ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จังหวัดเชียงใหม่"
บรรทัด 240: | บรรทัด 240: | ||
* อำเภอจอมทอง - ทางตอนใต้ มีอำเภอบริวารนับตั้งแต่[[อำเภอดอยหล่อ]] [[อำเภอแม่แจ่ม]] [[อำเภอฮอด]] [[อำเภอดอยเต่า]] และ[[อำเภออมก๋อย]] |
* อำเภอจอมทอง - ทางตอนใต้ มีอำเภอบริวารนับตั้งแต่[[อำเภอดอยหล่อ]] [[อำเภอแม่แจ่ม]] [[อำเภอฮอด]] [[อำเภอดอยเต่า]] และ[[อำเภออมก๋อย]] |
||
{{wide image|Pano CM 2010 0928a3-1.jpg|1545px|ภาพพาโนรามาของตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อเดือน |
{{wide image|Pano CM 2010 0928a3-1.jpg|1545px|ภาพพาโนรามาของตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2553}} |
||
=== การเลือกตั้ง === |
=== การเลือกตั้ง === |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:58, 28 กันยายน 2553
จังหวัดเชียงใหม่ | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Chiang Mai |
คำขวัญ: ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์ | |
ข้อผิดพลาด: ต้องระบุภาพในบรรทัดแรก แผนที่ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่เน้นสีแดง | |
ประเทศ | ไทย |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | ดร.อมรพันธุ์ นิมานันท์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2552) |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 20,107.057 ตร.กม.[1] ตร.กม. (Formatting error: invalid input when rounding ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 2 |
ประชากร (พ.ศ. 2552) | |
• ทั้งหมด | 1,632,548 คน[2] คน |
• อันดับ | อันดับที่ 4 |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 54 |
รหัส ISO 3166 | TH-50 |
ชื่อไทยอื่น ๆ | นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ รัตนติงสาอภินวบุรีเชียงใหม่ |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | ทองกวาว |
• ดอกไม้ | ทองกวาว |
ศาลากลางจังหวัด | |
• โทรศัพท์ | 0-5311-2713 |
เว็บไซต์ | http://www.chiangmai.go.th |
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งใน 75 จังหวัดของไทย ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 20,107 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ และมีจำนวนประชากรประมาณ 1.63 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ แบ่งการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ (โดยที่อำเภอกัลยาณิวัฒนาเป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัด และลำดับที่ 878 ของประเทศ)
จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาในระดับสูง มีศักยภาพในการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการลงทุน จนเป็นเมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากกรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมากมาย มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรล้านนาในสมัยโบราณ มีภาษาล้านนา (คำเมือง) เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกับจังหวัดอื่น ๆ ทั้งด้านประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม
ประวัติศาสตร์
เมืองเชียงใหม่ มีชื่อปรากฏในตำนานว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" ซึ่งเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านนา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1839 โดยพญามังราย
ในอดีตเชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรนครรัฐอิสระ ชื่อว่า อาณาจักรล้านนา ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มังราย ประมาณ 261 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 1839-พ.ศ. 2101) แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2101 เชียงใหม่ได้เสียเมืองให้แก่พระเจ้าบุเรงนอง พระมหากษัตริย์พม่า และได้ถูกปกครองโดยพม่ามานานกว่าสองร้อยปี จนถึงสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงได้มีการทำสงครามเพื่อขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่และเชียงแสนได้สำเร็จ โดยการนำของเจ้ากาวิละและพระยาจ่าบ้าน
หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเจ้ากาวิละ ขึ้นเป็น พระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ โดยให้ปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือในฐานะประเทศราชของกรุงรัตนโกสินร์ และราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (ราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน) ซึ่งเป็นเชื้อสายของพระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ ก็ได้ปกครองเมืองเชียงใหม่และหัวเมืองต่าง ๆ สืบต่อมา และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "รัตนติงสาอภินวบุรีเชียงใหม่"
ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช โดยมีการจัดตั้งการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า "มณฑลพายัพ" หรือมณฑลลาวเฉียง ต่อมาเชียงใหม่ได้มีการปรับปรุงการปกครองและยกฐานะขึ้นเป็น "จังหวัด" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงปัจจุบัน
การปกครอง
จังหวัดเชียงใหม่แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ 204 ตำบล 2,066 หมู่บ้าน
อำเภอ | ||
---|---|---|
การปกครองส่วนท้องถิ่น
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีจำนวน 211 แห่ง แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด, 1 เทศบาลนคร, 2 เทศบาลเมือง, 94 เทศบาลตำบล และ 113 องค์การบริหารส่วนตำบล มีรายชื่อดังนี้
ศูนย์กลางความเจริญประจำภูมิภาค
เนื่องจากในปัจจุบัน จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ ทำให้มีความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและกระจายไปทั่วจังหวัด โดยกำหนดให้อำเภอขนาดใหญ่ ได้แก่ อำเภอฝางและอำเภอจอมทอง เป็นศูนย์กลางความเจริญประจำภูมิภาคของจังหวัด เพื่อรองรับความเจริญจากเมืองเชียงใหม่ในอนาคต
- อำเภอฝาง - ทางตอนเหนือ มีอำเภอบริวารนับตั้งแต่อำเภอแม่อาย อำเภอเวียงแหง อำเภอไชยปราการ อำเภอเชียงดาว และอำเภอพร้าว
- อำเภอจอมทอง - ทางตอนใต้ มีอำเภอบริวารนับตั้งแต่อำเภอดอยหล่อ อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฮอด อำเภอดอยเต่า และอำเภออมก๋อย
การเลือกตั้ง
จังหวัดเชียงใหม่แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 4 เขต มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 11 คน โดยแต่ละเขตแบ่งออกดังนี้
- เขต 1 ประกอบด้วยอำเภอเมืองเชียงใหม่ หางดง สารภี และสันกำแพง
- เขต 2 ประกอบด้วยอำเภอพร้าว แม่ออน ดอยสะเก็ด สันทราย แม่ริม สะเมิง แม่วาง และสันป่าตอง
- เขต 3 ประกอบด้วยอำเภอแม่อาย ฝาง ไชยปราการ เชียงดาว เวียงแหง และแม่แตง
- เขต 4 ประกอบด้วยอำเภอแม่แจ่ม จอมทอง ดอยหล่อ ฮอด ดอยเต่า และอมก๋อย
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
- สัญลักษณ์ประจำจังหวัด คือ รูปช้างเผือกในเรือนแก้ว หมายถึงความสำคัญ 2 ประการของจังหวัด ซึ่งช้างเผือก คือ ช้างที่เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่นำมาทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) และได้ขึ้นระวางเป็นช้างเผือกเอกในรัชกาล ส่วน เรือนแก้ว คือดินแดนที่พุทธศาสนารุ่งเรืองสูงสุด
- ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกทองกวาว
- ต้นไม้ประจำจังหวัด: ทองกวาว (ชื่อวิทยาศาสตร์:Butea monosperma)
- อักษรย่อ: ชม
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง
จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย เส้นรุ้งที่ 16 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 99 องศาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,027 ฟุต (310 เมตร) ส่วนกว้างจากทิศตะวันตกจรดทิศตะวันออกประมาณ 138 กิโลเมตร ส่วนยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ประมาณ 320 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 750 กิโลเมตรโดยทางรถไฟ และรถยนต์ประมาณ 720 กิโลเมตรตามแนวทางหลวงแผ่นดินสายเหนือ
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ รัฐฉานของสหภาพพม่า โดยมีดอยผีปันน้ำของดอยคำ ดอยปกกลา ดอยหลักแต่ง ดอยถ้ำป่อง ดอยถ้วย ดอยผาวอก และดอยอ่างขางอันเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาแดนลาว เป็นเส้นกั้นอาณาเขต
- ทิศใต้ อำเภอสามเงา อำเภอแม่ระมาด และอำเภอท่าสองยาง (จังหวัดตาก) มีร่องน้ำแม่ตื่นและดอยผีปันน้ำ ดอยเรี่ยม ดอยหลวงเป็นเส้นกั้นอาณาเขต
- ทิศตะวันออก อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า (จังหวัดเชียงราย) อำเภอเมืองปาน อำเภอเมืองลำปาง (จังหวัดลำปาง) อำเภอบ้านธิ อำเภอเมืองลำพูน อำเภอป่าซาง อำเภอเวียงหนองล่อง อำเภอบ้านโฮ่ง และอำเภอลี้ (จังหวัดลำพูน) ส่วนที่ติดจังหวัดเชียงรายและลำปางมีร่องน้ำลึกของแม่น้ำกก สันปันน้ำดอยซาง ดอยหลุมข้าว ดอยแม่วัวน้อย ดอยวังผา และดอยแม่โตเป็นเส้นกั้นอาณาเขต ส่วนที่ติดจังหวัดลำพูนมีดอยขุนห้วยหละ ดอยช้างสูง และร่องน้ำแม่ปิงเป็นเส้นกั้นอาณาเขต
- ทิศตะวันตก อำเภอปาย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวม อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) มีดอยผีปันน้ำ ดอยกิ่วแดง ดอยแปรเมือง ดอยแม่ยะ ดอยอังเกตุ ดอยแม่สุรินทร์ ดอยขุนยวม ดอยหลวง และร่องแม่ริด แม่ออย และดอยผีปันน้ำดอยขุนแม่ตื่นเป็นเส้นกั้นอาณาเขต
จังหวัดเชียงใหม่มีชายแดนติดต่อกับประเทศพม่าเพียงประเทศเดียว และมีพื้นที่ติดต่อใน 5 อำเภอได้แก่
- อำเภอแม่อาย: 4 ตำบลได้แก่ ตำบลแม่อาย ตำบลมะลิกา ตำบลแม่สาว ตำบลท่าตอน เมืองที่ติดต่อคือ เมืองยอน รัฐฉาน
- อำเภอฝาง: 2 ตำบลได้แก่ ตำบลม่อนปิ่น และตำบลแม่งอน เมืองที่ติดต่อคือ บ้านโป่งป่าแขม เมืองต่วน รัฐฉาน
- อำเภอเชียงดาว: 1 ตำบลได้แก่ ตำบลเมืองนะ เมืองที่ติดต่อคือ บ้านน้ำยุม เมืองต่วน รัฐตองยี
- อำเภอเวียงแหง: 3 ตำบลได้แก่ ตำบลเปียงหลวง ตำบลเมืองแหง และตำบลแสนไห เมืองที่ติดต่อคือ บ้านบางใหม่สูง บ้านปางเสือเฒ่า บ้านกองเฮือบิน เมืองต่วน รัฐตองยี
- อำเภอไชยปราการ: 1 ตำบลได้แก่ ตำบลหนองบัว เมืองที่ติดต่อคือ บ้านโป่งป่าแขม เมืองต่วน รัฐฉาน
รวมระยะทางทั้งสิ้น 227 กิโลเมตร พื้นที่เขตแดนส่วนใหญ่เป็นป่าเขา ทำให้ไม่สามารถปักหลักเขตแดนได้อย่างชัดเจน จึงเกิดปัญหาเส้นเขตแดนระหว่างประเทศบ่อยครั้ง
ภูมิประเทศ
จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ 20,107.057 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 12,566,911 ไร่ มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ของภาคเหนือ และเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากจังหวัดนครราชสีมา ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปมีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและป่าละเมาะ มีที่ราบอยู่ตอนกลางตามสองฟากฝั่งแม่น้ำปิง มีภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยคือ ดอยอินทนนท์ สูงประมาณ 2,565.3355 เมตร อยู่ในเขตอำเภอจอมทอง นอกจากนี้ยังมีดอยอื่นที่มีความสูงรองลงมาอีกหลายแห่ง เช่น ดอยผ้าห่มปก สูง 2,285 เมตร ดอยหลวงเชียงดาว สูง 2,170 เมตร ดอยสุเทพ สูง 1,601 เมตร สภาพพื้นที่แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
- พื้นที่ภูเขา ส่วนใหญ่อยู่ทางทิศเหนือ และทิศตะวันตกของจังหวัด คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 80% ของพื้นที่จังหวัด เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธาร ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก
- พื้นที่ราบลุ่มน้ำและที่ราบเชิงเขา กระจายอยู่ทั่วไประหว่างหุบเขาทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ ได้แก่ ที่ราบลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำฝาง ลุ่มน้ำแม่งัด เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเกษตร
ภูมิอากาศ
เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 25.4 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 31.8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20.1 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,100-1,200 มิลลิเมตร สภาพภูมิอากาศจังหวัดเชียงใหม่อยู่ภายใต้อิทธิพลมรสุม 2 ชนิด คือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งภูมิอากาศออกได้เป็น 3 ฤดู ได้แก่
- ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคม
- ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
- ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม
ทรัพยากร
ทรัพยากรป่าไม้
จังหวัดเชียงใหม่มีป่าไม้หลายประเภท ประกอบด้วย ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าเต็งรังผสมป่าสนเขา และป่าแดง เป็นต้น พื้นที่ป่าไม้ ประกอบด้วย ป่าธรรมชาติ สวนป่า และป่าฟื้นฟูตามธรรมชาติ โดยมีพื้นที่ป่าไม้อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 11,694,133 ไร่ (พื้นที่ป่าตามกฎหมาย) คิดเป็นร้อยละ 69.93 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด แบ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 25 แห่ง อุทยานแห่งชาติ 13 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง อุทยานแห่งชาติในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่
นอกจากนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้เกิดขึ้นเป็นประจำ สาเหตุสำคัญเช่น การลักลอบตัดไม้ การบุกรุกเพื่อทำการเกษร และไฟป่า
ทรัพยากรสัตว์ป่า
พื้นที่ป่าในจังหวัด มีความหลากหลายทางชีวภาพ สัตว์ป่าสำคัญที่พบ ได้แก่ เลียงผา หมูป่า หมาจิ้งจอก เสือดาว อีเห็น ชะมด พังพอน ชะนี ลิง เม่น แมวป่า หมูหริ่ง กระต่ายป่า ตะกวด กิ้งก่า งู ตุ๊กแก ด้วง บึ้ง ไก่ป่า นกขมิ้น นกกระรางหัวขวาน นกกระขาบทุ่ง นกขุนทอง นกขุนแผน นกบั่งรอก นกกางเขน นกกาเหว่า นกเขียวคราม นกกระติ๊ต นกกระจิบ นกกระจาบ นกปรอด นกระวังไพร นกแซงแซว นกโพระดก นกนางแอ่น นกคุ่ม นกเขาเขียว นกเขาใหญ่ นกเขาขวาน นกเอี้ยง นกกระปูด เป็นต้น
ทรัพยากรน้ำ
จังหวัดเชียงใหม่มีแม่น้ำสำคัญ คือ แม่น้ำปิง และยังมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด และเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง และยังแบ่งตามพื้นที่ลุ่มน้ำดังนี้
- ลุ่มน้ำปิงตอนบน เป็นลุ่มน้ำที่สำคัญที่สุดในภาคเหนือตอนบน เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำปิง มีพื้นที่ 25,355.9 ตร.กม. สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนมีความลาดชันสูง วางตัวแนวเหนือ-ใต้ พื้นที่ส่วนใหญ่เสี่ยงต่อแผ่นดินถล่มและการชะล้างพังทลายของดินสูง ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบสะวันนา คือ มีฤดูฝนสลับกับฤดูแล้งอย่างชัดเจน และยังมีลุ่มน้ำย่อยอีก 14 ลุ่มน้ำย่อย แม่น้ำที่สำคัญได้แก่ แม่น้ำปิง แม่แตง แม่กวง แม่งัด แม่แจ่ม แม่ขาน และแม่ตื่น
- ลุ่มน้ำกก มีแม่น้ำกกเป็นแม่น้ำสายหลัก มีต้นกำเนิดจากภูเขาในประเทศพม่า ไหลผ่านเมืองกก เมืองสาด ประเทศพม่า เข้าเขตประเทศไทยที่ช่องน้ำกก อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ แล้วไหลเข้าสู่จังหวัดเชียงราย ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ครอบคลุมพื้นที่ 2,773 ตร.กม.
- ลุ่มน้ำฝาง มีแม่น้ำฝางเป็นแม่น้ำสายหลัก ซึ่งมีต้นกำเนิดจากดอยขุนห้วยฝางและดอยหัวโท ทางตอนใต้ของอำเภอไชยปราการ ไหลลงสู่แม่น้ำกก มีความยาวลำน้ำประมาณ 70 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำ 1,948.5 ตร.กม. ในอำเภอไชยปราการ ฝาง และแม่อาย
ทรัพยากรธรณี
จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนที่สำคัญของประเทศ ทำให้ได้รับผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง โดยครั้งที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 ขนาด 5.1 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางในอำเภอแม่ริม ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยในบริเวณอำเภอแม่ริมและอำเภอข้างเคียง ส่วนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรณี มีการผลิตแร่ที่สำคัญ 8 ชนิด ได้แก่ ถ่านหิน เฟลด์สปาร์ (แร่ฟันม้า) แมงกานีส ชีไลต์ ดีบุก ดินขาว ฟลูออไรด์ และแร่หินอุตสาหกรรม และจังหวัดเชียงใหม่ยังมีแหล่งทรัพยากรธรณีที่สำคัญ เช่น แหล่งปิโตรเลียม อำเภอฝาง สภาพทางธรณีวิทยาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ บ่อน้ำพุร้อน อำเภอสันกำแพงและอำเภอฝาง โป่งเดือด อำเภอแม่แตง บ่อน้ำแร่ธรรมชาติ อำเภอแม่ริม เป็นต้น
แผ่นดินไหวในอดีตที่มีศูนย์กลางอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ (ขนาดมากกว่า 4.0 ริกเตอร์) | |||||
<font-size=100%> วันเดือน | <font-size=100%> ปี (พ.ศ.) | <font-size=100%> เวลา (ท้องถิ่น) | <font-size=100%> ขนาด/ความรุนแรง | <font-size=100%> ศูนย์กลางแผ่นดินไหว | <font-size=100%> พิกัด |
2025 | MM VI | จ.เชียงใหม่ | |||
2088 | MM VII | จ.เชียงใหม่ | |||
แรม 4 ค่ำ เดือน 9 | 2258 | MM VI | จ.เชียงใหม่ | ||
26 พฤษภาคม | 2521 | 06:22:29 น. | 4.8 Mw | อ.พร้าว | 19°27' N 99°06' E |
10 กุมภาพันธ์ | 2523 | 09:17:52 น. | 4.2 Mw | จ.เชียงใหม่ | 19°35' N 99°23' E |
20 มิถุนายน | 2525 | 20:20:40 น. | 4.3 Mw | จ.เชียงใหม่ | 18°92' N 99°18' E |
19 กุมภาพันธ์ | 2531 | 01:38:42 น. | 4.2 Mw | จ.เชียงใหม่ | 18°87' N 99°17' E |
8 พฤษภาคม | 2537 | 02:56:00 น. | 4.5 Mw | จ.เชียงใหม่ | 18°30' N 99°20' E |
5 พฤศจิกายน | 2538 | 06:57:00 น. | 4.0 Mw | อ.ฝาง | 19°70' N 98°60' E |
21 ธันวาคม | 2538 | 23:30:00 น. | 5.2 Mw | อ.พร้าว | 19°70' N 99°00' E |
13 กรกฎาคม | 2541 | 09:20:00 น. | 4.1 Mw | อ.ฝาง | 19°70' N 99°10' E |
18 ธันวาคม | 2545 | 20:47:00 น. | 4.3 Mw | อ. เชียงดาว | 19°40' N 99°10' E |
4 ธันวาคม | 2548 | 16.34 น. | 4.1 Mw | อ.แม่วาง | 18°70' N 98°50' E |
13 ธันวาคม | 2549 | 00.02 น. | 5.1 Mw | อ.แม่ริม | 18°93' N 98°97' E |
19 มิถุนายน | 2550 | 12.06 น. | 4.5 Mw | อ.แม่ริม | 18°90' N 99°00' E |
แหล่งข้อมูล: [3] สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา |
ประชากร
จังหวัดเชียงใหม่มีประชากรทั้งสิ้น 1,666,024 คน แยกเป็นชาย 818,958 คน หญิง 851,066 คน ความหนาแน่นเฉลี่ย 83 คน/ตร.กม. (ข้อมูลวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552) ส่วนประชาชนบนพื้นที่สูง มีจำนวนทั้งสิ้น 312,447 คน กระจายอยู่ใน 20 อำเภอ มีกลุ่มชนเผ่าต่างๆ รวม 13 ชนเผ่า แบ่งเป็นชาวเขา 7 เผ่า ได้แก่ กะเหรี่ยง ม้ง เมี่ยน (เย้า) อาข่า (อีก้อ) ลาหู่ (มูเซอ) ลีซอ (ลีซู) และลัวะ จำนวน 229,382 คน เป็นชนกลุ่มน้อย 5 กลุ่ม ได้แก่ ปะหล่อง ไทใหญ่ ไทลื้อ จีนฮ่อ และอื่นๆ รวมจำนวน 34,022 คน
ภาษา
ภาษาราชการที่ใช้ในจังหวัดเชียงใหม่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก และมีภาษาท้องถิ่นซึ่งเรียกว่า ภาษาคำเมือง ซึ่งแต่ละท้องถิ่นของทางภาคเหนือ มีคุณลักษณะของภาษาที่คล้ายๆกัน จะแตกต่างกันเฉพาะ สำเนียงและศัพท์บางคำ แต่ละท้องถิ่นก็จะมีความไพเราะ ต่างกันไปนักท่องเที่ยวที่มาจากถิ่นอื่น ล้วนชื่นชมว่า "ภาษาคำเมืองนั้น มีความไพเราะ นุ่มนวล ยิ่งนักแล"
ศาสนา
ประชากรในจังหวัดเชียงใหม่ นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 91.80 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 5.60 ศาสนาอิสลามร้อยละ 1.17 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและสิกข์ร้อยละ 0.02 และอื่น ๆ ร้อยละ 1.14 โดยมีสำนักสงฆ์ 471 แห่ง โบสถ์คริสต์ 356 แห่ง มัสยิด 13 แห่ง และโบสถ์พราหมณ์ 3 แห่ง
การศึกษา
จังหวัดเชียงใหม่รับรองระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา โดยมีสถานศึกษาทั้งสิ้น 1,146 แห่ง ประกอบด้วยสถาบันอุดมศึกษา 10 แห่ง อาชีวศึกษา 8 แห่ง โรงเรียนนานาชาติ 8 แห่ง สถาบันการศึกษาเอกชน 140 แห่ง สถาบันการศึกษาขั้นพื้นฐาน 893 แห่ง และอื่นๆ
|
ชาวเชียงใหม่ที่มีชื่อเสียง
เจ้านายฝ่ายเหนือ
- เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ ผู้สืบราชตระกูล ณ เชียงใหม่ และผู้สืบเครื่องราชอิสริยาภรณ์เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
- คุณหญิง เจ้าระวีพันธ์ สุจริตกุล - ธิดาเจ้าราชบุตรวงษ์ตวัน ณ เชียงใหม่
- เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ - นักกิจกรรมสังคมชั้นสูง
- เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ - ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่
- เจ้าธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ อดีตรัฐมนตรี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
การเมือง
- หลวงอนุสารสุนทร - ผู้บุกเบิกการค้า และพัฒนาเมืองเชียงใหม่ (พ.ศ. 2410 - 2477)
- พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร - นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย และหัวหน้าอดีตพรรคไทยรักไทย
- ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ - อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
- ร้อยเอกหญิง ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่
โทรทัศน์
- เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา - พิธีกร และดีเจ
- ชมพูนุช คงมล - ผู้ประกาศข่าว ไอทีวี และช่อง 7 สี
- นารากร ติยายน - ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรข่าว ไอทีวี และช่อง 7 สี
- พิสิทธิ์ กีรติการกุล - ผู้ประกาศข่าว และพิธีกร ช่อง 7 สี
- สุภาพร ทองไพฑูรย์ - ผู้ประกาศข่าว ช่อง 7 สี (ศูนย์ข่าว 7 สี เชียงใหม่)
บันเทิง
- เพ็ญพักตร์ ศิริกุล - นักร้อง นักแสดง นางแบบ
- จรัล มโนเพ็ชร - นักร้อง และนักดนตรี โฟล์กซองคำเมือง
- ชรินทร์ นันทนาคร - นักร้องเพลงลูกกรุงไทย
- ณฐิกา ประกอบบุญ - รองนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2544
- ณัฐ ศักดาทร - นักร้อง และนักแสดง (นัท เอเอฟ 4)
- นพวรรณ เลิศชีวกานต์ - นักกีฬาเทนนิสชาวไทย
- นวกชมณ ชื้นครองธรรม - นักร้อง (เกรซ เดอะสตาร์6)
- นภาพล เกียรติศักดิ์โชคชัย - นักกีฬามวยสากลอาชีพ
- นพพล พิทักษ์โล่พานิช - นักแสดง
- ณัฐพัชร์ ธนนนทร์กิติยศ - นักร้อง (ไอซ์ เดอะสตาร์6)
- บุญศรี รัตนัง - นักดนตรี
- วรฐก์ ปิฏกานนท์ - นักแสดง พิธีกร และดีเจ
- นภัสสร ภูธรใจ - นักร้อง (นิว เดอะสตาร์1)
- วันธงชัย อินทรวัตร - นักร้อง และนักแสดง (ต้อล เอเอฟ 4)
- ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล - ผู้กำกับภาพยนตร์ในสังกัดบาแรมยู ของบริษัทสหมงคลฟิล์ม
- ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ - นักร้อง นักแสดง (อ๊อฟ เอเอฟ 1)
- วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล - นักร้อง และนักแสดง
- พิษณุ นิ่มสกุล - นักร้อง นักแสดง พิธีกร (บอย เอเอฟ 2)
- สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว - นักร้อง และนักแสดง (บี้ เดอะสตาร์ 3)
- ลานนา คัมมินส์ - นักร้อง
- สุนทรี เวชานนท์ - นักร้อง และนักดนตรี โฟล์กซองคำเมือง
- ทีป์ชลิต พรหมชนะ - นักร้อง นักแสดง นายแบบ (ทีป์ เอเอฟ 6)
- อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ - นางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2535
- ปิยนุช เสือจงพรู - นักร้อง(จิ๋ว เดอะสตาร์1)
- สันติภาพ อินกองงาม - ผู้กำกับภาพยนตร์อิสระ
- ณิชภูมิ ชัยอนันต์ - ผู้กำกับภาพยนตร์อิสระ สังกัดกลุ่มวายุฟิล์มโปรดักชั่น
- อรรถพล ประกอบของ - นักร้อง(เอ็ม เดอะสตาร์ 2)
- เทอดไท ชัยนิยม - นักร้องศิลปินล้านนา และนักดนตรี คำเมือง
- เหินฟ้า หน้าเลื่อม - นักร้องศิลปินล้านนา และศิลปินตลก คำเมือง
- จิรายุทธ คันธยศ - นักร้อง พิธีกร(แม็ก เดอะสตาร์4)
อื่นๆ
- ไกรศรี นิมมานเหมินท์ - นักวิชาการโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และมานุษยวิทยา บิดานายธารินทร์
- จ้อย จิตติเดชารักษ์ - เจ้าของร้านหนังสือสุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์
- เจริญ มาลาโรจน์ (มาลา คำจันทร์) - นักเขียนรางวัลซีไรท์
- ชาญชัย ศรีสมบัติ นักการศาสนาอิสลาม นายสถานีวิทยุชุมชนมัสยิดอัตตักวา
- ธวัช ตันตรานนท์
- วัชระ ตันตรานนท์
- วิฑูรย์ ใจพรหม - ศิลปิน นักร้องเพลงคำเมือง
- แสงดาว ศรัทธามั่น - กวี นักคิด นักเขียน
- ภานุพงศ์ วงค์ศา - นักฟุตบอลทีมเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ปี 2552
- บุญเสริม สาตราภัย - นักถ่ายภาพเมืองเชียงใหม่ เมื่อสมัย 40-50 ปีที่แล้ว ผลงานภาพถ่ายในอดีตของคุณลุงมีผลต่องานวิชาการ นิทรรศการในปัจจุบันเป็นอย่างมาก และยังป็นนักถ่ายภาพบนเครื่องบินคนแรกของเมืองเชียงใหม่อีกด้วย
รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ | ||
ลำดับ | รายนาม | ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|
1 | พระยาอุดมพงษ์เพ็ญสวัสดิ์ | พ.ศ. 2444 |
2 | พระยายอดเมืองขวาง | ไม่ทราบข้อมูล |
3 | พระยามหินทรบดี | ไม่ทราบข้อมูล |
4 | พระยาวรวิไชยวุฒิกร | ไม่ทราบข้อมูล |
5 | พระยาเพ็ชร์พิสัยศรีสวัสดิ์ (แมน วสันตสิงห์) | พ.ศ. 2461 - พ.ศ. 2471 |
6 | พระยาอนุบาลพายัพกิจ (ปุ่น อาสนจินดา) | พ.ศ. 2471 - พ.ศ. 2481 |
7 | พระยาอมรฤทธิธำรง (พร้อม ณ ถลาง) | พ.ศ. 2481 - พ.ศ. 2484 |
8 | พระชาติตระการ (หม่อมราชวงศ์จิตร์ คะเนจร) | พ.ศ. 2484 - พ.ศ. 2485 |
9 | ขุนประสงค์สุขการี (ประสงค์ ลาภเจริญ) | พ.ศ. 2485 - พ.ศ. 2488 |
10 | นายทวี แรงขำ | 18 มิถุนายน พ.ศ. 2488 - 30 กันยายน พ.ศ. 2489 |
11 | ขุนไตรกิตยานุกูล (อัมพร ไตรกิตยานุกูล) | 22 ตุลาคม พ.ศ. 2489 - 30 มกราคม พ.ศ. 2494 |
12 | นายอุดม บุญยประสพ | 30 มกราคม พ.ศ. 2494 - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2495 |
13 | นายประเสริฐ กาญจนดุล | 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 - 12 มิถุนายน พ.ศ. 2501 |
14 | พ.ต.อ.เนื่อง รายะนาค | 16 มิถุนายน พ.ศ. 2501 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2502 |
15 | นายสุทัศน์ สิริสวย | 31 สิงหาคม พ.ศ. 2502 - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2503 |
16 | พ.ต.อ.นิรันดร ชัยนาม | 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 - 30 กันยายน พ.ศ. 2514 |
17 | นายวิสิษฐ์ ไชยพร | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2514 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 |
18 | นายอาษา เมฆสวรรค์ | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2515 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518 |
19 | นายชลอ ธรรมศิริ | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 |
20 | นายประเทือง สินธิพงษ์ | 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 - 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 |
21 | นายชัยยา พูนศิริวงศ์ | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2523 - 30 กันยายน พ.ศ. 2530 |
22 | นายไพรัตน์ เดชะรินทร์ | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2530 - 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 |
23 | นายชนะศักดิ์ ยุวบูรณ์ | 16 มิถุนายน พ.ศ. 2534 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2536 |
24 | นายวีระชัย แนวบุญเนียร | 18 ตุลาคม พ.ศ. 2536 - 30 กันยายน พ.ศ. 2539 |
25 | นายพลากร สุวรรณรัฐ | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2539 - 11 มกราคม พ.ศ. 2541 |
26 | นายประวิทย์ สีห์โสภณ | 12 มกราคม พ.ศ. 2541 - 22 เมษายน พ.ศ. 2544 |
27 | นายโกสินทร์ เกษทอง | 23 เมษายน พ.ศ. 2544 - 9 ตุลาคม พ.ศ. 2545 |
28 | นายพิสิษฐ เกตุผาสุข | 28 ตุลาคม พ.ศ. 2545 - 4 มิถุนายน พ.ศ. 2546 |
29 | นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ | 5 มิถุนายน พ.ศ. 2546 - 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 |
30 | นายวิชัย ศรีขวัญ | 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 - 30 กันยายน พ.ศ. 2550 |
31 | นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2552 |
32 | ดร.อมรพันธุ์ นิมานันท์ | 16 มีนาคม พ.ศ. 2552 - ปัจจุบัน |
องค์กรบริการสังคม
- สโมสรโรตารีภาค 3360 โรตารีสากล
- สโมสรโรตารีเชียงใหม่
- สโมสรโรตารีช้างเผือกเชียงใหม่
- สโมสรโรตารีล้านนาเชียงใหม่
- สโมสรโรตารีเชียงใหม่ถิ่นไทยงาม
- สโมสรโรตารีเชียงใหม่แอร์พอร์ต
- สโมสรโรตารีหางดง เชียงใหม่
- สโมสรโรตารีสันป่าตอง เชียงใหม่
- สโมสรโรตาแรคท์
- สโมสรโรตาแรคท์มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- สโมสรโรตาแรคท์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- สโมสรโรตาแรคท์มหาวิทยาลัยพายัพ
- สโมสรโรตาแรคท์มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น
- สโมสรอินเตอร์แรคท์
- สโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนสันทรายวิทยาคม
- สโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนเมตตาศึกษา
- สโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
- สโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนรังษีวิทยา
ประเพณีและวัฒนธรรม
เมืองเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน คนเชียงใหม่ได้สั่งสมวัฒนธรรมประเพณีสืบทอดมาจากบรรพบุรุษอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีความผูกพันกับพุทธศาสนาและความเชื่อดั้งเดิม ประเพณีที่สำคัญ ได้แก่
- ปีใหม่เมือง (สงกรานต์) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี เป็นประเพณีที่สำคัญและยิ่งใหญ่ของชาวเชียงใหม่ แบ่งเป็นวันที่ 13 เป็นวันมหาสงกรานต์ มีขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ และพิธีสรงน้ำพระ วันที่ 14 เข้าวัดก่อเจดีย์ทราย และวันที่ 15 เมษายน ประเพณีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และมีการเล่นสาดน้ำตลอดช่วงเทศกาล
- ประเพณียี่เป็ง จัดขึ้นในช่วงวันลอยกระทงของทุกปี ราวเดือนพฤศจิกายน มีการตกแต่งบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ ด้วยโคมชนิดต่างๆ มีการปล่อยโคมลอย มีการลอยกระทง ประกวดกระทงและนางนพมาศ
- ประเพณีเข้าอินทขิล จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่วัดเจดีย์หลวง เป็นการบูชาเสาหลักเมืองโดยการนำดอกไม้ธูปเทียนมาใส่ขันดอก
- เทศกาลร่มบ่อสร้าง จัดขึ้นในเดือนมกราคมของทุกปี ที่ศูนย์หัตถกรรมทำร่มบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง มีการแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน มีการแสดงทางวัฒนธรรม ขบวนแห่ ประเพณีพื้นบ้าน
- มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จัดขึ้นในอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี บริเวณสวนสาธารณะบวกหาด มีขบวนรถบุปผาชาติ และนางงามบุปผาชาติ
- งานไม้แกะสลักบ้านถวาย จัดขึ้นในเดือนมกราคม ที่หมู่บ้านถวาย อำเภอหางดง มีการจำหน่ายและสาธิตการแกะสลักไม้ และหัตถกรรมพื้นบ้าน
- ประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จัดขึ้นในเดือนเมษายน ในวันที่ 15 เป็นต้นไป ของทุกปี ที่บริเวณตัวเมืองจอมทอง มีขบวนรถจากชุมชน ห้างร้าน กลุ่มต่างๆ กว่า 40 ขบวน แห่ไปตามเมืองจอมทอง จนถึงวัดพระบรมธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานานกว่า 200 ปี ตามตำนานเกิดขึ้นที่อำเภอเภอจอมทอง ถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทยและแห่งเดียวในโลก ประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์ กลายเป็นต้นแบบของการแห่ไม้ค้ำสะหลีของชาวล้านนา จนได้รับความนิยมไปทั่วภาคเหนือ และเป็นประเพณีที่เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความนิยมอย่างมาก
การคมนาคม
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองหลักของภาคเหนือ เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและการคมนาคม จึงมีเส้นทางคมนาคมหลักทั้งทางรถยนต์ รถไฟ และทางอากาศ มีทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงจังหวัด และเส้นทางมาตรฐานหลายสาย ทำให้การเดินทางติดต่อภายในจังหวัด การเดินทางสู่จังหวัดใกล้เคียงและกรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความสะดวก
ทางรถยนต์
การเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังจังหวัดเชียงใหม่ใช้ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ผ่านจังหวัดอยุธยา อ่างทอง นครสวรรค์ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดลำปาง แยกซ้าย ผ่านจังหวัดลำพูน จนถึงจังหวัดเชียงใหม่
การเดินทางในตัวจังหวัด
การคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ของจังหวัดเชียงใหม่ระหว่างชนบท หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัดต่าง ๆ มีความสะดวก เพราะมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมติดต่อกัน การเดินทางโดยรถยนต์ระหว่างจังหวัดกับอำเภอ ระยะทางที่ไกลที่สุดคือ อำเภออมก๋อย ระยะทาง 179 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง ระยะทางที่ใกล้ที่สุดคือ อำเภอแม่ริม 8 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 20 นาที โดยระยะทางจากตัวจังหวัด (อำเภอเมืองเชียงใหม่) ไปยังอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ เรียงจากใกล้ไปไกล[4] ดังนี้
|
|
|
สำหรับการเดินทางในตัวจังหวัด จะใช้การจราจรโดยรถส่วนบุคคลหรือรถจักรยานยนต์รวมทั้งจักรยาน สำหรับระบบมวลชนจะมี รถแดง ตุ๊กตุ๊ก รถเมล์ และประมาณ พ.ศ. 2550 เริ่มมีแท็กซี่มิเตอร์ในบริการในจังหวัดเชียงใหม่ โดยรถมีสีเหลือง-น้ำเงิน เป็นแท็กซี่สหกรณ์ ส่วนสีแดง-เหลืองเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคล มีสถานีขนส่งภายในตัวจังหวัดเชื่อมต่ออำเภอต่าง ๆ คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ (สถานีขนส่งช้างเผือก) และสถานีขนส่งระหว่างจังหวัดคือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 2 (สถานีขนส่งอาเขต)
ทางรถไฟ
การคมนาคมทางรถไฟ ปัจจุบันมีรถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยผ่านจังหวัดอยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ลำปาง และลำพูน เปิดการเดินรถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ และรถดีเซลรางปรับอากาศ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ รวมวันละ 14 ขบวน (ไป 7 กลับ 7) และนครสวรรค์-เชียงใหม่ วันละ 2 ขบวน (ไป-กลับ) มีสถานีรถไฟหลักและเป็นสถานีปลายทางในจังหวัดเชียงใหม่ คือสถานีรถไฟเชียงใหม่
ทางอากาศ
การคมนาคมทางอากาศ จังหวัดเชียงใหม่มีท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น รองจากสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ มีเส้นทางบินไป - กลับวันละหลายเที่ยวบิน ทั้งสายการบินภายในประเทศ และสายการบินระหว่างประเทศ โดยสายการบินระหว่างประเทศ มีสายการบินจากเชียงใหม่ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียมีเที่ยวบินโดยตรงจากเชียงใหม่ไปยังหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน ลาว พม่า ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เป็นต้น
ทางรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ
สำหรับระบบรถเมล์ด่วนพิเศษนครเชียงใหม่ (Chiangmai Transit System หรือ CTS) จะเปิดให้บริการในอนาคต แต่ยังติดปัญหาเรื่องงบประมาณและการพิจารณาอนุมัติของสำนักงานขนส่งจังหวัด (สนข.)
ถนนสายสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่
|
|
|
เศรษฐกิจ
จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2550) มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) 120,972 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของภาคเหนือ แบ่งออกเป็น ภาคเกษตร 20,052 ล้านบาทและนอกภาคการเกษตร 100,921 ล้านบาท รายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสาขาพืชผล ปศุสัตว์ และป่าไม้ รองลงมาได้แก่ การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ ของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน มีรายได้ประชากรต่อหัวเฉลี่ย 76,388 บาทต่อคนต่อปี อยู่อันดับที่ 3 ของภาคเหนือ รองจากจังหวัดลำพูน และกำแพงเพชร อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดขยายตัวร้อยละ 3.36 ในปี พ.ศ. 2550 และคาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากปัญหาทางการเมือง ระดับราคาน้ำมันที่สูง แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ส่วนรายได้ของประชากรในเขตชนบทเฉลี่ย 40,987 บาทต่อคนต่อปี (ข้อมูล จปฐ. พ.ศ. 2551) โดยอำเภอที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำที่สุดคือ อำเภออมก๋อย และอำเภอที่มีรายได้เฉลี่ยสูงสุดคือ อำเภอสันกำแพง
การเกษตร
จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ถือครองการเกษตรจำนวน 1.685 ล้านไร่ (ร้อยละ 13.4 ของพื้นที่จังหวัด) เป็นพื้นที่ที่ได้รับน้ำจากชลประทาน 1.304 ล้านไร่ พืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ได้แก่ ลำไย ข้าว ส้ม กระเทียม มะม่วง
การอุตสาหกรรม
จังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนโรงงาน 2,251 แห่ง เงินลงทุน 25,048 ล้านบาท แรงงาน 40,841 คน มีอุตสาหกรรมที่สำคัญ 4 ประเภทได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมขนส่ง และอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีจำนวน 16 โครงการ (พ.ศ. 2551) การลงทุนจากต่างประเทศผ่าน BOI ภาคเหนือ โดยประเทศที่มีการลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่สูงสุด ได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ
การท่องเที่ยว
จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงาม โดยในปี พ.ศ. 2549 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 5,590,326 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวจำนวน 39,785 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศรองจากจังหวัดกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และชลบุรี
การค้าและบริการ
มูลค่าการส่งออกผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2552 มีมูลค่า 4,305.43 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันในปีก่อน ลดลงทั้งปริมาณการส่งออกและราคาสินค้า สาเหตุหลักมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น การแข่งขันด้านราคาสินค้าของประเทศจีน เวียดนาม ที่ใช้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า
กีฬา
ในจังหวัดเชียงใหม่มีการเล่นกีฬาหลายประเภทและมีการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายครั้งที่เชียงใหม่ ซึ่งได้แก่ เอเชียนเกมส์ 1998 (เฉพาะฟุตบอลที่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี) ซีเกมส์ครั้งที่ 18 ฟุตบอลเอเชียเยาวชน 1998 และกีฬาในประเทศ ได้แก่ การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ 3 ครั้ง กีฬาการแข่งขันยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดในปี 2552 [5] และล่าสุดคือกีฬายุวชนอาเซียน
กีฬาอาชีพในเชียงใหม่นั้น มีสโมสรฟุตบอลอาชีพ คือ สโมสรฟุตบอลเชียงใหม่ ซึ่งเป็นทีมจังหวัดที่ประสบความสำเร็จทีมหนึ่งในภาคเหนือ โดยปัจจุบันในปี 2549 เล่นฟุตบอลอาชีพ ใน โปรลีก และในเดือน ตุลาคม 2549 ได้มีแถลงการเปิดบริษัทที่จะสนับสนุนฟุตบอลอาชีพ ในชื่อ "บริษัท พัฒนาธุกิจกีฬา เชียงใหม่" [6]
สถานที่ท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
|
|
สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป
- บ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง
- บ้านถวาย อำเภอหางดง
- ถนนคนเดิน (จัดขึ้นหลายแห่ง)
- เชียงใหม่ไนท์บาซาร์
- งานราชพฤกษ์ 2549
- เวียงกุมกาม อำเภอสารภี
- พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
- สวนสัตว์เชียงใหม่
- เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
- เวียงท่ากาน อำเภอสันป่าตอง
ศาสนสถาน
- วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
- วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
- วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อำเภอจอมทอง
- วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
- วัดสวนดอก (พระอารามหลวง)
- วัดเจ็ดยอด (พระอารามหลวง)
- วัดป่าดาราภิรมย์ อำเภอแม่ริม
- วัดท่าตอน (พระอารามหลวง) อำเภอแม่อาย
- วัดบุพผาราม
- วัดเชียงมั่น
- วัดอุโมงค์
- วัดกู่เต้า
- วัดเกตการาม
ห้างสรรพสินค้า
กำลังทหาร และตำรวจ
- กรมทหารราบที่ 7 ค่ายกาวิละ
- กองบิน 41
- ฝูงบิน 411
- กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5
- ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่
เมืองพี่น้อง
- เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน (พ.ศ. 2543)
- ย็อกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย (พ.ศ. 2550) [7]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2550-2554 ส่วนที่ 1 บทนำ, สืบค้นวันที่ 20 ต.ค. 2552
- ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2550-2554 ภาคผนวก, สืบค้นวันที่ 20 ต.ค. 2552
- ข้อมูลจังหวัดเชียงใหม่, สืบค้นวันที่ 8 ส.ค. 2552
- แผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ปี 53 ข้อมูลทั่วไปจังหวัดเชียงใหม่, สืบค้นวันที่ 8 ส.ค. 2552
- ↑ ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/stat/y_stat.html 2553. สืบค้น 30 มีนาคม 2553.
- ↑ [1] สถิติแผ่นดินไหวที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย, สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา, สืบค้นวันที่ 17 เมษายน 2553
- ↑ การคมนาคมภายในตัวจังหวัด จ.เชียงใหม่ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สืบค้นวันที่ 19 ตุลาคม 2552
- ↑ ยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก เว็บไซด์สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, 8 พ.ค. 2552
- ↑ การแถลงข่าว เปิด บริษัท พัฒนาธุกิจกีฬา เชียงใหม่ จาก หนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์
- ↑ เชียงใหม่ ทำ MOU Sister City กับ ย็อกยาการ์ตา อินโดนีเซีย, สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่, (4 ก.ย. 2550), สืบค้นวันที่ 10 ต.ค. 2550
แหล่งข้อมูลอื่น
18°48′N 98°59′E / 18.8°N 98.98°E
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดเชียงใหม่
- แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแผนที่
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย