สาธิต ปิตุเตชะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สาธิต ปิตุเตชะ
สาธิต ในปี พ.ศ. 2562
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ดำรงตำแหน่ง
10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 – 1 กันยายน พ.ศ. 2566
(4 ปี 53 วัน)
นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา
รัฐมนตรีว่าการอนุทิน ชาญวีรกูล
ก่อนหน้าสมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์
ถัดไปสันติ พร้อมพัฒน์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (สัดส่วนภาคกลาง)
ดำรงตำแหน่ง
31 มกราคม พ.ศ. 2557 – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2566
(9 ปี 312 วัน)
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 (57 ปี)
อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ประเทศไทย
เชื้อชาติไทย
การเข้าร่วม
พรรคการเมืองอื่น
ประชาธิปัตย์ (2544–2566)
คู่สมรสนพเกตุ ปิตุเตชะ
บุตรเฌอ ปิตุเตชะ

สาธิต ปิตุเตชะ (เกิด 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510) ชื่อเล่น ตี๋ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์[1] ดูแลพื้นที่ภาคกลาง 3 สมัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง 4 สมัย อดีตสมาชิกสภาจังหวัดระยอง และอดีตรองประธานสภาจังหวัดระยอง ที่มีอายุน้อยที่สุดในสภาจังหวัดระยอง

ประวัติ[แก้]

สาธิต ปิตุเตชะ มีชื่อเล่นว่า ตี๋ เกิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510[2] ที่ ตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เป็นบุตรของสาคร ปิตุเตชะ อดีตกำนันตำบลบางบุตร (เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561) กับ ทอด ปิตุเตชะ และเป็นน้องชายของปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง กับธารา ปิตุเตชะ อดีต ส.ส. ระยอง 3 สมัย และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง สมรสกับ นพเกตุ (บี) บุตรสาวของ สมเกียรติ นพเกตุ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง โดยมีบุตรสาวด้วยกันคนเดียว คือ เฌอ ปิตุเตชะ (ต้นไม้)

สาธิต เข้ารับการศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยของรัฐไม่ติด และเข้าสู่แวดวงการเมือง จากการได้รับแรงบันดาลใจจากการเข้าร่วมชุมนุมในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ในปี พ.ศ. 2535 หลังจากสำเร็จการศึกษาไม่นาน ขณะที่เป็นทนายความฝึกหัดอยู่ โดยเข้าร่วมชุมนุมในฐานะผู้ชุมนุมทั่วไป พร้อมกับเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่ต่อมาได้กลายเป็นดารา นักแสดง และนักการเมือง ที่มีชื่อเสียง เช่น ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง, ชลิตา พานิชการ รวมไปถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, จำลอง ศรีเมือง, วัชระ เพชรทอง, จาตุรนต์ ฉายแสง, กรุณา บัวคำศรี ฯลฯ อดีตหนึ่งในแนวร่วมการชุมนุมดังกล่าวในขณะนั้น ซึ่งเขาได้ถูกทหารทำร้ายร่างกายด้วยการตบหน้าโดยด้ามปืนด้วย[3]

การศึกษา[แก้]

สาธิต ปิตุเตชะ สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ นโยบายสาธาณะ จาก มหาวิทยาลัยบูรพา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต (บริหารธุรกิจอุตสาหกรรม) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เมื่อ พ.ศ. 2561

การทำงาน[แก้]

สาธิต ปิตุเตชะ ประกอบอาชีพทนายความ โดยเปิดสำนักงานทนายความแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ก่อนเข้าสู่วงการเมืองครั้งแรกโดยลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) เมื่อปี พ.ศ. 2535 ที่อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ทั้งที่มีฐานคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในพื้นที่อำเภอบ้านค่าย ทำให้ไม่ได้รับเลือกตั้ง ต่อมาลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2538 และได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 3 ของจำนวนสมาชิกสภาจังหวัด 9 คน และได้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาจังหวัดระยอง โดยมีอายุน้อยที่สุดในสภาจังหวัดขณะนั้น และได้ดำรงตำแหน่งอยู่จนครบวาระ

สาธิต ปิตุเตชะ เข้าสู่วงการเมืองระดับประเทศครั้งแรก โดยลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง เขต 1 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แข่งขันกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4 สมัย จาก พรรคไทยรักไทย สามารถชนะการเลือกตั้งโดยทิ้งห่างคู่แข่งกว่า 10,000 คะแนน และได้รับรางวัล ส.ส. ที่ไม่เคยขาดประชุม เมื่อปี พ.ศ. 2546 จาก อุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ อีกด้วย

ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 จังหวัดระยอง ชนะการเลือกตั้งได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด ต่อมาเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เขาได้รับเลือกจากที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เงา[4]

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตามข้อบังคับพรรค และเขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว

ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 เขาได้ลงสมัคร ส.ส.จังหวัดระยอง เขต 1 ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกหนึ่งสมัย

ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 เขาได้ลงสมัคร ส.ส.จังหวัดระยอง เขต 1 ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกหนึ่งสมัย ซึ่งเป็น ส.ส.จังหวัดระยอง สมัยที่ 4 ได้รับเลือกจากที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ในปี พ.ศ. 2565 สาธิต ได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ... รัฐสภา[5] ซึ่งแต่เดิมเป็นที่คาดหมายว่าตำแหน่งดังกล่าวจะเป็นของ ไพบูลย์ นิติตะวัน จากพรรคพลังประชารัฐ[6]

ต่อมาในการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อลงมติเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ภายหลังอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรค ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ สาธิตได้ประกาศลาออกตามอภิสิทธิ์ไปด้วย ทำให้สาธิตพ้นจากตำแหน่งรักษาการรองหัวหน้าพรรคไปโดยปริยาย[7]

ความสนใจ[แก้]

กีฬา เขาสนใจกีฬาฟุตบอลตั้งแต่เด็ก โดยตำแหน่งที่เล่นคือกองหน้า และเบอร์เสื้อที่ชื่นชอบที่สุด คือ เบอร์ 11 โดยสโมสรฟุตบอลที่ชื่นชอบ คือ สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล

ดนตรี เขาชอบเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเรียน และได้ตั้งวงดนตรีกับเพื่อน ๆ โดยเครื่องดนตรีที่ชอบเล่นที่สุด คือ กีตาร์ไฟฟ้า และชอบฟังเพลง Rock วงดนตรีที่ชอบที่สุดคือวง สกอร์เปียนส์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "เปิดรายชื่อกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 39 คน". bangkokbiznews. 2019-05-21.
  2. ประวัติผู้สมัคร ส.ส. เก็บถาวร 2010-02-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
  3. บ้านนี้สีฟ้า (รีรัน), รายการทางบลูสกายแชนแนล: เสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2556
  4. "เว็บไซต์ ครม.เงา พรรคประชาธิปัตย์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-05-25. สืบค้นเมื่อ 2021-08-30.
  5. ""สาธิต" เชื่อ ทำกม.ลูก ไร้ปัญหา การันตีทำเสร็จ พร้อมยื่น "ชวน" 24พฤษภาคม". bangkokbiznews. 2022-04-22.
  6. "'สาธิต ปิตุเตชะ' นั่งประธาน กมธ.กฎหมายลูกเลือกตั้ง เฉือน 'ไพบูลย์' 22 ต่อ 21". ThaiPost. 2022-03-01.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  7. ""มาดามเดียร์" เว้นวรรค -"สาธิต" ลาออก จากพรรคประชาธิปัตย์". ฐานเศรษฐกิจ. 9 ธันวาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 9 ธันวาคม 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  8. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๓, ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
  9. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๑๐, ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๑

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]