ข้ามไปเนื้อหา

หันค่าย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หันค่าย (หาน จี้)
韓曁
เสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู)
ดำรงตำแหน่ง
12 กุมภาพันธ์ – 10 เมษายน ค.ศ. 238 (238)
กษัตริย์โจยอย
ที่ปรึกษาราชวัง (太中大夫 ไท่จงต้าฟู)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 234 (234) – 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 238 (238)
กษัตริย์โจยอย
เสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 226 (226) – ค.ศ. 234 (234)
กษัตริย์โจผี / โจยอย
นายร้อยโลหะ (司金都尉 ซือจินตูเว่ย์)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. 226 (226)
กษัตริย์พระเจ้าเหี้ยนเต้ (จนถึง ค.ศ. 220)
/ โจผี (ตั้งแต่ ค.ศ. 220)
หัวหน้ารัฐบาลโจโฉ (จนถึง ค.ศ. 220)
ผู้กำกับดูแลงานหลอมเหล็ก
(監冶謁者 เจียนเหย่เย่เจ่อ)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์พระเจ้าเหี้ยนเต้
หัวหน้ารัฐบาลโจโฉ
เจ้าเมืองเล่าหลิง (樂陵太守 เล่าหลิงไท่โฉ่ว)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์พระเจ้าเหี้ยนเต้
หัวหน้ารัฐบาลโจโฉ
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิดไม่ทราบ
อำเภอฟางเฉิง มณฑลเหอหนาน
เสียชีวิต10 เมษายน พ.ศ. 238[a]
บุตร
  • หาน เจ้า
  • หาน เหยา
บุพการี
  • หาน ฉุน (บิดา)
ความสัมพันธ์
อาชีพขุนนาง
ชื่อรองกงจื้อ (公至)
สมัญญานามกงโหว (恭侯)
บรรดาศักดิ์หนานเซียงถิงโหว (南鄉亭侯)

หันค่าย[2] (เสียชีวิต 10 เมษายน ค.ศ. 238)[a] มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า หาน จี้ (จีน: 韓曁; พินอิน: Hán Jì) ชื่อรอง กงจื้อ (จีน: 公至; พินอิน: Gōngzhì) เป็นขุนนางชาวจีนผู้รับราชการในรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน เดิมรับใช้ขุนศึกเล่าเปียวและโจโฉในช่วงปลายยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก[3]

ประวัติช่วงต้น

[แก้]

หันค่ายเป็นชาวอำเภอตู่หยาง (堵陽縣 ตู่หยางเซี่ยน) เมืองลำหยง (南陽郡 หนานหยางจฺวิ้น) ซึ่งปัจจุบันคืออำเภอฟางเฉิง มณฑลเหอหนาน[4] บรรพบุรุษของหันค่ายคือหาน ซิ่น (韓信) หรือหานหวางซิ่น (韓王信)[5] เป็นหนึ่งในผู้ปกครองของยุคสิบแปดรัฐในช่วงเปลี่ยนผ่านจากราชวงศ์จิ๋นเป็นราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ปู่ของหันค่ายคือหาน ชู่ (韓術) และบิดาของหันค่ายคือหาน ฉุน (韓純) รับราชการเป็นเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองฮอตั๋ง (河東郡 เหอตงจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครยฺวิ่นเฉิง มณฑลชานซีในปัจจุบัน) และเมืองลำกุ๋น (南郡 หนานจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครจิงโจว มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) ตามลำดับในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก[6]

เมื่อหันค่ายอายุยังเยาว์ เฉิน เม่า (陳茂) ชายผู้มั่งคั่งและทรงอิทธิพลในอำเภอตู่หยางได้ใส่ร้ายบิดาและพี่ชายของหันค่ายในข้อหาอุกฉกรรจ์ เป็นผลทำให้บิดาและพี่ชายของหันค่ายถูกจับและถูกประหารชีวิต[7] หันค่ายยังคงนิ่งเงียบต่อความอยุติธรรมที่ครอบครัวของตนได้รับ ขณะเดียวกันก็วางแผนอย่างลับ ๆ ที่จะแก้แค้นเฉิน เม่า หันค่ายหางานทำสะสมรายได้ และใช้เงินจ้างมือสังหารเพื่อช่วยในการแก้แค้น พวกเขาสะกดรอยตามเฉิน เม่าและสังหารเสีย ตัดศีรษะเฉิน เม่าไปวางเซ่นหลุมศพของบิดาหันค่าย[8] หันค่ายกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงหลังจากเหตุการณ์นี้[9]

หันค่ายได้รับการเสนอชื่อเป็นเซี่ยวเหลียน (ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับราชการพลเรือน) และได้รับเสนองานในสำนักของเสนาบดีโยธาธิการ (司空 ซือคง) แต่หันค่ายปฏิเสธ เมื่อความวุ่นวายทั่วแผ่นดินจีนในทศวรรษ 180[10] หันค่ายปลอมตัวตนและไปอาศัยอยู่ในชนบทของอำเภอโลเอี๋ยง (魯陽縣 หลู่หยางเซี่ยน; ปัจจุบันคืออำเภอหลู่ชาน มณฑลเหอหนาน)[11] เวลานั้นหันค่ายได้ยินว่าชาวบ้านกำลังวางแผนจะกลายเป็นโจรเพราะชีวิตยากลำบากเกินไป หันค่ายจึงใช้ทรัพย์สินส่วนตัวจัดงานเลี้ยงให้กับเหล่าผู้นำชาวบ้านและโน้มน้าวให้พวกเขายกเลิกแผนที่จะกลายเป็นโจร[12][8]

ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 189 ถึง ค.ศ. 192[13] เมื่อขุนศึกอ้วนสุดครองเมืองลำหยง อ้วนสุดได้ยินชื่อเสียงของหันค่ายจึงเรียกหันค่ายมารับใช้ตน หันค่ายปฏิเสธและไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่เนินเขาใกล้อำเภอชานตู (山都縣 ชานตูเซี่ยน; อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครเซียงหยาง มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) เพื่อหลีกเลี่ยงอ้วนสุด[14] เมื่อเล่าเปียวเจ้ามณฑลเกงจิ๋ว (ครอบคลุมพื้นที่ของมณฑลหูเป่ย์และมณฑลหูหนานในปัจจุบัน) พยายามจะเชิญหันค่ายมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา หันค่ายก็หนีลงใต้ไปยังอำเภอช่านหลิง (孱陵縣 ช่านหลังเซี่ยน; ทางตะวันตกของอำเภอกงอาน มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) เพื่อหลบหลีกเล่าเปียว ภายหลังหันค่ายเป็นผู้บุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นับถือของผู้คนในท้องถิ่น เล่าเปียวรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หันค่ายกลัวว่าเล่าเปียวจะดำเนินการรุนแรงกับตนจึงตกลงอย่างไม่เต็มใจที่จะรับใช้เล่าเปียว เล่าเปียวตั้งให้หันค่ายเป็นนายอำเภอ ( จ่าง) ของอำเภอยี่เซง (宜城縣 อี๋เฉิงเซี่ยน; อยู่ในนครเซียงหยาง มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน)[15]

รับใช้โจโฉ

[แก้]

ภายหลังการเสียชีวิตของเล่าเปียวในปี ค.ศ. 208 เล่าจ๋องบุตรชายคนรองและทายาทของเล่าเปียวยอมสวามิภักดิ์และสละตำแหน่งเจ้ามณฑลเกงจิ๋วให้กับขุนศึกโจโฉผู้ควบคุมพระเจ้าเหี้ยนเต้จักรพรรดิหุ่นเชิดและกุมอำนาจราชสำนักราชวงศ์ฮั่น [16] โจโฉรับหันค่ายเข้ารับราชการในสำนักของอัครมหาเสนาบดี (丞相 เฉิงเซี่ยง) ซึ่งเป็นตำแหน่งของโจโฉ ภายหลังได้เลื่อนขั้นให้หันค่ายเป็นเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองเล่าหลิง (樂陵郡 เล่าหลิงจฺวิ้น; อยู่บริเวณอำเภอหยางซิ่น มณฑลชานตงในปัจจุบัน)[17]

ต่อมาหันค่ายได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้กำกับดูแลงานหลอมเหล็ก (監冶謁者 เจียนเหย่เย่เจ่อ) ทำหน้าที่ดูแลอุตสากรรมการหล่อเหล็ก[18] ในสมัยก่อนลูกสูบของเตาหลอมเหล็กทุกเตาใช้ม้าลาก 100 ตัว ต่อมาอุตสาหกรรมเปลี่ยนไปใช้แรงงานคน เมื่อหันค่ายเข้ามาดูอุตสาหกรรม หันค่ายเห็นว่าการใช้แรงงานคนไร้ประสิทธิภาพเกินไปและต้องใช้กำลังคนมากเกินไป จึงเสนอเสนอให้ใช้พลังน้ำในการควบคุมลูกสูบ ซึ่งเป็นวิธีการที่คิดค้นโดยตู้ ชือเมื่อต้นยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก[3] หลังการเปลี่ยนแปลง ปริมาณเหล็กหล่อที่ผลิตได้ในอุตสาหกรรมจึงเพิ่มขึ้นสามเท่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน[19] หันค่ายดูแลอุตสาหกรรมการหล่อเหล็กเป็นเวลา 7 ปี และทำงานได้เป็นอย่างดีโดยระดับการผลิตเหล็กหล่อยังคงสูง จึงมั่นใจได้ว่าทหารโจโฉจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีคุณภาพ ราชสำนักของราชวงศ์ฮั่นจึงออกพระราชโองการยกย่องหันค่ายสำหรับความดีความชอบอันยอดเยี่ยม และเลื่อนขั้นให้หันค่ายมีตำแหน่งนายร้อยโลหะ (司金都尉 ซือจินตูเว่ย์) มีฐานะรองลงมาจากเก้าเสนาบดีในลำดับชั้นราชการของราชวงศ์ฮั่น[20][21]

รับราชการในวุยก๊ก

[แก้]

ช่วงปลายปี ค.ศ. 220[22] โจผีบุตรชายและทายาทของโจโฉแย่งชิงบัลลังก์จากพระเจ้าเหี้ยนเต้ โค่นล้มราชวงศ์ฮั่นตะวันออกและก่อตั้งรัฐวุยก๊กโดยตนขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่ หลังขึ้นครองราชย์ โจผีตั้งให้หันค่ายมีบรรดาศักดิ์เป็นอี๋เฉิงถิงโหว (宜城亭侯)[23][21]

ในปี ค.ศ. 226 โจผีเลื่อนตำแหน่งให้หันค่ายเป็นเสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง) เปลี่ยนบรรดาศักดิ์จาก "อี๋เฉิงถิงโหว" เป็น "หนานเซียงถิงโหว" (南鄉亭侯) และพระราชทานศักดินา 200 ครัวเรือน[24]

ในช่วงเวลานั้น เนื่องจากโจผีเพิ่มกำหนดให้ลกเอี๋ยงเป็นนครหลวงของวุยก๊ก จึงยังมีราชพิธี ธรรมเนียม พิธีกรรม และเรื่องที่เกี่ยวกับระเบียบวิธีที่ยังไม่เรียบร้อยดี นอกจากนี้ศาลบรรพชนของตระกูลโจยังคงอยู่ที่เงียบกุ๋น (鄴 เย่; อยู่ในนครหานตาน มณฑลเหอเป่ย์ในปัจจุบัน) นครหลวงของราชรัฐเดิมของวุยก๊กในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก หลังจากหันค่ายเข้ารับตำแหน่งเสนาธิบดีพิธีการแล้ว จึงเขียนฎีกาเสนอให้ราชสำนักสร้างศาลบรรพชนแห่งใหม่ในลกเอี๋ยง และย้ายป้ายวิญญาณบรรพชนจากเงียบกุ๋นมายังลกเอี๋ยง เพื่อให้จักรพรรดิและข้าราชบริหารสามารถทำพิธีเซ่นไหว้บรรพชนได้อย่างเหมาะสม ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่หันค่ายดำรงตำแหน่งเสนาบดีพิธีการ หันค่ายได้คิดค้นรูปแบบราชพิธี ธรรมเนียม พิธีกรรม และระเบียบวิธีีสำหรับรัฐวุยก๊ก และยกเลิกแนวปฏิบัติเก่าจากยุคราชวงศ์ฮั่น หันค่ายลาออกจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 234 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ[25][21] และได้รับตำแหน่งกิตติมศักดิ์ในฐานะที่ปรึกษาราชวัง (太中大夫 ไท่จงต้าฟู)

ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 238[b] ในรัชสมัยของโจยอยทายาทของโจผี[27] ราชสำนักออกพระราชโองการว่า "ที่ปรึกษาราชวังหันค่ายเปี่ยมด้วยคุณธรรมและประพฤติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แม้ว่าท่านจะอายุเกิน 80 ปีแล้ว ก็ยังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมความชอบธรรมและหลักศีลธรรม นี่คือความหมายของการที่ยิ่งอาวุโสมากขึ้น ยิ่งมีคุณธรรมและยิ่งซื่อสัตย์มากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงขอแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู)"[28][21]

เสียชีวิต

[แก้]

หันค่ายเสียชีวิตในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 238[a] ก่อนที่จะเสียชีวิต หันค่ายบอกว่าตนต้องการให้จัดงานศพอย่างเรียบง่าย ให้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ตนสวมตามปกติขณะมีชีวิต และอยู่ในหลุมศพธรรมดาที่ไม่มีอะไรนอกจากดินที่กลบหน้าโลงศพ ถูกฝังพร้อมด้วยเครื่องใช้ในงานศพที่ทำจากเครื่องดินเผา[29] หันค่ายยังเขียนฎีกาถึงราชสำนักเพื่อสื่อถึงความต้องการตนที่ให้จัดงานศพอย่างเรียบง่าย แม้ว่าตนจะรู้อยู่ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนควรได้รับการจัดงานศพที่ประณีตกว่านี้เพราะมีตำแหน่งระดับเสนาบดี[30] หลังจากโจยอยทรงอ่านฎีกาของหันค่าย จึงทรงชื่นชมในความถ่อมตนของหันค่ายและมีรับสั่งให้หันค่ายได้รับการจัดงานศพอย่างเรียบง่ายตามความปรารถนาสุดท้ายของหันค่าย[31] พระองค์ยังพระราชทานเครื่องใช้ในงานศพ ชุดเสื้อคลุมราชสำนัก และกระบี่พิธีการทำจากหยก[32] นอกจากนี้ยังพระราชทานสมัญญานามว่า "กงโหว" (恭侯)[33]

ดูเพิ่ม

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 จดหมายเหตุสามก๊กบันทึกว่าหันค่ายเสียชีวิตในวันเกิงจื่อในเดือน 4 ของศักราชจิ่งชูปีที่ 2 ในรัชสมัยของโจยอย[1] เทียบได้กับวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 238 ในปฏิทินกริโกเรียน
  2. จดหมายเหตุสามก๊กบันทึกว่าหันค่ายได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีมหาดไทยในวันกุ๋ยเหม่า เดือน 2 ศักราชจิ่งชูปีที่ 2 ในรัชสมัยของโจยอย[26] เทียบได้กับวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 238 ในปฏิทินกริโกเรียน

อ้างอิง

[แก้]
  1. ([景初二年]夏四月庚子,司徒韓曁薨。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 3.
  2. ("พระเจ้าโจยอยเห็นชอบด้วย จึงแต่งหนังสือตามคำสุมาอี้ให้หันค่ายถือไปแจ้งแก่โจจิ๋น สุมาอี้จึงสั่งแก่คนถือหนังสือว่า ท่านอย่าบอกแก่โจจิ๋นว่า เราทูลพระเจ้าโจยอยให้มีหนังสือกำชับมา โจจิ๋นจะน้อยใจเรา หันค่ายผู้ถือหนังสือรับคำแล้วก็คำนับลาไป") "สามก๊ก ตอนที่ ๗๔". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ November 4, 2023.
  3. 3.0 3.1 de Crespigny (2007), pp. 297–298.
  4. (韓曁字公至,南陽堵陽人也。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  5. (楚國先賢傳曰:曁,韓王信之後。) อรรถาธิบายจากฉู่กั๋วเซียนเสียนจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  6. (祖術,河東太守。父純,南郡太守。) อรรถาธิบายจากฉู่กั๋วเซียนเสียนจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  7. (同縣豪右陳茂,譖曁父兄,幾至大辟。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  8. 8.0 8.1 de Crespigny (2007), p. 297.
  9. (曁陽不以為言,庸賃積資,陰結死士,遂追呼尋禽茂,以首祭父墓,由是顯名。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  10. Sima (1084), vols. 58-59.
  11. (舉孝廉,司空辟,皆不就。乃變名姓,隱居避亂魯陽山中。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  12. (山民合黨,欲行寇掠。曁散家財以供牛酒,請其渠帥,為陳安危。山民化之,終不為害。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  13. Sima (1084), vols. 59-60.
  14. (避袁術命召,徙居山都之山。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  15. (荊州牧劉表禮辟,遂遁逃,南居孱陵界,所在見敬愛,而表深恨之。曁懼,應命,除宜城長。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  16. Sima (1084), vol. 65.
  17. (太祖平荊州,辟為丞相士曹屬。後選樂陵太守, ...) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  18. (... 徙監冶謁者。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  19. (舊時冶,作馬排,每一熟石用馬百匹;更作人排,又費功力;曁乃因長流為水排,計其利益,三倍於前。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  20. (在職七年,器用充實。制書襃歎,就加司金都尉,班亞九卿。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  21. 21.0 21.1 21.2 21.3 de Crespigny (2007), p. 298.
  22. Sima (1084), vol. 69.
  23. (文帝踐阼,封宜城亭侯。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  24. (黃初七年,遷太常,進封南鄉亭侯,邑二百戶。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  25. (時新都洛陽,制度未備,而宗廟主祏皆在鄴都。曁奏請迎鄴四廟神主,建立洛陽廟,四時蒸嘗,親奉粢盛。崇明正禮,廢去淫祀,多所匡正。在官八年,以疾遜位。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  26. [景初二年]二月癸卯,以太中大夫韓曁為司徒。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 3.
  27. Sima (1084), vol. 74.
  28. (景初二年春,詔曰:「太中大夫韓曁,澡身浴德,志節高絜,年踰八十,守道彌固,可謂純篤,老而益劭者也。其以曁為司徒。」) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  29. (楚國先賢傳曰:曁臨終遺言曰:「夫俗奢者,示之以儉,儉則節之以禮。歷見前代送終過制,失之甚矣。若爾曹敬聽吾言,斂以時服,葬以土藏,穿畢便葬,送以瓦器,慎勿有增益。」) อรรถาธิบายจากฉู่กั๋วเซียนเสียนจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  30. (又上疏曰:「生有益於民,死猶不害於民。況臣備位台司,在職日淺,未能宣揚聖德以廣益黎庶。寢疾彌留,奄即幽冥。方今百姓農務,不宜勞役,乞不令洛陽吏民供設喪具。懼國典有常,使臣私願不得展從,謹冒以聞,惟蒙哀許。」) อรรถาธิบายจากฉู่กั๋วเซียนเสียนจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  31. (帝得表嗟歎,乃詔曰:「故司徒韓曁,積德履行,忠以立朝,至於黃髮,直亮不虧。旣登三事,望獲毗輔之助,如何奄忽,天命不永!曾參臨沒,易簀以禮;晏嬰尚儉,遣車降制。今司徒知命,遺言卹民,必欲崇約,可謂善始令終者也。其喪禮所設,皆如故事,勿有所闕。」) อรรถาธิบายจากฉู่กั๋วเซียนเสียนจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  32. (時賜溫明祕器,衣一稱,五時朝服,玉具劒佩。) อรรถาธิบายจากฉู่กั๋วเซียนเสียนจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.
  33. (夏四月薨,遺令歛以時服,葬為土藏。謚曰恭侯。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 24.

บรรณานุกรม

[แก้]