ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Oohlanla (คุย | ส่วนร่วม)
Popinthailand (คุย | ส่วนร่วม)
ลบข้อความที่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 177: บรรทัด 177:
วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร และ[[พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ]] โปรดให้ พลอากาศโท [[ภักดี แสงชูโต]] นำผ้าห่มกันหนาว 20,000 ผืน ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์[[แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554]] ที่[[ประเทศญี่ปุ่น]] โดยมี[[กษิต ภิรมย์|นายกษิต ภิรมย์]] เป็นผู้รับมอบ<ref>หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 61 ฉบับที่ 21143 วันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2554 หน้า 1, 12</ref>
วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร และ[[พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ]] โปรดให้ พลอากาศโท [[ภักดี แสงชูโต]] นำผ้าห่มกันหนาว 20,000 ผืน ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์[[แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554]] ที่[[ประเทศญี่ปุ่น]] โดยมี[[กษิต ภิรมย์|นายกษิต ภิรมย์]] เป็นผู้รับมอบ<ref>หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 61 ฉบับที่ 21143 วันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2554 หน้า 1, 12</ref>


[[พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์|ันธุ์]]<ref>[https://www.bbc.com/thai/thailand-39176428 จากฟ้าสู่เหว ย้อนชีวิต “คนทำผิด” ใกล้ชิดเบื้องสูง] บีบีซีไทย. 6 มีนาคม 2017</ref>
== ข้อวิจารณ์ ==
=== ครั้งเป็นมกุฎราชกุมาร ===
[[ไฟล์:Ac.vajiralongkorn.jpg|right|325x325px|thumb|พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ถนนราชดำเนิน ครั้งดำรงพระยศสยามมกุฎราชกุมาร]]

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ห้ามวิพากษ์วิจารณ์รัชทายาท ทว่า พระชนมชีพส่วนพระองค์ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชนอย่างกว้างขวาง <!-- แต่โดยความเงียบ --><ref name="BBC-17Dec">{{cite web
| url = http://www.bbc.co.uk/news/world-asia-pacific-12010706
| title = Wikileaks cable: 'Thai concerns about crown prince'
| author = Mike Wooldridge
| authorlink =
| date = 14 July 2011
| publisher = BBC
| language = English
}}</ref> [[บีบีซีไทย]]อ้างว่า พระองค์มักตกเป็นข่าวโดยเฉพาะในเรื่องสตรี การพนัน และเรื่องผิดกฎหมายจนเป็นที่กังขาเกี่ยวกับความเหมาะสมของพระองค์<ref name="บีบีซีไทย"/> เดือนตุลาคม พ.ศ. 2524 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีของพระองค์ ทรงกล่าวโดยนัยเปรียบเปรยพระราชโอรสผู้นี้ว่าทรงเหมือน[[ดอนฆวน]] ที่โปรดการใช้เวลาว่างสุดสัปดาห์ไปกับหญิงงามมากกว่าการประกอบพระราชกรณียกิจ<ref name="บีบีซีไทย"/><ref name="SSJ_siam_nikorn">{{cite news |first=Julia | last=Swenee |title=Sirikit of Thailand–a dedicated queen |publisher=Dallas Times Herald |location=Neiman marcus orientations fortnight, USA |language=en |date=1981-10-31|accessdate= 1981-11-14}}
ผ่าน {{Cite journal
|author=<!--Staff writer(s); no by-line.-->
|date=14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524
|title=สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานสัมภาษณ์ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
|url=http://www.mediafire.com/file/8ddg37675wjb2qo/Queen%27s+Dallas+Interview+1981.pdf
|magazine=สยามนิกร
|publisher=บริษัท สำนักพิมพ์อาทิตย์ จำกัด
|accessdate=December 3, 2016
}} ผ่าน {{cite web |url=https://www.facebook.com/somsakjeam/posts/1161954243857853 |title="My son, the Crown Prince, is a bit of a Don Juan." |last=Jeamteerasakul |first=Somsak |date=3 ธันวาคม 2016|language=th}}
</ref>
{{คำพูด
|''ฉันจำต้องจริงใจให้มาก ลูกชายของฉัน, มกุฎราชกุมารเป็น[[ดอนฆวน|ดอนฮวน]]บ้างเหมือนกัน เมื่อฉันให้สัมภาษณ์ฉันต้องแสดงความจริงใจ เขา (องค์มกุฎราชกุมาร) เป็นนักเรียนที่ดีเป็นลูกชายที่ดี บรรดาหญิงสาวต่างชื่นชอบในตัวเขา และเขาก็เป็นคนชอบผู้หญิงเสียด้วย ดังนั้นครอบครัวของเขาถึงไม่ราบรื่นนัก''<ref name="SSJ_siam_nikorn" /><ref>แปลจากต้นฉบับ "I have to be very frank. My son, the Crown Prince, is a little bit of Don Juan. If I give an interview I have to be frank. He is a good student, a good boy, but women find him interesting, and he finds women even more interesting. So, his family is not so smooth."</ref>}}

วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2545 นิตยสาร ''ฟาร์อิสเทิร์นอีโคโนมิกรีวิว'' (Far Eastern Economic Review) ลงบทความว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารทรงมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับพันตำรวจโท [[ทักษิณ ชินวัตร]] [[นายกรัฐมนตรีไทย|อดีตนายกรัฐมนตรี]]<ref>Duncan. McCargo, Media and Politics in Pacific Asia, page 146</ref> อย่างไรก็ดี ใน พ.ศ. 2553 หลังจากที่ พันตำรวจโท ทักษิณพ้นจากตำแหน่งไปโดยการรัฐประหารแล้ว พลเอก [[เปรม ติณสูลานนท์]] องคมนตรี ยอมรับว่า "...แน่นอนว่า เจ้าฟ้าชายยังทรงรักษาสัมพันธภาพบางอย่างกับอดีตนายกฯ ทักษิณเอาไว้ พระองค์ทรงพบกับทักษิณเป็นช่วง ๆ..."<ref>{{cite web
| url = http://www.guardian.co.uk/world/us-embassy-cables-documents/245161
| title = US embassy cables: Thai officials express concerns over crown prince
| date = 14 July 2011
| publisher = The Guardian
| language = English
| quote = Prem acknowledged Crown Prince Vajiralongkorn probably maintained some sort of relationship with fugitive former PM Thaksin, "seeing him from time to time."
}}</ref> วันที่ 12 ธันวาคม ปีเดียวกัน บิลาฮารี เคาสิกัน (Bilahari Kausikan) ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ แถลงว่า พระองค์ทรงติดการพนัน และมีอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ คอยสนับสนุนการเงินให้พระองค์<ref>{{cite news| url=http://www.smh.com.au/world/top-singapore-officials-trash-the-neighbours-20101211-18thg.html | work=The Sydney Morning Herald | first1=Philip | last1=Dorling | first2=Nick | last2=McKenzie | title=Top Singapore officials trash the neighbours | date=12 December 2010}}</ref> โอกาสเดียวกัน พลเอก เปรม เสริมว่า "...ทักษิณกำลังเสี่ยงที่จะทำลายตัวเอง เขาอาจคิดว่า เจ้าฟ้าชายจะทรงปฏิบัติกับเขาเหมือนดังเขาเป็นพระสหายหรือผู้สนับสนุน เพียงเพราะเขาส่งเสริมการเงินให้แก่พระองค์ แต่เจ้าฟ้าชายไม่ทรงชอบพระทัยความสัมพันธ์แบบนั้นสักเท่าไร"<ref>{{cite web
| url = http://www.guardian.co.uk/world/us-embassy-cables-documents/245161
| title = US embassy cables: Thai officials express concerns over crown prince
| date = 14 July 2011
| publisher = The Guardian
| language = English
| quote = Thaksin ran the risk of self-delusion if he thought that the Crown Prince would act as his friend/supporter in the future merely because of Thaksin's monetary support; "he does not enjoy that sort of relationship."
}}</ref>

ในปี พ.ศ. 2551 [[ราล์ฟ แอล.บอยซ์]] (Ralph L. Boyce) นักการทูตชาวสหรัฐอเมริกา รายงานต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรเมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เคยตรัสปฏิเสธกับเขา เกี่ยวกับข่าวที่พระองค์ทรงมีความสัมพันธ์กับ พันตำรวจโท ทักษิณ บอยซ์กล่าวว่า<ref>{{cite journal
|author=ธนาพล อิ่วสกุล; ชัยธวัช ตุลาฑล
|date=มกราคม-มีนาคม 2554
|title=การ "เปลี่ยนผ่าน" รัชสมัยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านการเมืองไทย
|journal=ฟ้าเดียวกัน
|issue=ปีที่ 9, ฉบับที่ 1
|pages=67
}}</ref>

<blockquote>"...[สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรง] เห็นเป็นเรื่องตลกร้าย ที่นายกรัฐมนตรีทักษิณสามารถทำตัวเป็นเผด็จการได้ ทั้งที่มาจากการเลือกตั้ง...ในช่วงแรก ๆ ของรัฐบาลทักษิณ ดูเหมือนเขาจะลงทุนอย่างหนักเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับมกุฎราชกุมาร ทั้งสองมีเรื่องผิดใจกันอย่างสังเกตเห็นได้ในเวลาต่อมา เป็นเหตุให้มกุฎราชกุมารละทิ้งพระตำหนักนนทบุรี ที่ทักษิณซื้อและตกแต่งถวายให้ แล้วย้ายมาประทับ ณ วังศุโขทัยซึ่งตั้งอยู่ในย่านกลางเมือง</blockquote><blockquote>"มีเรื่องเล่ากันไปต่าง ๆ นานา เกี่ยวกับการพบปะระหว่างทักษิณกับมกุฎราชกุมาร เกี่ยวกับการพบปะระหว่างทักษิณกับมกุฎราชกุมาร ที่ลอนดอนเมื่อช่วงต้นปีนี้ [พ.ศ. 2551] ซึ่งเรื่องที่เราพิจารณาว่า น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ ทักษิณเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมาร และเมื่อไม่ได้รับอนุญาต เขาจึงไปร่วมเข้าแถวรับเสด็จ ณ โรงแรมที่มกุฎราชกุมารประทับ และได้สนทนาอย่างไม่มีสาระสำคัญอะไร เพียงสี่สิบห้าวินาที"</blockquote>

อย่างไรก็ดี ผู้แปลโทรเลขดังกล่าวเป็นภาษาไทยในนิตยสาร ''ฟ้าเดียวกัน'' ระบุไว้ว่า “ความสำคัญของโทรเลขทูตที่เผยแพร่จากวิกิลีกส์จึงอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง ที่ส่งไปยังสหรัฐอเมริกา"<ref>{{cite journal
|author=ธนาพล อิ่วสกุล; ชัยธวัช ตุลาฑล
|date=มกราคม-มีนาคม 2554
|title=การ "เปลี่ยนผ่าน" รัชสมัยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านการเมืองไทย
|journal=ฟ้าเดียวกัน
|issue=ปีที่ 9, ฉบับที่ 1
|pages=57
}}</ref>

ปัญหาการสืบราชสันตติวงศ์ หลังจากรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็เป็นที่กล่าวถึงมากในสังคม นักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่า ตัวแปรสำคัญในเรื่องนี้มีอยู่สามสิ่ง คือ องคมนตรี, กองทัพ และความเหมาะสมของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ<ref>{{cite journal
|author=ธนาพล อิ่วสกุล; ชัยธวัช ตุลาฑล
|date=มกราคม-มีนาคม 2554
|title=การ "เปลี่ยนผ่าน" รัชสมัยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านการเมืองไทย
|journal=ฟ้าเดียวกัน
|issue=ปีที่ 9, ฉบับที่ 1
|pages=54
}}</ref> ใน พ.ศ. 2545 นิตยสาร ''ดิอีโคโนมิสต์'' (The Economist) ลงข้อความว่า "ผู้คนเคารพเจ้าฟ้าชายวชิราลงกรณ์น้อยมาก (กว่ากษัตริย์ภูมิพล) ชาวกรุงเทพมหานครพากันร่ำลือเรื่องชีวิตส่วนพระองค์อันมัวหมอง...ไม่มีผู้สืบราชบัลลังก์พระองค์ใด จะประสบความสำเร็จอย่างที่กษัตริย์ภูมิพลทรงได้รับมา ในช่วงเวลาทรงราชย์หกสิบสี่ปี..." และรัฐบาลไทยได้สั่งห้ามจำหน่ายนิตยสารฉบับดังกล่าว ใน พ.ศ. 2553 ''ดิอีโคโนมิสต์'' ลงบทความว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นั้น "ทรงเป็นที่เดียดฉันท์และหวั่นเกรงอย่างกว้างขวาง" และ "ทรงผิดแปลกอย่างคาดไม่ถึง" และฉบับนี้ก็มิได้จำหน่ายในประเทศไทยเช่นกัน<ref>{{cite news| url=http://www.economist.com/opinion/displayStory.cfm?story_id=15718981&source=hptextfeature | work=The Economist | title=As father fades, his children fight | date=18 March 2010}}</ref> ครั้นวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553 นิตยสารออนไลน์ ''เอเชียเซนทิเนล'' (Asia Sentinel) ลงว่า พระองค์ "ถือว่าทรงเอาแน่นอนไม่ได้ และทรงไม่สามารถปกครองได้โดยแท้"<ref>[http://www.asiasentinel.com/index.php?option=com_content&task=view&id=2377&Itemid=185 More Lèse majesté Charges in Thailand] Asia Sentinel, April 1, 2010</ref> เว็บไซต์นี้ถูกสกัดกั้นในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว<ref>{{cite web |url=http://fromtheold.com/thailand-grenade-attacks-and-online-censorship-amid-mounting-political-tension-2010033017483.html |title=Thailand - Grenade attacks and online censorship amid mounting political tension |author=Fromtheold | archive-url=https://archive.fo/5EfyW |dead-url=yes |access-date=2017-05-17 |date=2010-03-30}}</ref> พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ และองคมนตรีคนอื่น ๆ มีความเห็นค่อนข้างลบ เกี่ยวกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ส่วน ราล์ฟ แอล.บอยซ์ นักการทูตชาวสหรัฐอเมริกา เคยรายงานต่อรัฐบาลของตนว่า "...[พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ] ดูอึดอัดพระทัยอย่างเห็นได้ชัด ต่อคำถามธรรมดา ๆ เกี่ยวกับเจ้าฟ้าสิรินธร ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งของมกุฎราชกุมาร..."<ref>{{cite journal
|author=ธนาพล อิ่วสกุล; ชัยธวัช ตุลาฑล
|date=มกราคม-มีนาคม 2554
|title=การ "เปลี่ยนผ่าน" รัชสมัยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านการเมืองไทย
|journal=ฟ้าเดียวกัน
|issue=ปีที่ 9, ฉบับที่ 1
|pages=56-57
}}</ref> ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามกฎหมายไทยขณะนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะสืบราชบัลลังก์โดยชอบ นับแต่ทรงได้รับสถาปนาเป็นมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 แล้ว<ref>{{cite journal
|author=ธนาพล อิ่วสกุล; ชัยธวัช ตุลาฑล
|date=มกราคม-มีนาคม 2554
|title=การ "เปลี่ยนผ่าน" รัชสมัยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านการเมืองไทย
|journal=ฟ้าเดียวกัน
|issue=ปีที่ 9, ฉบับที่ 1
|pages=59
}}</ref>

วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552 [[แฮร์รี นิโคไลดส์]] (Harry Nicolaides) ชาวออสเตรเลีย ถูกศาลไทยจำคุกสามปี เพราะเผยแพร่หนังสือวิพากษ์วิจารณ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารความตอนหนึ่งว่า "ถ้าเจ้าฟ้าชายทรงรักใคร่ชอบพออนุภรรยานางใด และต่อมาเธอทรยศพระองค์ เมื่อนั้นเธอและครอบครัวก็จะหายไปจากโลกนี้ สาบสูญไปทั้งชื่อเสียงเรียงนาม เทือกเถาเหล่ากอ และบรรดาเงื่อนเค้าร่องรอย เกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาตลอดกาล" และต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานอภัยโทษให้เขา ต่อมาเขาให้สัมภาษณ์''ฮัฟฟิงตันโพสต์'' ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นนวนิยายทั้งสิ้น<ref>{{cite web
| url = https://www.huffingtonpost.com/pauldailing/australianwriter-whoins_b_160153.html
| title = Australian Writer Who Insulted Thai Monarchy Shares Prison Cell With Child Molester, Weapons Dealer
| author = Paul Dailing
| authorlink =
| date = 22 Feb 2009
| publisher = huffpost
| language = English
}}</ref> <ref name=australian>[http://archive.is/4qSIy Thais detain Aussie writer], [[The Australian]], September 05, 2008</ref><ref name=scotsman>[http://news.scotsman.com/world/Thai-court-jails--Australian.4892023.jp Thai court jails Australian novelist for three years over royal 'insult'], [[The Scotsman]], January 19, 2009</ref><ref>[http://www.cnn.com/2009/WORLD/asiapcf/01/19/thai.jail/index.html?iref=topnews Author jailed for insulting Thai king], [[CNN]].com, January 19, 2009</ref>

พระองค์ทรงทราบปัญหา และข่าวที่กล่าวมาแล้วเป็นเบื้องต้น เป็นอย่างดี<ref>{{cite journal
|author=ธนาพล อิ่วสกุล; ชัยธวัช ตุลาฑล
|date=มกราคม-มีนาคม 2554
|title=การ "เปลี่ยนผ่าน" รัชสมัยในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านการเมืองไทย
|journal=ฟ้าเดียวกัน
|issue=ปีที่ 9, ฉบับที่ 1
|pages=59-60
}}</ref> และเคยพระราชทานสัมภาษณ์ ในนิตยสาร ''[[ดิฉัน]]'' แก่ [[ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา]] ผู้ใกล้ชิดพระองค์ว่า<ref>{{cite journal
|author=ธนาพล อิ่วสกุล; ชัยธวัช ตุลาฑล
|date=15 สิงหาคม 2529
|journal=ดิฉัน
|pages=227
}}</ref>

<blockquote>''"บางทีในชาติปางก่อน เราอาจไม่ได้ทำบุญมากพอ หรือบางทีในบางครั้ง เราทำอะไรที่น่าตำหนิ เรายอมรับ...ถ้าหากสวรรค์คิดว่าเราไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ในการทำหน้าที่ของเรา ก็หยุดและจบ ถ้าท่านคิดได้อย่างนี้ ท่านก็จะสบายใจ ท่านไม่ได้คิดเป็นอะไร หากสวรรค์ให้ท่านมีภารกิจต่อแผ่นดิน ก็ยอมรับ ถ้าเขาไม่ต้องการให้ทำงาน ก็โอเค"''</blockquote>
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553 [[อีริก จี.จอห์น]] (Eric G. John) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย รายงานไปยังรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่า เขาได้เปรยกับพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ว่า "เวลานี้ เจ้าฟ้าชายทรงอยู่ที่ใด" พลเอก เปรม ตอบว่า "คุณก็รู้ว่าทรงใช้ชีวิตส่วนพระองค์แบบไหน...เจ้าฟ้าชายพอพระทัยใช้เวลาลอบเสด็จไปยัง[[มิวนิก]] เพื่อประทับอยู่กับภรรยาเก็บของพระองค์ มากกว่าจะประทับอยู่ในประเทศไทย กับพระวรชายาและพระโอรส"<ref>{{cite web
| url = http://www.guardian.co.uk/world/us-embassy-cables-documents/245161
| title = US embassy cables: Thai officials express concerns over crown prince
| date = 15 December 2010
| publisher = The Guardian
| language = English
| date = 14 July 2011
| quote = Vajiralongkorn's preference to spend time based out of Munich with his main mistress, rather than in Thailand with his wife and son
}}</ref> พลอากาศเอก [[สิทธิ เศวตศิลา]] องคมนตรีที่ร่วมวงสนทนา กล่าวเสริมว่า "...ข่าวเรื่องเมียน้อยของพระองค์ที่เป็นแอร์โฮสเตส มีอยู่เต็มเว็บไซต์ไปหมด...น่าเศร้าที่เดี๋ยวนี้ ท่านทูตไทยที่เยอรมนี ต้องออกจากเบอร์ลินไปมิวนิก เพื่อไปเข้าเฝ้าพระองค์เป็นประจำ..."<ref>{{cite web
| url = http://www.guardian.co.uk/world/us-embassy-cables-documents/245161
| title = US embassy cables: Thai officials express concerns over crown prince
| date = 15 December 2010
| publisher = The Guardian
| language = English
| date = 14 July 2011
| quote = Information about his air hostess mistresses was widely available on websites; he lamented how his former aide, now Thai Ambassador to Germany, was forced to leave Berlin for Munich often to receive Vajiralongkorn.
}}</ref>
[[ไฟล์:Tutzing Villa Graf Stolberg.JPG|thumb|right|250px|พระตำหนัก “วิลล่า กราฟ ชโตลแบร์ก” ในเทศบาล[[ทุทซิง]] ประเทศเยอรมนี]]

=== การแอบอ้างพระนาม ===
ในปี พ.ศ. 2557 มีพระราชบัณฑูรให้มีการจับกุมและดำเนินคดีกับพลตำรวจเอก [[พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์]] ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติของท่านผู้หญิง [[ศรีรัศมิ์ สุวะดี]] อดีตพระวรชายาในพระองค์ ฐานแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์<ref>[https://www.bbc.com/thai/thailand-39176428 จากฟ้าสู่เหว ย้อนชีวิต “คนทำผิด” ใกล้ชิดเบื้องสูง] บีบีซีไทย. 6 มีนาคม 2017</ref> รวมไปถึงกฎหมายฟอกเงิน


=== หลังขึ้นทรงราชย์ ===
=== หลังขึ้นทรงราชย์ ===

รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:17, 10 พฤษภาคม 2562

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระมหากษัตริย์ไทย
ครองราชย์13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – ปัจจุบัน (7 ปี 280 วัน)
ราชาภิเษก4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
ก่อนหน้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ผู้สำเร็จราชการเปรม ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
สยามมกุฎราชกุมาร
ดำรงพระยศ28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
ก่อนหน้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ
พระราชสมภพ28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 (71 พรรษา)
พระที่นั่งอัมพรสถาน
พระราชวังดุสิต จังหวัดพระนคร ประเทศไทย
มเหสีสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
อดีตภรรยาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ (2520[1]–2534)[ต้องการอ้างอิง]
สุจาริณี วิวัชรวงศ์
(2537–2539)[ต้องการอ้างอิง]
ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี
(2544–2557)[ต้องการอ้างอิง]
พระราชบุตรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
จุฑาวัชร วิวัชรวงศ์
วัชรเรศร วิวัชรวงศ์
จักรีวัชร วิวัชรวงศ์
วัชรวีร์ วิวัชรวงศ์
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ
ราชวงศ์จักรี
พระราชบิดาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระราชมารดาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ลายพระอภิไธย

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว[2] เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จขึ้นทรงราชย์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พระราชประวัติ

พระราชสมภพ

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต[3] เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 น.[4] มีพระเชษฐภคินีคือทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินีสองพระองค์คือสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี[5]

ขณะพระชนมายุได้หนึ่งพรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชทานพระนาม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นผู้ตั้งพระนามถวายตามดวงพระชะตาว่า[6]

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ
บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล
อภิคุณูปการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร
กิตติสิริสมบูรณสวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร

พระนาม "วชิราลงกรณ" นั้น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงตั้งถวาย มาจาก "วชิระ" พระนามฉายาทั้งในพระองค์เองและในขณะผนวชของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผนวกกับ "อลงกรณ์" จากพระนามเดิมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[7][8] มีความหมายว่า "ทรงเครื่องเพชรหรืออสนีบาต"[9]

พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ขึ้น ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ในระหว่างวันที่ 14-15 กันยายน พ.ศ. 2495[10] โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ทรงเป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์ในเย็นวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2495[11]

เช้าวันรุ่งขึ้น (15 กันยายน) จึงมีพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ในห้องพิธี เริ่มด้วยพอถึงพระฤกษ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงจรดพระกรรบิดกริบพระเกศา ทรงเจิม ทรงผูกด้ายพระขวัญ พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา พราหมณ์ประกอบพิธีลอยกุ้ง ปลาทอง มะพร้าวเงิน มะพร้าวทองลงในพระขันสาคร แล้วพระสงฆ์ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระมหาราชครูเชิญเสด็จขึ้นพระอู่และเห่กล่อมเปิดศิวาลัยไกรลาศตามประเพณีพิธีของพราหมณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงวางพระราชภัณฑ์ลงในพระอู่ตามพระราชประเพณีแล้ว พระมหาราชครูเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ขึ้นพระอู่แล้ว พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทเวียนเทียนครบรอบตามประเพณี สภาวัฒนธรรมแห่งชาติได้จัดขับไม้มโหรีขับกล่อมถวายพระพรในวาระนี้ด้วย ในการนี้มีการถ่ายทอดเสียงในพระราชพิธีทางวิทยุไปทั่วประเทศ[10][12][13]

การศึกษา

ไฟล์:Vajiralongkorn 1962.jpg
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ทรงพากย์-เจรจาโขน ในการเล่นโขนงานปิดภาคเรียน โรงเรียนจิตรลดา ปีการศึกษา พ.ศ. 2505

ตั้งแต่ พ.ศ. 2499 จนถึง พ.ศ. 2506 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสำเร็จการศึกษาขั้นต้นในระดับอนุบาล รุ่นที่ 2 จากโรงเรียนจิตรลดา แล้วจึงเสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนคิงส์มีด เทศมณฑลซัสเซกซ์ และศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟีลด์ เทศมณฑลซัมเมอร์เซต ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ พ.ศ. 2509 จนถึง พ.ศ. 2513 โดยในระหว่างที่ทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ พระองค์ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า ทรงทำทุกอย่างด้วยพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นการซักฉลองพระองค์ หรือขัดรองพระบาท โดยไม่มีบุคคลอื่นให้ความช่วยเหลือ เฉกเช่นสามัญชนทั่วไป หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อวิชาทหารที่โรงเรียนคิงส์สกูล ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เสร็จแล้ว ทรงศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ (ด้านการทหาร) จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ พ.ศ. 2519

เมื่อนิวัติประเทศไทยทรงรับราชการทหารแล้วทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เมื่อ พ.ศ. 2520 ทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ. 2525 ทรงสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) และ พ.ศ. 2533 ทรงได้รับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร

พระองค์เคยตรัสว่า เคยประสบปัญหาผลการเรียนที่ไม่น่าพึงใจ อันเป็นผลจากการที่ทรงถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม[9]

สยามมกุฎราชกุมาร

ไฟล์:สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช.jpg
พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

เมื่อมีพระชนมายุครบ 20 พรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน์
วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช
จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร

นับเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์ที่ 3 ของไทย[14][15]

ผนวช

ไฟล์:สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ถวายตัวเป็นพุทธมามกะ พ.ศ. 2509.jpg
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ถวายตัวเป็นพุทธมามกะ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2509

ต่อมาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารมีพระทัยศรัทธาจะอุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชจึงโปรดเกล้าฯ ให้ผนวชในวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 เวลา 15.37 น. ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม[16] โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และสมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุสาสน์ ผนวชแล้วเสด็จฯ ไปทำทัฬหีกรรม ณ พระอุโบสถพระพุทธรัตนสถาน เมื่อเวลา 16.59 น. โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์[17] เสร็จแล้วเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร[18] พระมหารัชมงคลดิลก (บุญเรือน ปุณฺณโก) เป็นพระอภิบาล[19] ผนวชอยู่ 15 วันจึงลาผนวช ณ พระตำหนักปั้นหย่า ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 เวลา 10.15 น.[20]

การทหาร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารทรงปฏิบัติการฝึกเครื่องบินรบแบบเอฟ-5

หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารทรงสำเร็จการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลีย รวมถึงทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรอื่น ๆ แล้ว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจโดยทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศในห้วงการก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร” ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมให้กำลังใจแก่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ อส. บริเวณพื้นที่อันตราย นอกจากนี้ยังได้ทรงร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารหาญแนวหน้า[ต้องการอ้างอิง]

กิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารทรงปั่นนำขบวน Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่

ในปี พ.ศ. 2558 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารมีพระราชปณิธานที่จัดกิจกรรมจักรยานถวายพระเกียรติและถวายความจงรักภักดีเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยได้ทรงจักรยานพระที่นั่งนำประชาชนทั่วประเทศปั่นจักรยานในกิจกรรม Bike for Mom - ปั่นเพื่อแม่ จัดกิจกรรมวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 และกิจกรรม Bike for Dad - ปั่นเพื่อพ่อ จัดกิจกรรมวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ในกิจกรรมประชาชนได้ร่วมใจกันแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดเส้นทางมีพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น [21]

ทรงราชย์

พระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
พระอัฐมรามาธิบดินทร
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมริ้วขบวนในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4–6 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรพระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ หลังการเสด็จขึ้นครองราชย์

เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นที่คาดหมายว่าพระองค์จะสืบราชสมบัติต่อ ทั้งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่า จะเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่[22] แต่ทรงขอผ่อนผัน เนื่องจากทรงต้องการร่วมทุกข์โศกกับปวงชนชาวไทย จนกว่าจะผ่านพระราชพิธีพระบรมศพไประยะหนึ่งก่อน [23] พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี จึงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์โดยตำแหน่งไปพลางก่อน[24]

จนกระทั่งวันที่ 29 พฤศจิกายน สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้จัดประชุมวาระพิเศษ โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้แจ้งหนังสือหนังสือด่วนที่สุดที่ นร.0503/44549 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ที่ได้รับจากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้แก่ที่ประชุมเพื่อรับทราบ ก่อนอัญเชิญพระองค์เสด็จขึ้นทรงราชย์[25] และพระองค์ได้ทรงรับเป็นพระมหากษัตริย์[26] จากนั้นวันที่ 1 ธันวาคม จึงพระราชทานพระราชวโรกาสให้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร และวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา ประมุขฝ่ายตุลาการ เข้าเฝ้าฯ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ได้กราบบังคมทูลเชิญขึ้นสืบราชสมบัติ จากนั้นพระองค์มีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์[27] ความว่า

ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภาได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทย เชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ว่าเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธาน และเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง

— สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

ทั้งนี้ ในทางนิตินัยถือว่าได้ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559[28] เพื่อให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณีโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งยังสอดคล้องกับคตินิยมในนานาประเทศที่ราชอาณาจักรย่อมไม่ว่างเว้นขาดตอนจากการมีพระมหากษัตริย์[29] และโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร"[30] [วะ-ชิ-รา-ลง-กอน บอ-ดิน-ทฺระ-เทบ-พะ-ยะ-วะ-ราง-กูน]

ราชาภิเษกสมรส

เมื่อเวลา 16.32 น. เมื่อวันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พลเอกหญิง ท่านผู้หญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระอัครมเหสีขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินี[31][32]

บรมราชาภิเษก

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" และมีพระปฐมบรมราชโองการ[33] ความว่า

เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป

— พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชกรณียกิจ

ทางราชการ

ด้านการบิน

  • 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-5 อี/เอฟ[14]
  • พ.ศ. 2552 ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 เครื่องบินโบอิ้ง 737–400 ในเที่ยวบินสายใยรักแห่งครอบครัว ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และจัดหาอุปกรณ์ด้านการแพทย์ สำหรับโรงพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, (เที่ยวบินที่ ทีจี 8870 (กรุงเทพมหานครถึงจังหวัดเชียงใหม่) และเที่ยวบินที่ ทีจี 8871 (จังหวัดเชียงใหม่ถึงกรุงเทพมหานคร)[ต้องการอ้างอิง]

ด้านการศึกษา

ไฟล์:ทรงปลูกปาริชาต.jpg
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรเมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปลูกต้นปาริชาต ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

พระองค์พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้อาคารของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นที่ตั้งของโรงเรียนอนุบาลชิ่อว่า โรงเรียนอนุบาลทหารมหาดเล็กราชวัลลภ โดยในระยะแรกได้จัดการเรียนการสอนเฉพาะชั้นอนุบาล ต่อมา โรงเรียนได้ย้ายไปที่จังหวัดนนทบุรี และได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์[36]

นอกจากนี้ ยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ตั้งอยู่ในชนบทห่างไกลคมนาคมไม่สะดวก กระทรวงศึกษาธิการ (ประเทศไทย)ได้สนองพระราชประสงค์ด้วยการน้อมเกล้าฯ ถวายโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาจำนวน 6 โรงเรียน เป็นโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ได้แก่ (1) โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๑ นครพนม)[37], (2) โรงเรียนมัธยมจุฑาวัชร อำเภอลานกระลือ จังหวัดกำแพงเพชร[38] (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๒ กำแพงเพชร), (3) โรงเรียนมัธยมวัชเรศร อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3 สุราษฎร์ธานี)[39], (4) โรงเรียนมัธยมจักรีวัชร อำเภอรัตนภูมิ จังหวัดสงขลา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๒ สงขลา)[40], (5) โรงเรียนมัธยมวัชรวีร์ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๓ ฉะเชิงเทรา)[41] และ (6) โรงเรียนมัธยมบุษย์น้ำเพชร อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๑ อุดรธานี)[42]

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยาวชนในตำบลต่าง ๆ ทรงสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เยาวชนตำบล รวมทั้งได้ทรงเป็นประธานงานวันเยาวชนแห่งชาติ วันที่ 20 กันยายน ของทุกปี และทรงเป็นประธานในพิธีปฏิญาณตนและสวนสนามของลูกเสือและเนตรนารี และสมาชิกผู้ทำประโยชน์[43]

ทั้งนี้พระองค์ได้ทรงอุปการะเด็กกำพร้า คือ จักรกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี ที่ครอบครัวเสียชีวิตจากภูเขาถล่มเมื่อ พ.ศ. 2554[44] รวมทั้งครอบครัวของบูรฮาน และบุศรินทร์ หร่ายมณี ซึ่งบิดาถูกลอบสังหารจากเหตุความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะทรงอุปการะจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีหรือจนกว่าจะมีอาชีพสามารถเลี้ยงครอบครัวได้[45][46] เป็นต้น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2552 ด้วยพระราชปณิธานที่มุ่งสร้างความรู้ สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทยที่มีฐานะยากจน ยากลำบาก แต่ประพฤติดี มีความสามารถในการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงต่อเนื่องในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ตามความสามารถของแต่ละคน เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและศักยภาพแก่เยาวชนไทย[ต้องการอ้างอิง] ต่อมาใน พ.ศ. 2553 มีพระราชดำริให้จัดตั้ง มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) ขึ้น โดยทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ และทรงให้นำโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มาอยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนสืบต่อไป[ต้องการอ้างอิง] ปัจจุบันมีนักเรียนทุนพระราชทานฯ ในโครงการทั้งสิ้นจำนวน 9 รุ่น[ต้องการอ้างอิง]

ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โปรดให้สร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชขึ้น เพื่อให้การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ทรงเป็นองค์นายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช พระองค์มีพระราชปณิธานให้เอาใจใส่รักษาพยาบาลพสกนิกรของพระองค์ให้ปลอดภัยจากความเจ็บไข้โดยทั่วหน้าเสมอกัน[47]

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงินจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายสมุดไดอารี่ภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ เพื่อสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล[48]

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงินจำนวน 2,407,144,487.59 บาท สำหรับจัดซื้อเครื่องมือครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ แก่โรงพยาบาล วิทยาลัยแพทย์และพยาบาล และสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่ยังคงขาดแคลนและมีความจำเป็นในการให้บริการในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วย โดยเป็นเงินที่ประชาชนได้ทูลเกล้าฯ ถวายในการร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ 9 และเงินรายได้จากการจัดงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว “สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์”[49]

ด้านศาสนา

ไฟล์:เปรียญธรรม ๖ ประโยค.jpg
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงประเคนผ้าไตร ประกาศนียบัตร และพัดยศ ในการตั้งภิกษุและสามเณรเปรียญ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พ.ศ. 2551

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2509[50] ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ

นอกจากนี้ มีพระราชศรัทธาออกบวชในพระพุทธศาสนา โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดให้จัดการพระราชพิธีผนวช ณ พัทธสีมาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุสาสน์[51] ได้รับถวายพระสมณนามว่า "วชิราลงฺกรโณ" และได้ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตลอดจนทรงลาสิกขาในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521[14]

นอกจากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ยังเสด็จพระราชดำเนินแทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปปฏิบัติพระราชกิจทางพระพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เช่น เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล เสด็จพระราชดำเนินแทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา,วันวิสาขบูชา,วันอาสาฬหบูชา,วันเข้าพรรษา และการถวายผ้าพระกฐินหลวงตามวัดต่าง ๆ เป็นต้น[52]

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านศาสนาหลังจากเสด็จขึ้นทรงราชย์แล้ว คือ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงสมเด็จพระบรมชนกนาถ[53] และโปรดเกล้าฯ สถาปนาอิสริยยศ และเลื่อนอิสริยฐานันดรพระสงฆ์ที่ดำรงอยู่ในสมณคุณ และมีอุปการะยิ่งแก่การพระศาสนาดังกล่าวสูงขึ้น เพื่อจักได้บริหารพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสถาพร ตามโบราณราชประเพณี[54]

รวมทั้งยังทรงสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์[55] โดยได้เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชด้วยพระองค์เองเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560[56]

ด้านการเกษตร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอื่น ๆ เป็นปฐมฤกษ์ เพื่อพระราชทานแก่เกษตรกร สำหรับนำไปใช้ในการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มผลผลิต ที่บ้านแหลมสะแก ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2528[57]

ด้านการต่างประเทศ

วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ โปรดให้ พลอากาศโท ภักดี แสงชูโต นำผ้าห่มกันหนาว 20,000 ผืน ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีนายกษิต ภิรมย์ เป็นผู้รับมอบ[58]

ันธุ์[59]

หลังขึ้นทรงราชย์

พระองค์มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2560[60]

ประสบการณ์ทางทหาร

[61]

  • เดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 ทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติม และศึกษางานด้านการทหาร ณ เครือรัฐออสเตรเลีย
  • ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรวิชาอาวุธพิเศษ การทำลายและยุทธวิธีรบนอกแบบ หลักสูตรต้นหนชั้นสูง หลักสูตรการลาดตระเวน และต้นหนชั้นสูง รวมทั้งหลักสูตรส่งทางอากาศ
  • พ.ศ. 2522 ถึง พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอซ ของบริษัท เบลล์ รวมชั่วโมงบิน 54.36 ชั่วโมง
  • เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกตามโครงการช่วยเหลือทางทหาร กองทัพบกสหรัฐอเมริกา รวม 6 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรอาวุธประจำกายและเครื่องยิงลูกระเบิด หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ หลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย หลักสูตรการสงครามแบบกองโจร หลักสูตรการฝึกการดำรงชีพ และหลักสูตรส่งทางอากาศ (ทางบกและทางทะเล)
  • เดือนมิถุนายน ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอซ กับเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอ็น ของบริษัทเบลล์ รวมชั่วโมงบิน 259.560 ชั่วโมง
  • เดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี ติดอาวุธ แบบ ยู เอซ–1 เอซ ของบริษัทเบลล์ จากกองทัพไทย รวมชั่วโมงบิน 54.50 ชั่วโมง
  • เดือนธันวาคม พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินปีกติดลำตัว แบบ Sial–Marchetti SF 120 MT รวมชั่วโมงบิน 172.20 ชั่วโมง
  • เดือนมีนาคม ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินปีกติดลำตัว แบบ Cessna T–37 รวมชั่วโมงบิน 240 ชั่วโมง
  • เดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2524 เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรกิจการทางทหารและตำรวจ ณ สหราชอาณาจักร ราชอาราจักรเบลเยียม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐฝรั่งเศส และเครือรัฐออสเตรเลีย
  • เดือนตุลาคม พ.ศ. 2525 ถึง พ.ศ. 2526 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเปลี่ยนเป็นเครื่องบินขับไล่ แบบ เอฟ–5 (พิเศษ) รุ่นที่ 83 (พุทธศักราช 2526) เอ ที ดับเบิลยู และหลักสูตรเครื่องบินขับไล่ชั้นสูง รุ่นที่ 83 (พุทธศักราช 2526) เอ วี ดับเบิลยู ณ ฐานทัพอากาศวิลเลียมส์ รัฐอริโซนา สหรัฐอเมริกา รวนชั่วโมงบิน 2,000 ชั่วโมง
  • พ.ศ. 2532 ทรงผ่านการฝึกบินด้วยเครื่องบินใบพัด แบบมาร์คเคตตี้ของฝูงขั้นปลาย โรงเรียนการบิน กองทัพอากาศ และการฝึกบิน ด้วยเครื่องบินไอพ่น แบบ ที 33 และหลักสูตรนักบินขับไล่ไอพ่นสมรรถนะสูงกับเครื่องบิน ขับไล่ แบบ เอฟ 5 อี/เอฟ ของกองบิน 1 ฝูงบิน 102 โดยทรงทำชั่วโมงบิน 200 ชั่วโมง ในเบื้องต้น และทรงทำชั่วโมงบินสูงสุด 1,000 ชั่วโมง และทรงเข้าร่วมการแข่งขันการใช้อาวุธทางอากาศประจำปี ซึ่งทรงทำคะแนนได้สูงตามกติกา กองทัพอากาศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องหมายความสามารถในการใช้อาวุธทางอากาศชั้นที่ 1 ประเภทอาวุธระเบิดสี่ดาว อาวุธจรวดสี่ดาว และอาวุธปืนสี่ดาว ในศกเดียวกัน[62]
  • เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการในฐานะนักบินโบอิ้ง 737–400 จากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), และทรงผ่านการตรวจสอบจากการขนส่งทางอากาศ กับทรงได้รับใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอก
  • เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรกัปตัน จากบริษัท การบินไทย จำกัด และทรงรับการทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายตำแหน่งนักบินที่ 1 ใน พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 อย่างดีเยี่ยมสม่ำเสมอ รวมชั่วโมงบิน 3,000 ชั่วโมง

เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 กรมการขนส่งทางอากาศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายใบรับรองในตำแหน่งครูฝึกภาคอากาศกับตำแหน่งครูฝึกเครื่องช่วยฝึกบิน สำหรับเครื่องบินโบอิง 737–400[63]

พระบรมราชอิสริยยศ

ธรรมเนียมพระยศของ
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ธงประจำพระอิสริยยศ
ตราประจำพระองค์
ธงประจำพระองค์
การทูลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
การแทนตนข้าพระพุทธเจ้า
การขานรับพระพุทธเจ้าข้า/เพคะ
ลำดับโปเจียม1

พระราชอิสริยยศ

  • สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ (28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 — 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515)
  • สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 — 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559)
  • สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร[30] (1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 — 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562)
  • พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณ์อดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว[2] (4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 — ปัจจุบัน)

พระราชลัญจกรประจำรัชกาล

ไฟล์:Seal of the Royal Highness King Rama VI King Rama VII.png
ตราพระราชลัญจกรพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[64]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

พระองค์ทรงเป็นประธานของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

 มาเลเซีย พ.ศ. 2543 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ผู้ป้องกันราชอาณาจักร ชั้นประถมาภรณ์
 เยอรมนี พ.ศ. 2527 เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ชั้นตติยาภรณ์
เนปาล พ.ศ. 2529 Order of Ojaswi Rajanya ชั้นเบญจมาภรณ์
 สเปน พ.ศ. 2530 เครื่องราชอิสริยาภรณ์พระเจ้าการ์โลสที่ 3 ชั้นประถมาภรณ์
 บรูไน พ.ศ. 2533 Family Order of Brunei 2nd Class - Darjah Kerabat Seri Utama Yang Amat Dihormati - D.K. (Seri Utama)
 ญี่ปุ่น พ.ศ. 2534 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ
 บริเตนใหญ่ พ.ศ. 2539 เครื่องราชอิสริยาภรณ์รอยัลวิกตอเรียน ชั้นอัศวินสูงสุด
 เดนมาร์ก พ.ศ. 2544 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้าง ชั้น อัศวิน
 เนเธอร์แลนด์ พ.ศ. 2547 Order of the Crown ชั้น Grand Cross
 รัฐตรังกานู Most Distinguished Family Order of Terengganu ชั้นที่สอง

พระยศทหาร[75]

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
รับใช้กองทัพบกไทย, กองทัพเรือไทย, กองทัพอากาศไทย และกองอาสารักษาดินแดน
ประจำการ
  • พ.ศ. 2535–ปัจจุบัน
  • พ.ศ. 2535–ปัจจุบัน
  • พ.ศ. 2535–ปัจจุบัน
  • พ.ศ. 2535–ปัจจุบัน
ชั้นยศ
  • พลเอก
  • พลเรือเอก
  • พลอากาศเอก
  • นายกองใหญ่

สิ่งอันเนื่องมาด้วยพระบรมนามาภิไธย

สถานที่

พระราชสันตติวงศ์

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอภิเษกสมรสรวมสี่ครั้งกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ (พระนามเดิม: หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร),[96][97] สุจาริณี วิวัชรวงศ์ (นามเดิม: ยุวธิดา ผลประเสริฐ),[ต้องการอ้างอิง] ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี,[98] และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี[31][32]

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชโอรส/ธิดา 8 พระองค์ ซึ่งในจำนวนนี้ได้ตกพระโลหิต (แท้ง) ไปหนึ่งพระองค์ ดังนี้

  1. ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ (พระนามเดิม: หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร; 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2500), ธิดาของหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กับท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร[99]
  2. ประสูติแต่สุจาริณี วิวัชรวงศ์ (นามเดิม: ยุวธิดา ผลประเสริฐ; 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2505), ธิดาของธนิต กับเยาวลักษณ์ ผลประเสริฐ
  3. ประสูติแต่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี (9 ธันวาคม พ.ศ. 2514), ธิดาของอภิรุจ กับวันทนีย์ สุวะดี
  4. สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี (3 มิถุนายน พ.ศ. 2521)
    • ไม่มีพระราชโอรส/ธิดา

ส่วนในเอกสารเฉลิมพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวจะให้ข้อมูลว่าพระองค์มีพระราชธิดาสองพระองค์ และพระราชโอรสหนึ่งพระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ สิริวิบูลยราชกุมารเท่านั้น[101][102]

เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ

เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

แพรแถบย่อ

เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร มีลักษณะ ดังนี้[103]

  • ลักษณะ เป็นเหรียญเงิน รูปกลมแบน มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.1 เซนติเมตร ด้านหน้ามีพระรูปของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ ทรงหันพระพักตร์ทางเบื้องขวา ริมขอบมีอักษรจารึกว่า "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร" ด้านหลังมีอักษรพระนามาภิไธยย่อ "ว ก" เหนือพระนามาภิไธยย่อมีรูปจุลมงกุฎมีรัศมี ที่ริมขอบมีอักษรจารึกว่า "ที่ระลึกพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร 28 ธันวาคม 2515"
  • การประดับ ใช้ห้อยแพรแถบสีขาวริมเหลือง สำหรับบุรุษให้แพรแถบมีความกว้าง 3.1 เซนติเมตร สำหรับสตรีห้อยแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับได้อย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หากไม่ประดับอย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สามารถห้อยคอหรือประดับด้วยวิธีอื่น ๆ ตามสมควรโดยไม่มีแพรแถบก็ได้

เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555

แพรแถบย่อ

เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 มีลักษณะ ดังนี้

  • ลักษณะ เป็นเหรียญเงิน รูปกลมแบน มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร
  • ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระรูปสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ริมขอบเหรียญโดยรอบประดับด้วยลายไทยประดิษฐ์
  • ด้านหลัง กลางเหรียญมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า "มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555"
  • การประดับ ใช้ห้อยแพรแถบพื้นสีเหลือง ริ้วสีขาวจำนวน 5 ริ้ว สำหรับบุรุษให้แพรแถบมีความกว้าง 3.1 เซนติเมตร สำหรับสตรีห้อยแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับได้อย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หากไม่ประดับอย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สามารถห้อยคอหรือประดับด้วยวิธีอื่น ๆ ตามสมควรโดยไม่มีแพรแถบก็ได้

เหรียญเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4 พฤษภาคม 2562

แพรแถบย่อ
ไฟล์:แพรแถบที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562.JPG
แพรแถบที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

เหรียญเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4 พฤษภาคม 2562 มีลักษณะ ดังนี้[104]

  • ลักษณะ เป็นเหรียญเงินกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร
  • ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตร์ทางเบื้องขวา ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว"
  • ด้านหลัง กลางเหรียญมีรูปตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก" เบื้องล่างมีข้อความว่า "๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒"
  • ริมขอบเหรียญโดยรอบ ประดับด้วยลายไทยประดิษฐ์ ด้านหน้าขอบนอกเหรียญเบื้องบน มีเลข "๑๐" ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ ด้านหลังขอบนอกเหรียญมีห่วงสำหรับบุรุษใช้ห้อยกับแพรแถบกว้าง 32 มิลลิเมตร มีริ้วสีขาวนวลกับริ้วสีเหลืองสลับกัน
  • การประดับเหรียญนี้ ให้ประดับได้อย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หากไม่ประดับอย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จะประดับโดยใช้ห้อยคอหรือโดยใช้เป็นเข็มกลัดเสื้อโดยไม่มีแพรแถบก็ได้

รถยนต์พระที่นั่ง

ไฟล์:DSC00559.jpg
รถยนต์พระที่นั่งในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทะเบียน ร.ย.ล.4

สังกัดกองพระราชพาหนะ พระราชวังดุสิต

พงศาวลี

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

เชิงอรรถ
  1. "พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุธนารีนาถ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 94 (13ก): 62. 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  2. 2.0 2.1 "พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง สถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 136 (14 ข): 2. 4 พฤษภาคม 2562.
  3. ส.พลายน้อย. พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: ฐานบุ๊คส์, 2554. หน้า 234
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้หยุดราชการและชักธงชาติเนื่องในการที่พระราชกุมารประสูติ, เล่ม 69, ตอนที่ 49, 12 สิงหาคม พ.ศ. 2495, หน้า 2434
  5. จดหมายเหตุเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555, หน้า 10
  6. จดหมายเหตุเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555, หน้า 21
  7. จดหมายเหตุเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555, หน้า 20
  8. "'องค์รัชทายาท-เจ้าฟ้านักบิน' เผยพระราชกรณียกิจ ตามเบื้องพระยุคลบาท". มติชน. 14 ตุลาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 14 ตุลาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  9. 9.0 9.1 "พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย". บีบีซีไทย. 2 ธันวาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 2 ธันวาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  10. 10.0 10.1 ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ 15/2495 พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ 2495, เล่ม 69, ตอน 54 ง, 9 กันยายน พ.ศ. 2495, หน้า 3031
  11. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ (2016-05-22). "พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-22. สืบค้นเมื่อ 2017-05-17. {{cite web}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |dead-url= ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=) (help)
  12. . ประมวลพระบรมฉายาลักษณ์และพระราชประวัติ.
  13. ลาวัณย์ โซตามระ. สี่เจ้าฟ้า. กรุงเทพมหานคร: บริษัท กัตนา ดิสทริบิวชั่น จำกัด
  14. 14.0 14.1 14.2 14.3 พระราชประวัติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร. พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน ตอนว่าด้วยพระสูตร. กรุงเทพมหานคร: กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (ประเทศไทย)
  15. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร, เล่ม 89, ตอน 200 ก ฉบับพิเศษ, 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515, หน้า 1
  16. หมายกำหนดการ พระราชพิธีทรงผนวช พันตรี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๑
  17. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ. รวมบทความชุด สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถร) และวัดประจำรัชกาลที่ 5 และ 7 : วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม. กรุงเทพฯ : มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2560. 27 หน้า. หน้า 1.
  18. ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ พระราชพิธีทรงผนวช พันตรี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร, เล่ม 95, ตอนที่ 122 ง, 1 พฤศจิกายน 2521, หน้า 37-42
  19. "พระเถระอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร: พระมหารัชมงคลดิลก (บุญเรือน ปุณฺณโก ป.ธ.๕)". วัดบวรนิเวศวิหาร. สืบค้นเมื่อ 13 กรกฎาคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  20. การพระราชพิธีทรงผนวชสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พุทธศักราช 2521, หน้า 281
  21. หนังสือพิมพ์ออนไลน์ไทยรัฐ https://www.thairath.co.th/content/799976
  22. "Thailand's King Bhumibol Adulyadej dead at 88". BBC News. 13 October 2016. สืบค้นเมื่อ 13 October 2016.
  23. กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี (2017-01-01). "เหตุการณ์แห่งปี ร.10 ขึ้นทรงราชย์ 1 ธ.ค. 59". สืบค้นเมื่อ 2018-08-07.
  24. "Thai king death: Thousands throng streets for procession". BBC. 2016-10-14. สืบค้นเมื่อ 2016-10-14.
  25. "ขอทรงพระเจริญ ก้องสภาฯ สนช.ถวายพระพร". ไทยรัฐ. 30 พฤศจิกายน 2559. สืบค้นเมื่อ 3 ธันวาคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  26. "'บิ๊กป้อม' เผย 'พระบรมฯ' ทรงรับเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แล้ว". ไทยรัฐ. 30 พฤศจิกายน 2559. สืบค้นเมื่อ 3 ธันวาคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  27. "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เสด็จขึ้นทรงราชย์แล้ว". โพสต์ทูเดย์. 1 ธันวาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 2 ธันวาคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  28. "ประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 133 (102 ก): 1. 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559. สืบค้นเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  29. "นายกฯประกาศประเทศไทยมีพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่แล้ว". หนังสือพิมพ์มติชน. 1 ธันวาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2560. {{cite web}}: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า : |1= (help); ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  30. 30.0 30.1 "ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 133 (102 ก): 2. 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559. สืบค้นเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  31. 31.0 31.1 "พระราชโองการ ประกาศ เรื่อง สถาปนาสมเด็จพระราชินี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 136 (11): 1. 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  32. 32.0 32.1 ""ราชาภิเษกสมรส" ร. 10 และสมเด็จพระราชินีสุทิดา". ประชาชาติธุรกิจ. 1 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  33. ประกาศพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒, 4 พฤษภาคม 2562
  34. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการและพระราชทานพระยศทหาร
  35. ราชอาณาจักรสยาม, พระราชภาระหน้าที่ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าชายมหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร, http://www.kingdom-siam.org
  36. โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์
  37. โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๑ นครพนม
  38. โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๒ กำแพงเพชร
  39. โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๓ สุราษฎร์ธานี
  40. โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๒ สงขลา
  41. โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๓ ฉะเชิงเทรา
  42. โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๑ อุดรธานี
  43. "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จแทนพระองค์ ไปทรงเป็นประธานเปิดงาน "วันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๖"". 2013-09-20. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-09-31. สืบค้นเมื่อ 2017-05-17. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |archive-date= (help)
  44. "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงห่วง 2 หนูน้อยเหยื่อโคลนถล่มเขาเบญจา ทำกำพร้า ทรงรับพระอุปภัมภ์". TLC News. สืบค้นเมื่อ 20 ธันวาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  45. "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงรับบุตรอิหม่ามยะโก๊บไว้ในพระอุปถัมภ์". ASTVผู้จัดการออนไลน์. 29 สิงหาคม 2556. สืบค้นเมื่อ 20 ธันวาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  46. "ครอบครัว "หร่ายมณี" ซาบซึ้งพระเมตตาอุปถัมภ์การศึกษาทายาท". สำนักข่าวไทย. 29 สิงหาคม 2556. สืบค้นเมื่อ 20 ธันวาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  47. โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
  48. "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเงิน100ล้านแก่โรงพยาบาลศิริราช". ข่าวสด. สืบค้นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  49. "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน 2,400 ล้านบาท ช่วย 27 โรงพยาบาลทั่วไทย". ข่าวสด. สืบค้นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  50. สำนักพระราชวัง. หมายกำหนดการ ที่ ๒๗/๒๕๐๘ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ แสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะ. ราชกิจจานุเบกษา, 2509, เล่ม 83 ตอนที่ 1 หน้า 13
  51. ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ พระราชพิธีทรงผนวช พันตรี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร, เล่ม 95, ตอนที่ 122 ฉบับพิเศษ, 1 พฤศจิกายน 2521, หน้า 37-42
  52. "พระราชกรณียกิจ "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ"". ผู้จัดการออนไลน์. 29 พฤศจิกายน 2559. สืบค้นเมื่อ 30 มกราคม 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  53. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน รำลึกสมเด็จพระบรมชนกนาถ, MGR Online, สืบค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2559
  54. “รัชกาลที่ 10” โปรดเกล้าฯ ถวายอิสริยยศพระสงฆ์ที่ดำรงอยู่ในสมณคุณให้สูงขึ้น, MGR Online, สืบค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2559
  55. "โปรดสถาปนา 'สมเด็จพระมหามุนีวงศ์' เป็นพระสังฆราช องค์ที่ 20". ไทยรัฐ. 7 กุมภาพันธ์ 2560. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  56. "พระราชพิธีสถาปนา "สมเด็จพระสังฆราช"องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์". ไทยพีบีเอส. 12 กุมภาพันธ์ 2560. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  57. สำนักราชเลขาธิการ (5 ธันวาคม พ.ศ. 2528). "มีนาคม". พระราชกรณียกิจ ระหว่างเดือนตุลาคม 2527–กันยายน 2528. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพาณิชย์ จำกัด (ตีพิมพ์ 1988-12-05). p. 169. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 4 มกราคม พ.ศ. 2560. สืบค้นเมื่อ 2017-01-04. {{cite book}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= และ |archive-date= (help)
  58. หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 61 ฉบับที่ 21143 วันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2554 หน้า 1, 12
  59. จากฟ้าสู่เหว ย้อนชีวิต “คนทำผิด” ใกล้ชิดเบื้องสูง บีบีซีไทย. 6 มีนาคม 2017
  60. พระราชโองการ พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2560 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔ ตอน ๗๕ ก หน้า ๑ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐
  61. ราชอาณาจักรสยาม, ราชการทหารของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าชายมหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร, http://www.kingdom-siam.org
  62. สกุลไทย: 7 สิงหาคม 2533
  63. ราชอาณาจักรสยาม, การศึกษาของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าชายมหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร, http://www.kingdom-siam.org
  64. ราชอาณาจักรสยาม, เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าชายมหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร, http://www.kingdom-siam.org
  65. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยากรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์, เล่ม ๘๒, ตอน ๑๑๑ ง ฉบับพิเศษ, ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๘, หน้า ๑๒
  66. 66.0 66.1 66.2 ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๙๐, ตอน ๑๐ ง ฉบับพิเศษ, ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๖, หน้า ๑๘
  67. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๙๓, ตอน ๘๐ ง, ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๙, หน้า ๑๓๕๑
  68. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ปฐมดิเรกคุณภรณ์ จำนวน ๘ พระองค์), เล่ม ๑๑๒, ตอน ๑๗ ข เล่มที่ ๐๐๓, ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๘, หน้า ๑
  69. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ), เล่ม ๑๐๕, ตอน ๙๕ ง ฉบับพิเศษ, ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๑, หน้า ๑
  70. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญกล้าหาญ (พันเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมาร) , เล่ม ๑๐๔, ตอน ๖ ง ฉบับพิเศษ, ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๐, หน้า ๑
  71. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ชั้นที่ ๑ แด่ พันเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมาร), เล่ม ๑๐๔, ตอน ๕๒ ง ฉบับพิเศษ, ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๐, หน้า ๑
  72. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน, เล่ม 84, ตอน 87 ง ฉบับพิเศษ, 15 กันยายน พ.ศ. 2510, หน้า 22
  73. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลา แด่ พลโท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามาหวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร , เล่ม ๑๐๕, ตอน ๒๑๐ ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๑, หน้า ๑
  74. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๖๙, ตอน ๖๙ ง ฉบับพิเศษ, ๑๘ พฤษศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๕, หน้า ๑
  75. ราชอาณาจักรสยาม, พระยศทหารของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าชายมหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร, http://www.kingdom-siam.org
  76. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  77. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  78. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  79. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  80. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  81. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายทหารพิเศษ
  82. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายทหารพิเศษ (พันโท นาวาโท นาวาอากาศโท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร), เล่ม ๙๘, ตอน ๑๒๗ ง ฉบับพิเศษ, ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๔, หน้า ๒
  83. [ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายทหารพิเศษ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2525/D/135/1.PDF]
  84. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  85. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งผู้บังคับการพิเศษ [พันเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร]
  86. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  87. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ
  88. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหาร พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็น พลโท พลเรือโท พลอากาศโท, เล่ม ๑๐๕, ตอน ๑๗๕ ง ฉบับพิเศษ, ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๑, หน้า ๑
  89. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายทหารพิเศษ (พลโท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร)
  90. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการและพระราชทานพระยศทหาร พลโท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร, เล่ม ๑๐๙, ตอน ๑๘ ง ฉบับพิเศษ, ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕, หน้า ๑
  91. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศกองอาสารักษาดินแดน ๑ นายกองเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมงกุฎราชกุมาร ๒ นายกองเอก สมเด็จพระเพทรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปียชาติ สยามบรมราชกุมารี ๓ นายกองโท สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี, เล่ม ๑๐๙, ตอน ๕๕ ง ฉบับพิเศษ, ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕, หน้า ๑
  92. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายทหารพิเศษ [พลเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร]
  93. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายทหารพิเศษ (พลเอก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร)
  94. ประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่อง เปลี่ยนแปลงชื่อวัด (วัดเขื่อนเขาแหลม เป็น วัดเขื่อนวชิราลงกรณ)
  95. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การเปลี่ยนชื่อโรงเรียน "โรงเรียนมัธยมวชิราลงกรณวราราม"
  96. หมายกำหนดการ ที่ ๒๓/๒๕๑๙ พระราชพิธีอภิเษกสมรส (ระหว่างสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร และหม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร)
  97. "พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 94 (13ก): 62. 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  98. "พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 122 (10ข): 2. 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2548. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  99. "ความเป็นมาของมูลนิธิ". มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย. สืบค้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  100. "พระองค์โสม ทรงภูมิใจใน องค์ภา เป็นลูกที่ดี ทำงานเพื่อประเทศชาติ". ไทยรัฐ. 2012-03-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-19. สืบค้นเมื่อ 2017-05-17.
  101. จดหมายเหตุเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555, หน้า 71
  102. บันทึกประวัติศาสตร์ "ปั่นเพื่อพ่อ" เฉลิมพระเกียรติ 88 พรรษา ทวยราษฎร์จงรักล้ำปิตุรงค์. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2559, หน้า 42
  103. พระราชบัญญัติ เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พ.ศ. 2539
  104. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชกฤษฎีกา เรื่อง เหรียญเฉลิมพระเกียรติ ในโอากสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๒, เล่ม 136, ตอนที่ 54, 23 เมษายน พ.ศ. 2562, หน้า 1
บรรณานุกรม

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ถัดไป
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระมหากษัตริย์ไทย
(13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – ปัจจุบัน)
ยังอยู่ในราชสมบัติ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร
สยามมกุฎราชกุมาร
(28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559)
ว่าง
ก่อตั้งครั้งแรก
ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
(9 มกราคม พ.ศ. 2535 - ปัจจุบัน)
ยังอยู่ในตำแหน่ง