ข้ามไปเนื้อหา

บุญรื่น ศรีธเรศ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บุญรื่น ศรีธเรศ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ดำรงตำแหน่ง
9 สิงหาคม พ.ศ. 2554 – 18 มกราคม พ.ศ. 2555
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ก่อนหน้านริศรา ชวาลตันพิพัทธ์
ถัดไปศักดา คงเพชร
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์
ดำรงตำแหน่ง
6 มกราคม พ.ศ. 2544 – 20 มีนาคม พ.ศ. 2566
(22 ปี 73 วัน)
ก่อนหน้าสังข์ทอง ศรีธเรศ
ถัดไปวิรัช พิมพะนิตย์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
บุญรื่น มัธยมนันทน์

10 ตุลาคม พ.ศ. 2486 (81 ปี)
อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ประเทศไทย
พรรคการเมืองความหวังใหม่ (2534–2543)
ไทยรักไทย (2543–2550)
พลังประชาชน (2550–2551)
เพื่อไทย (2551–ปัจจุบัน)
คู่สมรสสังข์ทอง ศรีธเรศ

บุญรื่น ศรีธเรศ (เกิด 10 ตุลาคม พ.ศ. 2486) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ 5 สมัย สังกัดพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ประวัติ

[แก้]

บุญรื่น ซึ่งเป็นสกุลสืบสายมาจากหลวงประเวทย์อุธรณ์ขันธ์ (ลี มัธยมนันทน์) นายอำเภอกุฉินารายณ์คนแรก เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2486 ที่ตำบลไผ่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ด้านครอบครัวสมรสกับ นายสังข์ทอง ศรีธเรศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีบุตร 3 คน คือ นายอัศวิน ศรีธเรศ (เสียชีวิต) นายทินพล ศรีธเรศ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นิภารัตน์ ศรีธเรศ

สำเร็จการศึกษาชั้นประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (ป.กศ.) และปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยครูมหาสารคาม และสำเร็จการศึกษาประกาศนียบัตรการเมืองการปกครองของผู้บริหารระดับสูง จากสถาบันพระปกเกล้า เมื่อปี พ.ศ. 2545 และระดับปริญญาโท สาขาวิชารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

การทำงาน

[แก้]

บุญรื่น เคยรับราชการครู ต่อมาได้เข้าสู่งานการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 (เขต 5) เป็นครั้งแรก ในสังกัดพรรคไทยรักไทย ต่อมาได้รับเลือกตั้งอีกในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548, พ.ศ. 2550 และการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 และยังได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร[1] ดูแลรับผิดชอบการศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ[2] และถูกปรับออกจาตำแหน่งในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555[3]

บุญรื่น เป็นผู้มีบทบาทในการดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ซึ่งมีการเสนอจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2554 [4] และวันที่ 8 กันยายน 2558 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. 2558" มีผลให้มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ สิ้นสุดสถานะความเป็นสถาบันอุดมศึกษาในวันถัดจากวันที่ประกาศราชกิจจานุเบกษา และเป็นการจัดตั้งมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ขึ้นในวันเดียวกัน [5]

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

[แก้]

บุญรื่น ศรีธเรศ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 5 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 จังหวัดกาฬสินธุ์ สังกัดพรรคไทยรักไทย
  2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดกาฬสินธุ์ สังกัดพรรคไทยรักไทย
  3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 จังหวัดกาฬสินธุ์ สังกัดพรรคพลังประชาชนพรรคเพื่อไทย
  4. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดกาฬสินธุ์ สังกัดพรรคเพื่อไทย
  5. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ สังกัดพรรคเพื่อไทย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. พระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี (รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 128 ตอนพิเศษที่ 88 ง วันที่ 9 สิงหาคม 2554 หน้า 3
  2. ศธ.แบ่งงาน3รมต.ดูแลรายภูมิภาค 'บุญรื่น'เล็งลงพื้นที่แก้ปัญหาครูทำคุณภาพเด็กต่ำ
  3. พระบรมราชโองการ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี (รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2)
  4. "หารือตั้งมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ท่ามกลางเสียงคัดค้าน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-28. สืบค้นเมื่อ 2012-10-02.
  5. พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. 2558 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 132 ตอน 86 ก หน้า 45 8 กันยายน 2558
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2007-01-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๑ ตอนที่ ๒๓ ข หน้า ๑๐, ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๗
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2017-12-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๘ ตอนที่ ๒๒ ข หน้า ๒๐, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๔