390 |
2539 | 88,403 | 35,029 |
2540 | 91,372 | 35,901 |
2541 | 86,214 | 33,592 |
2542 | 86,506 | 33,426 |
2543 | 90,091 | 34,525 |
2544 | 93,846 | 36,012 |
2545 | 102,990 | 39,591 |
2546 | 116,034 | 44,703 |
2547 | 123,483 | 47,697 |
2548 | 134,085 | 51,950 |
2549 | 146,236 | 56,856 |
2550 | 157,857 | 61,616 |
2551 | 155,895 | 61,119 |
2552 | 169,927 | 66,947 |
2553 | 192,378 | 76,199 |
2554 | 211,033 | 83,804 |
2555 | 239,202 | 95,195 |
2556 | 244,413 | 97,463 |
2557 | 245,248 | 97,963 |
2558 | 252,099 | 100,853 |
2559 | 263,578 | 105,618 |
2560 | 274,898 | 110,301 [16] |
โครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมามีโครงสร้างที่สำคัญ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และการค้าส่งค้าปลีก ซึ่งมีอัตราสัดส่วนโครงสร้างร้อยละ 22.46, 19.82 และ 14.91 ตามลำดับ[17] ในภาคการเกษตร จังหวัดมีพื้นที่เกษตรกรรมทั้งสิ้น 8,931,032 ไร่ แบ่งเป็น ปลูกข้าว จำนวน 4,329,724 ไร่ พืชไร่จำพวกข้าวโพด มันสำปะหลัง ปอ ฝ้าย และข้าวฟ่าง จำนวน 3,793,602 ไร่ และปลูกพืชสวน 632,170 ไร่ มีครัวเรือนเกษตรกรรวมทั้งสิ้น 326,587 ครัวเรือน[17] โดยมีพืชเศรษฐกิจ 3 อันดับแรก คือ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด การเลี้ยงไหมโดยเฉพาะที่อำเภอปักธงชัยเป็นแหล่งผ้าไหมที่ขึ้นชื่อ อาชีพการทำป่าไม้ และการประมงน้ำจืดตามลุ่มน้ำ
ในภาคอุตสาหกรรม ปี พ.ศ. 2560 จังหวัดนครราชสีมามีโรงงานทั้งสิ้น 7,513 โรงงาน มีมูลค่าการลงทุน ประมาณ 188,074 ล้านบาท มีจำนวนคนงานรวม 129,531 คน[17] ซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการเกษตรมีสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 18.84 อุตสาหกรรมขนส่งเฉลี่ยร้อยละ 12.27 อุตสาหกรรมอโลหะเฉลี่ยร้อยละ 11.38 และอุตสาหกรรมอาหารเฉลี่ยร้อยละ 10.02[18] สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ มีแร่ที่สำคัญคือ หินบะซอลต์ หินปูน และ เกลือหิน โดยเฉพาะเกลือหิน พบมากในตอนเหนือและตอนกลางของจังหวัด
ในปี พ.ศ. 2560 (year 2017) จังหวัดนครราชสีมามีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (Gross Provincial Product - GPP) เท่ากับ 274,898 ล้านบาท ( 8.9 Billion US$) อยู่ในลำดับที่ 1 ของภาตตะวันออกเฉียงเหนือ ลำดับที่ 10 ของประเทศ และ ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อคน (GPP per capita) เท่ากับ 110,301 บาท ( 3,586 US$)[19] อยู่ในลำดับที่ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลำดับที่ 32 ของประเทศ
ภาคการเงินการธนาคาร จังหวัดนครราชสีมามีจำนวนสำนักงานของธนาคารทั้งสิ้น 152 สำนักงาน(มีนาคม พ.ศ. 2562) เงินรับฝากรวมทุกประเภท (มีนาคม พ.ศ. 2562) ทั้งสิ้น 153,649 ล้านบาท และ เงินให้สินเชื่อรวมทุกประเภท (มี.ค.2562) ทั้งสิ้น 169,203 ล้านบาท [20]
นิคมอุตสาหกรรม
- นิคมอุตสาหกรรมนวนคร 2 นครรราชสีมา
- เขตอุตสาหกรรมสุรนารี
- นิคมอุตสาหกรรมสูงเนิน (โครงการ)
ประชากรศาสตร์
ปี | ประชากร | ±% |
---|---|---|
2550 | 2,552,894 | — |
2551 | 2,565,117 | +0.5% |
2552 | 2,571,292 | +0.2% |
2553 | 2,582,089 | +0.4% |
2554 | 2,585,325 | +0.1% |
2555 | 2,601,167 | +0.6% |
2556 | 2,610,164 | +0.3% |
2557 | 2,620,517 | +0.4% |
2558 | 2,628,818 | +0.3% |
2559 | 2,631,435 | +0.1% |
2560 | 2,639,226 | +0.3% |
2561 | 2,646,401 | +0.3% |
2562 | 2,648,927 | +0.1% |
อ้างอิง:กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[21] |
พื้นเพของคนจังหวัดนครราชสีมา
ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมามีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมากเป็นอันดับสองของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยประชากรหลากหลายเชื้อชาติหรือหลายชาติพันธุ์ แต่กลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดนครราชสีมาที่มีจำนวนมากมีอยู่สองกลุ่มใหญ่คือ ไทย (หรือเรียกอีกอย่างว่า ไทโคราช) และอีกกลุ่มคือชาวลาว (ตอนบนและด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเขตจังหวัด) และมีชนกลุ่มน้อยอีกได้แก่ มอญ กุย (หรือส่วย) ชาวบน จีน ไทยวน ญวน และแขก
กลุ่มชาติพันธุ์ไทยที่อยู่ในนครราชสีมาเรียกอีกอย่างว่า ไทโคราช เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา คนกลุ่มนี้ใช้ภาษาคล้ายคนไทยภาคกลาง เพียงแต่เสียงวรรณยุกต์เพี้ยนไปบ้าง และมีคำศัพท์สำนวนบางอย่างที่มีลักษณะเป็นของตนเอง เดิมถิ่นนี้ชาวพื้นเมืองเป็นละว้า ชาวไทยภาคกลางได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัย สมัยกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอู่ทองให้ขุนหลวงพะงั่วยกกองทัพมารวบรวมดินแดนแถบนี้เข้ากับกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอู่ทองโปรดฯให้กองทหารอยุธยาตั้งด่านอยู่ประจำ และส่งช่างชาวอยุธยามาก่อสร้างบ้านเรือนและวัดวาอารามเป็นอันมาก ชาวไทยอยุธยาได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และได้อพยพมาอยู่นครราชสีมาอีกระลอกหนึ่งคือ คราวเสียกรุงครั้งที่2 โดยมีชาวไทยชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกได้อพยพเข้ามาเพิ่มด้วย ชาวไทยกลุ่มนี้และชาวไทยพื้นเมืองเดิม (เข้าใจว่าเป็นชาวสยามลุ่มน้ำมูล) สืบเชื้อสายเป็นชาวไทยโคราชและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีสืบทอดกันมา
กลุ่มไทโคราชเป็นกลุ่มที่แสดงเอกลักษณ์ของเมืองนครราชสีมา เพราะสำเนียงแตกต่างจากกลุ่มอื่น เป็นกลุ่มที่พูดภาษาไทยโคราชซึ่งคล้ายคลึงภาษาไทยกลางแต่สำเนียงเพี้ยน เหน่อ ห้วนสั้น เกิ่นเสียง มีคำไทยลาว (อีสาน) ปะปนบ้างเล็กน้อย ชาวไทยโคราชแต่งกายแบบไทยภาคกลาง รับประทานข้าวเจ้า อาหารทั่วไปคล้ายคลึงภาคกลาง ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมคล้ายไทยภาคกลาง ปัจจุบัน กลุ่มไทยโคราชอาศัยอยู่ในทุกอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา ยกเว้นบางอำเภอที่มีชาวไทยอีสานมากกว่า (อำเภอบัวใหญ่ ปักธงชัย และสูงเนิน) และยังพบชาวไทยโคราชในบางส่วนของจังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอเนินสง่า อำเภอจัตุรัส อำเภอเทพสถิต อำเภอซับใหญ่ อำเภอคอนสวรรค์ และอำเภอเมืองชัยภูมิ) และจังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอเมืองบุรีรัมย์ นางรอง และหนองกี่)
ชาวไทอีสาน
ชาวไทอีสานเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนประชากรมากรองจากกลุ่มไทโคราช อาศัยอยู่มากในบางอำเภอของจังหวัดนครราชสีมา เช่น อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบัวลาย อำเภอสีดา อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอประทาย อำเภอโนนแดง อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอปักธงชัย อำเภอสูงเนิน อำเภอคง อำเภอห้วยแถลง อำเภอชุมพวง และบางส่วนของ อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง และ อำเภอสีคิ้ว เป็นต้น ชาวไทยอีสานพูดภาษาอีสานท้องถิ่นคล้ายกับจังหวัดอื่นๆในภาคอีสาน และมีขนบธรรมเนียมประเพณีเหมือนชาวอีสานทั่วไป กลุ่มชาวไทยอีสานอพยพเข้ามาอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาหลายรุ่นตามความเจริญของเศรษฐกิจ ในบางข้อสันนิฐานให้ข้อมูลว่า เดิมชาวโคราชพูดภาษากลางแบบชาวสยาม และมีชาวไทยอีสานอพยพเข้ามาอยู่ปะปนกัน จึงเกิดการผสมผสานเป็นภาษาไทโคราช แต่อย่างไรก็ดีชาวไทยอีสานดั้งเดิมมีถิ่นอาศัยอยู่ในภาคอีสานมานานแล้ว มิได้อพยพมาจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง มีความพัวพันกับอาณาจักรไทยในอดีต เช่น โคตรบูรณ์ ศรีจะนาศะ ซึ่งเป็นอาณาจักรของศาสนาพุทธ มิใช่พราหม-ฮินดู แบบจักรวรรดิ์เขมร กล่าวได้ว่าชาวไทยอีสานเป็นชนพื้นเมืองเดิมของภาคอีสานมาช้านานแล้ว
ชาวไทยเชื้อสายลาว
อพยพเข้ามาอยู่สมัยสงครามปราบปรามเมืองเวียงจันทน์ในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยปราบเจ้าอนุวงศ์ในรัชกาลที่3 มีการกวาดต้อนครอบครัวลาวเข้ามาอยู่ในหัวเมืองชั้นในหลายครั้ง และมีการอพยพเข้ามาโดยสมัครใจเพิ่มขึ้นในระยะหลัง คนกลุ่มที่นี้มักเรียกกันว่า "ลาวเวียง" มีการใช้ภาษาลาวสำเนียงเวียงจันทน์ซึ่งต่างกับภาษาอีสานสำเนียงท้องถิ่นอย่างสิ้นเชิง กระจายอาศัยกันอยู่ทั่วไปในจังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันสืบหาแทบไม่ได้แล้วเนื่อจากการเทครัวมีมานับ200ปีและมีการแต่งงานกับคนพื้นเมือง มีจำนวนน้อยที่สืบหาได้ว่ามีเชื้อสาวลาวเวียงจันทน์ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ เช่น การเก็บรักษาผ้าซิ่นแต่เดิมไว้ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เนื่องจากชาวลาวเวียงจันทน์อพยพมาจากเมืองที่มีวัฒนธรรมสูง มักจะมีของมีค่าติดตัวมาด้วย เช่น ผ้าซิ่น ข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบชาวเวียงจันทน์ที่ยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ชาลาวเวียงจันทน์อพยพมากที่สุดในสมัยรัชกาลที่3เนื่องจากมีการทำสงครามกับเวียงจันทน์หลายครั้ง และเป็นครั้งใหญ่ที่ทำลายนครเวียงจันทน์อย่างราบคราบ จึงทำให้ชาวลาวเวียงจันทน์ถูกเกณฑ์เป็นเชลยจำนวนมาก โดยหัวเมืองใหญ่อย่างนครราชสีมารับชาวเชลยไว้เป็นจำหนึ่ง ส่วนที่เหลือกระจายไปตามหัวเมืองต่างๆในภาคกลาง
จากการสำรวจสำมะโนประชากรของจังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2446 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พบว่า มีชาวมอญอยู่จำนวน 2,249 คน จากจำนวนประชากรของนครราชสีมา 402,668 คน ชาวมอญอพยพเข้ามาอยู่บริเวณเมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2318 ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระราชทานครัวมอญที่อพยพเข้ามาสวามิภักดิ์ มีเจ้าพระยามหาโยธา (พญาเจ่ง) ต้นสกุล "คชเสนี" เป็นหัวหน้า แบ่งให้พระยานครราชสีมานำขึ้นมาอยู่ที่เมืองนครราชสีมา ตั้งครัวมอญที่ลำพระเพลิง เขตอำเภอปักธงชัยที่บ้านพลับพลา อำเภอโชคชัย พระยาศรีราชรามัญผู้เป็นหัวหน้าพาญาติพี่น้องมาอยู่ในเมืองเป็นสายกองส่วยทอง ตั้งบ้านเรือนเรียกว่าบ้านมอญ เมื่อเกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2336 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ คชเสนี) คุมกองมอญมาสมทบมาร่วมรบกับกำลังฝ่ายไทย เมื่อเสร็จศึกแล้วพวกมอญเห็นเมืองปักธงชัยอุดมสมบูรณ์จึงมาตั้งถิ่นฐาน ปัจจุบันชาวมอญในนครราชสีมายังรักษาวัฒนธรรมประเพณีมอญไว้ เช่น ภาษา การไหว้ผี การเล่นสะบ้าในเขตบ้านท่าโพธิ บ้านสำราญเพลิง ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน ทำเครื่องปั้นดินเผา ภาษามอญจะใช้พูดในชาวไทยมอญที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป คนรุ่นหลังจากนี้จะพูดภาษาไทยโคราชทั้งสิ้น
ส่วย หรือ ข่า เป็นชนพื้นเมืองของหัวเมืองเขมรป่าดงและเมืองนครราชสีมา พูดภาษาตระกูลมอญ-เขมร ได้อยู่ในพื้นที่นี้ก่อนที่คนไทยจะเข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนบริเวณลุ่มแม่น้ำมูลตอนบน เมื่อปี พ.ศ. 2362 เจ้าเมืองนครราชสีมา (ทองอินทร์) ตีข่าได้ แล้วนำมายังเมืองนครราชสีมา ภาษาส่วย เป็นภาษาของชาวส่วยที่อพยพมาจากจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ ตำบลห้วยแถลง อำเภอห้วยแถลง ปัจจุบันมีเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ที่ยังคงใช้ภาษาส่วยในกลุ่มของตนเอง นอกจากนั้นจะใช้ภาษาไทยโคราชเป็นพื้น
ญัฮกุร หรือ เนียะกุล เป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ตามไหล่เขาหรือเนินเขาเตี้ย ๆ บริเวณด้านในของที่ราบสูงโคราช ชาวบนอาจสืบเชื้อสายมาจากคนในสมัยทวารวดี อยู่ในบางหมู่บ้านของอำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี และอำเภอหนองบุญมาก ภาษาชาวบน เป็นภาษาตระกูลมอญ-เขมร ปัจจุบันชาวบนพูดภาษาชาวบนเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป นอกจากนั้นใช้ภาษาไทยโคราช
ไทยวน หรือ ไทยโยนก เป็นเผ่าไทยในภาคเหนือของไทย ได้อพยพเข้ามาอยู่ที่อำเภอสีคิ้วสองทางด้วยกันคือ พวกแรกอพยพจากทางเหนือมาอยู่ที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ต่อมาเจ้าเมืองสระบุรีต้องการตั้งกองเลี้ยงโคนมที่เมืองนครจันทึก จึงได้แบ่งครอบครัวชาวไทยวนจากอำเภอเสาไห้ไปอยู่ที่อำเภอสีคิ้ว ส่วนอีกพวกหนึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์ ชาวไทยวนยังรักษาประเพณีและวัฒนธรรมแบบโยนกไว้ได้ดีมาก ภาษาไทยวน ใช้พูดในหมู่ไทยวนด้วยกันเองซึ่งมีอยู่ประมาณ 5,000 คน ในเขตอำเภอสีคิ้ว ในท้องที่ตำบลลาดบัวขาว ตำบลสีคิ้ว และตำบลบ้านหัน
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเชื้อสาย ชาวจีน, ชาวเวียดนาม, และแขก(อินเดีย, บังคลาเทศ, ปากีสถาน ฯลฯ)
การศึกษา
จังหวัดนครราชสีมามีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง โดยแบ่งเป็นระดับประถมศึกษา ทั้งหมด 7 เขต และมัธยมศึกษา 1 เขต (ไม่รวมสังกัด อปท.)
การแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษา
- สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา 50 แห่ง
- สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา 59 แห่ง
การแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา
แบ่งเป็นระดับประถมศึกษา ทั้งหมด 7 เขต
- เขต 1 - อำเภอเมืองนครราชสีมาและอำเภอโนนสูง
- เขต 2 - อำเภอจักราช อำเภอหนองบุญมาก อำเภอห้วยแถลง อำเภอเฉลิมพระเกียรติและอำเภอโชคชัย
- เขต 3 - อำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง และอำเภอวังน้ำเขียว
- เขต 4 - อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนินและอำเภอปากช่อง
- เขต 5 - อำเภอเทพารักษ์ อำเภอพระทองคำ อำเภอขามสะแกแสง อำเภอขามทะเลสอ อำเภอโนนไทยและอำเภอด่านขุนทด
- เขต 6 - อำเภอสีดา อำเภอบัวลาย อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอคงและอำเภอบัวใหญ่
- เขต 7 - อำเภอประทาย อำเภอเมืองยาง อำเภอชุมพวง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอพิมายและอำเภอโนนแดง
โรงเรียน
- โรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัด: โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย
- โรงเรียนสตรีประจำจังหวัด: โรงเรียนสุรนารีวิทยา
- โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนบุญวัฒนา
- โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์
สถาบันอุดมศึกษา
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
- มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (ศูนย์กลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา)
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา
- มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครราชสีมา
- มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย และศูนย์การศึกษาโคราช
- สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า สีคิ้ว)
- สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วนศ.นครราชสีมา)
- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา
-
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ศูนย์กลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
-
มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา
-
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครราชสีมา
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน
- มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
- วิทยาลัยนครราชสีมา
- วิทยาลัยเทคโนโลยีพนมวันท์
- สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน ศูนย์การเรียนรู้จังหวัดนครราชสีมา
- วิทยาลัยพิชญบัณฑิต นครราชสีมา
- วิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ วิทยาเขตนครราชสีมา
- สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ หน่วยการเรียนทางไกลจังหวัดนครราชสีมา
-
วิทยาลัยพิชญบัณฑิต นครราชสีมา
-
วิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ วิทยาเขตนครราชสีมา
สถาบันอาชีวศึกษา
สถาบันการอาชีวศึกษาของรัฐ
สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5
สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 ประกอบด้วยวิทยาลัยในสังกัด 9 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา,วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา,วิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ, วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี,วิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ,วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์,วิทยาลัยเทคนิคคูเมือง,วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์ และวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ มีที่ตั้งสำนักงานสถาบัน(ชั่วคราว) อยู่ภายในวิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เป็น 1ในสถาบันการอาชีวศึกษา 19 สถาบัน ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2555 สำหรับวิทยาลัยในสังกัดในจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่
- วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา เปิดสอนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ-ปริญญาตรี (สายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ)
- วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี อ.โชคชัย
- วิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อ.ด่านขุนทด
- วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา
- วิทยาลัยเทคนิคพิมาย (การอาชีพพิมายเดิม)
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอื่น ๆ
- วิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา
- วิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยีนครราชสีมา อ.สีคิ้ว
- วิทยาลัยเทคนิคปักธงชัย
- วิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวนครราชสีมา (NR-CBAT) เปิดสอนระดับ ปวช.-ปวส. ในด้านบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
- วิทยาลัยเทคนิคปากช่อง (การอาชีพปากช่องเดิม)
- วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง วิทยาเขตสูงเนิน
- วิทยาลัยการอาชีพบัวใหญ่
- วิทยาลัยการอาชีพชุมพวง
สถาบันอาชีวศึกษา (เอกชน)
- วิทยาลัยเทคโนโลยีชนะพลขันธ์ นครราชสีมา
- วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา
- วิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึษานครราชสีมา
- โรงเรียนเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาเมรี่เทคโนโลยี (ยุบรวมเข้ากับมารีย์บริหารธุรกิจ เมื่อปี 2561)
- วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ นครราชสีมา (สถาบันในเครือมารีย์วิทยา)
- โรงเรียนเทคโนสุระ
- บัวใหญ่เทคโนโลยีพณิชยการ
- วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการปากช่อง
- วิทยาลัยเทคโนโลยีสายมิตร นครราชสีมา
- โรงเรียนกุสุมภ์เทคโนโลยี
วิทยาลัยเฉพาะทาง
- วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา เปิดสอนหลักสูตรนาฏศิลป์ชั้นต้น กลาง และสูง
สถาบันวิจัย
การสาธารณสุข
- โรงพยาบาลศูนย์
- โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา (1,619 เตียง) เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
- โรงพยาบาลทั่วไป
- โรงพยาบาลปากช่องนานา (300 เตียง)
- โรงพยาบาลบัวใหญ่ (268 เตียง)
- โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา (200 เตียง)
- โรงพยาบาลพิมาย (144 เตียง)
- โรงพยาบาลชุมชน
|
|
- โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย
- โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (608 เตียง)
- โรงพยาบาลทหาร
- โรงพยาบาลค่ายสุรนารี (420 เตียง)
- โรงพยาบาลกองบิน 1 (50 เตียง)
- โรงพยาบาลเอกชน
|
- โรงพยาบาลเฉพาะทาง
- โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ (300 เตียง)
- อื่นๆ
การคมนาคม
ทางอากาศ
วันที่ 2 กันยายน 2554 ที่ท่าอากาศยานนครราชสีมา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา บริษัท Thai Regional Aviation จำกัด ได้ทำการเปิดเที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-โคราช-สุวรรณภูมิ บริษัทเลือกใช้เครื่องบินรุ่น Piper Navajo Chieftain ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ได้รับความนิยมสูง และ มีความปลอดภัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เวลาในการเดินทาง 40 นาที (ปัจจุบันหยุดให้บริการในสายนี้แล้ว)
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 สายการบิน กานต์แอร์ ได้ทำการเปิดเที่ยวบิน จาก ท่าอากาศยานเชียงใหม่ - ท่าอากาศยานนครราชสีมา โดยทำการบิน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ( จันทร์,พุธ,พฤหัสบดี,เสาร์ ) โดยใช้เครื่องบินรุ่น ATR-72 (ปัจจุบันหยุดให้บริการในสายนี้แล้ว)
วันที่ 3 ธันวาคม 2560 สายการบินนิวเจน แอร์เวย์ส เปิดให้บริการเส้นทางบิน นครราชสีมา - เชียงใหม่ และภูเก็ต (ปัจจุบันสายนี้หยุดให้บริการแล้ว)
วันที่ 21 ธันวาคม 2560 สายการบินนิวเจน แอร์เวย์ส เปิดให้บริการเส้นทางบิน นครราชสีมา - กรุงเทพฯ(ดอนเมือง) (ปัจจุบันสายนี้หยุดให้บริการแล้ว)
รถยนต์
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ มายังจังหวัดนครราชสีมาได้หลายเส้นทาง คือ
- เส้นทางผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านรังสิต วังน้อย จนถึงจังหวัดสระบุรี ข้ามทางต่างระดับมิตรภาพ ทางทิศตะวันออก ไปยัง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านอำเภอแก่งคอย มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เรื่อยไปจนถึงอำเภอปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน และจังหวัดนครราชสีมา รวมระยะทางประมาณ 256 กิโลเมตร
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 เส้นทางผ่านเขตมีนบุรี อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอพนมสารคาม อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอปักธงชัย จนถึงจังหวัดนครราชสีมา รวมระยะทางประมาณ 273 กิโลเมตร
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 เส้นทางรังสิต-นครนายก ต่อทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 ไปกบินทร์บุรี แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ผ่านอำเภอวังน้ำเขียว ปักธงชัย เรื่อยไปจนถึงจังหวัดนครราชสีมา
รถโดยสารประจำทาง
- เดินทางจากกรุงเทพฯ
มีรถโดยสารธรรมดา และ รถปรับอากาศชั้น 1 ชั้น 2 และรถตู้ปรับอากาศ สาย 21 (กรุงเทพฯ - นครราชสีมา) วิ่งให้บริการจาก สถานีขนส่งหมอชิต 2 กรุงเทพฯ มายังจังหวัดนครราชสีมา ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีบริษัทเอกชน ที่ได้รับสัมปทานเปิดบริการเดินรถโดยสารสาย 21 ดังนี้
รถปรับอากาศชั้น 1
- บริษัท เชิดชัยโคราช จำกัด (ราชสีมาทัวร์)
- บริษัท แอร์โคราชพัฒนา จำกัด
- บริษัท สุรนารีแอร์ จำกัด
- บริษัท นครชัย21 จำกัด
รถปรับอากาศชั้น 2
- กลุ่มเดินรถ ป.2 สาย 21
รถตู้ปรับอากาศ (ไม่รับรายทาง)
- เสรี รถตู้ลีมูซีน
ซึ่งจะให้บริการ รับ-ส่ง ผู้โดยสารที่สถานีขนส่งทั้งสองแห่ง คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 (ถนนบุรินทร์) และ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) นอกจากนั้น ยังสามารถที่จะเลือกเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ ปลายทางจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสานที่ผ่านจังหวัดนครราชสีมาได้
- เดินทางภายในจังหวัด
การเดินทางภายในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียง มีขนส่งสาธารณะให้บริการดังนี้คือ
- รถโดยสารประจำทางหมวด 1 และหมวด 4 (รถสองแถว) วิ่งบริการภายในเขตเทศบาล และ บริเวณใกล้เคียง รถโดยสารหมวด 1 แบ่งออกเป็น 21 สาย วิ่งบริการภายในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียงไปตามเส้นทางต่าง ๆ
- รถจักรยานยนต์รับจ้าง, รถสามล้อเครื่อง และรถสามล้อ วิ่งให้บริการผู้โดยสารภายในเขตตัวเมือง
- รถแท็กซี่มิเตอร์ (Taxi Meter) เปิดให้บริการในช่วงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 24 เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 เป็นจังหวัดแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจุดจอดรถแท็กซี่อยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 สถานีรถไฟนครราชสีมา สถานีรถไฟชุมทางจิระ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา เทอร์มินอล 21 โคราช และสถานบันเทิง นอกจากนี้ยังสามารถเรียกใช้บริการโดยโทรศัพท์เลขหมายด่วนหริอเรียกผ่านแอปพลิเคชัน ปัจจุบันมีรถให้บริการทั้งสิ้นจำนวนมากกว่า 70 คัน
ถ้าต้องการเดินทางไปต่างอำเภอ จะมีรถโดยสารประจำทางหมวด 4 ให้บริการไปยังอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา หลายสายด้วยกัน สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งแห่งที่ 1 ถนนบุรินทร์ มีทั้งประเภทรถสองแถว และ รถบัสโดยสารประจำทางให้บริการ จะมีรถโดยสารไป อำเภอปักธงชัย อำเภอประทาย อำเภอด่านขุนทด อำเภอปากช่อง อำเภอสูงเนิน สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 นั้น จะมีรถโดยสาร ไปเฉพาะ อำเภอพิมาย อำเภอห้วยแถลง และ ตำบลด่านเกวียน,อำเภอโชคชัย
- เดินทางระหว่างจังหวัด
มีทั้งรถโดยสารประจำทางธรรมดา และปรับอากาศ หมวด 2 และ 3 จำนวนหลายเส้นทางในจังหวัดต่าง ๆ วิ่งให้บริการผ่านจังหวัดนครราชสีมาที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) ทุกวัน
นอกจากนี้ มีรถโดยสารประจำทาง ให้บริการรับส่งผู้โดยสารจาก ต้นทางจังหวัดนครราชสีมา ไปยังปลายทางจังหวัดอื่น ในภาคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ภาคอีสาน ได้แก่
- นครราชสีมา - แก้งสนามนาง ชัยภูมิ
- นครราชสีมา - ขอนแก่น
- นครราชสีมา - ชัยภูมิ แก้งคร้อ ภูเขียว ชุมแพ ภูกระดึง วังสะพุง เมืองเลย เชียงคาน
- นครราชสีมา - อุดรธานี
- นครราชสีมา - มุกดาหาร
- นครราชสีมา - อุบลราชธานี
- นครราชสีมา - หนองคาย (ศรีเชียงใหม่)
- นครราชสีมา - ยโสธร
- นครราชสีมา - สุรินทร์
- นครราชสีมา - บุรีรัมย์
- นครราชสีมา - นครพนม (บ้านแพง)
- ภาคเหนือ ได้แก่
- ภาคกลาง ได้แก่
- ภาคตะวันออก ได้แก่
- ภาคตะวันตก ได้แก่
- นครราชสีมา - หัวหิน
- ภาคใต้ ได้แก่
- ภาคอีสาน ได้แก่
- เดินทางระหว่างประเทศ
- กรุงเทพฯ-นครราชสีมา - นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ 900 บาท, นครราชสีมา-เวียงจันทน์ 540 บาท)
- เวลา 21.00 น. จากสถานีต้นทาง กรุงเทพฯ (หมอชิต 2) ถึง บขส. นครราชสีมา แห่งที่ 2 ประมาณ 23.50 น.
- เวลา 18.00 น. จากสถานีต้นทาง นครหลวงเวียงจันทน์ ถึง บขส. นครราชสีมา แห่งที่ 2 ประมาณ 1 นาฬิกา หรือ 01.00 น.
- เที่ยววิ่งนอกวันและเวลาราชการ เก็บค่าทำการล่วงเวลา ของด่านตรวจคนเข้าเมืองคนละ 5 บาท โดยจัดเก็บที่สถานีเดินรถ
- เดินทางด้วยรถปรับอากาศ 2 ชั้น 32 ที่นั่ง มีสุขภัณฑ์ พนักงานต้อนรับ และอาหารว่าง
- ติดต่อสถานีเดินรถนครราชสีมา โทรศัพท์ 044-254964 หรือ 1490 เรียก บขส.
- กรุงเทพฯ-นครราชสีมา - นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ 900 บาท, นครราชสีมา-เวียงจันทน์ 540 บาท)
ในการเดินทางข้ามแดนจากจังหวัดนครราชสีมา ไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สามารถใช้หลักฐาน คือหนังสือเดินทางคือหนังสือผ่านแดน หรือหนังสือผ่านแดนชั่วคราวโดยมีแนวปฏิบัติและขั้นตอนดังต่อไปนี้
- 1. ใช้บัตรผ่านแดน สำหรับเดินทางเข้าประเทศลาวไม่เกิน 3 วัน 2 คืน และไม่เดินทางไปแขวงอื่น การทำบัตรผ่านแดนทำที่ศาลากลางจังหวัดที่มีชายแดนติดกับลาวโดยใช้หลักฐาน ดังนี้
- รูปถ่าย 1 นิ้ว 2 รูป
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และบัตรจริง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ค่าธรรมเนียม
- หากยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องใช้สำเนาสูติบัตรด้วย
- 2. การขอวีซ่า
- ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการของไทยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่า สามารถอยู่ในประเทศลาวได้ 30 วัน
- สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาต้องขอวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทยที่กรุงเทพฯ หรือสถานกงสุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่จังหวัดขอนแก่นโดยต้องใช้รูปถ่าย 1 รูป และเสียค่าธรรมเนียม 30 ดอลลาร์สหรัฐ
- 1. ใช้บัตรผ่านแดน สำหรับเดินทางเข้าประเทศลาวไม่เกิน 3 วัน 2 คืน และไม่เดินทางไปแขวงอื่น การทำบัตรผ่านแดนทำที่ศาลากลางจังหวัดที่มีชายแดนติดกับลาวโดยใช้หลักฐาน ดังนี้
- สถานีขนส่งผู้โดยสาร
จังหวัดนครราชสีมา มีสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ให้บริการแก่ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังอำเภอ หรือ จังหวัดต่างๆ ดังนี้
สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 ตั้งอยู่เลขที่ 86 ถนนบุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 7 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา เปิดใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 บริหารจัดการโดยเทศบาลนครนครราชสีมา ใช้เป็นสถานีขนส่งภายในจังหวัดเป็นหลัก และมีรถโดยสารปรับอากาศ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ให้บริการ ประกอบไปด้วย
- ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 24 ช่องจอด พื้นที่ 3,840 ตารางเมตร
- พื้นที่อาคารผู้โดยสาร 6,194 ตารางเมตร
ปัจจุบันสถานีขนส่งฯ แห่งที่ 1 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2,000 เที่ยว/วัน หรือประมาณ 430,000 เที่ยว/ปี และมีผู้โดยสารหมุนเวียนเข้าใช้บริการเฉลี่ย 30,000 คน/วัน หรือประมาณ 12,000,000 คน/ปี
สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่ ถนนมิตรภาพ-หนองคาย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ 29 ไร่ 50 ตารางวา เป็นสถานีขนส่งฯที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่ง คือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด ใช้เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารระหว่างจังหวัดเป็นหลักเส้นทางที่สำคัญคือ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ประกอบด้วย
- ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 111 ช่องจอด พื้นที่ 17,760 ตารางเมตร
- พื้นที่อาคารผู้โดยสาร 28,416 ตารางเมตร
- ที่จอดรถส่วนบุคคลประมาณ 250 คัน และรถจักรยานยนต์ ประมาณ 1,100 คัน
ปัจจุบันสถานีขนส่งฯ แห่งที่ 2 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 3,000 เที่ยว /วัน หรือประมาณ 740,000 เที่ยว/ปี และมีผู้โดยสารหมุนเวียนเข้าใช้บริการเฉลี่ย 80,000 คน/วัน หรือประมาณ 19,000,000 คน/ปี
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 12 ตำบลโชคชัย อำเภอโชคชัย มีเนื้อที่ 7 ไร่ บริหารจัดการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2539 ประกอบด้วย
- ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 16 ช่องจอด พื้นที่ 3,280 ตารางเมตร
- ที่จอดรถส่วนบุคคลประมาณ 40 คัน และรถจักรยานยนต์ ประมาณ 50 คัน
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 210 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน /วัน
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย ตั้งอยู่บริเวณตำบลในเมือง อำเภอพิมาย มีเนื้อที่ 6 ไร่ 54 ตารางวา ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่งคือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2538 ประกอบด้วย
- ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 18 ช่องจอด พื้นที่ 3,840 ตารางเมตร
- ที่จอดรถส่วนบุคคลประมาณ 15 คัน และ รถจักรยานยนต์ ประมาณ 25 คัน
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 230 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน / วัน
รถไฟ
มีรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือกรุงเทพ - อุบลราชธานีและกรุงเทพ - หนองคายทั้งขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็วและรถธรรมดาวิ่งให้บริการจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ผ่านจังหวัดนครราชสีมาทุกวัน นอกจากนี้ยังมีขบวนรถท้องถิ่นวิ่งให้บริการระหว่างสถานีรถไฟนครราชสีมาไปยังสถานีรถไฟจังหวัดอื่นๆ เช่น สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานี หนองคาย และอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีอีกด้วย
สถานีรถไฟนครราชสีมาสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นสถานีรถไฟชั้น 1 ตั้งอยู่ที่ถนนมุขมนตรี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา อยู่ห่างจากสถานีรถไฟกรุงเทพเป็นระยะทาง 264 กิโลเมตร [22]
รถไฟความเร็วสูง
โครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงที่ 1 กรุงเทพ (บางซื่อ) - นครราชสีมา (เริ่มก่อสร้าง 21 ธันวาคม 2560)
เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2567
- สถานีรถไฟความเร็วสูงปากช่อง
- สถานีรถไฟความเร็วสูงนครราชสีมา
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอต่างๆ
- อำเภอเฉลิมพระเกียรติ 24 กิโลเมตร
- อำเภอขามทะเลสอ 25 กิโลเมตร
- อำเภอโนนไทย 30 กิโลเมตร
- อำเภอโชคชัย 33 กิโลเมตร
- อำเภอปักธงชัย 36 กิโลเมตร
- อำเภอสูงเนิน 36 กิโลเมตร
- อำเภอโนนสูง 39 กิโลเมตร
- อำเภอจักราช 44 กิโลเมตร
- อำเภอขามสะแกแสง 52 กิโลเมตร
- อำเภอสีคิ้ว 53 กิโลเมตร
- อำเภอหนองบุญมาก 54 กิโลเมตร
- อำเภอพระทองคำ 60 กิโลเมตร
- อำเภอพิมาย 61 กิโลเมตร
- อำเภอด่านขุนทด 62 กิโลเมตร
- อำเภอครบุรี 64 กิโลเมตร
- อำเภอห้วยแถลง 70 กิโลเมตร
- อำเภอโนนแดง 75 กิโลเมตร
- อำเภอคง 80 กิโลเมตร
- อำเภอวังนํ้าเขียว 82 กิโลเมตร
- อำเภอปากช่อง 89 กิโลเมตร
- อำเภอสีดา 89 กิโลเมตร
- อำเภอเทพารักษ์ 92 กิโลเมตร
- อำเภอเสิงสาง 93 กิโลเมตร
- อำเภอบัวใหญ่ 95 กิโลเมตร
- อำเภอชุมพวง 99 กิโลเมตร
- อำเภอประทาย 100 กิโลเมตร
- อำเภอบัวลาย 102 กิโลเมตร
- อำเภอบ้านเหลื่อม 105 กิโลเมตร
- อำเภอแก้งสนามนาง 105 กิโลเมตร
- อำเภอลำทะเมนชัย 118 กิโลเมตร
- อำเภอเมืองยาง 129 กิโลเมตร
ทางหลวง
- ทางหลวงพิเศษ
- ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 หรือ ถนนมอเตอร์เวย์บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา (กำลังก่อสร้าง เปิดให้บริการในปี 2564) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจาก กลางดง - ปากช่อง - คลองไผ่ - สีคิ้ว - สูงเนิน - ขามทะเลสอ - โคกกรวด - นครราชสีมา
- ทางหลวงแผ่นดิน
ทางหลวงสายสำคัญของจังหวัดนครราชสีมามีดังนี้
- ทางหลวงหมาดเลขหลักเดียว
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจาก กลางดง - ปากช่อง - คลองไผ่ - สีคิ้ว - สูงเนิน - โคกกรวด - นครราชสีมา - จอหอ - ตลาดแค - บ้านวัด - สีดา - สิ้นสุดจังหวัดนครราชสีมาในเขตอำเภอบัวลาย
- ทางหลวงหมายเลขสองหลัก
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (ถนนโชคชัย-เดชอุดม และถนนสถลมารค) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากทางแยกต่างระดับสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอหนองบุนนากกับอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์
- ทางหลวงหมายเลขสามหลัก
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา ถนนสุวินทวงศ์) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากรอยต่อจังหวัดปราจีนบุรีกับอำเภอวังน้ำเขียว - อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอด่านขุนทดกับอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 202 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากรอยต่ออำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิกับอำเภอแก้งสนามนาง - รอยต่ออำเภอประทาย กับ อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 204 (ถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 205 (ถนนสุรนารายณ์) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากรอยต่ออำเภอด่านขุนทดกับอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ - อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 206 (ทางเข้าเมืองพิมาย และ เลี่ยงเมืองพิมาย) จาก ถนนมิตรภาพ อำเภอโนนสูง - อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 207(ถนนพาณิชย์เจริญ) จากอำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอพล จังหวัดขอนแก่น
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอเสิงสางกับจังหวัดบุรีรัมย์
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอห้วยแถลงกับจังหวัดบุรีรัมย์
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 290 (ถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา) อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอขามทะเลสอ อำเภอโนนสูง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา
กีฬา
เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมามีศักยภาพหลายด้าน ทำให้จังหวัดนครราชสีมามีโอกาสจัดการแข่งขันกีฬาในระดับชาติ และระดับนานาชาติอยู่เสมอ
กีฬาระดับชาติ
- กีฬาแห่งชาติ
- พ.ศ. 2513 จัดกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513
- พ.ศ. 2557 จัดกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-19 ธันวาคม พ.ศ. 2557
- กีฬาเยาวชนแห่งชาติ
- พ.ศ. 2528 จัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ซึ่งกำหนดการให้มีการแข่งขันระหว่างวันที่ 26 เมษายน 2528 ถึง 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2528
- กีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ
- พ.ศ. 2560 จัดกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ย่าโมเกมส์ ครั้งที่ 38 วันที่ 23-31 ม.ค. 2560
- กีฬาระดับอุดมศึกษา
- พ.ศ. 2541 กีฬาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 15 "ราชมงคลเกมส์" ประจำปีการศึกษา 2540 แข่งขันระหว่างวันที่ 24 – 31 มกราคม 2541 ณ สนามกีฬาวิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา
- พ.ศ. 2548 จัดกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 32 (สุรนารีเกมส์) จัดการแข่งขันวันที่ 8- 15 มกราคม พ.ศ. 2548 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
- พ.ศ. 2557 จัดกีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 30 “อีสานเกมส์” ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ศูนย์กลางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 7 กุมภาพันธ์ 2557
- พ.ศ. 2560 จัดกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 44 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ระหว่างวันที่ 21กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2560
กีฬานานาชาติ
จังหวัดนครราชสีมา เป็นรับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายครั้ง
- พ.ศ. 2536
- วอลเลย์บอลชายชิงแชมป์เอเชีย 1993 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 ถึง 19 กันยายน พ.ศ. 2536
- พ.ศ. 2544
- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2001 การแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23- 30 กันยายน กันยายน พ.ศ. 2544
- พ.ศ. 2550
- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2007 จัดขึ้นระหว่างวัน 5-13 กันยายน 2550 โดยสนามแข่งขันจัดขึ้น ณ เอ็มซีซีฮอลล์ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์นครราชสีมา
- กีฬาซีเกมส์ 2007 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 ถึง 15 ธันวาคม พ.ศ. 2550 การจัดการแข่งขันครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในการเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
- พ.ศ. 2551
- กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ 2008 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 มกราคม ถึง 26 มกราคม พ.ศ. 2551
- วอลเลย์บอลชายชิงแชมป์เอเชียนคัพ 2008 จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 20-26 กันยายน 2008 ที่ MCC Hall Convention Center The Mall Korat จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชียนคัพ 2008โดยจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2008 ที่ MCC Hall Convention Center The Mall Korat จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
- พ.ศ. 2552
- วอลเลย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์โลก 2009 จัดตั้งแต่วันที่ 3–12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
- พ.ศ. 2553
- ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 40 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-23 มกราคม พ.ศ. 2553
- พ.ศ. 2554
- จักรยาน ลู่-ถนน ชิงแชมป์เอเชีย 2011 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
- พ.ศ. 2555
- ฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่อาคารโคราช ชาติชาย ฮอลล์ ในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 ร่วมกับกรุงเทพมหานครอีกด้วย โดยจัดในช่วงวันที่ 1 – 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
- พ.ศ. 2556
- วอลเลย์บอลยุวชนหญิงอายุไม่เกิน 18 ปีชิงแชมป์โลก 2013 ที่อาคารชาติชาย ฮอลล์ และ ลิปตพัลลภ ฮอลล์ จัดการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556
- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2013 โดยใช้อาคารชาติชาย ฮอลล์ ร่วมกับ สนาม MCC Hall Convention Center The Mall Korat จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 กันยายน - 21 กันยายน พ.ศ. 2556
- พ.ศ. 2557
- วอลเลย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2014 สนาม MCC Hall Convention Center The Mall Korat จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 ตุลาคม–19 ตุลาคม พ.ศ. 2557
- พ.ศ. 2558
- ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 43 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
- จักรยานชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 35 ในเวลากลางคืน โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 16 กุมภาพันธ์ 2558[23]
- พ.ศ. 2559
- วอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2016 (u19) ครั้งที่ 18 โดยจัดขึ้นในเดือน กรกฎาคม 2559
- พ.ศ. 2560
- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2017 ระหว่างวันที่ 13-21 พฤษภาคม 2560
- พ.ศ. 2561
- วอลเลย์บอลหญิงเอวีซีคัพ 2018 (ทีมหญิง) วันที่ 17-23 กันยายน 2561 ที่จังหวัดนครราชสีมา
การพัฒนากีฬา
จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นด้านกีฬาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เนื่องจากมีการพัฒนาด้านกีฬาตลอดเวลา ในหลากหลายชนิดกีฬา เช่น
มวย
วอลเลย์บอล
- ทีมวอลเลย์บอลของโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ได้ผลิตนักกีฬาที่มีชื่อเสียงหลายคนเข้าสู่ทีมชาติอย่างต่อเนื่อง
- ทีมวอลเลย์บอลประจำจังหวัด คือ สโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา (แคทเดวิล) โดยมีทั้งทีมชายและทีมหญิง ปัจจุบันเล่นอยู่ในวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก
- วันที่ 17- 25 เมษายน 2557 ทีมสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา (หญิง) เข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์สโมสรเอเชีย 2014 ที่ยิมเนเซียมเทศบาลเมืองนครปฐม ได้อันดับที่ 5 ของทวีเปอเชีย[24]
ฟุตซอล
- ไทยแลนด์ฟุตซอลลีก
- ทีม สโมสรฟุตซอลนครราชสีมา เดอะเดอะมอลล์ วีวัน (ซุปเปอร์แคท)
- ฟุตซอลลีก ดิวิชั่น 1
- ทีมสโมสรฟุตซอลนครราชสีมา SAT3
ฟุตบอล
- ไทยลีก (T1)
- ทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมามาสด้า เอฟซี (สวาทแคท)
- ไทยลีก อเมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์
- ทีมสโมสรฟุตบอลเพื่อนปากช่อง
- ทีมสโมสรฟุตบอลโคราช (นักรบที่ราบสูง)
- ทีมสโมสรฟุตบอลโคราช ยูไนเต็ด (ไอ้กระทิงดุ)
- ทีมสโมสรฟุตบอลโคราช ซิตี้
- ทีมสโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยวงชวลิตกุล
- ทีมสโมสรฟุตบอลจิมทอมสัน ฟาร์ม
เซปัคตะกร้อ
- ทีมสโมสรตะกร้อนครราชสีมา (แมวป่าทมิฬ) ปัจจุบันทำการแข่งขันในตะกร้อ ไทยแลนด์ ลีก
บาสเกตบอล
- ในจังหวัดนครราชสีมามีการจัดการแข่งขันบาสเกตบอลลีกภายในจังหวัด ในชื่อ โคราชบาสเกตบอล ลีก[25]
สนามกีฬา
- สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550
- สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (นครราชสีมา)
- สนามกีฬามหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
- สนามกีฬาเทศบาลนครราชสีมา
- สนามกีฬาสุรพลากีฬาสถาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
- สนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี[26]
- สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
สถานที่ท่องเที่ยว
- อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีและประตูชุมพล อ.เมือง
- อ่างเก็บน้ำซับประดู่ อ.สูงเนิน
- น้ำตกวังเณรและน้ำตกวังคาวบอย อ.สูงเนิน
- หาดโคราช(อ่างเก็บน้ำห้วยยาง) อ.เมือง
- อุทยานประวัติศาสตร์พิมายและไทรงาม อ.พิมาย
- แหล่งโบราณคดีบ้านธารปราสาทและทุ่งสัมฤทธิ์ อ.โนนสูง
- กลุ่มสถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง และอ.วังน้ำเขียว
- กลุ่มสถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทับลาน อ.ครบุรี และอ.วังน้ำเขียว
- จุดชมวิวเขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว
- หมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน อ.โชคชัย
- หมู่บ้านหินทราย บ้านหนองโสน อ.โชคชัย
- วัดบ้านไร่ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อ.ด่านขุนทด
- สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ.เมือง
- พิพิธภัณฑ์จิตรกรรมสามมิติโคราช อ.เมือง
- สวนสัตว์นครราชสีมา และสวนน้ำโคราชทะเลอีสาน อ.เมือง
- วัดศาลาลอย อ.เมือง
- สวนทุ่งลุงพี อ.ขามทะเลสอ
- วัดโนนกุ๋ม วิหารหลวงพ่อโต อ.สีคิ้ว
- ตลาดน้ำกลางดง อ.ปากช่อง
- เขี่อนลำตะคลอง อ.สีคิ้ว และอ.ปากช่อง
- เขื่อนลำมูลบนและหาดจอมทอง อ.ครบุรี
- ผาเก็บตะวัน อ.วังน้ำเขียว
- เขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว
- ตลาดเมืองย่า 100 ปี อ.เมือง
- ตลาดเซฟวัน ตลาดนัดกลางคืน อ.เมือง
- เมืองเสมา (รัฐศรีจนาศะ) อ.สูงเนิน
- ปราสาทหินเมืองแขก อ.สูงเนิน
- ปราสาทหินเมืองเก่า อ.สูงเนิน
- ปราสาทหินโนนกู่ อ.สูงเนิน
- วัดธรรมจักรเสมาราม (วัดพระนอนคลองขวาง) อ.สูงเนิน
- สะพานดำ สถานีรถไฟสูงเนิน อ.สูงเนิน
- สถานีรถไฟสูงเนิน อ.สูงเนิน
เทศกาลและงานประเพณี
- งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี กำหนดจัดระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน ของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันที่คุณหญิงโมได้รับชัยชนะจากข้าศึก จัดบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และทุกอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่จัดงานทุกอำเภอ
- งานแห่เทียนพรรษาโคราช เสริมบุญสร้างบารมี กำหนดจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา มีการประกวดรถต้นเทียนแต่ละประเภท ณ บริเวณสวนรักษ์และลานอนุสาวรีย์ ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีความวิจิตรสวยงามตระการตาไม่แพ้ที่ใด และมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดในภูมิภาค กว่า 500,000 คน
- งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่โคราช คนร่วมนับถอยหลังสู่ปีใหม่ร่วมกัน นับแต่ปีเป็นการตอกย้ำที่สำคัญว่าเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นเทศกาลสากลที่ประชาชนให้ความสำคัญ และเป็นศูนย์กลางแห่งการเฉลิมฉลอง ส่งท้ายปีของชาวโคราช และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดอีกครั้งเพราะเราเชื่อมั่นว่าโคราชเป็นเมืองซึ่งเป็นศูนย์รวมการท่องเที่ยวเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งรอยยิ้ม และความสวยงามที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยสีสัน สามารถร่วมงานได้บริเวณศูนย์การค้าในจังหวัดนครราชสีมาทุกแห่ง
- งานตรุษจีนนครราชสีมา งานตรุษจีนนครราชสีมา กิจกรรมที่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างชาวไทยและชาวจีน ซึ่งถือว่าเป็นงานที่มีความยิ่งใหญ่ภายใต้ความเชื่อที่มีมานาน และเป็นการฉลองวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนสุดยิ่งใหญ่อลังการ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และบริเวณสวนอนุสรณ์สถาน อำเภอเมืองนครราชสีมา
- สงกรานต์โคราช เทศกาลสงกรานต์ที่โคราชจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทุกอำเภอบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
- บีบีคิวเฟสติวัลแอตโคราช โดยหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานในจังหวัด จัดเป็นประจำทุกปี
- งานเบญจมาศบาน ในม่านหมอก จัดขึ้นในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ณ หน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอวังน้ำเขียวซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การประกวดและจำหน่าย “ดอกเบญจมาศ” แปลงสาธิตดอกเบญจมาศหลากสายพันธุ์ หลากการแสดงและจำหน่ายสินค้าผักเมืองหนาวและกิจกรรมการขี่จักรยานท่องเที่ยวรับสายหมอกและลมหนาวของอำเภอวังน้ำเขียว
- การแข่งเรือพิมาย การแข่งเรือเป็นรูปแบบของการเล่นในฤดูน้ำหลากที่สร้างความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน และคนต่างหมู่บ้านได้พบปะกัน เป็นการสร้างความสมานสามัคคีของสังคมได้ทางหนึ่งช่วงเวลา จัดหลังวันออกพรรษา แต่ไม่เกินวันเพ็ญเดือนสิบสอง
- งานเทศกาลเที่ยวพิมาย จัดในวันเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน จัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวหลักของจังหวัด คือ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดียวกับงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ภายในงานมีกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การแข่งเรือยาวประเพณี การแสดงทางวัฒนธรรม ขบวนแห่พุทธราชาและพุทธประวัติ ขบวนแห่พุทธประทีปและการแสดงประกอบแสง เสียง
- งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา คณะสงฆ์อำเภอเสิงสางโดยความร่วมมือของเทศบาลตำบลเสิงสาง วัฒนธรรมอำเภอเสิงสาง และพุทธสมาคมอำเภอเสิงสางได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชาอำเภอเสิงสางประจำปี จัดที่เทศบาลตำบลเสิงสาง
- ไม้ชวนชมประจำอำเภอคง
- เทศกาลประเพณีของดีเมืองคง
- ประเพณีบุญบั้งไฟตำบลหนองมะนาว อำเภอคง
- งานเห็ดเมืองคง
- งานผ้าไหมและของดีเมืองปักธงชัย เป็นงานที่ชาวอำเภอปักธงชัย ได้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผ้าไหม และสินค้าต่าง ๆ ของอำเภอปักธงชัย จัดในวันที่ 9-15 ธันวาคม ของทุกปี ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอปักธงชัย
- ปากช่องคาวบอยซิตี ริมถนนมิตรภาพสายเก่า บริเวณสวนสาธารณะเขาแคน อำเภอปากช่อง เทศกาลที่ชาวอำเภอปากช่องต่างแต้มสีสันในแบบอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ การเนรมิตเมืองปากช่องให้เป็นเมืองคาวบอยตะวันตก
- เทศกาลกินหมี่ ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอโชคชัย
- แข่งเรือพาย ตำบลท่าลาดขาว อำเภอโชคชัย เดือนพฤศจิกายนของทุกปี
- แข่งเรือ ตำบลละลมใหม่พัฒนา อำเภอโชคชัย
- งานสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วัดบ้านไร่ วัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด วันที่ 11 มกราคมของทุกปี
- งานของดีอำเภอขามสะแกแสง บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอขามสะแกแสง เพื่อประชาสัมพันธ์ผลผลิตจากเกษตรกรโดยเฉพาะพริก ถือเป็นของดีของอำเภอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญในอาชีพเกษตรกร ได้รับความรู้เชิงวิชาการและความรู้ใหม่ในการเพิ่มผลผลิต อีกทั้งการสร้างเสริมการตลาด ส่งเสริมความสามัคคี และอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของอำเภอ
- ประเพณีกินเข่าค่ำของดีเมืองสูงเนิน จัดขึ้นเป็นประจำในเสาร์ที่2ของเดือนมีนาคมของทุกปี โดยมีการแสดงแสง สี เสียง ชุดนิรมิตกรรมเหนือลำตะคลอง และการแสดงโอทอปประจำตำบลของอำเภอสูงเนิน การประกวดธิดากินเข่าค่ำ จัดขึ้นที่ปราสาทเมืองแขก ตำบลโคราช
- เทศกาลกวนข้าวทิพย์ออกพรรษา
- เทศกาลน้อยหน่า ของดีปากช่อง และงานกาชาด
- เทศกาลเฟื้องฟ้างาม อำเภอหนองบุญมาก
- งานเทศกาล มหัศจรรย์ทุ่งดอกจานบานสะพรั่ง อำเภอแก้งสนามนาง
- งานบุญข้าวจี่ อำเภอแก้งสนามนาง
- งานทอดผ้าไหม อำเภอแก้งสนามนาง
- งานบุญบั้งไฟ ตำบลดอนยาวใหญ่ อำเภอโนนแดง
- วังน้ำเขียวฟลอร่าแฟนตาเซีย ณ บริเวณแยกวัดโพธิ์เฉลิมพระเกียรติ อำเภอวังน้ำเขียว
- งานเทศกาลชมพระอาทิตย์ตกดิน ดอยเจดีย์ อำเภอเทพารักษ์
- พิธีสักการะรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ตำบลบึงปรือ อำเภอเทพารักษ์
- ประเพณีงานข้าวใหม่ปลามัน จัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคของทุกปีซึ่งเป็นระยะเวลาที่การเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้วและเชื่อกันว่าหากได้ข้าวและปลาในช่วงดังกล่าวจะมีรสชาติดีเป็นเลิศ อำเภอเมืองยาง
- การแข่งขันพายเรืออีโปงในเทศกาลวันสงกรานต์ อำเภอลำทะเมนชัย
- งานงิ้วประจำปี ประจำปีของชาวตลาดหนองบัวลายและทุกอำเภอในจังหวัด เป็นการบูชาและบวงสรวงแก่เจ้าพ่อที่เป็นที่เคารพของอำเภอ ถือเป็นงานประเพณีที่จัดกันเป็นประจำทุกปีกว่า 30 ปี โดยจะจัดในช่วงเดือนตุลาคมหรือเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
- งานท้องถิ่นอำเภอสีดา
- การจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช และวันครบรอบการเปิดที่ว่าการอำเภอ หน้าที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคมของทุกปี
- การจัดงานวันสงกรานต์และวันผู้สูงอายุ หน้าที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา วันที่ 13 เมษายน ทุกปี
- เทศกาลดนตรีต่างๆ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคมของอีกปี บริเวณกลุ่มสถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถือว่าเป็นจังหวัดที่จัดงานมากที่สุดในประเทศไทย
กระบวนการยุติธรรม
- ศาลอุทธรณ์ภาค 3
- ศาลแรงงานภาค 3
- ศาลจังหวัดนครราชสีมา
- ศาลจังหวัดสีคิ้ว
- ศาลจังหวัดสีคิ้ว(ปากช่อง)
- ศาลจังหวัดบัวใหญ่
- ศาลจังหวัดพิมาย
- ศาลแขวงนครราชสีมา
- ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา
- ศาลปกครองนครราชสีมา
ดูเพิ่ม
- รายชื่อวัดในจังหวัดนครราชสีมา
- เทศบาลนครนครราชสีมา
- ประตูเมืองนครราชสีมา
- นครชัยบุรินทร์
- คูเมืองนครราชสีมา
- รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา
อ้างอิง
- ↑ ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
- ↑ [http://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statTDD/views/showProvinceData.php รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้าน ประจำปี พ.ศ. 2562]
- ↑ ผลิตภัณฑ์ภาคและจังหวัด แบบปริมาณลูกโซ่ ฉบับ พ.ศ. 2557, [1].
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๒ มกราคม ร.ศ. ๑๒๐ เล่ม ๑๘ น่า ๗๙๑
- ↑ 5.0 5.1 www.khundee.com/โคราชยุคก่อนประวัติศาส/
- ↑ ธิดา สาระยา. เมืองพิมาย. กรุงเทพ; สำนักพิมพืเมืองโบราณ, พ.ศ. 2535.
- ↑ https://e-shann.com/54486/%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4/
- ↑ https://www.posttoday.com/world/609003
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 ศานติ ภักดีคำ. เขมรรบไทย. กรุงเทพ; สำนักพิมพ์มติชน, 2554.
- ↑ 10.0 10.1 http://www.koratdaily.com/blog.php?id=8613
- ↑ http://koratth.weebly.com/3611361936323623363336053636.html
- ↑ จิตรสิงห์ ปิยะชาติ. กบฏกรุงศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ: ยิปซีสำนักพิมพ์, พฤศจิกายน 2551.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 13.3 พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).
- ↑ https://pantip.com/topic/37872872
- ↑ ที่ตั้งและอาณาเขต สำนักงานจังหวัดนครราชสีมา สืบค้นวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555
- ↑ ผลิตภัณฑ์ภาคและจังหวัด อนุกรมปัจจุบันแบบปริมาณลูกโซ่ อ้างอิงปี พ.ศ. 2545 (Chain Volume Measures; Reference Year 2002 ) พ.ศ. 2538 - 2555 (ปรับปรุง ปี 2557), สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
- ↑ 17.0 17.1 17.2 ภาวะเศรษฐกิจ สำนักงานจังหวัดนครราชสีมา สืบค้นวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555
- ↑ สรุปภาวะเศรษฐกิจการคลังจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานคลังจังหวัดนครราชสีมา
- ↑ ผลิตภัณฑ์ภาคและจังหวัด อนุกรมปัจจุบันแบบปริมาณลูกโซ่ อ้างอิงปี พ.ศ. 2545 (Chain Volume Measures; Reference Year 2002 ) พ.ศ. 2538 - 2555 (ปรับปรุง ปี 2558), สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
- ↑ ยอดเงินรับฝากและเงินให้สินเชื่อจำแนกตามจังหวัด, สถิติการเงินและการธนาคารของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย.
- ↑ สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "จำนวนประชากรและบ้าน." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.dopa.go.th/xstat/popyear.html 2555. สืบค้น 3 เมษายน 2556.
- ↑ รายชื่อสถานีรถไฟและที่หยุดรถ สายตะวันออกเฉียงเหนือ
- ↑ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1401620886
- ↑ http://volleyball.smmonline.net/news-119126-%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%8B%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99!%20%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B9%83%E0%B8%883-2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%885%20%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%8A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AA%20%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9E.html
- ↑ https://www.facebook.com/pages/Korat-Basketball-League/428454103860083
- ↑ http://www4.sat.or.th/StandardSports/structures.aspx
- Gervaise, Nicolas (originally published 1688) The Natural and Political History of the Kingdom of Siam. แปลโดย สันต์ ท.โกมลบุตร
- de La Lubere, Simon (originally published 1693) Kingdom of Siam. แปลโดย สันต์ ท.โกมลบุตร
- ภาพสแกนจากฉบับแปลภาษาอังกฤษของจดหมายเหตุลาลูแบร์ จากเว๊บไซต์ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยคอร์เนล
- McCarthy, James Fitzroy (originally published 1901) Surveying and Exploring in Siam. แปลโดย น.ท.หญิง สุมาลี วีระวงศ์
- Pallegeix, Jean-Baptiste (originally published 1854) Description du Royaume Thai ou Siam. แปลโดย สันต์ ท.โกมลบุตร
- พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
- เว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา
- ภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดนครราชสีมา
14°58′N 102°06′E / 14.97°N 102.1°E
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดนครราชสีมา
- แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแผนที่
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย