ชายแดนพม่า–ไทย
ชายแดนพม่า–ไทย | |
---|---|
จุดชมวิวฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ จ.เชียงราย ชายแดนไทย-พม่า | |
ข้อมูลจำเพาะ | |
พรมแดนระหว่าง | พม่า ไทย |
ความยาว | 2,401–2,416 กิโลเมตร |
ประวัติ | |
มีผลตั้งแต่ | 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2411 การเข้าปกครองพม่าของอังกฤษ |
พรมแดนปัจจุบัน | พ.ศ. 2534 |
สนธิสัญญา | • อนุสัญญาสยาม-อังกฤษ พ.ศ. 2411 • สนธิสัญญาสยาม-อังกฤษ พ.ศ. 2426 • พิธีสาร พ.ศ. 2437 • หนังสือความตกลงว่าด้วย เขตแดนระหว่างพม่า (เชียงตุง) กับสยาม พ.ศ. 2474 • หนังสือแลกเปลี่ยน พ.ศ. 2477 • บันทึกความเข้าใจ พ.ศ. 2534 |
ชายแดนพม่า–ไทย เป็นพรมแดนระหว่างประเทศ ซึ่งมีทั้งทั้งบนบก และทางทะเล มีความยาวประมาณ 2,401[a] – 2,416[b] กิโลเมตร โดยประเทศไทยอยู่ทางทิศใต้และทิศตะวันออกของเส้นเขตแดน ส่วนประเทศพม่าอยู่ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกของเส้นเขตแดน
จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับพรมแดนพม่าประกอบไปด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง
ความเป็นมา
[แก้]ในอดีตนั้นประเทศไทยและประเทศพม่ามีอาณาเขตที่ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากยังไม่มีการกำหนดเส้นเขตแดนตามรูปแบบสมัยใหม่ จึงมีการกำหนดเขตแดนกันในรูปแบบของการต่อสู้ระหว่างอาณาจักรเพื่อครอบครองพื้นที่ดินแดนต่าง ๆ บนเขตแดนไทยและพม่าในปัจจุบัน จนกระทั้งการเข้ามาของประเทศอังกฤษซึ่งเป็นประเทศที่ต้องการดินแดนอาณานิคมต่อจากอินเดียในปี พ.ศ. 2367[1] ทำให้พม่าเกิดสงครามติดพันกับอังกฤษ สงครามและการแย่งชิงดินแดนระหว่างไทยกับพม่าจึงยุติไปโดยปริยาย
ในปี พ.ศ. 2411 หลังจากที่อังกฤษเข้าปกครองประเทศพม่า อังกฤษได้ลงนามในอนุสัญญาสยาม - อังกฤษ กำหนดแนวเขตแดนระหว่างกันตั้งแต่สบเมย คือแม่น้ำเมยไหลลงแม่น้ำสาละวิน ลงไปจนถึงปากแม่น้ำกระบุรีที่จรดทะเลอันดามัน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2411 กำหนดเป็นหลักเขตที่ทำจากกองหินหรือบากรอยบนต้นไม้ใหญ่ไว้เป็นหลักสังเกต[1]
สำหรับเส้นเขตแดนเหนือตั้งแต่สบเมยขึ้นไป แต่เดิมอังกฤษได้เคยทำหนังสือสัญญาเมื่อปี พ.ศ. 2377 กับเจ้าเมืองเชียงใหม่ และได้ปักปันเขตแดนตามลำน้ำสาละวินเมื่อปี พ.ศ. 2392 แต่หนังสือสัญญาดังกล่าวไม่ได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาลไทยขณะนั้น จึงได้มีการทำอนุสัญญาฉบับใหม่ขึ้นมา เรียกกันว่า สัญญาเชียงใหม่ หรือหนังสือสัญญากัลกัตตา[2] เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2417 เพื่อยอมรับระหว่างไทยกับอังกฤษว่าแม่น้ำสาละวินเป็นเขตแดนระหว่างกัน[2] และมีการทำอนุสัญญาอีกครั้งฉบับที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2426 โดยข้อตกลงยังคงเหมือนเดิม คือแม่น้ำสาละวินเป็นเส้นเขตแดน[1]
หลังจากนั้นอังกฤษได้มีกรณีพิพาทและอ้างสิทธิ์เหนือเมืองฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน เพื่อเก็บผลประโยชน์ในส่วนของภาษีและทรัพยากรป่าไม้ ในช่วงปี พ.ศ. 2428 - 2438[1]
หลังจากนั้นทั้งสองประเทศได้จัดส่งคณะข้าหลวงออกไปสำรวจเส้นเขตแดน ซึ่งอังกฤษได้สั่งการให้รองกงสุลอังกฤษประจำเชียงใหม่นำคณะออกไปสำรวจพื้นที่เมื่อปี พ.ศ. 2433 และได้เสนอรายงานพร้อมแผนที่แนวเขตแดนต่อรัฐบาลออังกฤษเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2434 โดยฝ่ายไทยได้ส่งคณะข้าหลวงออกไปสำรวจในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับอังกฤษ และอังกฤษได้เสนอเส้นเขตแดนดังกล่าวให้กับรัฐบาลไทย (สยาม) ผ่านกงสุลอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ขั้นแรกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ[1] เสนาบดีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไม่เห็นด้วย จึงแจ้งให้ราชทูตไทยประจำลอนดอนเจรจาเรื่องดังกล่าวกับรัฐบาลอังกฤษ
ต่อมาได้มีการเจรจากับรัฐบาลอังกฤษอินเดีย และมีการเจรจาอีกครั้งที่กรุงเทพฯ ในที่สุดจึงตกลงกันได้ โดยฝ่ายอังกฤษยอมยกเมืองเชียงแขงหรือเมืองสิงห์ และหัวเมืองฝั่งตะวันตกของเมืองเชียงแสนให้ฝ่ายไทย และมีการปักปันเขตแดน ประกอบด้วยหลักเขตแดนจำนวน 12 หลัก และทำแผนที่แนบไว้ 1 ชุด โดยลงนามในปฏิญญา (พิธีสาสฉบับ)[3] เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2437[1]
จากนั้นเมื่ออังกฤษเข้าปกครองประเทศพม่า และฝรั่งเศสเข้าปกครองอินโดจีนสำเร็จ ทั้งสองประเทศจึงยอมให้ประเทศไทย (สยามในขณะนั้น) เป็นรัฐเอกราช ที่มีสถานะเป็นรัฐกันชนระหว่างดินแดนอาณานิคมทั้งสองประเทศ ในปฏิญญาอังกฤษ–ฝรั่งเศส (Anglo-French Declaration 1896) ในปี พ.ศ. 2439[4]
เมื่อเวลาผ่านไป ได้เกิดปัญหาอุทกภัยขึ้นในปี พ.ศ. 2472 ในภาคเหนือ ทำให้เส้นทางน้ำเปลี่ยนทิศทาง และเกิดเกาะแก่งต่าง ๆ จึงได้มีการเรียกเพื่อหารือกันระหว่างสองประเทศ คือข้าหลวงเมืองเชียงรายและกงสุลอังกฤษประจำเมืองเชียงตุง ในวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2474 และได้มีการเสนอให้เปลี่ยนเส้นเขตแดน จากกึ่งกลางลำน้ำให้เป็นร่องน้ำลึกของลำน้ำ และได้ทำหนังสือแลกเปลี่ยนกันเพื่อรับหลักการดังกล่าว ฉบับวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2474[1] และ 14 มีนาคม พ.ศ. 2475[1] ชื่อว่าหนังสือความตกลงว่าด้วย เขตแดนระหว่างพม่า (เชียงตุง) กับสยาม[2] ซึ่งนอกจากนี้ได้ใช้ร่องน้ำลึกเป็นเส้นเขตแดนขยายไปถึงแม่น้ำปากจั่นในปี พ.ศ. 2477[1] และแม่น้ำรวกในปี พ.ศ. 2483[1][2] เช่นกัน
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยได้ผนวกดินแดนของพม่าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย คือสหรัฐไทยเดิม ในปี พ.ศ. 2485 ตามข้อตกลงกับประเทศญี่ปุ่น โดยไทยจะต้องยกกำลังเข้าไปโจมตีคืนมาเองจากประเทศอังกฤษ ซึ่งกองทัพอังกฤษได้ถอยทัพและมอบให้กองทัพจีนรักษาการณ์[5] ก่อนต้องคืนดินแดนดังกล่าวให้กับสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2489 หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ ตามความตกลงสมบูรณ์แบบ
ในปี พ.ศ. 2534 ได้มีการทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลพม่าเกี่ยวกับแนวเขตแดนช่วงแม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก[6] เพื่อกำหนดแนวเส้นเขตแดนตามร่องน้ำลึกให้มีความเข้าใจตรงกัน เนื่องจากการเปลี่ยนทิศทางที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด โดยกำหนดเป็นเขตแดนคงที่ตามการสำรวจร่วมกันเมื่อปี พ.ศ. 2531 แม้แม่น้ำจะเปลี่ยนทิศทางอย่างไรก็ตาม ก็ให้ถือตามแนวเส้นนี้ ซึ่งลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2534[1]
แนวพรมแดน
[แก้]แนวพรมแดนพม่า–ไทยตามที่ได้มีการทำหนังสือสัญญาขึ้นระหว่างสยาม (ไทย) กับอังกฤษ[2] และตามข้อตกลงอื่น ๆ ประกอบไปด้วย
- เริ่มต้นจากสามเหลี่ยมทองคำในจังหวัดเชียงราย ลากตามร่องน้ำลึกของแม่น้ำรวกและแม่น้ำสายไปทางตะวันตก ในจังหวัดเชียงราย ความยาว 59 กิโลเมตร
- ต่อเนื่องด้วยสันปันน้ำของทิวเขาแดนลาว ทิวเขาถนนธงชัยเหนือ ทิวเขาถนนธงชัยตะวันตก ในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ความยาว 632 กิโลเมตร
- จากนั้นเป็นเส้นแนวยาวตามแม่น้ำสาละวิน ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ความยาว 127 กิโลเมตร
- ต่อเนื่องด้วยแม่น้ำเมย ความยาว 345 กิโลเมตร แนวสองฝั่งของห้วยวาเลย์ ความยาว 44 กิโลเมตร ในจังหวัดตาก
- แนวสันปันน้ำของทิวเขาถนนธงชัยกลาง ความยาว 127 กิโลเมตร และแนวเส้นตรง ความยาว 63 กิโลเมตร ในพื้นที่จังหวัดตาก และกาญจนบุรี
- สันปันน้ำของเทือกเขาตะนาวศรี ความยาว 865 กิโลเมตร ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง
- แนวร่องน้ำลึกของคลองกระ และแม่น้ำกระบุรี ในจังหวัดระนอง ความยาว 139 กิโลเมตร บรรจบทะเลอันดามันในจังหวัดระนอง
- ต่อเนื่องไปยังพรมแดนทางทะเลเหนือทะเลอันดามัน ซึ่งกำหนดโดยขอตกลงในการกำหนดเขตไหล่ทวีป ไปบรรจบกับจุดสามจุดที่มีพรมแดนของประเทศไทย ประเทศพม่า และประเทศอินเดียซึ่งควบคุมพื้นที่หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์[7]
เขตการปกครองที่ติดพรมแดน
[แก้]พม่า | ไทย |
---|---|
ประเทศลาว | |
รัฐฉาน | เชียงราย |
เชียงใหม่ | |
แม่ฮ่องสอน | |
รัฐกะยา | |
รัฐกะเหรี่ยง | |
ตาก | |
กาญจนบุรี | |
รัฐมอญ | |
ภาคตะนาวศรี | |
ราชบุรี | |
เพชรบุรี | |
ประจวบคีรีขันธ์ | |
ชุมพร | |
ระนอง | |
ทะเลอันดามัน |
จุดผ่านแดน
[แก้]จุดผ่านแดนถาวร
[แก้]ประเทศไทยและประเทศพม่ามีจุดผ่านแดนถาวรจำนวน 6 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบไปด้วย
ลำดับ | ประเทศไทย | ประเทศพม่า | หมายเหตุ | |||
---|---|---|---|---|---|---|
ถนน | จุดผ่านแดน | ถนน | จุดผ่านแดน | เวลาทำการ[8] | ||
1 | ถนนพหลโยธิน | จุดผ่านแดนถาวรแม่สาย, จังหวัดเชียงราย | 4 | จังหวัดท่าขี้เหล็ก, รัฐฉาน | 06.30 - 21.00 | ใช้สะพานมิตรภาพแม่น้ำสายในการผ่านแดนข้ามแม่น้ำสาย |
2 | ทล.123 | จุดผ่านแดนถาวรแม่สาย 2, จังหวัดเชียงราย | 06.30 - 18.30 | ใช้สะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ในการผ่านแดนข้ามแม่น้ำสาย | ||
3 | ทล.12 | จุดผ่านแดนถาวรบ้านริมเมย, จังหวัดตาก | จังหวัดเมียวดี, รัฐกะเหรี่ยง | 05.30 - 20.30 | ใช้สะพานมิตรภาพไทย-พม่าในการผ่านแดนข้ามแม่น้ำเมย | |
4 | ทล.130 | จุดผ่านแดนถาวรแม่สอด 2, จังหวัดตาก | 06.30 - 18.30 | ใช้สะพานมิตรภาพไทย-พม่า 2 ในการผ่านแดนข้ามแม่น้ำเมย | ||
5 | ทล.3229 | จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน, จังหวัดกาญจนบุรี | บ้านที่คี่, จังหวัดทวาย, เขตตะนาวศรี | 06.00 - 20.00 | ||
6 | ถนนเพชรเกษม
|
จุดผ่านแดนถาวรระนอง - เกาะสอง จำนวน 4 ช่องทาง[9] คือ
|
จังหวัดเกาะสอง, เขตตะนาวศรี | 06.30 - 24.00 | เรือข้ามฟากระหว่างประเทศ ประกอบไปด้วยจุดตรวจที่อยู่บริเวณท่าเรือ 4 แห่งในฝั่งไทย |
จุดผ่านแดนชั่วคราว
[แก้]ประเทศไทยและประเทศพม่ามีจุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะต่าง ๆ อาทิ การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่จะใช้เป็นจุดผ่านแดนในอนาคต การค้าและการท่องเที่ยว ปัจจุบันมีจุดผ่านแดนชั่วคราว 1 แห่งเปิดทำการ เป็นจุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
จุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
[แก้]ลำดับ | ประเทศไทย | ประเทศพม่า | หมายเหตุ | |
---|---|---|---|---|
พื้นที่จุดผ่านแดน | พื้นที่จุดผ่านแดน | เวลาทำการ | ||
1 | ด่านพระเจดีย์สามองค์, อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี | อำเภอพญาตองซู จังหวัดกอกาเล็ก รัฐกะเหรี่ยง เขตตะนาวศรี | 08.30 - 18.00 | ผ่อนผันให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าออกได้เฉพาะเพื่อการท่องเที่ยว |
จุดผ่อนปรนการค้า
[แก้]จุดผ่อนปรนการค้า เป็นจุดผ่อนปรนที่ได้มีการประกาศโดยกระทรวงมหาดไทยเพื่ออนุญาตให้ทำการค้าขายระหว่างประเทศได้ ปัจจุบันมีอยู่ 13 แห่ง[8] ในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบไปด้วย
ลำดับ | ประเทศไทย | ประเทศพม่า | หมายเหตุ | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จังหวัด | จุดผ่านแดน | จังหวัด | จุดผ่านแดน | เวลาทำการ[8] | ||
1 | เชียงราย | จุดผ่อนปรนบ้านปางห้า | ท่าขี้เหล็ก, รัฐฉาน | เมืองท่าขี้เหล็ก | 06.00 - 18.00 | |
2 | จุดผ่อนปรนบ้านสายลมจอย | |||||
3 | จุดผ่อนปรนบ้านเกาะทราย | |||||
4 | จุดผ่อนปรนท่าดินดำ | บ้านดินดำ | ||||
5 | จุดผ่อนปรนบ้านสบรวก | บ้านเมืองพง | ||||
6 | เชียงใหม่ | จุดผ่อนปรนช่องทางกิ่วผาวอก | เมืองสาด, รัฐฉาน | ปิดทำการด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง[8][10] | ||
7 | จุดผ่อนปรนช่องทางหลักแต่ง | เมืองเต๊าะ, รัฐฉาน | ||||
8 | แม่ฮ่องสอน | จุดผ่อนปรนช่องทางบ้านห้วยต้นนุ่น | ลอยเก่อ, รัฐกะยา | บ้านน้ำมาง อำเภอแม่แจ๊ะ | [11] | |
9 | จุดผ่อนปรนช่องทางบ้านห้วยผึ้ง | รัฐฉาน | บ้านหัวเมือง บ้านนามน | |||
10 | จุดผ่อนปรนช่องทางบ้านเสาหิน | รัฐกะยา | บ้านห้วยทราย | |||
11 | จุดผ่อนปรนบ้านสามแลบ | ผาปูน, รัฐกะเหรี่ยง | ||||
12 | จุดผ่อนปรนบ้านน้ำเพียงดิน | รัฐกะยา | อำเภอบ้านใหม่ | 08.00 - 16.00 | ||
13 | ระนอง | จุดผ่อนปรนบ้านเขาฝาชี | เกาะสอง, เขตตะนาวศรี | ตำบลเจ็ดไมล์ อำเภอมะลิวัลย์ |
จุดผ่อนปรนพิเศษ
[แก้]จุดผ่อนปรนพิเศษ เป็นจุดผ่อนปรนที่ปัจจุบันยังไม่มีศักยภาพที่จะยกขึ้นเป็นจุดผ่านแดนถาวร แต่มีการประเมินร่วมกันของรัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่าว่าสามารถเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ในอนาคต จึงเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษขึ้นมาก่อนเพื่อไม่ให้เสียโอกาส[12] ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ต้องครบถ้วนเหมือนการเปิดจุดผ่านแดนถาวร แต่สูงกว่าจุดผ่อนปรนการค้า ปัจจุบันมีเพียง 1 แห่ง
ลำดับ | ประเทศไทย | ประเทศพม่า | หมายเหตุ | |
---|---|---|---|---|
พื้นที่จุดผ่านแดน | พื้นที่จุดผ่านแดน | เวลาทำการ | ||
1 | ด่านสิงขร, บ้านไร่เครา ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | บ้านมุด่อง เมืองมะริด เขตตะนาวศรี | 06.30 - 18.30 |
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ ตัวเลขจากกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ
- ↑ ข้อมูลจาก The World Factbook ของสำนักข่าวกรองกลาง รัฐบาลกลางสหรัฐ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 กระทรวงการต่างประเทศ (2019-11-02). "ความเป็นมาของ การแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-พม่า". ศิลปวัฒนธรรม.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 "เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน - สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ". www.saranukromthai.or.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-12-08. สืบค้นเมื่อ 2022-07-14.
- ↑ appsthailand. "ข้อมูลเขตแดน - กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ". treaties.mfa.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-05-19. สืบค้นเมื่อ 2022-07-14.
- ↑ Bass (2022-02-26). "ข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์ของอังกฤษและฝรั่งเศส ให้ "สยาม" เป็น "รัฐกันชน"". ศิลปวัฒนธรรม.
- ↑ "ลุยโคลนไปยึดเชียงตุง สถาปนาเป็น "สหรัฐไทยเดิม"! ชิงดินแดนที่เสียไปในสมัย ร.๔-ร.๕ คืนมาได้ครบ!!". mgronline.com. 2017-08-09.
- ↑ "พิจารณาให้ความเห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหภาพพม่าเกี่ยวกับเขตแดนที่ช่วงแม่น้ำสาย - แม่น้ำรวก". คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัต.
- ↑ "India–Thailand Maritime Boundary". Sovereign Limits.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 "ข้อมูลช่องทางผ่านแดนและความตกลงเรื่องการสัญจรข้ามแดน - ตารางจุดผ่านแดนทั่วประเทศ 7 พ.ย. 2562 (ด้านเมียนมา)" (PDF). www.fad.moi.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-07-14. สืบค้นเมื่อ 2022-07-14.
- ↑ "ด่านศุลกากรระนอง - Ranong Customs House". ranong.customs.go.th.
- ↑ "เวียงแหงขอเปิดช่องหลักแต่งฟื้นศก.ชายแดน". คมชัดลึกออนไลน์. 2011-03-07.
- ↑ "การค้าชายแดน". www.maehongson.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-06-26. สืบค้นเมื่อ 2022-07-14.
- ↑ "border trade service center > เกี่ยวกับเรา > นิยาม การค้าชายแดน/ผ่านแดน". www.dft.go.th.