ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อาณาจักรสุโขทัย"
... ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
|||
บรรทัด 157: | บรรทัด 157: | ||
ส่วนด้านศาสนา ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา[[นิกายเถรวาท]]แบบ[[ลังกาวงศ์]]จาก[[นครศรีธรรมราช]] ในวันพระ จะมี[[ภิกษุ]]เทศนาสั่งสอน ณ [[ลานธรรม]]ใน[[สวนตาล]] โดยใช้[[พระแท่นมนังคศิลาอาสน์]] เป็น[[อาสนะสงฆ์]] ในการบรรยายธรรมให้ประชาชนฟัง ยังผลให้ประชาชนในยุคนี้นิยมปฏิบัติตนอยู่ใน[[ศีลธรรม]] มีการถือ[[ศีล]] โอย[[ทาน]]กันเป็นปกติวิสัย ทำให้สังคมโดยรวมมีความสงบสุขร่มเย็น |
ส่วนด้านศาสนา ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา[[นิกายเถรวาท]]แบบ[[ลังกาวงศ์]]จาก[[นครศรีธรรมราช]] ในวันพระ จะมี[[ภิกษุ]]เทศนาสั่งสอน ณ [[ลานธรรม]]ใน[[สวนตาล]] โดยใช้[[พระแท่นมนังคศิลาอาสน์]] เป็น[[อาสนะสงฆ์]] ในการบรรยายธรรมให้ประชาชนฟัง ยังผลให้ประชาชนในยุคนี้นิยมปฏิบัติตนอยู่ใน[[ศีลธรรม]] มีการถือ[[ศีล]] โอย[[ทาน]]กันเป็นปกติวิสัย ทำให้สังคมโดยรวมมีความสงบสุขร่มเย็น |
||
=== อาหาร กระเพราหมูกรอบ === |
|||
=== ด้านการปกครองของอาณาจักรสุโขทัย === |
|||
อาณาจักรสุโขทัยปกครองด้วยระบอบ[[สมบูรณาญาสิทธิราชย์]] ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ |
|||
# '''แบบราชาธิปไตย''' ในระยะแรกสุโขทัยมีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก พระมหากษัตริย์เรียกว่า "พ่อขุน" ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อที่จะต้องดูแลคุ้มครองลูก ในสมัย[[พ่อขุนรามคำแหงมหาราช]] โปรดให้สร้างกระดิ่งแขวนไว้ที่หน้าประตูพระราชวัง เมื่อประชาชนมีเรื่องเดือดร้อนก็ให้ไปสั่นกระดิ่งร้องเรียน พระองค์ก็จะเสด็จมารับเรื่องราวร้องทุกข์ และโปรดให้สร้างพระแท่นมนังคศิลาอาสน์ได้กลางดงตาล ในวันพระจะนิมนต์พระสงฆ์มาเทศน์สั่งสอนประชาชน หากเป็นวันธรรมดาพระองค์จะเสด็จออกให้ประชาชนเข้าเฝ้าและตัดสินคดีความด้วยพระองค์เอง การปกครองแบบนี้ปรากฏในสมัยกรุงสุโขทัยตอนต้น |
|||
#'''แบบ[[ธรรมราชา]]''' กษัตริย์ผู้ทรงธรรม ในสมัยของ[[พระมหาธรรมราชาที่ ๑]] มีกำลังทหารที่ไม่เข้มแข็ง ประกอบกับอาณาจักรอยุธยาที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ได้แผ่อิทธิพลมากขึ้น พระองค์ทรงเกรงภัยอันตรายจะบังเกิดแก่อาณาจักรสุโขทัย หากใช้กำลังทหารเพียงอย่างเดียว พระองค์จึงทรงนำหลักธรรมมาใช้ในการปกครอง โดยพระองค์ทรงเป็น แบบอย่างในด้านการปฏิบัติธรรม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา นอกจากนั้นพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมเรื่อง [[ไตรภูมิพระร่วง]] ที่ปรากฏแนวคิดแบบธรรมราชาไว้ด้วย การปกครองแบบนี้ใช้ในสมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย ตั้งแต่พระมหาธรรมราชาที่ 1 - 4 |
|||
ด้านการปกครองส่วนย่อยสามารถแยกกล่าวเป็น 2 แนว ดังนี้ |
|||
* '''ในแนวราบ''' จัดการปกครองแบบพ่อปกครองลูก กล่าวคือผู้ปกครองจะมีความใกล้ชิดกับประชาชน ให้ความเป็นกันเองและ[[ความยุติธรรม]]กับประชาชนเป็นอย่างมาก เมื่อประชาชนเกิดความเดือดร้อนไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนกับพ่อขุนโดยตรงได้ โดยไปสั่นกระดิ่งที่แขวนไว้ที่หน้าประตูที่ประทับ ดังข้อความในศิลาจารึกปรากฏว่า "…ในปาก[[ประตู]]มี[[กระดิ่ง]]อันหนึ่งไว้ให้ ไพร่ฟ้าหน้าใส…" นั่นคือเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถมาสั่นกระดิ่งเพื่อแจ้งข้อร้องเรียนได้ |
|||
* '''ในแนวดิ่ง''' ได้มีการจัดระบบการปกครองขึ้นเป็น 4 ชนชั้น คือ |
|||
** '''พ่อขุน''' เป็นชนชั้นผู้ปกครอง อาจเรียกชื่ออย่างอื่น เช่น [[เจ้าเมือง]] [[พระมหาธรรมราชา]] หากมีโอรสก็จะเรียก "[[ลูกเจ้า]]" |
|||
** '''[[ลูกขุน]]''' เป็น[[ข้าราชบริพาร]] ข้าราชการที่มีตำแหน่งหน้าที่ช่วงปกครอง[[เมืองหลวง]] [[หัวเมืองใหญ่น้อย]] และภายใน[[ราชสำนัก]] เป็นกลุ่มคนที่ใกล้ชิดและได้รับการไว้วางใจจากเจ้าเมืองให้ปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ไพร่ฟ้า |
|||
** '''[[ไพร่]]'''หรือ[[สามัญชน]] ได้แก่ราษฎรทั่วไปที่อยู่ใน[[ราชอาณาจักร]] ([[ไพร่ฟ้า]]) |
|||
** '''[[ทาส]]''' ได้แก่ชนชั้นที่ไม่มีอิสระในการดำรงชีวิตอย่างสามัญชนหรือไพร่ (อย่างไรก็ตามประเด็นทาสนี้ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่ามีหรือไม่){{อ้างอิง}} |
|||
== รายพระนามและรายนามผู้ปกครอง == |
== รายพระนามและรายนามผู้ปกครอง == |
||
=== รัฐอิสระ === |
=== รัฐอิสระ === |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:28, 10 พฤศจิกายน 2562
บทความนี้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ โปรดเพิ่มพารามิเตอร์ reason หรือ talk ลงในแม่แบบนี้เพื่ออธิบายปัญหาของบทความ |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
อาณาจักรสุโขทัย | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พ.ศ. 1792–พ.ศ. 1981 | |||||||||
แผนที่อาณาจักรสุโขทัยช่วงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (สีนํ้าเงินเข้ม) | |||||||||
เมืองหลวง | สุโขทัย พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ส่วนหนึ่ง | ||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาไทย | ||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบศักดินา | ||||||||
กษัตริย์ | |||||||||
• ผู้ก่อตั้ง | พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ | ||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||
• สถาปนา | พ.ศ. 1792 | ||||||||
• เป็นรัฐร่วมประมุขกับกรุงศรีอยุธยา | พ.ศ. 1981 | ||||||||
• ถูกผนวกเข้ากับกรุงศรีอยุธยาแล้วสิ้นสุดลง | พ.ศ. 1981 | ||||||||
| |||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | ไทย พม่า ลาว |
อาณาจักรสุโขทัย (สุกโขทัย ตามจารึก)[1] เป็นรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม สถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1800 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง ได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งทำการเป็นผลสำเร็จและได้สถาปนาเอกราชให้รัฐสุโขทัยเป็นอาณาจักรสุโขทัย และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อย ๆ ตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุด
ที่ตั้งและอาณาเขต
อาณาจักรสุโขทัย ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าผ่านคาบสมุทรระหว่างอ่าวเมาะตะมะ และที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงตอนกลาง มีอาณาเขตดังนี้[2]
- ทิศเหนือ มีเมืองแพล (ปัจจุบันคือแพร่) เป็นเมืองปลายแดนด้านเหนือสุด
- ทิศใต้ มีเมืองพระบาง (ปัจจุบันคือนครสวรรค์) เป็นเมืองปลายแดนด้านใต้
- ทิศตะวันตก มีเมืองฉอด (ปัจจุบันคือแม่สอด) เป็นเมืองชายแดนที่จะติดต่อเข้าไปยังอาณาจักรมอญ
- ทิศตะวันออก มีเมืองสะค้าใกล้แม่น้ำโขงในเขตภาคอีสานตอนเหนือ
การแทรกแซงจากอยุธยา
หลังจากพ่อขุนรามคำแหงแล้ว เมืองต่างๆเริ่มอ่อนแอลงเมือง ส่งผลให้ในรัชกาลพญาเลอไท และรัชกาลพญาไสลือไท ต้องส่งกองทัพไปปราบหลายครั้งแต่มักไม่เป็นผลสำเร็จ และการปรากฏตัวขึ้นของอาณาจักรอยุธยาทางตอนใต้ซึ่งกระทบกระเทือนเสถียรภาพของสุโขทัยจนในท้ายที่สุดก็ถูกแทรกแทรงจากอยุธยา จนมีฐานะเป็นหัวเมืองของอยุธยาไปในที่สุด โดยมี พระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) เป็นผู้ปกครองสุโขทัยในฐานะรัฐอิสระพระองค์สุดท้าย โดยขณะนั้น ด้วยการแทรกแซงของอยุธยา รัฐสุโขทัยจึงถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
- เมืองสรวงสองแคว (พิษณุโลก) อันเป็นเมืองเอก มีพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) เป็นผู้ปกครอง
- เมืองสุโขทัย เมืองรอง มี พระยาราม เป็นผู้ปกครองเมือง
- เมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) มี พระยาเชลียง เป็นผู้ปกครองเมือง
- เมืองชากังราว (กำแพงเพชร) มี พระยาแสนสอยดาว เป็นผู้ปกครองเมือง
หลังสิ้นรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) พระยายุทธิษฐิระซึ่งเดิมทีอยู่ศรีสัชนาลัย ได้เข้ามาครองเมืองสองแคว (พิษณุโลก) และเมื่อแรกที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เสด็จขึ้นผ่านพิภพ เป็นพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ปรากฏว่าขณะนั้น พระยายุทธิษฐิระ เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ได้เพียงตำแหน่งพระยาสองแคว เนื่องด้วย สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงเคยดำริไว้สมัยทรงพระเยาว์ว่า หากได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ จะชุบเลี้ยงพระยายุทธิษฐิระให้ได้เป็นพระร่วงเจ้าสุโขทัย พ.ศ. 2011 พระยายุทธิษฐิระจึงเอาใจออกห่างจากสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ไปขึ้นกับ พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ล้านนาในขณะนั้น เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการเฉลิมพระนามกษัตริย์ล้านนา จากพระยา เป็น พระเจ้า เพื่อให้เสมอศักดิ์ด้วยกรุงศรีอยุธยา พระนามพระยาติโลกราช จึงได้รับการเฉลิมเป็นพระเจ้าติโลกราช
หลังจากที่พระยายุทธิษฐิระ นำสุโขทัยออกจากอยุธยาไปขึ้นกับล้านนา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงเสด็จจากกรุงศรีอยุธยา กลับมาพำนัก ณ เมืองสรลวงสองแคว พร้อมทั้งสร้างกำแพงและค่ายคู ประตู หอรบ แล้วจึงสถาปนาขึ้นเป็นเมือง พระพิษณุโลกสองแคว เป็นราชธานีฝ่ายเหนือของอาณาจักรแทนสุโขทัย ในเวลาเจ็ดปีให้หลัง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงทรงตีเอาสุโขทัยคืนได้ แต่เหตุการณ์ทางเมืองเหนือยังไม่เข้าสู่ภาวะที่น่าไว้วางใจ จึงทรงตัดสินพระทัยพำนักยังนครพระพิษณุโลกสองแควต่อจนสิ้นรัชกาล ส่วนทางอยุธยานั้น ทรงได้สถาปนาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระราชโอรส เป็นพระมหาอุปราช ดูแลอยุธยาและหัวเมืองฝ่ายใต้
ด้วยความที่เป็นคนละประเทศมาก่อน และมีสงครามอยู่ด้วยกัน ชาวบ้านระหว่างสุโขทัยและอยุธยา จึงมิได้ปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จึงต้องแยกปกครอง โดยพระมหากษัตริย์อยุธยา จะทรงสถาปนาพระราชโอรส หรือพระอนุชา หรือพระญาติ อันมีเชื้อสายสุโขทัย ปกครองพิษณุโลกในฐานะราชธานีฝ่ายเหนือ และควบคุมหัวเมืองเหนือทั้งหมด
การสิ้นสุด
ประวัติศาสตร์ไทย |
---|
ตัวเลขในวงเล็บ หมายถึง ปีพุทธศักราช |
พ.ศ. 2127 หลังจากชนะศึกที่แม่น้ำสะโตงแล้ว พระนเรศวรโปรดให้เทครัวหัวเมืองเหนือทั้งปวง (เมืองพระพิษณุโลกสองแคว เมืองสุโขทัย เมืองพิชัย เมืองสวรรคโลก เมืองกำแพงเพชร เมืองพิจิตร และเมืองพระบาง)[3] ลงมาไว้ที่อยุธยา เพื่อเตรียมรับศึกใหญ่ พิษณุโลกและหัวเมืองเหนือทั้งหมดจึงกลายเป็นเมืองร้าง หลังจากเทครัวไปเมืองใต้ จึงสิ้นสุดการแบ่งแยกระหว่างชาวเมืองเหนือ กับชาวเมืองใต้ และถือเป็นการสิ้นสุดของรัฐสุโขทัยโดยสมบูรณ์ เพราะหลังจากนี้ 8 ปี พิษณุโลกได้ถูกฟื้นฟูอีกครั้ง แต่ถือเป็นเมืองเอกในราชอาณาจักร มิใช่ราชธานีฝ่ายเหนือ
ในด้านวิชาการ มีนักวิชาการหลายท่านได้เสนอเพิ่มว่า เหตุการณ์อีกประการ อันทำให้ต้องเทครัวเมืองเหนือทั้งปวงโดยเฉพาะพิษณุโลกนั้น อยู่ที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ บนรอยเลื่อนวังเจ้า ในราวพุทธศักราช 2127 แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลให้ตัวเมืองพิษณุโลกราพณาสูญ แม้แต่แม่น้ำแควน้อย ก็เปลี่ยนเส้นทางไม่ผ่านเมืองพิษณุโลก แต่ไปบรรจบกับแม่น้ำโพ (ปัจจุบันคือแม่น้ำน่าน) ที่เหนือเมืองพิษณุโลกขึ้นไป และยังส่งผลให้พระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลก หักพังทลายในลักษณะที่บูรณะคืนได้ยาก ในการฟื้นฟูจึงกลายเป็นการสร้างพระปรางค์แบบอยุธยาครอบทับลงไปแทน ทั้งหมด
ความเจริญรุ่งเรือง
ด้านเศรษฐกิจ
สภาพเศรษฐกิจสมัยสุโขทัยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ดังข้อความปรากฏในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 "…ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้า ทองค้า " และ "...เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว..." ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมด้วยระบบการเกษตรแบบพึ่งพาธรรมชาติ เช่นสังคมไทยส่วนใหญ่ในชนบทปัจจุบัน และส่งออกเครื่องถ้วยชามสังคโลก
ด้านสังคม
การใช้ชีวิตของผู้คนในสมัยสุโขทัยมีความอิสระเสรี มีเสรีภาพอย่างมากเนื่องจากผู้ปกครองรัฐให้อิสระแก่ไพร่ฟ้า และปกครองแบบพ่อกับลูก ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกว่า "…ด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลื่อน เสียงขับ ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื่อน เลื่อน…"
ด้านความเชื่อและศาสนา สังคมยุคสุโขทัยประชาชนมีความเชื่อทั้งเรื่องวิญญาณนิยม (Animism) ไสยศาสตร์ ศาสนาพราหมณ์ฮินดู และพุทธศาสนา ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกหลักที่ 1 ด้านที่ 5 ว่า "…เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้มีกุฎิวิหารปู่ครูอยู่ มีสรีดพงส์ มีป่าพร้าว ป่าลาง ป่าม่วง ป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขระพุงผี เทพยาดาในเขาอันนั้นเป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ว ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยว เมืองนี้ดี ผิไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอันนั้นบ่คุ้มบ่เกรง เมืองนี้หาย…"
ส่วนด้านศาสนา ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์จากนครศรีธรรมราช ในวันพระ จะมีภิกษุเทศนาสั่งสอน ณ ลานธรรมในสวนตาล โดยใช้พระแท่นมนังคศิลาอาสน์ เป็นอาสนะสงฆ์ ในการบรรยายธรรมให้ประชาชนฟัง ยังผลให้ประชาชนในยุคนี้นิยมปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรม มีการถือศีล โอยทานกันเป็นปกติวิสัย ทำให้สังคมโดยรวมมีความสงบสุขร่มเย็น
อาหาร กระเพราหมูกรอบ
รายพระนามและรายนามผู้ปกครอง
รัฐอิสระ
ลำดับ | พระนาม/นาม | ตำแหน่ง | ราชวงศ์ | ช่วงเวลา |
---|---|---|---|---|
- | พระยาพาลีราช | เจ้าเมืองสุโขทัย | - | พ.ศ. 1043[4] - ไม่ทราบปี |
- ตำนานกล่าวว่า พ.ศ. 1043 พระยาพาลีราชแห่งอาณาจักรละโว้เป็นผู้ก่อตั้งเมืองสุโขทัย[5] | ||||
- | พระยาอภัย[6] | เจ้าเมืองสุโขทัย | - | ไม่ทราบปี |
- | พระอรุณกุมาร[7] | เจ้าเมืองศรีสัชนาลัย | - | ไม่ทราบปี |
- | พระยาพสุจราช[8] | เจ้าเมืองศรีสัชนาลัย | - | ไม่ทราบปี |
- | พระยาธรรมไตรโลก[9] | เจ้าเมืองศรีสัชนาลัย | - | ไม่ทราบปี |
- | พระยาศรีจันทราธิบดี[10] | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | (อดีตภิกษุ) | พ.ศ. 1502[11] - ไม่ทราบปี |
1 | พ่อขุนศรีนาวนำถุม | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | นำถม | ไม่ทราบปี - พ.ศ. 1724 |
2 | ขอมสบาดโขลญลำพง | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | - | ไม่ทราบปี - พ.ศ. 1780 |
3 | พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1780 - ประมาณ พ.ศ. 1801 |
4 | พ่อขุนบานเมือง | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | ประมาณ พ.ศ. 1801 - พ.ศ. 1822 |
5 | พ่อขุนรามคำแหงมหาราช | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1822 - 1842 |
6 | พญาไสสงคราม | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1842 |
7 | พญาเลอไท | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1842 - 1866 |
8 | พญางั่วนำถุม | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1866 - 1890 |
9 | พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1890 - 1913 |
10 | พระมหาธรรมราชาที่ 2 (ลือไท) | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1913 - 1921 |
รัฐบรรณาการอาณาจักรอยุธยา
ลำดับ | พระนาม/นาม | ตำแหน่ง | ราชวงศ์ | ช่วงเวลา |
---|---|---|---|---|
10 | พระมหาธรรมราชาที่ 2 (ลือไท) | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1921 - 1931 |
11 | พระมหาธรรมราชาที่ 3 (ไสลือไท) | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1931 - 1962 |
12 | พระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 1962 - 1981 |
13 | พระราเมศวร | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | สุพรรณภูมิ | พ.ศ. 1981 - 1991 |
- | ว่าง | - | - | พ.ศ. 1991 - 2011 |
รัฐบรรณาการอาณาจักรล้านนา
ลำดับ | พระนาม/นาม | ตำแหน่ง | ราชวงศ์ | ช่วงเวลา |
---|---|---|---|---|
14 | พระยายุทธิษฐิระ | พระร่วงเจ้าสุโขทัย | พระร่วง | พ.ศ. 2011 - 2017 |
สำหรับรัชกาลต่อจากนี้ ดูเพิ่มที่ พระพิษณุโลกสองแคว
- พระยายุทธิษฐิระ (พ.ศ. 1991 - พ.ศ. 2011) (เป็นประเทศราชล้านนาในปี พ.ศ. 2011)
- สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 2011 - พ.ศ. 2031) (สถาปนา และประทับ ณ พิษณุโลก จนสิ้นรัชกาล)
- พระเชษฐาธิราช (พ.ศ. 2031 - พ.ศ. 2034) (ตำแหน่งพระมหาอุปราชของอยุธยา)
- พระอาทิตยวงศ์ (พระหน่อพุทธางกูร) (พ.ศ. 2034 - พ.ศ. 2072) (ตำแหน่งพระมหาอุปราชของอยุธยา)
- พระไชยราชา (พ.ศ. 2072 - พ.ศ. 2077) (ตำแหน่งพระมหาอุปราชของอยุธยา)
- พระมหาธรรมราชา (ขุนพิเรนทรเทพ) (พ.ศ. 2077 - พ.ศ. 2111) (เจ้าราชธานีฝ่ายเหนือ)
- พระนเรศวร (หลังเสด็จกลับจากหงสาวดี พ.ศ. 2115 - พ.ศ. 2133) (ตำแหน่งพระมหาอุปราชของอยุธยา) [14]
- พระเอกาทศรถ (พ.ศ. 2133 - พ.ศ. 2148) (ตำแหน่งพระมหาอุปราชของอยุธยา)
- จากนั้นสมเด็จพระเอกาทศรถทรงยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราชฯผู้ครองเมืองพิษณุโลก
ลำดับพระร่วงเจ้า พระมหาธรรมราชา ผู้ครองเมืองสุโขทัยและเมืองพิษณุโลกสองแคว
ระเบียงภาพ
-
มณฑปพระอัจนะ วัดศรีชุม แสดงถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัยในยุคแรก ๆ
-
วัดเขาพระบาทน้อย และพระเจดีย์ (ไม้เครื่องบนบางส่วนหลงเหลืออยู่)
-
วิหารหลวง (จำลอง) ศิลปะสมัยสุโขทัยในเมืองโบราณ
อ้างอิงและหมายเหตุ
- ↑ http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=178
- ↑ http://www.sac.or.th/Subdetail/article/2549/January/article6.html
- ↑ พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. พระมหาธรรมราชากษัตราธิราช. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, พ.ศ. 2546. 184 หน้า. หน้า 57. ISBN 974-322-818-7
- ↑ ศักราชอาจคลาดเคลื่อน เพราะพงศาวดารเหนือ ได้ระบุถึงพระนามผู้ปกครองที่สืบต่อมา จนถึงพ่อขุนศรีนาวนำถม อีกทั้งไม่ปรากฏพระนามพระยาพาลีราชตามหลักฐานอื่น ว่าเป็นผู้ปกครองอาณาจักรละโว้ในปีดังกล่าว
- ↑ ประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย -- dwhistorythai.wordpress.com
- ↑ ปรากฏพระนามในพงศาวดารเหนือ
- ↑ ปรากฏพระนามในพงศาวดารเหนือ
- ↑ ปรากฏพระนามในพงศาวดารเหนือ
- ↑ ปรากฏพระนามในพงศาวดารเหนือ
- ↑ ปรากฏพระนามและปีครองราชย์ ในพงศาวดารเหนือ
- ↑ ปรากฏปีครองราชย์ในพงศาวดารเหนือ แต่ศักราชอาจจะคลาดเคลื่อน เพราะระบุว่า หลังสิ้นรัชกาลนี้แล้ว พ่อขุนศรีนาวนำถุมได้เป็นผู้ปกครองต่อ
- ↑ พญางั่วนำถุม มาจากสายราชวงศ์นำถม (ผาเมือง) ทางราชนิกูล ทางประวัติศาสตร์ยังถือว่าท่านเป็น "ราชวงศ์พระร่วง"
- ↑ พระยายุทธิษฐิระ ครองศรีสัชนาลัย ซึ่งขณะนั้นมีฐานะเป็นเมืองสำคัญเหนือกว่าพิษณุโลก
- ↑ ราชการสงครามในสมัยสมเด็จพระนเรศวร หอมรดกไทย กองทัพบก