การเลือกตั้งในประเทศไทย
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดบทความว่าด้วย |
การเมืองไทย |
---|
สถานีย่อยประเทศไทย |
การเลือกตั้งในประเทศไทย เป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้ได้มาซึ่งบุคคลเข้าไปทำหน้าที่ในการปกครองประเทศไทยทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น ในระดับชาติมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และอาจรวมถึงสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ในรัฐธรรมนูญบางฉบับ ปัจจุบันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนโดยใช้ระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดและระบบบัญชีรายชื่อ แต่การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไม่มีระบุในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคือ พ.ศ. 2560 โดยใช้ระบบการเลือกกันเองใน 3 ระดับแทน ส่วนตำแหน่งที่มาจากการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นนั้น ได้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกเมืองพัทยา นายกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และสภา
กฎหมายที่กำหนดการเลือกตั้งในประเทศไทย มีทั้งรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชกฤษฎีกาและระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในอดีตการจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ก่อนจะเปลี่ยนให้มาเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2538[1]
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
[แก้]การเลือกตั้ง จัดขึ้นภายใต้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป (universal suffrage) ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อย่างไรก็ตาม มีข้อกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอยู่บางประการ
- มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด หรือแปลงสัญชาติเป็นไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง
ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม คือ ต้องไม่เป็นพระสงฆ์ สามเณร นักพรตหรือนักบวช, ต้องไม่อยู่ในระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง, ต้องไม่ถูกคุมขังด้วยหมายของศาลหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย, ต้องไม่เป็นคนสติฟั่นเฟือน[2]
การเลือกตั้งทั่วไป
[แก้]ระบบการเลือกตั้ง
[แก้]เนื้อหาในบทความนี้ล้าสมัย โปรดปรับปรุงข้อมูลให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด ดูหน้าอภิปรายประกอบ |
ในระบบบัญชีรายชื่อ จะมีการคัดเลือกด้วยขั้นตอนดังนี้[5]
- ให้แต่ละพรรค ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครจำนวนไม่เกิน 150 คน
- บัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องประกอบด้วยรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม และต้องคำนึงถึงโอกาส สัดส่วนที่เหมาะสมและความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชาย
- รายชื่อในบัญชีต้องไม่ซ้ำกับบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองอื่นจัดทำขึ้น และไม่ซ้ำกับรายชื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
- จัดทำรายชื่อเรียงตามลำดับหมายเลข (จาก 1 ลงไป)
- หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ให้นับคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองรวมกันทั้งประเทศ แล้วหารด้วย 125 จะได้คะแนนเฉลี่ยต่อผู้แทน 1 คน
- นำคะแนนของแต่ละพรรคการเมือง หารด้วยคะแนนเฉลี่ยที่คำนวณไว้ จะได้จำนวนผู้แทนระบบบัญชีรายชื่อของพรรคนั้น
- เศษทศนิยม ให้ปัดทิ้งทั้งหมด แต่ให้เก็บข้อมูลเศษทศนิยมของแต่ละพรรคไว้ (เช่น พรรค ก ได้ 52.7 คน ปัดทิ้งเหลือ 52)
- รวมจำนวนผู้แทนของทุกพรรค หากยังได้ไม่ครบ 125 ให้กลับไปดูที่เศษทศนิยมของแต่ละพรรค พรรคใดที่มีเศษเหลือมากที่สุด ให้เพิ่มจำนวนผู้แทนจากพรรคนั้น 1 คน หากยังไม่ครบ ให้เพิ่มผู้แทนจากพรรคที่มีเศษเหลือมากเป็นอันดับสองขึ้นอีก 1 คน ทำเช่นนี้ตามลำดับจนกว่าจะได้ครบ 125 คน (เช่น พรรค ก ได้ 52.7 คน ตอนแรกได้ 52 เศษ 0.7 แต่ถ้าจำนวนผู้แทนยังไม่ครบ และไม่มีพรรคใดมีเศษมากกว่า 0.7 พรรค ก จะได้เพิ่มเป็น 53 คน)
- เมื่อได้จำนวนผู้แทนในระบบนี้ที่ลงตัวแล้ว ผู้สมัครของพรรคนั้น จากอันดับหนึ่ง ไปจนถึงอันดับเดียวกับจำนวนผู้แทนของพรรคนั้น จะได้เป็นผู้แทนราษฎร (เช่น พรรค ก ได้ 53 คน ผู้ที่มีรายชื่อตั้งแต่อันดับ 1 ถึง 53 จะได้เป็นผู้แทน)
ระบบแบ่งเขต
[แก้]เกณฑ์การแบ่งเขตเลือกตั้ง 375 เขตนั้น ตามรัฐธรรมนูญ ได้ประกาศให้มีหลักเกณฑ์ในการแบ่ง ดังต่อไปนี้[6]
- นำจำนวนราษฎรทั้งประเทศ จากทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีก่อนการเลือกตั้ง หารด้วยจำนวนผู้แทนในระบบเขต (คือ 375) จะได้อัตราส่วนของราษฎรต่อผู้แทน 1 คน
- นำจำนวนราษฎรในแต่ละจังหวัด หารด้วยอัตราส่วนที่คำนวณไว้ จะได้จำนวนเขตเลือกตั้งที่มีในจังหวัด
- จังหวัดที่ผลหารต่ำกว่า 1 เขต (เช่น 0.86 เขต) ให้ปัดขึ้นเป็น 1 เขต (ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่มีจังหวัดใดเข้าข่ายกรณีนี้)
- จังหวัดที่ผลหารมากกว่า 1 และมีเศษทศนิยม ให้ปัดเศษทิ้งทั้งหมด แต่ให้เก็บข้อมูลของเศษทศนิยมไว้ (เช่น 4.93 ปัดทิ้งเหลือ 4)
- รวมจำนวนผู้แทนของทั้ง 77 จังหวัด หากยังไม่ครบ 375 เขต ให้เพิ่มจำนวนเขตในจังหวัดที่มีเศษทศนิยมเหลือมากที่สุดขึ้นไป 1 เขต หากยังไม่ครบอีก ให้เพิ่มจำนวนเขตในจังหวัดที่มีเศษทศนิยมเหลือเป็นอันดับสองขึ้นไปอีก 1 เขต ทำเช่นนี้ไปตามลำดับ จนกว่าจะได้จำนวนครบ 375
- จังหวัดใดมีจำนวนเขตมากกว่า 1 เขต จะต้องแบ่งเขตโดยให้พื้นที่ของแต่ละเขตติดต่อกัน และแต่ละเขตต้องมีจำนวนราษฎรที่ใกล้เคียงกันด้วย (หลังจากการเลือกตั้ง ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงที่สุดในแต่ละเขต จะได้เป็นผู้แทน)
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
[แก้]การเลือกตั้ง | รูปแบบ | จำนวน ส.ส. ที่เลือกตั้ง | จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง | ผู้มาใช้สิทธิ | พรรคที่ชนะ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
จำนวน | ร้อยละ | พรรค | ที่นั่ง | คะแนน | |||||
ครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2476) |
ทางอ้อม | 78 จาก 156 | 4,278,231 | 1,773,532 | 41.45 | ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค | |||
ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2480) |
แบ่งเขตคะแนนสูงสุด | 91 จาก 182 | 6,123,239 | 2,462,535 | 40.22 | ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค | |||
ครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2481) |
แบ่งเขตคะแนนสูงสุด | 91 จาก 182 | 6,310,172 | 2,210,332 | 35.05 | ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค | |||
ครั้งที่ 4 (มกราคม พ.ศ. 2489) |
แบ่งเขตคะแนนสูงสุด | 96 จาก 192 | 6,431,827 | 2,091,827 | 32.52 | ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค | |||
เพิ่มเติม (สิงหาคม พ.ศ. 2489) |
แบ่งเขตคะแนนสูงสุด | 82 จาก 186 | 5,819,662 | 2,026,823 | 34.92 | แนวรัฐธรรมนูญ | 57 | ||
ครั้งที่ 5 (พ.ศ. 2491) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด) |
99 จาก 186 | 7,176,891 | 2,177,464 | 29.50 | ประชาธิปัตย์ | 53 | ||
เพิ่มเติม (พ.ศ. 2492) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด) |
21 จาก 207 | 3,518,276 | 870,208 | 24.27 | ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค | |||
ครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2495) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด) |
123 จาก 246 | 7,602,591 | 2,961,191 | 38.95 | ไม่มี ส.ส. คนใดสังกัดพรรค | |||
ครั้งที่ 7 (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด) |
160 จาก 283 | 9,859,039 | 5,668,666 | 57.50 | เสรีมนังคศิลา | 86 | ||
ครั้งที่ 8 (ธันวาคม พ.ศ. 2500) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด) |
160 จาก 281 | 9,917,417 | 4,370,789 | 44.07 | สหภูมิ | 44 | ||
ครั้งที่ 9 (พ.ศ. 2512) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ (รวมเขตจังหวัด) |
219 | 14,820,400 | 7,289,837 | 49.16 | สหประชาไทย | 75 | ||
ครั้งที่ 10 (พ.ศ. 2518) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 269 | 20,243,791 | 9,549,924 | 47.17 | ประชาธิปัตย์ | 72 | 17.23% | |
ครั้งที่ 11 (พ.ศ. 2519) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 279 | 20,623,430 | 9,072,629 | 43.69 | ประชาธิปัตย์ | 114 | 25.31% | |
ครั้งที่ 12 (พ.ศ. 2522) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 301 | 21,283,790 | 9,344,045 | 43.90 | กิจสังคม (ฝ่ายค้าน) |
88 | 21.26% | |
ครั้งที่ 13 (พ.ศ. 2526) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 324 | 24,224,470 | 12,295,339 | 50.76 | ชาติไทย (ฝ่ายค้าน) |
110 | 23.8% | |
ครั้งที่ 14 (พ.ศ. 2529) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 347 | 26,224,470 | 16,670,957 | 61.43 | ประชาธิปัตย์ | 100 | 22.52% | |
ครั้งที่ 15 (พ.ศ. 2531) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 357 | 26,658,638 | 16,944,931 | 63.56 | ชาติไทย | 87 | 19.29% | |
ครั้งที่ 16 (มีนาคม พ.ศ. 2535) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 360 | 31,660,156 | 19,622,322 | 59.24 | สามัคคีธรรม | 79 | 19.27% | |
ครั้งที่ 17 (กันยายน พ.ศ. 2535) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 360 | 31,660,156 | 19,622,322 | 61.59 | ประชาธิปัตย์ | 79 | 21.02% | |
ครั้งที่ 18 (พ.ศ. 2538) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 391 | 37,817,983 | 23,462,748 | 62.04 | ชาติไทย | 92 | 22.83% | |
ครั้งที่ 19 (พ.ศ. 2539) |
แบ่งเขตหลายเบอร์ | 395 | 38,564,836 | 24,040,836 | 62.42 | ความหวังใหม่ | 125 | 29.14% | |
ครั้งที่ 20 (พ.ศ. 2544) |
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ) |
500 (400+100) |
42,759,001 | 29,909,271 | 69.95 | ไทยรักไทย | 248 | 39.91% | |
ครั้งที่ 21 (พ.ศ. 2548) |
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ) |
500 (400+100) |
44,572,101 | 32,341,330 | 72.56 | ไทยรักไทย | 377 | 60.48% | |
ครั้งที่ 22 (พ.ศ. 2549) |
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ) |
500 (400+100) |
44,778,628 | 29,088,209 | 64.77 | ไทยรักไทย | 461 | 59.91% | |
การเลือกตั้งเป็นโมฆะ[a] | |||||||||
ครั้งที่ 23 (พ.ศ. 2550) |
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตหลายเบอร์+สัดส่วน) |
480 (400+80) |
44,002,593 | 32,792,246 | 74.52 | พลังประชาชน | 233 | 38.61% | |
ครั้งที่ 24 (พ.ศ. 2554) |
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ) |
500 (375+125) |
46,939,549 | 35,220,208 | 75.03 | เพื่อไทย | 265 | 47.03% | |
ครั้งที่ 25 (พ.ศ. 2557) |
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ) |
500 (375+125) |
43,024,042 | 20,531,073 | 47.72 | การเลือกตั้งเป็นโมฆะ[b] | |||
ครั้งที่ 26 (พ.ศ. 2562) |
ระบบเสียงเดียวผสม (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ) |
500 (350+150) |
51,239,638 | 38,268,375 | 74.69 | เพื่อไทย (ฝ่ายค้าน) |
136 | 21.92% | |
ครั้งที่ 27 (พ.ศ. 2566) |
ระบบคู่ขนาน (แบ่งเขตคะแนนสูงสุด+บัญชีรายชื่อ) |
500 (400+100) |
52,287,045 | 39,293,867 | 75.22 | ก้าวไกล (ฝ่ายค้าน) |
151 | 36.54% | |
ที่มา: คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ, ect.go.th |
การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
[แก้]ในรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2560 ความส่วนหนึ่งคือจะมีคณะสรรหาคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา 250 คนและจะต้องผ่านการลงมติเห็นชอบจากทางสภาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจะมีเสียงในสภาโดยมีวาระ 5 ปี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ครั้งที่ | วันที่ | วิธีการเลือกตั้ง | จำนวน ผู้สมัคร |
จำนวน ส.ว. |
ผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง |
ผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง |
ร้อยละ | จังหวัดที่มีผู้ใช้ สิทธิมากที่สุด |
ร้อยละ | จังหวัดที่มีผู้ใช้ สิทธิน้อยที่สุด |
ร้อยละ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 4 มีนาคม พ.ศ. 2543 | แบ่งเขต | - | 200 | ||||||||
2 | 19 เมษายน พ.ศ. 2549 | แบ่งเขต | 1,477 | 200 | ||||||||
3 | 2 มีนาคม พ.ศ. 2551 | รวมเขต | 505 | 76 | 44,911,254 | 24,981,247 | 55.62 | ลำพูน | 79.58 | กรุงเทพมหานคร | 40.05 | |
4 | 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 | รวมเขต | 471 | 77 | 48,786,842 | 20,873,688 | 42.79 | ลำพูน | 68.39 | ชลบุรี | 24.99 |
การเลือกตั้งท้องถิ่น
[แก้]การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
[แก้]การเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา
[แก้]การเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
[แก้]การลงประชามติ
[แก้]ในประเทศไทยมีการลงประชามติแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2550 และ การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2559 เพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างในช่วงคณะรัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เนื่องจากตุลาการรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 ว่าพรรคไทยรักไทยได้ว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กให้ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง
- ↑ การเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2557 เนื่องจากไม่สามารถจัดการเลือกตั้งในวันเดียวกันได้ทั่วราชอาณาจักร จากกรณีปิดล้อมหน่วยเลือกตั้งในหลายพื้นที่โดยกลุ่ม กปปส.
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ความเป็นมา". สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอ่างทอง. สืบค้นเมื่อ 14 May 2022.
- ↑ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เก็บถาวร 2013-05-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. คณะกรรมการการเลือกตั้ง. สืบค้น 6-7-2554.
- ↑ เดลินิวส์. "กกต.ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละจังหวัดแล้ว" [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [1] 2556. 21 ธันวาคม 2556.
- ↑ ทำความรู้จัก375เขต. เดลินิวส์. (13 พฤษภาคม 2554). สืบค้น 16-5-2554.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2011-03-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘, ตอน ๑๓ก, ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔, หน้า ๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๔ เก็บถาวร 2011-03-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๘, ตอน ๑๓ก, ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔, หน้า ๑