ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สุมาอี้"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Book Bachelor (คุย | ส่วนร่วม)
Book Bachelor (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 59: บรรทัด 59:
***Princess Gaolu (高陸公主) ลูกสาวคนที่สอง
***Princess Gaolu (高陸公主) ลูกสาวคนที่สอง
****แต่งงานกับ[[เตาอี้]]
****แต่งงานกับ[[เตาอี้]]

* Fang Xuanling, ''Book of Jin'' vol. 1.
* Yu Huan, ''Weilüe''.
* Luo Guanzhong, ''[[Romance of the Three Kingdoms]]''.
* Sakaguchi, Wazumi (ed.) (2005) 坂口和澄・著 ''Seishi Sangokushi Gunyu Meimeiden'' 『正史三國志群雄銘銘傳』 Kojinsha:Tokyo.
* Watanabe, Seiichi (ed.) (2006) 渡辺精一・監修 ''Moichidomanabitai Sangokushi'' 『もう一度学びたい 三国志』 Seitosha:Tokyo.
{{รายการอ้างอิง}}
{{รายการอ้างอิง}}



รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:48, 2 มกราคม 2563

สุมาอี้
ไฟล์:Simayi2010.jpg
สุมาอี้ ใน สามก๊ก 2010
เสนาธิการและแม่ทัพแห่งวุยก๊ก
เกิดพ.ศ. 722
ถึงแก่กรรมพ.ศ. 794 (อายุ 73 ปี)
ชื่อภาษาจีน
อักษรจีนตัวเต็ม司馬懿
อักษรจีนตัวย่อ司马懿
ชื่อรองจ้งต๋า(จีนกลาง Zhongda)

สุมาอี้ ตามสำเนียงฮกเกี้ยน หรือ ซือหม่าอี้ ตามสำเนียงกลาง (จีน: 司马懿; อังกฤษ: Sima Yi; ค.ศ. 179-251) นายทหารคนสำคัญของวุยก๊ก หลังยุคที่โจโฉสิ้นไปแล้ว เป็นคู่ปรับที่สำคัญของขงเบ้ง และเป็นผู้ที่วางรากฐานให้กับทายาทผู้สืบทอดตระกูลจนได้รวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่ และก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ คือ ราชวงศ์จิ้น อันเป็นการสิ้นสุดยุคสามก๊กที่ดำเนินมานานถึง 111 ปี สามชั่วอายุคน[1]

ประวัติและบทบาท

เป็นชาวอำเภออุน เมืองเหอเน่ย (โห้ลาย) มณฑลเหอหนาน มีชื่อรองว่า จ้งต๋า มีลักษณะ แววตาแหลมเล็กคล้ายตาเหยี่ยว สุมาอี้เป็นคนเฉลียวฉลาด ชำนาญตำราพิชัยสงคราม ใจคอหนักแน่นแต่ก็เด็ดขาดในการตัดสินใจ กระทั่งมีผู้สนใจประวัติศาสตร์สามก๊ก ได้วิจารณ์ในทำนองเสียดสีไว้ว่า สุมาอี้คือ "เจ้าสำนักด้านดำ" คือ มีความชาด้านทำเพื่อประโยชน์ของตนได้เสมอ โดยไม่สนใจในเรื่องคุณธรรมศักดิ์ศรี และมีความใจดำอำมหิตพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นอุปนิสัยของผู้มีอำนาจในประวัติศาสตร์ทุกยุคสมัย และได้รับอีกฉายาหนึ่งว่า "งูแมวเซา" มีคำวิจารณ์ว่าบุคคลที่ฉลาดที่สุดในสามก๊ก คือ ขงเบ้ง แต่บุคคลที่ทั้งฉลาดและน่ากลัวที่สุดในสามก๊ก คือ สุมาอี้[1]

สุมาอี้เริ่มต้นจากการรับราชการตำแหน่งเล็กก่อนที่จะไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งเสนาธิการและแม่ทัพ อย่างไรก็ตาม ความสุขุมลุ่มลึกของสุมาอี้นั้น ทำให้แม้แต่โจโฉยังไม่ไว้วางใจ และเคยเตือนบุคคลรอบข้างให้ระวังสุมาอี้ เมื่อโจโฉและโจผีสิ้นลง โจยอยได้ขึ้นครองราชย์ สุมาอี้ได้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของวุยก๊ก โดยผลัดแพ้ ผลัดชนะกับขงเบ้งอยู่หลายครั้ง ทั้งคู่ต่างเกรงขามฝีมือของกันและกัน สุมาอี้เกือบตายด้วยวงล้อมไฟของขงเบ้งครั้งนึง แต่รอดมาได้ด้วยฝน ขณะที่ขงเบ้งก็เกือบตายเมื่อพลาดท่าที่จุดยุทธศาสตร์เกเต๋ง แต่อาศัยการลักไก่ เล่นพิณบนกำแพงเมืองแล้วเปิดประตูเมือง ทำให้สุมาอี้ระแวงแล้วไม่กล้าบุก

ในการรบครั้งสุดท้ายระหว่างขงเบ้งกับสุมาอี้ ขงเบ้งต้องการเสร็จศึกโดยเร็วเพราะมีแม่ทัพเก่ง ๆ เยอะ แต่มีเสบียงน้อย ในขณะที่สุมาอี้นั้นมีเสบียงมากมาย ดังนั้นจึงไม่ยอมออกมารบ ขงเบ้งได้ส่งคนท้าทายสุมาอี้หลายต่อหลายครั้ง ถึงขนาดส่งเสื้อผ้าสตรีเยาะเย้ยให้สุมาอี้แต่ก็ไม่ยอมออกมา ดังคำที่สุมาอี้ทักไว้ แต่หลังจากขงเบ้งได้รู้ว่าตนกำลังจะสิ้นบุญจึงทำพีธีต่อชะตาเป็นเวลา 7 วันโดยไม่ให้กองทัพเคลื่อนไหว สุมาอี้ได้ตรวจดูชะตาบนดวงดาวพบว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับขงเบ้งและเห็นว่ากองทัพจ๊กก๊กไม่ยอมออกมาจากค่ายจึงแน่ใจว่าขงเบ้งกำลังป่วยจึงฉวยโอกาสสั่งให้กองทัพบุกโจมตีค่ายของจ๊กก๊กทำให้อุยเอี๋ยนรีบเข้ามารายงานกับขงเบ้งที่เต็นท์ทำให้เทียนต่อชะตาดับจนพีธีต่อชะตาของขงเบ้งต้องล่มไป แต่ขงเบ้งสั่งอุยเอี๋ยนนำกองทัพไปตีโต้กลับขับไล่กองทัพของสุมาอี้ไปจนถึงหน้าค่ายจนทำให้สุมาอี้คิดว่าขงเบ้งไม่ได้ป่วยจึงได้แต่อยู่ในค่ายและไม่ยอมให้ออกจากค่ายตามเดิม จนกระทั่งสุมาอี้ก็ได้รับรู้ข่าวว่าขงเบ้งล้มป่วยตายแล้วและกองทัพจ๊กก๊กได้ถอยทัพกลับเสฉวนจึงรีบนำกองทัพบุกไล่ตีตลบหลังกองทัพจ๊กก๊ก แต่สุมาอี้ได้เจอกับขงเบ้งที่นั่งบนรถนำกองทัพจ๊กก๊กมาตั้งรับจึงตกใจและคิดว่าได้ถูกเล่ห์กลของขงเบ้งหลอกให้ออกจากค่ายจึงรีบถอยทัพกลับค่ายทันที ต่อมาภายหลังก็ได้รับรู้จากชาวบ้านว่าขงเบ้งได้ตายแล้วจริง ๆ และที่สุมาอี้เห็นก็เป็นหุ่นกระบอกไม้ที่กองทัพจ๊กก๊กได้นำมาแต่งชุดและนั่งบนรถนำทัพมาตั้งรับ แล้วหลังจากกองทัพสุมาอี้ถอยทัพกลับค่ายไปแล้ว กองทัพจ๊กก๊กก็ได้ถอยทัพไปได้ไกลจนถึงเสฉวน สุมาอี้ก็ได้รู้ว่าขงเบ้งได้รู้ล่วงหน้าก่อนว่าตนจะนำกองทัพตีตลบหลังกองทัพจ๊กก๊กที่กำลังถอยทัพหลังจากตนได้ตาย จึงได้ใช้กลอุบายใช้หุ่นไม้หลอกสุมาอี้ให้ถอยทัพกลับค่าย จนต้องทำให้สุมาอี้ต้องเอ่ยปากชมว่า ขงเบ้งนั้นเก่งจริง ๆ ขนาดตอนเป็นยังหลอกได้ แต่ตอนตายยังหลอกอีก แต่ถึงอย่างไรแม้จะถูกขงเบ้งหลอกแต่สุมาอี้ก็ได้รับชัยชนะอย่างแท้จริงและไม่มีใครที่จะมีความเก่งเทียบเท่าและขัดขวางทางความทะเยอทะยานอย่างสุมาอี้ได้อีกแล้ว

ในปลายรัชสมัยโจยอย สุมาอี้ได้รับการเลื่อนยศและบรรดาศักดิ์ มีอำนาจควบคุมทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน โจยอยนับถือเสมือนพระราชบิดา คนในตระกูลสุมารับราชการในชั้นสูงมากถึง 11 คน[1] เมื่อสิ้นโจยอย โจฮองขึ้นครองราชย์แทน สุมาอี้ถูกตระกูลโจถอดออกจากตำแหน่งไปอยู่บ้านเฉย ๆ เพราะไม่ไว้ใจในความซื่อสัตย์ของสุมาอี้ แม้สุมาอี้จะถูกปลดเป็นเวลานานถึง 10 ปีแล้วแต่ก็ยังคงฝึกการต่อสู้และมีบารมีในกองทัพอยู่ โจซองก็ยังไม่ไม่ไว้ใจสุมาอี้อยู่จึงส่งคนไปจับตาดูแต่สุมาอี้ได้แกล้งป่วยอาการทรุดหนักทำให้โจซองตายใจไม่หวาดระแวงอะไร แต่ท้ายที่สุดก็ทำการรัฐประหารในเมืองลกเอี๋ยง โค่นอำนาจที่คุมกองทัพของตระกูลโจ ที่นำโดยโจซอง บุตรชายของอดีตแม่ทัพใหญ่โจจิ๋น หมดสิ้น และเป็นตระกูลสุมาที่ได้ขึ้นมาครองอำนาจแทน

มีบุตรชาย 2 คน ที่ล้วนแต่มีความสามารถมาก เพราะสุมาอี้มักสั่งสอนและให้ติดตามทำศึกอยู่เสมอ ๆ คือ สุมาสู และสุมาเจียว ภายหลังจากสิ้น 3 คนนี้แล้ว สุมาเอี๋ยน บุตรชายของสุมาเจียว หลานปู่ของสุมาอี้ได้รวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว และขึ้นครองราชย์เป็นเสวียนตี้ฮ่องเต้ ปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์จิ้น เป็นอันสิ้นสุดยุคสามก๊ก และ ราชวงศ์ฮั่น

สุมาอี้เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 73 ที่เมืองลกเอี๋ยง ด้วยโรคชรา

ครอบครัว

  • พ่อแม่
  • ภรรยาและบุตรธิดา
    • จางชุนหัว (189-247)
      • สุมาสู (208-255) ลูกชายคนแรก
      • สุมาเจียว (211-265) ลูกชายคนที่สอง
      • Princess Nanyang (南陽公主) ลูกสาวคนแรก
        • แต่งงานกับ Xun Yi (荀霬) มีลูกชายสองคน
      • Sima Gan, Prince of Pingyuan (平原王 司馬幹; 232–311) ลูกชายคนที่หก
    • Lady Fu (伏夫人)
      • Sima Liang, Prince (Wencheng) of Ru'nan (汝南文成王 司馬亮; exec. 291) ลูกชายคนที่สาม
      • สุมาเตี้ยม (227-283) ลูกชายคนที่สี่
      • Sima Jing, Marquis of Qinghui (清惠侯 司馬京; 230–253) ลูกชายคนที่ห้า
      • Sima Jun, Prince (Wu) of Fufeng (扶風武王 司馬駿; 232–286) ลูกชายคนที่เจ็ด
    • Lady Zhang (張夫人)
      • Sima Rong, Prince (Xiao) of Liang (梁孝王 司馬肜; d. 302) ลูกชายคนที่แปด
    • Lady Bai (柏夫人)
    • ไม่ทราบ
      • Princess Gaolu (高陸公主) ลูกสาวคนที่สอง
  1. 1.0 1.1 1.2 หน้า 5, ชัยชนะของงูแมวเซา. "ชักธงรบ" โดย กิเลน ประลองเชิง. ไทยรัฐปีที่ 68 ฉบับที่ 21638: วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560 แรม 8 ค่ำ เดือน 5 ปีระกา

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น