กองบิน 1 นครราชสีมา
กองบิน 1 | |
---|---|
กองทัพอากาศไทย | |
เอฟ-16บี บล็อก 15 โอซียู ฝูงบิน 103 | |
ประจำการ | กองบินใหญ่ทหารบกที่ 1 (พ.ศ. 2461–2464) กองโรงเรียนการบินที่ 1 (พ.ศ. 2464–2479) กองบินน้อยที่ 1 (พ.ศ. 2479–2506) กองบิน 1 (พ.ศ. 2506–ปัจจุบัน) |
ประเทศ | ไทย |
เหล่า | กองทัพอากาศไทย |
รูปแบบ | กองบิน |
บทบาท | กองบินขับไล่สกัดกั้นยุทธวิธี |
ขึ้นกับ | ส่วนกำลังรบ กองทัพอากาศไทย |
กองบัญชาการ | ฐานบินโคราช, ตำบลหนองไผ่ล้อม, อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา |
สัญลักษณ์นำโชค | พยัคฆ์ |
วันสถาปนา | 15 เมษายน พ.ศ. 2479 |
ปฏิบัติการสำคัญ | กรณีพิพาทอินโดจีน สงครามมหาเอเชียบูรพา กบฏแมนฮัตตัน การก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย สมรภูมิบ้านร่มเกล้า |
อิสริยาภรณ์ | สายยงยศไหมเขียว |
เว็บไซต์ | wing1 |
ผู้บังคับบัญชา | |
ผู้บัญชาการปัจจุบัน | นาวาอากาศเอก พิชญาณ อะสีติรัตน์ |
เครื่องหมายสังกัด | |
ตราสัญลักษณ์กองบิน 1 |
กองบิน 1 (อังกฤษ: Wing 1 Royal Thai Air Force) เป็นกองบินขับไล่สกัดกั้นยุทธวิธี อยู่ในส่วนกำลังรบและเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองทัพอากาศไทย[1] ประจำการอยู่ที่ฐานบินโคราช ตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2479[1]
ประวัติ
[แก้]กองบิน 1 มีจุดเริ่มต้นมาจากการก่อตั้ง กองบินใหญ่ทหารบกที่ 1 ในปี พ.ศ. 2461 ขึ้นการบังคับบัญชากับ กรมอากาศยานทหารบก ประจำการเครื่องบินแบบ นิวเออร์ปอร์ต และแบบสปัด ตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันตกของฐานทัพอากาศดอนเมือง ต่อมาในปี พ.ศ. 2464 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น กองโรงเรียนการบินที่ 1 และมีพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2479 เปลี่ยนชื่อเป็น กองบินน้อยที่ 1 ซึ่งปัจจุบันได้ยึดถือเอาวันดังกล่าวเป็นวันสถาปนากองบิน มีเครื่องบินประจำการอยู่ 4 แบบ คือ แอฟโร 504เอ็น (บ.ฝ.4) นิเออร์ปอรท์ เดอลาจ (บ.ข.4) เคอร์ติสฮอว์ค 2 (บ.ข.9) และเคอร์ติสฮอว์ค 3 (บ.ข.10)[2]
กรณีพิพาทอินโดจีน
[แก้]จากนั้นในกรณีพิพาทอินโดจีน พ.ศ. 2483 กองบินน้อยที่ 1 ได้แบ่งกองบินออกเป็นฝูงบินออกเป็นฝูงบินอิสระไปปฏิบัติการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความกล้าหาญและได้รับคำชมเชย ได้รับการประดับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ "สายยงยศไหมเขียว"[2]
สงครามมหาเอเชียบูรพา
[แก้]จากนั้นไม่ได้ฝูงบินได้ร่วมเข้าปฏิบัติการผสมกับกองบินใหญ่ ร่วมรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา โดยมีวีรกรรมที่โดดเด่น คือการนำเครื่องบิน 5 เครื่องขึ้นต่อสู้กับเครื่องบินของข้าศึก 21 เครื่องเหนือนครลำปาง[2]
เหตุการณ์ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ฝูงบินโจมตีของฝ่ายสัมพันธมิตรจำนวนกว่า 21 เครื่อง ประกอบไปด้วย เครื่องบินแบบ พี-51 (มัสแตง) และเครื่องบินแบบ พี-38 (ไลท์นิ่ง) เข้าปฏิบัติการและโจมตีในพื้นที่สนามบินลำปาง โดยกองบินใหญ่ผสมภาคพายัพได้ส่งฝูงบินขับไล่แบบโอตะ (บ.ข.12) จำนวน 5 เครื่องขึ้นสกัดกั้น นำโดย เรืออากาศเอก เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร, พันจ่าอากาศเอก จุลดิศถ์ เดชกุญชร, พันจ่าอากาศเอก วาสน์ สุนทรโกมล และจ่าอากาศเอก ธาดา เบี้ยวไข่มุก เป็นนักบิน โดยฝ่ายไทยสามารถสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรด้วยการยิงเครื่องบินตก 4 ลำ ขณะที่ฝ่ายไทยถูกยิงทั้ง 5 เครื่อง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตระหว่างการรบคือ พันจ่าอากาศเอก วาสน์ สุนทรโกมล นักบิน และเกือบเสียผู้บังคับฝูงบิน คือ เรืออากาศเอก เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ที่ถูกยิงที่ขากระสุนฝังในตกลงมาพร้อมกับเครื่อง และถูกช่วยเหลือโดยราษฎร์ออกมาจากตัวเครื่องก่อนที่เครื่องจะระเบิด จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กองบัญชาการทหารสูงสุดได้ขอพระราชทานเหรียญกล้าหาญให้กับนักบินและพลปืนทุกคนในเหตุการณ์นี้[2]
สงครามเย็น
[แก้]ในปี พ.ศ. 2491 กองบินน้อยที่ 1 ได้ส่งอากาศยานแบบนาโกยา (บ.จ.2) จำนวน 3 เครื่องไปประจำการที่สนามบินสงขลาเพื่อปราบปรามโจรจีนคอมมิวนิสต์[2]
กองบินน้อยที่ 1 ได้มีส่วนร่วมในการปราบกบฏแมนฮัตตันด้วยการส่งอากาศยานจากฝูงบิน 2 และ 3 คือเครื่องบินสปิดไฟร์ และที-6 ผลการปฏิบัติคือกลุ่มกบฎพ่ายแพ้เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2494[2]
ในปี พ.ศ. 2496 กองบินยุทธการมอบหมายให้กองบินน้อยที่ 1 จัดกำลังจากฝูงบิน 3 พร้อมด้วยอากาศยานแบบแบร์แคท (บ.ข.15) จำนวน 4 เครื่องไปประจำการที่สนามบินพิษณุโลก และจัดกำลังจากฝูงบิน 2 พร้อมด้วยอากาศยานแบบที-6 (บ.ฝ.8) จำนวน 5 เครื่องไปประจำการที่สนามบินแพร่ ในการปฏิบัติการสนับสนุนการปราบโจรฮ่อ ขึ้นตรงต่อ ผบ.ผส.9 ลำปาง[2]
กองบินน้อยที่ 1 ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น กองบิน 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2506[2]
ในปี พ.ศ. 2513 กองบิน 1 ได้สูญเสียอากาศยานแบบเอฟ-5 จำนวน 2 เครื่อง พร้อมด้วยนักบิน 2 นาย คือ เรืออากาศเอก ชาญชัย มหากาญจนะ และ เรืออากาศโท พงษณรงค์ เกษตรศุกร์ ระหว่างการบินเข้าตีที่หมายกลุ่มคอมมิวนิสต์บริเวณเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์[2]
จากดอนเมืองสู่โคราช
[แก้]กองบิน 1 ได้ย้ายที่ตั้งจากฐานทัพอากาศดอนเมือง ไปยังฐานบินโคราช ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองนครราชสีมาประมาณ 5 กิโลเมตรเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2519
กองบิน 1 ฝูงบิน 102 ได้ส่งอากาศยานเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีฐานที่ตั้งปืนใหญ่บริเวณบ้านบ่อล้าน ประเทศลาว ด้วยระเบิดแบบร็อกอาย เครื่องละ 4 ลูก สามารถทำลายเป้าหมายในพื้นที่ได้ทั้งหมด
ในช่วง พ.ศ. 2544 ได้เกิดการปะทะตามแนวชายแดนไทยและพม่า กองบิน 1 โดยฝูงบิน 103 ได้ปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศตามแนวชายแดนพม่า และได้จัดหน่วยบิน 1032 ไปวางกำลังที่ฐานบินส่วนหน้าในฐานบินเชียงใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้กำลังทางอากาศ
ระหว่างเหตุการณ์จลาจลในประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2546 ฝูงบิน 103 ได้รับคำสั่งให้เตรียมความพร้อมในการใช้กำลังทางอากาศหากเกิดกรณีฉุกเฉินหรือเหตุการณ์รุนแรงขึ้นภายใต้ แผนปฏิบัติการโปเชนตง 2
การจัดหน่วย
[แก้]กองบิน 1 แบ่งส่วนการบริหารราชการภายใน ดังนี้
กองบังคับการ
[แก้]- แผนกกำลังพล
- แผนกการข่าว
- แผนกส่งกำลังบำรุง
- แผนกยุทธการ
- แผนกกิจการพลเรือน
- แผนกธุรการ
- ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- หมวดจัดหา
ส่วนปฏิบัติการ
[แก้]- ฝูงบิน 102 "Stars"
- เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 ก: เอฟ-16 เอดีเอฟ
- อยู่ระหว่างจัดหาอากาศยานทดแทน ซึ่งกองทัพอากาศได้คัดเลือก ยาส 39 กริพเพน[3]
- ฝูงบิน 103 "Lightning"
- เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 ก: เอฟ-16 โอซียู
- กองพันทหารอากาศโยธิน
- แผนกสนับสนุนการบิน
- แผนกควบคุมการยุทธทางอากาศ
กองเทคนิค
[แก้]- แผนกช่างอากาศ
- แผนกสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์
- แผนกสรรพาวุธ
- หมวดบริการเชื้อเพลิง
หน่วยขึ้นตรง
[แก้]- มาตรฐานการบิน
- นายทหารงบประมาณ
- แผนกการเงิน
- แผนกขนส่ง
- แผนกช่างโยธา
- แผนกพลาธิการ
- แผนกสวัสดิการ
- โรงพยาบาลกองบิน
- กองร้อยทหารสารวัตร
- ฝ่ายคลังรวมการ
- นิรภัยการบิน
- นิรภัยภาคพื้น
- อนุศาสนาจารย์
- นายทหารพระธรรมนูญ
อากาศยาน
[แก้]อากาศยาน | ผู้ผลิต | บทบาท | แบบ | รุ่น | ประจำการ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|
ฝูงบิน 102 | ||||||
ล็อกฮีด มาร์ติน | สหรัฐ | ขับไล่/โจมตี | F-16A/B Block 15 ADF | 13 | [4]ทอ.ได้คัดเลือกยาส 39 มาแทนที่[3] | |
ฝูงบิน 103 | ||||||
ล็อกฮีด มาร์ติน | สหรัฐ | ขับไล่/โจมตี | F-16A/B Block 15 OCU | 22 | [4] |
อดีตอากาศยาน
[แก้]- นิเออร์ปอรท์ 13 ตารางเมตร (บ.ข.1)
- นิเออร์ปอรท์ 15 ตารางเมตร (บ.ข.2)
- สปัด (บ.ข.3)
- แอฟโร 504เอ็น (บ.ฝ.4)
- นิเออร์ปอรท์ เดอลาจ (บ.ข.4)
- เคอร์ติสฮอว์ค 2 (บ.ข.9)
- เคอร์ติสฮอว์ค 3 (บ.ข.10)
- มิตซูบิชิ เอ็ม 103 นาโกยา (บ.จ.2)
- โอตะ (บ.ข.12)
- ฮายาบูซา (บ.ข.13)
- ที-6 (บ.ฝ.8)
- สปิดไฟร์ (บ.ข.14)
- เอฟ-8 เอฟ แบร์แคท (บ.ข.15)
- ที-33เอ (บ.ฝ.11)
- เอฟ-84จี (บ.ข.16)
- เอฟ-86เอฟ (บ.ข.17)
- เอฟ-86แอล (บ.ข.17 ก)
- เอฟ-5เอ/บี (บ.ข.18 /ก)
- เอฟ-5อี/เอฟ (บ.ข.18 ข/ค)
- เอฟ-16เอ/บี (บ.ข.19 /ก)
- แอล-39 (บ.ขฝ.1)
- เอฟ-16เอ/บี แบบ เอดีเอฟ (บ.ข.19 /ก)
ที่ตั้ง
[แก้]- กองบิน 1 มีที่ตั้งอยู่ที่ฐานบินโคราช โดยมีฝูงบินทั้งหมดประจำการอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน
ภารกิจ
[แก้]กองบิน 1 มีภารกิจในการเตรียมความพร้อม ทั้งด้านของ กำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มีความพร้อมรบ และการดำเนินการปฏิบัติการใช้กำลังทางอากาศ แบ่งขอบเขตของปฏิบัติการตามฝูงบินในสังกัดทั้ง 2 คือ ฝูงบิน 102 มีหน้าที่ในการขับไล่สกัดกั้นอากาศยานที่รุกล้ำน่านฟ้าไทยหรือปฏิบัติการตามที่ได้รับมอบหมาย และฝูงบิน 103 มีหน้าที่ในการขับไล่ยุทธวิธีต่ออากาศยานข้าศึก ดำเนินกลยุทธ์เพื่อใช้กำลังทางอากาศ และปฏิบัติการตามที่ได้รับมอบหมายเช่นกัน[5]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 ประวัติหน่วยทหาร (ส่วนราชการในกองทัพอากาศ) (PDF). กองประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ทหาร กองบัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-03-08. สืบค้นเมื่อ 2024-05-24.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 2.7 2.8 "ประวัติความเป็นมา | Home of the Tiger". กองบิน 1 (นครราชสีมา).
- ↑ 3.0 3.1 "ทอ. จ่อเลือก 'Gripen' หลังเทียบออปชันเครื่องบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่". THE STANDARD. 2024-08-27.
- ↑ 4.0 4.1 "กองทัพอากาศไทย มีเครื่องบินรบกี่ลำ (ในปี 64-68)". thaiarmedforce. 2021-04-23.
- ↑ "ภารกิจ | Home of the Tiger". กองบิน 1 (นครราชสีมา).