ข้ามไปเนื้อหา

กองทัพอากาศไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กองทัพอากาศไทย
ตราปีกพร้อมพระมหาพิชัยมงกุฏ
ตราราชการกองทัพอากาศ
สถาปนา2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456
(หน่วยบินกองทัพบก)
9 เมษายน พ.ศ. 2480
(กองทัพอากาศเต็มตัว)
ประเทศ ไทย
รับใช้จอมทัพไทย
รูปแบบกองทัพอากาศ
บทบาทสงครามทางอากาศ
สงครามต่อต้านอากาศยาน
กำลังรบ47,000 นาย
อากาศยาน 700 ลำ
ขึ้นต่อกองบัญชาการกองทัพไทย
กระทรวงกลาโหม
ศูนย์หลักฐานทัพอากาศดอนเมือง ถนนพหลโยธิน แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
สมญา"ทัพฟ้า"
"ทอ."
คำขวัญน่านฟ้าไทย จะมิให้ใครมาย่ำยี
สีหน่วย       น้ำเงิน
เพลงหน่วยมาร์ชกองทัพอากาศ
วันสถาปนา9 เมษายน พ.ศ. 2480
(วันกองทัพอากาศไทย)
ปฏิบัติการสำคัญ
อิสริยาภรณ์
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1[1]
ผู้บังคับบัญชา
ผบ.ทอ.พลอากาศเอก เสกสรร คันธา
รอง ผบ.ทอ.พลอากาศเอก ชัยนาท ผลกิจ
ผบ.สำคัญมุนี มหาสันทนะ เวชยันตรังสฤษฏ์
ฟื้น รณนภากาศ ฤทธาคนี
บุญชู จันทรุเบกษา
กมล เดชะตุงคะ
พะเนียง กานตรัตน์ประพันธ์ ธูปะเตมีย์
เครื่องหมายสังกัด
เครื่องหมายอากาศยาน
ธงชัยเฉลิมพล
ธงประจำกองทัพ
Aircraft flown
บ.โจมตีAlpha Jet, F-16A/B Block 15 OCU, AT-6
บ.สงครามอิเล็กทรอนิกส์Saab 340 AEW&C, Saab 340 ELINT/COMINT
บ.ขับไล่JAS-39C/D, F-16AM/BM, F-5E/F
เฮลิคอปเตอร์UH-1, Bell 412, S-92, EC725, S70i
บ.สกัดกั้นF-16 ADF
บ.ลาดตระเวนDA42 MPP, P.180 Avanti
บ.ฝึกCT/4, T-41D, PC-9, DA42, L-39, T-50TH
บ.ขนส่งC-130, BT-67, ATR-72, 737-400/800, A319/A320, A340-500, SSJ-100-95LR, AU-23

กองทัพอากาศไทย (อักษรย่อ: ทอ., อังกฤษ: Royal Thai Air Force : RTAF) เป็นกองกำลังทางอากาศของประเทศไทย เป็นเหล่าทัพหนึ่งของกองทัพไทย

ประวัติ

[แก้]

แนวความคิดที่ให้มีเครื่องบินใช้ในราชการ ได้เริ่มขึ้นในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อชาวเบลเยี่ยมชื่อ ชาร์ล ว็อง แด็ง บอร์น (Van Den Born) ได้นำเครื่องบินปีก 2 ชั้น แบบอองรี ฟาร์ม็อง 4 (Henry Farman IV) มาแสดงการบินในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ณ สนามม้าสระปทุม เพื่อเป็นการแสดงการบินสู่สายตาประชาชนชาวไทยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) จอมพล สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบกทรงเห็นความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องจัดหาอากาศยานไว้ป้องกันประเทศ จึงทรงดำริจัดตั้งกิจการการบินขึ้นเป็นแผนกหนึ่งของกองทัพบก อยู่ที่สนามราชกรีฑาสโมสร (สนามม้าสระปทุม) อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน และส่งนายทหารไปเรียนวิชาการบินที่ประเทศฝรั่งเศส จำนวน 3 นายประกอบด้วย

นายพันตรี หลวงศักดิ์ศัลยาวุธ (สุนี สุวรรณประทีป) ต่อมาเป็น พล.อ.ท.พระยาเฉลิมอากาศ นายร้อยเอก หลวงอาวุธสิขิกร (หลง สินศุข) ต่อมาเป็น นาวาอากาศเอก พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์ นายร้อยโท ทิพย์ เกตุทัต ต่อมาเป็น นาวาอากาศเอก พระยาทะยานพิฆาต ทั้งสามท่านได้เข้าเรียนที่บริษัทนีเออร์ปอร์ต (Nieuport Company) ในเดือนมกราคมปี พ.ศ. 2454

หลังจากท่านทั้งสามสำเร็จวิชาการบิน ก็ได้ซื้อเครื่องบิน 2 แบบ 8 ลำ คือ Nieuport และ Breguet แบบละ 4 ลำ โดยระยะแรกได้ใช้สนามม้าสระปทุมเป็นสนามบิน แต่ด้วยปัญหาบางประการทำให้สนามม้าสระปทุมไม่สามารถรองรับกิจการการบินที่เติบโตขึ้นได้ จอมพล สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ทรงย้ายที่ตั้งแผนกการบิน มาที่ตำบลดอนเมืองตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2457 และทรงยกฐานะ กิจการบิน เป็น"กองบินทหารบก" ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2457 ต่อมากระทรวงกลาโหมได้ยึดถือวันนี้เป็น "วันที่ระลึกกองทัพอากาศ"

หลังจากนั้นกิจการการบินได้เติบโตเรื่อยมา โดยกองบินทหารบกได้เข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2460 กับฝ่ายสัมพันธมิตร ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติภูมิ ของชาติ เป็นที่ยอมรับ และได้รับการยกย่องเป็นอันมาก และในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2461 กองบินทหารบกจึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น "กรมอากาศยานทหารบก" หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2464 กระทรวงกลาโหมได้พิจารณาเห็นว่า กำลังทางอากาศไม่ได้เป็นกำลังเฉพาะในด้านยุทธศาสตร์ทางทหารเท่านั้น แต่มีประโยชน์อย่างกว้างขวางต่อกิจการด้านอื่น ๆ อีกด้วย ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2464 จึงได้แก้ไขการเรียกชื่อจาก "กรมอากาศยานทหารบก" เป็น "กรมอากาศยาน" โดยให้อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโดยตรง และในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2478 จึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น "กรมทหารอากาศ" และวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2480 จึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น "กองทัพอากาศ" มียศและเครื่องแต่งกายเป็นของตนเอง โดยนาวาอากาศเอก พระเวชยันตรังสฤษฎ์ เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศคนแรก จึงถือเอาวันนี้เป็น "วันกองทัพอากาศ" และยกย่องถวายพระเกียรติจอมพล สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ว่าเป็น "พระบิดาแห่งกองทัพอากาศไทย" และยกย่องนายทหาร 3 ท่าน ที่ไปเรียนวิชาการบินรุ่นแรกว่าเป็น "บุพการีทหารอากาศ"

กองทัพอากาศได้สร้างวีรกรรมและยุทธเวหาไว้มากมาย โดยเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามอินโดจีน สามารถสร้างความพรั่นพรึงให้กับอริราชศัตรูของชาติได้อย่างมาก

ปัจจุบัน กองทัพอากาศมีกำลังทางอากาศทั้งสิ้น 12 กองบิน กับ 1โรงเรียนการบิน โดยมีอากาศยานรวมเกือบ 320 ลำ

ต่อมาในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 พลอากาศโทประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศได้แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพว่ากองทัพอากาศได้เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น กองทัพอากาศและอวกาศ โดยในเบื้องต้นเตรียมจัดตั้งศูนย์ประสานงานการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศขึ้นในวันที่ 1 เมษายน 2568 ในเวลาเดียวกันก็จะทำการปรับโครงสร้างของกองทัพอากาศโดยการเสนอร่างพระราชบัญญัติ 2 ฉบับคือร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... เพื่อเปลี่ยนชื่อเป็นกองทัพอากาศและอวกาศ และร่างพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศ พ.ศ. .... เพื่อจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศ หรือ ศรชอ. เช่นเดียวกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล. ของกองทัพเรือ ให้สภากลาโหมเห็นชอบก่อนจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไปโดยจะเสร็จสมบูรณ์ในราวปี 2571[2]

ภารกิจ

[แก้]

กองทัพอากาศมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพอากาศ การป้องกันราชอาณาจักร และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังกองทัพอากาศตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม มีผู้บัญชาการทหารอากาศเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ

ส่วนราชการในสังกัดกองทัพอากาศ

[แก้]

กองบัญชาการกองทัพอากาศ

[แก้]
  • แผนกสนับสนุนกองบัญชาการกองทัพอากาศ
  • ศูนย์อำนวยการเครื่องบินพระราชพาหนะ
  • ศูนย์อำนวยการเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ
  • ศูนย์การสงครามทางอากาศ
  • สำนักงานพัฒนาระบบราชการกองทัพอากาศ

ส่วนบัญชาการ

[แก้]
Regimental colours guard of Thai air cadet, RTAF, in full dress (royal Guard)
RTAF Roundel 1942-1945[3]
ฮ.UH-1H สาธิต CSAR ในปี 2555 ที่ดอนเมือง
เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง Bell 412 และ Sikorsky S92 บิน ในปี 2555
L-39ZA/ART, Alphajet, F-16A และ AU-23A ในงานวันเด็กแห่งชาติ 2550
Saab JAS 39 กริพเพน ของกองทัพอากาศไทย

ส่วนกำลังรบ

[แก้]

หมายเหตุ
(*) = ฐานบินปฏิบัติการส่วนหน้า ไม่มีอากาศยานบรรจุถาวร
(**) = ฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนามและสนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศ
(***) = ฝูงบินอิสระปฏิบัติภารกิจพิเศษและหน่วยบินเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ
(****)กำลังจะมีอากาศยานประจำการหรือเป็นฐานต่อระยะทำการ

ส่วนส่งกำลังบำรุง

[แก้]

ส่วนการศึกษา

[แก้]

ส่วนกิจการพิเศษ

[แก้]
  • ศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศกองทัพอากาศ
  • กรมสวัสดิการทหารอากาศ
  • สำนักงานผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง (สน.ผบ.ดม.)
  • สถาบันเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศ

อาวุธยุทโธปกรณ์

[แก้]

ณ เดือนสิงหาคม 2568 กองทัพอากาศไทยมีเครื่องบินรบจำนวน 97 ลำ ในจำนวนนี้ราวครึ่งหนึ่งเป็น F-16 จำนวน 47 ลำ

จำนวนอากาศยาน (ก.ค. 2568)
ประเภทจำนวน
เครื่องบินรบ97 ลำ (ขับไล่ 71+โจมตี 26)
เครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์4 ลำ
เครื่องบินลาดตระเวน26 ลำ
เครื่องบินลำเลียง42 ลำ
เฮลิคอปเตอร์34 ลำ

เครื่องหมายอากาศยาน

[แก้]

สัญลักษณ์อากาศยาน

[แก้]
2462 — 2483
2488 — ปัจจุบัน
2483 — 2484 2484 — 2488

สัญลักษณ์หางอากาศยาน

[แก้]
2462 — 2484
2488 — ปัจจุบัน
2484 — 2488

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 ราชกิจจานุเบกษา. แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์. เล่ม ๙๘, ตอน ๖๖ ฉบับพิเศษ, ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๔, หน้า ๑๗.
  2. "ทอ. จ่อเปลี่ยนชื่อเป็น "กองทัพอากาศและอวกาศ" หลังจัดทำร่าง พ.ร.บ.กลาโหม". ไทยรัฐ. 19 พฤศจิกายน 2024. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2024.
  3. Japanese use of Type 45 Siamese Mauser?
  4. "สถานีรายงานหาดใหญ่กับสถานีรายงานเขาวังชิงคือที่เดียวกัน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-12. สืบค้นเมื่อ 2010-11-19.

    แหล่งข้อมูลอื่น

    [แก้]