เทศบาลนครเชียงใหม่
เทศบาลนครเชียงใหม่ | |
|---|---|
จากบนสุด ซ้ายไปขวา: ภาพมุมกว้างตัวเมืองเชียงใหม่, คูเมืองด้านตะวันออก, วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร, ภาพถ่ายจากดอยสุเทพ, ประตูท่าแพ, รถสี่ล้อแดง และวัดเชียงมั่น | |
| สมญา: นครพิงค์ | |
| คำขวัญ: นครแห่งวัฒนธรรม เลิศล้ำประเพณีล้านนา เปี่ยมสุขปวงประชา งามล้ำค่านครพิงค์[1] | |
![]() | |
| พิกัด: 18°47′43″N 98°59′55″E / 18.79528°N 98.99861°E | |
| ประเทศ | |
| จังหวัด | เชียงใหม่ |
| อำเภอ | เมืองเชียงใหม่ |
| การปกครอง | |
| • นายกเทศมนตรี | อัศนี บูรณุปกรณ์ |
| พื้นที่ | |
| • ทั้งหมด | 40.22 ตร.กม. (15.53 ตร.ไมล์) |
| ความสูง | 304 เมตร (997 ฟุต) |
| ประชากร (2562)[2] | |
| • ทั้งหมด | 127,240 คน |
| • ความหนาแน่น | 3,163.60 คน/ตร.กม. (8,193.7 คน/ตร.ไมล์) |
| รหัส อปท. | 03500102 |
| สนามบิน | ท่าอากาศยานเชียงใหม่ |
| ทางหลวง | |
| ที่อยู่ สำนักงาน | สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ เลขที่ 1 ถนนวังสิงห์คำ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50300 |
| โทรศัพท์ | 0 5325 9000 |
| เว็บไซต์ | cmcity |
เทศบาลนครเชียงใหม่ (ไทยถิ่นเหนือ:
) เป็นเทศบาลนครที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือของประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นเมืองเอกของจังหวัดเชียงใหม่ มีระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือประมาณ 687 กิโลเมตร (427 ไมล์) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา และแวดล้อมด้วยภูเขาสูง โดยมีดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดของประเทศอยู่ใกล้เคียง พื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่มีขนาด 40.22 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมส่วนใหญ่ของอำเภอเมืองเชียงใหม่ และมีประชากรประมาณ 130,000 คน[2] นับเป็นเทศบาลนครแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นเทศบาลที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 7 ของประเทศ ในขณะที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่รวมเทศบาลรอบข้าง มีประชากรรวมถึงประชากรแฝงรวมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากและหนาแน่นประมาณ 1,244,187 คน โดยประมาณ นับเป็นหนึ่งในเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ และของประเทศไทย[3]
เชียงใหม่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 1839 โดยพญามังราย และดำรงสถานะเมืองหลวงมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ จนกระทั่งตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรสยามในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ภูมิทัศน์เมืองยังคงสะท้อนเอกลักษณ์ล้านนาอย่างชัดเจน ทั้งในแง่สถาปัตยกรรม เช่น วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร และวัดเชียงมั่น รวมถึงระบบกำแพงเมืองและคูเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เมืองจึงเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า
ในปัจจุบัน เชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางหลักของการท่องเที่ยวในประเทศไทย ด้วยภูมิอากาศที่เย็นสบายโดยเฉพาะในฤดูหนาว ทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม และเทศกาลทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น เช่น ประเพณียี่เป็ง งานไม้ดอกไม้ประดับ และสงกรานต์ล้านนา อีกทั้งยังมีความเจริญในระดับเมืองใหญ่ เป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาและศูนย์กลางด้านบริการสุขภาพระหว่างประเทศ เชียงใหม่จึงมีบทบาทในระดับภูมิภาคทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และวัฒนธรรม อย่างสมดุลระหว่างความทันสมัยกับการรักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่น
ประวัติ
[แก้]ชื่อของเชียงใหม่หมายความว่า "เมืองใหม่" เนื่องจากเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของอาณาจักรล้านนา ซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ. 1839 แทนเมืองเชียงราย อดีตนครหลวงที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 1805[4]: 208–209
เทศบาลนครเชียงใหม่ เมื่อเริ่มแรกมีฐานะเป็นเพียงสุขาภิบาลเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458[5] และยังขึ้นตรงต่อมณฑลพายัพ แต่ต่อมาเมื่อประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในปี พ.ศ. 2475 สภาผู้แทนราษฎรจึงมีมติสมควรจัดตั้งชุมชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นสุขาภิบาลให้มีฐานะเป็น เทศบาล โดยในครั้งนั้นนครเชียงใหม่ได้รับฐานะใหม่จากสุขาภิบาลเมืองเชียงใหม่ขึ้นเป็น "เทศบาลนครเชียงใหม่" ในปี พ.ศ. 2478[6] ถือได้ว่าเป็นเทศบาลนครแห่งแรกของไทย มีนายวรการบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์) เป็นนายกเทศมนตรีคนแรก
เทศบาลนครเชียงใหม่มีการขยายเขตเทศบาลให้กว้างขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2526[7]
ทำเนียบนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่
[แก้]| รายชื่อนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ | ||
| สมัย | ชื่อ | วาระ (พ.ศ.) |
|---|---|---|
| 1 | นายวรการบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์) | 2479 - 2480 |
| 2 | หลวงคุรุวาทพิทักษ์ (ศิริ จุลกาญจน์) | 2480 |
| 3 | พระศักดิ์ศัลยาวุธ (เยี่ยม สุคนธทรัพย์) | 22 ก.ย. 80 - 24 ก.ย. 80 |
| 4 | หลวงคุรุวาทพิทักษ์ (ศิริ จุลกาญจน์) | 2480 - 2481 |
| 5 | หลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) | 2481 - 2484 |
| 6 | หลวงคุรุวาทพิทักษ์ (ศิริ จุลกาญจน์) | 2484 - 2486 |
| 7 | ศรี บุญเฉลียว | 2487 |
| 8 | หลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) | 2487 - 2489 |
| 9 | พระยาอนุบาลพายัพกิจ (บุ้น อาสนจินดา) | 2489 |
| 10 | ร้อยเอก หลวงสำเริงณรงค์ (ทองคำ รัตนัย) | 2490 - 2492 |
| 11 | ภิญโญ อินทวิวัฒน์ | 2492 |
| 12 | เฉลิม ยูปานนท์ | 2 พ.ย. 92 - 22 พ.ย. 92 |
| 13 | หลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) | 2492 - 2496 |
| 14 | หลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) | 2496 |
| 15 | ประเสริฐ กาญจนดุล | 2496 - 2497 |
| 16 | หลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) | 2497 - 2499 |
| 17 | สุชาติ สุจริตกุล | 2499 - 2501 |
| 18 | นายแพทย์ จินดา สิงหเนตร | 2501 |
| 19 | เรือง นิมมานเหมินท์ | 2501 - 2503 |
| 20 | หลวงประสิทธิ์บุรีรักษ์ | 2503 - 2505 |
| 21 | สุวรรณ กฤตธรรม | 2505 - 2507 |
| 22 | ทิม โชตนา | 2507 - 2512 |
| 23 | ปรีดา พัฒนถาบุตร | 2512 - 2513 |
| 24 | ทิม โชตนา | 2513 - 2515 |
| 25 | ทิม โชตนา | 2515 - 2517 |
| 26 | วัลลภ กิตติวัชรินทร์ | 2517 |
| 27 | ณรงค์ ศักดาทร | 2517 |
| 28 | เรือง นิมมานเหมินทน์ | 2517 - 2519 |
| 29 | จรัล สุขเกษม | 2519 - 2521 |
| 30 | ชุณห์ พุกกะชาติกุล | 2521 - 2523 |
| 31 | ร้อยเอก กนก รัตนัย | 2523 - 2526 |
| 32 | ศรีสวัสดิ์ อารีพันธ์ | 2526 - 2528 |
| 33 | วรกร ตันตรานนท์ | 2528 - 2533 |
| 34 | วรกร ตันตรานนท์ | 2533 - 2538 |
| 35 | พันเอก (พิเศษ) สกล กลันทะกะสุวรรณ | 2538 - 2539 |
| 36 | ภักดี ชมภูมิ่ง (แต่งตั้ง) | 2539 |
| 37 | พยูณ มีทองคำ (แต่งตั้ง) | 2539 |
| 38 | พันเอก (พิเศษ) สกล กลันทะกะสุวรรณ | 2539 - 2541 |
| 39 | บุษบา ยอดบางเตย | 2541 |
| 40 | ปกรณ์ บูรณุปกรณ์ | 2541 - 2542 |
| 41 | ปกรณ์ บูรณุปกรณ์ | 2542 - 2543 |
| 42 | บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ | 2543 - 2546 |
| 43 | บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ | 2546 - 2550 |
| 44 | ร้อยเอกหญิง เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ | 2550 - 2552 |
| 45 | ทัศนัย บูรณุปกรณ์ | 2552 - 2556 |
| 46 | ทัศนัย์ บูรณุปกรณ์ | 2556 - 2564 |
| 47 | อัศนี บูรณุปกรณ์ | 2564 - 2568 |
| 48 | อัศนี บูรณุปกรณ์ | 2568 - ปัจจุบัน |
ภูมิศาสตร์
[แก้]ที่ตั้งและลักษณะของชุมชน
[แก้]เทศบาลนครเชียงใหม่มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 40.216 ตารางกิโลเมตร โดยครอบคลุมพื้นที่ 14 ตำบลของอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้แก่ ตำบลหายยา ตำบลช้างม่อย ตำบลศรีภูมิ ตำบลวัดเกต ตำบลช้างคลาน ตำบลพระสิงห์ ตำบลสุเทพ ตำบลป่าแดด ตำบลฟ้าฮ่าม ตำบลหนองป่าครั่ง ตำบลท่าศาลาบางส่วน ตำบลป่าตัน ตำบลหนองหอย และตำบลช้างเผือก
ชุมชนเมืองเชียงใหม่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปิงตอนกลางเชิงดอยสุเทพ มีแม่น้ำปิงไหลผ่านใจกลางเมืองในแนวเหนือ–ใต้ ส่วนชุมชนดั้งเดิมหรือบริเวณเมืองเก่าตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ต่อมาเมื่อชุมชนได้พัฒนาให้มีความเจริญขึ้น โดยมีการขยายตัวข้ามแม่น้ำปิงมาทางฝั่งตะวันออก และภายหลังจากที่ได้มีการตัดถนนอ้อมเมือง ชุมชนได้พัฒนาออกไปหลายทิศทางตามเส้นทางคมนาคม และโครงข่ายสาธารณูปโภค ธุรกิจการพัฒนาที่ดินและที่พักอาศัยได้ขยายตัวเป็นอย่างมาก สภาพที่แท้จริงของชุมชนเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบันไม่ได้คงอยู่แต่เฉพาะในเขตเทศบาลเท่านั้น แต่ได้ขยายออกไปตามบริเวณชานเมืองและชนบทโดยรอบ อย่างเช่น เขตอำเภอหางดง อำเภอสันทราย อำเภอแม่ริม อำเภอสารภี อำเภอสันกำแพง และอำเภอดอยสะเก็ด เป็นต้น
อาณาเขต
[แก้]เทศบาลนครเชียงใหม่มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับตำบลสันผีเสื้อ และอำเภอแม่ริม
- ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลหนองหอย และตำบลป่าแดด
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับตำบลหนองป่าครั่ง และตำบลฟ้าฮ่ามบางส่วน
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]

เทศบาลนครเชียงใหม่แบ่งการปกครอง ออกเป็น 4 แขวง ได้แก่
- แขวงนครพิงค์ มีพื้นที่ 11.7 ตารางกิโลเมตร
- แขวงกาวิละ มีพื้นที่ 11.4 ตารางกิโลเมตร
- แขวงเม็งราย มีพื้นที่ 7.7 ตารางกิโลเมตร
- แขวงศรีวิชัย มีพื้นที่ 9.2 ตารางกิโลเมตร
โดยแขวงนครพิงค์ แขวงเม็งราย และแขวงศรีวิชัย ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ส่วนแขวงกาวิละตั้งอยู่ฝั่งตะวันออก แต่ละแขวงตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ทิศตะวันตก ทิศใต้ และทิศตะวันออกของเมืองตามลำดับ ส่วนเขตใจกลางเมือง ซึ่งอยู่ในกำแพงเมือง จะอยู่ในแขวงศรีวิชัยเป็นส่วนใหญ่
แบ่งออกเป็น 97 ชุมชน ดังนี้
| แขวงนครพิงค์ | แขวงกาวิละ | แขวงเม็งราย | แขวงศรีวิชัย |
|---|---|---|---|
| ชุมชนบ้านท่อ | ชุมชนบ้านใหม่พัฒนา | ชุมชน 5 ธันวา | ชุมชนสวนดอก |
| ชุมแม่หยวก | ชุมชนสันนาลุง | ชุมชนแม่ขิง | ชุมชนศรีวิชัย |
| ชุมชนเมืองคลัง | ชุมชน 12 สิงหา | ชุมชนศาลาแดง | ชุมชนวัดโลกโมฬี |
| ชุมชนศรีมงคล | ชุมชนรถไฟสามัคคี | ชุมชนช้างคลาน | ชุมชนช่างแต้ม |
| ชุมชนป่าตัน | ชุมชนไขแก้ว | ชุมชนกำแพงงาม | ชุมชนสามัคคีพัฒนา |
| ชุมชนหมู่บ้านเทียมพร | ชุมชนขนส่ง ซอย 9 | ชุมชนวัดศรีปิงเมือง | ชุมชนป่าห้า |
| ชุมชนพัฒนาบ้านกู่เต้า | ชุมชนท่าสะต๋อย | ชุมชนลอยเคราะห์ | ชุมชนเอราวัณซอย 4 |
| ชุมชนเชียงมั่น | ชุมชนเมืองสาตรหลวง | ชุมชนชัยมงคลบ้านเม็ง | ชุมชนคูปู่ลูน |
| ชุมชนป่าเป่า | ชุมชน ร.7 พัน1 | ชุมชนพวกเปียร่วมใจพัฒนา | ชุมชนแจ่งหัวริน |
| ชุมชนล่ามช้าง | ชุมชนเมืองสาตรน้อย | ชุมชนศรัทธาวัดหัวฝาย | ชุมชนอินทนิล |
| ชุมชนศรีลานนา | ชุมชนต้นขาม | ชุมชนช้างฆ้อง | ชุมชนทานตะวัน |
| ชุมชนป่าแพ่ง-วังสิงห์คำ | ชุมชนศรีสร้อยทรายมูล | ชุมชนวัดพันอ้น | ชุมชนบวกหาด |
| ชุมชนเชียงยืน | ชุมชนบบ้านแพะ | ชุมชนระแกง | ชุมชนวัดหมื่นเงินกอง |
| ชุมชนหมู่บ้านอุ่นอารี | ชุมชนศรีปันครัว | ชุมชนวัดธาตุคำ | ชุมชนพวกแต้ม |
| ชุมชนข่วงสิงห์พัฒนา | ชุมชนหนองประทีป | ชุมชนป่าพร้าวนอก | ชุมชนควรค่าม้าสามัคคีพัฒนา |
| ชุมชนวัดชมพูช้างม่อย | ชุมชนบ้านสันป่าข่อย | ชุมชนทิพย์เนตร | ชุมชนเจดีย์ปล่อง |
| ชุมชนวัดเชตวัน | ชุมชนกู่คำ | ชุมชนวัดศรีสุพรรณ | ชุมชนวัดพระเจ้าเม็งรายสามัคคี |
| ชุมชนบ้านปิง | ชุมชนบ้านวัดเกต | ชุมชนหมื่นสารบ้านวัวลาย | |
| ชุมชนหลิ่งกอก | ชุมชนหนองหอย | ชุมชนฟ้าใหม่พัฒนาราม | |
| ชุมชนบ้านเอื้ออาทรป่าตัน | ชุมชนบ้านเด่นสามัคคี | ชุมชนวัดนันทนาราม | |
| ชุมชนโชตนา | ชุมชนหนองป่าครั่ง | ชุมชนวัดดาวดึงษ์ | |
| ชุมชนหนองเส้ง-ฟ้าฮ่าม | ชุมชนหมื่นตูม | ||
| ชุมชนศรัทธาวัดเมืองกาย | ชุมชนทิพย์รัตน์วิลล่า | ||
| ชุมชนการเคหะเชียงใหม่ | ชุมชนวัดผ้าขาว | ||
| ชุมชนมงฟอร์ตวิลล่า | ชุมชนเชียงใหม่แลนด์ | ||
| ชุมชนฟ้าฮ่าม | ชุมชนอินทรนุรักษ์ | ||
| ชุมชนการเคหะหนองหอย | ชุมชนทรายมูลเมือง | ||
| ชุมชนการเคหะหนองหอย 2 | ชุมชนวัดศรีดอนไชย-เจริญประเทศ | ||
| ชุมชนบ้านเด่นพัฒนา | ชุมชนหมู่บ้านเวียงทอง | ||
| ชุมชนวัดบ้านฮ่อม |
ภูมิอากาศ
[แก้]| ข้อมูลภูมิอากาศของเทศบาลนครเชียงใหม่ (2504–2533) | |||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
| อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | 34.1 (93.4) |
37.3 (99.1) |
39.5 (103.1) |
41.3 (106.3) |
41.4 (106.5) |
37.5 (99.5) |
37.5 (99.5) |
36.5 (97.7) |
36.1 (97) |
35.3 (95.5) |
34.5 (94.1) |
33.0 (91.4) |
41.4 (106.5) |
| อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 28.9 (84) |
32.2 (90) |
34.9 (94.8) |
36.1 (97) |
34.1 (93.4) |
32.3 (90.1) |
31.7 (89.1) |
31.1 (88) |
31.3 (88.3) |
31.1 (88) |
29.8 (85.6) |
28.3 (82.9) |
31.8 (89.2) |
| อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F) | 20.5 (68.9) |
22.9 (73.2) |
26.4 (79.5) |
28.7 (83.7) |
28.1 (82.6) |
27.3 (81.1) |
27.0 (80.6) |
26.6 (79.9) |
26.5 (79.7) |
25.8 (78.4) |
23.8 (74.8) |
21.0 (69.8) |
25.4 (77.7) |
| อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 13.7 (56.7) |
14.9 (58.8) |
18.2 (64.8) |
21.8 (71.2) |
23.4 (74.1) |
23.7 (74.7) |
23.6 (74.5) |
23.4 (74.1) |
23.0 (73.4) |
21.8 (71.2) |
19.0 (66.2) |
15.0 (59) |
20.1 (68.2) |
| อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | 3.7 (38.7) |
7.3 (45.1) |
10.0 (50) |
15.8 (60.4) |
19.6 (67.3) |
20.0 (68) |
20.5 (68.9) |
20.7 (69.3) |
16.8 (62.2) |
13.3 (55.9) |
6.0 (42.8) |
5.0 (41) |
3.7 (38.7) |
| ปริมาณฝน มม (นิ้ว) | 6.9 (0.272) |
4.6 (0.181) |
13.0 (0.512) |
50.1 (1.972) |
158.4 (6.236) |
131.6 (5.181) |
160.8 (6.331) |
236.0 (9.291) |
227.6 (8.961) |
121.9 (4.799) |
52.8 (2.079) |
19.8 (0.78) |
1,183.5 (46.594) |
| วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย | 1 | 1 | 2 | 6 | 15 | 17 | 19 | 21 | 17 | 11 | 6 | 2 | 118 |
| จำนวนชั่วโมงที่มีแดด | 282.1 | 276.9 | 279.0 | 270.0 | 266.6 | 180.0 | 155.0 | 142.6 | 174.0 | 223.2 | 234.0 | 257.3 | 2,740.7 |
| แหล่งที่มา 1: Thai Meteorological Department[8] | |||||||||||||
| แหล่งที่มา 2: หอสังเกตการณ์ฮ่องกง[9], NOAA (extremes)[10] | |||||||||||||
สัญลักษณ์
[แก้]ดวงตราสัญลักษณ์ของเทศบาลนครเชียงใหม่ เป็นรูปพระบรมธาตุดอยสุเทพตั้งตระหง่านอยู่บนปุยเมฆ และยังมีพญานาค รวงข้าว และลายดอกประจำยาม ในดวงตราสัญลักษณ์อีกด้วย
- พระบรมธาตุดอยสุเทพ สถานที่ซึ่งเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงยังเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ที่แห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของพระพุทธศาสนิกชนแสดงถึงการเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนาในภาคเหนือที่รุ่งเรืองมายาวนานทุกสมัย
- ปุยเมฆ เป็นตัวบ่งบอกลักษณะสภาพอากาศโดยทั่วไปของนครเชียงใหม่ ที่เย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี
- พญานาค ซึ่งตามประวัติความเป็นมานั้น พญานาคถือว่าเป็นผู้ให้น้ำ และในที่นี้หมายถึง แม่น้ำปิง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านนครเชียงใหม่
- รวงข้าว เปรียบดังความอุดมสมบูรณ์ของเมือง ที่มีพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปีเช่นกัน
ประชากรศาสตร์
[แก้]| ปี | ประชากร | ±% |
|---|---|---|
| 2528 | 150,537 | — |
| 2532 | 159,279 | +5.8% |
| 2537 | 170,348 | +6.9% |
| 2540 | 172,290 | +1.1% |
| 2543 | 171,712 | −0.3% |
| 2546 | 158,720 | −7.6% |
| 2549 | 150,021 | −5.5% |
| 2552 | 142,970 | −4.7% |
| 2555 | 135,757 | −5.0% |
| 2558 | 132,556 | −2.4% |
| 2561 | 129,536 | −2.3% |
| ที่มา: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[2] | ||
เทศบาลนครเชียงใหม่มีประชากรทั้งหมด 129,536 คน แบ่งเป็น ชาย 60,829 คน หญิง 68,707 คน จำนวนบ้านเรือน 89,238 หลังคาเรือนข้อมูล ณ สิ้นปี 2561[11] ในปัจจุบันเทศบาลนครเชียงใหม่กลายเป็นศูนย์กลางความเจริญทุก ๆ ด้านของภูมิภาค ทำให้มีประชากรแฝง อพยพมาอาศัยในเทศบาลนครเชียงใหม่ มากกว่า 1.2 ล้านคน[12] และมีประชากรในต่างอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาใช้บริการในเขตเมืองในเวลากลางวัน และอพยพออกไปในเวลากลางคืนประมาณ 250,000 คนต่อวัน[12] ในขณะที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่รวมเทศบาลรอบข้าง มีประชากรรวมถึงประชากรแฝงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากและหนาแน่นประมาณ 1,244,187 คน โดยประมาณ นับเป็นหนึ่งในเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ และของประเทศไทย[13]
ภาษา
[แก้]ภาษาราชการที่ใช้ในจังหวัดเชียงใหม่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก และมีภาษาท้องถิ่นซึ่งเรียกว่า ภาษาคำเมือง ซึ่งแต่ละท้องถิ่นของทางภาคเหนือ มีคุณลักษณะของภาษาที่คล้าย ๆ กัน จะแตกต่างกันเฉพาะสำเนียงและศัพท์บางคำ แต่ละท้องถิ่นก็จะมีความไพเราะ ต่างกันไปนักท่องเที่ยวที่มาจากถิ่นอื่น ล้วนชื่นชมว่า "ภาษาคำเมืองนั้น มีความไพเราะ นุ่มนวล ยิ่งนักแล"
ศาสนา
[แก้]ประชากรในเทศบาลนครเชียงใหม่ นับถือศาสนาพุทธ 91.80% ศาสนาคริสต์ 5.60% ศาสนาอิสลาม 1.17% ศาสนาฮินดูและศาสนาซิกข์ 0.02% และอื่น ๆ 1.14%
ประเพณีและวัฒนธรรม
[แก้]นครเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน คนเชียงใหม่ได้สั่งสมวัฒนธรรมประเพณีสืบทอดมาจากบรรพบุรุษอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีความผูกพันกับพุทธศาสนาและความเชื่อดั้งเดิม ประเพณีที่สำคัญ ได้แก่
- ปีใหม่เมือง หรือ สงกรานต์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13–15 เมษายนของทุกปี เป็นประเพณีที่สำคัญและยิ่งใหญ่ของชาวเชียงใหม่ แบ่งเป็นวันที่ 13 เป็นวันมหาสงกรานต์ มีขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ และพิธีสรงน้ำพระ วันที่ 14 เข้าวัดก่อเจดีย์ทราย และวันที่ 15 เมษายน ประเพณีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และมีการเล่นสาดน้ำตลอดช่วงเทศกาล
- ประเพณียี่เป็ง จัดขึ้นในช่วงวันลอยกระทงของทุกปี ราวเดือนพฤศจิกายน มีการตกแต่งบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ ด้วยโคมชนิดต่าง ๆ มีการปล่อยโคมลอย มีการลอยกระทง ประกวดกระทงและนางนพมาศ
- ประเพณีเข้าอินทขิล จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นการบูชาเสาหลักเมืองโดยการนำดอกไม้ธูปเทียนมาใส่ขันดอก
- มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จัดขึ้นในอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี บริเวณสวนสาธารณะบวกหาด มีขบวนรถบุปผาชาติ และนางงามบุปผาชาติ
การศึกษา
[แก้]
ในปี พ.ศ. 2550 เทศบาลนครเชียงใหม่มีโรงเรียนในสังกัดจำนวน 11 แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวน 1 แห่ง มีจำนวนห้องเรียนทั้งสิ้น 162 ห้อง มีจำนวนครูทั้งสิ้น 273 คน และมีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 4,289 คน
|
|
การขนส่ง
[แก้]นครเชียงใหม่เป็นเมืองหลักของภาคเหนือ เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและการคมนาคม จึงมีเส้นทางคมนาคมหลักทั้งทางบก และทางอากาศ มีทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงจังหวัด และเส้นทางมาตรฐานหลายสาย ทำให้การเดินทางติดต่อภายในจังหวัด การเดินทางสู่จังหวัดใกล้เคียงและกรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความสะดวก
ทางถนน
[แก้]

การเดินทางจากกรุงเทพมหานครมายังนครเชียงใหม่ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดชัยนาท จากนั้นเข้าสู่ถนนพหลโยธินอีกครั้ง ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก และจังหวัดลำปาง แล้วแยกซ้ายใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์) ผ่านจังหวัดลำพูน เข้าจังหวัดเชียงใหม่ จนถึงเขตเทศบาล
สำหรับการเดินทางในเทศบาลนครจะใช้การจราจรโดยรถส่วนบุคคลหรือรถจักรยานยนต์รวมทั้งจักรยาน สำหรับระบบมวลชนจะมี รถแดง รถตุ๊กตุ๊ก รถโดยสารประจำทาง และประมาณ พ.ศ. 2550 เริ่มมีแท็กซี่มิเตอร์ในบริการในจังหวัดเชียงใหม่ โดยรถมีสีเหลือง-น้ำเงินเป็นแท็กซี่สหกรณ์ ส่วนสีแดง-เหลืองเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคล มีสถานีขนส่งภายในตัวจังหวัดเชื่อมต่ออำเภอต่าง ๆ คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 1 (สถานีขนส่งช้างเผือก) และสถานีขนส่งระหว่างจังหวัด คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 2 และสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 3 (สถานีขนส่งอาเขต)
ส่วนระบบรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษนครเชียงใหม่ (อังกฤษ: Chiangmai Transit System) จะเปิดให้บริการในอนาคต แต่ยังติดปัญหาเรื่องงบประมาณและการพิจารณาอนุมัติของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
ทางราง
[แก้]
การคมนาคมทางรถไฟ ปัจจุบันมีรถไฟสายกรุงเทพ–เชียงใหม่ โดยผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา–ลพบุรี–นครสวรรค์–พิษณุโลก–อุตรดิตถ์–แพร่–ลำปาง–ลำพูน เปิดการเดินรถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ และรถดีเซลรางปรับอากาศ รวมวันละ 14 ขบวนไป–กลับ และนครสวรรค์–เชียงใหม่ วันละ 2 ขบวนไป–กลับ มีสถานีรถไฟหลักและเป็นสถานีปลายทางในนครเชียงใหม่ คือ สถานีรถไฟเชียงใหม่
ทางอากาศ
[แก้]
นครเชียงใหม่มีเส้นทางเชื่อมโยงกับท่าอากาศยานเชียงใหม่ ที่มีความหนาแน่นของผู้ใช้บริการเป็นอันดับ 4 ของประเทศรองจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ตามลำดับ โดยมีเที่ยวบินไป–กลับวันละหลายเที่ยวบิน ทั้งสายการบินภายในประเทศ และสายการบินระหว่างประเทศ โดยสายการบินระหว่างประเทศ มีสายการบินในแถบเอเชียมีเที่ยวบินโดยตรงจากเชียงใหม่ไปยังหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศลาว ประเทศพม่า ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น
สถานที่สำคัญ
[แก้]
- เชียงใหม่ไนท์บาซาร์
เมืองพี่น้อง
[แก้]
นครอูโอซุ จังหวัดโทยามะ ประเทศญี่ปุ่น (พ.ศ. 2532)[14]
จังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น (พ.ศ. 2535)[14]
นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน (พ.ศ. 2542)[14]
นครฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง ประเทศจีน (พ.ศ. 2551)[14]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ข้อมูลเทศบาล เทศบาลนครเชียงใหม่
- 1 2 3 รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้าน ประจำปี พ.ศ. 2561 ท้องถิ่นเทศบาลนครเชียงใหม่ ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง
- ↑ https://statisticstimes.com/demographics/country/thailand-cities-population.php List of cities in Thailand by population
- ↑ Coedès, George (1968). Walter F. Vella (บ.ก.). The Indianized States of Southeast Asia. trans.Susan Brown Cowing. University of Hawaii Press. ISBN 978-0-8248-0368-1.
- ↑ ประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลเมืองเชียงใหม่ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 30 ตอนที่ 0 ก ลงวันที่ 8 มีนาคม 2456
- ↑ พระราชบัญญัติจัดตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ พุทธศักราช ๒๔๗๘ เก็บถาวร 2011-11-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 80 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2478
- ↑ พระราชกฤษฎีกา เปลี่ยนแปลงเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เก็บถาวร 2021-07-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 100 ตอนที่ 53 ลงวันที่ 5 เมษายน 2526
- ↑ "30 year Average (1961-1990) - CHIANG MAI". Thai Meteorological Department. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-04. สืบค้นเมื่อ 2010-04-20.
- ↑ "Climatological Information for Chiang Mai, Thailand". Hong Kong Observatory. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-27. สืบค้นเมื่อ 2010-10-28.
- ↑ "Climate Normals for Chiang Mai". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 1 February 2013.
- ↑ รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้าน ประจำปี พ.ศ. 2559 - ท้องถิ่นเทศบาลนครเชียงใหม่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
- 1 2 RYT9 - บ้านเมือง, ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยมต้นแบบแก้ปัญหาเมือง[ลิงก์เสีย]
- ↑ https://statisticstimes.com/demographics/country/thailand-cities-population.php List of cities in Thailand by population
- 1 2 3 4 บรรยายสรุปจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2555 เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน หน้า 39. สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่

