เขตการปกครองของประเทศไทย แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ การปกครองส่วนกลาง การปกครองส่วนภูมิภาค และการปกครองส่วนท้องถิ่น
การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]
การปกครองส่วนภูมิภาคของประเทศไทย ประกอบไปด้วย จังหวัด ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 76 จังหวัด ไม่รวมกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก่อนหน้าปี พ.ศ. 2515 กรุงเทพมหานครเคยเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองส่วนภูมิภาค แต่ละจังหวัดนั้นมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าปกครอง
แต่ละจังหวัดแบ่งออกเป็น อำเภอ[1] ปัจจุบันประเทศไทยมี 878 อำเภอ มีระดับเทียบเท่ากับเขต มีนายอำเภอเป็นหัวหน้าปกครอง[2] แต่ละจังหวัดมีอำเภอเมือง เช่น อำเภอเมืองของจังหวัดเชียงใหม่ คือ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ยกเว้นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีชื่อจังหวัดและชื่ออำเภอเมืองเหมือนกัน แต่ละอำเภอสามารถแบ่งออกได้เป็น ตำบล ซึ่งมีระดับเทียบเท่ากับแขวง ในกรุงเทพมหานคร แต่ละตำบลสามารถแบ่งออกเป็น หมู่บ้าน ซึ่งเป็นเขตการปกครองหน่วยเล็กที่สุด
การปกครองส่วนท้องถิ่น[แก้]
ประเทศไทยมีรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่น 2 รูปแบบหลักคือ
- การปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบทั่วไป เป็นรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
- การปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ มีระบบการบริหารจัดการที่ต่างจากรูปแบบทั่วไป ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา
เขตการปกครองอย่างไม่เป็นทางการ[แก้]
กรุงเทพมหานครและอีก 5 จังหวัดซึ่งอยู่ติดกัน หรือที่เรียกว่าปริมณฑล มักเรียกรวมกันว่าเป็น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องจากเขตเมืองของกรุงเทพมหานคร ขยายตัวมาถึงพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
การแบ่งภูมิภาคในประเทศไทย มีการจำกัดความที่แตกต่างกัน โดยการแบ่งอย่างเป็นทางการของราชบัณฑิตยสถานและคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยสภาวิจัยแห่งชาติ ได้แบ่งภูมิภาคของไทยออกเป็น 6 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้
การแบ่งแบบอื่น[แก้]
กลุ่มจังหวัด[แก้]
เป็นการจัดตั้งกลุ่มจังหวัดในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการบริหารงานแบบบูรณาการ โดยริเริ่มจัดตั้งโดยการกำหนดจังหวัดต้นแบบการบริหารงานแบบบูรณาการ (CEO) ในสมัยรัฐบาลของ ทักษิณ ชินวัตร ปัจจุบันประเทศไทยแบ่งกลุ่มจังหวัดออกเป็น 18 กลุ่มจังหวัด
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ[แก้]
กรมอุตุนิยมวิทยา[แก้]
กรมทางหลวง[แก้]
รหัสโทรศัพท์พื้นฐาน[แก้]
รหัสไปรษณีย์[แก้]
กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้แบ่งประเทศไทยออกเป็น 9 ภาค ตามระบบรหัสไปรษณีย์
การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน[แก้]
|
แบ่งโดยใช้จำนวนประชากรในกลุ่มแบ่งออกเป็น 8 กลุ่มโดยให้มีจำนวนประชากรใกล้เคียงกันและ ในแต่ละกลุ่มจะต้องมีพื้นที่ต่อเนื่องกันเป็นผืนเดียว
- ██ กลุ่มที่ 1
- มีจำนวน 11 จังหวัด ประชากรรวม 7,615,610 คน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร
- ██ กลุ่มที่ 2
- มีจำนวน 9 จังหวัด ประชากรรวม 7,897,563 คน ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร ชัยภูมิ ขอนแก่น ลพบุรี นครสวรรค์ และอุทัยธานี
- ██ กลุ่มที่ 3
- มีจำนวน 10 จังหวัด ประชากรรวม 7,959,163 คน ได้แก่ จังหวัดหนองคาย อุดรธานี เลย นครพนม สกลนคร หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม และอำนาจเจริญ
- ██ กลุ่มที่ 4
- มีจำนวน 6 จังหวัด ประชากรรวม 7,992,434 คน ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์
|
- ██ กลุ่มที่ 5
- มีจำนวน 10 จังหวัด ประชากรรวม 7,818,710 คน ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และปทุมธานี
- ██ กลุ่มที่ 6
- มีจำนวน 3 จังหวัด ประชากรรวม 7,802,639 คน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ
- ██ กลุ่มที่ 7
- มีจำนวน 15 จังหวัด ประชากรรวม 7,800,965 คน ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม
- ██ กลุ่มที่ 8
- มีจำนวน 12 จังหวัด ประชากรรวม 7,941,622 คน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พังงา นครศรีธรรมราช กระบี่ ภูเก็ต ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และยะลา
|
|
กิจการลูกเสือ[แก้]
เขตการปกครองในอดีต[แก้]
แผนที่มณฑลเทศาภิบาล พ.ศ. 2458 โดยมีเส้นแบ่งจังหวัดในปัจจุบันประกอบ
นับตั้งแต่ราว พ.ศ. 2458 มาจนถึง พ.ศ. 2475 ประเทศไทยเคยมีเขตการปกครองซึ่งเรียกว่า มณฑลเทศาภิบาล โดยมีพื้นที่หน่วยใหญ่กว่ามณฑล เรียกว่าบริเวณ จังหวัดแรก ๆ ของไทย เคยถูกเรียกว่าเมือง โดยพัฒนามาจากนครรัฐในประวัติศาสตร์ มีทั้งเมืองซึ่งเป็นอิสระจากกรุงเทพมหานคร (หรือที่กลายมาเป็นจังหวัดในปัจจุบัน) เช่นเดียวกับเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองดูแลของเมืองใกล้เคียงที่มีอำนาจเหนือกว่า หรือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบรรณาการกึ่งเอกราช ในปี พ.ศ. 2449 เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงคำว่า "เมือง" ไปเป็น "จังหวัด" ก่อนที่จะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459[5] หลังจากการยกเลิกมณฑล เขตการปกครองใหม่ที่ใช้แทนเรียกว่า ภาค ในระยะแรกนั้น ประเทศไทยแบ่งออกเป็น 4 ภาค โดยมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเป็น 9 ภาค เมื่อปี พ.ศ. 2494 แต่การแบ่งเขตการปกครองแบบนี้ ก็ยกเลิกไปในปี พ.ศ. 2499
สำหรับเทศบาล เคยมีชื่อเรียกว่าสุขาภิบาล ซึ่งส่วนใหญ่มีหน้าที่เกี่ยวกับงานด้านสุขาภิบาล เช่น การกำจัดของเสีย สุขาภิบาลก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2451[6] และได้ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลทั้งหมดเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542[7] ส่วนกิ่งอำเภอ ถือเป็นอำเภอประเภทพิเศษ ซึ่งบางส่วนยังคงเป็นส่วนหนึ่งของอีกอำเภอหนึ่ง โดยปกติแล้วกิ่งอำเภอซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่มักจะพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นอำเภออย่างสมบูรณ์ภายในเวลาไม่กี่ปี โดยเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 กิ่งอำเภอซึ่งมีอยู่ 81 แห่งก็ได้ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอโดยสมบูรณ์ แม้ว่ากิ่งอำเภอหลายแห่งจะยังมีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์ของอำเภออย่างสมบูรณ์ในขณะนั้นก็ตาม
อ้างอิง[แก้]