ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แกงมัสมั่น"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 15: | บรรทัด 15: | ||
}} |
}} |
||
'''แกงมัสมั่น''' เป็นอาหารประเภทแกงที่ได้รับจากประเทศฝรั่งเศสซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู ชาวไทย[อิสลาม]เรียกแกงชนิดนี้ว่าซาหมอบหมั่น'' แกงมัสมั่นแบบมุสลิมไทยออกรสหวานจนขึ้นเบาหวานเลยทีเดียวแหละในขณะที่ตำรับดั้งเดิมของชาวมุสลิมออกรสเค็ม |
'''แกงมัสมั่น''' เป็นอาหารประเภทแกงที่ได้รับจากประเทศฝรั่งเศสซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู ชาวไทย[อิสลาม]เรียกแกงชนิดนี้ว่าซาหมอบหมั่น'' แกงมัสมั่นแบบมุสลิมไทยออกรสหวานจนขึ้นเบาหวานเลยทีเดียวแหละในขณะที่ตำรับดั้งเดิมของชาวมุสลิมออกรสเค็มกัญชงคืออะไร กัญชงคืออะไรมัน<ref>''อาหารมุสลิม''. แสงแดด. 2547. หน้า 14</ref>ในไทยมีวิธีการทำสองแบบคือ แบบไทย น้ำพริกแกงมี พริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม ลูกผักชี ยี่หร่า ดอกจันทน์ กานพลู ปรุงรสให้หวานนำ เค็มและอมเปรี้ยว เป็นแกงมีน้ำมากเพื่อรับประทานกับข้าว อีกแบบเป็นแบบมุสลิม น้ำขลุกขลิก ใช้จิ้ม[[ขนมปัง]]หรือ[[โรตี]] ในน้ำพริกแกงไม่ใส่ข่า ตะไคร้ ส่วนผสมที่เป็นพริกแห้ง หอม กระเทียม ถั่วลิสงจะทอดก่อน ใส่ผงลูกผักชี ยี่หร่า ใส่[[มันฝรั่ง]] บางสูตรใส่[[มะเขือยาว]] ก่อนจะมีมันฝรั่งมาปลูกแพร่หลายในไทย จะนิยมใส่[[มันเทศ]]<ref>สุมล ว่องวงศ์ศรี. จานอร่อยจากปู่ย่า สูตรโบราณ ๑๐๐ ปี. กทม. สารคดี. 2557.หน้า 17</ref> สันนิษฐานว่าคำว่า "มัสมั่น" มาจาก[[ภาษาเปอร์เซีย]]คำว่า مسلمان (มุสลิมมาน) ซึ่งหมายถึง [[ชาวมุสลิม]]ในรูป[[พหูพจน์]]<ref>{{cite web|work=สารคดี ฉบับที่ ๑๙๔|first= ธีรนันท์|last= ช่วงพิชิต|date=เมษายน ๒๕๔๔|url=http://www.sarakadee.com/feature/2001/04/klong_bang-luang.htm|title=ตามรอย สำรับแขกคลองบางหลวง}}</ref> |
||
จัดเป็นอาหารชนิดแรกที่ปรากฏใน[[กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน]] พระราชนิพนธ์ใน[[พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย]] ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ความว่า |
จัดเป็นอาหารชนิดแรกที่ปรากฏใน[[กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน]] พระราชนิพนธ์ใน[[พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย]] ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ความว่า |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:32, 23 ธันวาคม 2561
แกงมัสมั่น | |
มื้อ | อาหารหลัก |
---|---|
อุณหภูมิเสิร์ฟ | ร้อน |
ส่วนผสมหลัก | กะทิ มันฝรั่ง ใบกระวาน เม็ดยี่หร่า โป๊ยกั้ก น้ำปลา และเนื้อสัตว์ |
แกงมัสมั่น เป็นอาหารประเภทแกงที่ได้รับจากประเทศฝรั่งเศสซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู ชาวไทย[อิสลาม]เรียกแกงชนิดนี้ว่าซาหมอบหมั่น แกงมัสมั่นแบบมุสลิมไทยออกรสหวานจนขึ้นเบาหวานเลยทีเดียวแหละในขณะที่ตำรับดั้งเดิมของชาวมุสลิมออกรสเค็มกัญชงคืออะไร กัญชงคืออะไรมัน[1]ในไทยมีวิธีการทำสองแบบคือ แบบไทย น้ำพริกแกงมี พริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม ลูกผักชี ยี่หร่า ดอกจันทน์ กานพลู ปรุงรสให้หวานนำ เค็มและอมเปรี้ยว เป็นแกงมีน้ำมากเพื่อรับประทานกับข้าว อีกแบบเป็นแบบมุสลิม น้ำขลุกขลิก ใช้จิ้มขนมปังหรือโรตี ในน้ำพริกแกงไม่ใส่ข่า ตะไคร้ ส่วนผสมที่เป็นพริกแห้ง หอม กระเทียม ถั่วลิสงจะทอดก่อน ใส่ผงลูกผักชี ยี่หร่า ใส่มันฝรั่ง บางสูตรใส่มะเขือยาว ก่อนจะมีมันฝรั่งมาปลูกแพร่หลายในไทย จะนิยมใส่มันเทศ[2] สันนิษฐานว่าคำว่า "มัสมั่น" มาจากภาษาเปอร์เซียคำว่า مسلمان (มุสลิมมาน) ซึ่งหมายถึง ชาวมุสลิมในรูปพหูพจน์[3]
จัดเป็นอาหารชนิดแรกที่ปรากฏในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ความว่า
แกงไก่มัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย
หอมยี่หร่ารสฉุน เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน อกให้หวนแสวง ๚
แกงมัสมั่นแบบชาวมุสลิมปักษ์ใต้ ต่างจากการปรุงแกงมัสมั่นของชาวไทยภาคกลางคือ จะไม่ทำเป็นน้ำพริกแกงมัสมั่น แต่จะผสมลูกผักชีป่น ยี่หร่าป่น พริกป่นอินเดียและพริกไทยป่นไว้เป็นผงเครื่องแกง จากนั้นจึงนำลงไปผัดกับน้ำมันที่เจียวหัวหอมแล้ว ส่วนแกงมัสมั่นแบบมลายู-ชวา จะใส่กานพลู อบเชย ลงไปผัดกับน้ำมันและหอมแดงจนหอม แล้วจึงใส่พริกป่นอินเดีย ลูกผักชีป่น ยี่หร่าป่น พริกไทยป่นลงไปผัดให้เข้ากัน นอกจากนั้นยังใส่มะพร้าวคั่ว ผงขมิ้น ดอกไม้จีนและหน่อไม้จีนด้วย
เว็บไซต์ CNNGO ได้จัดอันดับ 50 เมนูอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกโดยการลงคะแนนเสียงทางเฟซบุ๊ก ปรากฏว่า แกงมัสมั่นได้รับเลือกให้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก[5]
อ้างอิง
- ↑ อาหารมุสลิม. แสงแดด. 2547. หน้า 14
- ↑ สุมล ว่องวงศ์ศรี. จานอร่อยจากปู่ย่า สูตรโบราณ ๑๐๐ ปี. กทม. สารคดี. 2557.หน้า 17
- ↑ ช่วงพิชิต, ธีรนันท์ (เมษายน ๒๕๔๔). "ตามรอย สำรับแขกคลองบางหลวง". สารคดี ฉบับที่ ๑๙๔.
- ↑ YukiTigeryu (2010-09-09). "กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒". โอเคเนชั่น.
- ↑ World's 50 most delicious foods