วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร | |
---|---|
วัดที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองการเปลี่ยนแปลงสู่ระบอบประชาธิปไตย | |
ชื่อสามัญ | วัดพระศรีมหาธาตุ |
ที่ตั้ง | ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 |
ประเภท | พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร |
นิกาย | ธรรมยุติกนิกาย |
พระประธาน | พระศรีสัมพุทธมุนี |
พระพุทธรูปสำคัญ | พระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย |
เจ้าอาวาส | พระพรหมมุนี (บุญเรือง ปุญฺญโชโต) |
เวลาทำการ | ทุกวัน 8.00 - 20.00 น. |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
วัดพระศรีมหาธาตุ ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นสำนักสงฆ์เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2484 และเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2485[1] สร้างในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยได้เสนอคณะรัฐมนตรีให้สร้างวัดขึ้นบริเวณใกล้เคียงกับอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นอนุสรณ์การปกครองระบอบประชาธิปไตย และกำหนดให้แล้วเสร็จทันวันชาติ คือวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2484 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้สร้างวัดขึ้นโดยให้ชื่อว่า วัดประชาธิปไตย ระหว่างการก่อสร้างพลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (ขณะมียศเป็นนาวาเอก หลวงธำรงค์นาวาสวัสดิ์) ได้เดินทางไปขอพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย รวมทั้งกิ่งพระศรีมหาโพธิ 5 กิ่ง จากต้นที่สืบเนื่องมาจากต้นที่พระโคตมพุทธเจ้าเสด็จประทับ และตรัสรู้ พร้อมดินจากสังเวชนียสถานคือสถานที่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่แสดงปฐมเทศนา และที่ปรินิพพาน รัฐบาลได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ กิ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์และดินดังกล่าวมาประดิษฐานที่วัดซึ่งกำลังสร้างนี้ ได้มีการตั้งนามวัดว่า วัดพระศรีมหาธาตุ และถวายเป็นเสนาสนะเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2485
วัดพระศรีมหาธาตุมีถาวรวัตถุที่สำคัญ คือ พระเจดีย์ศรีมหาธาตุซึ่งภายในมีเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและที่ผนังมีช่องบรรจุอัฐิของผู้ทำประโยชน์แก่ประเทศซึ่งรัฐบาลและสภาผู้แทนเห็นสมควร และยังมีพระศรีสัมพุทธมุนี เป็นพระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางมารวิชัยซึ่งเดิมประดิษฐานที่วังหน้า
นอกจากนี้ในพื้นที่วัด ยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีมหาธาตุ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ด้วย
ประวัติ
[แก้]วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เริ่มสร้างเมื่อปี พุทธศักราช 2483 ที่ริมถนนพหลโยธิน ตรงหลักกิโลเมตรที่ 18 แขวงอนุสาวรีย์ (เดิมชื่อตำบลกูบแดง) เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เปิดเป็นเสนาสนะแห่งพระภิกษุสงฆ์ เป็นรัฐพิธี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2485 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรวรมหาวิหาร เป็นประธาน เชิญพระพุทธสิหิงค์ จากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ไปประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถ
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2483 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นดำรงยศ และบรรดาศักดิ์ เป็นพลตรี หลวงพิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ขออนุมัติเงินเพื่อสร้างวัด เพื่อให้เป็นอนุสรณ์แก่การปกครองระบอบประชาธิปไตย และประสงค์จะให้แล้วเสร็จทันงานวันชาติ คือ 24 มิถุนายน 2484 สถานที่ที่จะสร้างนั้นควรอยู่ใกล้กับอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ โดยท่านมีเหตุผลว่าชาติกับศาสนานั้นเป็นของคู่กัน จะแยกจากกันมิได้ และหลักธรรมของพระพุทธศาสนานั้นสอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงสมควรสร้างวัดขึ้นใกล้กับอนุสาวรีย์หลักสี่ ซึ่งอนุสาวรีย์แห่งนี้ได้จารึกชื่อผู้ที่เสียชีวิตเนื่องจากการปราบกบฏบวรเดชเมื่อปี พ.ศ. 2476 และประสงค์จะให้ชื่อว่า "วัดประชาธิปไตย"
ในขณะที่กำลังดำเนินการพิจารณาอยู่นั้น เกิดศุภนิมิตรอันประเสริฐโดยที่รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ส่งคณะทูตพิเศษ อันมี พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (ต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรี) ซึ่งขณะนั้นดำรงยศและบรรดาศักดิ์เป็นนาวาเอกหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นหัวหน้าไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศอินเดีย (ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง อินเดียยังไม่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ) คณะทูตได้ติดต่อขอดังนี้
- พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- ขอกิ่งพระศรีมหาโพธิ์ 5 กิ่ง จากต้นที่สืบเนื่องมาแต่เดิม ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จประทับ ได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ พุทธคยาประเทศอินเดีย
- ขอดินจากสังเวชนียสถาน 4 แห่งคือ จากที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน
รัฐบาลอินเดียได้พิจารณาเห็นว่า ประชาชนที่เลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนานั้นมีมาก แพร่หลายอยู่ในหลายประเทศ แต่มีประเทศเดียวเท่านั้นในโลกนี้ (พ.ศ. 2484) ที่พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาทางราชการเป็นศาสนาประจำชาติ[ต้องการอ้างอิง] เป็นประเทศเอกราช มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศและทรงเป็นอัครพุทธศาสนูปถัมภก "ประเทศนั้นคือ" ประเทศไทย ดังนั้นรัฐบาลอินเดียจึงพิจารณามอบให้ คือ
- พระบรมสารีริกธาตุที่ขุดพบค้นพบ ณ มหาสถูปธรรมราชิกะ และเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
- มอบกิ่งพระศรีมหาโพธิ์ให้ตามที่รัฐบาลไทยเสนอขอ 5 กิ่ง
- และมอบดินจากสังเวชนียสถานให้ตามความประสงค์
รัฐบาลไทยจึงตกลงที่จะอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ วัดที่สร้างใหม่นี้ และเห็นว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์ และพระบรมสารีริกธาตุเป็นมหาสิริมงคลแก่วัดที่จะสร้างใหม่ ซึ่งได้รับมาในโอกาสเดียวกันกับที่จะสร้างวัดพอดี จึงตกลงตั้งนามวัดว่า "วัดพระศรีมหาธาตุ"
การสร้างวัดจึงได้เริ่มต้นขึ้น และรัฐบาลพิจารณาเห็นว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ การสร้างวัดนี้ควรเป็นงานของชาติ ประชาชนควรได้มีส่วนร่วมด้วย รัฐบาลจึงเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการบริจาคทรัพย์ จึงมีประชาชนจำนวนมากมหาศาล ที่บริจาคที่ดิน บริจาคเงิน บริจาคทรัพย์สมบัติต่าง ๆ เป็นอันมาก โดยที่วัดนี้จะเป็นการสร้างวัดอย่างเป็นทางการวัดแรก ในระบอบประชาธิปไตยและยังประสงค์จะให้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระศรีมหาโพธิ์อีกด้วย ดังนั้นเพื่อเชิดชูพระพุทธศาสนา และรักษาศิลปของไทย รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ร่วมมือกันสร้าง ในขั้นต้นได้มอบให้พลเอกจรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ขณะนั้นดำรงยศและบรรดาศักดิ์เป็น พันเอก หลวงเสรีเริงฤทธิ์ และอีกท่านหนึ่งคือพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ) เป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง พระพรหมพิจิตร (อู๋ ลาภานนท์) เป็นผู้ออกแบบ นายช่างกรมศิลปากรและกรมรถไฟ เป็นนายช่างก่อสร้าง และเชิญผู้มีเกียรติที่มีความรู้ทางเทคนิค เฉพาะทางอีกหลายท่านมาร่วมด้วยจนสำเร็จ กระทำพิธีเปิดและถวายเป็นเสนาสนะแห่งภิกษุสงฆ์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2485
พื้นที่
[แก้]ที่ดินของวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รวมเนื้อที่ทั้งหมด 246 ไร่ 2 งาน 26 ตารางวา ด้านหน้าติดถนน พหลโยธิน แบ่งออกเป็นที่ตั้งวัด 83 ไร่เศษ และที่ธรณีสงฆ์เหลือจากที่ตั้งวัดอีก 163 ไร่เศษ ได้รับอนุญาตให้สร้างเป็นที่สำนักสงฆ์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2484 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2484
พระอุโบสถ
[แก้]พระอุโบสถเป็นแบบพระที่นั่งจตุรมุข ต่อจากมุขด้านเหนือและใต้เป็นวิหารคตล้อมตัวอุโบสถอยู่อีกชั้นหนึ่ง ด้านหลังเป็นศาลาการเปรียญ ตรงหน้าพระอุโบสถเป็นที่ตั้งพระมหาเจดีย์ สูง 38 เมตร มีนามว่าพระเจดีย์ศรีมหาธาตุ ได้มีพระราชพิธียกฉัตรยอดเจดีย์ เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2484 พระมหาเจดีย์นี้เป็น 2 ชั้น ชั้นนอกเป็นเจดีย์ใหญ่ ชั้นในเป็นเจดีย์องค์เล็กอยู่ตรงกลาง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ในระหว่างผนังด้านในของเจดีย์องค์ใหญ่กับองค์เล็กมีเนื้อที่กว้าง 2 เมตรครึ่ง เป็นทางเดินได้รอบ มีประตูเข้าออก 4 ด้าน สำหรับให้ประชาชนเข้าไปนมัสการ ผนังด้านในของพระเจดีย์องค์ใหญ่ได้ทำเป็นช่องไว้ 112 ช่อง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2484 ให้ใช้สำหรับบรรจุอัฐิผู้ที่รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นสมควร กล่าวคือผู้ที่ทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ประเทศชาติ เช่นเดียวกับของฝรั่งเศส ตรงหน้าพระเจดีย์ออกไปทั้ง 2 ข้าง ด้านตะวันออกทำเป็นเกาะรูปกลมมีน้ำล้อมรอบ สำหรับเป็นที่ประดิษฐานต้นพระศรีมหาโพธิ์ กิ่งพระศรีมหาโพธิ์นั้นทางรัฐบาลอินเดียมอบให้มา 5 กิ่ง จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานประกอบพิธีปลูกไว้ ณ เกาะกลมนั้น ตรงที่สุดของคูทั้งสอง 2 ข้าง ทางทิศตะวันออก เกาะละต้น เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2484 และกิ่งที่เหลือนำไปปลูก ณ วัดในภาคต่าง ๆ
ลำดับเจ้าอาวาส
[แก้]วัดพระศรีมหาธาตุ มีลำดับเจ้าอาวาสดังนี้[2]
ลำดับที่ | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ |
1 | สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) | พ.ศ. 2485 | พ.ศ. 2499 |
2 | สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) | พ.ศ. 2500 | พ.ศ. 2517 |
3 | พระเทพสุเมธี (แสวง วิมโล) | พ.ศ. 2518 | พ.ศ. 2521 |
4 | พระเทพรัตนดิลก (สมัย ปภสฺสโร) | พ.ศ. 2522 | พ.ศ. 2539 |
5 | พระพรหมมุนี (บุญเรือง ปุญฺญโชโต) | พ.ศ. 2539 | ปัจจุบัน |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงธรรมการ เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดให้วัดพระศรีมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก, เล่ม 58, ตอน 0 ง, 7 กรกฎาคม 2484, หน้า 2154
- ↑ คณะศิษยานุศิษย์ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร. ที่ระลึก วันบุรพาจารย์ "๔๔". กรุงเทพฯ : [ม.ป.พ.], 2544. 112 หน้า. หน้า 7, 11, 25, 29.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]หนังสือและบทความ
[แก้]- ชาตรี ประกิตนนทการ. “วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน: วัดสัญลักษณ์ประชาธิปไตยยุคคณะราษฎร.” ใน ศิลปะ-สถาปัตยกรรมคณะราษฎร สัญลักษณ์ทางการเมืองในเชิงอุดมการณ์. พิมพ์ครั้งที่ 2. หน้า 195–217. กรุงเทพฯ: มติชน, 2563.
- วิศรุต บวงสรวง. “‘พระพุทธสิหิงค์รัชกาลที่ 1’ กับการเมืองไทยสมัยคณะราษฎร ทศวรรษ 2470–90.” ศิลปวัฒนธรรม 41, 2 (ธันวาคม 2562): 66–83.
เว็บไซต์
[แก้]- วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร (ทำเนียบวัดไทย)
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
13°52′27″N 100°35′35″E / 13.874288°N 100.592923°E