สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
King Mongkut's Institute of Technology
ชื่อเดิมวิทยาลัยเทคนิคธนบุรี
วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ
วิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี
ประเภทสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
ดำเนินงาน24 เมษายน ค.ศ. 1971 (1971-04-24)19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1986 (1986-02-19)
สี  สีแสด[ต้องการอ้างอิง]

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เป็นอดีตสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เคยมีสถานะเป็นกรมในกระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2514 โดยการรวมวิทยาลัย 3 แห่งเข้าด้วยกัน คือ วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ และ วิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี รวมทั้งมีวิทยาลัยอีกหนึ่งแห่งเข้ามาสมทบภายหลัง คือ วิทยาลัยก่อสร้างบางพลัด สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความแตกต่างของวิทยาเขตและวิกฤตการบริหารงาน จึงได้แยกออกเป็นเป็นสถาบันอุดมศึกษาอิสระสามแห่งใน พ.ศ. 2529 รวมอายุสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าในฐานะสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นเอกเทศได้ 15 ปี ในระหว่างนี้มีอธิการบดีดำรงแหน่งสองคน โดยในช่วงบั้นปลายที่มีวิกฤตการบริหาร รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตผลัดเปลี่ยนกันรักษาการตำแหน่งอธิการบดี


ประวัติ[แก้]

เมื่อ 23 เมษายน พ.ศ. 2514 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ตั้งขึ้น จากการรวม วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ และ วิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี ในสังกัด กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เข้าด้วยกัน ตาม พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พ.ศ. ๒๕๑๔ [1] โดยเป็นสถาบันการศึกษาและวิจัย มีวัตถุประสงค์ที่จะผลิตครูอาชีวศึกษาระดับปริญญา ให้การศึกษาทั้งระดับปริญญา และระดับต่ำกว่าปริญญา และทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้สถาบันเป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นกรมในกระทรวงศึกษาธิการ

เมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2515 กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศให้รวม วิทยาลัยวิชาการก่อสร้างบางพลัด เข้ากับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า [2] (ซึ่งถูกรวมเข้ากับ ศูนย์ลาดกระบัง และทำให้ ศูนย์ธนบุรี ได้ยุติการรับนักศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2515 และจัดตั้งเป็น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศูนย์ลาดกระบัง ในปีการศึกษา 2516 ปัจจุบันคณะดังกล่าวอยู่ในสังกัด สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง [3])

เมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2517 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ถูกโอนย้ายไปสังกัด ทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ ตาม พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๗ [4] ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ทบวงมหาวิทยาลัย

เมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2522 จากการขยายตัวของสถาบันอย่างรวดเร็ว จึงมีการปรับโครงสร้างตามมาหลายครั้ง กระทั่งมีมีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ [5]


สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า[แก้]

พ.ศ.2515

กำหนดการแบ่งส่วนราชการ[แก้]

(๑) สำนักงานอธิการบดี

(๒) คณะ


สำนักงานอธิการบดี อาจแบ่งส่วนราชการออกเป็นกองและแผนก คณะ แบ่งส่วนราชการออกเป็นภาควิชาและสำนักงานเลขานุการ สำนักงานเลขนุการคณะ อาจแบ่งส่วนราชการออกเป็นแผนก


การดำเนินงานของสถาบัน[แก้]

มีสภาสถาบันเป็นผู้ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของสถาบัน สภาสถาบัน ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นนายกสภาสถาบัน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองนายกสภาสถาบัน อธิบดีกรมอาชีวศึกษา อธิการบดี รองอธิการบดี และคณะบดี เป็นกรรมการสภาสถาบัน โดยตำแหน่ง และกรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งมีจำนวนไม่น้อยกว่าสี่คน แต่ไม่เกินเก้าคน หัวหน้าสำนักงานอธิการบดี เป็นกรรมการและเลขานุการสภาสถาบัน


การบริหารงานของสถาบัน[แก้]

มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบในการบริหารงานของสถาบัน อธิการบดี นั้นจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งแต่โดยคำแนะนำของสภาสถาบัน และให้ดำรงตำแหน่งสามปี แต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งใหม่อีกก็ได้ และจะให้มีรองอธิการบดีคนหนึ่งหรือหลายคนทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยก็ได้ ในคณะหนึ่ง ให้มีคณบดีเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ คณบดี นั้นสภาสถาบันจะได้แต่งตั้งจากคณาจารย์หรือผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการสภาสถาบันมาแล้ว และให้ดำรงตำแหน่งสี่ปี แต่อาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้ และจะมีรองคณบดีคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยก็ได้ ถ้ามีการแบ่งส่วนราชการเป็นภาควิชา ให้มีหัวหน้าภาควิชาเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบในงานของภาควิชา ให้มีกรรมการประจำคณะประกอบ ด้วยคณบดีเป็นประธานกรรมการ รองคณบดี และหัวหน้าภาควิชาในคณะนั้นเป็นกรรมการ หรือเป็นกรรมการเพิ่มเติมให้ได้จำนวน ๔ คน ให้คณะกรรมการตั้งผู้หนึ่งผู้ใดเป็นเลขานุการกรรมการประจำคณะ ซึ่งสภาสถาบันแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสองปี แต่อาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้


การจัดการศึกษา[แก้]

การจัดการศึกษาของสถาบันแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ

๑. ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ซึ่งเป็นระดับเดียวกบประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายสายอาชีพ หรือเรียกเป็นสามัญว่าระดับช่างฝีมือ ระดับนี้รับผู้สำเร็จจากมัธยมศึกษาตอนต้นสายสามัญ หรือที่เรียกโดยย่อว่า มศ. ๓ เข้าศึกษาหลักสูตร ๓ ปี

๒. ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือที่เรียกเป็นสามัญว่าช่างเทคนิค ระดับนี้รับนักศึกษาสองประเภท คือ ประเภทที่หนึ่ง รับผู้สำเร็จจากมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ ซึ่งเรียกโดยย่อว่า มศ. ๕ เข้าศึกษาหลักสูตร ๓ ปี ประเภทที่สอง รับผู้สำเร็จจากระดับที่หนึ่งคือวิชาชีพ และจากมัธยมศึกษาตอนปลายสายอาชีพ ซึ่งเรียกโดยย่อว่า มศ. ๖ เข้าศึกษาหลักสูตร ๒ ปี

๓. ระดับปริญญา รับผู้สำเร็จการศึกษาจากระดับที่สอง คือระดับวิชาชีพชั้นสูง เข้าศึกษาหลักสูตร ๒ ปี


การศึกษาทั้งสามระดับมีหลักสูตรจบในตัวแต่ละระดับ เพื่อผู้สำเร็จจะได้ออกไปประกอบอาชีพได้ หากผู้ใดประสงค์จะศึกษาต่อในระดับสูงขึ้นไปก็ย่อมทำได้โดยสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบัน ทั้งนี้เพราะต้องการผู้มีสติปัญญาและผลการเรียนดีพอ เนื่องจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าได้รวมวิทยาลัย ๓ แห่งเข้ามาเป็นสถาบันสถานศึกษาทั้ง ๓ แห่ง มีที่ตั้งแยกออกไปเป็นแต่ละแห่งห่างไกลกัน

การจัดการศึกษาก็เป็นไปตามความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของสัญญาและข้อตกลงในการให้ความช่วยเหลือของต่างประเทศ คือ

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ศูนย์ธนบุรี ได้รับความช่วยเหลือจาก โครงงานพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) แห่ง UNESCO

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ศูนย์พระนครเหนือ ได้รับความช่วยเหลือจาก รัฐบาลเยอรมัน

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ศูนย์นนทบุรี ได้รับความช่วยเหลือจาก รัฐบาลญี่ปุ่น


ฉะนั้น แม้จะได้รวมสถานศึกษาทั้ง ๓ แห่งเข้าเป็นสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าตามกฎหมายแล้วก็ตาม แต่การดำเนินงานก็ต้องแยกกันทำ สถานที่ตั้งก็ยังแยกกันอยู่ตามเดิม เพราะทั้ง ๓ แห่งได้วางรากฐานไว้มั่นคงแล้ว จึงไม่อาจรวมงานให้เป็นที่เดียวกันได้

โครงสร้างการบริหารงาน[แก้]

๑. สำนักงานอธิการบดี จัดแบ่งสายงานการดำเนินงานดังนี้

  • กองกลาง ดำเนินงานด้านธุรการเกี่ยวกับการประสานงานทั่วไป เกี่ยวกับระเบียบข้าราชการ ระเบียนนักศึกษา

การประชาสัมพันธ์ การประสานงานทั่วไป ตลอดจนการเงินสถาบัน การจัดแบ่งคณะและภาควิชาจัดแบ่งดังนี้

๒. คณะวิศวกรรมศาสตร์ธนบุรี เปิดสอนภาควิชา

  • วิศวกรรมไฟฟ้า
  • วิศวกรรมเครื่องกล
  • วิศวกรรมโยธา
  • วิศวกรรมอุตสาหการ

ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ ใช้อักษรย่อ วศ.บ. (B.Eng.)

๓. คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ธนบุรี เปิดสอนภาควิชาเช่นเดียวกับคณะวิศวกรรมศาสตร์

แต่ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาในคณะนี้จะได้รับปริญญาครุศาสตร์และอุตสาหกรรม ใช้อักษรย่อว่า ค.อ.บ. (B.S.I.Ed.)

๔. คณะวิศวกรรมศาสตร์พระนครเหนือ เปิดสอนภาควิชา

  • วิศวกรรมเครื่องกล
  • วิศวกรรมไฟฟ้า
  • เทคนิคอุตสาหกรรม

๓.๑ ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต ใช้อักษรย่อ ว.ศ.บ. (B.Eng.)

๓.๒ ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี ของภาควิชาเทคนิคอุตสาหกรรม จะได้รับปริญญาอุตสาหกรรมศาสตร์บัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า อส.บ. (B.Ind. Technology)

๕. คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์พระนครเหนือ เปิดสอนภาควิชา

  • ครุศาสตร์อุตสาหกรรมเครื่องกล
  • ครุศาสตร์อุตสาหกรรมไฟฟ้า

ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า ค.อ.บ. (B.S.I.Ed.)

๖. คณะวิศวกรรมศาสตร์นนบุรี เปิดสอนภาควิชา

  • วิศวกรรมไฟฟ้า (โทรคมนาคม)

ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า ว.ศ.บ. (B.Eng.) สาขาวิชาไฟฟ้าโทรคมนาคม

๗. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เปิดสอนภาควิชา

  • สถาปัตยกรรมศาสตร์
  • มัณฑนศิลป์
  • ศิลปอุตสาหกรรม

ผู้ศึกษาครบตามหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า สถ.บ. (B.Arch.)

ภาควิชาครุศาสตร์นนทบุรี เปิดสอนสาขาวิชา

  • ไฟฟ้าโทรคมนาคม
  • สถาปัตยกรรม
  • มัณฑนศิลป์
  • ศิลปอุตสาหกรรม

ผู้ศึกษาครบหลักสูตร ๒ ปี จะได้รับปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต ใช้อักษรย่อว่า ค.อ.บ. (B.S.I.Ed.)

การแยกสถาบัน[แก้]

จุดเริ่มต้นการแยกเป็นสามสถาบันเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ในการสรรหาอธิการบดีใหม่ เนื่องจากทั้งสามวิทยาเขตมีความแตกต่างกันหลายประการ ทั้งความเป็นมา ปรัชญา และวิธีการจัดการศึกษา[6] และมีปัญหาในการสรรหาสรรหาอธิการบดีคนใหม่[6] เมื่อตำแหน่งอธิการบดีว่างลงใน พ.ศ. 2526 จึงให้รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตผลัดกันเป็นผู้รักษาการแทนอธิการบดี คนละ 3 เดือนไปพลางก่อน ระหว่างที่ข้อเสนอเพื่อแยกวิทยาเขตออกจากกันเป็นอิสระโดยออกเป็นกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณา[7] กระบวนการนี้ยืดเยื้อยาวนาน เพราะมีการเสนอโครงสร้างหลายรูปแบบ แม้กฎหมายผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วแต่วุฒิสภากลับไม่รับหลักการ[8] ในที่สุดพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2529[9] เป็นจุดสิ้นสุดของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าที่มีอายุเกือบ 15 ปี และทำให้เกิดสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย ที่เป็นอิสระต่อกันสามแห่งได้แก่

สัญลักษณ์[แก้]

  • ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนาม เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2514 [13]

ภาษาไทย "สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า" ภาษาอังกฤษ "King Mongkut's Institute of Technology"

  • ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเชิญ “พระมหามงกุฏ” เป็นตราสัญลักษณ์ประจำสถาบัน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2514


ทำเนียบผู้บริหาร[แก้]

นายกสภา[แก้]

  1. นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ (4 กุมภาพันธ์ 2514 – 16 พฤศจิกายน 2514)
  2. นายบุญถิ่น อัตถากร (17 พฤศจิกายน 2514 – 18 ธันวาคม 2515)
  3. นายอภัย จันทวิมล (19 ธันวาคม 2515 – 29 พฤษภาคม 2517)
  4. นายเกรียง กีรติกร (30 พฤษภาคม 2517 – 28 มิถุนายน 2517)
  5. นายเกษม สุวรรณกุล (29 มิถุนายน 2517 – 25 มกราคม 2518)
  6. พลเรือตรี ชลี สินธุโสภณ (26 มกราคม 2518 – 13 มกราคม 2521)
  7. นายจำรัส ฉายะพงศ์ (14 มกราคม 2521 – 30 มิถุนายน 2531)

อธิการบดี[แก้]

  1. ศาสตราจารย์ ดร.พงศ์ศักดิ์ วรสุนทรโรสถ (22 ธันวาคม 2514 - 1 ตุลาคม 2521) (ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต)
  2. ศาสตราจารย์ ดร.บุญญศักดิ์ ใจจงกิจ (3 พฤศจิกายน 2521 - 22 สิงหาคม 2526) (สภาสถาบันอนุมัติให้ลาออก)

มีการประชุมสภาสถาบันเมื่อ 13 สิงหาคม 2524 เพื่อสรรหาอธิการบดีในวาระต่อไปแต่ไม่อาจตกลงกันได้ เป็นวิกฤตการบริหารงานและนำมาซึ่งการปรับโครงสร้าง แยกเป็นสามสถาบันอุดมศึกษาอิสระใน พ.ศ. 2529 หลังจากสภาสถาบันอนุมัติให้ ศาสตราจารย์บุญญศักดิ์ ใจจงกิจ ลาออก จึงกำหนดให้รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตผลัดกันเป็นผู้รักษาการแทนอธิการบดี คนละ 3 เดือน

ความสัมพันธ์ในปัจจุบันระหว่างสามสถาบัน[แก้]

งานกีฬาและฟุตบอลประเพณี 3 พระจอมเกล้า[แก้]

งานกีฬาและฟุตบอลประเพณี 3 พระจอมเกล้า ประเพณี 3K ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในทุกปี เป็นการแข่งขันกีฬาและฟุตบอล ของนักศึกษา จากสถาบันการศึกษาพระจอมเกล้าทั้ง 3 โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ เพื่อความสามัคคี และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของชาวพระจอมเกล้าฯ ทั้ง 3


พิธีพระราชทานปริญญาบัตร[แก้]

พิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรของบัณฑิตทั้งสามสถาบันนั้น จะจัดร่วมกัน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จาก สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ครั้งแรก ประจำปีการศึกษา 2510-2514 จำนวน 468 คน ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2515


บทเพลงประจำสถาบันร่วมกัน[แก้]

ได้เแก่บทเพลงสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ และบทเพลงลูกพระจอมเกล้า

อ้างอิง[แก้]

  1. พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พ.ศ. 2514 ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่ม 88 ตอนที่ 43 วันที่ 23 เมษายน 2514
  2. ประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้ วิทยาลัยวิชาการก่อสร้างรวมเข้ากับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
  3. http://archive.lib.kmutt.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=169%3A2010-01-19-13-10-23&catid=47%3A2010-01-19-13-06-25&Itemid=66&limitstart=2
  4. พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๗ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 91 ตอนที่ 112 ฉบับพิเศษ
  5. พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒
  6. 6.0 6.1 http://archive.lib.kmutt.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=169%3A2010-01-19-13-10-23&catid=47%3A2010-01-19-13-06-25&Itemid=66&limitstart=4
  7. http://archive.lib.kmutt.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=169%3A2010-01-19-13-10-23&catid=47%3A2010-01-19-13-06-25&Itemid=66&limitstart=5
  8. http://archive.lib.kmutt.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=169%3A2010-01-19-13-10-23&catid=47%3A2010-01-19-13-06-25&Itemid=66&limitstart=5 ที่ประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 10/2528 (สมัยสามัญ)
  9. พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พ.ศ. ๒๕๒๘ ราชกิจจานุเบกษา
  10. พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พ.ศ. ๒๕๔๑ ราชกิจจานุเบกษา
  11. พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พ.ศ. ๒๕๕๐ ราชกิจจานุเบกษา
  12. พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๕ ก ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ หน้า ๙๕-๑๒๔
  13. http://archive.lib.kmutt.ac.th index.php?option=com_content&view=article&id=169%3A2010-01-19-13-10-23&catid=47%3A2010-01-19-13-06-25&Itemid=66&limitstart=2