ข้ามไปเนื้อหา

ประวัติศาสตร์เชียงใหม่ (พ.ศ. 2101–2317)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก แคว้นล้านนา)
หัวเมืองเชียงใหม่

ᩉ᩠ᩅᩫ​ᨾᩮᩬᩥᨦ​ᨩ᩠ᨿᨦ​ᩉᩲ᩠ᨾ᩵
พ.ศ. 2101–พ.ศ. 2317
สถานะประเทศราช
ของกรุงหงสาวดี กรุงศรีอยุธยา และกรุงอังวะ
เมืองหลวงเวียงเชียงใหม่
ภาษาทั่วไปไทยวน
การปกครองราชาธิปไตย
ประวัติศาสตร์ 
 ทัพพระเจ้าบุเรงนองยึดครองล้านนา
พ.ศ. 2101
 นรธาเมงสอสวามิภักดิ์กรุงศรีอยุธยา
พ.ศ. 2139
 พระเจ้าอะเนาะเพะลูนตีเชียงใหม่
พ.ศ. 2157 ไทยสากล
 พระเจ้าตาลูนตีเชียงใหม่
พ.ศ. 2174 ไทยสากล
 ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของพม่า
พ.ศ. 2207 ไทยสากล
 แยกตัวเป็นอิสระ
พ.ศ. 2270 ไทยสากล
 ราชวงศ์โก้นบองยึดครองเชียงใหม่
พ.ศ. 2306 ไทยสากล
 ทัพพม่าถูกขับจากเชียงใหม่
พ.ศ. 2317
ก่อนหน้า
ถัดไป
อาณาจักรล้านนา
2157:
นครรัฐเชียงแสน
2270:
นครลำปาง
นครลำพูน
นครแพร่
นครน่าน
2317:
นครเชียงใหม่
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเป็นส่วนหนึ่งของ
- ภาคเหนือของไทย
- บางส่วนของรัฐฉาน

หัวเมืองเชียงใหม่ (ไทยถิ่นเหนือ: ᩉ᩠ᩅᩫ​ᨾᩮᩬᩥᨦ​ᨩ᩠ᨿᨦ​ᩉᩲ᩠ᨾ᩵,จีน: 整賣[1]) เป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดี กรุงศรีอยุธยา และกรุงอังวะ โดยระยะแรก (พ.ศ. 2101–2206) ยังมีอำนาจในการปกครองตนเองในระดับหนึ่ง ในระยะหลัง (พ.ศ. 2207–2317) จึงถูกยุบรวมเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของพม่า[2]

ประวัติศาสตร์

[แก้]

การขยายอำนาจของพระเจ้าบุเรงนอง

[แก้]

อาณาจักรล้านนาเริ่มเสื่อมลงในปลายรัชสมัยพระเมืองแก้ว เมื่อกองทัพเชียงใหม่ได้พ่ายแพ้แก่ทัพเชียงตุงในการทำสงครามขยายอาณาจักร ไพร่พลในกำลังล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ประกอบกับปีนั้นเกิดอุทกภัยใหญ่หลวงขึ้นในเมืองเชียงใหม่ ทำให้บ้านเรือนราษฎรเสียหายและผู้คนเสียชีวิตลงเป็นจำนวนมาก สภาพบ้านเมืองเริ่มอ่อนแอเกิดความไม่มั่นคง หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ก็เกิดการจลาจลแย่งชิงราชสมบัติ ระหว่างขุนนางมีอำนาจมากขึ้น ถึงกับแต่งตั้งหรือถอดถอนเจ้าได้ เมื่อนครเชียงใหม่ศูนย์กลางอำนาจเกิดสั่นคลอน เมืองขึ้นต่าง ๆ ที่อยู่ในการปกครองของเชียงใหม่จึงแยกตัวเป็นอิสระ และไม่ส่งเครื่องราชบรรณาการอีกต่อไป ในยุคนี้ล้านนาถูกเข้าแทรกแซงอำนาจจากอาณาจักรล้านช้างและอยุธยาซึ่งล้านช้างเป็นฝ่ายชนะในการแทรกแซงล้านนา ส่งผลให้ล้านช้างได้เข้ามามีอิทธิพลเหนือหัวเมืองล้านนาทุกหัวเมืองซึ่งเจ้าเมืองแต่ละหัวเมืองได้ยอมอ่อนน้อมและอยู่ภายใต้อำนาจ ส่งผลให้อาณาจักร์ล้านนากลายเป็นรัฐในอารักขาของล้านช้างในที่สุดในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งพระยาโพธิสาลราชได้กลายเป็นจักรพรรดิที่อยู่เบื้องหลังของการรวมล้านนาเข้าไว้กับล้านช้างในช่วงสั้นๆโดยให้บุตรชายได้ปกครองเมืองเชียงใหม่ส่วนตนครองเมืองหลวงพระบางต่อไป ซึ่งเมืองหลวงพระบางในช่วงนี้มีอำนาจเหนือแคว้นล้านนาทุกหัวเมือง

เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 1 พระเจ้าบุเรงนอง แห่งอาณาจักรตองอูได้ทำศึกมีชัยชนะไปทั่วทุกทิศานุทิศ จนได้รับการขนานนามพระเจ้าผู้ชนะสิบทิศ พระเจ้าบุเรงนองได้ทำศึกยึดครองนครเชียงใหม่เป็นประเทศราชได้สำเร็จ รวมทั้งได้เข้าได้ยึดเมืองลูกหลวงและเมืองบริเวณของเชียงใหม่ไปเป็นประเทศราชด้วย ในช่วงแรกนั้นทางพม่ายังไม่ได้เข้ามาปกครองเชียงใหม่โดยตรง เนื่องจากยุ่งกับการศึกกับกรุงศรีอยุธยา แต่ยังคงให้ "พระเจ้าเมกุฎิ" ทำการปกครองบ้านเมืองต่อตามเดิม แต่ทางเชียงใหม่จะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการไปให้หงสาวดี ต่อมา "พระเจ้าเมกุฎิ" ทรงคิดที่จะตั้งตนเป็นอิสระ ฝ่ายพม่าจึงปลดออกและแต่งตั้ง "พระนางวิสุทธิเทวี" เชื้อสายราชวงศ์มังรายพระองค์สุดท้าย ขึ้นเป็นกษัตริย์เชียงใหม่แทน จนกระทั่งพระนางราชเทวีสิ้นพระชนม์ ทางฝ่ายพม่าจึงได้ส่งสาวถีนรตรามังซอศรีมังสรธาช่อ พระราชโอรสในพระเจ้าบุเรงนอง มาปกครองแทน

รัชสมัยของนรธาเมงสอ

[แก้]

การรุกรานจากพม่าและสยาม

[แก้]

หลังนรธาเมงสอสิ้นพระชนม์ อาณาจักรล้านนาตกอยู่ในความวุ่นวายจากการแย่งชิงอำนาจระหว่างกลุ่มขุนนางฝ่ายที่สนับสนุนพระช้อยและฝ่ายที่สนับสนุนพระชัยทิพ ในปี พ.ศ. 2156/2157 ไทยสากล[note 1] (จ.ศ. 975) กองทัพเมืองลำปางตีเมืองเชียงใหม่แตก ฝ่ายลำปางปลงพระชนม์พระชัยทิพและยกพระช้อยขึ้นครองราชย์แทน เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามผู้ครองเมืองน่านส่งข่าวไปยังพระเจ้าอะเนาะเพะลูน[3] ส่งผลให้พระองค์ยกทัพมาล้อมเชียงใหม่และลำปางในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2157 ไทยสากล[4] การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดและถูกบันทึกไว้ในโคลงมังทรารบเชียงใหม่[3] พระช้อยสิ้นพระชนม์ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้เมืองเชียงใหม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าอะเนาะเพะลูนในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2157 ไทยสากล ตามด้วยเมืองลำปางในวันต่อมา[4] ชาวเมืองเชียงใหม่ถูกกวาดต้อนไปยังหงสาวดี[2]

เมื่อยึดครองล้านนาได้แล้ว พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงแยกเมืองเชียงแสนออกจากการปกครองของเชียงใหม่เป็นนครรัฐเชียงแสน โดยทรงตั้งเจ้าเมืองเชียงแสนเป็นเจ้าฟ้ากาเผือกขึ้นตรงต่อกษัตริย์พม่า[2] เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามทรงได้เป็นพระเจ้าเชียงใหม่ในปีต่อมา[5] พระเจ้าอะเนาะเพะลูนสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2171 ไทยสากล และเกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างพระเจ้ามีนเยเดะบะและสุทโธธรรมราชา ทำให้เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามทรงแข็งเมืองต่อพม่า[4] นำไปสู่สงครามตีเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2174 ไทยสากล เมืองเชียงใหม่ยอมแพ้ต่อพระเจ้าตาลูนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2175 ไทยสากล[6] กองทัพพม่ากวาดต้อนเจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามและชาวเมืองเชียงใหม่ไปหงสาวดี[2] ในปีเดียวกัน จดหมายเหตุวันวลิตระบุว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงยกทัพขึ้นมาตีเชียงใหม่ ทำให้เจ้าเมืองเชียงใหม่ต้องทิ้งเมืองหนีไป ทำให้กองทัพอยุธยาเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีนครลาวซึ่งเป็นประเทศราชของเชียงใหม่[7]

ภายหลังสงคราม พระเจ้าตาลูนมีพระราชโองการให้งดเก็บส่วยเมืองเชียงใหม่ และทรงให้ซ่อมแซมวัดภายในเมือง เมืองเชียงใหม่ในรัชสมัยของพระเจ้าตาลูนมีความเจริญรุ่งเรืองและมีการค้าที่เจริญเติบโต[2] จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2202 ไทยสากล สงครามระหว่างราชวงศ์หมิงใต้และราชวงศ์ชิงทำให้เกิดการรุกรานของจีนฮ่อในพม่าตอนบนและดินแดนโดยรอบ พญาแสนหลวงผู้ปกครองเมืองเชียงใหม่เห็นว่าพม่าไม่สามารถให้ความคุ้มครองเมืองเชียงใหม่ได้ จึงตัดสินใจสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2203 ไทยสากล สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้จัดกองทัพขึ้นไปป้องกันเมืองเชียงใหม่ในเดือนพฤศจิกายน ฝ่ายเชียงใหม่หลังจากทราบว่าการรุกรานของจีนฮ่อคลี่คลายแล้วจึงกลับไปสวามิภักดิ์กับพม่าตามเดิม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงดำรัสสั่งให้เข้าตีเมืองเชียงใหม่แทน[8] กองทัพอยุธยาตีเมืองเชียงใหม่แตกในต้นปี พ.ศ. 2204 ไทยสากล (จ.ศ. 1022[9][10] ปลายศก[11]) หรือไม่ช้ากว่าเดือนตุลาคม[12] เมืองเชียงใหม่จึงอยู่ภายใต้อำนาจของอยุธยา

ต่อมาอยุธยาไม่ประสบความสำเร็จในการตีหัวเมืองมอญพม่า พญาแสนหลวงจึงแข็งเมืองต่ออยุธยา ทำให้อยุธยายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่แตกอีกครั้งในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2206 ไทยสากล[4] และกวาดต้อนผู้คนลงไปที่กรุงศรีอยุธยา[13] ชาวเชียงใหม่หลบหนีออกจากเมืองและคอยซุ่มโจมตีกองทัพอยุธยา จนในที่สุดฝ่ายอยุธยาตัดสินใจทิ้งเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2207 ไทยสากล[4][14]

การปกครองของราชวงศ์ตองอูและสภาพจลาจลในดินแดนล้านนา

[แก้]

เมื่อพระเจ้าปเยทรงทราบข่าวจากการถอยทัพของอยุธยาจากทางเมืองเชียงใหม่ จึงทรงแต่งตั้งให้มีนเยละจอให้เป็นเมียวหวุ่น[15][note 2]แห่งเชียงใหม่[4][14] พม่าเปลี่ยนแปลงนโยบายเป็นผนวกเมืองต่างๆ ในดินแดนล้านนาให้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร ขุนนางพม่าจากราชสำนักถูกส่งมาปกครองร่วมกับขุนนางท้องถิ่น โดยผู้มีอำนาจปกครองสูงสุดคือเมียวหวุ่นแห่งเชียงใหม่ ตำแหน่งเจ้าเมืองของเมืองต่างๆ จะถูกสับเปลี่ยนเป็นประจำเพื่อป้องกันการสั่งสมอำนาจในท้องถิ่น[2]

ในปี พ.ศ. 2270 ไทยสากล (จ.ศ. 1089) งานโย เมียวหวุ่นแห่งเชียงใหม่ได้เรียกเก็บภาษีอย่างหนักและกดขี่ราษฎร[16][14] ทำให้เกิดกบฏตนบุญเทพสิงห์โค่นล้มผู้ปกครองพม่าที่เมืองเชียงใหม่ ต่อมาเทพสิงห์ถูกโค่นล้มโดยเจ้าองค์คำ สภาวะสุญญากาศทางการเมืองทำให้เหล่าผู้ปกครองหัวเมืองล้านนาตอนล่างต่างแยกตัวเป็นอิสระและปกครองตนเองในลักษณะเดียวกับชุมนุมต่างๆหลังเสียกรุงครั้งที่ 2[17] เช่น พระยาไชยสงคราม (ทิพย์ช้าง)แห่งนครลำปาง และพญาหลวงติ๋นมหาวงศ์แห่งนครน่าน

รัชสมัยของเจ้าองค์คำเต็มไปด้วยศึกสงคราม กองทัพพม่าเข้าโจมตีเชียงใหม่ 4 ครั้ง[18] ในขณะเดียวกันเจ้าองค์คำก็เป็นพันธมิตรกับสมิงทอพุทธกิตติแห่งอาณาจักรหงสาวดีใหม่เพื่อต่อต้านพม่า[2] นอกจากนี้ เชียงใหม่ยังทำสงครามกับเมืองอื่นๆ ในดินแดนล้านนา เช่น ลำพูนในปี พ.ศ. 2280/2281 ไทยสากล[19] และเชียงแสนในปี พ.ศ. 2270 ไทยสากล และปี พ.ศ. 2301 ไทยสากล[9]

การยึดครองโดยราชวงศ์โก้นบอง

[แก้]

ในปี พ.ศ. 2300 อาณาจักรพม่ารวมเป็นหนึ่งได้อีกครั้งภายใต้ราชวงศ์โก้นบอง ทำให้นครต่างๆในดินแดนล้านนาต่างส่งบรรณาการมาสวามิภักดิ์[20] ต่อมาในปี พ.ศ. 2306 กองทัพพม่าเข้ายึดครองเมืองเชียงใหม่ที่ยังคงตั้งตัวเป็นอิสระอยู่ พร้อมทั้งปราบปรามหัวเมืองอื่นๆในล้านนา แต่ผู้ปกครองพม่าไม่สามารถควบคุมเมืองต่างๆได้อย่างสมบูรณ์[17] การขยายอำนาจของราชวงศ์ใหม่ผลักดันให้เหล่าเจ้าฟ้าไทใหญ่ขอความช่วยเหลือจากจีน นำไปสู่สงครามจีน–พม่า กองทัพจีนเข้าโจมตีรัฐเชียงแขงและรัฐเชียงตุงในปี พ.ศ. 2309 และสามารถยึดครองได้สำเร็จ ชิงฉือลู่ระบุว่า จ้าวจายเยฺวถี (จีน: 召齋約提[1]) แห่งเชียงใหม่เข้าสวามิภักดิ์ต่อจีนและได้รับการแต่งตั้งเป็นถู่ซือ อย่างไรก็ตาม เชียงใหม่กลับไปอยู่ภายใต้อำนาจพม่าอีกครั้งในปีถัดมา[21] หลักฐานฝ่ายล้านนาระบุว่า เชียงใหม่ร่วมกับเมืองต่าง ๆ ก่อกบฏต่อพม่า จนกระทั่งถูกปราบลงในปี พ.ศ. 2309 ไทยสากล[22][19] ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่า เกิดจากอิทธิพลของสงครามดังกล่าว[17] ความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองพม่าและผู้ปกครองท้องถิ่นยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งอาณาจักรธนบุรีขยายอำนาจเข้าสู่ดินแดนล้านนา นำไปสู่สงครามเชียงใหม่ พ.ศ. 2317 โป่มะยุง่วน เมียวหวุ่นแห่งเชียงใหม่สละเมืองในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2318 ไทยสากล[23][24][25] การปกครองของพม่าจึงสิ้นสุดลง

รายพระนามและรายนามผู้ปกครอง

[แก้]

รายพระนามและรายนามเจ้าเมืองเชียงใหม่และเมียวหวุ่นแห่งเชียงใหม่

[แก้]
พระรูป/รูปรายพระนาม/รายนามเริ่ม (พ.ศ. ไทยสากล)สิ้นสุด (พ.ศ. ไทยสากล)หมายเหตุ
มีนเยละจอ 4 ธันวาคม 2207 พฤษภาคม/มิถุนายน 2210
เจ้าฟ้าแห่งโม่ญี่น พฤษภาคม/มิถุนายน 2210 13 เมษายน 2214
มีนเยยานดา 13 เมษายน 2214 2225/2226

(จ.ศ. 1044)

มีนเยนอระทา 2225/2226

(จ.ศ. 1044)

2261/2262

(จ.ศ. 1080)

งานโย 2261/2262

(จ.ศ. 1080)

ก่อน 17 ธันวาคม 2270
ไฟล์:เทพสิงห์.jpg เทพสิงห์ ก่อน 17 ธันวาคม 2270 ก่อน 17 มกราคม 2271

(จ.ศ. 1089 เดือน ? ขึ้น 6 ค่ำ[19])

พื้นเมืองเชียงแสนระบุว่า ชาวเชียงใหม่ก่อกบฏ จากนั้นยกทัพมาตีเชียงแสนในวันที่ 17 ธันวาคม (จ.ศ. 1089 เดือน 4 เหนือ ขึ้น 5 ค่ำ)[9] เทพสิงห์จะต้องขึ้นครองเมืองก่อนหน้านั้น

เทพสิงห์ครองเมืองเชียงใหม่ได้ประมาณ 1 เดือน (จันทรคติ)

เจ้าองค์คำ ก่อน 17 มกราคม 2271

(จ.ศ. 1089 เดือน ? ขึ้น 6 ค่ำ)

19 ตุลาคม 2302[26]

(จ.ศ. 1121 เดือน 1 เหนือ แรม 14 ค่ำ)

ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ไม่ระบุเลขเดือนของวันขึ้นครองเมือง วันสุดท้ายที่เป็นไปได้คือ 17 มกราคม (จ.ศ. 1089 เดือน 5 เหนือ ขึ้น 6 ค่ำ) กรณีเทพสิงห์ได้ครองเชียงใหม่ในเดือน 4 เหนือ
องค์จันทร์ พฤศจิกายน 2302

(จ.ศ. 1121 เดือน 3 เหนือ[26])

17 มกราคม 2305[26]

(จ.ศ. 1123 เดือน 4 เหนือ แรม 8 ค่ำ[19])

เจ้าขี้หุด 2305 31 สิงหาคม 2306[26]

(จ.ศ. 1125 เดือน 11 เหนือ แรม 8 ค่ำ[19])

โป่อภัยคามินี 2306/2307

(จ.ศ. 1125)

2311/2312

(จ.ศ. 1130)

โป่มะยุง่วน 2311/2312

(จ.ศ. 1130)

14 มกราคม 2318[24]

(จ.ศ. 1136 เดือน 4 เหนือ ขึ้น 14 ค่ำ[23])

พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระบุวันเสียเมืองเชียงใหม่ไว้ตรงกัน คือ จ.ศ. 1136 เดือนยี่ ขึ้น 14 ค่ำ[25]

ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับรายนามผู้ปกครองเชียงใหม่ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่

[แก้]

รายนามผู้ปกครองเชียงใหม่ระหว่างปี พ.ศ. 2175 - 2270 เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายโดยอ้างอิงจากตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ผูกที่ 6[19] หรือหลักฐานชั้นหลังที่อ้างอิงตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ เช่น พงศาวดารโยนก[11] อย่างไรก็ตาม ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ส่วนนี้ได้ถูกโต้แย้งว่านำเอาบันทึกของเชียงแสนและพม่ามาใช้โดยไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้อง[27] และมีเนื้อหาขัดแย้งกับหลักฐานของพม่า เชียงแสน และอยุธยา[28]

ผู้ปกครอง ข้อโต้แย้งโดยย่อ
พระยาหลวงทิพเนตร พื้นเมืองเชียงแสนและราชวงศาพื้นเมืองเชียงใหม่บ่งชี้ว่า เจ้าฟ้าหลวงทิพเนตรครองเมืองเชียงแสน ในขณะที่เมืองเชียงใหม่ว่างเจ้าเมือง
พระแสนเมือง เจ้าเมืองเชียงใหม่ถูกกวาดต้อนไปยังอยุธยาในปี พ.ศ. 2207

เจ้าฟ้าแสนเมืองครองเมืองเชียงแสนไปจนถึงปี พ.ศ. 2215

เจ้าเมืองแพร่ ถูกโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้าปเย

ซึ่งทรงเคยเป็นเจ้าเมืองแปรมาก่อน

อุปราชอึ้งแซะ ถูกโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้านะราวะระ

ซึ่งทรงเป็นพระมหาอุปราชาพม่าในขณะนั้น

เจพูตราย ถูกโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้ามังกะยอดิน

ซึ่งทรงเป็นพระโอรสของเจ้าชายแห่งซีบุดะรา (Siputtara)

หมายเหตุ

[แก้]
  1. เทียบตามปฏิทินสุริยคติไทย โดยยึดวันปีใหม่คือ 1 มกราคม
  2. เมียวหวุ่น (อังกฤษ: Myo Wun) เป็นตำแหน่งผู้ปกครองเมืองของพม่า

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 "高宗純皇帝實錄 卷之七百七十 乾隆三十一年 十月 十二日" [Veritable Records of Emperor Gaozongchun Volume 770 31st Year of Qianlong 10th Month 12th Day], ชิงสือลู่ [Veritable Records of the Qing] (ภาษาจีน), Academia Sinica, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-05-12, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
  2. 1 2 3 4 5 6 7 อ๋องสกุล, สรัสวดี (2023). ประวัติศาสตร์ล้านนา (13th ed.). เชียงใหม่: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานบริหารงานวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. pp. 177, 193, 195, 198–199, 200–203, 210. ISBN 9786163989055. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
  3. 1 2 นิลเศรษฐี, ภัทรพร (1996). "บทที่ ๕ การสร้างข้อนิพนธ์สถาปนา". การศึกษาชำระโคลงมังทรารบเชียงใหม่ = A Critical edition of Klong Mangtra Rop Chiang Mai / ภัทรพร นิลเศรษฐี (วิทยานิพนธ์). เชียงใหม่: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. pp. 125–171. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
  4. 1 2 3 4 5 6 U Kala (2016). The Great Chronicle, 1597-1711. แปลโดย Tun Aung Chain. Yangon: MKS Publishing. pp. 82–87, 105, 118–122, 199, 201–202. ISBN 9789997102201.
  5. อ๋องสกุล, สรัสวดี (2018). พื้นเมืองน่าน ฉบับวัดพระเกิด (2nd ed.). เชียงใหม่: ศูนย์ล้านนาศึกษา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. p. 104. ISBN 978-616-398-335-0.
  6. Grabowsky, Volker; Wichasin, Renoo (2008), Chronicles of Chiang Khaeng: A Tai Lü Principality of the Upper Mekong, Hawaii: Center for Southeast Asian Studies, University of Hawaii, p. 242, ISBN 1-930734-02-6
  7. ฟาน ฟลีต, เยเรเมียส (1972) [1640]. กรมศิลปากร (บ.ก.). ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๗๙ จดหมายเหตุวันวลิต (ฉบับสมบูรณ์). แปลโดย วรเนติวงศ์, นันทา (3rd ed.). กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. pp. 87–90. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
  8. กรมศิลปากร, บ.ก. (9 March 1937), "พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)" [Phraratchaphongsawadan Chabap Phan Channumat (Choem)], ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ [Collection of Historical Archives] (PDF), พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, pp. 348–360, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
  9. 1 2 3 อ๋องสกุล, สรัสวดี (2003). เอียวศรีวงศ์, นิธิ (บ.ก.). พื้นเมืองเชียงแสน. กรุงเทพฯ: อมรินทร์. pp. 122, 128–129, 230–231. ISBN 9742726612.
  10. กรมศิลปากร, บ.ก. (19 April 1936), "พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน" [Phongsawadan Mueang Ngoen Yang Chiang Saen], ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๑ [Collection of Historical Archives] (PDF), พระนคร: โรงพิมพ์อักษรโสภณ, p. 200, สืบค้นเมื่อ 2024-05-01
  11. 1 2 ประชากิจกรจักร, พระยา (1973). พงศาวดารโยนก (7th ed.). กรุงเทพฯ: บุรินทร์การพิมพ์. pp. 408–418. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
  12. วิพากษ์ประวัติศาสตร์ (22 November 2021). "สงครามขยายอำนาจของสมเด็จพระนารายณ์ ตอนที่ 3 – เชียงใหม่ ล้านนาตอนบน ล้านช้าง". Facebook. สืบค้นเมื่อ 2024-03-01.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)^
  13. วิพากษ์ประวัติศาสตร์ (8 December 2021). "สงครามขยายอำนาจของสมเด็จพระนารายณ์ ตอนที่ 5 – เชียงใหม่ครั้งที่สอง". Facebook. สืบค้นเมื่อ 2024-03-01.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)^
  14. 1 2 3 THIEN, NAI (29 February 1912). "INTERCOURSE BETWEEN BURMA AND SIAM AS RECORDED IN HMANNAN YAZAWINDAWGYI" (PDF). สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์. pp. 88–93, 96. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-02. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
  15. แซ่เซียว, ลัดดาวัลย์ (2002). 200 ปี พม่าในล้านนา. กรุงเทพฯ: โครงการอาณาบริเวณศึกษา 5 ภูมิภาค. pp. 87–92. ISBN 9747206099. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
  16. Kirigaya, Ken (2015). "Lan Na under Burma: A "Dark Age" in Northern Thailand?" (PDF). The Journal of the Siam Society. 103: 283–284. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-02-10. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
  17. 1 2 3 อินปาต๊ะ, บริพัตร (2017). การฟื้นฟูรัฐน่านในสมัยราชวงศ์หลวงติ๋น พ.ศ. 2329-2442 (วิทยานิพนธ์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. pp. 27, 30, 77–78. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-04-19. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
  18. Kato, Kumiko (2021). "Qing China's View of the Eastern Shan States and Northern Thailand in the Mid-eighteenth century" (PDF). 名古屋大学人文学研究論集= The journal of humanities, Nagoya University. 4: 316. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2023-12-19. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
  19. 1 2 3 4 5 6 สำนักนายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์, บ.ก. (1971), ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ [Tamnan Phuen Mueang Chiang Mai] (PDF), แปลโดย โชติสุขรัตน์, สงวน, พระนคร: สำนักนายกรัฐมนตรี, pp. 81–85, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
  20. Harvey, Godfrey Eric (1925). History of Burma: from the Earliest Times to 10 March, 1824: The Beginning of the English Conquest. United Kingdom: Longmans, Green and Company. p. 241. สืบค้นเมื่อ 2024-04-10.
  21. Kato, Kumiko (2022). "Qing China's View of the Eastern Shan States and Northern Thailand in the 1760s" (PDF). 名古屋大学人文学研究論集. 5: 235–249. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-10-13. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
  22. โบราณคดีสโมสร, บ.ก. (1919), "ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน" [Ratchawongsapakon Phongsawadan Mueang Nan], ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๑๐ [Collection of Historical Archives] (PDF), กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, pp. 117–118, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
  23. 1 2 "จารึกพระยาหลวงวชิรปราการ". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย. 11 May 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-03. สืบค้นเมื่อ 2025-03-02.
  24. 1 2 แซ่ลี่, เชิดศักดิ์; ริยาพร้าว, อรพิน (2023). สอบเทียบวันเดือนปีในจารึกล้านนา. เชียงใหม่: หน่วยพิมพ์เอกสาร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว เชียงใหม่. p. 85. ISBN 978-616-603-346-5.
  25. 1 2 กรมศิลปากร, บ.ก. (13 November 1937), "พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)" [Phraratchaphongsawadan Chabap Phan Channumat (Choem)], ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๕ [Collection of Historical Archives] (PDF), พระนคร: โรงพิมพ์เดลิเมล์, p. 44, สืบค้นเมื่อ 2025-03-02
  26. 1 2 3 4 ริยาพร้าว, อรพิน; แซ่ลี่, เชิดศักดิ์; ชาวงิ้ว, ศักดิ์นรินทร์; นิรัติศยภูติ, ณิชาภา; ศรีบุญเรือง, กรกมล; โกมลจินดา, ศิรามาศ (2024). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ โบราณดาราศาสตร์. เชียงใหม่: หน่วยพิมพ์เอกสาร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. pp. 168–170. ISBN 978-616-612-328-9.
  27. สุขคตะ, เพ็ญสุภา (16 July 2023). "ตระหนัก 'ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่' (จบ) ความคลาดเคลื่อนที่ควรแก้ไข ทุกฝ่ายร่วมชำระใหม่แบบขยายความ". มติชนสุดสัปดาห์. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-12-08. สืบค้นเมื่อ 2023-12-08.
  28. Kirigaya, Ken (29 November 2014). "Some annotations to the Chiang Mai chronicle: The era of Burmese rule in Lan Na" (PDF). Journal of the Siam Society. 102: 272–282. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-02-10. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01 โดยทาง The Siam Society under Royal Patronage.