เจ้าหญิงตงเซียง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เจ้าหญิงตงเซียง (ตงเซียงกงจู่)
東鄉公主
ประสูติหลัง ค.ศ. 207
สวรรคตไม่ทราบ
ราชวงศ์ราชวงศ์โจ (เฉา)
พระราชบิดาโจผี
พระราชมารดาเอียนซี

เจ้าหญิงตงเซียง (จีน: 東鄉公主; พินอิน: Dōngxiāng Gōngzhǔ; เกิดหลัง ค.ศ. 207) เป็นเจ้าหญิงของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน เป็นพระธิดาของโจผีจักรพรรดิลำดับแรกของวุยก๊กกับเอียนซี เป็นพระขนิษฐาของโจยอยจักรพรรดิลำดับที่สองของวุยก๊กผู้สืบราชบัลลังก์ถัดจากพระบิดา เจ้าหญิงตงเซียงได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าหญิงเมื่อโจผีโค่นล้มราชวงศ์ฮั่นและสถาปนารัฐวุยก๊ก

ประวัติ[แก้]

เจ้าหญิงตงเซียงเป็นหลานสาวของโจโฉขุนศึกผู้วางรากฐานของการสถาปนารัฐวุยก๊กกับเปียนซีผู้กลายมาเป็นสมเด็จพระอัยยิกาเจ้าหลังการเสียชีวิตของโจโฉและโจผีบุตรชาย ในปี ค.ศ. 216 โจโฉยกทัพทำศึกโจมตีซุนกวนขุนศึกในภาคตะวันออกเฉียงใต้นำไปสู่ยุทธการที่ยี่สูในปี ค.ศ. 217 เจ้าหญิงตงเซียงติดตามโจโฉผู้ปู่ในการทัพและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งปีพร้อมด้วยโจยอยพี่ชายและเปียนซีผู้เป็นย่า[1]

เมื่อเจ้าหญิงตงเซียงและครอบครัวกลับไปยังเงียบกุ๋นเมื่อปลายปี ค.ศ. 217 หลังสิ้นสุดการทัพ ผู้ติดตามของเปียนซีแปลกใจที่เห็นว่าเอียนซีร่าเริงมาก จึงถามว่า "นายหญิงไม่ได้พบลูก ๆ ของท่านมาหนึ่งปี พวกเราคิดว่าท่านจะคิดถึงและเป็นห่วงลูก แต่ท่านกลับเบิกบาน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น" เอียนซีหัวเราะและตอบว่า "เหตุใดข้าต้องกังวลด้วยในเมื่อ (โจ) ยอยและคนอื่น ๆ อยู่กับฮูหยิน (เปียนซี)"[2]

หลังโจโฉเสียชีวิตในปี ค.ศ. 220 โจผีสืบทอดตำแหน่งวุยอ๋อง และภายหลังในปีเดียวกันโจผีบังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้สละราชบัลลังก์ให้ตน เป็นการปิดฉากราชวงศ์ฮั่นและก่อตั้งรัฐวุยก๊ก หลังโจผีสถาปนาตนเป็นจักรพรรดิ ได้พระราชทานตำแหน่งเจ้าหญิงให้กับเจ้าหญิงตงเซียง

อ้างอิง[แก้]

รายการอ้างอิง[แก้]

  1. Chen and Pei (429, p. 160): "及冀州平,文帝納[甄]后于鄴,有寵,生明帝及東鄉公主。二十一年,太祖東征,武宣皇后、文帝及明帝、東鄉公主皆從。"
  2. Book of Wei: "二十一年,太祖東征,武宣皇后、文帝及明帝、東鄉公主皆從,時后以病留鄴。二十二年九月,大軍還,武宣皇后左右侍御見后顏色豐盈,怪問之曰:「后與二子別久,下流之情,不可為念,而后顏色更盛,何也?」后笑荅之曰:「叡等自隨夫人,我當何憂!」后之賢明以禮自持如此。" Cited in Chen and Pei (429, p. 161)

บรรณานุกรม[แก้]

  • Chen Shou (1977) [429]. "5:后妃傳". ใน Pei Songzhi (บ.ก.). Annotations to Records of the Three Kingdoms 三國志注. Taipei: Dingwen Printing. pp. 159–164.
  • Wang Chen; Xun Yi; Ruan Ji (c. 250s). 魏書 [Book of Wei].