ประสิทธิ์ โฆวิไลกูล
ศาสตราจารย์พิเศษ ประสิทธิ์ โฆวิไลกูล ม.ป.ช., ม.ว.ม. | |
---|---|
![]() | |
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 – 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 | |
นายกรัฐมนตรี | พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ |
ก่อนหน้า | สุรนันทน์ เวชชาชีวะ |
ถัดไป | ชูศักดิ์ ศิรินิล จักรภพ เพ็ญแข |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 22 มิถุนายน พ.ศ. 2486 (77 ปี) |
คู่สมรส | สุกัญญา โฆวิไลกูล |
ศาสนา | พุทธ |
ศาสตราจารย์พิเศษ ประสิทธิ์ โฆวิไลกูล ประธานกรรมการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กรรมการ[1]มูลนิธิสุรเกียรติ์ - ท่านผู้หญิงสุธาวัลย์ เสถียรไทย[2] อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ หลังการรัฐประหาร พ.ศ. 2549
ประวัติ[แก้]
ประสิทธิ์ โฆวิไลกูล เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2486[3] สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโททางกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับรองศาสตราจารย์ สุกัญญา โฆวิไลกูล (สกุลเดิม ศิริตันติกร) อดีตอาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ผศ.ดร.สิริกัญญา โฆวิไลกูล และนายสิรวิชญ์ โฆวิไลกูล
การทำงาน[แก้]
ประสิทธิ์ โฆวิไลกูล เริ่มต้นทำงานเป็นทนายความในสำนักงานทนายความประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ จากนั้นจึงได้ย้ายมาทำงานที่บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด และบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด ต่อมาได้เข้ามารับราชการเป็นอาจารย์สอนกฎหมาย คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา อีกทั้งยังเป็นอาจารย์พิเศษ โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน หลังจากเกษียณอายุราชการ ได้มารับหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (พ.ศ. 2544 - 2549) [4]
ต่อมาในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการรัฐประหาร พ.ศ. 2549 นำโดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีคณะแรกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 และนายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี[5]ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนั้น ก่อนที่จะลาออกเนื่องจากปัญหาสุขภาพ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550 หลังจากที่ทำงานได้เพียง 6 เดือน[6]
นอกจากนั้น ยังได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
- พ.ศ. 2541 -
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)[7]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2552/D/109/153.PDF
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/D/057/41.PDF
- ↑ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- ↑ http://www.hcu.ac.th/about.php
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี (นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล นายสมหมาย ภาษี)
- ↑ ประสิทธิ์ ไขก๊อก โบกมืออำลาขิงแก่
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (ชั้นสายสะพาย จำนวน ๕,๐๑๖ ราย ในวโรกาสพระราชพิธีฉัตรมงคล วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๑)
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2486
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- ข้าราชการพลเรือนชาวไทย
- อาจารย์คณะนิติศาสตร์
- ศาสตราจารย์พิเศษ
- นักกฎหมายชาวไทย
- นักการเมืองไทย
- รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไทย
- นิสิตเก่าคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- บุคคลจากโรงเรียนเผยอิง
- บุคคลจากมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
- กรรมการกฤษฎีกาไทย
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
- ผู้ได้รับเหรียญจักรพรรดิมาลา
- ชาวไทยเชื้อสายจีน