กองทัพบกสาธารณรัฐสิงคโปร์
กองทัพบกสาธารณรัฐสิงคโปร์ | |
---|---|
Tentera Singapura (มลายู) 新加坡陆军 (จีน) சிங்கப்பூர் தரைப்படை (ทมิฬ) | |
ทหารราบสิงคโปร์ในปฏิบัติการไทเกอร์บาล์ม | |
ประจำการ | 12 มีนาคม 1957 |
ประเทศ | สิงคโปร์ |
รูปแบบ | กองทัพบก |
บทบาท | การสงครามทางบก |
กำลังรบ | กำลังประจำการ 40,000 นาย[1] กำลังสำรอง 240,000 นาย[1] |
ขึ้นกับ | กองทัพสิงคโปร์ |
คำขวัญ | ‘พร้อม เด็ดขาด เคารพ’ 'Ready, Decisive, Respected' |
เพลงหน่วย | เทนเทรา สิงคโปร์ Tentera Singapura [2] |
ยุทธภัณฑ์ | ดูรายชื่อ |
ปฏิบัติการสำคัญ | |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ทางการ |
ผู้บังคับบัญชา | |
ประธานาธิบดีสิงคโปร์ | ตรรมัน จัณมุกรัตตินัม |
รมว.กระทรวงกลาโหม | Ng Eng Hen[6] |
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด | VADM Aaron Beng[6] |
ผู้บัญชาการทหารบก | MG David Neo[7][6] |
เสนาธิการทหาร | BG Tan Cheng Kwee[7] |
จ่าสิบเอกกองทัพบก | CWO Sanjee Singh[7][6] |
เครื่องหมายสังกัด | |
ตราสัญลักษณ์ |
กองทัพบกสาธารณรัฐสิงคโปร์ (อังกฤษ: Singapore Army) เป็นเหล่าทัพภาคพื้นดินของกองทัพสิงคโปร์ (SAF) กองทัพบกสิงคโปร์เป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเหล่าทัพทั้งสี่ของกองทัพสิงคโปร์ โดยมีต้นกำเนิดมาจากกองพันที่ 1 กรมทหารราบสิงคโปร์ (1 SIR) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2500 ในสมัยที่สิงคโปร์ยังอยู่ภายใต้การปกครองของอาณานิคมอังกฤษ หลังจากที่สิงคโปร์ได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2508 ร่างพระราชบัญญัติกองทัพบกสิงคโปร์ได้รับการผ่านในรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2508 และมีการเสนอบริการแห่งชาติ (NS) ต่อมาในปี พ.ศ. 2510[8] กองทัพบกสิงคโปร์ประกอบด้วยทหารเกณฑ์เป็นส่วนใหญ่ สามารถระดมกำลังสำรองทหารที่พร้อมปฏิบัติการได้ในกรณีที่เกิดสงครามหรือเหตุฉุกเฉินของชาติ
ภารกิจ
[แก้]ภารกิจของกองทัพสิงคโปร์ (SAF) คือการขัดขวางการรุกรานด้วยอาวุธ และเพื่อให้ได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดหากการยับยั้งไม่ประสบผลสำเร็จ กองทัพบกยังมีหน้าที่ในการดำเนินการในยามสงบเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติและนโยบายต่างประเทศของสิงคโปร์ ซึ่งมีตั้งแต่การบรรเทาทุกข์ภัยพิบัติ การรักษาสันติภาพ การช่วยเหลือตัวประกัน และเหตุการณ์ฉุกเฉินอื่น ๆ[9]
กองทัพบกมองว่าเทคโนโลยีเป็นตัวคูณกำลังรบและเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจการรบภายใต้ข้อจำกัดด้านจำนวนประชากรของสิงคโปร์ ความร่วมมือระหว่างกองทัพสิงคโปร์ (SAF) ทั้งสี่เหล่าทัพถือเป็นส่วนสำคัญของหลักคำสอนด้านการสู้รบของกองทัพบก ปฏิบัติการร่วมที่ดำเนินการร่วมกับกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ได้แก่ การยกพลขึ้นบกและปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ภัยพิบัติสำคัญภายหลังแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี พ.ศ. 2547
กองทัพบกมีกลุ่มทหารเกณฑ์และกองกำลังนายทหารที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิค มีการศึกษาค่อนข้างดี ซึ่งสะท้อนถึงประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ และพยายามใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านไปสู่กองกำลังรบที่มีเครือข่ายซับซ้อนมากขึ้น[10]
ความพร้อมรบถือเป็นสิ่งหลักของนโยบายกองทัพบก มีการฝึกซ้อมทางทหารในระดับกองพลหลายครั้งต่อปี โดยจำลองการปฏิบัติการเต็มรูปแบบ รวมถึงการรบเต็มรูปแบบ การซ้อมรบระดับกองพลเป็นกิจกรรมร่วมของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ เนื่องจากพื้นที่การฝึกในสิงคโปร์มีจำกัด การยิงปืนใหญ่จะข้ามเกาะสามารถยิงได้อย่างรวดเร็ว การฝึกซ้อมทางทหารบางส่วนจึงจัดขึ้นในต่างประเทศ ขณะที่กำลังสำรองฝึกซ้อมในต่างประเทศเป็นระยะ ๆ[11] หน่วยทหารสำรองจะได้รับการประเมินความพร้อมรบเป็นประจำ[10] กองทัพบกยังฝึกซ้อมร่วมกับประเทศเจ้าภาพบางประเทศ และมีการแลกเปลี่ยนทางทหารบ่อยครั้ง การฝึกนั้นเรียกว่า "ยาก สมจริง และปลอดภัย" โดยเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก เนื่องจากความอ่อนไหวของการเสียชีวิตของทหารในกองทัพที่เกณฑ์ทหารเป็นส่วนใหญ่[9]
หลังจากการปฏิรูปกิจการทหาร ควบคู่ไปกับการปรับปรุงระบบอาวุธให้ทันสมัย กองทัพบกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่หลักนิยมการสู้รบที่เน้นเครือข่ายมากขึ้น ซึ่งจะบูรณาการระหว่างกองทัพอากาศและกองทัพเรือได้ดีขึ้น[12]
ประวัติ
[แก้]กองทัพบกสาธารณรัฐสิงคโปร์มีต้นกำเนิดจากกองพันทหารราบ 2 กองพัน คือ กองพันที่ 1 และกองพันที่ 2 กองพลทหารราบสิงคโปร์ที่ 1 (1 SIR และ 2 SIR) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500 และ พ.ศ. 2505 ตามลำดับ เมื่อสิงคโปร์ยังคงเป็นอาณานิคมของอังกฤษ หลังจากการควบรวมประเทศกับมาเลเซียซึ่งส่งผลให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปในปี พ.ศ. 2508 สิงคโปร์ได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติกองทัพบกสิงคโปร์ในรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2508 และได้รับอำนาจควบคุมกองพันทั้งสองจากมาเลเซียอย่างบริบูรณ์ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2509[8][13] ในขณะนั้น กองทัพสิงคโปร์มีเพียงกองพันทหารราบ 2 กองพัน และหน่วยบัญชาการทหารปืนใหญ่อาสาสมัครสิงคโปร์เดิม หลายเดือนต่อมา กองทัพบกก็มีกองกำลังสำรองที่เรียกว่ากองกำลังพิทักษ์ประชาชน ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากหน่วยอาสาสมัครเก่าที่ระดมกำลังเพื่อปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการเผชิญหน้าระหว่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย
ในปี พ.ศ. 2510 รัฐสภาได้ผ่านพระราชบัญญัติบริการแห่งชาติ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) โดยกำหนดให้ชายหนุ่มที่มีร่างกายแข็งแรงอายุ 18 ปีขึ้นไป ต้องเข้ารับบริการแห่งชาติ (เกณฑ์ทหาร) ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2510 กองทัพบกสิงคโปร์ได้จัดตั้งกองพันปืนใหญ่กองแรก คือ กองพันปืนใหญ่สิงคโปร์ที่ 20 (20th Singapore Artillery Battalion: 20 SAB) กองพันทหารราบใหม่ 2 กองพัน คือ กองพันที่ 3 และกองพันที่ 4 กรมทหารราบสิงคโปร์ (3 SIR และ 4 SIR) ได้ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2510 ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2511 กองพันทหารยานเกราะกองพันแรกของกองทัพสิงคโปร์ คือ กองพันที่ 41 กรมทหารยานเกราะสิงคโปร์ (41 SAR) ได้ก่อตั้งขึ้น ตามมาด้วยการจัดตั้งกองพันคอมมานโดที่ 1 (1 Cdo Bn) ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2512[8]
ในปี พ.ศ. 2515 รัฐสภาได้ผ่านพระราชบัญญัติกองทัพสิงคโปร์เพื่อจัดระเบียบและรวมหน่วยบังคับบัญชา และหน้าที่การบริหารที่แตกต่างกันของกองทัพสิงคโปร์เข้าด้วยกัน[14][15]
คำอธิบายสัญลักษณ์
[แก้]ตราสัญลักษณ์ระบุว่า “Tentera Singapura” (หมายถึง “กองทัพบกสิงคโปร์” ในภาษามาเลย์) ตราแผ่นดินอยู่ด้านใน คำขวัญคือ “Yang Pertama Dan Utama” (”ประการแรกและสำคัญที่สุด” ในภาษามาเลย์) ตราสัญลักษณ์มีก้านลอเรลสองก้านอยู่ด้านข้าง ก้านลอเรลเป็นสีเขียวสำหรับกองทัพบกสิงคโปร์และสีทองสำหรับกองทัพสิงคโปร์
ปฏิบัติการ
[แก้]กองทัพบกสาธารณรัฐสิงคโปร์มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพในต่างประเทศ หลังจากสงครามอ่าวเปอร์เซีย สิงคโปร์ได้มีส่วนสนับสนุนคณะผู้แทนสังเกตการณ์ของสหประชาชาติประจำชายแดนอิรัก–คูเวต (UNIKOM) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2534 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550 ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 กองทัพบกสาธารณรัฐสิงคโปร์ได้ส่งกำลังพลประมาณ 500 นาย เข้าร่วมกองกำลังสนับสนุนด้านความมั่นคงนานาชาติ (ISAF) เพื่อรักษาเสถียรภาพและช่วยเหลือในการฟื้นฟูในอัฟกานิสถานที่กำลังอยู่ในภาวะสงคราม[16] ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 กองทัพสิงคโปร์ได้ให้การสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงแก่พันธมิตรระหว่างประเทศในสงครามต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม[17]
รายชื่อผู้บัญชาการทหารบก
[แก้]ปีที่ดำรงตำแหน่ง | ชื่อ | เหล่า |
---|---|---|
2533 | Boey Tak Hap | |
2533–2535 | Ng Jui Ping | ทหารปืนใหญ่ |
2535–2538 | Lim Neo Chian | ทหารช่าง |
2538–2541 | Han Eng Juan | |
2541–2543 | Lim Chuan Poh | ทหาราบ |
2543–2546 | Ng Yat Chung | ทหารปืนใหญ่ |
2546–2550 | Desmond Kuek | ยานเกราะ |
2550–2553 | Neo Kian Hong | รักษาการณ์ |
2553–2554 | Chan Chun Sing | ทหารราบ |
2554–2557 | Ravinder Singh | สื่อสาร |
2557–2558 | Perry Lim | รักษาการณ์ |
2558–2561 | Melvyn Ong | รักษาการณ์[18] |
2561–2565 | Goh Si Hou | ทหารปืนใหญ่[19][20] |
2565–ปัจจุบัน | David Neo | คอมมานโด[21] |
การจัดหน่วย
[แก้]กองทัพบกสิงคโปร์ | |||||||||||
|
กองทัพบกมีผู้บัญชาทหารบก[22] ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเสนาธิการ – และฝ่ายเสนาธิการ[23] และจ่าสิบเอกกองทัพบก ฝ่ายเสนาธิการประกอบด้วย 6 ฝ่ายตั้งแต่ จี 1 ถึง จี 6 ตลอดจนกรมกิจการบริการแห่งชาติที่ดูแลปัญหาบริการแห่งชาติและสำนักงานตรวจสอบความปลอดภัยทหารบก โดยทั้ง 6 ฝ่ายดูแลปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ บุคลากร (จี 1) ข่าวกรอง (จี 2) ปฏิบัติการ (จี 3) โลจิสติกส์ (จี 4) แผน (จี 5) และการฝึกอบรม (จี 6) ฝ่าย จี 1, จี 2, จี 3, จี 5 และ จี 6 แต่ละฝ่ายมีผู้ช่วยเสนาธิการทหารเป็นหัวหน้า ในบรรดาเสนาธิการทหารยังมีผู้บังคับการนายทหารบูรณาการระบบและผู้บังคับการศูนย์ข้อมูลทหารบกอีกด้วย[7]
ผู้บัญชาการกองบัญชาการฝึกและหลักนิยม (Training & Doctrine Command: TRADOC) หน่วยสนับสนุนการรบ (Combat Service Support: CSS) กองพลหลัก 4 กองพล กองสำรองปฏิบัติการ 2 กองพล หน่วยรบรูปขบวน 15 รูปขบวนของกองทัพบก และหน่วยบัญชาการอาสาสมัคร กองทัพสิงคโปร์ ยังรายงานต่อผู้บัญชาการกองทัพบกอีกด้วย[24][25][26][7]
กองพล
[แก้]กองทัพบกมี 6 กองพล โดย 3 กองพล เป็นกองพลผสม 1 กองพล รับผิดชอบการต่อต้านการก่อการร้ายและความมั่นคงภายในประเทศ และอีก 2 กองพล เป็นกองหนุนปฏิบัติการทหารบก (army operational reserves: AOR)[7]
กองพลผสมสามกองพล ได้แก่ กองพลที่ 3 (3 DIV), กองพลที่ 6 (6 DIV) และกองพลที่ 9 (9 DIV)[27][28] โดยแต่ละกองพลมีหน่วยปฏิบัติการและกำลังสำรองที่พร้อมปฏิบัติการและสามารถระดมพลในกรณีเกิดสงคราม[11]
กองกำลังพิทักษ์ประชาชนที่ 2 (2 PDF) เป็นหน่วยระดับกองพล มีหน้าที่รับผิดชอบในการต่อต้านการก่อการร้ายและรักษาความมั่นคงภายในประเทศ รวมถึงการปกป้องฐานทัพและพลเรือนที่สำคัญทั่วสิงคโปร์ นอกจากนี้ กองกำลังยังรับผิดชอบในการประสานงานและจัดสรรทรัพยากรทางทหารให้กับหน่วยงานพลเรือนในกรณีฉุกเฉินพลเรือนอีกด้วย[29]
กองพลกองหนุนปฏิบัติการของทหารบก (AOR) อีก 2 กองพล คือ กองพลที่ 21 (21 DIV)[30] และกองพลที่ 25 (25 DIV)[30][7]
รูปขบวน
[แก้]กองทัพบกมีหน่วยรบทั้งหมด 15 รูปขบวน ได้แก่ กองบัญชาการกระสุน, หน่วยทหารยานเกราะ[31], หน่วยข่าวกรองทหารบก, หน่วยแพทย์ทหาร, หน่วยทหารปืนใหญ่[32], หน่วยทหารช่าง, หน่วยคอมมานโด, หน่วยรักษาการณ์, ทหารราบ, หน่วยบำรุงรักษาและสนับสนุนวิศวกรรม, กองบัญชาการสารวัตรทหาร, กองบัญชาการกำลังพล, หน่วยสื่อสาร, หน่วยส่งกำลังบำรุง และหน่วยขนส่ง[7]
กองกำลังเฉพาะกิจ
[แก้]กองทัพบกมีกองกำลังเฉพาะกิจ เช่น กองกำลังเฉพาะกิจป้องกันเกาะ (Island Defence Task Force: IDTF), กองกำลังเฉพาะกิจร่วม (Joint Task Force: JTF), กองกำลังเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษ (Special Operations Task Force: SOTF)[7] และกองกำลังเคลื่อนพลทหารทัพบก (Army Deployment Force: ADF)[33]
ยุทโธปกรณ์
[แก้]ค่ายและฐานทัพ
[แก้]ระเบียงภาพ
[แก้]-
Leopard 2A4 ของกองทัพสิงคโปร์ในงาน Singapore Airshow 2008
-
AMX-10 PAC 90 พร้อมปืนใหญ่หลักขนาด 90 มม.
-
รถวางสะพาน SM-1 (SLB)
-
รถทหารช่าง M728 (CEV)
-
รถแทรกเตอร์ทหารช่าง FV180 (CET)
-
รถวางสะพาน
-
รถเก็บกู้ยานเกราะ The Bionix (ARV)
-
รถวางสะพาน The Bionix (BLB)
-
ปืนใหญ่วิถีโค้งยักษ์ LG-1 ขนาด 105 มม. ที่งานเปิดบ้านกองทัพอากาศสิงคโปร์
-
FH-2000 ในรูปแบบการลากจูง
-
การเปิดปากลำกล้องของ FH-2000 เมื่อมองจากตำแหน่งของเครื่องบรรจุกระสุน
-
ปืนใหญ่เคลื่อนที่อัตตาจรขนาด 155 มม./39 มม. สิงคโปร์ (SSPH 1)
-
SPIKE ATGM พร้อมขีปนาวุธจำลอง
-
MATADOR (เครื่องต่อต้านรถถังและประตูพกพา)
-
ปืนกลหนัก CIS-50 ขนาด 12.7 มม. รุ่นใหม่
ดูเพิ่ม
[แก้]- กองทัพสิงคโปร์
- กองทัพอากาศสาธารณรัฐสิงคโปร์
- กองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์
- กองกำลังเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษ
- ยศทหารสิงคโปร์
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 International Institute for Strategic Studies (15 February 2023). The Military Balance 2023. London: Routledge. pp. 286–287. ISBN 9781032508955.
- ↑ "1957 – Our First Battalion". MINDEF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2007. สืบค้นเมื่อ 22 March 2010.
- ↑ "1963 – Konfrontasi". MINDEF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2007. สืบค้นเมื่อ 22 March 2010.
- ↑ "1963 – Pioneering Spirit of 2 SIR". MINDEF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2007. สืบค้นเมื่อ 22 March 2010.
- ↑ "Fact Sheet: Recipients of the SAF Medal for Distinguished Act".
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 "Leadership Biographies". Ministry of Defence (Singapore). 10 March 2022. สืบค้นเมื่อ 17 October 2022.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 7.4 7.5 7.6 7.7 7.8 "Army Organisation Structure". Ministry of Defence (Singapore). 5 October 2018. สืบค้นเมื่อ 17 October 2022.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 "Singapore Army History". Ministry of Defence (Singapore). 13 March 2019. สืบค้นเมื่อ 17 October 2022.
- ↑ 9.0 9.1 "The Singapore Army- About Us". MINDEF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 August 2017. สืบค้นเมื่อ 21 May 2011.
- ↑ 10.0 10.1 Tim Huxley, Defending the Lion City, Allen & Unwin, 2000, p.65.
- ↑ 11.0 11.1 "NS Matters - Home". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 May 2017. สืบค้นเมื่อ 24 December 2014.
- ↑ "The 3rd Generation SAF". MINDEF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 October 2007. สืบค้นเมื่อ 23 August 2007.
- ↑ "The Singapore Army Is Established". HistorySG. National Library Board Singapore. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 March 2016. สืบค้นเมื่อ 25 February 2016.
- ↑ "Singapore Armed Forces Act". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 25 February 2016.
- ↑ "Singapore Armed Forces Come Into Effect". HistorySG. National Library Board Singapore. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 March 2016. สืบค้นเมื่อ 25 February 2016.
- ↑ "Singapore Armed Forces Concludes Deployment in Afghanistan". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 March 2016. สืบค้นเมื่อ 25 February 2016.
- ↑ "Joint Statement Issued by Partners at the Counter-ISIL Coalition Ministerial Meeting". Office of Website Management, Bureau of Public Affairs. Office of the Spokesperson, Washington, DC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 May 2018. สืบค้นเมื่อ 25 February 2016.
- ↑ Ganesan, Deepanraj (June 29, 2018). "Defence chief heads SAF promotion list". The Straits Times.
- ↑ "Singapore appoints new defence, army chiefs". Channel News Asia. 12 March 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-09. สืบค้นเมื่อ 20 February 2021.
- ↑ "Change in Chief of Defence Force and Chief of Army" (PDF). MINDEF – National Archives of Singapore. 12 March 2018. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 23 February 2021. สืบค้นเมื่อ 23 February 2021.
- ↑ "Change in Chief of Army". 11 Feb 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-11-05. สืบค้นเมื่อ 15 Feb 2022.
- ↑ "Organisation Structure". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 October 2019. สืบค้นเมื่อ 16 September 2019.
- ↑ "Organisation Structure". The Singapore Army. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 September 2015. สืบค้นเมื่อ 24 December 2014.
- ↑ "gov.sg – Directory". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 December 2014. สืบค้นเมื่อ 24 December 2014.
- ↑ "gov.sg – Directory". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 December 2014. สืบค้นเมื่อ 24 December 2014.
- ↑ "File Not Found". www.mindef.gov.sg. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 September 2018. สืบค้นเมื่อ 16 September 2019.
- ↑ "gov.sg – Directory". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 December 2014. สืบค้นเมื่อ 24 December 2014.
- ↑ See also [1], and Huxley, Defending the Lion City, 2000, pp. 123–126
- ↑ "2 People's Defence Force". The Singapore Army. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 April 2015. สืบค้นเมื่อ 24 December 2014.
- ↑ 30.0 30.1 "Army". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 September 2020. สืบค้นเมื่อ 18 May 2020.
- ↑ "Armour". The Singapore Army. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 November 2014. สืบค้นเมื่อ 24 December 2014.
- ↑ "Artillery". The Singapore Army. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 December 2014. สืบค้นเมื่อ 24 December 2014.
- ↑ Koh, Jeremy (July 2016). "SAF to fight terror with rapid response". The Straits Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 July 2018. สืบค้นเมื่อ 24 June 2018.
- บรรณานุกรม
- Tim, Huxley. Defending the Lion City: the Armed Forces of Singapore. Publisher: Allen & Unwin Pty LTD, 2000. ISBN 1-86508-118-3.
- อ่านเพิ่ม
- 'Singapore's Army: boosting capabilities,' Jane's Intelligence Review, April 1996
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ทางการ
- Singapore Army Official Ranks Website เก็บถาวร 2017-07-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Ranks and Paramilitary Ranks of Singapore, accessed 23 October 2006.
- Singapore Infantry Regiment pictures and info