อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
พระราชวังพระนครคีรี | |
---|---|
วัดพระแก้วน้อยและพระสุทธเสลเจดีย์ หนึ่งในสัญลักษณ์ของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | พระราชวังในอดีต |
สถาปัตยกรรม | สถาปัตยกรรมจีนผสมฟื้นฟูคลาสสิก[1] |
เมือง | อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี |
ประเทศ | ประเทศไทย |
เริ่มสร้าง | พ.ศ. 2402 |
ปรับปรุง | พ.ศ. 2522 |
ผู้สร้าง | พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
การออกแบบและการก่อสร้าง | |
วิศวกร | สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) |
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี โดยทั่วไปเรียก เขาวัง[2] เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศไทยภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เป็นพระราชวังฤดูร้อนที่สร้างขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4)ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี
ประวัติ
[แก้]พระนครคีรีเป็นพระราชวังที่ประทับในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4)โดยเป็นพระราชวังฤดูร้อนโดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นแม่กองในการก่อสร้างโดยก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2405 โดยพระนครคีรีแบ่งออกเป็นเขตพระราชฐานต่าง ๆ ดังนี้
เขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นยอดเขาด้านหน้าเป็นที่ตั้งของกรมกองต่าง ๆ ของทางราชการซึ่งตามเสด็จ เขตพระราชฐานชั้นกลางและชั้นใน เป็นยอดเขาตรงกลางและด้านในเป็นที่ตั้งของพระราชมณเฑียรที่ประทับของทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายในรวมทั้งข้าราชบริพาร
พระที่นั่งในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี
[แก้]พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์
[แก้]พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ เป็นพระที่นั่งองค์แรกของพระราชวังโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยทรงเสด็จมาวางศิลาฤกษ์ด้วยพระองค์เองในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2402 เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของหมู่พระที่นั่งต่าง ๆ ในพระราชวัง ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบยุโรปผสมไทยและจีน ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีมุขยื่นออกไปด้านข้างสองด้านทั้งซ้ายและขวา ภายในแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้ดัดแปลงท้องพระโรงหลังเป็นห้องพระบรรทม ท้องพระโรงหน้าดัดแปลงเป็นห้องเสวยมุข ด้านทิศตะวันออกดัดแปลงเป็นห้องทรงพระสำราญและมุขด้านทิศตะวันตกดัดแปลงเป็นห้องลงพระบังคน ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุและเครื่องเรือนต่าง ๆ โดยพระที่นั่งองค์นี้เคยเป็นสถานที่รับรองพระราชอาคันตุกะ เช่น ดยุกโยฮัน อัลเบร็ชท์แห่งเมคเลินบวร์คและเจ้าหญิงเอลีซาเบ็ทแห่งสโตลเบิร์ก–รอซซาลา พระชายา
พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์
[แก้]พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ ตั้งอยู่ติดกับพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ มีฐานและหลังคาเชื่อมต่อกันมีลักษณะแบบเก๋งจีน 2 ชั้น ชั้นบนมีห้องบรรทม 2 ห้อง ชั้นล่างมีห้องโถง 2 ห้อง ทางขึ้นอยู่ด้านหน้ามีชายคาคลุมเป็นบันไดแนบตึก 2 ด้าน ปัจจุบันจัดแสดงพระแท่นบรรทมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท
[แก้]พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นปราสาทจตุรมุข ยอดปรางค์ 5 ยอด ตามพระราชนิยมในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มียอดปรางค์ใหญ่อยู่กลาง และปรางค์เล็กอยู่ 4 มุม บนฐานสูงซ้อนกัน 3 ชั้น มีระเบียงแก้วโดยรอบแต่ละชั้น ระเบียงชั้นบนสุดมีโดมโปร่งที่มุมทั้งสี่ ตัวปราสาทประดับลายปูนปั้น ภายในประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หล่อด้วยสำริด ทรงฉลองพระองค์แบบตามพระราชนิยม ทรงพระมาลาสก๊อต พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ พระหัตถ์ซ้ายทรงสมุดหนังสือ ทรงยืนใต้นพปฎลเศวตฉัตร จากพระที่นั่งองค์นี้มีประตูออกไปสู่ พระที่นั่งราชธรรมสภา
พระที่นั่งราชธรรมสภา
[แก้]พระที่นั่งราชธรรมสภา เป็นอาคารชั้นเดียว ศิลปะผสมระหว่างศิลปะยุโรป จีน และไทย หลังคาเป็นแบบเก๋งจีนในรัชกาลที่ 4 ทรงใช้เป็นที่ประชุมส่วนพระองค์บรรยายธรรมะ ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ดัดแปลงเป็นห้องเสวยสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ที่ตามเสด็จ ในปัจจุบันใช้เป็นอาคารแสดงนิทรรศการ จุดเด่นจะอยู่ตรงประตูบ้านโค้งสีเขียวตัดกับผนังสีขาวที่มีลายปูนปั้นสวยงามภายในมีโต๊ะหมู่บูชาสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป
หมู่พระตำหนักสันถาคารสถาน
[แก้]หมู่พระตำหนักสันถาคารสถาน เป็นหมู่พระตำหนักของพระราชวังตั้งอยู่บริเวณทางลาดขึ้นพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมอาคารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางและล้อมรอบไปด้วยอาคารขนาดเล็ก ภายในมีชานเชื่อมต่อกันบันไดทางขึ้นตั้งอยู่ด้านนอก โดยพระตำหนักเป็นอาคาร 2 ชั้น สถาปัตยกรรมแบบประยุกต์ตะวันตก สันหลังคาเป็นแบบจีนมุงกระเบื้องกาบกล้วย พระตำหนักองค์กลางแบ่งได้ 2 ส่วน คือ
- ส่วนหน้าทำเป็นท้องพระโรงเล็ก
- ส่วนหลังทำเป็นห้องเล็ก ๆ 2 แถวขนาด 5 ห้องมีทางเดินตรงกลาง
สำหรับเป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายใน พระราชโอรส-พระราชธิดา โดยพระตำหนักองค์นี้มีมุขด้านหน้าสำหรับประทับทอดพระเนตรการแสดงละคร
หอต่าง ๆ
[แก้]หอชัชวาลเวียงชัย
[แก้]ลักษณะเป็นหอทรงกลมสูงคล้ายกระโจมไฟ มีบันไดเวียนสำหรับเดินขึ้น-ลง ชั้นบนรอบนอกเป็นระเบียงซึ่งประดับด้วยลูกกรงแก้ว หลังคาเป็นรูปโดมมุงด้วยกระจกโค้งภายในมีโคมไฟห้อย ซึ่งกลางคืนจะมองเห็นแสงไฟไกลไปถึงชายทะเล และเมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมบนหอชัชวาลเวียงชัยแห่งนี้แล้ว ก็จะมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของเมืองเพชรบุรี
หอพิมานเพชรมเหศวร์
[แก้]หอพิมานเพชรมเหศวร์ ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็ก ๆ หน้าพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ เป็นหอขนาดเล็ก 3 หอ หอกลางมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ หอด้านขวาเป็นศาลเทพารักษ์ หรือที่เรียกกันว่าศาลพระภูมิเจ้าที่ หอด้านซ้ายใช้เป็นที่ประโคมสังคีต หอพิมานเพชรมเหศวร์นี้เคยใช้เป็นที่ประกอบพิธีโสกันต์ ที่หอกลางใหญ่ได้กั้นผนังไว้สำหรับใช้เป็นห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในวันที่พระองค์ทรงถืออุโบสถศีล ขณะที่ประทับอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ เช่นเดียวกับหอเสถียรธรรมปริตในพระบรมมหาราชวัง โดยหอแห่งนี้เคยใช้ประกอบพระราชพิธีโสกันต์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ พระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาแพ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร พระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาจันทร์
หอจตุเวทปริตพัจน์
[แก้]หอจตุเวทปริตพัจน์ ตั้งอยู่ใกล้กับพระอุโบสถวัดพระแก้วลักษณะคล้ายกับศาลาการเปรียญเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล
ศาลาต่าง ๆ
[แก้]ศาลาทัศนานักขัตฤกษ์
[แก้]ศาลาทัศนานักขัตฤกษ์ ตั้งอยู่บนไหล่เขาด้านตะวันออกตรงข้ามกับวัดมหาสมนารามวรวิหารเป็นศาลาที่ประทับทอดพระเนตรการจัดงานนักขัตฤกษ์และประเพณี
ป้อมต่าง ๆ
[แก้]ป้อมของพระนครคีรีมีทั้งหมด 4 ป้อมดังนี้
- ป้อมธตรฐป้องปก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก
- ป้อมวิรุฬหกบริรักษ์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้
- ป้อมวิรุฬปักษ์ป้องกัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก
- ป้อมเวสสุวรรณรักษา ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ
ปัจจุบันยังปรากฏให้เห็นป้อมเหล่านี้อยู่
เกย
[แก้]เกยของพระนครคีรีมีอยู่ 1 เกยดังนี้
- เกยวัชราภิบาล ตั้งอยู่บนเชิงบันไดด้านทิศตะวันตกบริเวณพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์
ประตู
[แก้]ประตูต่างๆในพระนครคีรีมีทั้งหมด 8 ประตูโดยแบ่งเป็นประตูรอบ ๆ พระราชวังหรือประตูชั้นกลาง
- ประตูนารีประเวศ
- ประตูวิเศษราชกิจ
- ประตูราชฤทธิแรงปราบ
- ประตูอานุภาพเจริญ
ประตูในพระมหามณเฑียรหรือประตูชั้นใน
- ประตูดำเนินทางสวรรค์
- ประตูจันทร์แจ่มจำรูญ
- ประตูสูรย์แจ่มจำรัส
สิ่งก่อสร้างอื่น ๆ
[แก้]- โรงรถและโรงม้า ตั้งอยู่ทางลาดเขาเหนือวัดมหาสมนารามด้านหน้าเปิดโล่งมีชายคายื่นออกมา
- ราชวัลลภาคาร ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นใกล้กับโรงม้าสำหรับเป็นที่พักของมหาดเล็กและข้าราชบริพาร
- ศาลาลูกขุน ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นใกล้กับโรงม้าเป็นที่ทำการของคณะลูกขุนเพื่อพิจารณาคดี
- ศาลาเย็นใจ ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นตั้งอยู่ตรงข้ามกับศาลาด่านหน้าใช้เป็นที่พักผ่อนของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
- โรงมหรสพหรือโรงโขน ตั้งอยู่ด้านหน้าพระที่นั่งสันถาคารสถานมีลักษณะเป็นอาคารโถงมีเวทีรูปอัฒจันทร์กว้าง8เมตร
- ศาลาด่านหน้า ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นใกล้กับโรงมหรสพเป็นที่ทำการของกรมพระตำรวจหลวง
- ทิมดาบองครักษ์ ตั้งอยู่ลาดเหนือโรงโขนขึ้นไปเป็นที่ทำการของสมุหองครักษ์
- โรงสูทกรรม ตั้งอยู่ทางแยกขึ้นวัดพระแก้วเป็นโรงครัวสำหรับทำอาหารเลี้ยงข้าราชบริพาร
- ศาลาด่านหลัง ตั้งอยู่ริมทางแยกที่จะลงไปวัดพระนอนสำหรับเป็นที่พักของนายด่านตรวจตรา
วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร
[แก้]วัดมหาสมณาราม ตั้งอยู่ในเขตตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองฯ เดิมชื่อวัดสมณะ หรือวัดมหาสมณ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จมาประทับเมื่อครั้งยังทรงผนวชอยู่ ต่อมาเมื่อได้สร้างพระนครคีรีแล้ว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดแห่งนี้ พระราชทานนามว่า วัดมหาสมณาราม แต่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า วัดเขาวัง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร อุโบสถวัดมหาสมณารามฯ ภาพจิตรกรรมในพระอุโบสถเขียนด้วยสีฝุ่น กล่าวกันว่าเป็นฝีมือของ ขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การเขียนภาพของขรัวอินโข่งมีลักษณะเฉพาะตัวคือ จะวางภาพเต็มพื้นที่ทั้งหมด ไม่มีภาพเทพชุมนุมเรียงเป็นแถวแบบเดิม มีแต่ภาพเหล่าเทวดานางฟ้า ปรากฏตามก้อนเมฆบ้าง ภาพที่เขียนจะอยู่ในเนื้อเดียวกันทั้งหมด จะมีการแบ่งภาพเป็นตอน ๆ ฉากหลังมักเป็นภาพธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร ผนังหน้าพระอุโบสถ เขียนภาพการเดินทางไปนมัสการพระพุทธบาท ถือว่าเป็นภาพชิ้นเยี่ยมของพระอุโบสถประกอบด้วยทิวทัศน์อันงดงาม มณฑปพระพุทธบาทตั้งอยู่บนไหล่เขาซึ่งอุดมไกด้วยต้นไม้นานาชนิด เบื้องล่างเป็นภาพที่มีความงามตามธรรมชาติ มีการจัดภาพอย่างงดงามลงตัว เป็นประโยชน์ในการศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณี
ระเบียงภาพ
[แก้]-
พระปรางค์แดง
-
พระธาตุจอมเพชร
-
พระอุโบสถ วัดพระแก้วน้อย
-
หอชัชวาลเวียงชัย
-
รถกระเช้าไฟฟ้าขึ้นเขาวัง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ บางประภา, มงคล (15 May 2024). "Historical park to receive Unesco push". บางกอกโพสต์ (ภาษาอังกฤษ). Vol. LXXVII no. 136. บางกอกโพสต์ จำกัด (มหาชน). p. 3. สืบค้นเมื่อ 15 May 2024.
The compound encompasses a palace, a temple and various groups of buildings and showcases a mix of neoclassical and Chinese architecture
- ↑ "อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง)". thai.tourismthailand.org.