สะพานพระพุทธยอดฟ้า
สะพานพระพุทธยอดฟ้า | |
---|---|
สะพานพระพุทธยอดฟ้า | |
เส้นทาง | ถนนตรีเพชร, ถนนประชาธิปก |
ข้าม | แม่น้ำเจ้าพระยา |
ที่ตั้ง | แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี |
ชื่อทางการ | สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ |
ตั้งชื่อตาม | พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช |
ผู้ดูแล | กรมทางหลวงชนบท |
สถานะ | เปิดใช้งาน |
รหัส | ส.003 |
เหนือน้ำ | อุโมงค์รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล |
ท้ายน้ำ | สะพานพระปกเกล้า |
ข้อมูลจำเพาะ | |
ประเภท | ชนิดเปิด - ปิดได้ (เปิดเป็นครั้งคราวเมื่อมีเรือหลวงผ่าน) |
วัสดุ | โครงเหล็กตลอด |
ความยาว | 229.76 เมตร |
ความกว้าง | 10.00 เมตร |
ความสูง | 7.30 เมตร |
ทางเดิน | 2 |
จำนวนตอม่อ | 2 |
ประวัติ | |
ผู้สร้าง | พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว |
วันเริ่มสร้าง | 3 ธันวาคม พ.ศ. 2472 |
วันเปิด | 6 เมษายน พ.ศ. 2475[1] |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | สะพานพระพุทธยอดฟ้า |
เป็นส่วนหนึ่งของ | โบราณสถานในเขตกรุงเทพมหานคร |
เลขอ้างอิง | 0005610 |
สะพานพระพุทธยอดฟ้า หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์[2] เป็นสะพานถนนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่เก่าที่สุดของประเทศไทย เชื่อมต่อการคมนาคมระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร ที่ปลายถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กับปลายถนนประชาธิปก แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี ปัจจุบันสะพานแห่งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท
ประวัติ
[แก้]สะพานพระพุทธยอดฟ้า เป็นสะพานที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เมื่อปี พ.ศ. 2472 เนื่องในโอกาสสถาปนากรุงเทพมหานครครบ 150 ปี และโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีฉลองพระนครครบ 150 ปี ด้วยพระราชดำริที่จะสร้างสิ่งที่เป็นอนุสรณ์ถึงความรำลึกในพระกรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผู้ทรงสถาปนากรุงเทพมหานคร โดยมีพระราชดำริว่าควรสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมจังหวัดพระนครกับธนบุรีเข้าด้วยกัน เพื่อให้การคมนาคมติดต่อสะดวก ทั้งยังเป็นการขยายพระนครอีกด้วย จึงโปรดเกล้าฯ ให้คิดแบบพระบรมราชานุสาวรีย์ และสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นประกอบกันเป็นปฐมบรมราชานุสรณ์ที่ปลายถนนตรีเพชร ถือเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งที่ 2 ถัดจากสะพานพระราม 6 ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 แต่เนื่องจากสะพานพระราม 6 ปัจจุบันมีสถานะเป็นสะพานรถไฟเท่านั้น สะพานพระพุทธยอดฟ้าจึงถือเป็นสะพานถนนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่เก่าที่สุดของประเทศไทย
โครงการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์และสะพานได้เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ (ต่อมาเป็นกรมพระยา) อุปนายกราชบัณฑิตยสภา ซึ่งทรงอำนวยการแผนกศิลปกรรมคิดแบบอย่างเป็นพระบรมรูปทรงเครื่องขัตติยาภรณ์เสด็จประทับเหนือพระราชบัลลังก์และหล่อด้วยทองสำริด ขนาดสูงตั้งแต่ฐานถึงยอด 4.60 เมตร ฐานกว้าง 2.30 เมตร ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยานั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน (ต่อมาคือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน) เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ทรงเป็นผู้อำนวยการสร้าง ซึ่งทรงรับสั่งให้กองแบบแผน กรมรถไฟหลวง เป็นผู้ออกแบบโครงสร้าง แสดงทางขึ้นลงทั้ง ๒ ข้างและตัวสะพาน พร้อมด้วยขนาดและรายการ เพื่อเปิดประมูลจากบริษัทต่างๆ โดยได้เลือกแบบของบริษัทดอรแมนลอง ประเทศอังกฤษ และสร้างเป็นสะพานเหล็กยาว 229.76 เมตร กว้าง 16.68 เมตร ท้องสะพานสูงเหนือน้ำ 7.50 เมตร และอาจยกตอนกลางขึ้นด้วยแรงไฟฟ้า เปิดช่องกว้าง 60 เมตรเพื่อให้เรือใหญ่ผ่านได้สะดวก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์สร้างปฐมบรมราชานุสรณ์ เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2472 และโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสะพานว่า สะพานพระพุทธยอดฟ้า
รัฐบาลได้ประมาณการงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างปฐมบรมราชานุสรณ์ไว้เป็นจำนวน 4,000,000 บาท พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่ง รัฐบาลส่วนหนึ่ง ส่วนอีกจำนวนหนึ่งนั้นทรงพระราชดำริว่าควรบอกบุญเรี่ยไรประชาชน เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสะพานเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2475[3][1]
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สะพานพระพุทธยอดฟ้าถูกระเบิดทำลายจนขาด อันเนื่องจากเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ[4] บริเวณใกล้เคียงอย่างวัดราชบุรณราชวรวิหารและโรงไฟฟ้าวัดเลียบก็ถูกทำลาย
ปัจจุบัน
[แก้]ในปัจจุบัน นอกจากสะพานพระพุทธยอดฟ้าจะเป็นที่ประดิษฐานปฐมบรมราชานุสรณ์แล้ว ยังมีลานสาธารณะให้คนมาใช้พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นลานกีฬาของเด็กนักเรียนในย่านนั้นด้วย ทั้งฟุตบอลและสเกตบอร์ด ก็จะมีให้เห็นทุกวันในช่วงเย็นหลังโรงเรียนเลิก
นอกจากนี้ ในยามค่ำคืนพื้นที่ใต้สะพานพระพุทธยอดฟ้าจนถึงใต้สะพานพระปกเกล้าในปัจจุบัน ในยามค่ำประมาณ 18 นาฬิกาเป็นต้นไปจนถึงเวลา 01.00 โดยประมาณ จะเป็นตลาดนัดยามค่ำคืน ที่มีสินค้าแฟชั่นหลากหลายทั้งอุปกรณ์ตกแต่งมือถือเคส ฟิล์ม ซีดีและสินค้ามือสอง อาทิ เสื้อ กางเกง กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ อีกทั้งยังมีศิลปินอิสระ ส่วนมากเป็นนักศึกษาเพาะช่าง มารับวาดภาพและขายภาพวาดด้วย เนื่องจากสินค้ามีราคาถูก ประกอบกับรูปแบบที่กำลังเป็นที่นิยมของวัยรุ่น ทำให้ตลาดสะพานพุทธในปัจจุบันคลาคล่ำด้วยวัยรุ่นจำนวนมาก
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "Memorial Bridge". Bureau of Maintenance and Traffic Safety, Thailand. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 May 2008. สืบค้นเมื่อ 10 December 2014.
- ↑ "สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์". myfirstbrain.com. สืบค้นเมื่อ 5 July 2015.
- ↑ Duncan Stearn (30 May – 5 June 2003). "A Slice of Thai History : The air war over Thailand, 1941-1945 ; Part Two, The Allies attack Thailand, 1942-1945". Pattaya Mail. Pattaya Mail Publishing Co. XI (21). สืบค้นเมื่อ 17 February 2012.
- ↑ "สะพานพระพุทธยอดฟ้าถูกระเบิดตัดขาดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2". ศิลปวัฒนธรรม.
ดูเพิ่ม
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ สะพานพระพุทธยอดฟ้า
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
13°44′21″N 100°29′51″E / 13.739207°N 100.497564°E
จุดข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน | |||
---|---|---|---|
เหนือน้ำ อุโมงค์รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล |
สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพระพุทธยอดฟ้า) |
ท้ายน้ำ สะพานพระปกเกล้า |