เตาอี้
เตาอี้ (ตู้ ยฺวี่) | |
|---|---|
| 杜預 | |
ภาพวาดเตาอี้ในสมัยราชวงศ์ชิง | |
| ผู้บังคับการมณฑลราชธานี (司隸校尉 ซือลี่เซี่ยวเว่ย์) | |
| ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 285 | |
| กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
| มหาขุนพลพิทักษ์ภาคใต้ (鎮南大將軍 เจิ้นหนานต้าเจียงจฺวิน) | |
| ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 278 – ค.ศ. 285 | |
| กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
| ก่อนหน้า | เอียวเก๋า |
| ขุนพลรถรบเบา (輕車將軍 ชิงเชอเจียงจฺวิน) | |
| ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 270 – ค.ศ. 278 | |
| กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
| นายกองพันเกี๋ยงตะวันออก (東羌校尉 ตงเชียงเซี่ยวเว่ย์) | |
| ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 270 – ค.ศ. 278 | |
| กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
| ข้าหลวงมณฑลฉินโจว (秦州刺史 ฉินโจวชื่อฉื่อ) | |
| ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 270 – ค.ศ. 278 | |
| กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
| ตุลาการทัพของขุนพลสงบภาคตะวันตก (安西將軍軍司 อานซีเจียงจฺวินจฺวินซือ) | |
| ดำรงตำแหน่ง 270 | |
| กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
| เจ้าเมืองโห้หล้ำ (河南尹 เหอหนานอิ่น) | |
| ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 265 หรือหลังจากนั้น – ก่อน ค.ศ. 274 | |
| กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
| หัวหน้าเสมียนของขุนพลพิทิกษ์ภาคตะวันตก (鎮西將軍長史 เจิ้นซีเจียงจฺวินจ๋างฉื่อ) | |
| ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 263 | |
| กษัตริย์ | โจฮวน |
| เสนาธิการทัพ (參軍 ชานจฺวิน) | |
| ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 259 – ค.ศ. 263 | |
| กษัตริย์ | โจมอ / โจฮวน |
| เจ้าพนักงานสำนักราชเลขาธิการ (尚書郎 ช่างชูหลาง) | |
| ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. 259 | |
| กษัตริย์ | โจมอ |
| ข้อมูลส่วนบุคคล | |
| เกิด | ค.ศ. 222 นครซีอาน มณฑลฉ่านซี |
| เสียชีวิต | ค.ศ. 285 (63 ปี) นครเติ้งโจว มณฑลเหอหนาน |
| คู่สมรส | เจ้าหญิงเกาลู่ (高陸公主 เกาลู่กงจู่) |
| บุตร |
|
| บุพการี |
|
| ญาติ |
|
| อาชีพ | บัณฑิตลัทธิขงจื๊อ, ขุนพล, ขุนนาง |
| ชื่อรอง | ยฺเหวียนข่าย (元凱) |
| สมัญญานาม | เฉิงโหว (成侯) |
| บรรดาศักดิ์ | เฮาแห่งตงหยง (當陽侯 ตางหยางโหว) |
เตาอี้[1] (ค.ศ. 223[a] – มกราคมหรือกุมภาพันธ์ ค.ศ. 285[b]) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า ตู้ ยฺวี่ (จีน: 杜預; พินอิน: Dù Yù) ชื่อรอง ยฺเหวียนข่าย (จีน: 元凱; พินอิน: Yuánkǎi)[4] เป็นบัณฑิตลัทธิขงจื๊อ ขุนพล และขุนนางชาวจีนของรัฐวุยก๊กในช่วงปลายยุคสามก๊กและช่วงต้นยุคราชวงศ์จิ้น
ประวัติช่วงต้น
[แก้]เตาอี้เป็นชาวอำเภอตู้หลิง (杜陵縣 ตู้หลิงเซี่ยน) เมืองเกงเตียว (京兆郡 จิงเจ้าจฺวิ้น) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครซีอาน มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน[4] เตาอี้มาจากตระกูลเตา (杜 ตู้) แห่งเกงเตียว เป็นทายาทรุ่นที่ 11 ของตู้ เหยียนเหนียน (杜延年) ผู้ดำรงตำแหน่งขุนนางที่ปรึกษา (御史大夫 ยฺวี่ฉื่อต้าฟู) ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันตก[5] ปู่ของเตาอี้คือตู้ จี (杜畿) ดำรงตำแหน่งเป็นรองราชเลขาธิการ (尚書僕射 ช่างชูผูเช่อ) ของรัฐวุยก๊ก[6] บิดาของเตาอี้คือตู้ ชู่ (杜恕) ดำรงตำแหน่งข้าหลวงมณฑล (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลอิวจิ๋ว (幽州 โยวโจว)[7]
เตาอี้เป็นคนอ่านหนังสือมากและมีความรู้กว้างขวาง เข้าใจวิถีแห่งความรุ่งเรืองและล่มสลาย เตาอี้มักจะพูดว่า "คุณธรรมไม่อาจบรรลุได้ แต่การสร้างความดีความชอบและสร้างความเห็นในงานเขียนสามารถกระทำได้"[8] เดิมตู้ ชู่บิดาของเตาอี้ไม่ถูกกันกับสุมาสูผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของรัฐวุยก๊ก และตัวตู้ ชู่ถูกกักขังจนเสียชีวิตในคุก ทำให้เตาอี้ไม่ได้เข้ารับราชการเป็นเวลานาน[9]
รับราชการกับวุยก๊ก
[แก้]ในช่วงที่สุมาเจียวน้องชายของสุมาสูสืบทอดตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของรัฐวุยก๊กถัดจากสุมาสูระหว่าง ค.ศ. 255 ถึง ค.ศ. 263 เตาอี้ได้สมรสกับเจ้าหญิงเกาลู่ (高陸公主 เกาลู่กงจู่) น้องสาวของสุมาเจียว เตาอี้ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานสำนักราชเลขาธิการ (尚書郎 ช่างชูหลาง) และได้สืบทอดบรรดาศักดิ์เฟิงเล่อถิงโหว (豐樂亭侯) ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์แต่เดิมของตู้ ชู่ผู้เป็นบิดาของเตาอี้[10] สี่ปีต่อมาเตาอี้ได้ย้ายมารับผิดชอบราชการทหารในสำนักอัครมหาเสนาบดี[11]
เมื่อ ค.ศ. 263 จงโฮยขุนพลของรัฐวุยก๊กผู้มีตำแหน่งขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันตก (鎮西將軍 เจิ้นซีเจียงจฺวิน) นำทัพพิชิตรัฐจ๊กก๊กที่เป็นรัฐอริของวุยก๊ก เตาอี้ติดตามมาในทัพของจงโฮยโดยมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าเสมียนของขุนพลพิทิกษ์ภาคตะวันตก (鎮西將軍長史 เจิ้นซีเจียงจฺวินจ๋างฉื่อ)[12] ในปีถัดมา (ค.ศ. 264) จงโฮยพยายามก่อกบฏในอาณาเขตเดิมของจ๊กก๊กแต่ไม่สำเร็จเพราะเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาก่อการกำเริบ ข้าราชการในสังกัดของจงโฮยหลายคนถูกสังหาร แต่เตาอี้ใช้ไหวพริบเอาตัวรอดมาได้ ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้เตาอี้ก็ได้รับศักดินาเพิ่มเติม[13]
รับราชการกับราชวงศ์จิ้น
[แก้]หลังสุมาเอี๋ยนก่อตั้งราชวงศ์จิ้นตะวันตกและขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์แรกเมื่อ ค.ศ. 266 ในช่วงศักราชไท่ฉื่อ (泰始; ค.ศ. 266–274) เตาอี้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองโห้หล้ำ (河南尹 เหอหนานอิ่น)[14]
เมื่อ ค.ศ. 270 ทูฟ่า ชู่จีเหนิง (禿髮樹機能) นำพลชนเผ่าบุกชายแดนในภูมิภาคหล่งโย่ว (隴右) เตาอี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการทัพของขุนพลสงบภาคตะวันตก (安西將軍軍司 อานซีเจียงจฺวินจฺวินซือ) นำพล 300 นายและม้า 100 ตัวไปยังเตียงอั๋น (長安 ฉางอาน) หลังมาถึงเตียงอั๋นแล้วเตาอี้ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าหลวงมณฑล (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลฉินโจว (秦州), นายกองพันเกี๋ยงตะวันออก (東羌校尉 ตงเชียงเซี่ยวเว่ย์) และขุนพลรถรบเบา (輕車將軍 ชิงเชอเจียงจฺวิน) รวมถึงได้รับอาญาสิทธิ์[15] ฉือ เจี้ยน (石鑒) ขุนพลสงบภาคตะวันตก (安西將軍 อานซีเจียงจฺวิน) และแม่ทัพของมณฑลฉินโจวสั่งให้เตาอี้นำพลไปโจมตีทูฟ่า ชู่จีเหนิง แต่เตาอี้ทัดทานโดยให้ความเห็นว่าข้าศึกยังมีขวัญกำลังใจสูง ม้ามีกำลังวังชา ตรงข้ามกับกำลังพลของราชวงศ์จิ้นที่เดินทัพมาไกลและอ่อนล้า แล้วเตาอี้จึงเสนอให้รอคอยจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าจึงเข้าโจมตี ฉือ เจี้ยนโกรธมาก จึงให้ขุนนางตรวจสอบ (御史 ยฺวี่ฉื่อ) นำตัวเตาอี้ใส่รถนักโทษแล้วคุมตัวไปให้เสนาบดีตุลาการ (廷尉 ถิงเว่ย์) ตัดสินโทษโดยตั้งข้อหาว่า "ละเลยการเตรียมทัพ" แต่เนื่องจากเตาอี้เป็นพระสวามีของเจ้าหญิงเกาลู่ซึ่งอยู่ในข่ายบุคคลที่ได้รับการลดหย่อนโทษ จึงได้รับโทษเพียงการถูกถอดบรรดาศักดิ์ ต่อมาฉือ เจี้ยนพยายามปราบทูฟ่า ชู่จีเหนิงแต่ไม่สามารถเอาชนะได้ เป็นไปตามการคาดการณ์ของเตาอี้[16]
เมื่อ ค.ศ. 271 หลิว เหมิ่ง (劉猛) ผู้นำชนเผ่าซฺยงหนู (匈奴) ก่อกบฏต่อราชวงศ์จิ้นในมณฑลเป๊งจิ๋ว (并州 ปิงโจว) ราชสำนักราชวงศ์จิ้นเห็นว่าเตาอี้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์จึงตั้งให้เตาอี้มีบรรดาศักดิ์เป็นซ่านโหว (散侯) ให้ทำหน้าที่ในการร่วมวางนโยบายทางการทหาร ต่อมาไม่นานเตาอี้ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นราชเลขาธิการการคลัง (度支尚書 ตู้จือช่างชู) ทำหน้าที่จัดการการเงินของราชสำนัก ต่อมาเมื่อฉือ เจี้ยนกลับมายังราชสำนักได้รายงานเรื่องความดีความชอบในการศึกที่ไม่ตรงกับความจริง จึงเกิดการโต้เถียงอย่างรุนแรงเพื่อโจมตีกันและกันระหว่างฉือ เจี้ยนและเตาอี้ ในที่สุดทั้งสองก็ถูกปลดจากตำแหน่ง อีกไม่กี่ปีต่อมาเตาอี้ได้กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นราชเลขาธิการการคลัง[17]
การพิชิตง่อก๊ก
[แก้]ในช่วงเวลานั้น จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนมักดำริถึงแผนการโจมตีพิชิตรัฐง่อก๊กเพื่อจะรวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง แต่ขุนนางส่วนใหญ่ในราชสำนักทัดทาน มีเพียงเอียวเก๋า (羊祜 หยาง ฮู่), เตาอี้ และจาง หฺวา (張華) ที่สนับสนุนแผนการพิชิตง่อก๊ก[18]
เมื่อ ค.ศ. 278 ขุนพลเอียวเก๋าป่วยหนัก เอียวเก๋าเสนอให้ตั้งเตาอี้เป็นแม่ทัพของมณฑลเกงจิ๋ว (荆州 จิงโจว) แทนตน หลังเอียวเก๋าเสียชีวิต เตาอี้ได้รับการตั้งแต่ให้เป็นมหาขุนพลพิทักษ์ภาคใต้ (鎮南大將軍 เจิ้นหนานต้าเจียงจฺวิน) กำกับดูแลราชการทหารทั้งหมดในมณฑลเกงจิ๋ว[19] หลังรับตำแหน่ง เตาอี้เตรียมการทำศึก คัดเลือกทหารชั้นยอด แล้วเข้าโจมตีจาง เจิ้ง (張政) แม่ทัพอำเภอซีหลิง (西陵) ของรัฐง่อก๊กจนแตกพ่าย จาง เจิ้งรู้สึกอับอายจากการพ่ายแพ้ต่อเตาอี้จึงไม่ทูลรายงานเรื่องนี้ต่อซุนโฮจักรพรรดิแห่งง่อก๊ก เตาอี้ใช้กลยุทธ์สร้างความแตกแยกโดยการส่งตัวเชลยศึกคืนให้ซุนโฮ ซุนโฮจึงทรงเปลี่ยนให้หลิว เซี่ยน (留憲) เป็นแม่ทัพอำเภอซีหลิงแทน[20]
ต่อมาไม่นาน เตาอี้ถวายฎีกาขอยกทัพโจมตีง่อก๊ก และแล้วเมื่อ ค.ศ. 280 เตาอี้จึงเคลื่อนพลเข้าประชิดอำเภอกังเหลง (江陵 เจียงหลิง) เตาอี้สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาได้แก่ฝาน เสี่ยน (樊顯), อิ่น หลิน (尹林), เติ้ง กุย (鄧圭), โจว ฉี (周奇) และคนอื่น ๆ ให้นำพลยกไปทางตะวันตกตามแนวแม่น้ำแยงซี ยึดเมืองต่าง ๆ ได้หลายเมือง[21] และสั่งให้โจว จื่อ (周旨) และคนอื่น ๆ นำกองกำลังพิเศษ 800 นายยกเข้าจู่โจมจุดยุทธศาสตร์ที่อำเภอเล่อเซียง (樂鄉) ให้ชูธงและจุดเพลิงขึ้นที่เขาปาสัน (巴山 ปาชาน) ทำให้ทหารและราษฎรของง่อก๊กตกใจกลัว[22] จากนั้นเตาอี้จึงยกพลเข้าตีกังเหลง ง่อเอี๋ยน (伍延 อู่ เหยียน) แม่ทัพอำเภอกังเหลงแสร้งยอมจำนนเพื่อหาโอกาสจู่โจมกลับ แต่เตาอี้รู้ทันและสังหารง่อเอี๋ยน ยึดกังเหลงได้สำเร็จ[23] ด้านขุนพลองโยย (王濬 หวาง จฺวิ้น) แม่ทัพเรือของราชวงศ์จิ้นก็สามารถสังหารลู่ จิง (陸景) แม่ทัพเรือของง่อก๊กได้ เมืองของง่อก๊กทางฝั่งใต้ต่างทยอยกันยอมจำนน เตาอี้ได้รับคำสั่งให้นำพลไปรักษาเมืองเลงเหลง (零陵 หลิงหลิง) ฮุยเอี๋ยง (桂陽 กุ้ยหยาง) และเมืองอื่น ๆ[24]
ในช่วงเวลานั้น แม้ทัพราชวงศ์จิ้นจะได้ชัยชนะอย่างต่อเนื่อง แต่บางคนมีความเห็นว่าง่อก๊กจะยังไม่ถูกพิชิตในเร็ว ๆ นี้ และในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระดับน้ำในแม่น้ำเริ่มสูงขึ้น ไม่สามารถให้ทหารอยู่ประจำการได้เป็นเวลานาน จึงควรรอจนถึงฤดูหนาวจึงกลับมาโจมตีใหม่ แต่เตาอี้กล่าวว่า "ในอดีต งักเย (樂毅 เยฺว่ อี้) เกือบผนวกรัฐเจ๋ (齊 ฉี) ที่แข็งแกร่งได้ในยุทธการที่เจียวซี (胶西) ในวันนี้ขวัญกำลังใจของทหารพุ่งสูงดุจการผ่าไม้ไผ่[c] ผ่าไปเพียงไม่กี่ครั้งไม้ไผ่ก็จะแยกออกตามคมมีด[d] ไม่มีสิ่งกีดขวางอีกต่อไป" เตาอี้ยืนกรานที่จะเข้าโจมตีต่อไป และวางกลยุทธ์ในการเข้าตีเกี๋ยนเงียบ (建業 เจี้ยนเย่) นครหลวงของง่อก๊ก[25] ต่อมาไม่นาน ขุนพลองโยยและอองหุย (王渾 หวาง หุน) ก็ยึดเกี๋ยนเงียบได้สำเร็จ ซุนโฮทรงยอมจำนนต่อทัพราชวงศ์จิ้น
จากความดีความชอบในการรบ เตาอี้ได้รับการตั้งให้มีบรรดาศักดิ์เป็นเฮาแห่งตงหยง (當陽侯 ตางหยางโหว) ได้รับศักดินาเพิ่มขึ้นเป็น 9,600 ครัวเรือน ตู้ ตาน (杜耽) บุตรชายของเตาอี้ได้รับการตั้งให้มีบรรดาศักดิ์ระดับเตงเฮา (亭侯 ถิงโหว) มีศักดินาพันครัวเรือน ได้รับผ้าไหม 8,000 พับ[26] ตัวเตาอี้ยังคงอยู่รักษาภูมิภาคกังหลำ (江南 เจียงหนาน; ภูมิภาคทางใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง)
เสียชีวิต
[แก้]เมื่อ ค.ศ. 285 ราชสำนักราชวงศ์จิ้นเรียกตัวเตาอี้กลับมานครหลวงลกเอี๋ยง (洛陽 ลั่วหยาง) เพื่อจะแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการมณฑลราชธานี (司隸校尉 ซือลี่เซี่ยวเว่ย์) เตาอี้เสียชีวิตระหว่างเดินทางผ่านอำเภอเติ้ง (鄧縣 เติ้งเซี่ยน) ขณะนั้นมีอายุ 63 ปี[27] จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงโทมนัสอย่างมากต่อการเสียชีวิตของเตาอี้ ทรงแต่งตั้งย้อนหลังให้เตาอี้เป็นมหาขุนพลโจมตีภาคใต้ (征南大將軍 เจิงหนานต้าเจียงจฺวิน) และพระราชทานสมัญญานามว่า "เฉิงโหว" (成侯)[28]
บุคลิกและอุปนิสัย
[แก้]เตาอี้เป็นนักเขียนที่มีผลงานจำนวนมาก เตาอี้เรียกตนเองว่าเป็นผู้เสพติดการอ่านจั่วจฺว้าน (左傳)[e] และเขียนบทวิจารณ์ต่อจั่วจฺว้านซึ่งมีอิทธิพลทางความคิดอย่างมากในเวลานั้น เตาอี้แตกต่างจากนักเขียนในยุคก่อน ๆ โดยเตาอี้ยังใช้จั่วจฺว้านในการแสดงความเห็นต่อคัมภีร์ชุนชิว (春秋) จึงรวมตำราทั้งสองเล่มเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติทั่วไปนับตั้งแต่นั้นมา
เตาอี้เป็นผู้นำทัพราชวงศ์จิ้นในการพิชิตรัฐง่อก๊ก เตาอี้สามารถกวาดล้างทัพง่อก๊กโดยใช้กำลังพลที่เหนือกว่าภายในเวลาไม่กี่เดือน แล้วรับการยอมจำนนของซุนโฮจักรพรรดิลำดับสุดท้ายของง่อก๊ก ผลงานทางการทหารของเตาอี้ยิ่งมีความพิเศษยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับความอ่อนแอทางร่างกายของตัวเตาอี้ มีบันทึกว่าเตาอี้ไม่สามารถขี่ม้าหรือยิงเกาทัณฑ์ที่ต้องใช้แรงมากได้[30]
ทายาท
[แก้]เตาอี้เป็นบรรพบุรษของตู้ ฝู่ (杜甫) กวีในยุคราชวงศ์ถัง และตู้ เฉิ่นเหยียน (杜審言) ผู้เป็นปู่ของตู้ ฝู่[31]
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ บทชีวประวัติเตาอี้ในจิ้นชูระบุว่าเตาอี้เสียชีวิตขณะมีอายุ 63 ปี (ตามการนับอายุแบบเอเชียตะวันออก)[2] เมื่อคำนวณแล้วปีเกิดของเตาอี้ควรเป็น ค.ศ. 223
- ↑ บทพระราชประวัติสุมาเอี๋ยนในจิ้นชูระบุว่าเตาอี้เสียชีวิตในเดือนอธิกมาสของศักราชไท่คาง (太康) ปีที่ 5 ในรัชสมัยของสุมาเอี๋ยน เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 23 มกราคมถึง 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 285 ในปฏิทินจูเลียน[3]
- ↑ เป็นที่มาของสำนวนจีนว่า "รุนแรงดุจผ่าไม้ไผ่" (势如破竹 ชื่อหรูพั่วจู๋)
- ↑ เป็นที่มาของสำนวนจีนว่า "แยกออกตามคมมีด" (迎刃而解 อิ๋งเริ่นเอ๋อร์เจี่ย)
- ↑ บทชีวประวัติเตาอี้ในจิ้นชูบันทึกว่าในช่วงเวลานั้น หวาง จี้ (王濟) เชี่ยวชาญการประเมินลักษณะม้าและเป็นคนรักม้า ในขณะที่เหอ เฉียว (和嶠) เป็นนักสะสมทรัพย์สิน เตาอี้จึงแสดงความคิดเห็นว่าหวาง จี้เป็นผู้เสพติดม้า ส่วนเหอ เฉียวเป็นผู้เสพติดเงิน เมื่อสุมาเอี๋ยนทรงได้ยินเรื่องนี้จึงตรัสถามเตาอี้ว่าตัวเตาอี้เสพติดอะไรบ้างหรือไม่ เตาอี้จึงทูลตอบว่าจนเสพติดจั่วจฺว้าน[29]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ("พระเจ้าสุมาเอี๋ยนจึงตั้งให้เตาอี้เบนที่ตินหลำจงกุ๋น มาเปนนายทหารรักษาเมืองเกงจิ๋วแทน ครั้นตินหลำจงกุ๋นรู้ว่าลกข้องแลเตงฮองถึงแก่ความตายแล้ว พระเจ้าซุนโฮก็ประพฤติการฟั่นเฟือนเสพย์แต่สุราเปนนิตย์ ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยพิททูลห้ามปรามก็ให้ตัดปากจมูกเสีย ไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎรก็ได้ความเดือดร้อนเปนอันมาก จึงมีหนังสือไปแจ้งแก่พระเจ้าสุมาเอี๋ยนจะขอไปตีเมืองกังตั๋ง") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ May 21, 2025.
- ↑ (行次邓县而卒,时年六十三。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ [(太康五年)闰月,镇南大将军、当阳侯杜预卒。] จิ้นชู เล่มที่ 3.
- 1 2 (杜预,字元凯,京兆杜陵人也。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (预字元凯,京兆杜陵人,汉御史大夫延年十一世孙。祖畿,魏太保。父恕,幽州、荆州刺史。预智谋渊博,明于治乱,常称立德者非所企及,立功、立言所庶几也。累迁河南尹,为镇南将军,都督荆州诸军事,镇襄阳。以平吴勋封当阳侯。预无伎艺之能,身不跨马,射不穿札,而每有大事,辄在将帅之限。赠镇南将军、仪同三司。) อรรถาธิบายจากจิ้นชู (晉書) ของหวาง อิ่น (王隱) ในชื่อชัวซิน-ยฺหวี่ เล่มที่ 5.
- ↑ (祖畿,魏尚書僕射。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (父恕,幽州刺史。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (預博學多通,明於興廢之道,常言:「德不可以企及,立功立言可庶幾也。」) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (初,其父與宣帝不相能,遂以幽死,故預久不得調。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (文帝嗣立,預尚帝妹高陸公主,起家拜尚書郎,襲祖爵豐樂亭侯。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (在職四年,轉參相府軍事。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (鐘會伐蜀,以預為鎮西長史。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (及會反,僚佐並遇害,唯預以智獲免,增邑千一百五十戶。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (泰始中,守河南尹。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (時虜寇隴石,以預為安西軍司,給兵三百人,騎百匹。到長安,更除秦州刺史,領東羌校尉、輕車將軍、假節。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (屬虜兵強盛,石鑒時為安西將軍,使預出兵擊之。預以虜乘勝馬肥,而官軍懸乏,宜並力大運,須春進討,陳五不可、四不須。鑒大怒,復奏預擅飾城門官舍,稽乏軍興,遣御史檻車征詣廷尉。以預尚主,在八議,以侯贖論,。其後隴右之事卒如預策。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (是時朝廷皆以預明於籌略,會匈奴帥劉猛舉兵反,自并州西及河東、平陽,詔預以散侯定計省闥,俄拜度支尚書。預乃奏立藉田,建安邊,論處軍國之要。又作人排新器,興常平倉,定穀價,較鹽運,制課調,內以利國外以救邊者五十餘條,皆納焉。石鑒自軍還,論功不實,為預所糾,遂相仇恨,言論喧嘩,並坐免官,以侯兼本職。數年,復拜度支尚書。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (時帝密有滅吳之計,而朝議多違,唯預、羊祜、張華與帝意合。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (祜病,舉預自代,因以本官假節行平東將軍,領征南軍司。及祜卒,拜鎮南大將軍、都督荊州諸軍事,給追鋒車,第二駙馬。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (預既至鎮,繕甲兵,耀威武,乃簡精銳,襲吳西陵督張政,大破之,以功增封三百六十五戶。政,吳之名將也,據要害之地,恥以無備取敗,不以所喪之實告于孫皓。預欲間吳邊將,乃表還其所獲之眾於皓。皓果召政,遣武昌監劉憲代之。故大軍臨至,使其將帥移易,以成傾蕩之勢。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (預以太康元年正月,陳兵於江陵,遣參軍樊顯、尹林、鄧圭、襄陽太守周奇等率眾循江西上,授以節度,旬日之間,累克城邑,皆如預策焉。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (又遣牙門管定、周旨、伍巢等率奇兵八百,泛舟夜渡,以襲樂鄉,多張旗幟,起火巴山,出於要害之地,以奪賊心。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (於是進逼江陵。吳督將伍延偽請降而列兵登陴,預攻克之。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (乙亥,以濬爲都督益、梁二州諸軍事,復下詔曰:「濬、彬東下,掃除巴丘,與胡奮、王戎共平夏口、武昌,順流長騖,直造秣陵,與奮、戎審量其宜。杜預當鎮靜零、桂,懷輯衡陽。大兵既過,荊州南境固當傳檄而定,預當分萬人給濬,七千給彬。夏口既平,奮宜以七千人給濬。武昌既了,戎當以六千人增彬。太尉充移屯項,總督諸方。」) จิ้นชู เล่มที่ 3.
- ↑ (時眾軍會議,或曰:「百年之寇,未可盡克。今向暑,水潦方降,疾疫將起,宜俟來冬,更為大舉。」預曰:「昔樂毅藉濟西一戰以並強齊,今兵威已振,譬如破竹,數節之後,皆迎刃而解,無復著手處也。」) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (孫皓既平,振旅凱入,以功進爵當陽縣侯,增邑並前九千六百戶,封子耽為亭侯,千戶,賜絹八千匹。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (其後徵為司隸校尉,加位特進,行次鄧縣而卒,時年六十三。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (帝甚嗟悼,追贈征南大將軍、開府儀同三司,諡曰成。) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (時王濟解相馬,又甚愛之,而和嶠頗聚斂,預常稱「濟有馬癖,嶠有錢癖」。武帝聞之,謂預曰:「卿有何癖?」對曰:「臣有《左傳》癖。」) จิ้นชู เล่มที่ 34.
- ↑ (预身不跨马,射不穿札...) จิ้นชู เล่มที่ 34. วลีว่า "เช่อปู้ชฺวานจ๋า" (射不穿札) หรือ "ยิงเกาทัณฑ์ไม่ทะลุเกราะ" ยังถูกนำใช้กล่าวถึงเฉิน ชิ่งจือ (陳慶之) ใน เหลียงชู (梁書) และ หนานฉื่อ (南史)
- ↑ (杜审言,字必简,襄州襄阳人,晋征南将军预远裔。....审言生子闲,闲生甫。) ซินถังชู เล่มที่ 201.
บรรณานุกรม
[แก้]- ตันซิ่ว (คริสต์ศตวรรษที่ 3). สามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ).
- เผย์ ซงจือ (คริสต์ศตวรรษที่ 5). อรรถาธิบายสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อจู้).
- ฝาง เสฺวียนหลิง (บก.) (648). จิ้นชู.
- Pang, Pu (龐樸), บ.ก. (1997). "Du Yu 杜預". ChinaKnowledge.de. สืบค้นเมื่อ 8 October 2017.