ภูมิภาคของประเทศไทย
| เขตการปกครอง ของประเทศไทย |
|---|
|
การปกครองส่วนภูมิภาค และการปกครองท้องที่ |
| การปกครองส่วนท้องถิ่น |
|
ภูมิภาค เป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งมีการแบ่งภูมิภาคที่แตกต่างกัน โดยมีการแบ่งอย่างเป็นทางการเป็น 6 ภูมิภาค ตามการแบ่งของคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยสภาวิจัยแห่งชาติ และยังมีการแบ่งเป็น 4 ภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับการแบ่งแบบมณฑลเทศาภิบาล
เมื่อเปรียบเทียบกับการแบ่งแบบจังหวัดของประเทศไทย การแบ่งภูมิภาคนั้นไม่ได้มีผู้บริหารเหมือนการแบ่งแบบจังหวัด แต่จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางภูมิศาสตร์ สถิติ ธรณีวิทยา อุตุนิยมวิทยา และการท่องเที่ยว
ประวัติ
[แก้]ในสมัยที่ประเทศไทยยังมีการปกครองด้วยระบบมณฑลเทศาภิบาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งหน่วยการปกครองระดับ "ภาค" ขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2458 เพื่อกำกับมณฑล โดยมี "อุปราช" เป็นผู้ปกครองภาค ต่อมาได้มีการยกเลิกระบบมณฑลเทศาภิบาลในปี พ.ศ. 2476 ทำให้จังหวัดกลายเป็นหน่วยการปกครองส่วนภูมิภาคระดับสูงสุด
การแบ่งภูมิภาค
[แก้]การแบ่งภูมิภาคในประเทศไทย มีการจำกัดความที่แตกต่างกันตามหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้
การแบ่งอย่างเป็นทางการ
[แก้]การแบ่งภูมิภาคแบบ 6 ภูมิภาค ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางภูมิศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478[1] และจัดให้เป็นการแบ่งภูมิภาคอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2520 ตามการแบ่งของคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยสภาวิจัยแห่งชาติ การแบ่งแบบนี้ประกอบไปด้วย 6 ภูมิภาค ได้แก่
มีทั้งหมด 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำปาง ลำพูน และอุตรดิตถ์
มีทั้งหมด 20 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และบึงกาฬ
มีทั้งหมด 5 จังหวัด ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร และอีก 21 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครนายก ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม
มีทั้งหมด 7 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
มีทั้งหมด 14 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต พัทลุง ตรัง ปัตตานี สงขลา สตูล นราธิวาส และยะลา
การแบ่งแบบสี่ภูมิภาค
[แก้]การแบ่งภูมิภาคแบบ 4 ภูมิภาค ใช้ในบางบริบทในการบริหารและสถิติ และยังเป็นการแบ่งกลุ่มวัฒนธรรมแบบกว้าง ๆ โดยจัดให้ภาคตะวันตกและภาคตะวันออกรวมอยู่ในภาคกลาง ในขณะที่จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี อยู่ในภาคเหนือ การแบ่งแบบนี้ใช้กันมากในโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อพูดถึงสภาพอากาศหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระดับภูมิภาค
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
[แก้]การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้แบ่งภูมิภาคออกเป็น 5 ภูมิภาค เพื่อวัตถุประสงค์ทางการท่องเที่ยว[2] ได้แก่
การแบ่งตามการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีการแบ่งภาคเหนือกับภาคกลางเหมือนกันกับการแบ่งแบบสี่ภูมิภาค และมีการแบ่งภาคตะวันออกกับภาคกลางเหมือนกันกับการแบ่งแบบหกภูมิภาค
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
[แก้]คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แบ่งประเทศไทยออกเป็น 6 ภาค มีขอบเขตของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้เหมือนกับภูมิภาคทาง ภูมิศาสตร์ แต่ขอบเขตของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตกแตกต่างไปจากภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ ดังนี้[3]
|
กรมอุตุนิยมวิทยา
[แก้]กรมอุตุนิยมวิทยาได้แบ่งภูมิภาคออกเป็น 7 ภูมิภาค เพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตุนิยมวิทยา[4] แตกต่างจากการแบ่งแบบ 4 ภาค คือ มีการแยกภาคตะวันออกออกจากภาคกลาง ภาคใต้จะแบ่งเป็นภาคใต้ฝั่งตะวันตกและภาคใต้ฝั่งตะวันออก จังหวัดนครสวรรค์กับจังหวัดอุทัยธานีจัดให้อยู่ในภาคกลาง และจังหวัดเพชรบุรีกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จัดให้อยู่ในภาคใต้ฝั่งตะวันออก
|
กรมทางหลวง
[แก้]กรมทางหลวง แบ่งประเทศไทยออกเป็น 4 ภาค ตามลำดับหมายเลขทางหลวง ได้แก่
|
รหัสโทรศัพท์พื้นฐาน
[แก้]รหัสไปรษณีย์
[แก้]กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้แบ่งประเทศไทยออกเป็น 9 ภาค ตามระบบรหัสไปรษณีย์
การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน พ.ศ. 2550
[แก้]แบ่งโดยใช้จำนวนประชากรในกลุ่มแบ่งออกเป็น 8 กลุ่มโดยให้มีจำนวนประชากรใกล้เคียงกัน และในแต่ละกลุ่มจะต้องมีพื้นที่ต่อเนื่องกันเป็นผืนเดียว ใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 เพียงครั้งเดียว
|
กิจการลูกเสือ
[แก้]
|
กีฬาแห่งชาติ (พ.ศ. 2515-2541)
[แก้]กีฬาแห่งชาติ (ชื่อเดิม กีฬาเขตแห่งประเทศไทย) มีรูปแบบการแบ่งเขตที่เคยใช้มายาวนานที่สุด คือตั้งแต่ครั้งที่ 6 ในปี พ.ศ. 2515 จนถึงครั้งที่ 31 ในปี พ.ศ. 2541 ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการแข่งขันระหว่างจังหวัด
| ชื่อเขต | บริเวณ | จำนวนจังหวัด | รายชื่อจังหวัด |
|---|---|---|---|
| เขต 1 | ภาคกลางตอนล่าง | 8 จังหวัด | ชัยนาท ปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สมุทรปราการ |
| เขต 2 | ภาคตะวันออก | 8 จังหวัด | จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก ตราด ปราจีนบุรี ระยอง |
| เขต 3 | ภาคอีสานตอนล่าง | 7 จังหวัด | ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี |
| เขต 4 | ภาคอีสานตอนบน | 10 จังหวัด | กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร หนองคาย อุดรธานี |
| เขต 5 | ภาคเหนือตอนบน | 8 จังหวัด | เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน |
| เขต 6 | ภาคเหนือตอนล่าง | 9 จังหวัด | กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี สุโขทัย |
| เขต 7 | ภาคตะวันตก | 8 จังหวัด | กาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม |
| เขต 8 | ภาคใต้ตอนบน | 7 จังหวัด | กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี |
| เขต 9 | ภาคใต้ตอนล่าง | 7 จังหวัด | ตรัง นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สตูล สงขลา |
| เขต 10 | กรุงเทพมหานคร | 1 จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
การเปรียบเทียบ
[แก้]| จังหวัด | 6 ภูมิภาค (ภูมิศาสตร์) | 4 ภูมิภาค (การเมือง) | 6 ภูมิภาค (อุตุนิยมวิทยา) | 5 ภูมิภาค (การท่องเที่ยว) |
|---|---|---|---|---|
| อำนาจเจริญ, บึงกาฬ, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ, กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, เลย, มหาสารคาม, มุกดาหาร, นครพนม, นครราชสีมา, หนองบัวลำภู, หนองคาย, ร้อยเอ็ด, สกลนคร, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อุบลราชธานี, อุดรธานี, ยโสธร | ตะวันออกเฉียงเหนือ | ตะวันออกเฉียงเหนือ | ตะวันออกเฉียงเหนือ | ตะวันออกเฉียงเหนือ |
| เชียงใหม่, เชียงราย, ลำปาง, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, น่าน, พะเยา, แพร่, อุตรดิตถ์ | เหนือ | เหนือ | เหนือ | เหนือ |
| ตาก | ตะวันตก | |||
| สุโขทัย, พิษณุโลก, พิจิตร, กำแพงเพชร, เพชรบูรณ์ | กลาง | |||
| นครสวรรค์ | กลาง | |||
| อุทัยธานี,อ่างทอง, ชัยนาท, พระนครศรีอยุธยา, กรุงเทพมหานคร, ลพบุรี, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม, สระบุรี, สิงห์บุรี, สุพรรณบุรี | กลาง | กลาง | ||
| นครนายก | ตะวันออก | |||
| ฉะเชิงเทรา, จันทบุรี, ชลบุรี, ปราจีนบุรี, ระยอง, สระแก้ว, ตราด | ตะวันออก | ตะวันออก | ||
| กาญจนบุรี, ราชบุรี | ตะวันตก | กลาง | กลาง | |
| เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ | ใต้ฝั่งตะวันออก/ใต้ฝั่งอ่าวไทย | |||
| ชุมพร, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, สงขลา, สุราษฎร์ธานี, ยะลา | ใต้ | ใต้ | ใต้ | |
| กระบี่, พังงา, ภูเก็ต, ระนอง, สตูล, ตรัง | ใต้ฝั่งตะวันตก/ใต้ฝั่งอันดามัน |
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Mundus. Wissenschaftliche Verlagsgesellschaft. 1981. p. 65. สืบค้นเมื่อ 17 January 2012.
- ↑ "Thailand travel guide, destinations and maps". TAT website. Tourism Authority of Thailand. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-25. สืบค้นเมื่อ 7 December 2013.
- ↑ "การแบ่งภูมิภาคในประเทศไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-31. สืบค้นเมื่อ 2020-05-18.
- ↑ "สภาพอากาศประเทศไทย". TMD website. Thai Meteorological Department. สืบค้นเมื่อ 25 January 2012.







