ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มหาวิทยาลัยแม่โจ้"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 87: | บรรทัด 87: | ||
|- |
|- |
||
| valign = "top" | 3. |
| valign = "top" | 3. |
||
| valign = "top" | [[อาจารย์จรัด สุนทรศิล]] |
| valign = "top" | [[อาจารย์ จรัด สุนทรศิล]] |
||
| valign = "top" | รักษาการ 2481 - 2482 |
| valign = "top" | รักษาการ 2481 - 2482 |
||
|- |
|- |
||
บรรทัด 95: | บรรทัด 95: | ||
|- |
|- |
||
| valign = "top" | 5. |
| valign = "top" | 5. |
||
| valign = "top" | [[อาจารย์ประเทือง ประทีปเสน]] |
| valign = "top" | [[อาจารย์ ประเทือง ประทีปเสน]] |
||
| valign = "top" | 2484 - 2486 |
| valign = "top" | 2484 - 2486 |
||
|- |
|- |
||
| valign = "top" | 6. |
| valign = "top" | 6. |
||
| valign = "top" | [[อาจารย์ไสว ชูติวัตร]] |
| valign = "top" | [[อาจารย์ ไสว ชูติวัตร]] |
||
| valign = "top" | 2495 - 2497 |
| valign = "top" | 2495 - 2497 |
||
|- |
|- |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:33, 17 กรกฎาคม 2556
ไฟล์:มหาวิทยาลัยแม่โจ้ edit.png | |
ชื่อย่อ | มมจ. / MJU |
---|---|
คติพจน์ | งานหนักไม่เคยฆ่าคน เลิศน้ำใจ วินัยดี เชิดชู ประเพณี สามัคคี อาวุโส |
ประเภท | สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ |
สถาปนา | 7 มิถุนายน พ.ศ. 2477 - ก่อตั้ง "โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม" 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 - สถาปนาขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยแม่โจ้" |
อธิการบดี | ผศ.ดร.จำเนียร ยศราช |
อธิการบดี | ผศ.ดร.จำเนียร ยศราช |
นายกสภาฯ | ดร.อำนวย ยศสุข |
ที่ตั้ง | มหาวิทยาลัยแม่โจ้เชียงใหม่ ถนนเชียงใหม่-พร้าว ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ วิทยาเขตแพร่ เฉลิมพระเกียรติ ตำบลผาจุก อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ |
เว็บไซต์ | www.mju.ac.th |
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (อังกฤษ: Maejo University) ได้รับการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัยมาเป็นระยะเวลา 16 ปี พัฒนามาจาก โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ กระทรวงธรรมการ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2477 เป็นสถานศึกษาขั้นสูงสุดทางการเกษตรของประเทศในสมัยนั้น ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยแม่โจ้" เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539
ประวัติ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้พัฒนามาจาก โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ (ปัจจุบัน คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่) ซึ่งได้ทำการขยายพื้นที่การศึกษาไปยังบ้านแม่โจ้ ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ (ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในปัจจุบัน) หลังจากนั้นก็ยกฐานะจากโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมที่บ้านแม่โจ้ก่อตั้งเป็น โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ กระทรวงธรรมการ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2477 เป็นสถานศึกษาขั้นสูงสุดทางการเกษตรของประเทศในสมัยนั้น ซึ่งมีประวัติที่เล่าขานและเป็นตำนานที่บอกกล่าวมายาวนานถึงเรื่องราวการบุกเบิกพื้นที่ และการต่อสู้กับงานหนัก เพื่อให้ความรู้ สติปัญญา ฝึกทักษะ อาชีพ และหล่อหลอมความทรหดอดทนของผู้เรียน เพื่อให้บรรลุผลของงานที่ทำ ท่ามกลางภยันตรายที่รุมล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นไข้ป่า ความกันดารของสภาพพื้นที่ที่เป็นป่า ขาดแคลนน้ำและดินเลว สภาพที่อยู่ที่กิน และห้องเรียนทีสร้างจากใบตองตึงพื้นเป็นดิน ซึ่งหากไม่มีหัวใจของนักต่อสู้งานหนัก จิตใจที่ตั้งมั่นและอดทนแล้ว คงมิอาจฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ดังกล่าวไปได้เลย สมดังปรัชญาของลูกแม่โจ้ "งานหนักไม่เคยฆ่าคน" (Hard Work Never Kills Anyone)
ยุคสร้าง "แม่โจ้"
- พ.ศ. 2477 จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) รัฐมนตรีกระทรวงธรรมการ ได้มีบัญชาให้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือที่แม่โจ้ ให้อำมาตย์โท พระช่วงเกษตรศิลปการ เป็นอาจารย์ใหญ่คนแรก ควบคู่กับสถานีทดลองกสิกรรมภาคพายัพ โดยจัดแบ่งพื้นที่คนละครั้งกับสถานีทดลองซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือ พื้นที่โรงเรียนอยู่ทางทิศใต้ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 900 ไร่เศษ สภาพพื้นที่ยังเป็นป่าตองตึงและไม้เหียงซึ่งเป็นไม้ขนาดย่อมส่วนไม้ป่าอื่น ๆ เช่น สัก ประดู่และตะเคียน มีอยู่เพียงประปรายเท่านั้น เหตุผลเพราะดินชั้นล่างเป็นดินดานแข็งโดยทั่วไป ระบบรากต้นไม้ไม่อาจหยั่งลึกได้ ส่วนดินชั้นบนก็เป็นดินทราย ขาดความอุดมสมบูรณ์สำหรับการปลูกพืชทั่ว ๆ ไป สภาพพื้นที่อย่างนี้จึงไม่มีใครต้องการจะทำประโยชน์อะไรแต่กลับเป็นเหตุผลจูงใจสำคัญยิ่ง ที่พระช่วงฯ ต้องการจะทำประโยชน์ในพื้นที่อย่างนี้ ท่านเล็งให้เห็นว่าการจะพัฒนาการเกษตร ให้เป็นแบบอย่างสำหรับเกษตรกรทั่วไปได้นั้น สิ่งหนึ่งที่จะทำคือ ต้องนำเอาความรู้มาสาธิตแสดงให้ประจักษ์ต่อบุคคลทั่วไป ได้เห็นว่าการปรับปรุงดินเลวให้สามารถใช้ปลูกพืชโดยจัดระบบปุ๋ยพืชสด การใช้ปุ๋ยหมักต่าง ๆ ในพื้นที่เกษตร ไม่ว่าจะเป็นพืชไร่ นา สวนไม้ผล แปลงปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์และระบบการหมุนเวียนใช้ประโยชน์ของพื้นที่นั้น จะสามารถทำการเกษตรได้ทุกอย่าง
การที่ต้องเปิดโรงเรียนตามนโยบายของกระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการ) อย่างเร่งด่วนในปีนี้นั้นสภาพสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่นห้องเรียน เรือนนอน โรงอาหารและบ้านพักครู จึงต้องจัดสร้างขึ้นอย่างลำลองชั่วคราว โดยใช้เสาไม้ หลังคาและฝาใช้ใบตองตึง พื้นเป็นดิน ห้องเรียนมีเฉพาะหลังคาไว้กันแดดและฝนเท่านั้น โต๊ะเรียนและม้านั่งก็ใช้ไม้กระดาน 2 แผ่นตอกยึดไว้ นั่งได้ 3 คน สร้างเรียงเป็นแถวไว้เนื่องจากมีนักเรียนเพียง 48 คนในปีแรก เป็นนักเรียนในบำรุง 37 คน และนอกบำรุง 11 คน (นักเรียนในบำรุง คือ นักเรียนที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภาคส่งเข้าเรียนโดยรัฐออกค่าใช้จ่ายค่าอาหารให้เดือนละ 15 บาท ส่วนประเภทนอกบำรุงคือ ผู้ที่สมัครมาเรียนเอง หรือเรียนด้วยทุนส่วนตัว เป็นค่าอาหารเดือนละ 10 บาท) จึงใช้ห้องเรียนเพียงห้องเดียวหมุนเวียนครูอาจารย์สอนแต่ละวิชากันไป (ปี พ.ศ. 2477 มีครูอาจารย์ 5 คน ส่วนปี พ.ศ. 2478 มีเพิ่มอีก 12 คน และรับนักเรียนเพิ่มเป็น 85 คน) ส่วนเรือนนอกนักเรียนนั้น ยกพื้นกระดานสูงจากพื้นดินราว 50 เซนติเมตร ฝาและหลังคาใช้ใบตองตึงทั้งหมด เวลาจะนอนต้องกางมุ้งเพื่อป้องกันยุงและขี้มอดที่ร่วงจากหลังคา
รับผู้สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 หรือประกาศนียบัตรครูมูล (ป.) ใช้เวลาเรียน 2 ปี ได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูประถมกสิกรรม (ป.ป.ก.) หากรับราชการจะได้เงินเดือนขั้นต้น 45 บาท ผู้สำเร็จการศึกษารุ่นแรกนี้มีจำนวน 48 คน อาทิ เลขประจำตัว 2: อาจารย์กำจร (ตาคำ) บุญแปง, เลขประจำตัว16: อาจารย์เลื่อน เมฆบังวัง, เลขประจำตัว 38: อาจารย์สุรัตน์ (หลี) มงคลชัยสิทธิ์ และเลขประจำตัว 45: อาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย เป็นต้น สามท่านแรกเมื่อจบการศึกษาแล้วก็ได้รับการบรรจุเป็นครูสอนในปี พ.ศ. 2479 ทันที ส่วนอาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย เข้ารับราชการเป็นพนักงานเกษตรกรรมผู้ช่วยและพนักงานยางที่อำเภอหาดใหญ่ และสอบชิงทุนหลวง (ทุน ก.พ.ในปัจจุบัน) ไปเรียนต่อปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์ ที่ลอสบานยอส ระหว่างปี พ.ศ. 2480 - 2483 เมื่อจบการศึกษาแล้ว จึงกลับมาสอนและเป็นอาจารย์ผู้ปกครองที่แม่โจ้ เมื่อปี พ.ศ. 2484
- หลักสูตร ปปก.รับนักเรียนเพียง 3 รุ่น คือในปี 2477-79 (แม่โจ้ รุ่น 1 จำนวน 48 คน รุ่น 2 จำนวน 84 คน และ รุ่น 3 จำนวน 99 คน)
- พ.ศ. 2478 โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม
กระทรวงธรรมการเห็นว่า หลักสูตรประโยคครูประถมกสิกรรม (ป.ป.ก.) ที่เปิดไปแล้วมีผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนมากพอ และมีสถานศึกษาที่ต้องใช้ครูเกษตรเหล่านี้เพียงจำนวนน้อย จึงให้ยุบเลิกการสอนหลักสูตรดังกล่าว และเปิดหลักสูตรมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมขึ้นแทน
หลักสูตรที่เปิดใหม่นี้ รับจากผู้สำเร็จมัธยมปีที่ 4 สายสามัญ เข้าเรียนต่ออีก 4 ปี จบการศึกษาแล้วจะไดรับประกาศนียบัตรประโยคมัธยมบริบูรณ์แผนกเกษตรกรรม เทียบได้ชั้นมัธยม 8
- หลักสูตรมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม (มก.) รับเพียง 4 รุ่น ในปี 2478-2481 (แม่โจ้ รุ่น 2 (มก.1) จำนวน 134 คน รุ่น 3 (มก.2) จำนวน 57 คน รุ่น 4 (มก.3) จำนวน62 คน รุ่น 5 (มก.4) จำนวน 51 คน
- พ.ศ. 2481 จัดตั้งเป็น วิทยาลัยเกษตรศาสตร์
กระทรวงธรรมการได้โอนโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมให้กับกระทรวงเกษตราธิการโดยยุบรวมแห่งอื่น ๆ ที่บางกอกน้อย โนนวัด คอหงศ์ และที่แม่โจ้ แล้วจัดตั้งเป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แม่โจ้ เพียงแห่งเดียว หลักสูตร 2 ปี ระดับอนุปริญญา โดยรับผู้สำเร็จชั้นมัธยม 8 สำเร็จแล้วบรรจุเป็นข้าราชการชั้นตรี อันดับ 1 อัตราเงินเดือน 80 บาท ตกลงในปีเดียวกันนี้ แม่โจ้จึงเป็นทั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม (ป.ป.ก. ปีสุดท้าย) มัธยมวิสามัญเกษตรกรรม และวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตามลำดับโดยมี พระช่วงเกษตรศิลปการ เป็นผู้อำนวยการ
กลางปี พ.ศ. 2481 พระช่วงเกษตรศิลปการได้ย้ายไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมเกษตรที่กรุงเทพฯ อาจารยจรัด สุนทรสิงห์ มารักษาการแทน
- พ.ศ. 2482 เป็นโรงเรียนเตรียมวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เมื่อวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ย้ายจากแม่โจ้ไปตั้งที่บางเขนที่แม่โจ้จึงถูกจัดตั้งเป็นโรงเรียนเตรียมเกษตรศาสตร์ รับผู้สำเร็จชั้นมัธยมปลาย (ม.6 สายสามัญ) หลักสูตร 2 ปี สำเร็จแล้วเข้าศึกษาต่อได้ที่วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โดยมีศาสตราจารย์ ดร.พนม สมิตานนท์ เป็นผู้อำนวยการ
ศาสตราจาร ดร.พนม ย้ายไปกรมเกษตร ขณะเดียวกันก็เป็นอาจารย์สอนในวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อปี พ.ศ. 2484 อาจารย์ประเทือง ประทีปเสน จึงรักษาการผู้อำนวยการต่อจนถึงปี พ.ศ. 2486
- พ.ศ. 2486 โรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เมื่อวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขนได้รับการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แม่โจ้จึงเปลี่ยนไปเป็น"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์" หลักสูตร 2 ปี เพื่อเตรียมนักเรียนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต่อไป โดยมีศาสตราจารย์ ดร.พนม สมิตานนท์ เป็นผู้อำนวยการ
- หลักสูตรตั้งแต่ปี 2482-87 เป็นหลักสูตร 2 ปี (แม่โจ้ รุ่น 6 - รุ่น 11)
- พ.ศ. 2488 สถานศึกษาการเกษตรแม่โจ้
ได้มีการยกเลิกโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แม่โจ้ เนื่องจากต้องการที่จะควบรวมกิจการกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่บางเขนทั้งหมด กอรปกับในปีนี้เองสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ทวีความรุนแรงขึ้น เส้นทางคมนาคมสำคัญ เช่นทางรถไฟ สะพาน ถูกทำลาย ทำให้มีผู้มาสมัครเรียนเพียง 12 คนเท่านั้น อีกทั้งแม่โจ้ก็อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพมหานคร ไม่สะดวกในการติดต่อและดำเนินงานเชื่อมต่อกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่บางเขนจึงให้ยุบเลิกโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเกษตรศาสตร์ที่แม่โจ้เสีย แต่พระช่วงเกษตรศิลปการ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมเกษตรเห็นว่า ควรจะคงสถานศึกษาการเกษตรแม่โจ้ไว้สักแห่งหนึ่ง เพราะถิ่นภาคเหนือเป็นแหล่งที่มีน้ำดี อากาศดี อุดมด้วยการกสิกรรมเหมาะที่จะเป็นศูนย์กลางความรู้ด้านการเกษตรแก่เยาวชนและเกษตรกร โดยจัดตั้งเป็นสถานศึกษาการเกษตร กำหนดเวลาเรียน 3 ปี ใช้หลักสูตรเตรียมอุดมศึกษาอย่างเดิม นับเป็นก้าวใหม่ของการให้การศึกษาอาชีวเกษตรของประเทศ
พ.ศ. 2490-91 งดรับนักศึกษา 2 ปี เพราะไม่ได้งบประมาณอุดหนุนและจำนวนผู้เรียนน้อย
- พ.ศ. 2492 จัดตั้งเป็นโรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้
โอนกิจการของสถานศึกษาการเกษตรแม่โจ้ไปสังกัดกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยจัดตั้งเป็นโรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้ เพื่อให้การศึกษาระดับประโยคอาชีวชั้นสูงเกษตรกรรม โดยรับนักศึกษาจากผู้สำเร็จประโยคอาชีวชั้นกลาง เกษตรกรรม และประโยคมัธยมศึกษาตอนต้น (มัธยมปีที่ 6) ใช้เวลาเรียน 3 ปี ได้รับประกาศนียบัตรอาชีวชั้นสูงเกษตรกรรม
ศาสตราจารย์ ดร.พนม สมิตานนท์ ยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอยู่จนถึงปี พ.ศ. 2495 จึงได้ย้ายไปอยู่กับ สำนักงานอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟ.เอ.โอ.) ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา อาจารย์ไสว ชูติวัตร จึงมารับงานในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่สืบแทน จึงถึงปี พ.ศ. 2497 ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวหน้ากองโรงเรียนเกษตรกรรม กรมอาชีวศึกษา
รายนามอธิการบดี
โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ/โรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์/วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ | ||
---|---|---|
คนที่ | รายนามอาจารย์ใหญ่/ผู้อำนวยการ | วาระการดำรงตำแหน่ง |
1. | อำมาตย์โท พระช่วงเกษตรศิลปการ | 2477 - 2481 |
2. | หลวงอิงคสีกสิการ | รักษาการ ก.ค.-ต.ค.2479 |
3. | อาจารย์ จรัด สุนทรศิล | รักษาการ 2481 - 2482 |
4. | ศาสตราจารย์ ดร.พนม สมิตานนท์ | ผู้อำนวยการ 2482 - 2484,2486-2495 |
5. | อาจารย์ ประเทือง ประทีปเสน | 2484 - 2486 |
6. | อาจารย์ ไสว ชูติวัตร | 2495 - 2497 |
สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร | ||
คนที่ | รายนามอธิการบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง |
7. | ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 |
21 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2526 | ||
8. | พันเอก ดร.อาทร ชนเห็นชอบ | รักษาการ 21 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม พ.ศ. 2522 |
สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ | ||
9. | ศาสตราจารย์ ดร.ยรรยง สิทธิชัย | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2526 - 4 มิถุนายน พ.ศ. 2530 |
10. | ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล สงวนศรี | 5 มิถุนายน พ.ศ. 2530 - 30 เมษายน พ.ศ. 2532 |
11. | รองศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ เที่ยงตรง | 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 - 30 เมษายน พ.ศ. 2536 |
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 - 30 เมษายน พ.ศ. 2540 | ||
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ | ||
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 | ||
12. | ศาสตราจารย์ ดร.กำพล อดุลวิทย์ | รักษาการ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 |
13. | นายสราญ เพิ่มพูล | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 |
14. | รองศาสตราจารย์ ดร.เทพ พงษ์พานิช | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 |
8 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 | ||
15. | ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จำเนียร ยศราช | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 - ปัจจุบัน |
สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย
ต้นไม้สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย คือ อินทนิล[1]
- อินทนิล เป็นไม้ยืนต้นที่แข็งแรง อายุยาวนาน และเจริญเติบโตได้ทุกสภาพของประเทศไทย แทน ความแข็งแกร่ง อดทน ของศิษย์แม่โจ้
- ช่ออินทนิล มีลักษณะเกาะกันเป็นกลุ่มแน่น สีสด แทน ความรัก ความสามัคคี และความกลมเกลียว
- อินทนิลเป็นต้นไม้ที่เจริญได้ดีในทุกภาคของประเทศไทย แทน ศิษย์แม่โจ้ที่มาจากทุกหนทุกแห่ง และกระจายกันออกไปเจริญเติบโตก้าวหน้าอยู่ทั่วทุกภาค
- ต้น เปลือก และใบ ของอินทนิล ใช้เป็นยาสมุนไพรได้ แทน คุณค่าของศิษย์แม่โจ ที่ได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคม
การจัดอันดับมหาวิทยาลัย
การจัดอันดับโดย เว็บโอเมตริกซ์ (Webometrics) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจของสถาบันต่าง ๆ ในการเผยแพร่ความรู้สู่เว็บไซต์ และเป็นความริเริ่มเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความรู้อย่างเปิดกว้าง (Open Access) ทั่วโลก โดยบ่งบอกถึงปริมาณและคุณภาพของสิ่งตีพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ของสถาบัน เพื่อใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ ในการประเมินผลงานวิจัยของสถาบัน ซึ่งทางเว็บโอเมตริกซ์ได้จัดอันดับปีละ 2 ครั้งในเดือนมกราคม และกรกฎาคม ล่าสุดเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อยู่ในอันดับที่ 2,098 ของโลก อันดับที่ 73 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับที่ 28 ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย[2]
หน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย
สำนักงานอธิการบดี
- สำนักงานอธิการบดี
- กองกลาง
- กองกิจการนักศึกษา
- กองแผนงาน
- กองคลัง
- กองการเจ้าหน้าที่
- กองอาคารและสถานที่
- กองสวัสดิการ
- กองวิเทศสัมพันธ์
- กองแนะแนว สหกิจศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์
- ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
- ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม
- สำนักงานคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
- สำนักงานตรวจสอบภายใน
หน่วยงานแบบวิสาหกิจ
- ศูนย์กล้วยไม้และไม้ดอกประดับ
- ศูนย์ภาษา
- ศูนย์วิจัยพลังงาน
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาลำไยแม่โจ้
- ศูนย์อาคารที่พัก
- สถาบันบ่มเพาะวิสาหกิจ
- สถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์
- สำนักงานบริหารทรัพย์สิน
- สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- สำนักฟาร์มมหาวิทยาลัย
คณะ/วิทยาลัย/สำนัก
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แบ่งการเรียนการสอน เป็น 11 คณะ 2 วิทยาลัย 2 วิทยาเขต 1 บัณฑิตวิทยาลัย 1 สำนัก ดังนี้
|
ศูนย์/โครงการจัดตั้ง
- ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพ และสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์
- ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
- ศูนย์ภาษามหาวิทยาลัยแม่โจ้
- สถาบันบ่มเพาะวิสาหกิจ
- สำนักงานตรวจสอบภายใน
- สถานบริการวิชาการ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร
- ศูนย์วิจัยพลังงาน
- สำนักงานประสานงานวิจัยเชิงบูรณาการ (สกว.แม่โจ้)
- สำนักงานสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาลำไยแม่โจ้
- โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
- สำนักฟาร์มมหาวิทยาลัย
วิทยาเขต
มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่บนถนนเชียงใหม่-พร้าว ในพื้นที่ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยห่างจากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ 10 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 12,879 ไร่ อยู่ใน 3 จังหวัด คือ
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เลขที่ 63 หมู่ที่ 4 ถนนเชียงใหม่ - พร้าว ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร เลขที่ 99 หมู่ที่ 5 ตำบลละแม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ เลขที่ 17 หมู่ 3 ถนนยันตรกิจโกศล ตำบลแม่ทราย อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้-อุตรดิตถ์ (กำลังก่อสร้าง) ตำบลผาจุก อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
บุคคลสำคัญจากมหาวิทยาลัย
- อำมาตย์โท พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) ผู้ก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ปัจจุบัน) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
- ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย อธิการบดีคนแรกของสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร (แม่โจ้)
- ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตอธิบดีกรมป่าไม่ อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปัจจุบัน รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
- ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก แม่โจ้รุ่น 7 อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- บิว กัลยาณี นักร้อง
- เจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเบียร์ช้าง
- เฉลิม พรหมเลิศ อดีตประธานวุฒิสภา
- วิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 (สภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 24)
- พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย เขต 5 พรรคเพื่อไทย
- อำนวย ยศสุข อดีตรัฐมนตรี และนายกสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้
- ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ นักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไทย
พิธีพระราชทานปริญญาบัตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาในการพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2521 และได้เสด็จพระราชดำเนินในการพิธีพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระองค์เองเรื่อยมา แต่ในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่บัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตของมหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นประจำทุกปี ดังนั้น วันพระราชทานปริญญาบัตรของทุกปี จึงจัดให้อยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ตามอย่างคราวรับพระราชทานปริญญาบัตร ครั้งแรก ในคราวรับพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกนั้นจัดขึ้นที่อาคารแผ่พืชน์ ซึ่งในปี 2555 เป็นครั้งที่ 34 บัณฑิตรุ่นที่ 35 ปัจจุบันพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จัด ณ ศูนย์กีฬากาญจนาภิเษก รัชกาลที่ 9 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
อ้างอิง
- ↑ http://www.maejo.net/MaejoFlowerSymbol/index.html
- ↑ Ranking Web of World UniversitiesTop South East Asia