ข้ามไปเนื้อหา

ภูมิภาคของประเทศไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ภูมิภาค เป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งมีการแบ่งภูมิภาคที่แตกต่างกัน โดยมีการแบ่งอย่างเป็นทางการเป็น 6 ภูมิภาค ตามการแบ่งของคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยสภาวิจัยแห่งชาติ และยังมีการแบ่งเป็น 4 ภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับการแบ่งแบบมณฑลเทศาภิบาล

เมื่อเปรียบเทียบกับการแบ่งแบบจังหวัดของประเทศไทย การแบ่งภูมิภาคนั้นไม่ได้มีผู้บริหารเหมือนการแบ่งแบบจังหวัด แต่จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางภูมิศาสตร์ สถิติ ธรณีวิทยา อุตุนิยมวิทยา และการท่องเที่ยว

ประวัติ

[แก้]

ในสมัยที่ประเทศไทยยังมีการปกครองด้วยระบบมณฑลเทศาภิบาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งหน่วยการปกครองระดับ "ภาค" ขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2458 เพื่อกำกับมณฑล โดยมี "อุปราช" เป็นผู้ปกครองภาค ต่อมาได้มีการยกเลิกระบบมณฑลเทศาภิบาลในปี พ.ศ. 2476 ทำให้จังหวัดกลายเป็นหน่วยการปกครองส่วนภูมิภาคระดับสูงสุด

การแบ่งภูมิภาค

[แก้]
การแบ่งแบบ 6 ภูมิภาค
การแบ่งแบบ 4 ภูมิภาค

การแบ่งภูมิภาคในประเทศไทย มีการจำกัดความที่แตกต่างกันตามหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้

การแบ่งอย่างเป็นทางการ

[แก้]

การแบ่งภูมิภาคแบบ 6 ภูมิภาค ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางภูมิศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478[1] และจัดให้เป็นการแบ่งภูมิภาคอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2520 ตามการแบ่งของคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยสภาวิจัยแห่งชาติ การแบ่งแบบนี้ประกอบไปด้วย 6 ภูมิภาค ได้แก่

มีทั้งหมด 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำปาง ลำพูน และอุตรดิตถ์

มีทั้งหมด 20 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และบึงกาฬ

มีทั้งหมด 5 จังหวัด ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์

ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร และอีก 21 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครนายก ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม

มีทั้งหมด 7 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

มีทั้งหมด 14 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต พัทลุง ตรัง ปัตตานี สงขลา สตูล นราธิวาส และยะลา

การแบ่งแบบสี่ภูมิภาค

[แก้]

การแบ่งภูมิภาคแบบ 4 ภูมิภาค ใช้ในบางบริบทในการบริหารและสถิติ และยังเป็นการแบ่งกลุ่มวัฒนธรรมแบบกว้าง ๆ โดยจัดให้ภาคตะวันตกและภาคตะวันออกรวมอยู่ในภาคกลาง ในขณะที่จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี อยู่ในภาคเหนือ การแบ่งแบบนี้ใช้กันมากในโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อพูดถึงสภาพอากาศหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระดับภูมิภาค

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

[แก้]

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้แบ่งภูมิภาคออกเป็น 5 ภูมิภาค เพื่อวัตถุประสงค์ทางการท่องเที่ยว[2] ได้แก่

การแบ่งตามการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีการแบ่งภาคเหนือกับภาคกลางเหมือนกันกับการแบ่งแบบสี่ภูมิภาค และมีการแบ่งภาคตะวันออกกับภาคกลางเหมือนกันกับการแบ่งแบบหกภูมิภาค

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

[แก้]

คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แบ่งประเทศไทยออกเป็น 6 ภาค มีขอบเขตของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้เหมือนกับภูมิภาคทาง ภูมิศาสตร์ แต่ขอบเขตของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตกแตกต่างไปจากภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ ดังนี้[3]

การแบ่งภูมิภาคประเทศไทยตามคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
การแบ่งภูมิภาคประเทศไทยตามคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
  ภาคเหนือ
มี 17 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดแพร่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดอุทัยธานี
  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประกอบด้วย 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือทางภูมิศาสตร์ เช่นเดียวกับราชบัณฑิตยสถาน
  ภาคกลาง
มีกรุงเทพมหานครและอีก 8 จังหวัด คือ ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดอ่างทอง
  ภาคตะวันออก
มี 9 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสระแก้ว
  ภาคตะวันตก
มี 8 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสุพรรณบุรี
  ภาคใต้
มี 14 จังหวัด ประกอบด้วย 14 จังหวัดปักษ์ใต้ทั้งหมด โดยนับจากจังหวัดชุมพรลงไปจนถึงนราธิวาส เช่นเดียวกับราชบัณฑิตยสถาน

กรมอุตุนิยมวิทยา

[แก้]

กรมอุตุนิยมวิทยาได้แบ่งภูมิภาคออกเป็น 7 ภูมิภาค เพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตุนิยมวิทยา[4] แตกต่างจากการแบ่งแบบ 4 ภาค คือ มีการแยกภาคตะวันออกออกจากภาคกลาง ภาคใต้จะแบ่งเป็นภาคใต้ฝั่งตะวันตกและภาคใต้ฝั่งตะวันออก จังหวัดนครสวรรค์กับจังหวัดอุทัยธานีจัดให้อยู่ในภาคกลาง และจังหวัดเพชรบุรีกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จัดให้อยู่ในภาคใต้ฝั่งตะวันออก

การแบ่งภูมิภาคประเทศไทยตามกรมอุตุนิยมวิทยา
การแบ่งภูมิภาคประเทศไทยตามกรมอุตุนิยมวิทยา
  ภาคเหนือ
มี 15 จังหวัด ประกอบด้วย 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน กับอีก 6 จังหวัดคือ จังหวัดกำแพงเพชร ตาก พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และสุโขทัย
  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประกอบด้วย 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือทางภูมิศาสตร์ เช่นเดียวกับราชบัณฑิตยสถาน
  ภาคกลาง
มี 12 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดกาญจนบุรี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา นครนายก นครสวรรค์ ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง และอุทัยธานี
  ภาคตะวันออกรวมทั้งชายฝั่ง
มี 7 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ระยอง และสระแก้ว
  ภาคใต้ฝั่งตะวันออก
มี 10 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
  ภาคใต้ฝั่งตะวันตก
มี 6 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
  กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ประกอบด้วยกรุงเทพมหานครและอีก 6 จังหวัด คือ จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร

กรมทางหลวง

[แก้]

กรมทางหลวง แบ่งประเทศไทยออกเป็น 4 ภาค ตามลำดับหมายเลขทางหลวง ได้แก่

การแบ่งภูมิภาคประเทศไทยตามกรมทางหลวง
การแบ่งภูมิภาคประเทศไทยตามกรมทางหลวง
  ภาคเหนือ
มี 15 จังหวัด ประกอบด้วย 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนกับอีก 6 จังหวัดคือ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ และพิจิตร
  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มี 21 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเพชรบูรณ์กับ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือในทางภูมิศาสตร์
  ภาคกลาง
มี 27 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
  ภาคใต้
มี 14 จังหวัด ประกอบด้วย 14 จังหวัดปักษ์ใต้ทั้งหมด โดยนับจากจังหวัดชุมพรลงไปจนถึงนราธิวาส เช่นเดียวกับราชบัณฑิตยสถาน

รหัสโทรศัพท์พื้นฐาน

[แก้]
  02 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และบางส่วนของอำเภอพุทธมณฑล อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน (จังหวัดนครปฐม) และอำเภอกระทุ่มแบน (จังหวัดสมุทรสาคร) ใช้รหัส 02 (ที่ว่าการอำเภอของแต่ละอำเภอใช้ 034)
  03x ภาคกลาง
มี 21 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ใช้รหัสขึ้นต้นด้วย 03 ยกเว้นบางส่วนของอำเภอพุทธมณฑล อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน (จังหวัดนครปฐม) และอำเภอกระทุ่มแบน (จังหวัดสมุทรสาคร) ใช้รหัส 02
032 - ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และราชบุรี
034 - กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และนครปฐม
035 - พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และอ่างทอง
036 - สระบุรี สิงห์บุรี และลพบุรี
037 - นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว
038 - ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
039 - จันทบุรี และตราด
  04x ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประกอบด้วย 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือทางภูมิศาสตร์ เช่นเดียวกับราชบัณฑิตยสถาน
042 - อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร
043 - ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์
044 - นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์
045 - ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ
  05x ภาคเหนือ
มี 18 จังหวัด ประกอบด้วย 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน กับอีก 9 จังหวัดคือ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์ อุทัยธานี และชัยนาท
053 - เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และแม่ฮ่องสอน
054 - ลำปาง แพร่ น่าน และพะเยา
055 - พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร
056 - นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์ อุทัยธานี และชัยนาท
  07x ภาคใต้
ประกอบด้วย 14 จังหวัดปักษ์ใต้ทั้งหมด โดยนับจากจังหวัดชุมพรลงไปจนถึงนราธิวาส เช่นเดียวกับราชบัณฑิตยสถาน
073 - นราธิวาส ปัตตานี และยะลา
074 - สงขลา พัทลุง และสตูล
075 - นครศรีธรรมราช ตรัง และกระบี่
076 - ภูเก็ต และพังงา
077 - สุราษฎร์ธานี ชุมพร และระนอง

รหัสไปรษณีย์

[แก้]

กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้แบ่งประเทศไทยออกเป็น 9 ภาค ตามระบบรหัสไปรษณีย์

การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน พ.ศ. 2550

[แก้]

แบ่งโดยใช้จำนวนประชากรในกลุ่มแบ่งออกเป็น 8 กลุ่มโดยให้มีจำนวนประชากรใกล้เคียงกัน และในแต่ละกลุ่มจะต้องมีพื้นที่ต่อเนื่องกันเป็นผืนเดียว ใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 เพียงครั้งเดียว

กิจการลูกเสือ

[แก้]

กีฬาแห่งชาติ (พ.ศ. 2515-2541)

[แก้]

กีฬาแห่งชาติ (ชื่อเดิม กีฬาเขตแห่งประเทศไทย) มีรูปแบบการแบ่งเขตที่เคยใช้มายาวนานที่สุด คือตั้งแต่ครั้งที่ 6 ในปี พ.ศ. 2515 จนถึงครั้งที่ 31 ในปี พ.ศ. 2541 ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการแข่งขันระหว่างจังหวัด

ชื่อเขตบริเวณจำนวนจังหวัดรายชื่อจังหวัด
เขต 1ภาคกลางตอนล่าง8 จังหวัดชัยนาท ปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สมุทรปราการ
เขต 2ภาคตะวันออก8 จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก ตราด ปราจีนบุรี ระยอง
เขต 3ภาคอีสานตอนล่าง7 จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี
เขต 4ภาคอีสานตอนบน10 จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร หนองคาย อุดรธานี
เขต 5ภาคเหนือตอนบน8 จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน
เขต 6ภาคเหนือตอนล่าง9 จังหวัดกำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี สุโขทัย
เขต 7ภาคตะวันตก8 จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม
เขต 8ภาคใต้ตอนบน7 จังหวัดกระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี
เขต 9ภาคใต้ตอนล่าง7 จังหวัดตรัง นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สตูล สงขลา
เขต 10กรุงเทพมหานคร1 จังหวัดกรุงเทพมหานคร

การเปรียบเทียบ

[แก้]
จังหวัด6 ภูมิภาค (ภูมิศาสตร์)4 ภูมิภาค (การเมือง)6 ภูมิภาค (อุตุนิยมวิทยา)5 ภูมิภาค (การท่องเที่ยว)
อำนาจเจริญ, บึงกาฬ, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ, กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, เลย, มหาสารคาม, มุกดาหาร, นครพนม, นครราชสีมา, หนองบัวลำภู, หนองคาย, ร้อยเอ็ด, สกลนคร, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อุบลราชธานี, อุดรธานี, ยโสธร ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ
เชียงใหม่, เชียงราย, ลำปาง, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, น่าน, พะเยา, แพร่, อุตรดิตถ์ เหนือ เหนือ เหนือ เหนือ
ตาก ตะวันตก
สุโขทัย, พิษณุโลก, พิจิตร, กำแพงเพชร, เพชรบูรณ์ กลาง
นครสวรรค์ กลาง
อุทัยธานี,อ่างทอง, ชัยนาท, พระนครศรีอยุธยา, กรุงเทพมหานคร, ลพบุรี, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม, สระบุรี, สิงห์บุรี, สุพรรณบุรี กลาง กลาง
นครนายก ตะวันออก
ฉะเชิงเทรา, จันทบุรี, ชลบุรี, ปราจีนบุรี, ระยอง, สระแก้ว, ตราด ตะวันออก ตะวันออก
กาญจนบุรี, ราชบุรี ตะวันตก กลาง กลาง
เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ ใต้ฝั่งตะวันออก/ใต้ฝั่งอ่าวไทย
ชุมพร, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, สงขลา, สุราษฎร์ธานี, ยะลา ใต้ ใต้ ใต้
กระบี่, พังงา, ภูเก็ต, ระนอง, สตูล, ตรัง ใต้ฝั่งตะวันตก/ใต้ฝั่งอันดามัน

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Mundus. Wissenschaftliche Verlagsgesellschaft. 1981. p. 65. สืบค้นเมื่อ 17 January 2012.
  2. "Thailand travel guide, destinations and maps". TAT website. Tourism Authority of Thailand. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-25. สืบค้นเมื่อ 7 December 2013.
  3. "การแบ่งภูมิภาคในประเทศไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-31. สืบค้นเมื่อ 2020-05-18.
  4. "สภาพอากาศประเทศไทย". TMD website. Thai Meteorological Department. สืบค้นเมื่อ 25 January 2012.