โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี Hongsonsuksa School Under the Royal Patronage of Her Royal Highness Princess Bejaratana | |
---|---|
ที่ตั้ง | |
ข้อมูล | |
ชื่ออื่น | ห.ศ. / H.S. |
ประเภท | โรงเรียนประจำจังหวัดของรัฐ |
คำขวัญ | คำขวัญ เรียนดี มีความคิด นำชีวิตสู่ความมั่นคง คติธรรม อตฺตานํ นาติ วตฺเตยฺย (เป็นคนไม่ควรลืมตน) |
สถาปนา | พ.ศ. 2445 (โรงเรียนหลวง) พ.ศ. 2453 (โรงเรียนประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอนฮ่องสอนศึกษา) |
ผู้ก่อตั้ง | พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระราชทานนามโรงเรียน พ.ศ. 2457) |
เขตการศึกษา | สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 34 (เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน) สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน |
รหัส | 58012001 |
ผู้อำนวยการ | นายชัยวัฒน์ ใจภักดี |
ระดับปีที่จัดการศึกษา | มัธยมศึกษาปีที่ 1—6 สหศึกษา |
จำนวนนักเรียน | 1,343 คน |
สี | ขาว เขียว |
เพลง | มาร์ชห้องสอน |
เว็บไซต์ | www.hongson.ac.th fb.com/โรงเรียนห้องสอนศึกษา |
โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี (ตัวอักษรไทใหญ่: ) เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เดิมเป็นโรงเรียนชายล้วน ปัจจุบันจัดอยู่ในประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ รูปแบบสหศึกษา ตั้งอยู่บริเวณถนนขุนลุมประพาส ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นโรงเรียนในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
ประวัติโรงเรียน
[แก้]
โรงเรียนห้องสอนศึกษาเดิมเรียกกันว่า “โรงเรียนหลวง” เปิดทำการสอนครั้งแรกราว พ.ศ. 2445 โดยอาศัยศาลากลางเวียงซึ่งใช้เป็นที่ขายข้าวสาร เป็นสถานที่เรียน เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนมีการศึกษา จึงเปิดโอกาสให้บรรดาบุตรหลานของข้าราชการมาเรียนในโรงเรียนระดับประถมศึกษา โดยมีนักเรียนในระยะก่อตั้งโรงเรียน ประมาณ 30 คน
ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2450 เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ เนื่องจากมีคนบ้าใช้ดาบทำร้ายผู้คนแถวสี่แยกกลางเมือง ใกล้กับโรงเรียนหลวง บรรดาข้าราชการเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อลูกหลานจึงพากันเรียกร้องให้ย้ายโรงเรียนออกจากศาลากลางเวียงหรือสถานที่ขายข้าวสาร และได้ย้ายไปจัดการศึกษาที่ศาลาวัดพระนอนหลังเก่า
โดยสอนรวมกันตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3
ครั้นถึง ปี พ.ศ. 2453 โรงเรียนหลวงมีจำนวนนักเรียนมากขึ้น ประกอบกับสถานที่ในวัดคับแคบ รวมทั้งนักเรียนเล่นกันเสียงดังรบกวนสมาธิของพระสงฆ์ จึงได้ย้ายไปเปิดสอนที่บริเวณหลังวัดจองคำ
ซึ่งต่อมาใช้เป็นสถานที่ตั้งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีนักเรียนประมาณ 100 คน เปิดทำการสอนตั้งแต่
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีขุนสุวรรณสิงหราช (พัฒน์ สุวรรณสิงห์ราช) เป็นครูใหญ่ ในครั้งนั้นเรียกชื่อโรงเรียนว่า “โรงเรียนแม่ฮ่องสอนศึกษา”
ปี พ.ศ. 2457 บรรดาข้าราชการพ่อค้าและประชาชน ร่วมกันบริจาคทรัพย์เพื่อก่อสร้างอาคารไม้ กว้าง 5 วา ยาว 11 วา 2 ศอก หลังคามุงด้วยใบตองตึง (ต้นตองตึงเป็นไม้ยืนต้น ใบมีขนาดใหญ่ ใบสดใช้ห่ออาหาร ใบแห้งนำมาผ่านกระบวนการตามภูมิปัญญาชาวบ้านเอามาเย็บเป็นตับใช้มุงหลังคากันแดดกันฝนได้ใช้ได้ราว 4 – 5 ปี) พร้อมกับได้ดำเนินการ ประสานงานผ่านสมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพ
ขอพระราชทานนามโรงเรียนเพื่อถวายพระเกียรติรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และอุทิศส่วนกุศลถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 5) ในขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 6) ได้พระราชทานนามโรงเรียนว่า “โรงเรียนห้องสอนศึกษา” เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2457 และได้มีพิธีเฉลิมฉลอง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2457 ในวโรกาสคล้ายวันสิ้นพระชนม์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
ปี พ.ศ. 2474 ได้ย้ายโรงเรียนจากหลังวัดจองคำ มาตั้ง ณ บริเวณสำนักงานเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน มีการสร้างอาคารอย่างถาวร มีนักเรียนประมาณ 200 คน โดยการบริหารงานของครูใหญ่ คือ
นายจันทร์แก้ว ทองเขียว
ปี พ.ศ. 2482 ได้ยกอาคารเรียนถาวรให้กับทางราชการเพื่อจัดตั้งสำนักงานสุขาภิบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลแก่คนทั่วไป และได้ย้ายโรงเรียนไปตั้งบริเวณหน้าสำนักงานป่าไม้จังหวัดแม่ฮ่องสอน (บริเวณกลางท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอนในปัจจุบัน) ซึ่งในสมัยนั้นเป็นทุ่งนากว้าง
ปี พ.ศ. 2486 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ย้ายโรงเรียนจากบริเวณกลางท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน
ไปตั้งอยู่ทางทิศใต้ของท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน เพราะการอยู่กลางทุ่งนาเกรงจะได้รับอันตรายจากการทิ้งระเบิดของข้าศึก อาคารหลักเป็นอาคาร 2 ชั้น และเปิดสอนนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 200 คน ครูใหญ่ คือ นายนิยม คำนวณมาสก
ปี พ.ศ. 2487 สงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น มีเครื่องบิน มาทิ้งระเบิดอยู่ตลอดเวลา เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักเรียน จึงได้ย้ายโรงเรียนไปที่ใต้ถุนวัดก้ำก่อ เป็นการชั่วคราว
ปี พ.ศ. 2488 สงครามสงบลง จึงย้ายโรงเรียนกลับมาที่เดิม คือบริเวณทิศใต้ของท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ขณะนั้นจำนวนนักเรียนมีมากขึ้น
ในปี พ.ศ. 2506 ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน เริ่มต้นการก่อสร้างอาคารและรันเวย์ จึงได้ย้ายโรงเรียน ไปอยู่ที่บริเวณโรงเรียนการช่างแม่ฮ่องสอนซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือของท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน (ปัจจุบันนี้ใช้เป็นที่ตั้งของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดแม่ฮ่องสอน) ทั้งนี้เนื่องจากที่เดิมพื้นที่แคบและมีเครื่องบินขึ้นลง รบกวนสมาธิในการเรียนของนักเรียน และเกรงว่าจะมีอันตรายต่อนักเรียนซึ่งมีจำนวน 400 คน ครู จำนวน 20 คน อาคารแห่งนี้ เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น 12 ห้องเรียน เปิดสอนชั้น ม.ศ.1 –
ม.ศ.5
ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2513 โรงเรียนได้รายงานปัญหาการปรับปรุงท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน โดยได้ขยายพื้นที่ จึงเสมือนเป็นกำแพงขวางกั้นระหว่างตัวเมืองกับโรงเรียน เป็นสาเหตุให้ครูและนักเรียน
ต้องเดินเท้า ข้ามท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน เพื่อมาโรงเรียนและกลับบ้านอย่างยากลำบาก จึงได้ดำเนินการของบประมาณจากรัฐบาล เพื่อก่อสร้างอาคารเรียน ณ สถานที่แห่งใหม่ รัฐบาลโดยกรมสามัญศึกษารับทราบปัญหา ได้จัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ คือสถานที่ปัจจุบันก่อสร้างอาคาร (อาคาร 1 ในปัจจุบัน) ดำเนินการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2515
ในปี พ.ศ. 2516 โรงเรียนได้ดำเนินการสร้างอาคารเสร็จเรียบร้อย (อาคาร 1) จึงได้ย้ายโรงเรียน
จากข้างสนามบินมายัง ณ สถานที่ปัจจุบัน
ปี พ.ศ. 2552 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโรงเรียนห้องสอนศึกษาไว้ในพระอุปถัมภ์ ซึ่งถือเป็นโรงเรียนแห่งสุดท้ายก่อนที่พระองค์ท่านจะเสด็จสู่สวรรคาลัย ในกาลเดียวกันพระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทานพระอนุญาตให้ออกชื่อองค์กรแห่งนี้อย่างเป็นทางการว่า “โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี” นับตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ปี พ.ศ. 2558 วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558 โรงเรียนได้ทำพิธีเปิดหอพักนักเรียนโรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนการก่อสร้างอาคารเรือนนอน และอาคารอเนกประสงค์ จำนวน 4 อาคาร จากมูลนิธิสามสาระ ประจำประเทศไทย ในการนี้ ดร.สิทธิชัย มูลเขียน ผอ.สพม.34 เป็นผู้รับมอบอาคารเอนกประสงค์ ครุภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ ตามโครงการของมูลนิธิสามสาระ จากนางรัตนนา เขื่อนแก้ว ผู้แทนมูลนิธิสามสาระ ประจำประเทศไทย โดยคุณครูนิพนธ์ หมูทอง เป็นผู้เสนอชื่อหอพัก ดังนี้ หอพักนักเรียนหญิงอาคาร 1 ชื่อว่า พูลพิสมัย หอพักนักเรียนหญิงอาคาร 2 ชื่อว่า ดนัยเยาววิทย์ หอพักนักเรียนชาย ชื่อว่า พิศิษฏ์เมธี และอาคารอเนกประสงค์ ชื่อว่า คีรีวัฒนา
ปี พ.ศ. 2559 วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559 โรงเรียนได้จัดพิธีเฉลิมฉลองวาระคล้ายวันพระราชทานนาม "ห้องสอนศึกษา" เป็นปีที่ 102
“ห้องสอนศึกษา” นามนี้มีที่มาด้วยพระมหากรุณาธิคุณ
[แก้]ณ แดนดินถิ่นเขากลางลำเนาไพร อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติและความงดงามภายใจจิตใจของชาวแม่ฮ่องสอน ดินแดนอันสุขสงบนี้มีบุญกุศลยิ่งนักเนื่องด้วยได้รับพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงมีพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่ราษฎรชาวแม่ฮ่องสอน ด้วยการลงพระราชหัตถ์พระราชทานนามให้แก่โรงเรียนแห่งนี้ว่า “ โรงเรียนห้องสอนศึกษา” อันเป็นที่มาของชื่อโรงเรียน ณ ปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2457 โรงเรียนแม่ฮ่องสอนศึกษาได้รับความร่วมมือจากบรรดาข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างโรงเรียนประจำเมืองขึ้นบริเวณสถานที่เดิม เพื่ออุทิศส่วนกุศลถวายแด่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง “พระปิยะมหาราชเจ้า” โดยโรงเรียนก่อสร้างเป็นอาคารไม้กว้าง 5 วา ยาว 11 วา 2 ศอกหลังคามุงด้วยใบตองตึง ซึ่งมีกำหนดเปิดใช้เป็นสถานที่เล่าเรียนในวัน 22 ตุลาคม 2457 ซึ่งเป็นอภิลักขิตสมัยตรงกับวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนั้นบรรดาข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนจึงได้ดำเนินการประสานงานผ่านสมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2457 เพื่อส่งเอกสารกราบบังคลทูลขอพระราชทานนามโรงเรียนจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อถวายพระเกียรติรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและอุทิศส่วนกุศลถวายสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง “สมเด็จพระปิยมหาราช” และในเดือนเดียวกันพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงมีพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่ราษฎรชาวแม่ฮ่องสอน โดยการที่พระองค์ได้ทรงลงพระราชหัตถ์พระราชทานนามให้แก่โรงเรียนแห่งนี้ว่า “ โรงเรียนห้องสอนศึกษา” อันเป็นที่มาของชื่อโรงเรียน ณ ปัจจุบัน
“ห้องสอนศึกษา” สู่องค์กรในพระอุปถัมภ์ฯ
[แก้]“ฉันขอกล่าวต่อท่านทั้งปวงว่า จะพยายามบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง ด้วยความจงรักภักดี
ต่อบ้านเกิดและต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นประมุขของชาติ ทั้งจะได้รักษาเกียรติศักดิ์
แห่งความเป็นราชนารีในมหาจักรีบรมราชวงศ์ไว้ชั่วชีวิต”
พระดำรัสของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
ที่พระราชทานในงานฉลองพระชนมายุ ๖๑ พรรษา
เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๙ ณ วชิราวุธวิทยาลัย
พระราชดำรัสดังกล่าวข้างต้นได้สะท้อนพระปณิธานอันแน่วแน่ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในการปฏิบัติพระกรณียกิจต่าง ๆแทนพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยวิริยภาพ และยังหมายรวมถึงการปฏิบัติพระกรณียกิจต่าง ๆ เพื่อสืบสานพระราชกรณียกิจที่สมเด็จพระบรมชนกนาถทรงบำเพ็ญไว้เป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ด้านการศึกษา ในฐานะพระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และราชนารีแห่งราชวงศ์จักรีแห่งสยามประเทศ
ด้วยพระปณิธานดังกล่าว จึงทำให้โรงเรียนอันได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นจากสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ารับโรงเรียนห้องสอนศึกษาไว้ในพระอุปถัมภ์ ซึ่งถือเป็นโรงเรียนแห่งสุดท้ายก่อนที่พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย ในกาลเดียวกันพระองค์ทรง พระกรุณาพระราชทานพระอนุญาตให้ออกชื่อองค์กรแห่งนี้อย่างเป็นทางการว่า “โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี” นับตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นต้นมา ด้วยพระมหากรุณาธิคุณนี้จึงทำให้โรงเรียนห้องสอนศึกษาได้มีการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนจาก “โรงเรียนห้องสอนศึกษา” กลายมาเป็น “โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ”
แม้ในเวลานี้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีจะสิ้นพระชนม์แล้ว แต่พระองค์ยังคงสถิตย์อยู่ในดวงใจและเป็นดั่งดวงแก้วดวงขวัญแห่งกำลังใจให้แก่คณะผู้บริหาร ข้าราชการครู บุคลากรและนักเรียนโรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ อยู่เสมอ
เพลงประจำโรงเรียน
[แก้]โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ มีเพลงประจำโรงเรียนทั้งหมด 10 เพลง ได้แก่
- 1.มาร์ชห้องสอน
ประพันธ์คำร้องโดย คุณครูอุไรวรรณ มณีกาญจน์
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูวัลลภ ชัยชนะ
- 2.ขาว-เขียวสัมพันธ์
ประพันธ์คำร้องโดย คุณครูอุไรวรรณ มณีกาญจน์
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูทินกร สถิตเจริญกุล
- 3.รำวงห้องสอนศึกษา
ประพันธ์คำร้องโดย คุณครูอุไรวรรณ มณีกาญจน์
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูทินกร สถิตเจริญกุล
- 4.รำลึกห้องสอนศึกษา
ประพันธ์คำร้องโดย คุณครูอุไรวรรณ มณีกาญจน์
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูทินกร สถิตเจริญกุล
วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559 โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ ได้จัดพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในวาระคล้ายวันพระราชทานนาม "ห้องสอนศึกษา" เป็นปีที่ 102 งานประชาสัมพันธ์ กลุ่มงานบริหารงานทั่วไป จึงเห็นความสำคัญของคุณค่าในเกียรติศักดิ์ของความเป็น “ห้องสอนศึกษา” และได้ดำเนินการจัดทำและปรับปรุงบทเพลงประจำโรงเรียนโดยได้จัดการประกวดประพันธ์เนื้อเพลงประจำโรงเรียน และได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัชพล ไชยพร รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรองเลขาธิการมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประพันธ์เนื้อเพลงมอบให้แก่โรงเรียนเป็นสมบัติของโรงเรียนต่อไป ประกอบด้วยเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ ดังนี้
- 5.ศักดิ์ศรีห้องสอนศึกษา
ประพันธ์คำร้องโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัชพล ไชยพร
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูทินกร สถิตเจริญกุล
- 6.ห้องสอนรำลึก
ประพันธ์คำร้องโดย คุณครูนิพนธ์ หมูทอง
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูทินกร สถิตเจริญกุล
- 7.ลาห้องสอน
ประพันธ์คำร้องโดย คุณครูนิพนธ์ หมูทอง
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูยงยุทธ ประวีณชัยกุล
- 8.เหนือยอดเสา
ประพันธ์คำร้องโดย คุณครูคีต์รามิลธ์ ปุรณธวิทย์
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูยงยุทธ ประวีณชัยกุล
- 9.เกียรติคุณห้องสอน
ประพันธ์คำร้องโดย นายพิทักษ์ภูมิ โพธิ์คำ
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูทินกร สถิตเจริญกุล
- 10.ขาวเขียวร่วมใจ
ประพันธ์คำร้องโดย นายพิทักษ์ภูมิ โพธิ์คำ
ประพันธ์ทำนองโดย คุณครูยงยุทธ ประวีณชัยกุล
รายนามผู้บริหารโรงเรียนห้องสอนศึกษา
[แก้]ลำดับ | รายนาม | ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|
1 | ขุนสุวรรณสิงหราช (พัฒน์ สุวรรณสิงหราช) | พ.ศ. 2443-2463 |
2 | ขุนพิสิฐดรุณการ (ระเบียบ รัตนชาลี) | พ.ศ. 2463-2466 |
3 | นายวารินทร์ สุนทรวัฒน์ | พ.ศ. 2466-2468 |
4 | ขุนโกศลเศรษฐ์ (นวล ทะมิชาติ) | พ.ศ. 2468-2474 |
5 | นายจันทร์แก้ว ทองเขียว | พ.ศ. 2474-2483 |
6 | นายจีระ นิลกุล | พ.ศ. 2483-2485 |
7 | นายนิยม คำนวณมาสก | พ.ศ. 2485-2489 |
8 | นายเฉลิม ถาวรเวช | พ.ศ. 2489-2490 |
9 | นายบุญเชียร ศุภจิตร | พ.ศ. 2491-2494 |
10 | นายสวัสดิ์ สุคนธา | พ.ศ. 2494-2495 |
11 | นายกู้เกียรติ สุริยกุล ณ อยุธยา | พ.ศ. 2495-2502 |
12 | นายแก้ว ทองเขียว | พ.ศ. 2502-2506 |
13 | นายสวัสดิ์ สุคนธา | พ.ศ. 2506-2510 |
14 | นายสมเพ็ชร นาวิกวาณิชย์ | พ.ศ. 2510-2529 |
15 | นายนิคม เจริญศรี (ผู้อำนวยการ 8) | พ.ศ. 2529-2533 |
16 | นายพายัพ ภาพพริ้ง (ผู้อำนวยการ 8) | พ.ศ. 2533-2535 |
17 | นายเกษม พันธุรัตน์ (ผู้อำนวยการ 8) | พ.ศ. 2535-2536 |
18 | นายสมพร ชวฤทธิ์ (ผู้อำนวยการ) | พ.ศ. 2536-2542 |
19 | นายสุรเดช พหลโยธิน | พ.ศ. 2542-2542 |
20 | นายสุรัตน์ สังข์สุข | พ.ศ. 2542-2547 |
21 | นายวิชัย จิตสว่าง (รักษาราชการแทน) | พ.ศ. 2547-2547 |
22 | นายเจริญไชย ไชย์วงศ์ (ผู้อำนวยการ 8) | พ.ศ. 2547-2551 |
23 | นายอรรถเสฏฐ์ สุสุข | พ.ศ. 2551-2554 |
24 | นายวิเชียร ชูเกียรติ | พ.ศ. 2554-2555 |
25 | นายชัยวัฒน์ ใจภักดี | พ.ศ. 2555-2557 |
26 | นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง | พ.ศ. 2557-ปัจจุบัน |
27 | นาย อัครวัฒน์ อรัญภูมิ | พ.ศ. |