วัคซีนโควิด-19
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |


วัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นวัคซีนที่มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโคโรนาที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 โดยก่อนที่จะเกิดการระบาดทั่วของโควิด-19 ได้มีความพยายามในการพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคไวรัสโคโรนาชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคอื่น ๆ เช่น กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส หรือ SARS) และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส หรือ MERS) มาอย่างต่อเนื่อง ความพยายามเหล่านี้ได้สะสมความรู้พอสมควรเกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของไวรัสโคโรนา ซึ่งได้ช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีวัคซีนโควิดต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นปี 2020 ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว[1] เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2020 ซึ่งมีการเผยแพร่ลำดับยีนผ่านจีเซด (GISAID) และ ณ วันที่ 19 มีนาคม อุตสาหกรรมยาทั่วโลกก็ได้ประกาศคำมั่นสัญญาที่จะทำการเพื่อจัดการโรค[2] วัคซีนโควิด-19ได้เครดิตโดยทั่วไปว่าช่วยลดการติดต่อ ความรุนแรง และอัตราการตายเนื่องกับโรค[3]
ในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 วัคซีนหลายชนิดสามารถป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการโดยมีประสิทธิศักย์สูงถึงร้อยละ 95 ณ เดือนกรกฎาคม 2021 มีวัคซีน 20 ชนิดที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในประเทศอย่างน้อย 1 ประเทศรวมทั้งวัคซีนอาร์เอ็นเอ 2 ชนิด (ไฟเซอร์และโมเดอร์นา), วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย 9 ชนิด (BBIBP-CorV ของซิโนฟาร์ม, วัคซีนของ Chinese Academy of Medical Sciences, ซิโนแว็ก, โคแว็กซินของภารัตไบโอเทค, CoviVac ของ Chumakov Centre, COVIran Barakat ของ Shifa Pharmed Industrial Group, Minhai-Kangtai (KCONVAC)[A], QazVac ของ Research Institute for Biological Safety Problems และ WIBP-CorV ของซิโนฟาร์ม) วัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นเวกเตอร์ 5 ชนิด (สปุตนิกไลท์และสปุตนิกวีของสถาบันวิจัยกามาเลีย, แอสตร้าเซนเนก้า, Ad5-nCoV ของแคนซิโนไบโอลอจิกส์ และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน) และวัคซีนหน่วยย่อยโปรตีนของไวรัสโควิด-19 จำนวน 4 ชนิด (Abdala ของ Center for Genetic Engineering and Biotechnology, EpiVacCorona ของสถาบันเวกตอร์, Soberana 02 ของ Finlay Institute และ ZF2001 ของ Anhui Zhifei Longcom)[4][5] มีวัคซีนแคนดิเดตซึ่งได้เข้าสู่การวิจัยเพื่อใช้รักษาแล้ว 330 ชนิด ในจำนวนนี้ 30 ชนิดกำลังทดลองในระยะที่ 1, 30 ชนิดในระยะที่ 1-2, 25 ชนิดในระยะที่ 3 และ 8 ชนิดในระยะที่ 4[4]
ประเทศต่าง ๆ มีแผนแจกจำหน่ายวัคซีนโดยจัดลำดับการให้ตามกลุ่มที่เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ผู้สูงอายุ และกลุ่มที่เสี่ยงติดแล้วแพร่โรค เช่น บุคลากรทางแพทย์[6] มีประเทศที่กำลังพิจารณาฉีดวัคซีนเพียงโดสเดียวในเบื้องต้นเพื่อขยายฉีดวัคซีนแก่ประชาชนให้มากที่สุดจนกว่าจะมีวัคซีนพอ[7][8][9][10]
จนถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2021 องค์กรสาธารณสุขรวม ๆ กันทั่วโลกรายงานว่า ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึง 5,000 ล้านโดสแล้ว[11]
ผู้ผลิตวัคซีนได้ระบุจำนวนโดสวัคซีนที่จะสามารถผลิตในปี 2021 ไว้ดังนี้ ออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า 3,000 ล้านโดส, ไฟเซอร์}-
| ประเทศและดินแดน | รับวัคซีนแล้ว[b] | % ประชากร[c] | |
|---|---|---|---|
| | 5,559,040,130 | ุ69.70% | |
| 1,310,292,000 | 91.89% | ||
| 1,027,384,975 | 72.50% | ||
| 338,160,884 | 75.12% | ||
| 269,650,596 | 81.22% | ||
| 203,657,535 | 73.92% | ||
| 189,603,842 | 88.06% | ||
| 162,881,618 | 69.07% | ||
| 151,206,039 | 88.33% | ||
| 104,686,063 | 84.46% | ||
| 97,179,493 | 76.22% | ||
| 90,485,463 | 92.16% | ||
| 88,637,093 | 61.25% | ||
| 79,248,347 | 36.26% | ||
| 78,484,848 | 67.92% | ||
| 65,159,767 | 73.58% | ||
| 64,873,989 | 77.81% | ||
| 57,941,051 | 67.89% | ||
| 57,005,497 | 79.62% | ||
| 55,155,346 | 49.69% | ||
| 54,662,907 | 80.61% | ||
| 53,806,963 | 79.97% | ||
| 50,887,501 | 86.20% | ||
| 44,828,388 | 86.51% | ||
| 44,695,420 | 37.16% | ||
| 42,959,468 | 82.81% | ||
| 41,479,690 | 91.14% | ||
| 41,343,396 | 86.93% | ||
| 34,777,314 | 64.64% | ||
| 34,763,194 | 90.40% | ||
| 33,954,133 | 51.84% | ||
| 30,356,472 | 89.15% | ||
| 28,131,787 | 82.89% | ||
| | 27,718,158 | 90.74% | |
| 27,018,975 | 74.21% | ||
| 25,019,146 | 66.79% | ||
| 23,970,891 | 40.02% | ||
| 22,871,373 | 57.38% | ||
| 22,236,698 | 84.95% | ||
| 22,157,232 | 78.29% | ||
| 21,875,104 | 91.55% | ||
| 21,674,823 | 62.59% | ||
| 18,867,075 | 39.93% | ||
| 18,640,008 | 56.54% | ||
| 18,088,517 | 92.27% | ||
| 17,143,761 | 78.53% | ||
| 15,729,617 | 36.19% | ||
| 15,349,780 | 43.13% | ||
| 15,331,441 | 85.17% | ||
| 15,275,527 | 91.10% | ||
| 14,317,039 | 26.50% | ||
| 14,258,889 | 34.67% | ||
| 13,568,372 | 48.18% | ||
| 12,853,113 | 38.40% | ||
| 12,775,557 | 73.00% | ||
| 12,628,561 | 26.94% | ||
| 12,557,145 | 12.68% | ||
| 11,332,925 | 25.47% | ||
| 11,158,619 | 55.74% | ||
| 10,858,101 | 55.98% | ||
| 10,730,079 | 95.70% | ||
| 10,572,981 | 76.75% | ||
| 9,991,089 | 100.00% | ||
| 9,780,727 | 95.23% | ||
| 9,265,890 | 79.50% | ||
| 8,915,029 | 49.96% | ||
| 8,186,546 | 41.64% | ||
| 7,934,228 | 76.40% | ||
| 7,840,131 | 17.75% | ||
| 7,775,538 | 73.71% | ||
| 7,729,842 | 43.93% | ||
| 7,661,653 | 55.28% | ||
| 7,361,008 | 60.94% | ||
| 7,312,443 | 65.12% | ||
| 7,218,016 | 58.42% | ||
| 6,975,898 | 66.48% | ||
| 6,914,179 | 92.33% | ||
| 6,898,666 | 77.17% | ||
| 6,722,752 | 71.15% | ||
| ฮอนดูรัส | 6,530,252 | 62.59% | |
| 6,527,591 | 68.46% | ||
| 6,437,808 | 40.25% | ||
| 6,420,813 | 64.42% | ||
| 6,253,472 | 35.28% | ||
| 6,237,297 | 89.77% | ||
| | 6,096,377 | 69.75% | |
| 5,935,299 | 22.65% | ||
| 5,888,649 | 79.31% | ||
| 5,373,253 | 52.10% | ||
| 5,282,863 | 54.18% | ||
| 5,160,551 | 91.55% | ||
| 4,821,579 | 43.25% | ||
| 4,785,341 | 55.61% | ||
| 4,782,640 | 81.31% | ||
| 4,652,597 | 73.69% | ||
| 4,624,515 | 22.66% | ||
| 4,605,172 | 88.89% | ||
| 4,531,047 | 19.98% | ||
| 4,524,323 | 81.66% | ||
| 4,346,995 | 79.99% | ||
| 4,301,076 | 82.95% | ||
| 4,107,508 | 81.77% | ||
| 3,987,939 | 58.81% | ||
| 3,825,381 | 72.14% | ||
| 3,697,190 | 27.69% | ||
| 3,613,292 | 15.99% | ||
| 3,529,545 | 80.06% | ||
| 3,456,481 | 80.97% | ||
| 3,431,986 | 12.29% | ||
| 3,354,075 | 48.81% | ||
| 3,257,365 | 71.18% | ||
| 3,209,797 | 14.51% | ||
| 3,142,971 | 28.80% | ||
| 3,006,793 | 87.85% | ||
| 2,851,847 | 105.81% | ||
| 2,822,919 | 51.82% | ||
| 2,740,227 | 49.92% | ||
| 2,684,696 | 15.50% | ||
| 2,381,935 | 42.69% | ||
| 2,352,235 | 7.94% | ||
| 2,321,299 | 57.60% | ||
| 2,316,327 | 34.00% | ||
| 2,272,965 | 68.27% | ||
| 2,244,456 | 25.36% | ||
| 2,106,404 | 31.06% | ||
| 2,100,271 | 44.35% | ||
| 2,012,767 | 38.34% | ||
| 1,956,960 | 71.16% | ||
| 1,942,221 | 73.84% | ||
| 1,654,886 | 24.96% | ||
| 1,654,504 | 44.03% | ||
| 1,346,184 | 71.84% | ||
| 1,345,763 | 47.35% | ||
| 1,265,802 | 59.72% | ||
| 1,241,174 | 84.31% | ||
| 1,128,072 | 38.01% | ||
| 1,123,773 | 86.48% | ||
| 1,106,705 | 33.81% | ||
| 1,017,116 | 3.02% | ||
| 1,011,261 | 43.86% | ||
| 943,394 | 28.91% | ||
| 934,799 | 34.55% | ||
| 906,858 | 50.89% | ||
| 883,018 | 65.83% | ||
| 869,187 | 65.55% | ||
| 854,392 | 40.81% | ||
| 852,562 | 30.15% | ||
| 753,588 | 49.39% | ||
| 711,924 | 76.57% | ||
| 699,116 | 89.35% | ||
| 695,760 | 11.92% | ||
| 679,361 | 97.72% | ||
| 670,969 | 74.88% | ||
| 610,021 | 23.76% | ||
| 556,228 | 26.42% | ||
| 511,632 | 42.58% | ||
| 495,285 | 61.24% | ||
| 481,945 | 74.42% | ||
| 478,733 | 89.77% | ||
| 450,404 | 100.31% | ||
| 438,825 | 53.41% | ||
| 406,534 | 3.51% | ||
| 399,225 | 76.22% | ||
| 376,350 | 3.71% | ||
| 367,858 | 32.82% | ||
| 356,734 | 60.68% | ||
| 343,821 | 47.47% | ||
| 311,040 | 13.02% | ||
| 309,770 | 84.00% | ||
| 301,673 | 78.80% | ||
| 292,783 | 46.63% | ||
| 270,109 | 16.53% | ||
| 267,820 | 45.26% | ||
| 251,956 | 62.17% | ||
| 192,323 | 66.33% | ||
| 191,371 | 86.05% | ||
| 190,908 | 62.33% | ||
| 176,624 | 54.06% | ||
| 174,147 | 42.48% | ||
| 163,833 | 58.17% | ||
| 127,438 | 56.04% | ||
| 108,601 | 56.81% | ||
| 100,900 | 76.88% | ||
| 90,314 | 84.83% | ||
| 87,265 | 81.66% | ||
| 85,770 | 80.06% | ||
| 84,365 | 76.14% | ||
| 69,560 | 81.44% | ||
| 64,290 | 68.97% | ||
| 61,859 | 90.01% | ||
| 60,140 | 33.43% | ||
| 57,901 | 72.52% | ||
| 54,223 | 85.62% | ||
| 48,554 | 75.65% | ||
| 44,180 | 35.21% | ||
| 42,175 | 129.07% | ||
| 41,715 | 85.04% | ||
| 41,243 | 72.52% | ||
| 37,502 | 36.07% | ||
| 33,794 | 70.88% | ||
| 33,361 | 0.26% | ||
| 32,995 | 45.57% | ||
| 32,815 | 71.76% | ||
| 32,240 | 0.53% | ||
| 29,788 | 67.41% | ||
| 26,767 | 68.01% | ||
| 26,672 | 67.49% | ||
| 26,357 | 77.50% | ||
| 19,466 | 62.55% | ||
| 19,109 | 72.26% | ||
| 15,112 | 88.73% | ||
| 13,106 | 103.27% | ||
| 10,854 | 68.36% | ||
| 7,150 | 61.66% | ||
| 6,368 | 53.40% | ||
| 4,361 | 71.83% | ||
| 2,632 | 75.57% | ||
| 2,203 | 116.38% | ||
| 2,104 | 47.68% | ||
| 1,650 | 102.23% | ||
| 47 | 100.0% | ||
| 0 | 0.00% | ||
|
อ้างอิง รายการของแหล่งอ้างอิงแบ่งตามประเทศ.
หมายเหตุ
| |||
สาระสำคัญและประวัติ
[แก้]ซาร์สและเมอร์ส
[แก้]มีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโคโรนาในสัตว์หลายอย่าง รวมทั้งโรคหลอดลมอักเสบเหตุติดเชื้อไวรัส (infectious bronchitis virus) ในนก โรคไวรัสโคโรนาในสุนัข (canine coronavirus) และโรคไวรัสโคโรนาในแมว (feline coronavirus)[17] โครงการก่อน ๆ ที่พัฒนาวัคซีนสำหรับไวรัสในสกุล Coronaviridae ที่มนุษย์ติดเชื้อ มุ่งใช้สำหรับกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส หรือ SARS) และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส หรือ MERS) โดยทั้งสองได้ทดสอบในสัตว์ทดลองแล้ว[18][19]
ตามวรรณกรรมงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในระหว่างปี 2005–2006 แม้รัฐบาลและองค์กรสาธารณสุขต่าง ๆ ทั่วโลกจะได้ให้ความสำคัญกับการหาและพัฒนาวัคซีนบวกยาใหม่ ๆ[20][21][22] แต่จนถึงปี 2020 ก็ยังไม่มีวัคซีนรักษาหรือป้องกันโรคซาร์สที่แสดงว่าปลอดภัยและมีประสิทธิผลในมนุษย์[23][24]
โรคเมอร์สก็ยังไม่มีวัคซีนด้วย[25] เมื่อโรคเมอร์สกำลังระบาด เชื่อกันว่า งานวิจัยเกี่ยวกับโรคซาร์สที่ได้ทำแล้วอาจเป็นโครงแบบที่มีประโยชน์เพื่อพัฒนาวัคซีนและพัฒนาวิธีการรักษาโรค[23][26] จนถึงเดือนมีนาคม 2020 มีวัคซีนโรคเมอร์สชนิดหนึ่ง (อาศัยดีเอ็นเอ) ที่ได้ผ่านการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 กับมนุษย์แล้ว[27] และมีวัคซีนอีก 3 อย่างที่กำลังอยู่ในกระบวนการโดยทั้งหมดเป็นวัคซีนมีไวรัสเป็นเวกเตอร์, 2 อย่างมีอะดีโนไวรัส (ChAdOx1 nCoV-19, BVRS-GamVac) เป็นเวกเตอร์ และอีกอย่างมี modified vaccinia Ankara (MVA) เป็นเวกเตอร์[28]
การพัฒนาวัคซีนโควิดในปี 2020
[แก้]ในอดีตยังไม่เคยมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อที่สามารถพัฒนาได้จนสำเร็จอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี และวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสำหรับใช้ในมนุษย์ก็ยังไม่เคยมีผลิตมาก่อน[29] หลังจากได้พบโรคปอดบวมเหตุไวรัสโคโรนาแบบใหม่เมื่อเดือนธันวาคม 2019[30] ก็ได้ตีพิมพ์ลำดับยีนของโควิด-19 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2020 ซึ่งจุดชนวนการตอบสนองฉุกเฉินในระดับนานาชาติเพื่อเตรียมรับโรคระบาดและเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค[31][32][33]
ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2020 องค์การอนามัยโลกคาดว่า จะมีวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ที่เป็นเหตุของโรคอย่างเร็วก็ใช้เวลา 18 เดือน[34] อัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโควิดทั่วโลกเมื่อต้นปี 2020 ได้กระตุ้นให้ก่อพันธมิตรระดับนานาชาติและกระตุ้นให้รัฐระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาวัคซีนหลายชนิดในระยะเวลาสั้น ๆ[35] จึงมีวัคซีนแคนดิเดต 4 อย่างที่เริ่มการทดลองในมนุษย์ในเดือนมีนาคม (ดูตารางการทดลองทางคลินิกที่เริ่มในปี 2020 ต่อไป)[31][36]
องค์การอนามัยโลกประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดถึง 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 250,000 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาวัคซีนสามอย่างหรือมากกว่าที่มีเทคโนโลยีและการจัดจำหน่ายต่าง ๆ กันเพื่อระงับการระบาดของโควิดทั่วโลก[35] จนถึงเดือนเมษายน 2020 ก็มี "บริษัทและสถาบันเกือบ 80 แห่งใน 19 ประเทศ" ที่กำลังดำเนินการอันเสมือนกับสถานการณ์ตื่นทองนี้แล้ว[37] ในเดือนเมษายนเช่นกัน เซพี (CEPI) ได้ประเมินว่าอาจมีวัคซีนแคนดิเดตต้านโรคโควิดถึง 6 อย่าง ที่พันธมิตรนานาชาติควรเลือกพัฒนาให้ผ่านการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2–3 และ 3 อย่างควรช่วยลดระเบียบราชการที่จุกจิกเกินไปให้ผ่านการตรวจสอบของรัฐและการตรวจสอบคุณภาพได้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 62,851 ล้านบาท)[38][36][29] ส่วนงานวิเคราะห์อีกงานหนึ่งประเมินว่า จะต้องพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตในเบื้องต้นพร้อม ๆ กัน 10 อย่างก่อนจะเลือกเพียงไม่กี่อย่างเพื่อพัฒนาจนถึงให้อนุมัติได้[29]
ในเดือนกรกฎาคม 2020 ศูนย์ความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติสหราชอาณาจักร บวกกับหน่วยงานความมั่นคงการสื่อสารต่าง ๆ ของแคนาดา สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานแห่งความมั่นคงไซเบอร์สหรัฐ (Cybersecurity Infrastructure Security Agency) และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ได้ร่วมกันกล่าวหาว่านักเลงคอมพิวเตอร์ที่ประเทศรัสเซียสนับสนุนได้พยายามขโมยงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาและวัคซีนโควิดจากสถาบันวิชาการและสถาบันยาในประเทศต่าง ๆ แต่รัสเซียก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้[39]
การพัฒนาทั่วโลก
[แก้]ในช่วงปี 2020 ความเปลี่ยนแปลงสำคัญของการพัฒนาวัคซีนโควิดจากต้นปีก็คือ การเพิ่มการร่วมมือกันระหว่างบริษัทยาข้ามชาติกับรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ, รูปแบบบริษัทและจำนวนบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในประเทศต่าง ๆ ที่ได้เล็งความสนใจไปที่วัคซีนโควิด[38] ตามเซพี เมื่อจำแนกตามภูมิภาค องค์กรที่พัฒนาวัคซีนโควิดร้อยละ 40 อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือเทียบกับร้อยละ 30 ในเอเชียและออสเตรเลียร้อยละ 26 ในยุโรป โดยมีโครงการจำนวนน้อยในอเมริกาใต้และแอฟริกา[38][31]
Access to COVID-19 Tools (ACT) Accelerator และโคแว็กซ์
[แก้]องค์กรนานาชาติรวมทั้งองค์การอนามัยโลก, เซพี (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations, CEPI), กาวี, มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ และรัฐบาลต่าง ๆ ได้ก่อตั้งโครงการ "Access to COVID-19 Tools (ACT) Accelerator" เพื่อหาเงินทุน เร่งการวิจัยและพัฒนา การผลิต และการเข้าถึงอย่างยุติธรรมทั่วโลกสำหรับชุดตรวจโควิด วิธีการรักษา และการได้ใบอนุญาตเพื่อผลิตวัคซีน โดยมีโปรแกรมพัฒนาโดยเฉพาะที่เรียกว่า โคแว็กซ์ (COVAX Pillar)[40][41] โคแว็กซ์มุ่งอำนวยให้ได้ใบอนุญาตเพื่อผลิตวัคซีนโควิดหลายอย่าง มุ่งให้มีราคาที่ยุติธรรม มุ่งให้ได้วัคซีนถึง 2,000 ล้านโดสไม่เกินปลายปี 2021 เพื่อป้องกันบุคลากรทางแพทย์ผู้เป็นหน่วยหน้าและคนที่เสี่ยงมากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับประเทศที่มีรายได้ต่ำจนถึงปานกลาง[42][43] (รวมทั้งประเทศไทย)
จนถึงเดือนธันวาคม 2020 โครงการ ACT Accelerator รวม ๆ แล้วได้เงินทุนมา 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 75,000 ล้านบาท) มีวัคซีนแคนดิเดต 9 อย่างที่ได้เงินทุนจากโคแว็กซ์และเซพี จึงจัดเป็นกลุ่มที่มีวัคซีนโควิดมากที่สุด โดยมีประเทศ 189 ประเทศ ตกลงว่าจะร่วมแผนการผลิตจัดส่งวัคซีนในที่สุด[44][45] ในต้นปี 2020 องค์การอนามัยโลกได้ออกสื่อสัญญาณต่อเนื่องซึ่งได้สัญญาว่าจะได้เงิน 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสองแสนแปดหมื่นล้านบาท) จากประเทศ 40 ประเทศเพื่อสนับสนุนการเร่งพัฒนาวัคซีน[46]
ในเดือนกรกฎาคม องค์การประกาศว่าประเทศ 165 ประเทศ ซึ่งมีประชากรทั้งหมดร้อยละ 60 ของทั้งโลกได้ตกลงกับแผนการของโคแว็กซ์เพื่อให้แจกจำหน่ายวัคซีนที่ได้อย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน ซึ่งรับประกันว่าประเทศที่เข้าร่วมแต่ละประเทศจะได้ส่วนแบ่งวัคซีนเพื่อให้แก่ประชากรที่เสี่ยงสุดร้อยละ 20 ของประเทศไม่เกินปลายปี 2021[47]
ส่วนองค์กรการร่วมมืองานวิจัยโลกเพื่อความเตรียมพร้อมต่อโรคติดต่อ (Global Research Collaboration for Infectious Disease Preparedness) กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลกและประเทศสมาชิกเพื่อจัดลำดับความจำเป็นในการได้ทุนของงานวิจัยต่าง ๆ เพื่อประสานงานระหว่างองค์กรนานาชาติผู้ให้ทุนกับองค์กรที่ทำงานวิจัย เพื่ออัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าของวัคซีน และเพื่อหลีกเลี่ยงการให้ทุนซ้ำซ้อน[48][49] ส่วนสหพันธ์โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงและการติดเชื้ออุบัติใหม่ (International Severe Acute Respiratory and Emerging Infection Consortium ตัวย่อ ISARIC) ก็กำลังจัดระเบียบและเผยแพร่ข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับโควิดเพื่อให้เกิดผลต่อนโยบายสาธารณสุขของรัฐในเรื่องการแจกจำหน่ายวัคซีนที่จะได้[50]
ในวันที่ 4 มิถุนายน มีงานประชุมสุดยอดเสมือนที่ประสานงานจากกรุงลอนดอน มีผู้แทนจากองค์กรของรัฐและเอกชนจากประเทศ 52 ประเทศ รวมทั้งประมุขแห่งรัฐ 35 ท่านจากประเทศกลุ่ม 7 และกลุ่ม 20 เพื่อระดมเงิน 8,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสองแสนแปดหมื่นล้านบาท) เพื่อสนับสนุนให้กาวี (พันธมิตรโลกเพื่อวัคซีนและการให้ภูมิคุ้มกัน) เตรียมให้วัคซีนโควิดแก่เด็ก 300 ล้านคนในประเทศด้อยพัฒนาตลอดจนถึงปี 2025[51] ผู้บริจาครายใหญ่รวมทั้งมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ (1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณห้าหมื่นล้านบาท)[52] และสหราชอาณาจักร (330 ล้านปอนด์สเตอร์ลิงต่อปีเป็นเวลา 5 ปีรวมเป็นเงินประมาณหกหมื่นหกพันล้านบาท)[51]
ในเดือนธันวาคม มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์บริจาคทรัพย์อีก 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณเจ็ดพันแปดร้อยล้านบาท) ให้แก่ ACT Accelerator เพื่อ "สนับสนุนการส่งชุดตรวจโควิด-19 การรักษา และวัคซีนใหม่ ๆ โดยเฉพาะแก่ประเทศมีรายได้ต่ำและปานกลาง" ในช่วงปี 2021 จึงรวมการบริจาคทรัพย์เกี่ยวกับโควิดของมูลนิธิเป็น 1,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 55,000 ล้านบาท)[53][54]
เซพี
[แก้]เซพี (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations, CEPI) เป็นองค์กรนานาชาติที่จัดตั้งขึ้นในปี 2017 มุ่งทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้พัฒนาวัคซีนนานาชาติเพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคระบาดต่าง ๆ[43] เซพีได้จัดตั้งกองทุน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 64,600 ล้านบาท) โดยเป็นหุ้นส่วนทั่วโลกกับองค์กรของรัฐ เอกชน การกุศล กับประชาสังคมเพื่อเร่งวิจัยและทดลองวัคซีนแคนดิเดตสำหรับโควิด 9 อย่าง โดยมีเป้าหมายให้มีหลายอย่างพัฒนาจนได้อนุมัติภายในปี 2020–21[38][36][44] สหราชอาณาจักร แคนาดา เบลเยียม นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ได้บริจาคเงิน915 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสองหมื่นเก้าพันล้านบาท) แก่เซพีแล้วในต้นเดือนพฤษภาคม[46][55] ส่วนมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ ซึ่งมีเป้าหมายในด้านการวิจัยและการแจกจำหน่ายวัคซีน ได้บริจาคเงิน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณเจ็ดพันเก้าร้อยล้านบาท) ให้แก่องค์การเพื่องานวิจัยและการให้การศึกษาแก่สาธารณชนในเรื่องวัคซีนโควิด[56][57]
ตลอดการระบาดทั่วปี 2020 เซพีได้ให้เงินทุนพัฒนาวัคซีนแคนดิเดต 9 อย่างโดยตั้งใจให้มีเทคโนโลยีวัคซีนหลายหลากต่าง ๆ กันเพื่อลดความเสี่ยงการล้มเหลวซึ่งปกติจะสูงเมื่อพัฒนาวัคซีน[44][58] จนถึงเดือนธันวาคม องค์กรและโปรแกรมการวิจัยที่ได้การสนับสนุนจากเซพีรวมแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (AZD1222), Clover Biopharmaceuticals (SCB-2019), CureVac (Zorecimeran/CVnCoV), Inovio (INO-4800), สถาบันปาสเตอร์ (MV-SARS-CoV-2), โมเดอร์นา (mRNA-1273), Novavax (NVX-CoV2373), SK bioscience (GBP510), และมหาวิทยาลัยฮ่องกง[44][59][60]
รัฐบาลของประเทศ
[แก้]รัฐบาลของประเทศที่จัดงบประมาณเพื่อลงทุนในประเทศและต่างประเทศเกี่ยวกับงานวิจัยวัคซีน งานพัฒนา และการผลิตเริ่มต้นในปี 2020 รวมทั้งรัฐบาลกลางของแคนาดา ซึ่งประกาศทุน 275 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณหกพันสี่ร้อยล้านบาท) สำหรับโครงการงานวิจัยวัคซีน 96 โครงการ ทั้งในบริษัทและในมหาวิทยาลัย โดยมีแผนจะสร้าง "ธนาคารวัคซีน" เพื่อฝากวัคซีนไว้หลายอย่างที่สามารถใช้ถ้าโรคระบาดอีก[61][62] ยังมีการลงทุนเพิ่มอีก 1,100 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณสองหมื่นหกพันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิกในแคนาดาแล้วพัฒนาโซ่การผลิตและการแจกจำหน่ายสำหรับวัคซีน[49] วันที่ 4 พฤษภาคม รัฐบาลแคนาดาจัดงบประมาณ 850 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณสองหมื่นล้านบาท) ให้แก่องค์การอนามัยโลกเนื่องกับการออกสื่อสัญญาณต่อเนื่องเพื่อระดมทุน 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้วัคซีนโควิด[63]

ในประเทศจีน รัฐบาลได้ให้เงินกู้มีดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้พัฒนาวัคซีนผ่านธนาคารกลาง และหาที่ดินให้เพื่อให้บริษัทสร้างโรงงานผลิตวัคซีน[55] จนถึงเดือนมิถุนายน 2020 วัคซีนแคนดิเดต 6 อย่างจาก 11 อย่างที่กำลังทดสอบเบื้องต้นในมนุษย์มาจากองค์กรของจีน[56] บริษัทวัคซีนและสถาบันวิจัย 3 แห่งได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนเพื่อการวิจัย เพื่อการทดลองทางคลินิก และการผลิตวัคซีนซึ่งดีที่สุด โดยให้ความสำคัญกับการได้หลักฐานประสิทธิศักย์ของวัคซีนเร็ว ๆ ยิ่งกว่าความปลอดภัย[64] วันที่ 18 พฤษภาคม จีนได้สัญญาว่าจะให้เงิน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณหกหมื่นสามพันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนงานขององค์การอนามัยโลกเพื่อกำจัดโควิด[65] วันที่ 22 กรกฎาคม จีนได้ประกาศว่าจะให้เงินกู้ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 32,000 ล้านบาท) เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ในลาตินอเมริกาและแคริบเบียนสามารถซื้อวัคซีนจากจีนได้[66] วันที่ 24 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจีนหลี่ เค่อเฉียงประกาศว่า จะแจกจำหน่ายวัคซีนของจีนให้แก่ประเทศเอเชียอาคเนย์ 5 ประเทศ คือกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ไทยและเวียดนาม ก่อนอื่นเมื่อได้วัคซีนแล้ว[67]
ในบรรดาประเทศสหภาพยุโรป เมื่อเดือนพฤษภาคม ฝรั่งเศสประกาศการลงทุน 4.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณร้อยห้าสิบสี่ล้านบาท) ในสหพันธ์การวิจัยวัคซีนโควิดผ่านเซพี ที่องค์กรต่าง ๆ รวมทั้งสถาบันปาสเตอร์ (ฝรั่งเศส), Themis Bioscience (ออสเตรีย) และมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก (สหรัฐ) จะมีบทบาท ซึ่งเพิ่มทุนการพัฒนาวัคซีนโควิดของ CEPI เป็น 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณหมื่นห้าพันล้านบาท) [68][69] ในเดือนมีนาคม คณะกรรมาธิการยุโรปได้ลงทุน 80 ล้านยูโร (ประมาณ 2,769 ล้านบาท) กับ CureVac ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของเยอรมนีเพื่อพัฒนาวัคซีนแบบเอ็มอาร์เอ็นเอ[70] ส่วนรัฐบาลเยอรมันเองก็ได้ลงทุนต่างหากกับบริษัทอีก 300 ล้านยูโร (ประมาณหมื่นสี่พันล้านบาท) ในเดือนมิถุนายน[71] เบลเยียม นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์เป็นผู้บริจาครายสำคัญให้แก่ CEPI เพื่อวิจัยวัคซีนโควิดในยุโรป[55]
ในเดือนเมษายน รัฐบาลสหราชอาณาจักรก่อตั้งคณะกรรมการวัคซีนโควิดเฉพาะกิจเพื่อเร่งพัฒนาวัคซีนผ่านการร่วมงานระหว่างอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย กับองค์กรต่าง ๆ ของรัฐตลอดขั้นตอนการพัฒนาวัคซีน รวมทั้งกำหนดโรงพยาบาลในประเทศเพื่อทำการทดลองทางคลินิก กฎการอนุมัติ และการผลิตในที่สุด[72] โครงการริเริ่มพัฒนาวัคซีนที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอนได้รับงบประมาณ 44 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณพันแปดร้อยล้านบาท) ในเดือนเมษายน[73][74]
สำนักงานวิจัยและพัฒนาทางชีวเวชขั้นสูงสหรัฐ (Biomedical Advanced Research and Development Authority ตัวย่อ BARDA อ่านว่า บาร์ดา) เป็นองค์กรของรัฐบาลกลางสหรัฐที่ให้ทุนกับเทคโนโลยีรักษาโรค ได้ประกาศลงทุนเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสามหมื่นหนึ่งพันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนโควิด และเตรียมตัวผลิตวัคซีนแคนดิเดตที่มีหวังที่สุดในสหรัฐ วันที่ 16 เมษายน บาร์ดาลงทุน 483 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณหมื่นห้าพันล้านบาท) กับบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) และหุ้นส่วนคือจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน[55][75] บาร์ดายังมีงบประมาณอีก4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณแสนสามหมื่นล้านบาท) สำหรับพัฒนาวัคซีน ดังนั้น จึงอาจลงทุนพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตได้ถึง 6–8 อย่างที่จะทดลองทางคลินิกในปี 2020–2021 โดยบริษัทต่าง ๆ เช่น Sanofi Pasteur (ฝรั่งเศส) และ Regeneron (สหรัฐ)[75][76]
ในวันที่ 15 พฤษภาคม รัฐบาลกลางสหรัฐได้ประกาศให้งบประมาณกับโปรแกรมเร่งด่วนคือ Operation Warp Speed (แปลได้ว่า ปฏิบัติการความเร็วเหนือแสง) โดยมุ่งให้เริ่มทดลองวัคซีนแคนดิเดตทางคลินิกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 แล้วผลิตวัคซีนที่ได้อนุมัติ 300 ล้านโดสให้ได้ในเดือนมกราคม 2021 ผู้นำโปรแกรมนี้เป็นนายพลทหารบกสหรัฐ ในเดือนมิถุนายน ผู้นำโปรแกรมแจ้งว่า จะทำงานร่วมกับบริษัท 7 บริษัทที่กำลังพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตสำหรับโควิด คือ โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เมอร์ค ไฟเซอร์ และมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดที่ร่วมมือกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า บวกกับบริษัทอีกสองบริษัท[77] แม้บริษัทไฟเซอร์ภายหลังจะระบุว่า "บริษัทไม่ได้ยอมรับเงินทุน (จากรัฐ)... การลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาของไฟเซอร์ทั้งหมดเป็นการเสี่ยง"[78]
การทดลองขององค์การอนามัยโลก
[แก้]ในเดือนเมษายน 2020 องค์การอนามัยโลกได้ตีพิมพ์แผนการวิจัยและพัฒนาไวรัสโคโรนาใหม่ ซึ่งเตรียมแผน "การวิจัยทางคลินิกขนาดใหญ่ ทำในระดับนานาชาติ มีศูนย์หลายศูนย์ ทำแบบสุ่ม มีกลุ่มควบคุม" เพื่อให้สามารถ "ประเมินประโยชน์และความเสี่ยงของวัคซีนแคนดิเดตแต่ละอย่างพร้อม ๆ กันภายใน 3–6 เดือนที่มีให้ใช้ทดลอง" แผนการนี้มี "โพรไฟล์ผลิตภัณฑ์เป้าหมาย" (Global Target Product Profile ตัวย่อ TPP) ซึ่งจำแนกคุณสมบัติของวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิผลไว้เป็น 2 หมวด คือ "วัคซีนเพื่อการป้องกันในระยะยาวสำหรับบุคคลที่เสี่ยงโควิดสูงกว่า เช่น บุคลากรทางการแพทย์" และวัคซีนอื่น ๆ ที่ให้ภูมิคุ้มกันอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดการระบาดใหม่[35]
องค์การยังได้จัดตั้งทีมนานาชาติ คือ ทีพีพี (TPP) ขึ้นเพื่อ
- ประเมินการพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตที่มีอนาคตมากสุด
- สร้างข้อมูล/แผนที่เกี่ยวกับวัคซีนแคนดิเดตและการทดลองทางคลินิกของวัคซีนทั่วโลก แล้วตีพิมพ์อัปเดตแผนของวัคซีนโดยอัปเดตบ่อย ๆ[79]
- ประเมินและตรวจคัดวัคซีนแคนดิเดตที่มีอนาคตมากสุดพร้อม ๆ กันอย่างเร็วก่อนจะทดสอบในมนุษย์
- ออกแบบและประสานการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม มีหลายศูนย์ และทำในระดับนานาชาติซึ่งเรียกว่าการทดลองซอลิแดริตี (Solidarity trial)[35][80] เพื่อให้สามารถประเมินประโยชน์และความเสี่ยงของวัคซีนแคนดิเดตต่าง ๆ ที่กำลังทดลองทางคลินิกในประเทศที่มีอัตราการติดโรคโควิดสูง แล้วตีความและแชร์ผลที่ได้อย่างรวดเร็วทั่วโลก[35]
ทีมนานาชาตินี้จะจัดลำดับความสำคัญว่า วัคซีนใดควรเข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 และ 3 และระบุโพรโทคอล/เกณฑ์วิธีของการทดลองระยะ 3 แบบเข้ากันได้สำหรับวัคซีนทั้งหมดที่เข้าสู่ระยะก่อนได้รับอนุมัตินี้[35]
แบบทดลองที่ปรับได้สำหรับการทดลองซอลิแดริตี
[แก้]แบบทดลองทางคลินิกที่กำลังทำอยู่อาจปรับได้โดยเรียกว่าเป็น "adaptive design" (แบบปรับได้) ถ้าข้อมูลที่ได้ในการทดลองให้ความชัดเจนตั้งแต่เนิ่น ๆ เกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีน ไม่ว่าจะบวกหรือลบ[81][82] ดังนั้น การทดลองร่วม (Solidarity trial) ขององค์การอนามัยโลกสำหรับวัคซีนหลายอย่างที่ทดลองทางคลินิกในปี 2020 จะใช้วิธีเช่นนี้เพื่อให้สามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์ของการทดลองได้อย่างรวดเร็วในศูนย์ทดลองทุกแห่งเมื่อผลปรากฏ[80] วัคซีนแคนดิเดตใหม่ที่เข้าเกณฑ์ยังอาจเพิ่มเข้าในโปรแกรมการทดลองร่วม และวัคซีนแคนดิเดตที่ปรากฏโดยหลักฐานว่าปลอดภัยหรือมีประสิทธิศักย์ไม่ดีเทียบกับยาหลอกและวัคซีนอื่น ๆ ก็จะยกเลิกทดลองในโปรแกรมนี้[80]
แบบปรับได้ที่ใช้ในการทดลองวัคซีนแคนดิเดตทางคลินิกระยะที่ 2–3 อาจทำให้ระยะการทดลองสั้นลงโดยมีอาสาสมัครผู้รับวัคซีนน้อยกว่า ช่วยเร่งการตัดสินใจไม่ว่าจะหยุดการทดลองตั้งแต่ต้น ๆ หรือตัดสินใจว่ามีผล หลีกเลี่ยงทำการวิจัยซ้ำ ๆ และเพิ่มการประสานงานเพื่อเปลี่ยนแบบการทดลองที่ทำร่วมในศูนย์ประเทศต่าง ๆ[80][81]
หุ้นส่วน การแข่งขัน และการแจกจำหน่าย
[แก้]บริษัทยายักษ์ใหญ่ที่มีประสบการณ์ผลิตวัคซีนเป็นจำนวนมาก ๆ รวมทั้งจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แอสตร้าเซนเนก้า และแกล็กโซสมิธไคลน์ กำลังสร้างพันธมิตรกับบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ และมหาวิทยาลัยเพื่อเร่งการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ[56][55] เพื่อรวมสมรรถภาพทางการเงินและการผลิตเพื่อสร้างเทคโนโลยีวัคซีนโรคระบาดทั่วแบบใช้ตัวเสริม (adjuvant) แกล็กโซสมิธไคลน์จึงได้จับมือกับซาโนฟี่ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนแบบที่ไม่ค่อยทำกันระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่นานาชาติเพื่อเร่งพัฒนาวัคซีน[83]
เมื่อโควิด-19 กำลังระบาดไปทั่วอย่างรวดเร็วในปี 2020 องค์การนานาชาติเช่นองค์การอนามัยโลกและเซพี ผู้พัฒนาวัคซีน รัฐบาล และอุตสาหกรรมก็ได้ประเมินการแจกจำหน่ายวัคซีนที่จะได้[35] ประเทศผลิตวัคซีนแต่ละประเทศอาจถูกโน้มน้าวให้ขายวัคซีนในราคาสูงสุด หรือใช้วัคซีนในประเทศของตนก่อน[32][29][55] ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่า วัคซีนที่จะอนุมัติควรมีราคาที่พอซื้อได้และมีให้สำหรับบุคคลหน่วยหน้าในการรักษาพยาบาลและคนที่จำเป็นมากสุด[32][29][55] ในเดือนเมษายน เดอะเดลีเทลิกราฟ (ลอนดอน) รายงานว่า สหราชอาณาจักรได้ตกลงทำการร่วมกับประเทศและองค์กรนานาชาติอื่น ๆ รวมทั้งประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลีเพื่อค้นหาวัคซีนและแชร์ผลที่ได้ และตกลงว่า ประชาชนอังกฤษจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษเพื่อได้วัคซีนโควิดที่มหาวิทยาลัยอังกฤษซึ่งได้รับเงินภาษีของประชาชนเป็นผู้พัฒนาขึ้น[73] บริษัทหลายแห่งมีแผนผลิตวัคซีนเพื่อเริ่มต้นขายในราคาถูก แล้วเพิ่มราคาเพื่อให้ได้กำไรภายหลังถ้าต้องฉีดวัคซีนทุกปีและเมื่อประเทศต่าง ๆ ตุนวัคซีนเผื่ออนาคต[55]
องค์การอนามัยโลกและเซพีกำลังสร้างทรัพยากรทางการเงินและแนวปฏิบัติเพื่อส่งวัคซีนที่มีประสิทธิผล 3 อย่างหรือยิ่งกว่าไปทั่วโลก โดยสำนึกว่าประเทศต่าง ๆ และประชากรกลุ่มต่าง ๆ ย่อมจำเป็นต่างกัน[31][35][36][80] ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนที่มีประสิทธิผลน่าจะจัดก่อนอื่นให้แก่บุคลากรทางแพทย์และกลุ่มประชากรที่เสี่ยงป่วยหนักและเสี่ยงตายมากสุดจากการติดโรค เช่น คนชราหรือคนจนที่อยู่ในชุมชนแออัด[84][85] ทั้งองค์การอนามัยโลก เซพี และกาวีต่างก็ได้แสดงความเป็นห่วงว่า ประเทศร่ำรวยไม่ควรได้วัคซีนโควิดก่อนประเทศอื่น ๆ แต่ควรพิจารณาความจำเป็นในหมู่ประชากรและความจำเป็นเพื่อลดปัญหาทางเศรษฐกิจ[31][36][84]
กำหนดเวลาต่าง ๆ ที่ต้องย่อลง
[แก้]ประเด็นต่าง ๆ ทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาของกลุ่มประชากรที่อ่อนแอ และปัญหาการผลิตวัคซีนเป็นพัน ๆ ล้านโดสล้วนอาจกดดันให้ย่อกำหนดเวลาต่าง ๆ ในการพัฒนาวัคซีนและในบางกรณี อาจรวมระยะการทดลองทางคลินิกหลายระยะเข้าด้วยกันแล้วทำพร้อม ๆ กันโดยใช้เวลาแค่เดือน ๆ ซึ่งปกติต้องทำเป็นลำดับต่อ ๆ กันเป็นปี ๆ[56] ยกตัวอย่างเช่น ผู้พัฒนาวัคซีนประเทศจีนและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคจีน (Chinese Center for Disease Control and Prevention) ได้เริ่มงานพัฒนาวัคซีนในเดือนมกราคม 2020[86] แต่เพียงแค่ถึงเดือนมีนาคม ก็กำลังตรวจดูวัคซีนแคนดิเดตเป็นจำนวนมากโดยใช้กำหนดเวลาที่ย่อลง และมีจุดประสงค์เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีจีนเหนือของสหรัฐ และเพื่อให้ชาวจีนมั่นใจถึงคุณภาพวัคซีนที่ผลิตในจีน[56][87]
เพื่อเร่งพัฒนาวัคซีนในกำหนดเวลาย่อ ๆ สำหรับโรคระบาดทั่ว ทั้งผู้พัฒนาวัคซีนและรัฐบาลได้ยอมรับความเสี่ยงเมื่อลัดวงจรพัฒนาวัคซีนปกติ[55] ผู้บริหารของอุตสาหกรรมคนหนึ่งถึงกับกล่าวว่า "วิกฤติการณ์ของโลกใหญ่จนกระทั่งเราแต่ละคนจะต้องยอมเสี่ยงที่สุดเดี๋ยวนี้เพื่อยุติโรคนี้"[55] มีเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายเรื่องรวมทั้งระดับความเป็นพิษที่ยอมรับได้ (คือความปลอดภัย) การตั้งเป้าที่กลุ่มประชากรที่อ่อนแอ ความก้าวหน้าอย่างมากของประสิทธิศักย์วัคซีนที่ต้องมี ระยะการป้องกันของวัคซีน ระบบการส่งยาพิเศษ (เช่น ให้ทางปากหรือทางจมูก แทนที่จะฉีด) ขนาดการให้ยา ความเสถียรของวัคซีนและวิธีการเก็บในคลัง การอนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินก่อนได้รับอนุมัติทั่วไป วิธีการผลิตดีที่สุดเพื่อให้ได้วัคซีนเป็นพัน ๆ ล้านโดส และการแจกจำหน่ายวัคซีนที่ได้อนุมัติ[29][88] ถ้านับเริ่มจากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 วัคซีนถึงร้อยละ 84–90 ล้มเหลวในช่วงพัฒนาการแล้วไม่ได้รับอนุมัติให้วางตลาดขาย[31][89] ถ้าเริ่มจากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 วัคซีนร้อยละ 25.7 ล้มเหลวและไม่ได้รับอนุมัติโดยที่สุด[89] ผู้ผลิตวัคซีนอาจจะลงทุนไปแล้วเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสามหมื่นหนึ่งพันล้านบาท) โดยได้ผลิตวัคซีนเป็นล้าน ๆ โดสไปแล้วที่ใช้ไม่ได้[29][56][55] ในกรณีของโควิด-19 โดยเฉพาะ ประสิทธิศักย์ของวัคซีนที่อัตราร้อยละ 70 อาจพอระงับการระบาดทั่ว เพราะถ้ามีประสิทธิศักย์เพียงร้อยละ 60 การระบาดก็ยังอาจต่อไปได้ และประสิทธิศักย์ที่น้อยกว่าร้อยละ 60 จะไม่ก่อภูมิคุ้มกันหมู่พอระงับการกระจายเชื้อโดยตนเอง[29]
โรคที่ระบาดทั่วในปี 2020 ได้สร้างปัญหากับสถาบันวิจัยเพราะการเว้นระยะห่างทางสังคมและการปิดห้องปฏิบัติการ[90][91] อุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการวิจัยและพัฒนาวัคซีนก็ขาดแคลนขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการซื้อแข่งขันกันในระดับนานาชาติหรือการเข้ายึดของรัฐ[64] กำหนดเวลาต่าง ๆ สำหรับการทดลองทางคลินิก ซึ่งปกติเป็นกระบวนการที่ทำเป็นลำดับต่อ ๆ กันโดยใช้เวลาเป็นปี ๆ ก็กำลังย่อเป็นการทดลองตรวจความปลอดภัย ประสิทธิศักย์ และหาขนาดยาที่ทำพร้อม ๆ กันโดยใช้เวลาเป็นแค่เดือน ๆ ซึ่งอาจมีผลต่อความปลอดภัย[56][55]
แพลตฟอร์มเทคโนโลยี
[แก้]ในเดือนกันยายน 2020 นักวิทยาศาสตร์ของเซพีรายงานว่า มีแพลตฟอร์เทคโนโลยี 9 แพลตฟอร์มที่กำลังวิจัยและพัฒนาในช่วงปี 2020 เพื่อสร้างวัคซีนต้านโควิด-19 โดยยังมีวัคซีนแคนดิเดตเป็นจำนวนมากที่ไม่ระบุแพลต์ฟอร์มเทคโนโลยี[38] แพลตฟอร์มโดยมากสำหรับวัคซีนที่อยู่ในช่วงทดลองทางคลินิกจนถึงเดือนกันยายนได้เล็งโปรตีน spike ของไวรัสและรูปแบบต่าง ๆ ของโปรตีนนี้เพื่อใช้เป็นแอนติเจนหลักในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค[38] แพลตฟอร์มที่กำลังพัฒนาในปี 2020 รวมเทคโนโลยีกรดนิวคลีอิก (คือ เอ็มอาร์เอ็นเอที่ดัดแปลงนิวคลีโอไซด์ (modRNA) หรือดีเอ็นเอ), เวกเตอร์ไวรัสที่ไม่ขยายพันธุ์, เพปไทด์, โปรตีนจากยีนลูกผสม, ไวรัสโควิดลดฤทธิ์ที่ยังเป็น และไวรัสโควิดเชื้อตาย[92][38][29][31]
เทคโนโลยีวัคซีนที่กำลังพัฒนาเพื่อโควิดหลายอย่างไม่เหมือนกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ใช้กันอยู่แล้ว แต่จัดเป็นของใหม่ที่ทำงานเฉพาะเจาะจงกับกลไกการแพร่เชื้อของโควิด[31][92][38][31] เทคโนโลยีที่ใช้ยังอาจเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการแอนติเจน และบางอย่างอาจมีประสิทธิผลดีกว่าในกลุ่มประชากรย่อยต่าง ๆ รวมทั้งคนชรา เด็ก หญิงมีครรภ์ และคนไข้ที่ภูมิต้านทานอ่อนแอ[38][31]


| สถิติวัคซีนโควิด‑19 สำหรับเทคโนโลยีต่าง ๆ (ก.พ. 2021)[4] | ||||
|---|---|---|---|---|
| เทคโนโลยี[I] | แคนดิเดต | ที่กำลังทดลอง ในมนุษย์ | ที่ได้อนุมัติใน อย่างน้อย 1 ประเทศ | ประเทศที่ อนุมัติให้ใช้ |
| เวกเตอร์ไวรัสที่ไม่ขยายพันธุ์[II] | 35 | 4[III] | 4 | 55 |
| ใช้อาร์เอ็นเอ[IV] | 36 | 3[III] | 2 | 42 |
| ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย[V] | 19 | 5[III] | 3 | 25 |
| หน่วยย่อยโปรตีนของไวรัสโควิด-19[VI] | 80 | 4[III] | 1 | 2 |
| ใช้ดีเอ็นเอ[VII] | 23 | 2[III] | 0 | 0 |
| อนุภาคคล้ายไวรัส[VIII] | 19 | 1 | 0 | 0 |
| เวกเตอร์ไวรัสที่ยังขยายพันธุ์[IX] | 23 | 0 | 0 | 0 |
| ไวรัสโควิด-19 เป็น ๆ แต่ลดฤทธิ์แล้ว[X] | 4 | 0 | 0 | 0 |
วัคซีน
[แก้]จนถึงวันที่ 21 ธันวาคม ประเทศ 17 ประเทศ[B] และสหภาพยุโรป[110] ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคคือ tozinameran เป็นการฉุกเฉิน บาห์เรนยังอนุมัติให้วางตลาดขายฉุกเฉินสำหรับวัคซีน BBIBP-CorV ของบริษัทซิโนฟาร์ม[94] โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต่อมาก็ได้ทำเช่นกัน[95] ในสหราชอาณาจักรจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม คน 138,000 คนได้รับ tozinameran ในอาทิตย์แรกของโปรแกรมการฉีดวัคซีนของประเทศ[111] ในวันที่ 11 ธันวาคม 2020 องค์การอาหารและยาสหรัฐได้อนุญาตให้ใช้ tozinameran เป็นการฉุกเฉิน[112] อีกอาทิตย์ต่อมา ก็ให้อนุญาตเช่นกันกับวัคซีน mRNA-1273 ของบริษัทโมเดอร์นา จึงเป็นประเทศแรกที่อนุญาตให้ใช้วัคซีน 2 อย่างเป็นการฉุกเฉิน[113][114][115]
เซพีจัดระยะการพัฒนาวัคซีนเป็นสามกลุ่ม คือ (1) ระยะการสำรวจ (exploratory) คือการวางแผนและออกแบบวัคซีนโดยไม่มีการประเมินในสิ่งมีชีวิต (2) พรีคลินิก (preclinical) คือการประเมินในสิ่งมีชีวิตและเตรียมตัวผลิตสารประกอบเพื่อจะทดสอบในมนุษย์ หรือ (3) ที่เริ่มทดสอบความปลอดภัยในมนุษย์อาสาสมัครที่สุขภาพดีระยะที่ 1 แล้ว[38] จนถึงกลางเดือนกันยายน มีวัคซีนแคนดิเดต 321 อย่างที่ได้ยืนยันแล้วว่ากำลังทดลองทางคลินิก หรือว่าเป็นโครงการสำรวจหรือพรีคลินิก[38]
การทดลองระยะที่ 1 โดยหลักทดสอบความปลอดภัยและขนาดยาเป็นเบื้องต้นโดยให้ยาแก่อาสาสมัครสุขภาพดีเป็นสิบ ๆ คน ระยะที่ 2 ซึ่งทำหลังประสบความสำเร็จในระยะที่ 1 จะตรวจปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกัน, ขนาดของยา (คือตรวจประสิทธิศักย์โดยใช้ค่าวัดของสารบ่งชี้ทางชีวภาพ คือ biomarker) และผลที่ไม่พึงประสงค์ ปกติทำกับคนเป็นร้อย ๆ คน[116][117] การทดลองระยะ 1–2 ทดสอบความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในเบื้องต้นโดยจะกำหนดขนาดที่ได้ผลให้แม่นยำด้วย[117] ส่วนการทดลองระยะที่ 3 ปกติจะมีอาสาสมัครมากกว่า มีกลุ่มควบคุม และทดสอบประสิทธิผลป้องกันโรคของวัคซีน (เป็นการทดลองแบบแทรกแซง คือ interventional) และจะเฝ้าสังเกตผลที่ไม่พึงประสงค์เมื่อใช้ขนาดยาที่ดีสุด[116][117] นิยามของความปลอดภัยของวัคซีน ประสิทธิศักย์ จุดยุติทางคลินิก (clinical endpoint) ในการทดลองระยะที่ 3 อาจต่างกันระหว่างบริษัทต่าง ๆ เช่นการนิยามระดับผลข้างเคียง การติดเชื้อ หรือการแพร่เชื้อ และว่า วัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบรุนแรงหรือแบบปานกลาง[118][119][120]
วัคซีนที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว
[แก้]- ดูเพิ่มที่รายการขึ้นทะเบียนวัคซีน (ภาษาอังกฤษ)
องค์กรควบคุมของประเทศต่าง ๆ ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีน 11 ชนิดเป็นการฉุกเฉิน ในจำนวนนั้น 6 ชนิดได้รับอนุมัติจากองค์กรควบคุมที่องค์การอนามัยโลกจัดว่ามีระเบียบเคร่งครัด (stringent regulatory authorities) อย่างน้อย 1 แห่ง
| วัคซีนแคนดิเดต ผู้พัฒนา/ผู้ให้ทุน | ของประเทศ | เทคโนโลยี | จำนวนโดส ระยะห่าง | อุณหภูมิเก็บ | การทดลองก่อนวางตลาด (จำนวนอาสาสมัคร) | การทดลองหลังวางตลาด (จำนวนอาสาสมัคร) |
|---|---|---|---|---|---|---|
| แอสตร้าเซนเนก้า (Vaxzevria, Covishield) | สหราชอาณาจักร, สวีเดน | อะดีโนไวรัสของชิมแปนซีที่แปลงเพื่อใช้เป็นเวกเตอร์ (ChAdOx1) | 2 โดส 4-12 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (30,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกเพื่อตรวจประสิทธิศักย์ ความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน[130] สถานะ - ประสิทธิศักย์อยู่ที่ร้อยละ 76 หลังจากโดสแรกและร้อยละ 81 หลังจากโดสที่สองโดยฉีดห่างกัน 12 สัปดาห์หรือยิ่งกว่า[131] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2020 – ส.ค. 2021, บราซิล (5,000),[132] สหราชอาณาจักร, อินเดีย[133] | ระยะ 4 (10,000) การรักษาที่ไม่ได้จัดกลุ่มโดยสุ่ม[c] ช่วงเวลาและแหล่ง: กพ. 2021-ธค. 2024 ในเดนมาร์ก |
| ไฟเซอร์ (Comirnaty)[d] ไบออนเทค, ไฟเซอร์ | เยอรมนี สหรัฐ | อาร์เอ็นเอ (เอ็มอาร์เอ็นเอที่ดัดแปลงนิวคลีโอไซด์[e] หุ้มด้วยอนุภาคนาโนที่เป็นลิพิด) | 2 โดส 3-4 สัปดาห์ | −70±10 °C | ระยะ 3 (43,998) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก สถานะ - ผลบวกที่พบจากการวิเคราะห์ในระหว่างการทดลองได้ประกาศเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2020[143] แล้วตีพิมพ์ในวันที่ 10 ธ.ค. 2020 โดยรายงานประสิทธิศักย์ทั่วไปถึงร้อยละ 95[144][145] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – พ.ย. 2020,[146][147] เยอรมนี สหรัฐ | ระยะ 4 (10,000) การรักษาที่ไม่ได้จัดกลุ่มโดยสุ่ม[c] ช่วงเวลาและแหล่ง: กพ. 2021 – ธค. 2024 เดนมาร์ก |
| จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน[148][149]
Janssen Pharmaceutica (หน่วยงานของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน), BIDMC | สหรัฐ เนเธอร์แลนด์ | เวกเตอร์เป็นอะดีโนไวรัสลูกผสมที่ไม่ขยายพันธุ์ (Ad26) | 1 โดส[151] | 2–8 °C[151] | ระยะ 3 (40,000) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางสองฝ่าย มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก สถานะ - ผลบวกจากการวิเคราะห์ในระหว่างการทดลองได้ประกาศในวันที่ 29 ม.ค. 2021 วัคซีนมีประสิทธิศักย์ป้องกันการติดโรคแบบมีอาการอ่อนจนถึงปานกลางร้อยละ 66 (ร้อยละ 64 ในแอฟริกาใต้จนถึงร้อยละ 72 ในสหรัฐ) และแบบมีอาการหนักร้อยละ 85[152][153] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – 2023, สหรัฐ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก เปรู ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ และยูเครน | |
| BBIBP-CorV หน่วยงานของซิโนฟาร์ม คือ Beijing Institute of Biological Products | จีน | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cell) | 2 โดส 3-4 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (48,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำคู่ขนาน เพื่อตรวจความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ในการป้องกันโรค สถานะ - ผลการทดลองที่ตรวจสอบโดยผู้รู้เสมอกันระบุว่าวัคซีนมีประสิทธิศักย์ป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการที่ร้อยละ 78.1[157] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – ก.ค. 2021, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน จอร์แดน[158] อาร์เจนตินา[159] โมร็อกโก[160] เปรู[161] | |
| โมเดอร์นา (Spikevax) โมเดอร์นา, NIAID, BARDA, เซพี | สหรัฐ | เอ็มอาร์เอ็นเอ (เอ็มอาร์เอ็นเอที่ดัดแปลงนิวคลีโอไซด์[e] หุ้มด้วยอนุภาคนาโนที่เป็นลิพิด)[164] | 2 โดส 4 สัปดาห์ | −20±5 °C (ตู้แช่แข็งยา) | ระยะ 3 (30,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกเพื่อทดสอบประสิทธิศักย์ ความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน สถานะ - ผลบวกที่พบจากการวิเคราะห์ในระหว่างการทดลองได้ประกาศเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2020[167] แล้วตีพิมพ์วันที่ 30 ธ.ค. 2020 โดยรายงานประสิทธิศักย์ของวัคซีนที่ร้อยละ 94.1[168] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – ต.ค. 2022, สหรัฐ | ระยะ 4 (10,000) การรักษาที่ไม่ได้จัดกลุ่มโดยสุ่ม[c] ช่วงเวลาและแหล่ง: Feb 2021 – Dec 2024, Denmark |
| สปุตนิกวี (Gam-COVID-Vac)
สถาบันวิจัยระบาดวิทยาและจุลชีววิทยากามาเลีย | รัสเซีย | เวกเตอร์เป็นอะดีโนไวรัสลูกผสมที่ไม่ขยายพันธุ์ (Ad5 และ Ad26) | 2 โดส 3 สัปดาห์ | ≤−18 °C (ตู้แช่แข็งยา) | ระยะ 3 (40,000) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางสองฝ่าย มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก เพื่อตรวจประสิทธิศักย์ การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และความปลอดภัย[172] สถานะ - การวิเคราะห์ผลการทดลองในระหว่างที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์เดอะแลนซิตระบุประสิทธิศักย์ของวัคซีนที่ร้อยละ 91.6 โดยไม่มีผลข้างเคียงเกินปกติ[173] ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2020 – พ.ค. 2021, รัสเซีย, เบลารุส,[174] อินเดีย,[175][176] เวเนซุเอลา,[177][178] สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[179] | |
| โคโรนาแว็ก[180][181][182]
ซิโนแว็ก | จีน | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cell) | 2 โดส 2-4 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (33,620) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางสองฝ่าย มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก เพื่อตรวจประสิทธิศักย์และความปลอดภัย สถานะ - ผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ในตุรกีซึ่งได้ทบทวนโดยผู้รู้เสมอกันแล้วแสดงประสิทธิศักย์ที่ร้อยละ 83.5[185] งานศึกษาหนึ่งในชิลีแสดงประสิทธิศักย์ป้องกันร้อยละ 65 สำหรับการติดเชื้อที่แสดงอาการ, ร้อยละ 87 สำหรับการเข้า รพ., ร้อยละ 90 สำหรับการเข้าห้องไอซียู และร้อยละ 86 สำหรับการเสียชีวิต[186][187] ส่วนงานในบราซิลระบุว่ามีประสิทธิศักย์ป้องกันร้อยละ 50.7 สำหรับการติดเชื้อที่แสดงอาการทั้งหมด, ร้อยละ 83.7 สำหรับการติดเชื้อที่มีอาการเบา และเต็มร้อยสำหรับการมีอาการหนัก[188] | ระยะ 4 (37,867) การรักษา ช่วงเวลาและแหล่ง: บราซิล ก.พ. 2021 – ก.พ. 2022, เมืองเซอร์ฮานา รัฐเซาเปาลู (27,711); มี.ค. 2021 – มี.ค. 2022, เมืองมาเนาส์ รัฐอามาโซนัส (10,156) |
| โคแว็กซิน (BBV152)
ภารตะไบโอเทค, สภาวิจัยทางการแพทย์แห่งอินเดีย | อินเดีย | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cell) | 2 โดส 4 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (25,800) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก[199] สถานะ - บริษัทรายงานว่า ผลระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 พบว่าวัคซีนมีประสิทธิศักย์ร้อยละ 78[200] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–มี.ค. 2021, อินเดีย | ระยะ 4 (1,000) การรักษาที่ไม่ได้จัดกลุ่มโดยสุ่ม [c] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2021 – ธ.ค. 2021, อินเดีย |
| สปุตนิกไลท์
สถาบันวิจัยระบาดวิทยาและจุลชีววิทยากามาเลีย[202] | รัสเซีย | เวกเตอร์เป็นอะดีโนไวรัสลูกผสมที่ไม่ขยายพันธุ์ (Ad26)[203] | 1 โดส[203] | 2–8 °C[204] | ระยะ 3 (7,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[203] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. – ธ.ค. 2021, รัสเซีย (6,000) | |
| Convidicea แคนซิโนไบโอลอจิกส์, Beijing Institute of Biotechnology of the Academy of Military Medical Sciences[206] | จีน | เวกเตอร์เป็นอะดีโนไวรัสลูกผสม (Ad5) [i] | 1 โดส[208] | 2–8 °C[208] | ระยะ 3 (40,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำหลายศูนย์ทั่วโลก เพื่อตรวจประสิทธิศักย์ ความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน สถานะ - ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 การวิเคราะห์ผลการทั่วโลกในระหว่างพบประสิทธิศักย์ของวัคซีนที่ร้อยละ 65.7 ต่อโรคโควิด-19 ที่มีอาการ และร้อยละ 90.98 สำหรับโรคอาการรุนแรง[208] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–ธ.ค. 2020, จีน; ก.ย. 2020 – ธ.ค. 2021, ปากีสถาน; ก.ย. 2020 – ธ.ค. 2020, รัสเซีย,[206] จีน, อาร์เจนตินา, ชิลี;[209] เม็กซิโก;[210] ปากีสถาน;[211] ซาอุดีอาระเบีย[212][213] | |
| WIBP-CorV
หน่วยงานของซิโนฟารม์ คือ Wuhan Institute of Biological Products | จีน | วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cells) | 2 โดส 3 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (51,600) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[217] สถานะ - ผลงานการทดลองที่ได้ทบทวนโดยผู้รู้เสมอกันแล้วแสดงประสิทธิศักย์ป้องกันการติดเชื้อที่แสดงอาการที่ร้อยละ 72.8[157] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – มี.ค. 2021, บาห์เรน, อียิปต์, จอร์แดน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[214]; ก.ย. 2020 – ก.ย. 2021, เปรู[215]; ก.ย. 2020 – ธ.ค. 2020, โมร็อกโก[218] | |
| EpiVacCorona สถาบันเวกตอร์ | รัสเซีย | หน่วยย่อยเพปไทด์ของไวรัสโควิด-19[j] | 2 โดส 3 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (40,150 (ตามแผน), 3,000 (เริ่ม)) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย เพื่อประเมินประสิทธิศักย์ การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และความปลอดภัย ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020 – ธ.ค. 2021, รัสเซีย (3,000)[223][224][225][226] | |
| ZF2001 (ZIFIVAX)[4]
Anhui Zhifei Longcom Biopharmaceutical Co. Ltd. | จีน | หน่วยย่อยโปรตีนแบบลูกผสมของไวรัสโควิด-19[k] | 3 โดส 30 วัน | 2–8 °C | ระยะ 3 (29,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[227] ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020 – เม.ย. 2022, จีน, เอกวาดอร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ปากีสถาน, อุซเบกิสถาน[230][231] | |
| Abdala BioCubaFarma, Center for Genetic Engineering and Biotechnology | คิวบา | ส่วนประกอบของไวรัสโควิด-19[l] | 3 โดส 2 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (48,290) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำในหลายศูนย์ อำพรางทั้งสองฝ่าย [232] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-ก.ค. 2021, คิวบา | |
| CoviVac[235]
The Chumakov Centre ที่วิทยาศาสตรบัณฑิตยสถานรัสเซีย | รัสเซีย | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cells) | 2 โดส 2 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (32,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย เพื่อตรวจประสิทธิศักย์และความปลอดภัย ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2021 – ?, รัสเซีย (3,000)[239] | |
| QazCovid-in (QazVac)[240] Research Institute for Biological Safety Problems | คาซัคสถาน | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย | 2 โดส 3 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (3,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพราง[243] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021 – ก.ค. 2021, คาซัคสถาน[243] | |
| Minhai COVID-19 vaccine (KCONVAC) Minhai Biotechnology Co., Shenzhen Kangtai Biological Products Co. Ltd. | จีน | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cell) | 2 โดส 4 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (28,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-พ.ย. 2021, จีน, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ | |
| COVIran Barakat (COVIRAN)[245]
Barakat Pharmaceutical Group, Shifa Pharmed Industrial Group | อิหร่าน | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย | 2 โดส 4 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (30,500) ระยะ 2-3a (20,000) - การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำแบบคู่ขนาน[246] ระยะ 3b (10,500)[247] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-มิ.ย. 2021, อิหร่าน | |
| Covidful (Chinese Academy of Medical Sciences COVID-19 vaccine) Chinese Academy of Medical Sciences, Institute of Medical Biology | จีน | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย | 2 โดส 2 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (34,020) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์เดียว อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: ม.ค.-ก.ย. 2021, บราซิล, มาเลเซีย | |
| Soberana 02 (FINLAY-FR-2) BioCubaFarma, Instituto Finlay de Vacunas | คิวบา | ส่วนประกอบของไวรัสโควิด-19[l] (คอนจูเกต) | 2 โดส 4 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (44,010) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำในศูนย์หลายศูนย์ ทำแบบคู่ขนาน อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-พ.ค. 2021, คิวบา, อิหร่าน, เวเนซุเอลา[252] | |
| ZyCoV-D Cadila Healthcare, Biotechnology Industry Research Assistance Council | อินเดีย | พลาสมิดของดีเอ็นเอที่แสดงออกโปรตีน S ของไวรัสโควิด-19 | 3 โดส 4 สัปดาห์ | 2–8 °C | ระยะ 3 (30,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพราง[258] ช่วงเวลาและแหล่ง: ม.ค.-พ.ค. 2021, อินเดีย[259] |
การทดลองทางคลินิกในมนุษย์
[แก้]| วัคซีนแคนดิเดต ผู้พัฒนา/ผู้ให้ทุน | ประเทศกำเนิด | เทคโนโลยี | ระยะทดลองปัจจุบัน (จำนวน) รูปแบบการทดลอง | ระยะทดลองที่เสร็จแล้ว[m] (จำนวน) การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน/ผลไม่พึงประสงค์ | รอการอนุมัติ |
|---|---|---|---|---|---|
| Novavax COVID-19 vaccine (Covovax) โนวาแวกซ์, เซพี | สหรัฐ | ซับยูนิต[263][264][265]/อนุภาคคล้ายไวรัส[266][267] (อนุภาคนาโนของหน่วยย่อยโปรตีนหนามลูกผสมของไวรัสโควิด-19 บวกกับตัวเสริม) | ระยะ 3 (49,600) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก[268] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2020 – ม.ค. 2021, สหราชอาณาจักร (15,000); ธ.ค. 2020 – มิ.ย. 2023, สหรัฐ เม็กซิโก ปวยร์โตรีโก (33,000)[269] อินเดีย (ระยะ 1/2: 1,600)[270][271] | ระยะ 1-2 (131) การตอบสนองของสารภูมิต้านทานแบบกำจัดฤทธิ์และ IgG เมื่อใช้ตัวเสริมและหลังจากฉีดยาเพิ่ม ผลไม่พึงประสงค์ - อาการเกิดในระยะสั้นและเบา คือเจ็บที่จุดฉีด ปวดหัว ล้า และปวดกล้ามเนื้อ[272] | |
| Sanofi-GSK COVID-19 vaccine (VAT00008, Vidprevtyn) Sanofi Pasteur [n], แกล็กโซสมิธไคลน์ (GSK) | ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร | ซับยูนิต (โปรตีน S ลูกผสมของ SARS-CoV-2 ที่เติมตัวเสริม) | ระยะ 3 (37,430) การทดลองระยะที่ 3 แบบมีกลุ่มคู่ขนาน ทำเป็นหลายระยะ อำพรางแบบปรับปรุงทั้งสองฝ่าย มีหลายกลุ่ม (multi-armed) เพื่อประเมินประสิทธิศักย์ ความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของวัคซีน SARS-CoV-2 แบบโปรตีนลูกผสมที่เติมยาเสริม 2 ชนิด คือสายพันธุ์เดียว (monovalent) หรือสองสายพันธุ์ (bivalent) สำหรับผู้ใหญ่อายุ 18 ปีและยิ่งกว่า ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2021 – ม.ค. 2023, โคลอมเบีย สาธารณรัฐโดมินิกัน กานา ฮอนดูรัส อินเดีย (3,000) ญี่ปุ่น เคนยา[286] เม็กซิโก[287] ไนจีเรีย ปากีสถาน ศรีลังกา ยูกันดา สหรัฐ | ระยะ 1-2 (1,160) ระยะ 1-2a (440) การทดสอบการตอบสนองทางภูมิคุ้รมกันและความปลอดภัยของวัคซีน (มียาเสริม หรือไม่มียาเสริม) ในอาสาสมัครสุขภาพดีอายุ 18 ปีและยิ่งกว่า[288] Phase IIb (720): Immunogenicity and Safety of SARS-CoV-2 Recombinant Protein Vaccine With AS03 Adjuvant in Adults 18 Years of Age and Older.[289] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2020–เม.ย. 2022, สหรัฐ | ภาวะฉุกเฉิน (4) |
| CureVac COVID-19 vaccine (CVnCoV) CureVac, เซพี | เยอรมนี | วัคซีนอาร์เอ็นเอแบบไม่ดัดแปลง[295] | ระยะ 3 (44,433) ระยะ 2b/3 (มีอาสาสมัคร 39,693 คน) ทดสอบประสิทธิศักย์และความปลอดภัย ทำในศูนย์หลายศูนย์ ระยะ 3 (2,360+180+1,200+1,000=4,740 คน) เป็นการทดลองแแบบสุ่ม มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ บางแห่งอำพรางผู้สังเกตการณ์ บางแห่งไม่อำพราง | ระยะ 1-2 (944) ระยะ 1 (284): การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์บางส่วน โดยเพิ่มขนาดยา (dose-escalation) เพื่อทดสอบการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันและผลที่ไม่พึงประสงค์ ระยะ 2a (660): การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์บางส่วน ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ เพื่อยืนยันขนาดยา | ภาวะฉุกเฉิน (2) |
| CoVLP[305][306]
Medicago, แกล็กโซสมิธไคลน์ | แคนาดา สหราชอาณาจักร | อนุภาคคล้ายไวรัสที่มีอาร์เอ็นเอลูกผสมที่ทำในพืช[o] และใช้ตัวเสริม AS03 จากแกล็กโซสมิธไคลน์ | ระยะ 2-3 (30,918) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก และ event-driven[308] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–ธ.ค. 2021, บราซิล แคนาดา สหราชอาณาจักร สหรัฐ | ระยะ 1 (180) สถานะ - เกิดสารภูมิต้านทานแบบกำจัดฤทธิ์ในวันที่ 42 หลังการฉีดยาครั้งที่ 1 (วันที่ 21 หลังฉีดยาครั้งที่ 2) ในระดับเป็น 10 เท่าของผู้รอดชีวิตจากการติดโรคโควิด[309][310] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020–ก.ย. 2021, แคนาดา[311] | |
| Valneva COVID-19 vaccine (VLA2001) Valneva | ฝรั่งเศส | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย | ระยะ 3 (4,769) ระยะ 3 (4,019+750) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์ non-inferiority ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ธ.ค. 2021, นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร | ระยะ 1-2 (3,039) ระยะ 1/2 (153 คน) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ระยะ 2 (2,886 คน) การทดลองแบบสุ่มเพื่อตรวจการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและผลไม่พึงประสงค์สำหรับการฉีดวัคซีนบูสต์เพื่อป้องกันสายพันธุ์โควิด-19ดั้งเดิมและสายพันธุ์ใหม่ ๆ[318] | ภาวะฉุกเฉิน (2) |
| Nanocovax[321] Nanogen Pharmaceutical Biotechnology JSC | เวียตนาม | วัคซีนซับยูนิตเป็นโปรตีนหนามของ Sars-Cov-2 ลูกผสม[p]โดยเพิ่มตัวเสริมเป็นอลูมินัม[322][323] | ระยะ 3 (13,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ปรับได้ (Adaptive) ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2021–ก.ค. 2022, เวียดนาม | ระยะ 1-2 (620) ระยะ 1 (60 คน) ไม่อำพราง โดยเพิ่มจำนวนโดส ระยะ 2 (560 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ | |
| UB-612
United Biomedical,Inc, Vaxxinity, Diagnosticos da America | บราซิล สหรัฐ | วัคซีนซับยูนิต (Multitope peptide based S1-RBD-protein based vaccine) | ระยะ 3 (18,320) ระยะ 2b/3 (7,320 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ และศึกษากาตอบสนองต่อโดส (Dose-Response) ระยะ 3 (11,000 คน) | ระยะ 1-2 (3,910) ระยะ 1 (60): การศึกษาแบบไม่อำพราง/ไม่ปิด ระยะ 2 (3,850 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ | |
| TURKOVAC
สถาบันสุขภาพตุรกี | ตุรกี | ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย | ระยะ 3 (40,800) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้วัคซีนอื่น (active-controlled) อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย 2021–ก.ย. 2021, ตุรกี | ระยะ 1-2 (294) ระยะ 1 (44 คน) การทดลองเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการก่อภูมิคุ้มกันของวัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย คือ ERUCOV-VAC โดยมีขนาดสองขนาด ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสองครั้งแก่อาสาสมัครที่มีสุขภาพดี เป็นงานศึกษาแลลมีกลุ่มควบคุมที่ให้ยาหลอก ระยะ 2 (250 คน) การทดลองเพื่อระบุประสิทธิศักย์ การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และความปลอดภัยของวัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย คือ ERUCOV-VAC โดยมีขนาดสองขนาด เป็นการศึกษาแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย | |
| West China Hospital COVID-19 vaccine
Jiangsu Province Centers for Disease Control and Prevention, West China Hospital (WestVac Biopharma), Sichuan University | จีน | วัคซีนซับยูนิต (เป็นโปรตีนลูกผสมที่เพาะใน Sf9 cell) | ระยะ 3 (40,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก มีศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2021–ก.พ. 2022, อินโดนีเซีย เคนยา ฟิลิปปินส์ | ระยะ 1-2 (5,128) ระยะ 1 (168 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์เดียว ระยะ 2a (960 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์เดียว
ระยะ 2b (4,000 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์เดียว | |
| SCB-2019 Clover Biopharmaceuticals[342][343], Dynavax Technologies[344], เซพี | จีน | วัคซีนซับยูนิตเป็นโปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 (spike protein trimeric subunit) โดยเติมตัวเสริมคือ CpG 1018 และอลูมิเนียม | ระยะ 3 (29,300) ระยะ 2/3 (29,000 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางทั้งสองฝ่าย ระยะ 3 (300 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางทั้งสองฝ่าย[345] | ระยะ 1-2 (950) ระยะ 1 (150 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ระยะ 2 (800 คน) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์[346] | |
| Walvax COVID-19 vaccine (ARCoV) PLA Academy of Military Science, Walvax Biotech[348], Suzhou Abogen Biosciences | จีน | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 3 (28,000) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค.–พ.ย. 2021, จีน[350] มาเลเซีย เม็กซิโก เนปาล | ระยะ 1-2 (908) ระยะ 1 (168 คน) ระยะ 2 (420 คน)
ระยะ 1/2 (320 คน)[351] | |
| COVAX-19 (SpikoGen)[353] | ออสเตรเลีย อิหร่าน | วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนลูกผสม[q]) | ระยะ 3 (16,876) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีแขนสองข้าง (two-armed) ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.–ก.ย. 2021, อิหร่าน | ระยะ 1-2 (440) ระยะ 1 (40 คน) ระยะ 2 (400 คน) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีแขนสองข้าง (Two-armed)[358] | |
| GRAd-COV2 ReiThera, Lazzaro Spallanzani National Institute for Infectious Diseases | อิตาลี | วัคซีนอะดีโนไวรัสของชิมแปนซีที่ดัดแปลง (มีรหัสว่า GRAd) เพื่อเป็นเวกเตอร์ | ระยะ 3 (10,300) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ สุ่มตัวอย่างแบบเป็นชั้น (stratified) ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–ต.ค. 2021, อิตาลี
| ระยะ 1 (90) อาสาสมัคร (มี 2 กลุ่มแบ่งตามวัยคือ 18-55 ปีและ 65-85 ปี) จัดโดยสุ่มให้ได้รับวัคซีนซึ่งให้เพิ่มขึ้น ๆ หนึ่งในสามอย่าง หรือให้ยาหลอก แล้วตรวจติดตามเป็นเวลา 24 สัปดาห์ อาสาสมัครร้อยละ 92.5 ที่ได้วัคซีนเกิดสารภูมิต้านทาน แหล่ง: กรุงโรม ช่วงเวลา: ส.ค.–ธ.ค. 2020 | |
| GBP510
SK Bioscience Co. Ltd., แกล็กโซสมิธไคลน์ | เกาหลีใต้ | วัคซีนซับยูนิต (เป็นอนุภาคนาโนโปรตีนลูกผสมและเติมตัวเสริม AS03) | ระยะ 3 (4,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้วัคซีนอื่น (active-controlled) อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มคู่ขนาน ทำที่ศูนย์หลายศูนย์[365] ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2021-มี.ค. 2022, เกาหลีใต้ | ระยะ 1-2 (580) ระยะ 1-2 (260-320 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ตรวจหาขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–ส.ค. 2021, เกาหลีใต้ | |
| Bio E COVID-19 (Corbevax) Biological E. Limited, Baylor College of Medicine,[371] | อินเดีย สหรัฐ | วัคซีนซับยูนิต (ประกอบด้วยแอนติเจนชนิดหนึ่ง) | ระยะ 3 (1,268) ระยะ 2b/3 การศึกษาตามแผน (prospective) ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ มีแขนข้างเดียว[373] ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.–ส.ค. 2021, อินเดีย | ระยะ 1-2 (360) การทดลองแบบสุ่ม มีกลุ่มคู่ขนาน ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–ก.พ. 2021, อินเดีย | |
| Inovio COVID-19 Vaccine (INO-4800) Inovio Pharmaceuticals, เซพี, สถาบันสุขภาพแห่งชาติเกาหลี, International Vaccine Institute | เกาหลีใต้ สหรัฐ | ว้คซีนดีเอ็นเอ (พลาสมิดของดีเอ็นเอส่งด้วยวิธี electroporation[r]) | ระยะ 2-3 (6,578) ระยะ 2/3 (6,578 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์[379] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–ก.ย. 2022, สหรัฐ (ระยะ 2/3) | ระยะ 1-2 (920) ระยะ 1a (120 คน) การทดลองแบบไม่อำพราง ระยะ 1b-2a (160 คน) การทดลองแบบหาขนาดยา[380]
ระยะ 2 (640 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย หาขนาดยา[381] | |
| AG0302-COVID‑19 AnGes Inc.,[384] Japan Agency for Medical Research and Development | ญี่ปุ่น | วัคซีนดีเอ็นเอ (พลาสมิด) | ระยะ 2-3 (500) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[385] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–เม.ย. 2021, ญี่ปุ่น | ระยะ 1-2 (30) การทดลองทั้งแบบสุ่มและไม่สุ่ม ใช้วัคซีนสองโดส ทำที่ศูนย์เดียว ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.–พ.ย. 2020, โอซากะ | |
| 202-CoV
Shanghai Zerun Biotechnology Co., Walvax Biotech | จีน | วัคซีนซับยูนิตเป็นโปนตีนหนาม (CHO cell) บวกกับตัวเสริม CpG และอลูมิเนียม) | ระยะ 2 (1,056) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.–ธ.ค. 2021, จีน | ระยะ 1 (144) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.–ธ.ค. 2021, จีน | |
| V-01
Livzon Mabpharm, Inc. | จีน | วัคซีนซับยูนิตเป็นโปรตีน fusion ลูกผสมของไวรัสโควิด-19 | ระยะ 2 (880) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–พ.ค. 2021, จีน | ระยะ 1 (180) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์เดียว ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ.–มี.ค. 2021, จีน | |
| DelNS1-2019-nCoV-RBD-OPT (DelNS1-nCoV-RBD LAIV)
Beijing Wantai Biological Pharmacy, University of Hong Kong | จีน ฮ่องกง | วัคซีนเวกเตอร์ไวรัสที่ขยายพันธุ์ได้โดยรวมยีน RBD ของไวรัสโควิด-19 | ระยะ 2 (720) ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–ธ.ค. 2021, จีน | ระยะ 1 (60) ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2020–ต.ค. 2021, จีน | |
| Brilife (IIBR-100) สถาบันวิจัยชีวภาพอิสราเอล | อิสราเอล | วัคซีนมีเวกเตอร์ไวรัสเป็น vesicular stomatitis virus (ลูกผสม) | ระยะ 2-3 (550) ระยะ 2b/3 (550) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.–ต.ค. 2021, อิสราเอล
| ระยะ 1-2 (1,040) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกและเพิ่มขนาดยา ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: ต.ค. 2020–พ.ค. 2021, อิสราเอล | |
| Razi Cov Pars
Razi Vaccine and Serum Research Institute | อิหร่าน | วัคซีนซับยูนิตเป็นโปรตีนหนามลูกผสมของไวรัสโควิด-19 | ระยะ 2 (500) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีกลุ่มคู่ขนาน 2 กลุ่ม ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.–มิ.ย. 2021, อิหร่าน | ระยะ 1 (133) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: ม.ค.–มี.ค. 2021, อิหร่าน | |
| FAKHRAVAC (MIVAC)
Organization of Defensive Innovation and Research | อิหร่าน | วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย | ระยะ 2 (500) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม แบบกลุ่มคู่ขนาน อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.–ก.ค. 2021, อิหร่าน | ระยะ 1 (135) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีรูปแบบเป็น factorial design. ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–เม.ย. 2021, อิหร่าน | |
| ยังไม่ได้ตั้งชื่อ
Ihsan Gursel, Scientific and Technological Research Council of Turkey | ตุรกี | อนุภาคคล้ายไวรัส | ระยะ 2 (330) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม เป็นกลุ่มคู่ขนาน อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.–ก.ย. 2021, ตุรกี | ระยะ 1 (36) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–พ.ค. 2021, ตุรกี | |
| COH04S1
City of Hope Medical Center | สหรัฐ | วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส | ระยะ 2 (240) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้วัคซีนที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2021–มิ.ย. 2023, แคลิฟอร์เนีย (สหรัฐ) | ระยะ 1 (129) การศึกษาหาขนาดวัคซีน ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020 – พ.ย. 2022, แคลิฟอร์เนีย | |
| ยังไม่ได้ตั้งชื่อ
มหาวิทยาลัยชิงหฺวา, Tianjin Medical University[403], Walvax Biotech | จีน | วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส | ระยะ 2 (180) ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.–พ.ย. 2021, จีน | ระยะ 1 (30) ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค.–มิ.ย. 2021, จีน | |
| ABNCoV2
Bavarian Nordic[406] มหาวิทยาลัยรัดเบาด์ไนเมเคิน | เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ | อนุภาคคล้ายไวรัส | ระยะ 2 (150) การทดลองแบบไม่อำพราง เพิ่มขนาดยาเป็นลำดับ ทำที่ศูนย์เดียว ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2021-2022, เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ | ระยะ 1 (42) การทดลองแบบไม่อำพราง เพิ่มขนาดยาเป็นลำดับ ทำที่ศูนย์เดียว ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-ธ.ค. 2021, เนเธอร์แลนด์ | |
| ARCT-154 (VBC-COV19-154 ในเวียดนาม)[409] [410] [411]
Arcturus Therapeutics, Vinbiocare | สหรัฐ เวียดนาม | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1-3 (21,000) ระยะ 1/2/3 (100+300+600+20,000=21,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[412] [413] ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.-ต.ค. 2021, เวียดนาม[414] | พรีคลินิก | |
| SCB-2020S
Clover Biopharmaceuticals[415] | จีน | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1-2 (150) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์ ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2021–เม.ย. 2022, ออสเตรเลีย | พรีคลินิก | |
| NDV-HXP-S (ButanVac, COVIVAC, HXP-GPOVac, Patria)
Icahn School of Medicine at Mount Sinai, Institute of Vaccines and Medical Biologicals[417], Butantan Institute, Laboratorio Avimex, National Council of Science and Technology, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน | บราซิล เม็กซิโก ไทย สหรัฐ เวียดนาม | ใช้ไวรัส Newcastle disease virus (NDV) เป็นเวกเตอร์ (ที่แสดงออกโปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 ทั้งแบบมีตัวเสริม CpG 1018 และไม่มี) / หรือวัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย | ระยะ 1-2 (6,439) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021–พ.ค. 2022, บราซิล (5,394) เม็กซิโก (ระยะ 1: 90) ไทย (460)[418] เวียดนาม (495)[419][420] | พรีคลินิก | |
| ยังไม่ได้ตั้งชื่อ
National Vaccine and Serum Institute, Lanzhou Institute of Biological Products Co., Ltd., Beijing Zhong Sheng Heng Yi Pharmaceutical Technology Co., Ltd., Zhengzhou University | จีน | วัคซีนซับยูนิต (เป็นโปรตีนลูกผสมเพาะด้วย CHO Cell) | ระยะ 1-2 (3,580) ระยะ 1/2 การทดลองทางคลินิกเพื่อตรวจความปลอดภัย ความอดทนรับได้ และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของวัคซีนในผู้มีสุขภาพดีอายุ 3 ปีและยิ่งกว่า ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021–ต.ค. 2022, จีน | พรีคลินิก | |
| ARCT-021[422][423]
Arcturus Therapeutics, Duke-NUS Medical School | สหรัฐ สิงคโปร์ | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1-2 (798) ระยะ 1/2 (92) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางทั้งสองฝ่าย ระยะ 2 (600) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ทำในภูมิภาคหลายแห่ง ทำในศูนย์หลายศูนย์ กับผู้ใหญ่สุขภาพดีเพื่อตรวจสอบ ความปลอดภัย ผลข้างเคียง และการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน[424]
ระยะ 2a (106) การทดลองแบบไม่อำพรางเพื่อขยายตรวจสอบความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในระยะยาวเมื่อให้วัคซีนโดสเดียวแก่อาสาสมัครจากการทดลองแม่ที่ได้รับยาหลอกหรือไม่เกิด ตรวจเลือดเป็น seronegative[425] | พรีคลินิก | |
| VBI-2902 Variation Biotechnologies | สหรัฐ | อนุภาคคล้ายไวรัส | ระยะ 1-2 (780) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ เพิ่มขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-มิ.ย. 2022, แคนาดา | พรีคลินิก | |
| ICC Vaccine[428]
Novavax | สหรัฐ | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1-2 (640) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2021–มี.ค. 2022, ออสเตรเลีย | พรีคลินิก | |
| Sanofi-Translate Bio COVID-19 vaccine (MRT5500)[430] Sanofi Pasteur, Translate Bio | ฝรั่งเศส สหรัฐ | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1-2 (333) การศึกษาแบบสุ่ม มีกลุ่มคู่ขนาน ทำเป็นลำดับ คือ sentinel cohort ตามด้วย full enrollment cohort ลำดับแรกเป็นการศึกษาแบบไม่อำพราง ทำเป็นขั้น ๆ เพิ่มขนาดยา เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของยา 2 ขนาดเมื่อฉีด 2 โดส ลำดับสองเป็นการศึกษาแบบอำพรางทั้ง 4 ฝ่ายเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในคนต่างอายุ 2 กลุ่ม โดยครึ่งหนึ่งได้รับวัคซีนโดสเดียว อีกครึ่งที่เหลือได้รับวัคซีนสองโดส ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021–ก.ย. 2022, ฮอนดูรัส สหรัฐ ออสเตรเลีย | พรีคลินิก | |
| EuCorVac-19 EuBiologics Co | เกาหลีใต้ | วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนหนามลูกผสมของไวรัสโควิด-19 บวกกับตัวเสริม) | ระยะ 1-2 (280) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ตรวจสอบขนาดของยา ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. 2021–มี.ค. 2022, ฟิลิปปินส์ (ระยะ 2) เกาหลีใต้ (ระยะ 1/2) | พรีคลินิก | |
| RBD SARS-CoV-2 HBsAg VLP
SpyBiotech | สหราชอาณาจักร | อนุภาคคล้ายไวรัส | ระยะ 1-2 (280) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2020-?, ออสเตรเลีย | พรีคลินิก | |
| GX-19 (GX-19N) Genexine consortium[437][438], International Vaccine Institute | เกาหลีใต้ | วัคซีนดีเอ็นเอ | ระยะ 1-2 (410) ระยะ 1-2 (170+210+30) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก บางงานอำพรางทั้งสองฝ่าย บางงานไม่อำพราง มีแขนเดียว ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2020–ก.ค. 2021, กรุงโซล | พรีคลินิก | |
| AV-COVID-19
AIVITA Biomedical, กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย | สหรัฐ อินโดนีเซีย | Dendritic cell vaccine (dendritic cell ของคนไข้เองที่ได้นำออกมาใส่โปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 โดยใส่เพิ่ม GM-CSF หรือไม่ใส่) | ระยะ 1-2 (202) ปรับได้ (adaptive) ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-ก.พ. 2022, อินโดนีเซีย (ระยะ 1) สหรัฐ (ระยะ 1/2) | พรีคลินิก | |
| COVID-eVax
Takis Biotech | อิตาลี | วัคซีนดีเอ็นเอ (injection followed by electroporation) | ระยะ 1-2 (160) การทดลองแบบไม่อำพราง ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ระยะ 1 แบบเพิ่มขนาดยา
ระยะ 2 มีแขนเดียวหรือสองแขน สุ่มจัดกลุ่ม เพิ่มขนาดยา | พรีคลินิก | |
| BBV154 Bharat Biotech[443] | อินเดีย | วัคซีนที่มีอะดีโนไวรัสเป็นเวกเตอร์ (พ่นจมูก) | ระยะ 1-2 (175) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–มิ.ย. 2021, อินเดีย | พรีคลินิก | |
| ChulaCov19 | ไทย | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1-2 (72) ระยะ 1 (72) การทดลองโดยเพิ่มขนาดยา ทำที่ศูนย์เดียว กับอาสาสมัคร 2 กลุ่ม คือ ผู้มีอายุระหว่าง 18-55 ปี และระหว่าง 56-75 ปี ระยะ 2 การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ เพื่อตรวจความปลอดภัย ผลข้างเคียง และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในผู้มีสุขภาพดีอายุระหว่าง 18-75 ปี | พรีคลินิก | |
| COVID-19/aAPC Shenzhen Genoimmune Medical Institute[447] | จีน | วัคซีนมีเล็นทิไวรัสเป็นเวกเตอร์[t] (with minigene modifying aAPCs) | ระยะ 1 (100) Single group, open-label study to evaluate safety and immunity. แหล่ง: เมืองเชินเจิ้น ช่วงเวลา: ก.พ. 2020–ธ.ค. 2024 | พรีคลินิก | |
| LV-SMENP-DC Shenzhen Genoimmune Medical Institute[447] | จีน | วัคซีนมีเล็นทิไวรัสเป็นเวกเตอร์[t] (with minigene modifying DCs) | ระยะ 1-2 (100) Single-group, open label, multi-center study to evaluate safety and efficacy. แหล่ง: เมืองเชินเจิ้น ช่วงเวลา: มี.ค. 2020–ธ.ค. 2024 | พรีคลินิก | |
| ImmunityBio COVID-19 vaccine (hAd5)
ImmunityBio | สหรัฐ | วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส | ระยะ 1-2 (540) การทดลองระยะ 1/2 เพื่อตรวจความปลอดภัย ผลข้างเคียง และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันสำหรับวัคซีนบูสต์เสริมที่ฉีดใต้ผิวหนังและที่ให้ทางปาก วัคซีนเล็งเป้าที่โปรตีนหนามและ nucleocapsid ของไวรัสโควิด-19 และมุ่งเพิ่มภูมิคุ้มกันทางเซลล์ทีของอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนสองโดส (Prime + Boost) ที่อนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว ช่วงเวลาและแหล่ง: ต.ค. 2020-ก.ย. 2021, แอฟริกาใต้ สหรัฐ | พรีคลินิก | |
| HGC019 Gennova Biopharmaceuticals, HDT Biotech Corporation[455] | อินเดีย สหรัฐ | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 2-3 (4,400) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ตามแผน อำพรางผู้สังเกตการณ์ ทำที่ศูนย์หลายศูนย์เพื่อตรวจความปลอดภัย ความอดทนรับได้ และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในผู้ใหญ่สุขภาพดี ระยะ 2 (400)
ระยะ 3 (4,000) | ระยะ 1-2 (620) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก หาขนาดยา มีกลุ่มคู่ขนาน ไขว้กลุ่ม ทำที่ศูนย์หลายศูนย์เพื่อตรวจความปลอดภัย ความอดทนรับได้ และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในผู้หใญ่สุขภาพดี ระยะ 1 (120) การศึกษาแบบไม่อำพรางกับผู้มีสุขภาพดีอายุ 18-70 ปี.
ระยะ 2 (500) การศึกษาแบบอำพรางผู้สังเกตการณ์ในผู้มีสุขภาพดีอายุ 18-75 ปี | |
| PTX-COVID19-B[459] Providence Therapeutics | แคนาดา | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1 (60) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ช่วงเวลาและแหล่ง: ม.ค.-พ.ค. 2021, แคนาดา | พรีคลินิก | |
| COVAC-2[461]
Vaccine and Infectious Disease Organization (University of Saskatchewan) | แคนาดา | วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 บวกกับตัวเสริม) | ระยะ 1 (108) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ เพิ่มขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. 2021 – ต.ค. 2022, แฮลิแฟกซ์ (แคนาดา) | พรีคลินิก | |
| COVI-VAC (CDX-005)[463] Codagenix Inc. | สหรัฐ | วัคซีนเชื้อลดฤทธิ์ | ระยะ 1 (48) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย เพิ่มขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-มิ.ย. 2021, สหราชอาณาจักร | พรีคลินิก | |
| CoV2 SAM (LNP) | สหราชอาณาจักร | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1 (40) การทดลองแบบไม่สุ่ม ไม่อำพราง เพิ่มขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ.-มิ.ย. 2021, สหรัฐ | พรีคลินิก | |
| COVIGEN[466]
Bionet Asia, Technovalia, มหาวิทยาลัยซิดนีย์ | ออสเตรเลีย ไทย | วัคซีนดีเอ็นเอ | ระยะ 1 (150) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย หาขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. 2021-มิ.ย. 2022, ออสเตรเลีย ไทย | พรีคลินิก | |
| MV-014-212[468]
Meissa Vaccine Inc. | สหรัฐ | วัคซีนเชื้อลดฤทธิ์ | ระยะ 1 (130) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ต.ค. 2022, United States | พรีคลินิก | |
| S-268019
Shionogi | ญี่ปุ่น | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1-2 (300) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีกลุ่มคู่ขนาน ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-มิ.ย. 2022, ญี่ปุ่น | พรีคลินิก | |
| KBP-201
Kentucky Bioprocessing | สหรัฐ | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1-2 (180) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มคู่ขนาน ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-พ.ค. 2022, สหรัฐ | พรีคลินิก | |
| AdCLD-CoV19
Cellid Co | เกาหลีใต้ | วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส | ระยะ 1-2 (150) ระยะ 1 การทดลองแบบไม่อำพราง เพิ่มขนาดยา ทำที่ศูนย์เดียว ระยะ 2a การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพราง ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ | พรีคลินิก | |
| AdimrSC-2f
Adimmune Corporation | ไต้หวัน | วัคซีนซับยูนิต (Recombinant RBD +/− Aluminium) | ระยะ 1 (70) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม ไม่อำพราง หาขนาดยา ทำที่ศูนย์เดียว ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.-พ.ย. 2020, ไต้หวัน | พรีคลินิก | |
| AKS-452
University Medical Center Groningen | เนเธอร์แลนด์ | วัคซีนเป็นเวกเตอร์ซับยูนิต | ระยะ 1-2 (130) การทดลองแบบไม่สุ่ม ไม่อำพราง ทำที่ศูนย์เดียว combinatorial ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-มิ.ย. 2021, เนเธอร์แลนด์ | พรีคลินิก | |
| GLS-5310
GeneOne Life Science Inc. | เกาหลีใต้ | วัคซีนดีเอ็นเอ | ระยะ 1-2 (345) การทดลองแบบรวมระยะ 1 (เพิ่มขนาดยา) และ 2a (อำพรางทั้งสองฝ่าย) แบบสุ่ม ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-ก.ค. 2022, เกาหลีใต้ | พรีคลินิก | |
| Covigenix VAX-001
Entos Pharmaceuticals Inc. | แคนาดา | วัคซีนดีเอ็นเอ | ระยะ 1-2 (72) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ หาขนาดยา และปรับได้ ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-ส.ค. 2021, แคนาดา | พรีคลินิก | |
| NBP2001
SK Bioscience Co. Ltd. | เกาหลีใต้ | วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนลูกผสมบวกกับตัวเสริมประเภทอลูมิเนียม) | ระยะ 1 (50) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ เพิ่มขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-เม.ย. 2021, เกาหลีใต้ | พรีคลินิก | |
| CoVac-1
University of Tübingen | เยอรมนี | วัคซีนซับยูนิต (เพปไทด์) | ระยะ 1-2 (104) ระยะ 1 (36) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ เพิ่มขนาดยา ระยะ 1/2 (68) การทดลองเพื่อตรวจความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของผู้ที่มีความบกพร่องทางแอนติบอดีหรือ Bcell | พรีคลินิก | |
| bacTRL-Spike
Symvivo | แคนาดา | วัคซีนดีเอ็นเอ | ระยะ 1 (24) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020-ก.พ. 2022, ออสเตรเลีย | พรีคลินิก | |
| CORVax12
Providence Health & Services | สหรัฐ | วัคซีนดีเอ็นเอ | ระยะ 1 (36) การทดลองแบบไม่สุ่ม ไม่อำพราง มีกลุ่มคู่ขนาน เพื่อตรวจความปลอดภัยของวัคซีน 2 โดสที่ฉีดห่างกัน 4 สัปดาห์โดยมี/หรือไม่มีตัวเพิ่มคือ electroporated IL-12p70 plasmid ในคน 2 กลุ่มแบ่งโดยวัย คือ กลุ่มอายุ 18-50 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 50 ปี ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-ก.ค. 2021, สหรัฐ | พรีคลินิก | |
| ChAdV68-S (SAM-LNP-S)
สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ, Gritstone Oncology | สหรัฐ | วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส | ระยะ 1 (150) การทดลองแบบไม่อำพราง มีกลุ่มคู่ขนาน เพิ่มขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ก.ย. 2022, สหรัฐ | พรีคลินิก | |
| VXA-CoV2-1 (VXA-NVV-104)
Vaxart | สหรัฐ | วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส | ระยะ 1 (83) ระยะ 1a (35) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ระยะ 1b (48) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ | พรีคลินิก | |
| SpFN COVID-19 vaccine
United States Army Medical Research and Development Command | สหรัฐ | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1 (72) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021-ต.ค. 2022, สหรัฐ | พรีคลินิก | |
| MVA-SARS-2-S (MVA-SARS-2-ST)
University Medical Center Hamburg-Eppendorf | เยอรมนี | วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส | ระยะ 1-2 (270) ระยะ 1 (30) การทดลองแบบเปิด ทำที่ศูนย์เดียว ระยะ 1b/2a (240) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ | พรีคลินิก | |
| ReCOV
Jiangsu Rec-Biotechnology Co Ltd | จีน | วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนลูกผสมรวมโปรตีนหนามและ RBD เพาะใน CHO cell) | ระยะ 1 (160) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย หาขนาดยา เป็นระยะแรกที่ทดลองในมนุษย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ก.ค. 2021, นิวซีแลนด์ | พรีคลินิก | |
| Koçak-19 Inaktif Adjuvanlı COVID-19 vaccine
Kocak Farma | ตุรกี | วัคซีนซึ่งใช้ไวรัสโควิด-19 ที่ฆ่าแล้ว | ระยะ 1 (38) การศึกษาระยะที่ 1 เพื่อตรวจความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนในขนาดต่าง ๆ กัน ซึ่งฉีดเข้าในกล้ามเนื้อของอาสาสมัครสุขภาพดี เป็นการทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-มิ.ย. 2021, ตุรกี | พรีคลินิก | |
| mRNA-1283
โมเดอร์นา | สหรัฐ | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1 (125) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ หาขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-เม.ย. 2022, สหรัฐ | พรีคลินิก | |
| DS-5670[491]
Daiichi Sankyo[492] | ญี่ปุ่น | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1-2 (152) การศึกษาระยะที่ 1/2 เพื่อตรวจความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนในอาสาสมัครญี่ปุ่นผู้ใหญ่และคนชราผู้มีสุขภาพดี ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ก.ค. 2022, ญี่ปุ่น | พรีคลินิก | |
| CoV2-OGEN1
Syneos Health, US Specialty Formulations | สหรัฐ | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1 (45) การทดลองระยะแรกในมนุษย์ ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.-ธ.ค. 2021, นิวซีแลนด์ | พรีคลินิก | |
| KD-414
KM Biologics Co | ญี่ปุ่น | วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย | ระยะ 1-2 (210) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีกลุ่มคู่ขนาน[496] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ธ.ค. 2022, ญี่ปุ่น | พรีคลินิก | |
| CoVepiT
OSE Immunotherapeutics | ฝรั่งเศส | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1 (48) การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพราง ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ก.ย. 2021, ฝรั่งเศส | พรีคลินิก | |
| HDT-301
Senai Cimatec | บราซิล | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1 (78) การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพราง หาขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย.-ก.ย. 2021, บราซิล | พรีคลินิก | |
| SC-Ad6-1
Tetherex Pharmaceuticals | สหรัฐ | เวกเตอร์ไวรัส | ระยะ 1 (40) การทดลองระยะแรกในมนุษย์ ไม่อำพราง หาขนาดยา ฉีดโดสเดียวหรือสองโดส ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย-ธ.ค. 2021, ออสเตรเลีย | พรีคลินิก | |
| ยังไม่ตั้งชื่อ
Osman ERGANIS, Scientific and Technological Research Council of Turkey | ตุรกี | วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย | ระยะ 1 (50) การศึกษาระยะที่ 1 เพื่อตรวจความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ของวัคซีนเชื้อตายบวกยาเสริมเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในอาสาสมัครสุขภาพดี ฉีดใต้ผิวหนัง แบ่งเป็นสองกลุ่มที่ใช้ยาขนาดไม่เท่ากัน ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ต.ค. 2021, ตุรกี | พรีคลินิก | |
| EXG-5003
Elixirgen Therapeutics, Fujita Health University | ญี่ปุ่น สหรัฐ | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1-2 (60) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021-ม.ค. 2023, ญี่ปุ่น | พรีคลินิก | |
| mRNACOVID-19 Vaccine
Stemirna Therapeutics Co. Ltd. | จีน | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1 (240) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-ก.ค. 2021, จีน | พรีคลินิก | |
| IVX-411
Icosavax, Seqirus Inc. | สหรัฐ | อนุภาคคล้ายไวรัส | ระยะ 1-2 (168) ระยะ 1/2 (84) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2021-2022, ออสเตรเลีย | พรีคลินิก | |
| QazCoVac-P[506]
Research Institute for Biological Safety Problems | คาซัคสถาน | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1-2 (244) ระยะ 1 การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพราง ระยะ 2 การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพราง | พรีคลินิก | |
| LNP-nCOV saRNA-02
MRC/UVRI & LSHTM Uganda Research Unit | ยูกันดา | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1 (42) การทดลองเพื่อตรวจความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิต้านทานซึ่งเป็นวัคซีนแบบ Self-amplifying Ribonucleic Acid ในอาสาสมัครชาวยูกันดาทั้งที่มีภูมิและไม่มีภูมิต้าทานไวรัสโควิด-19 ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2021-มิ.ย. 2022, Uganda | พรีคลินิก | |
| Noora[509]
Baqiyatallah University of Medical Sciences | อิหร่าน | วัคซีนซับยูนิต (โปรตีน RBD ลูกผสม) | ระยะ 1 (70) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.-ส.ค. 2021, อิหร่าน | พรีคลินิก | |
| Baiya SARS-CoV-2 Vax 1[511]
Baiya Phytopharm Co Ltd. | ไทย | วัคซีนซับยูนิตที่เพาะในพืช (เป็นโปรตีน RBD-Fc บวกกับยาเสริม) | ระยะ 1 (96) การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพราง หาขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย.-ธ.ค. 2021, Thailand | พรีคลินิก | |
| CVXGA1
CyanVac LLC | สหรัฐ | เวกเตอร์ไวรัส | ระยะ 1 (80) ไม่อำพราง ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.-ธ.ค. 2021, สหรัฐ | พรีคลินิก | |
| ยังไม่ตั้งชื่อ
St. Petersburg Scientific Research Institute of Vaccines and Sera of Russia at the Federal Medical Biological Agency | รัสเซีย | วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนลูกผสม) | ระยะ 1-2 (200) ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.-? 2021, รัสเซีย | พรีคลินิก | |
| LVRNA009
Liverna Therapeutics Inc. | จีน | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1 (24) ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.-พ.ย. 2021, จีน | พรีคลินิก | |
| PHH-1V
Hipra[516] | สเปน | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1-2 (30) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์ หาขนาดยา ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.-พ.ย. 2021, สเปน | พรีคลินิก | |
| Versamune-CoV-2FC
Farmacore Biotechnology, PDS Biotechnology Corporation, Faculty of Medicine of Ribeirão Preto | บราซิล สหรัฐ | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1-2 (360) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2021-มี.ค. 2022, บราซิล | พรีคลินิก | |
| ยังไม่ตั้งชื่อ
North's Academy of Medical Science Medical biology institute | เกาหลีหนือ | วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนหนามบวกกับ Angiotensin-converting enzyme 2) | ระยะ 1-2 (?) ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020, เกาหลีหนือ | พรีคลินิก | |
| ยังไม่ตั้งชื่อ
ซิโนฟาร์ม | จีน | วัคซีนซับยูนิต | ระยะ 1-2 (?) ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021-?, จีน | พรีคลินิก | |
| Vabiotech COVID-19 vaccine
Vaccine and Biological Production Company No.1 (Vabiotech) | เวียดนาม | วัคซีนซับยูนิต | พรีคลินิก สถานะ - รอทำการทดลองระยะที่ 1[521] | ? | |
| INO-4802
Inovio Pharmaceuticals | สหรัฐ | วัคซีนดีเอ็นเอ | พรีคลินิก สถานะ - รอทำการทดลองระยะที่ 1/2[522] | ? | |
| Bangavax (Bancovid) Globe Biotech Ltd of Bangladesh | บังกลาเทศ | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | พรีคลินิก สถานะ - รออนุมัติให้ทำการทดลองระยะแรก[525] | ? | |
| ยังไม่ตั้งชื่อ
Indian Immunologicals, Griffith University[526] | ออสเตรเลีย อินเดีย | วัคซีนเชื้อลดฤทธิ์ | พรีคลินิก | ? | |
| EPV-CoV-19[527]
EpiVax | สหรัฐ | วัคซีนซับยูนิต (T cell epitope-based protein) | พรีคลินิก | ? | |
| CV2CoV[528]
CureVac, แกล็กโซสมิธไคลน์ | เยอรมนี สหราชอาณาจักร | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | พรีคลินิก | ? | |
| DYAI-100[529]
Sorrento Therapeutics, Dyadic International, Inc.[530] | สหรัฐ | วัคซีนซับยูนิต | พรีคลินิก | ? | |
| ยังไม่ตั้งชื่อ[531]
กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย, Malaysia Institute of Medical Research Malaysia, Universiti Putra Malaysia | มาเลเซีย | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | พรีคลินิก | ? | |
| ARCT-165
Arcturus Therapeutics | สหรัฐ | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | พรีคลินิก สถานะ - รอการอนุมัติให้ทำาการทดลองระยะ 1/2[532] | ? | |
| AdCOVID
Altimmune Inc. | สหรัฐ | เวกเตอร์ไวรัส | ยกเลิกแล้ว (180) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. 2021-ก.พ. 2022, สหรัฐ | พรีคลินิก | |
| LNP-nCoVsaRNA หน่วย Medical Research Council Clinical Trials Unit ที่อิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน | สหราชอาณาจักร | วัคซีนอาร์เอ็นเอ | ระยะ 1 (105) การทดลองระยะที่ 1 แบบสุ่มโดยทดลองเพิ่มขนาดยา (15) แล้วขยายเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย (อย่างน้อย 200) แหล่ง: สหราชอาณาจักร ช่วงเวลา: มิ.ย. 2020-ก.ค. 2021 | พรีคลินิก | |
| TMV-083
Institut Pasteur | ฝรั่งเศส | เวกเตอร์ไวรัส | ยกเลิกแล้ว (90) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2020-ก.ค. 2021, เบลเยียม ฝรั่งเศส | ? | |
| SARS-CoV-2 Sclamp/V451 มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์, Syneos Health, เซพี, Seqirus (ส่วนของ CSL Limited) | วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนหนามทำให้เสถียรด้วย molecular clamp บวกกับตัวเสริม MF59) | ยกเลิกแล้ว (120) การทดลองแบบสุ่มและใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ตรวจหาขนาดยา สถานะ - ได้ผลบวกลวงเมื่อตรวจไวรัสเอชไอวีในอาสาสมัคร แหล่ง: บริสเบน ช่วงเวลา: ก.ค.-ต.ค. 2020 | ? |
| |
| V590[539] และ V591/MV-SARS-CoV-2[540]
เมอร์ค (Themis BIOscience), สถาบันปาสเตอร์, University of Pittsburgh's Center for Vaccine Research (CVR), เซพี | สหรัฐ ฝรั่งเศส | วัคซีนที่ใช้ไวรัส Vesicular stomatitis เป็นเวกเตอร์[541] หรือ Measles morbillivirus เป็นเวกเตอร์[542] | ยกเลิกแล้ว สถานะ - การทดลองระยะที่ 1 พบการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในระดับอ่อนกว่าที่พบในการติดเชื้อจริง ๆ และที่พบในวัคซีนโควิด-19 อื่น ๆ[543] |
- ↑ สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (Serum Institute of India) จะเป็นผู้ผลิตวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19 ให้แก่อินเดีย[122] ประเทศรายได้ต่ำและปานกลางอื่น ๆ[123]
- ↑ ชื่อใช้ที่มหาวิทยาลัยคือ ChAdOx1 nCoV-19 สถาบัน Oswaldo Cruz Foundation จะเป็นผู้ผลิตในบราซิล[124]
- 1 2 3 4 Interventional, non-randomised
- ↑ ใช้ชื่อว่า BNT162b2 เมื่อยังไม่ได้อนุมัติ
- 1 2 Nucleoside-modified messenger RNA, ตัวย่อ modRNA
- 1 2 นี่เป็นระยะห่างที่แนะนำ แต่โดสที่สองของไฟเซอร์และโมเดอร์นาสามารถฉีดได้ช้าสุด 6 สัปดาห์หลังโดสแรกถ้าขาดแคลนวัคซีน[138][139]
- ↑ ของไฟเซอร์สามารถเก็บเป็นระยะยาวในอุณหภูมิระหว่าง −25 และ −15 องศาเซลเซียส (−13 และ 5 องศาฟาเรนไฮต์) จนถึง 2 สัปดาห์ก่อนจะใช้ และระหว่าง 2 และ 8 องศาเซลเซียส (36 และ 46 องศาฟาเรนไฮต์) ได้จนถถึง 5 วันก่อนจะใช้[140][141]
- ↑ นี่เป็นอุณหภูมิที่ใช้เก็บ Gam-COVID-Vac สูตรแช่แข็ง แต่สูตรทำแห้งเยือกแข็ง คือ Gam-COVID-Vac-Lyo สามารถเก็บไว้ระหว่างอุณหภูมิ 2-8 องศาสเซลเซียส[171]
- ↑ Recombinant adenovirus type 5 vector
- ↑ Subunit peptide
- ↑ Recombinant subunit vaccine
- 1 2 Subunit vaccine
- ↑ ระยะล่าสุดที่ได้ตีพิมพ์ผล
- ↑ เป็นแผนกวัคซีนของบริษัทยาซาโนฟี่
- ↑ อนุภาคคล้ายไวรัส (virus-like particles) ที่ก่อในพืชประจำถิ่นออสเตรเลีย Nicotiana benthamiana ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกันกับยาสูบ[307]
- ↑ recombinant spike protein
- ↑ Recombinant protein
- ↑ electroporation หรือ electropermeabilization หรือ electrotransfer เป็นเทคนิคทางจุลชีววิทยาที่ประกบสนามไฟฟ้ากับเซลล์เพื่อเพิ่มสภาพให้ซึมผ่านได้ของเยื่อหุ้มเซลล์ จึงทำให้สารเคมี ยา หรือดีเอ็นเอเข้าไปในเซลล์ได้[377][378]
- ↑ ระยะ 1-2a ในเกาหลีใต้ทำพร้อมกับระยะ 2-3 ในสหรัฐ
การฉีดวัคซีนบูสต์ชนิดเดียวกัน
[แก้]ในเดือนกรกฎาคม 2021 องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ได้ร่วมกันแถลงการณ์ว่า การฉีดวัคซีนบูสต์ยังไม่จำเป็นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนตามสูตรแล้ว[544] โดยระบุด้วยว่า องค์กรต่าง ๆ ของรัฐรวมทั้ง FDA, CDC, และสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐมุ่งมั่นใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวดเพื่อพิจารณาว่า เมื่อไรจึงต้องฉีดวัคซีนบูสต์[544] ต่อมาในเดือนสิงหาคม FDA และ CDC จึงได้อนุมัติให้ฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอเป็นตัวบูสต์สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง[545][546]
การฉีดวัคซีนบูสต์ต่างชนิด
[แก้]ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่า การฉีดวัคซีนสองโดสต่างชนิดกัน (prime-boost vaccination) จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันเทียบกับการฉีดวัคซีนสองโดสเหมือนกัน โดยมีงานศึกษาที่กำลังตรวจสอบผลเช่นนี้อยู่[547] แม้จะยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิศักย์และความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนไขว้เช่นนี้ แคนาดาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปต่างก็แนะนำให้ฉีดวัคซีนโดสที่สองต่างชนิดกันสำหรับบุคคลที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นโดสที่หนึ่ง[548]
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 กลุ่มวิจัยวัคซีนที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดได้เริ่มการทดลองซึ่งตรวจสอบการได้วัคซีนโควิด-19 สองโดสโดยต่างชนิด[549] ณ เดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ก็ได้ดำเนินไปถึงการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 แล้วโดยมีงานสองงาน คือ Com-COV และ Com-COV2[550]
งานทดลอง Com-COV เปรียบการฉีดวัคซีนไขว้คือ วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ากับของไฟเซอร์-ไบออนเทค เทียบกับการฉีดวัคซีนสองชนิดสองเข็มประเภทเดียวกัน โดยมีระยะห่าง 28 วัน (4 สัปดาห์) หรือ 84 วัน (12 สัปดาห์) ระหว่างโดส[551][552] [แหล่งอ้างอิงทางการแพทย์ที่ไม่น่าเชื่อถือ?] ส่วนงานทดลอง Com-COV2 ฉีดวัคซีนโดสแรกซึ่งไม่เป็นของแอสตร้าเซนเนก้าก็เป็นของไฟเซอร์ ส่วนโดสที่สองเป็นของโมเดอร์นา หรือของโนวาแวกซ์ หรือเป็นวัคซีนชนิดเดียวกันกับโดสแรก โดยฉีดห่างกัน 56 วัน (8 สัปดาห์) หรือ 84 วัน (12 สัปดาห์)[553]
งานศึกษาอีกงานหนึ่งในสหราชอาณาจักรกำลังตรวจการฉีดบูสต์ซึ่งเลือกวัคซีนโดยสุ่ม วัคซีนอาจเป็นของแอสตร้าเซนเนก้า, ของไฟเซอร์, ของโมเดอร์นา, ของโนวาแวกซ์, VLA2001, CureVac, หรือของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน[554]
| โดสแรก | โดสสอง | ตารางการฉีด | ระยะการทดลอง (จำนวนอาสาสมัคร), ช่วงเวลา และเขตที่ทำ |
|---|---|---|---|
| แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ | แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ | วันที่ 0 และ 28 วันที่ 0 และ 84 | ระยะ 2 (820) ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ.-ส.ค. 2021, สหราชอาณาจักร |
| สปุตนิกไลท์ | แอสตร้าเซนเนก้า ของโมเดอร์นา ของซิโนฟาร์ม | ระยะ 2 (121) ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ.-ส.ค. 2021, อาร์เจนตินา | |
| แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ | แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา โนวาแวกซ์ | วันที่ 0 และ 56-84 | ระยะ 2 (1,050) ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ก.ย. 2022, สหราชอาณาจักร |
| Convidecia | ZF2001 | วันที่ 0 และ 28 วันที่ 0 และ 56 | ระยะ 4 (120) ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ธ.ค. 2021, จีน |
| แอสตร้าเซนเนก้า | ไฟเซอร์ | วันที่ 0 และ 28 | ระยะ 2 (676) ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021-เม.ย. 2022, สเปน |
| แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา | ไฟเซอร์ โมเดอร์นา | วันที่ 0 และ 28 วันที่ 0 และ 112 | ระยะ 2 (1,200) ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2021-มี.ค. 2023, แคนาดา |
| ไฟเซอร์ โมเดอร์นา | ไฟเซอร์ โมเดอร์นา | วันที่ 0 และ 42 | ระยะ 2 (400) ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2021-ม.ค. 2022, ฝรั่งเศส |
| แอสตร้าเซนเนก้า | ไฟเซอร์ | วันที่ 0 และ 28 วันที่ 0 และ 21-49 | ระยะ 2 (3,000) ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค.-ธ.ค. 2021, ออสเตรีย |
| จอห์นสัน | ไฟเซอร์ จอห์นสัน โมเดอร์นา | วันที่ 0 และ 84 | ระยะ 2 (432) ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2021-ก.ย. 2022, เนเธอร์แลนด์ |
งานวิจัยพรีคลินิก
[แก้]ในเดือนเมษายน องค์การอนามัยโลกแถลงการณ์โดยเป็นตัวแทนของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มต่าง ๆ ทั่วโลกว่าจะร่วมมือกันเพื่อเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด[562] โดยชักชวนองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งองค์กรที่กำลังพัฒนาวัคซีนแคนดิเดต องค์กรควบคุมและตั้งนโยบายของรัฐ ผู้ให้เงินทุน องค์กรสาธารณสุข และรัฐบาล ให้ร่วมมือกันเพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิผลได้โดยมีปริมาณเพียงพอในการแจกจำหน่ายให้แก่เขตต่าง ๆ ทั้งหมดของโลกโดยเฉพาะเขตที่ยากจน[31]
เมื่อวิเคราะห์ประวัติของอุตสาหกรรมพัฒนาวัคซีนก็พบว่า การพัฒนาจะล้มเหลวในอัตราร้อยละ 84–90[31][89] อนึ่ง เพราะโควิดเป็นไวรัสใหม่ มีลักษณะต่าง ๆ ที่ยังไม่ชัดเจนทั้งหมด และต้องใช้กลยุทธ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาวัคซีน ทุก ๆ ขั้นตอนจึงเสี่ยงไม่สำเร็จสูงมาก[31]
เพื่อประเมินประสิทธิผลที่วัคซีนหนึ่ง ๆ อาจมี ก็จะต้องพัฒนาแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์และสัตว์จำลองซึ่งเฉพาะเจาะจงต่อโควิดที่ไม่เคยมีมาก่อน และสิ่งจำลองเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถทดสอบยืนยันกับลักษณะต่าง ๆ ของไวรัสที่ยังไม่ปรากฏ เป็นสิ่งที่ต้องร่วมกันทำโดยกำลังจัดตั้งในปี 2020[31] ในบรรดาวัคซีนแคนดิเดตที่ยืนยันแล้วว่ากำลังพัฒนา บริษัทเอกชนเป็นผู้พัฒนาในอัตราร้อยละ 70 ที่เหลือนักวิชาการ รัฐบาล และองค์กรสาธารณสุขเป็นผู้พัฒนา[38]
ผู้พัฒนาวัคซีนโดยมากเป็นบริษัทเล็ก ๆ หรือทีมนักวิจัยในมหาวิทยาลัยผู้มีประสบการณ์น้อยในการออกแบบวัคซีนให้ประสบความสำเร็จ มีทุนจำกัดเพื่อทำงานทดลองทางคลินิกที่ซับซ้อนและเพื่อผลิตวัคซีนถ้าไม่ได้บริษัทเภสัชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติเป็นหุ้นส่วน[38][31] ผู้กำลังพัฒนาวัคซีนรวมองค์กรในสหรัฐและแคนาดาซึ่งทั้งสองรวมกันมีงานวิจัยวัคซีนที่กำลังดำเนินการเป็นอัตราร้อยละ 46 ทั้งหมดของโลก เทียบกับเอเชียที่ร้อยละ 36 รวมทั้งประเทศจีน และกับยุโรปที่ร้อยละ 18[31]
การทดลองระยะ 1 ที่วางแผนในปี 2020
[แก้]วัคซีนแคนดิเดตที่กำลังออกแบบหรือพัฒนาในระยะพรีคลินิกสำหรับโควิดอาจไม่ได้รับอนุมัติให้ศึกษาในมนุษย์ช่วงปี 2020 เพราะเป็นพิษ ไม่มีประสิทธิผลชักนำให้ภูมิคุ้มกันตอบสนอง หรือล้มเหลวในด้านต่าง ๆ ในสัตว์ทดลอง หรืออาจไม่มีทุนพอ[563][564] สำหรับโรคติดเชื้อ โอกาสประสบความสำเร็จของวัคซีนแคนดิเดตในการฝ่าอุปสรรคระยะพรีคลินิกแล้วเข้าสู่การทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 อยู่ในอัตราร้อยละ 41–57[563]
ค่าใช้จ่ายของการทดลองเบื้องต้นในมนุษย์ค่อนข้างสูงสำหรับผู้พัฒนาวัคซีน ประเมินอยู่ที่ 14–25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 440–786 ล้านบาท) สำหรับโปรแกรมการทดลองระยะที่ 1 ทั่วไป แต่ก็อาจถึง 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,200 ล้านบาท) ได้เหมือนกัน[563][565] เมื่อเปรียบเทียบกับ|โรคไวรัสอีโบลาที่ระบาดทั่วระหว่างปี 2013–2016 ซึ่งมีวัคซีนแคนดิเดต 37 ชนิดที่พัฒนาอย่างเร่งด่วน มีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เป็นวัคซีน โดยมีค่าใช้จ่ายเพื่อยืนยันประสิทธิผลในการทดลองระยะที่ 2–3 ประมาณพันล้านดอลลาร์สหรัฐ (35,292 ล้านบาท)[563]
วัคซีนที่ไม่เฉพาะเจาะจงโรคโควิด
[แก้]วัคซีนบางชนิดมีผลที่ไม่เฉพาะเจาะจง (non-specific effects) คืออาจมีประโยชน์เกินนอกเหนือจากโรคที่ป้องกัน[566]
แม้อ้างว่า (มี.ค., มิ.ย. และ ก.ค.) อัตราการตายเหตุโควิดจะต่ำกว่าในประเทศที่ฉีดวัคซีนบีซีจีเพื่อป้องกันวัณโรคเป็นปกติ[567][568][569][570] แต่องค์การอนามัยโลกก็กล่าวในเดือนเมษายนว่า ไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนนี้มีผลต้านโควิด[571] ในเดือนมีนาคม 2020 ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้เริ่มการทดลองวัคซีนบีซีจีแบบสุ่มเพื่อลดการติดโรคโควิดโดยรับแพทย์พยาบาล 1,000 คน[572] ออสเตรเลียก็ทดลองแบบสุ่มเช่นกันโดยรับแพทย์พยาบาล 4,170 คน[573][574]
การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยยาหลอกเพื่อตรวจว่าวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ (ป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน) สามารถป้องกันแพทย์พยาบาลจากโรคโควิดจะเริ่มในเดือนพฤษภาคม 2020 ที่กรุงไคโรโดยรับอาสาสมัคร 200 คน[575]
วัคซีนบีซีจี
[แก้]นักวิจัยได้ศึกษาวัคซีนบีซีจีอันอาจมีผลที่ไม่เฉพาะเจาะจง (non-specific effects) เป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากสังเกตการณ์ว่าอัตราตายและความรุนแรงของโรคจะน้อยกว่าในประเทศกำลังพัฒนา (ที่มักใช้วัคซีนนี้) แต่องค์การอนามัยโลกก็เตือนว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจมีผลต่อข้อสังเกตเช่นนี้เช่น อัตราการตรวจโรคโควิดและภาระโรค (disease burden)[576] ในการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม วัคซีนนี้พบว่ามีผลไม่เฉพาะเจาะจงเป็นการป้องกันการติดเชื้อทางลมหายใจอื่น ๆ[577]
ปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานพอสนับสนุนข้อสรุปว่า วัคซีนบีซีจีมีประสิทธิภาพป้องกันโควิด[578] ในเดือนตุลาคม มหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ (อังกฤษ) ประกาศการทดลองนานาชาติขนาดใหญ่เพื่อศึกษาว่า การให้วัคซีนบีซีจีสามารถลดอันตรายของโควิดต่อบุคลากรทางแพทย์หรือไม่[579][580] ซึ่งเนเธอร์แลนด์ก็ประกาศเช่นเดียวกันในเดือนพฤษภาคมก่อนหน้านั้น[577]
การใช้ตัวเสริม (adjuvant)
[แก้]จนถึงเดือนกันยายน 2020 วัคซีนแคนดิเดต 11 อย่างที่อยู่ในระยะการทดลองทางคลินิกใช้ตัวเสริมเพื่อเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน[38] ตัวเสริม หรือ immunological adjuvant เป็นสารที่เลือกใช้กับวัคซีนเพื่อเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อแอนติเจน เช่นต่อไวรัสโควิดหรือไข้หวัดใหญ่[581] ตรง ๆ ก็คือ ตัวเสริมอาจใช้กับวัคซีนโควิดเพื่อเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและเพิ่มประสิทธิศักย์ในการลดหรือป้องกันการติดเชื้อโควิดในบุคคลที่ได้วัคซีน[581][582] ตัวเสริมอาจมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในเทคโนโลยีที่ใช้ไวรัสโควิดเชื้อตาย (inactivated) ในวัคซีนโปรตีนที่ได้จากยีนลูกผสม (recombinant protein) หรือในวัคซีนที่ใช้เวกเตอร์ (vector)[582] เกลืออะลูมิเนียม (aluminum salt, alum) เป็นตัวเสริมแรกที่ใช้ในวัคซีนซึ่งได้อนุมัติ โดยเลือกใส่ในวัคซีนที่ใช้ตัวเสริมเกินร้อยละ 80[582] และได้ใช้มาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1920 เป็นสารที่เริ่มกลไกทางโมเลกุลและเซลล์อย่างหลายหลากเพื่อเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน รวมทั้งการปล่อยไซโตไคน์ที่เสริมการอักเสบ[581][582]
ประสิทธิศักย์
[แก้]
ประสิทธิศักย์ของวัคซีน (efficacy) หมายถึงสมรรถภาพของวัคซีนในการลดความเสี่ยงการติดโรคของผู้ได้รับวัคซีนในการทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม โดยเทียบกับผู้ไม่ได้รับ[147] ประสิทธิศักย์ที่ ร้อยละ 0 หมายถึงวัคซีนไม่มีผลเลย (คือมีผลเท่ากับยาหลอก) และที่ร้อยละ 50 ก็หมายถึงการมีกรณีการติดโรคครึ่งหนึ่งเทียบกับผู้ไม่ได้วัคซีน
ประสิทธิศักย์อาจลดลงถ้าผู้ฉีดจับแขนหรือบีบแขนของผู้รับวัคซีนอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้ฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนังแทนที่จะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ[584][585] แนวทางการปฏิบัติปัจจุบันของศูนย์ป้องกันโรคสหรัฐก็คือไม่ควรฉีดวัคซีนซ้ำหลังจากที่ได้ฉีดพลาดเข้าใต้ผิวหนัง[586]
เป็นการยากที่จะเทียบประสิทธิศักย์ของวัคซีนต่างชนิดกัน เพราะข้อมูลประสิทธิศักย์ของวัคซีนแต่ละชนิดได้จากการทำการทดลองกับกลุ่มประชากรที่ต่างกัน ในภูมิภาคที่ต่างกัน และกับไวรัสสายพันธุ์ต่าง ๆ กัน[587] สำหรับโควิด-19 ประสิทธิศักย์ที่ร้อยละ 67 อาจพอชลอให้โรคระบาดช้าลง แต่วัคซีนที่มีในปัจจุบันก็ไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันแบบกำจัดเชื้อ (sterilizing immunity)[588] ซึ่งจำเป็นในการป้องกันไม่ให้โรคติดต่อ ประสิทธิศักย์ของวัคซีนจริง ๆ สะท้อนเพียงการป้องกันโรค และอาจเป็นตัวบ่งชี้การติดต่อเชื้อที่ไม่ดีเพราะผู้ไม่มีอาการก็ยังสามารถแพร่เชื้อไปให้คนอื่นได้มาก[589]
องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) และสำนักงานการแพทย์ยุโรป (EMA) มีเกณฑ์ประสิทธิศักย์ขั้นต่ำของวัคซีนโควิด-19 ที่ร้อยละ 50 สำหรับการขึ้นทะเบียนให้ใช้[590][591][592] ทั่วไปแล้ว การฉีดวัคซีนให้ประชากรร้อยละ 75 เป็นเป้าหมายที่เชื่อว่าปฏิบัติได้จริง ดังนั้น วัคซีนจึงต้องมีประสิทธิภาพอย่างน้อยร้อยละ 70 เพื่อไม่ให้โรคระบาด (ขึ้นอยู่กับค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐาน คือ ) และร้อยละ 80 เพื่อกำจัดโรคโดยไม่ต้องควบใช้นโยบายอื่น ๆ เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม[593]
ประสิทธิศักย์ที่ไม่น้อยของวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอบางอย่างหลังจากฉีดเพียงแค่โดสเดียวเป็นตัวบ่งว่า[594] การฉีดวัคซีนแต่ละโดสสัมพันธ์อย่างไม่เชิงเส้นกับประสิทธิศักย์ ซึ่งจริง ๆ ก็ได้เห็นแล้วตั้งแต่การทดลองระยะที่ 1-2[595] และแสดงนัยว่า การให้วัคซีนในขนาดที่เฉพาะบุคคล ๆ (เช่น ให้เต็มสูตรสำหรับคนชรา ให้น้อยลดสำหรับเยาวชน[596] และให้เพิ่มสำหรับผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง[597]) อาจช่วยเร่งการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนเมื่อวัคซีนมีจำกัด และช่วยย่นระยะเหตุการณ์ระบาด ดังที่จริง ๆ แบบจำลองการระบาดได้แสดงให้เห็นแล้ว[598]
พิสัยต่าง ๆ ในตารางต่อไปนี้มีช่วงความเชื่อมั่น (CI) ที่ร้อยละ 95 ยกเว้นจะระบุเป็นพิเศษ โดยค่าเป็นจริงสำหรับคนทุกช่วงอายุตามแหล่งอ้างอิง โดยนิยามแล้ว ความแม่นยำของค่าประเมินที่ไม่มีช่วงความเชื่อมั่นจะยังไม่ชัดเจน ค่าประสิทธิศักย์ในการป้องกันโรคที่มีอาการรุนแรงเป็นเรื่องสำคัญสุด เพราะการเข้า รพ. และความตายเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่ต้องป้องกันก่อนอื่น[599] วัคซีนที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้มีค่าประสิทธิศักย์ดังต่อไปนี้
| วัคซีน | ประสิทธิศักย์ตามความรุนแรงของโรค | ที่ทำการทดลอง | แหล่งอ้างอิง | ||
|---|---|---|---|---|---|
| น้อยหรือปานกลาง[α]อย่างเบา ๆ | รุนแรงแต่ไม่ถึงเข้า รพ. และไม่ถึงตาย[β] | รุนแรงจนถึงเข้า รพ. หรือถึงตาย[γ] | |||
| ออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า | ≈81% (60–91%)[δ] | ≈100% (97.5 % CI, 72–100%) | ≈100%[ε] | หลายประเทศ | [131] |
| ≈76% (68–82%)[ζ] | ≈100%[ε] | ≈100%[ε] | สหรัฐ | [600] | |
| ไฟเซอร์-ไบออนเทค | ≈95% (90–98%)[η] | ≈66% (−125 to 96%)[θ][η] | หลายประเทศ | [601] | |
| ≈95% (90–98%)[η] | ไม่มีรายงาน | ไม่มีรายงาน | สหรัฐ | [602] | |
| จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน | ≈66% (55–75%)[ι][κ] | ≈85% (54–97%)[κ] | ≈100%[κ][ε][λ] | หลายประเทศ | [153] |
| ≈72% (58–82%)[ι][κ] | ≈86% (−9 to 100%)[θ][κ] | ≈100%[ε][κ][λ] | สหรัฐ | ||
| ≈68% (49–81%)[ι][κ] | ≈88% (8–100%)[κ] | ≈100%[ε][κ][λ] | บราซิล | ||
| ≈64% (41–79%)[ι][κ] | ≈82% (46–95%)[κ] | ≈100%[ε][κ][λ] | แอฟริกาใต้ | ||
| โมเดอร์นา | ≈94% (89–97%)[μ] | ≈100%[ε][ν] | ≈100%[ε][ν] | สหรัฐ | [604] |
| ซิโนฟาร์ม (BBIBP-CorV) | ≈78% (65–86%) | ≈100%[ε] | ≈100%[ε] | หลายประเทศ | [157] |
| สปุตนิกวี | ≈92% (86–95%) | ≈100% (94–100%) | ≈100%[ε] | รัสเซีย | [173] |
| ซิโนแวค | ≈51% (36–62%)[ξ] | ≈84% (58–94%)[ξ] | ≈100% (56–100%)[ξ] | บราซิล | [605][606][607] |
| ≈84% (65–92%) | ≈100%[ε] | ≈100% (20–100%)[θ] | ตุรกี | [607] | |
| โคแว็กซิน | ≈78% (65–86%)[ξ] | ≈93% (57–100%)[ξ] | อินเดีย | [608][609] | |
| สปุตนิกไลท์ | ≈79%[ε] | ไม่มีรายงาน | ไม่มีรายงาน | รัสเซีย | [610] |
| Convidecia | ≈66%[ε][ξ] | ≈91%[ε][ξ] | ไม่มีรายงาน | หลายประเทศ | [208] |
| ซิโนฟาร์ม (WIBP-CorV) | ≈73% (58–82%) | ≈100%[ε][ο] | ≈100%[ε][ο] | หลายประเทศ | [611] |
| Abdala | ≈92% (86–96%) | ไม่มีรายงาน | ไม่มีรายงาน | คิวบา | [612] |
| Soberana 02 | ≈62%[ε] | ไม่มีรายงาน | ไม่มีรายงาน | คิวบา | [613] |
| โนวาแวกซ์ | ≈90% (75–95%) | ≈100%[ε][ο] | ≈100%[ε][ο] | สหราชอาณาจักร | [614][615][616] |
| ≈60% (20–80%)[θ] | ≈100%[ε][ο] | ≈100%[ε][ο] | แอฟริกาใต้ | ||
| ≈90%[ε] | ไม่มีรายงาน | ไม่มีรายงาน | สหรัฐ | ||
| ไม่มีรายงาน | ไม่มีรายงาน | เม็กซิโก | |||
| CureVac | ≈48%[ε] | ไม่มีรายงาน | ไม่มีรายงาน | หลายประเทศ | [617] |
| ZyCoV-D | ≈67%[ε] | ไม่มีรายงาน | ไม่มีรายงาน | อินเดีย | [618] |
- ↑ อาการน้อยรวมทั้งเป็นไข้ ไอแห้ง ล้า ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ เจ็บคอ ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส คัดจมูก น้ำมูกไหล ตาแดง เป็นผื่น หนาวสะท้าน เวียนศีรษะ อาการปานกลางคือ ปอดอักเสบ
- ↑ อาการรุนแรงแต่ไม่ถึงต้องเข้า รพ. และไม่เสียชีวิตสำหรับคนหนึ่ง ๆ หมายถึงอาการทางการหายใจที่รุนแรงตามที่วัดเมื่อพักหรือเมื่อกำลังตรวจ (ซึ่งนอกเหนือจากการมีปอดบวม ลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึก หายใจลำบาก ภาวะพร่องออกซิเจน การเจ็บหน้าอกอย่างคงยืน เบื่ออาหาร สับสน เป็นไข้สูงกว่า 38 องศาสเซลเซียส) เป็นอาการที่ยังไม่คงยืนหรือรุนแรงพอให้เข้า รพ. หรือทำให้ถึงชีวิต โดยเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ คือ หายใจ ≥ 30 ครั้งต่อนาที, หัวใจเต้น ≥ 125 ครั้งต่อนาที, ความเข้มข้นออกซิเจนในเลือด (SpO2) ≤ 93% เมื่อหายใจปกติที่ระดับน้ำทะเล หรือ partial pressure of oxygen/fraction of inspired oxygen (PaO2/FiO2) < 300 mmHg
- ↑ อาการรุนแรงจนต้องเข้า รพ. หรือถึงตายหมายถึงอาการที่ต้องรักษาที่ รพ. หรือทำให้ถึงตาย รวมทั้ง หายใจลำบาก ภาวะพร่องออกซิเจน การเจ็บหน้าอกอย่างคงยืน เบื่ออาหาร สับสน เป็นไข้สูงกว่า 38 องศาสเซลเซียส) การหายใจล้มเหลว ไตวาย การทำงานผิดปกติของอวัยวะหลายระบบ ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ และช็อก
- ↑ เมื่อฉีด 2 โดสโดยห่างกันอย่างน้อย12 สัปดาห์ แต่เมื่อฉีดห่างกันน้อยกว่า 6 สัปดาห์ ประสิทธิศักย์จะอยู่ที่ ≈55% (33–70%)
- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 ไม่ได้ระบุช่วงความเชื่อมั่น (CI) จึงไม่สามารถรู้ความแม่นยำของค่านี้ได้จริง ๆ
- ↑ เมื่อฉีด 2 โดสโดยห่างกัน 4 สัปดาห์เป็นค่าประสิทธิศักย์เพื่อ "ป้องกันโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการ"
- 1 2 3 ในการทดลองวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค สำหรับกลุ่มฉีดวัคซีน ผู้มีอาการโควิด-19 จะนับว่าติดโรคก็ต่อเมื่อเริ่มมีอาการยิ่งกว่า 7 วันหลังฉีดวัคซีนโดสที่ 2 และยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR เป็นผลบวก
กรณีที่มีอาการน้อยหรือปานกลางต้องมีอาการดังต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่งและตรวจพบเชื้อภายใน 4 วันก่อนหรือหลังช่วงที่มีอาการ อาการรวมทั้ง เป็นไข้ เริ่มไอหรือไอเพิ่ม เริ่มหายใจติดขัดหรือติดขัดเพิ่ม หนาวสะท้าน เริ่มปวดกล้ามเนื้อหรือปวดเพิ่ม เริ่มไม่ได้กลิ่นหรือไม่รู้รสหรือเป็นเพิ่ม เจ็บคอ ท้องร่วง หรืออาเจียน
เค้สอาการรุนแรงยังต้องมีอาการเพิ่มดังต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
- อาการเมื่อพักที่แสดงว่าเป็นโรคทั้งร่างกายอย่างรุนแรง (หายใจ ≥30 ครั้งต่อนาที, หัวใจเต้น ≥ 125 ครั้งต่อนาที, ความเข้มข้นออกซิเจน (SpO2) ≤93% เมื่อหายใจปกติที่ระดับน้ำทะเล หรือ PaO2/FiO2 < 300 mmHg),
- การหายใจล้มเหลว (นิยามว่าต้องใช้ออกซิเจนแบบไฮโฟลว์ หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ คือ non-invasive ventilation, mechanical ventilation หรือ ECMO)
- มีหลักฐานว่าช็อก คือ SBP < 90 mm Hg, DBP < 60 mm Hg หรือต้องใช้สารกระตุ้นการหดตัวกล้ามเนื้อหลอดเลือด (vasopressors)
- การทำงานผิดปกติอย่างฉับพลันและสำคัญของไต ตับ และระบบประสาท,
- เข้าห้องไอซียู
- เสียชีวิต[601][602]
- 1 2 3 4 ค่านี้ไม่แม่นยำพอเพื่อจะยืนยันว่ามีประสิทธิศักย์สูงจริง ๆ เพราะค่าจำกัดล่างของช่วงความเชื่อมั่น (CI) แบบ 95% นั้นต่ำกว่า 30%
- 1 2 3 4 กรณีมีอาการปานกลาง
- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 เป็นค่าประสิทธิศักย์ที่รายงาน ณ วันที่ 28 หลังฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันแบบโดสเดียว โดยค่าจะต่ำกว่าถ้ารายงาน ณ วันที่ 14 หลังฉีดวัคซีน[153]
- 1 2 3 4 หลังจากฉีดวัคซีน 28 วัน ไม่มีใครเข้า รพ. หรือเสียชีวิตในบรรดาคน 19,630 คนที่ได้วัคซีนในการทดลอง เทียบกับกลุ่มที่ได้ยาหลอก 19,691 ซึ่งมีคนเข้า รพ. 16 คน (อัตราอุบัติการณ์ที่ 5.2 ต่อ 1,000 คน-ปี)[153] และมีคนเสียชีวิตเนื่องกับโควิด 7 ราย[603]
- ↑ ในการทดลองวัคซีนของโมเดอร์นา สำหรับกลุ่มฉีดวัคซีน ผู้มีอาการโควิด-19 จะนับว่าติดโรคก็ต่อเมื่อเริ่มมีอาการยิ่งกว่า 14 วันหลังฉีดวัคซีนโดสที่ 2 และยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR เป็นผลบวก และต้องมีอาการแบบทั้งร่างกายอย่างน้อย 2 อย่าง (เป็นไข้ยิ่งกว่า 38 องศาสเซลเซียส, หนาวสะท้าน, ปวดกล้ามเนื้อ, ปวดศีรษะ, เจ็บคอ, ปัญหาการได้กลิ่นหรือลิ้มรสที่เกิดใหม่) หรือมีอาการทางการหายใจอย่างหนึ่ง (ไอ หายใจติดขัด หรือปอดบวมไม่ว่าจะโดยอาการหรือโดยการถ่ายเอกซเรย์)[604]
- 1 2 ในการทดลองวัคซีนของโมเดอร์นา อาการที่จัดว่าหนักนิยามว่า ต้องผ่านเกณฑ์อาการเบา/ปานกลางบวกกับกลุ่มอาการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
- อาการที่ระบุว่าป่วยหนักทั้งระบบ เช่น หายใจ ≥30 ครั้งต่อนาที, หัวใจเต้น ≥125 ครั้งต่อนาที, ความเข้มข้นออกซิเจนในเลือด (SpO2) ≤93% เมื่อหายใจปกติที่ระดับน้ำทะเล หรือ PaO2/FIO2 < 300 mm Hg,
- ความล้มเหลวทางการหายใจ หรือ ARDS (นิยามว่าต้องให้ออกซิเจนแบบไฮโฟลว์ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือ ECMO) มีหลักฐานว่าช็อก (SBP < 90 mmHg, DBP < 60 mmHg หรือต้องใช้สารกระตุ้นการหดตัวกล้ามเนื้อหลอดเลือด (vasopressors)
- การทำงานผิดปกติอย่างสำคัญของไต ตับ หรือระบบประสาท
- การเข้าห้องไอซียู
- การเสียชีวิต
- 1 2 3 4 5 6 7 ข้อมูลของการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ยังไม่ได้ตีพิมพ์และยังไม่ได้ทบทวนโดยผู้รู้เสมอกัน
- 1 2 3 4 5 6 ไม่พบเค้สในการทดลอง
ประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล (effectiveness)
[แก้]งานศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนในสถานการณ์จริงจะวัดว่า วัคซีนสามารถป้องกันเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งการติดเชื้อ อาการแสดง การเข้า รพ. และการตายได้แค่ไหน โดยติดตามตรวจสอบกับกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ในเหตุการณ์จริงที่ปัจจัยต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามคาดหวังทุกอย่าง[619]
- ในอิสราเอลช่วง 20 ธันวาคม 2020 - 28 มกราคม 2021 ในบรรดาคน 715,425 คนที่ฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาหรือของไฟเซอร์-ไบออนเทค พบว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 หลังจากได้โดสที่สอง มีเพียง 317 คน (ร้อยละ 0.04) ที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 โดยมีอาการเบาจนถึงปานกลาง และมีเพียง 16 คน (ร้อยละ 0.002) ที่ต้องเข้า รพ.[620]
- ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ วัคซีนของโมเดอร์นาและของไฟเซอร์-ไบออนเทคมีผลป้องกันดีมากในสถานการณ์จริง คือ เมื่อได้วัคซีนครบ ประสิทธิภาพป้องกันโรคทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการของวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ (≥14 วันหลังจากโดสที่สอง) อยู่ที่ร้อยละ 90 ส่วนเมื่อได้วัคซีนเพียงโดสเดียว ประสิทธิภาพป้องกันโรค (≥14 วันหลังจากโดสแรกแต่ก่อนได้โดสที่สอง) อยู่ที่ร้อยละ 80[621]
- ในสหราชอาณาจักร มีบุคลากรทางแพทย์ 15,121 คนใน รพ. 104 แห่งผู้ตรวจไม่พบแอนติบอดีสำหรับโควิด-19 ก่อนงานศึกษานี้ ที่ได้ติดตามตรวจด้วย RT-PCR อาทิตย์ละสองครั้งระหว่าง 7 ธันวาคม 2020 - 5 กุมภาพันธ์ 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่สายพันธุ์อัลฟากำลังระบาด งานศึกษาเปรียบเทียบผู้ที่ได้วัคซีนกับผู้ที่ไม่ได้วัคซีน โดยร้อยละ 90.7 ได้วัคซีนและที่เหลือร้อยละ 9.3 ไม่ได้ แล้วพบว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคลดการติดเชื้อทั้งหมด (รวมทั้งแบบไม่แสดงอาการ) 72% (58–86%) 3 สัปดาห์หลังจากโดสแรกและ 86% (76–97%) 1 สัปดาห์หลังจากโดสที่สอง[622][ต้องการการอัปเดต]
- ในอิสราเอล งานศึกษากับกลุ่มประชากรทั่วไปจาก 17 มกราคม - 6 มีนาคม 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่อัลฟาเป็นสายพันธุ์หลัก พบว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคลดการติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการร้อยละ 94 และลดการติดเชื้อแบบแสดงอาการร้อยละ 97[623]
- งานศึกษากับคนไข้ของมาโยคลินิกก่อนผ่าตัดในสหรัฐแสดงว่า วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการได้ร้อยละ 80[624]
- งานศึกษาหนึ่งในสหราชอาณาจักรพบว่า วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้าโดสหนึ่งมีผลป้องกันโรค 73% (27–90%) สำหรับผู้มีอายุ 70 ปีและยิ่งกว่า[625]
| วัคซีน | ประสิทธิภาพตามความรุนแรงของโรค | ภูมิภาค | อ้างอิง | |||
|---|---|---|---|---|---|---|
| ไม่แสดงอาการ | แสดงอาการ | การเข้า รพ. | การตาย | |||
| ออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า | ไม่มีรายงาน | ≈89% (78–94%)[i] | ไม่มีรายงาน | อังกฤษ | [627] | |
| ไฟเซอร์-ไบออนเทค | ≈92% (91–92%) | ≈97% (97–97%) | ≈98% (97–98%) | ≈97% (96–97%) | อิสราเอล | [628] |
| ≈92% (88–95%) | ≈94% (87–98%) | ≈87% (55–100%) | ≈97%[ii] | อิสราเอล | [629][623] | |
| ไม่มีรายงาน | ≈78% (77–79%) | ≈98% (96–99%) | ≈96% (95–97%) | อุรุกวัย | [630] | |
| ≈85% (74–96%) | ไม่มีรายงาน | สหราชอาณาจักร | [631] | |||
| ≈90% (68–97%) | ไม่มีรายงาน | ≈100%[ii][iii] | สหรัฐ | [621] | ||
| โมเดอร์นา | ≈90% (68–97%) | ไม่มีรายงาน | ≈100%[ii][iii] | สหรัฐ | [621] | |
| ซิโนฟาร์ม (BBIBP-CorV) | ไม่มีรายงาน | ≈84%[ii] | อาร์เจนตินา | [632] | ||
| ไม่มีรายงาน | ≈94%[ii] | เปรู | [633] | |||
| สปุตนิกวี | ไม่มีรายงาน | ≈98%[ii] | ไม่มีรายงาน | รัสเซีย | [634][635] | |
| ไม่มีรายงาน | ≈98%[ii] | ≈100%[ii][iii] | ≈100%[ii][iii] | สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | [636] | |
| ซิโนแวค | ไม่มีรายงาน | ≈66% (65–66%) | ≈88% (87–88%) | ≈86% (85–88%) | ชิลี | [637] |
| ไม่มีรายงาน | ≈60% (59–61%) | ≈91% (89–93%) | ≈95% (93–96%) | อุรุกวัย | [630] | |
| ไม่มีรายงาน | ≈94%[ii] | ≈96%[ii] | ≈98%[ii] | อินโดนีเซีย | [638][639] | |
| ไม่มีรายงาน | ≈80%[ii] | ≈86%[ii] | ≈95%[ii] | บราซิล | [640][641] | |
| สปุตนิกไลท์ | ไม่มีรายงาน | ≈79%[ii][iv] | ≈88%[ii][iv] | ≈85%[ii][iv] | อาร์เจนตินา | [642][643] |
อัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมวิกฤติ
[แก้]แม้เป้าหมายแรกสุดในเหตุการณ์โรคระบาดทั่วก็คือป้องกันคนไม่ไให้ติดโรค แต่เป้าหมายระยะยาวปกติก็คือเพื่อกำจัดโรคในที่สุด แต่จะทำอย่างนี้ได้ สัดส่วนประชากรที่มีภูมิคุ้มกันจะต้องยิ่งกว่าอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมวิกฤติ คือ ซึ่งสามารถคำนวณได้จากค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐาน คือ และประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดต่อโรค คือ ดังนี้คือ[644]
สำหรับเชื้อโควิด-19 ถ้าสมมุติว่า R0 ≈ 2.87[645] อัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมวิกฤติก็จะต้องยิ่งกว่าร้อยละ 72.4 สำหรับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อโรคได้ร้อยละ 90 เมื่อใช้สมการเดียวกัน ประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อโรคที่จำเป็นของวัคซีนสามารถคำนวณได้โดยสมการ
ถ้าสมมุติเช่นกันว่า R0 ≈ 2.87 และสมมุติว่า จริง ๆ คงจะฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ประมาณร้อยละ 75 วัคซีนก็จะต้องมีประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อโรคได้ยิ่งกว่าร้อยละ 86.9[593] แต่ถ้าสมมุติอัตราการฉีดวัคซีนที่จริง ๆ ทำไม่ได้ว่าเต็มร้อย วัคซีนก็จะต้องมีประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อโรคได้ยิ่งกว่าร้อยละ 65.2 และที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่านี้ก็จะไม่สามารถกำจัดโรคได้
จนถึงเดือนมิถุนายน 2021 งานศึกษาหลังวางตลาด (post-marketing) หลายงานได้ประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ แม้การป้องกันการติดเชื้อจะมีผลชะลอการติดต่อโรค (โดยเฉพาะแบบไม่แสดงอาการ) แต่ก็ยังต้องตรวจสอบผลระงับการติดต่อโรคที่ได้แน่นอนต่อไป[646]
ไวรัสโควิด-19 บางสายพันธุ์ติดต่อได้ง่ายกว่า คือมีค่าระดับการติดเชื้อยังผล (effective reproduction number) ที่สูงกว่า ซึ่งระบุว่ามีค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐานที่สูงกว่า ดังนั้น การควบคุมโรคจึงต้องอาศัยอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมที่สูงกว่า หรือวัคซีนต้องมีประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อได้สูงกว่า หรืออาจจะต้องได้ปัจจัยทั้งสองอย่าง
ในเดือนกรกฎาคม 2021 ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านระบุว่า การได้ภูมิคุ้มกันหมู่ในปัจจุบันอาจเป็นไปไม่ได้เพราะว่าสายพันธุ์เดลตายังสามารถติดต่อได้แม้ในบุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้ว[647] ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐมีข้อมูลที่ระบุว่า คนที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถแพร่เชื้อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าไม่เกิดกับสายพันธุ์โควิด-19 อื่น ๆ[648]
สายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19
[แก้]ปฏิสัมพันธ์ระหว่างไวรัสโควิด-19 กับมนุษย์ตอนแรกเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปเพราะการฉีดวัคซีน[649] โอกาสการเกิดสายพันธุ์โควิดที่ดื้อต่อแอนติบอดีที่วัคซีนรุ่นปัจจุบันกระตุ้นให้เกิด อาจทำให้ต้องปรับปรุงวัคซีน[650] การทดลองต่าง ๆ ได้ระบุว่า วัคซีนที่พัฒนาเพื่อต่อต้านสายพันธุ์ดั้งเดิมมีประสิทธิศักย์ต่อต้านการติดเชื้อแบบแสดงอาการที่ลดลงสำหรับสายพันธุ์บางสายพันธุ์[651]
อัลฟา (B.1.1.7)
[แก้]ในเดือนธันวาคม สายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโควิด-19 คือสายพันธุ์อัลฟา (B.1.1.7) ได้พบเป็นครั้งแรกในสหราชอาณาจักร[652]
องค์การอนามัยโลกระบุว่ามีหลักฐานจำกัดที่แสดงว่าวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า ของไฟเซอร์-ไบออนเทค และโนวาแวกซ์ยังคงประสิทธิผล/ประสิทธิภาพต่อต้านสายพันธุ์อัลฟาอยู่ ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล ในเรื่องการคงระดับแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ซึ่งป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการและสำคัญในการยุติเหตุการณ์ระบาดทั่ว วัคซีนที่ใช้มากที่สุดรวมทั้งสปุตนิกวี วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค ของโมเดอร์นา ของซิโนแวค ของซิโนฟาร์ม และโคแว็กซิน ก็ปรากฏว่าคงระดับแอนติบอดีสำหรับสายอัลฟาด้วย สำหรับวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า ระดับแอนติบอดีลดลงเล็กน้อยจนถึงปานกลาง ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล[653]
ผลเบื้องต้นแสดงว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคและโมเดอร์นาสามารถป้องกันสายพันธุ์นี้[654][655]
งานศึกษาหนึ่งระบุว่า วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิศักย์ระหว่าง 42-89 ต่อต้านสายพันธุ์นี้ เทียบกับร้อยละ 71-91 สำหรับสายพันธุ์อื่น[656]
ผลเบื้องต้นจากการทดลองทางคลินิกระบุว่า วัคซีนโนวาแวกซ์มีประสิทธิภาพประมาณร้อยละ 96 สำหรับการติดเชื้อที่แสดงอาการสำหรับสายพันธุ์ดั้งเดิม และประมาณร้อยละ 86 สำหรับสายพันธุ์อัลฟา[657]
เบตา (B.1.351)
[แก้]องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีหลักฐานจำกัดจากงานศึกษาเบื้องต้นหลายงานที่แสดงว่าวัคซีนต่าง ๆ มีประสิทธิศักย์/ประสิทธิภาพต่อต้านสายพันธุ์เบตาลดลงในระดับต่าง ๆ รวมทั้งวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า (อาจจะมาก) โนวาแวกซ์ (ปานกลาง) วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (น้อย) โดยยังไม่มีข้อมูลสำหรับวัคซีนอื่น ๆ ในเรื่องการคงระดับแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ซึ่งป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการและสำคัญในการยุติเหตุการณ์ระบาดทั่ว วัคซีนที่ใช้มากที่สุดรวมทั้งวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า สปุตนิกวี จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไฟเซอร์-ไบออนเทค โมเดอร์นา และโนวาแวกซ์ล้วนมีแอนติบอดีลดลงในระดับน้อยจนถึงมาก ยกเว้นซิโนแวคและซิโนฟาร์มที่มีแอนติบอดีลดลงน้อย โดยวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล[653]
โมเดอร์นาได้เริ่มทำการทดลองวัคซีนรุ่นใหม่เพื่อจัดการสายพันธุ์เบตา (B.1.351) แล้ว[658] ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2021 บริษัทไฟเซอร์ประกาศว่า สำหรับสายพันธุ์นี้ อานุภาพทำลายฤทธิ์ไวรัสของแอนติบอดีที่เนื่องกับวัคซีนลดลงถึง 2/3 โดยระบุด้วยว่ายังไม่สามารถกำหนดประสิทธิศักย์ของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการ[659] งานศึกษาหลายงานต่อมาได้ตรวจน้ำเหลืองของคนไข้ที่ได้ฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาและของไฟเซอร์-ไบออนเทคแล้วยืนยันว่า อานุภาพทำลายฤทธิ์ไวรัสของแอนติบอดีที่เนื่องกับวัคซีนลดลงจริง ๆ[655][660] แต่ในวันที่ 1 เมษายน 2021 รายงานจากการทดลองวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคในแอฟริกาใต้กลับรายงานว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพเต็มร้อยจนถึงตอนนั้น (คือ อาสาสมัครที่ฉีดวัคซีนไม่มีใครติดโรคเลย) เทียบกับกลุ่มยาหลอกที่อาสาสมัคร 6 คนติดเชื้อชนิดเบตา[661]
ในเดือนมกราคม 2021 บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันซึ่งกำลังทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในแอฟริกาใต้ รายงานว่าประสิทธิศักย์การป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการปานกลางจนถึงหนักอยู่ที่ร้อยละ 72 ในสหรัฐและร้อยละ 57 ในแอฟริกาใต้[662]
ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ หนังสือพิมพ์อังกฤษ Financial Times ได้รายงานข้อมูลเบื้องต้นจากงานศึกษาในแอฟริกาใต้ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดที่แสดงว่า วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิศักย์ลดลงสำหรับสายพันธุ์นี้[663] โดยพบว่า ในบรรดาผู้ได้รับวัคซีน 2,000 คน วัคซีนสามารถป้องกันโรคได้เพียงเล็กน้อยยกเว้นแต่คนที่มีอาการหนักสุด[664] ต่อมาในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2021 กระทรวงสาธารณสุขแอฟริกาใต้จึงระงับแผนการฉีดวัคซีนนี้ 1 ล้านโดสให้แก่ประชาชน[664][665]
ในเดือนมีนาคม 2021 มีรายงานว่า "ประสิทธิศักย์เบื้องต้นที่พบ" ของโนวาแว็กซ์ (NVX-CoV2373) สำหรับการติดเชื้อชนิดเบตาที่มีอาการอ่อน ปานกลาง และรุนแรง[666] สำหรับอาสาสมัครที่ตรวจไม่พบเอชไอวีอยู่ที่ร้อยละ 51
แกมมา (P.1)
[แก้]องค์การอนามัยโลกระบุว่ามีหลักฐานจำกัดที่แสดงว่าวัคซีนของซิโนแวคและของซิโนฟาร์ม ยังคงประสิทธิผล/ประสิทธิภาพต่อต้านสายพันธุ์แกมมาอยู่ ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล ในเรื่องการคงระดับแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ซึ่งป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการและสำคัญในการยุติเหตุการณ์ระบาดทั่ว วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้าและของซิโนแวคไม่ลดหรือแทบไม่ลดประสิทธิภาพต่อต้านสายพันธุ์แกมมาเลย วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคและของโมเดอร์นาลดลงบางเล็กน้อยจนถึงปานกลาง ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล[653] ดังนั้น สายพันธุ์แกมมา (P.1, 20J/501Y.V3) ซึ่งเริ่มต้นพบที่บราซิล ดูเหมือนจะหลบภูมิคุ้มกันเนื่องกับวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคได้บ้าง[660]
เดลตา (B.1.617.2)
[แก้]สายพันธุ์เดลตา หรือ B.1.617.2 หรือ G/452R.V3 หรือ 21A[667] หรือ 21A/S:478K[668] ได้พบครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนตุลาคม 2020 แต่หลังจากนั้นก็ได้กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ แล้ว เป็นสายพันธุ์ลูกหลานของ B.1.617 เช่นเดียวกับสายพันธุ์แคปปาที่กำลังตรวจสอบ[669][670][671][672][673] ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2021 นักวิทยาศาสตร์อังกฤษได้ประกาศสายพันธุ์นี้ (ซึ่งมีจุดเด่นคือ ไม่มีการกลายพันธุ์ E484Q) ว่าเป็นสายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วงโดยกำหนดรหัสเป็น VOC-21APR-02 หลังจากที่พบหลักฐานว่ามันกระจายไปได้เร็วกว่าไวรัสดั้งเดิมและอาจกระจายได้เร็วเท่าสายพันธุ์อัลฟา[674][675][676] มันมีการกลายพันธุ์ L452R, T478K และ P681R[677] แต่ก็ไม่เหมือนกับสายพันธุ์แคปปาเพราะไม่มีการกลายพันธุ์ E484Q
องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีหลักฐานจำกัดจากงานศึกษาเบื้องต้นต่าง ๆ ที่แสดงว่าวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้าและของไฟเซอร์-ไบออนเทคยังคงประสิทธิผล/ประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์นี้ ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล ในเรื่องการคงระดับแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ซึ่งป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการและสำคัญในการยุติเหตุการณ์ระบาดทั่ว วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก และวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคและโคแว็กซินมีประสิทธิภาพลดลงน้อยจนถึงปานกลาง ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล[653]
ข้อจำกัดและปัญหาที่อาจเกิด
[แก้]การรีบเร่งพัฒนาและผลิตวัคซีนเพื่อโควิด-19 ที่ระบาดทั่วอาจเพิ่มความเสี่ยงและอัตราความล้มเหลวของการได้วัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิผล[92][31][678] งานศึกษาหนึ่งพบว่าในระหว่างปี 2006-2015 สำหรับวัคซีน การได้รับอนุมัติให้ทำการทดลองระยะที่ 1 แล้วผ่านการทดลองระยะที่ 3 อย่างสำเร็จอยู่ที่อัตราร้อยละ 16.2 [89] และเซพีก็ได้ระบุว่าอัตราประสบความสำเร็จของวัคซีนแคนดิเดตที่กำลังพัฒนาอยู่ในปี 2020 น่าจะอยู่ที่เพียงร้อยละ 10[31]
ในเดือนเมษายน 2020 รายงานของเซพีระบุว่า "การประสานงานและการร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งและเป็นสากลระหว่างผู้พัฒนาวัคซีน องค์กรควบคุม องค์กรตั้งนโยบาย ผู้ให้เงินทุน องค์กรสาธารณสุข และรัฐบาลเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้วัคซีนแคนดิเดตในระยะสุดท้าย ๆ สามารถผลิตได้อย่างเพียงพอและแจกจำหน่ายให้แก่เขตติดโรคทั้งหมดได้อย่างยุติธรรม โดยเฉพาะแก่เขตที่ยากจน"[31] แต่ประชากรอาจถึงร้อยละ 10 ก็รู้สึกว่าวัคซีนไม่ปลอดภัยหรือไม่จำเป็น และไม่ยอมรับวัคซีน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสาธารณสุขของโลกที่ได้ชื่อว่า vaccine hesitancy (ความลังเลกับวัคซีน)[679] และเพิ่มความเสี่ยงว่าโควิดจะเกิดระบาดอีก[680] ในกลางปี 2020 งานสำรวจสองงานประเมินว่าประชากรสหรัฐร้อยละ 67 หรือ 80 จะยอมรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด โดยมีความต่าง ๆ กันมากเหตุระดับการศึกษา การมีงานทำ เชื้อชาติ และภูมิลำเนา[681][682]
ปัญหาความปลอดภัยทางชีวภาพ
[แก้]งานวิจัยเบื้องต้นเพื่อประเมินประสิทธิผลของวัคซีนโดยใช้สัตว์แบบจำลองที่เฉพาะต่อโรคโควิด (เช่น หนูเพาะให้มียีนหน่วยรับ ACE) และใช้สัตว์ทดลองอื่น ๆ และไพรเมตที่ไม่ใช่มนุษย์ แสดงว่าต้องรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพในระดับ 3 เมื่อทดลองไวรัสที่ยังไม่ตาย และต้องร่วมมือกันในระดับสากลเพื่อให้มีมาตรฐานรักษาความปลอดภัย[92][31]
การเพิ่มฤทธิ์ของเชื้อโดยอาศัยภูมิต้านทาน (ADE)
[แก้]แม้วัคซีนจะมุ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารภูมิต้านทานเพื่อกำจัดเชื้อโรค แต่วัคซีนก็อาจมีผลตรงกันข้ามโดยเพิ่มฤทธิ์ของเชื้อ เป็นกระบวนการที่เรียกว่า การเพิ่มฤทธิ์ของเชื้อโดยอาศัยภูมิต้านทาน (antibody-dependent enhancement, ADE) ซึ่งเพิ่มสมรรถภาพของไวรัสในการจับกับเซลล์เป้าหมายในร่างกายแล้วจุดชนวนอาการพายุไซโตไคน์เมื่อติดเชื้อหลังจากได้วัคซีน[92][683] แพลตฟอร์มเทคโนโลยีของวัคซีน (เช่น ใช้ไวรัสเป็นเวกเตอร์, ใช้โปรตีน spike ของไวรัส หรือใช้หน่วยย่อยโปรตีนของไวรัส), ขนาดวัคซีนที่ให้, ระยะเวลาระหว่างการให้วัคซีนซ้ำ ๆ เพราะโอกาสการติดเชื้อโควิดอีก และอายุมาก ล้วนเป็นปัจจัยที่กำหนดความเสี่ยงและความรุนแรงของ ADE[92][683] การตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนก็ยังขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ รวมทั้งความแม่นยำของกลไกการทำงานของวัคซีน[92] หรือวิธีการให้ (ฉีดในกล้ามเนื้อ ฉีดใต้ผิวหนัง ให้ทางปาก ให้ทางจมูก เป็นต้น)[683][684]
ประสิทธิศักย์ (efficacy)
[แก้]- ดูหัวข้อหลักที่ประสิทธิศักย์
ประสิทธิภาพ (effectiveness) ของวัคซีนขึ้นอยู่กับประสิทธิศักย์ (efficacy) ของวัคซีน[147] ประสิทธิศักย์ที่น้อยกว่าร้อยละ 60 ก็อาจไม่ก่อภูมิคุ้มกันหมู่[29][684] ปัจจัยส่วนบุคคลที่ทำให้เสี่ยงติดโรค เช่น ยีน สุขภาพ (โรคประจำตัว อาหาร การตั้งครรภ์ ไวหรือแพ้อะไรง่าย) ภูมิคุ้มกัน อายุ ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือวัฒนธรรม อาจเป็นปัจจัยปฐมภูมิหรือทุติยภูมิซึ่งมีผลต่อความรุนแรงเมื่อติดโรคและการตอบสนองต่อวัคซีน[684] คนชรา (อายุเกิน 60 ปี) ผู้มีภูมิแพ้ และคนอ้วนเสี่ยงมีการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอแล้วทำให้วัคซีนไม่มีประสิทธิผล จึงอาจต้องใช้เทคโนโลยีวัคซีนโดยเฉพาะ ๆ สำหรับคนกลุ่มเฉพาะ ๆ หรือต้องให้วัคซีนซ้ำ ๆ เพื่อจำกัดการแพร่เชื้อ[684] อนึ่ง การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสอาจเปลี่ยนโครงสร้างที่เป็นเป้าหมายของวัคซีน ทำให้วัคซีนไม่ได้ผล[685][686]
การรับสมัครอาสาสมัครเพื่อทดลอง
[แก้]ผู้พัฒนาวัคซีนต้องลงทุนแข่งขันในระดับนานาชาติเพื่อหาอาสาสมัครสำหรับการทดลองทางคลินิกระยะ 2–3 ให้มีจำนวนเพียงพอเพราะไวรัสระบาดไปในอัตราต่างแม่แบบ:Nbspๆ กันทั้งข้ามประเทศและในประเทศ[118] ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนมิถุนายน บริษัทผลิตวัคซีนจีนคือซิโนแว็กไบโอเท็กได้ร่วมมือกับมาเลเซีย แคนาดา สหราชอาณาจักร และบราซิลเพื่อรับอาสาสมัครในการทดลองและเพื่อผลิตวัคซีนให้ได้จำนวนเพียงพอสำหรับการทดลองระยะที่แม่แบบ:Nbsp3 ในประเทศบราซิลที่โรคได้เร่งระบาดเพิ่มขึ้น[118] เพราะจีนควบคุมการระบาดทั่วของโควิดได้ ผู้พัฒนาวัคซีนจีนจึงต้องร่วมมือกับนานาชาติเพื่อทำงานศึกษาในมนุษย์ระยะปลาย ซึ่งเป็นการแข่งขันหาอาสาสมัครสู้กับผู้ผลิตอื่นแม่แบบ:Nbspๆ และกับโปรแกรม Solidarity trial ที่องค์การอนามัยโลกเป็นผู้จัด[118]
นอกจากปัญหาการแข่งขันหาอาสาสมัครแล้ว ผู้จัดทำการทดลองอาจเจอกับคนที่ไม่ต้องการได้วัคซีนเพราะเหตุผลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ที่ค้านกับความเห็นพ้องของนักวิทยาศาสตร์[680] หรือไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์ที่ใช้เพื่อสร้างเทคโนโลยีวัคซีนและสมรรถภาพการป้องกันการติดเชื้อของวัคซีน[687]
การมีบุคลากรที่ชำนาญในการให้วัคซีนไม่พออาจเป็นอุปสรรคต่อการทดลองทางคลินิกที่ต้องแก้ปัญหาต่างแม่แบบ:Nbspๆ เช่น การรับสมัครอาสาสมัครในเขตชนบทที่มีความหนาแน่นประชากรน้อย อาสาสมัครที่มีอายุ เชื้อชาติ และปัญหาทางสุขภาพต่างแม่แบบ:Nbspๆ[118][688]
ค่าใช้จ่าย
[แก้]วัคซีนต้านโควิดที่มีประสิทธิผลอาจลดความเสียหายทางเศรษฐกิจของโลกเป็นล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และดังนั้น ค่าใช้จ่ายเป็นพันแม่แบบ:Nbspๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับวัคซีนเมื่อเทียบกันแล้วก็เล็กน้อย[689] ในตอนต้นแม่แบบ:Nbspๆ ของเหตุการณ์ระบาดทั่ว ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถสร้างวัคซีนสำหรับไวรัสนี้ได้อย่างปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีราคาที่พอซื้อไหว และก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาวัคซีนเท่าไร[29][32][56] เป็นไปได้ว่าการลงทุนเป็นเป็นพันแม่แบบ:Nbspๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นอาจไม่ได้ผลอะไร[55]
หลังจากสร้างวัคซีนได้แล้ว จะต้องผลิตวัคซีนเป็นพันแม่แบบ:Nbspๆ ล้านโดสแล้วแจกจ่ายทั่วโลก ในเดือนเมษายน 2020 มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ประเมินว่า การผลิตและการแจกจำหน่ายวัคซีนอาจมีค่าใช้จ่ายถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณแปดแสนล้านบาท)[690]
คณะกรรมาธิการยุโรปจัดให้มีการประชุมทางวิดีโอของผู้นำโลกในวันที่แม่แบบ:Nbsp4 พฤษภาคม 2020 ซึ่งได้สัญญาว่าจะให้เงิน 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาวัคซีนไวรัสโคโรนา (เป็นงานเดียวกับขององค์การอนามัยโลก)[691]
จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2020 บริษัทที่ได้เงินทุนจากโปรแกรมปฏิบัติการความเร็วเหนือแสงของสหรัฐได้ตั้งราคาวัคซีนเบื้องต้นประมาณ 19.5–25 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 610–780 บาท) ต่อโดส (คนหนึ่งปกติต้องใช้ 2แม่แบบ:Nbspโดส) ซึ่งเป็นราคาประมาณเท่าแม่แบบ:Nbspๆ กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่[692] ในเดือนธันวาคม 2020 นักการเมืองเบลเยียมผู้หนึ่งได้เปิดเผยราคาที่สหภาพยุโรปตกลงซื้อวัคซีนจากบริษัทต่างแม่แบบ:Nbspๆ[693]
| ผู้ผลิต | ราคาต่อโดส[694] | บาทโดยประมาณ |
|---|---|---|
| แอสตร้าเซนเนก้า | €1.78 | 62 |
| จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน | แม่แบบ:US$ | 266 |
| ซาโนฟี่/แกล็กโซสมิธไคลน์ | แม่แบบ:Euro | 265 |
| ไฟเซอร์/ไบออนเทค | แม่แบบ:Euro | 420 |
| Curevac | แม่แบบ:Euro | 350 |
| โมเดอร์นา | แม่แบบ:US$ | 564 |
การแจกจำหน่าย
[แก้]วัคซีนต่างแม่แบบ:Nbspๆ ต้องขนส่งและจัดการต่างแม่แบบ:Nbspๆ กัน ตัวอย่างเช่น วัคซีน tozinameran ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคต้องส่งในตู้แช่แข็งพิเศษโดยมีอุณหภูมิระหว่าง −80 ถึง −60 องศาเซลเซียส[695] ต้องใช้ใน 5แม่แบบ:Nbspวันหลังละลาย[695] ต้องสั่งอย่างน้อย 975แม่แบบ:Nbspโดส จึงคงมีแต่ รพ. ใหญ่แม่แบบ:Nbspๆ ซึ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือดีที่สามารถให้วัคซีนนี้ได้[696]
ส่วนวัคซีนของโมเดอร์นาต้องเก็บแช่แข็งระหว่าง −25 ถึง −15 องศาเซลเซียส[697] แต่เมื่อแช่แข็งแล้ว ก็สามารถเก็บที่อุณหภูมิระหว่าง 2 ถึง 8 องศาเซลเซียสจนถึง 30แม่แบบ:Nbspวัน[697]
การไร้ข้อมูลที่เปิดเผยและความไม่เชื่อใจ
[แก้]สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศให้อนุมัติวัคซีนของจีนคือ BBIBP-CorV แต่ก็ไม่ได้ประกอบด้วยข้อมูลและรายละเอียดสำคัญต่างแม่แบบ:Nbspๆ[698] ไม่เหมือนกับวัคซีนที่พัฒนาในประเทศตะวันตกบางประเทศ วัคซีนจีนมีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิศักย์น้อย แม้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะระบุว่า ได้พิจารณางานวิเคราะห์ในระหว่างของบริษัท แต่ก็ไม่ชัดเจนว่า ได้วิเคราะห์ข้อมูลดิบเองอย่างเป็นอิสระ และก็ไม่ชัดเจนว่า บริษัทได้สรุปข้อมูลอย่างไร เพราะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม่ได้ระบุรายละเอียดการวิเคราะห์ที่สำคัญ เช่น จำนวนคนติดเชื้อและอายุของอาสาสมัคร[698]
นักวิทยาการระบาดชาวจีนที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดกล่าวว่า "ยากที่จะรู้ว่าวัคซีนได้ผลดีขนาดไหน ผมหวังว่ามันคงเป็นจริง"[699] การไม่ทำข้อมูลให้เป็นสาธารณะอาจจำกัดบริษัทจากการแจกจำหน่ายวัคซีนไปยังประเทศบางประเทศ เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ของวัคซีน นักวิทยาการคนเดียวกันระบุว่า การโน้มน้าวให้ประเทศอื่นแม่แบบ:Nbspๆ คล้อยตามจะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แน่นและข้อมูลที่ดีซึ่งสามารถให้ตรวจดูได้ ส่วนนักวิทยาไวรัสที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงอีกคนหนึ่งเป็นห่วงว่า ประเทศต่างแม่แบบ:Nbspๆ อาจต้องเลือกยอมรับวัคซีนโดยไม่มีการวิเคราะห์ที่เป็นอิสระ หรือเลือกไม่ใช้วัคซีนนี้เลย[699]
วัคซีนจีนอีกอย่างคือ CoronaVac ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน ในวันที่ 14 ธันวาคม 2020 สำนักงานควบคุมสาธารณสุขบราซิล (Anvisa) ระบุว่า การให้อนุมัติเพื่อใช้ในประเทศจีนไม่ใช่เรื่องเปิดเผย คือไม่มีข้อมูลว่าใช้กฎเกณฑ์อะไรในการอนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินในประเทศจีนเมื่อเดือนมิถุนายน 2020[700] แม่แบบ:ดูเพิ่ม
ปัญหาของการศึกษาแบบ "ท้าทาย" ที่เสนอ
[แก้]แม่แบบ:หลัก เพราะโรคโควิดที่กำลังระบาดทั่วเป็นเรื่องฉุกเฉินทั่วโลก จึงต้องพิจารณายุทธการย่อเวลาเพื่ออนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันโควิด โดยเฉพาะการย่อเวลาของการทดลองทางคลินิกระยะ 2-3 ที่ปกติยาวเป็นปีแม่แบบ:Nbspๆ[701][702][703] งานศึกษาแบบ "ท้าทาย" เป็นการทดลองวัคซีนโดยจงใจทำให้อาสาสมัครติดเชื้อ เป็นวิธีที่เคยทำกับโรคที่เสี่ยงตายน้อยกว่าโควิด เช่น ไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ไข้รากสาดน้อย อหิวาตกโรค และมาลาเรีย[702] คือเมื่อได้ตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีนแคนดิเดตในสัตว์ทดลองและมนุษย์ที่สุขภาพปกติแล้ว อาจต้องท้าทาย (challenge) จงใจให้อาสาสมัครติดเชื้อโควิด โดยมีกลุ่มควบคุมและข้ามงานทดลองระยะ 3 ซึ่งปกติต้องทำ เพื่อช่วยเร่งให้อนุมัติใช้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคได้อย่างกว้างขวาง[701][704][702]
เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 อาสาสมัครผู้ใหญ่หนุ่มสาวเป็นโหลแม่แบบ:Nbspๆ จะจงใจทำให้ติดเชื้อโควิดในการทดลองแบบท้าทายใน รพ. ในกรุงลอนดอนซึ่งบริหารโดยหน่วยบริหารวัคซีนโควิดเฉพาะกิจของรัฐบาลอังกฤษ[705] โดยหลังจากกำหนดขนาดไวรัสที่ทำให้ติดเชื้อได้ ก็จะตรวจสอบประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อของวัคซีนแคนดิเดตสำหรับโควิด 2แม่แบบ:Nbspอย่างหรือมากกว่านั้น[705]
งานศึกษาแบบท้าทายมีสองขั้นตอน ขั้นแรกตรวจสอบวัคซีนแคนดิเดตว่าปลอดภัยหรือไม่และมีผลต่อภูมิต้านทานอย่างไรทั้งในสัตว์ทดลองและผู้ใหญ่อาสาสมัครสุขภาพดี (100 คนหรือน้อยกว่านั้น) โดยทำพร้อมแม่แบบ:Nbspๆ กันซึ่งปกติจะทำเป็นลำดับต่อกันเริ่มจากสัตว์ก่อน เมื่อขั้นแรกได้ผลดี ขั้นสองเป็นการทดลองขนาดใหญ่ระยะ 2–3 และให้วัคซีนขนาดที่ได้ผลแก่อาสาสมัครผู้ไม่ได้ติดโรคมาก่อน มีความเสี่ยงน้อย (เช่น ผู้มีอายุน้อย) โดยจงใจทำให้ติดเชื้อไวรัสโควิดเพื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ให้ยาหลอก[701][702][704] หลังจาก "ท้าทาย" ให้ติดโรคเช่นนี้ ก็จะเฝ้าตรวจอาสาสมัครอย่างใกล้ชิดในคลินิกที่มีอุปกรณ์วัสดุพร้อมมือและสามารถช่วยชีวิตได้ถ้าจำเป็น[701][702] การอาสาเป็นผู้ร่วมงานศึกษาแบบท้าทายในช่วงเกิดโรคระบาดทั่วเช่นนี้ คล้ายกับการเข้าปฏิบัติการในเหตุการณ์ฉุกเฉินของแพทย์พยาบาลเพื่อรักษาคนไข้โรคโควิด หรือของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง หรือของผู้บริจาคอวัยวะ[701]
แม้งานศึกษาเช่นนี้จะน่าสงสัยทางจริยธรรมเพราะอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่ออาสาสมัครเหตุโรครุนแรงขึ้นอาศัยวัคซีน เพราะไม่ชัดเจนว่าวัคซีนปลอดภัยในระยะยาวหรือไม่ หรือเพราะประเด็นปัญหาอื่นแม่แบบ:Nbspๆ แต่ตามผู้เชี่ยวชาญในเรื่องโรคติดต่อบางท่าน[701][702][704] งานศึกษาเช่นนี้ก็อาจเลี่ยงไม่ได้เพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนที่มีผลได้อย่างรวดเร็วและช่วยลดจำนวนคนตายเหตุโควิดที่กะว่าอาจตกเป็นล้านแม่แบบ:Nbspๆ คนทั่วโลก[701][706]
ในวันที่แม่แบบ:Nbsp6 พฤษภาคม 2020 องค์การอนามัยโลกได้พัฒนาแนวปฏิบัติที่แสดงกฎเกณฑ์การศึกษาโควิดแบบท้าทายในอาสาสมัครสุขภาพดี รวมวิธีการประเมินทางวิทยาศาสตร์และทางจริยธรรม การปรึกษาหารือและการประสานงานกับประชาชน การเลือกและการขอคำยินยอมของอาสาสมัคร และการดูแลสอดส่องโดยผู้เชี่ยวชาญอิสระ[707]
การอนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉิน (EUA)
[แก้]เมื่อโควิดได้เริ่มระบาดทั่วเมื่อต้นปีแม่แบบ:Nbsp2020 องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่แนวทางการจดบัญชีรายการยาให้ใช้เป็นการฉุกเฉิน (Emergency Use Listing) สำหรับวัคซีนใหม่แม่แบบ:Nbspๆ เป็นกระบวนการที่ได้มาจากการระบาดทั่วของอีโบลาระหว่างปี 2013-2016[708] ซึ่งบังคับว่า วัคซีนแคนดิเดตที่พัฒนาเพื่อการฉุกเฉินอันเป็นอันตรายถึงชีวิตต้องผ่านมาตรฐาน GMP และต้องผ่านการพัฒนาตามกระบวนการให้อนุญาตก่อน (prequalification) ขององค์การ[708] แม้เมื่อมีวัคซีนใหม่แม่แบบ:Nbspๆ ที่พัฒนาขึ้นในระหว่างการระบาดทั่วของโควิด การให้อนุญาตก็ยังบังคับให้ส่งเอกสารแบบเต็มในเรื่องการพัฒนาและคุณภาพการผลิต เทียบกับสหภาพยุโรป ที่บริษัทสามารถใช้กระบวนการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง (rolling review) คือให้ข้อมูลตามเท่าที่ได้ในการทดลองระยะที่แม่แบบ:Nbsp3 แทนที่จะส่งข้อมูลเต็มซึ่งต้องทำเป็นเดือนแม่แบบ:Nbspๆ หรือปีแม่แบบ:Nbspๆ หลังการทดลองในกระบวนการปกติ กระบวนการเช่นนี้ทำให้คณะกรรมการเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในมนุษย์ยุโรป (CHMP) สามารถประเมินข้อมูลในเวลาจริง ซึ่งช่วยให้วัคซีนแคนดิเดตอันมีอนาคตสามารถได้อนุมัติอย่างรวดเร็วจากสำนักงานการแพทย์ยุโรป (EMA)[709] ในเดือนตุลาคม กระทรวงสาธารณสุขแคนาดาและสำนักงานการแพทย์ยุโรปได้เริ่มการพิจารณาอย่างต่อเนื่องสำหรับวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา[710] และในแคนาดาเดือนพฤศจิกายน สำหรับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค[711]
วันที่แม่แบบ:Nbsp24 มิถุนายน 2020 ประเทศจีนได้อนุมัติวัคซีนของบริษัทแคนซิโนไบโอลอจิกส์เพื่อให้ใช้อย่างจำกัดในทหาร และอนุมัติวัคซีนแบบไวรัสโควิดฆ่าแล้วสองอย่างเพื่อใช้ในการฉุกเฉินสำหรับผู้ประกอบอาชีพความเสี่ยงสูง[712] ในวันที่แม่แบบ:Nbsp11 สิงหาคม 2020 รัสเซียประกาศการอนุมัติวัคซีนสปุตนิกแม่แบบ:Nbspวี เพื่อใช้ในการฉุกเฉิน แต่เดือนหนึ่งต่อจากนั้น ก็ยังมีวัคซีนเพียงจำนวนน้อยที่แจกจำหน่ายนอกการทดลองทางคลินิกระยะที่แม่แบบ:Nbsp3[713] ในเดือนกันยายน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อนุมัติวัคซีนของบริษัทซิโนฟาร์มเป็นการฉุกเฉินสำหรับบุคลากรทางแพทย์[714] โดยบาห์เรนก็ทำเช่นเดียวกันในเดือนพฤศจิกายนต่อมา[715]
ในสหรัฐ องค์การอาหารและยาอาจให้อนุมัติเป็นการฉุกเฉินแก่วัคซีนโควิดก่อนจะได้หลักฐานเต็มจากการทดลองระยะที่แม่แบบ:Nbsp3 ในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าใช้อย่างผิดแม่แบบ:Nbspๆ เพราะเหตุทางการเมือง เป็นการลดมาตรฐาน และเพิ่มความรู้สึกต่อต้านวัคซีนของประชาชนในช่วงปีแม่แบบ:Nbsp2020[681][716][717] ในวันที่แม่แบบ:Nbsp8 กันยายน 2020 บริษัทยาแนวหน้า 9 บริษัทที่วิจัยวัคซีนโควิดจึงได้ร่วมให้สัญญาว่า จะยื่นคำขอใช้เป็นการฉุกเฉินก็ต่อเมื่อการทดลองระยะที่แม่แบบ:Nbsp3 ได้ระบุวัคซีนว่าปลอดภัยและมีประสิทธิศักย์แล้ว[718]
วันที่แม่แบบ:Nbsp20 พฤศจิกายน 2020 บริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคได้ยื่นคำขอใช้วัคซีนของบริษัทเป็นการฉุกเฉินแก่องค์การอาหารและยาสหรัฐ[719][720] โดยองค์การก็ประกาศว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาเรื่องวัคซีนและผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่เกี่ยวข้อง (แม่แบบ:Abbr) ขององค์การจะพิจารณาคำขอนี้ในวันที่แม่แบบ:Nbsp10 ธันวาคม[721][722] ในเดือนพฤศจิกายน องค์การได้อธิบายว่า การอนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉินก็คือ "กลไกที่อำนวยการทำให้มีและการใช้วิธีแก้ปัญหาทางแพทย์รวมทั้งวัคซีน ในช่วงความฉุกเฉินทางสาธารณสุข เช่น การระบาดทั่วของโควิด-19 ในปัจจุบัน"[723] เมื่อองค์การอนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินแล้ว ผู้พัฒนาวัคซีนก็ยังต้องดำเนินการทดลองระยะที่แม่แบบ:Nbsp3 ต่อไปเพื่อบูรณาการข้อมูลความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ของวัคซีน โดยในที่สุดก็จะยื่นคำขออนุมัติแบบเต็ม[723]
ในวันที่แม่แบบ:Nbsp30 พฤศจิกายน 2020 บริษัทโมเดอร์นาได้ยื่นคำขอใช้วัคซีนเป็นการฉุกเฉินแก่องค์การอาหารและยาสหรัฐ[724][725]
บาห์เรน
[แก้]ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2020 องค์การควบคุมทางสุขภาพแห่งชาติบาห์เรน (National Health Regulatory Authority, NHRA) ได้อนุญาตให้ใช้วัคซีน BBIBP-CorV ของบริษัทซิโนฟาร์ม และวัคซีน tozinameran ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นการฉุกเฉิน[94]
แคนาดา
[แก้]ในวันที่แม่แบบ:Nbsp9 ธันวาคม 2020 กระทรวงสาธารณสุขแคนาดา (Health Canada) ได้อนุญาตให้นำเข้าวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคเพื่อใช้ในการฉุกเฉินอย่างชั่วคราว[96] มีวัคซีน 30,000แม่แบบ:Nbspโดสส่งมาถึงแคนาดาในวันที่แม่แบบ:Nbsp13 ธันวาคม โดยกะว่าจะได้ 249,000แม่แบบ:Nbspโดสไม่เกินปลายปีแม่แบบ:Nbsp2020 และ 6 ล้านโดสก่อนเดือนเมษายน 2021[726]
เม็กซิโก
[แก้]ในวันที่แม่แบบ:Nbsp11 ธันวาคม 2020 คณะกรรมการกลางป้องกันความเสี่ยงทางอนามัย (Federal Commission for the Protection against Sanitary Risk, COFEPRIS) ของเม็กซิโกได้อนุญาตให้ใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นการฉุกเฉิน วัคซีนได้สั่งแล้ว 34.4 ล้านโดสโดยเริ่มส่งตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม[99]
ฟิลิปปินส์
[แก้]ในวันที่แม่แบบ:Nbsp2 ธันวาคม 2020 ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์โรดรีโก ดูแตร์เต ได้สั่งองค์กรอาหารและยาฟิลิปปินส์ให้ให้อนุญาตใช้วัคซีนและการรักษาโควิดอื่นแม่แบบ:Nbspๆ เป็นการฉุกเฉิน[727] โดยมีข้อแม้อย่างหนึ่งว่า ผู้ผลิตวัคซีนต้องได้อนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉินในประเทศต้นกำเนิดหรือประเทศอื่นแม่แบบ:Nbspๆ ที่มีการควบคุมดี องค์การก็ได้ประกาศว่าผู้ผลิตวัคซีน 3แม่แบบ:Nbspรายคือไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแว็กก็ได้สอบถามเรื่องกระบวนการขออนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉินในประเทศ[728]
สหราชอาณาจักร
[แก้]ในวันที่แม่แบบ:Nbsp2 ธันวาคม 2020 สำนักงานควบคุมผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพ (Medicines and Healthcare products Regulatory Agency, MHRA) แห่งสหราชอาณาจักรได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค คือ Tozinameran (BNT162b2) เป็นการฉุกเฉิน เป็นประเทศแรกที่อนุมัติวัคซีนนี้ และประเทศตะวันตกแรกที่ให้อนุมัติเป็นการฉุกเฉินแก่วัคซีนโควิด[93][729][730]
สหรัฐ
[แก้]ในวันที่แม่แบบ:Nbsp11 ธันวาคม 2020 องค์กรอาหารและยาสหรัฐได้อนุญาตให้ใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นการฉุกเฉิน[112]
การให้อนุญาต
[แก้]วัคซีนจะได้อนุญาตตามความสำเร็จของการทดลองทางคลินิกระยะ 1–3 ที่ได้แสดงความปลอดภัย, การสร้างภูมิคุ้มกันโรคเมื่อใช้ขนาดยาโดยเฉพาะ, ประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มประชากรเป้าหมาย และประสิทธิภาพการป้องกันที่คงยืน[731] คณะผู้เชี่ยวชาญการวางมาตรฐานทางชีวภาพขององค์การอนามัยโลกได้สร้างแนวปฏิบัตินานาชาติเพื่อผลิตและควบคุมคุณภาพของวัคซีน เป็นกระบวนการหมายให้องค์กรควบคุมของรัฐต่างแม่แบบ:Nbspๆ ใช้ในการให้อนุญาตวัคซีนของตนเอง[731] ปกติผู้ผลิตจะไม่ได้รับอนุญาตจนกว่าวัคซีนจะได้พิสูจน์ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในระยะยาว องค์กรควบคุมนานาชาติหรือของรัฐ เช่น สำนักงานการแพทย์ยุโรป (European Medicines Agency, EMA) หรือองค์กรอาหารและยาสหรัฐ (Food and Drug Administration, FDA) จะเป็นผู้ตรวจพิจารณาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของวัคซีน[732][733]
การสร้างความมั่นใจและการยอมรับวัคซีนที่ได้อนุมัติแก่สาธารณชนเป็นหน้าที่การสื่อสารของรัฐและบุคลากรทางแพทย์เพื่อให้โปรแกรมการฉีดวัคซีนดำเนินไปได้ด้วยดี, เพื่อช่วยชีวิตคน และช่วยคืนสภาพทางเศรษฐกิจ[734] ในเบื้องต้น วัคซีนจะมีจำนวนจำกัดเพราะเหตุผลทางการผลิต, การแจกจำหน่าย และโลจิสติกส์ จึงต้องมีแผนการจัดสรรวัคซีนจำนวนจำกัดที่มี และจัดลำดับกลุ่มประชากรที่ควรได้วัคซีนแรกแม่แบบ:Nbspๆ[734]
องค์การอนามัยโลก
[แก้]วัคซีนที่พัฒนาเพื่อแจกจำหน่ายข้ามชาติผ่านกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติต้องได้การอนุญาตก่อน (pre-qualification) ขององค์การอนามัยโลกเพื่อให้ได้มาตรฐานสากลในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย การสร้างภูมิคุ้มกัน และประสิทธิศักย์ จึงจะนำไปใช้ในประเทศต่างแม่แบบ:Nbspๆ มากมายได้[731] ผลิตภัณฑ์ต้องผลิตได้อย่างสม่ำเสมอโดยผ่านมาตรฐาน [[GMP|แม่แบบ:Abbr]][731] เมื่อองค์กรของสหประชาชาติมีส่วนร่วมในการให้อนุญาตวัคซีน ประเทศแต่ละประเทศจะร่วมมือโดย 1) ให้อนุญาตวัคซีน ให้อนุญาตการวางขาย สำหรับผู้ผลิตและหุ้นส่วนในการแจกจำหน่าย 2) สอดส่องผลของยาหลังจากวางตลาด (postmarketing surveillance) รวมทั้งบันทึกผลที่ไม่พึงประสงค์หลังการให้วัคซีน องค์การอนามัยโลกทำงานร่วมกับองค์กรของรัฐเพื่อตรวจโรงงานผลิตและผู้จำหน่ายว่าผ่านมาตรฐาน GMP และกฎควบคุมต่างแม่แบบ:Nbspๆ หรือไม่[731] ประเทศบางประเทศอาจเลือกซื้อวัคซีนที่ได้รับอนุญาตจากองค์กรควบคุมของประเทศอื่นแม่แบบ:Nbspๆ ที่น่าเชื่อถือเช่น สำนักงานการแพทย์ยุโรป (แม่แบบ:Abbr) หรือองค์การอาหารและยาสหรัฐ แต่ราคาก็อาจจะแพงกว่า และวิธีการแจกจำหน่ายก็อาจใช้ในประเทศกำลังพัฒนานั้นแม่แบบ:Nbspๆ ไม่ได้[731]
ออสเตรเลีย
[แก้]ในเดือนตุลาคม 2020 องค์กรสินค้าเพื่อการรักษา (Therapeutic Goods Administration, TGA) ของออสเตรเลียได้ให้อนุญาตชั่วคราวแก่วัคซีนโควิดคือ ChAdOx1แม่แบบ:NbspnCoV-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีน Tozinameran (BNT162b2) ของบริษัทไฟเซอร์[735][736]
สหภาพยุโรป
[แก้]ในสหภาพยุโรป วัคซีนสำหรับโรคระบาดทั่ว เช่น ไข้หวัดใหญ่ จะได้อนุญาตแบบต่างแม่แบบ:Nbspๆ รวมทั้ง อนุญาตทั่วไป (centralized) คือรัฐสมาชิกทั้งหมดปฏิบัติตาม หรืออนุญาตในบางประเทศ (decentralized) หรืออนุญาตในประเทศแม่แบบ:Nbspๆ เดียว[732] โดยทั่วไปแล้ว รัฐสมาชิกจะอนุโลมตามแนวทางการควบคุมและโปรแกรมทางคลินิกที่กำหนดโดยคณะกรรมการเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในมนุษย์ (Committee for Medicinal Products for Human Use, CHMP) ของยุโรป ซึ่งเป็นคณะกรรมการทางวิทยาศาสตร์ของสำนักงานการแพทย์ยุโรป (แม่แบบ:Abbr) ซึ่งมีหน้าที่ให้อนุญาตวัคซีน[732] กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหลายกลุ่มที่ประเมินและสอดส่องความก้าวหน้าของวัคซีนทั้งก่อนและหลังการให้อนุญาตและการแจกจำหน่ายทำหน้าที่สนับสนุนคณะกรรมการนี้[732] ในเดือนตุลาคม 2020 แม่แบบ:Abbr ได้เริ่มทำการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง (rolling reviews) สำหรับวัคซีน ChAdOx1แม่แบบ:NbspnCoV-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และ Tozinameran (BNT162b2) ของบริษัทไฟเซอร์[737][738][739]
ในเดือนพฤศจิกายน 2020 CHMP ได้เริ่มการพิจารณาอย่างต่อเนื่องสำหรับวัคซีนโควิดของบริษัทโมเดอร์นาคือ mRNA-1273[740]
ในเดือนธันวาคม 2020 แม่แบบ:Abbr ได้รับคำขออนุญาตวางตลาดแบบมีเงื่อนไข (conditional marketing authorization) แก่วัคซีนแบบ แม่แบบ:Abbr คือ Tozinameran และ mRNA-1273[741][742] การประเมินวัคซีนจะทำอย่างเร่งด่วนโดยอาจลงความเห็นภายในไม่กี่อาทิตย์[741][742]
ในเดือนธันวาคม 2020 CHMP ได้เริ่มการพิจารณาอย่างต่อเนื่องสำหรับวัคซีนโควิด Ad26.COV2.S ของบริษัท Janssen-Cilag International N.V.[743]
สหรัฐ
[แก้]ตามกฎขององค์การอาหารและยาสหรัฐ การแสดงหลักฐานว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิศักย์ทางคลินิกจะเหมือนกับกระบวนการอนุมัติยาที่แพทย์สั่ง[744] ถ้ายาผ่านการทดลองทางคลินิกระยะต่างแม่แบบ:Nbspๆ บริษัทก็จะยื่นคำขอที่เรียกว่า Biologics License Application ซึ่งต้องแนบหลักฐานอย่างละเอียดว่าวัคซีนแคนดิเดตแสดงประสิทธิศักย์และความปลอดภัยตลอดระยะการพัฒนา เพื่อการพิจารณาทางวิทยาศาสตร์โดยคณะผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างแม่แบบ:Nbspๆ รวมทั้งแพทย์ นักสถิติ นักจุลชีววิทยา และนักเคมี หลังจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญก็จะตรวจโรงงานผลิตว่า ได้มาตรฐาน GMP หรือไม่ โดยฉลากยาต้องมีข้อมูลสำหรับแพทย์พยาบาลเกี่ยวกับการใช้ยาและความเสี่ยง เพื่อให้สามารถสื่อสารและให้ยากับสาธารณชนได้[744]
คณะกรรมการที่ปรึกษาเรื่องแนวปฏิบัติเพื่อสร้างภูมิคุมกัน (Advisory Committee on Immunization Practices) ของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐได้ลงมติในวันที่แม่แบบ:Nbsp2 ธันวาคมว่า วัคซีนที่ได้แรกแม่แบบ:Nbspๆ ควรจัดให้กับแพทย์พยาบาลและผู้ดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานพยาบาลระยะยาวก่อน โดยระบุด้วยว่าเมื่อการผลิตเพิ่มขึ้นแล้วกลุ่มที่ได้ต่อแม่แบบ:Nbspๆ มาควรเป็นคนชรา ผู้ทำการฉุกเฉิน (รวมตำรวจ นักผจญเพลิง) ครู และผู้ทำการจำเป็นที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้ดี และบุคคลที่มีโรคร่วมหลายโรค อย่างไรก็ตาม รัฐต่างแม่แบบ:Nbspๆ ในสหรัฐจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะจัดสรร แจกจำหน่าย จัดการโลจิสติกส์อย่างไร เพื่อให้วัคซีนแก่ทุกแม่แบบ:Nbspๆ คนเมื่อมีวัคซีน[745] หลังจากให้อนุญาต การสอดส่องวัคซีนและการผลิตรวมทั้งการตรวจเป็นระยะแม่แบบ:Nbspๆ ว่ายังได้มาตรฐาน GMP หรือไม่ ก็จะทำต่อไปตราบเท่าที่ผู้ผลิตยังได้อนุญาตอยู่ โดยผู้ผลิตอาจต้องยื่นเอกสารเพิ่มเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตแต่ละขั้นแม่แบบ:Nbspๆ ว่ายังสามารถคงฤทธิ์ ความปลอดภัย และความบริสุทธิ์ของวัคซีนได้หรือไม่[744]
การสอดส่องผลของยาหลังจากวางตลาด
[แก้]จนกว่าจะได้ใช้วัคซีนในกลุ่มประชากรทั่วไป ก็ยังอาจไม่รู้ผลไม่พึงประสงค์ทั้งหมดของวัคซีน จึงทำให้ผู้ผลิตต้องสอดส่องผลของยาหลังจากวางตลาด (postmarketing surveillance) หรือบางครั้งเรียกว่า การทดลองทางคลินิกระยะที่ 4 ของวัคซีนเมื่อกำลังให้แก่สาธารณชนทั่วไป[731][744] องค์การอนามัยโลกทำงานร่วมกับรัฐสมาชิกเพื่อสอดส่องผลของยาหลังจากวางตลาด[731] ส่วนองค์การอาหารและยาสหรัฐมีโปรแกรม Vaccine Adverse Event Reporting System ที่สอดส่องปัญหาความปลอดภัยของวัคซีนเมื่อกำลังให้แก่สาธารณชน[744]
การวางตลาดและการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน
[แก้]ปัญหาการวางตลาด
[แก้]จนถึงเดือนมิถุนายน 2020 บริษัท รัฐบาล องค์กรสาธารณสุขนานาชาติ และกลุ่มวิจัยในมหาวิทยาลัยได้ลงทุนเป็นหมื่นแม่แบบ:Nbspๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตเป็นสิบแม่แบบ:Nbspๆ อย่าง และเตรียมตัวตั้งโปรแกรมให้วัคซีนเพือสร้างภูมิคุ้มกันต้านการติดเชื้อโควิด-19[32][746][747][748] การลงทุนของบริษัทและความจำเป็นต้องสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นก่อความกังวลในเรื่องการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ "วิธีการทางตลาด" ว่าวัคซีนที่ได้อนุมัติจะมีราคาแพง ว่าประเทศร่ำรวยจะได้วัคซีนก่อน และว่าเขตที่โรคระบาดแย่สุดจะไม่ได้วัคซีนหรือได้น้อย ซึ่งพยากรณ์ว่าจะเกิดในประเทศยากจน มีประชากรหนาแน่น ที่ไม่สามารถซื้อวัคซีนได้[32][56][747]
การร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดกับแอสตร้าเซนเนก้า (เป็นบริษัทยายักษ์ใหญ่ในประเทศสหราชอาณาจักรมีรายได้ประมาณแปดแสนล้านบาทในปีแม่แบบ:Nbsp2016[749]) ก่อความกังวลเรื่องราคาวัคซีนและการแชร์ผลกำไรของการขายวัคซีนทั่วโลก เพราะปัญหาว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักรและมหาวิทยาลัยซึ่งได้เงินภาษีของประชาชนมีสิทธิขายหรือไม่[748] บริษัทจึงแจ้งว่า ราคาเบื้องต้นของวัคซีนจะไม่รวมกำไรสำหรับบริษัทตราบเท่าที่โรคยังระบาดอยู่[748]
ในต้นเดือนมิถุนายน บริษัทตกลงให้เซพีและกาวีผลิตและแจกจำหน่ายวัคซีน 300 ล้านโดสถ้าวัคซีนของออกซฟอร์ดพิสูจน์ว่าปลอดภัยและได้ผลโดยแลกเปลี่ยนกับการลงทุน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสองหมื่นสี่พันล้านบาท) โดยเท่ากับเพิ่มสมรรถภาพการผลิตวัคซีนของบริษัทเป็นมากกว่า2,000 ล้านโดสต่อปี[750] การวางตลาดวัคซีนโรคระบาดทั่วเป็นการลงทุนที่เสี่ยงสูง เพราะอาจเสียเงินทุนค่าพัฒนาและการเตรียมตัวผลิตวัคซีนถ้าวัคซีนแคนดิเดตปรากฏว่าไม่ปลอดภัยหรือไม่ได้ผล[32][55][56][746] บริษัทยาข้ามชาติคือไฟเซอร์ระบุว่า ไม่สนใจเป็นหุ้นส่วนกับรัฐ เพราะจะเป็น "มือที่สาม" ที่ทำให้โปรแกรมวัคซีนของบริษัทล่าช้า[751] อนึ่ง ยังมีความกังวลด้วยว่า โปรแกรมเร่งพัฒนา เช่น Operation Warp Speed (ปฏิบัติการความเร็วเหนือแสง) ของสหรัฐ กำลังเลือกวัคซีนแคนดิเดตเพราะความได้เปรียบทางการผลิตเพื่อย่นระยะเวลาการพัฒนา ไม่ได้เลือกเทคโนโลยีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิศักย์สูงสุด[751]
อำนาจอธิปไตย
[แก้]การเลือกแจกจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศไม่กี่ประเทศ ซึ่งคนตะวันตกเรียกว่า "vaccine sovereignty" (อธิปไตยวัคซีน) เป็นข้อวิจารณ์ข้อหนึ่งของหุ้นส่วนการพัฒนาวัคซีน[747][752] เช่นหุ้นส่วนระหว่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดกับแอสตร้าเซนเนก้า ว่าจะเลือกแจกจำหน่ายวัคซีนภายในสหราชอาณาจักรและต่อ "ผู้ให้ราคาสูงสุด" คือสหรัฐ ผู้ได้จ่ายเงินล่วงหน้า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสามหมื่นแปดพันล้านบาท) เพื่อคนอเมริกัน แม้ก่อนที่วัคซีนของออกซฟอร์ดหรือของซาโนฟี่จะได้พิสูจน์ว่าปลอดภัยและได้ผล[748][753][754] มีความกังวลว่า ประเทศบางประเทศที่ผลิตวัคซีนอาจจำกัดการส่งออกเพื่อตุนวัคซีนโควิดสำหรับประชาชนของตนก่อน[752]
ในเดือนพฤษภาคม รัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นสัญญาว่า วัคซีนจีนที่สำเร็จจะเป็น "สินค้าสาธารณะของโลก" (global, public good) คือบอกเป็นนัยว่า จะผลิตวัคซีนให้พอแจกจำหน่ายทั้งในประเทศและนอกประเทศ[755] อนึ่ง ไม่เหมือนกับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ซึ่งต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำมาก วัคซีนอันเป็นไวรัสฆ่าแล้วของซิโนแว็กและซิโนฟาร์มต้องเก็บไว้ในเพียงตู้เย็นเก็บยาธรรมดา[756] จึงอาจน่าใช้มากกว่าในประเทศกำลังพัฒนา[757]
ในเดือนมิถุนายน สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (Serum Institute of India) ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก ได้สิทธิจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าให้ผลิตวัคซีน 1,000 ล้านโดสสำหรับประเทศมีรายได้น้อยจนถึงปานกลาง[750] โดยครึ่งหนึ่งจะเป็นของอินเดีย[758] ถ้าประเทศออสเตรเลียผลิตวัคซีนด้วย ก็อาจเลือกปฏิบัติเช่นกัน[759]
การเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน
[แก้]แม่แบบ:หลัก เพราะการพัฒนาและการผลิตวัคซีนแคนดิเดตยังมีผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน รวมทั้งอัตราความล้มเหลวสูงในช่วงทดสอบในมนุษย์ องค์กรต่างแม่แบบ:Nbspๆ รวมทั้งเซพี องค์การอนามัยโลก และองค์กรวัคซีนการกุศล เช่น มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์และกาวี ได้ระดมทุนเกินกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในต้นปีแม่แบบ:Nbsp2020 เพื่อเป็นทุนพัฒนาวัคซีนและเตรียมตัวแจกจำหน่ายให้วัคซีน โดยเฉพาะแก่เด็กในประเทศด้อยพัฒนา[760][46][51][746]
เซพีแถลงการณ์ว่า รัฐบาลต่างแม่แบบ:Nbspๆ ควรจัดระบบจัดสรรวัคซีนที่ยุติธรรมทั่วโลกสำหรับวัคซีนที่จะได้ โดยประสานงานการผลิต การจัดหาทุนและการซื้อ และประกันว่าไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์เพื่อลดความเสี่ยงต่อผู้พัฒนาวัคซีน[36] องค์กรได้ตั้งขึ้นเพื่อเฝ้าตรวจการแจกจำหนายวัคซีนป้องกันโรคติดต่อที่ยุติธรรมไปยังประเทศรายได้น้อยและปานกลาง[752][761] เซพีได้ปรับปรุงนโยบายการเข้าถึงได้อย่างยุติธรรมที่ตีพิมพ์ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจใช้กับทุนพัฒนาวัคซีนโควิดขององค์กรด้วย คือ
- ราคาวัคซีนจะต้องตั้งให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ในอาณาเขตที่ได้รับผลหรืออาจได้รับผลจากการระบาดของโรคที่เงินทุนของเซพีได้ใช้เพื่อพัฒนาวัคซีน
- ข้อมูล วิธี และวัสดุต่างแม่แบบ:Nbspๆ ที่ใช้พัฒนาวัคซีนต้องแชร์กับ (หรือถ่ายโอนให้แก่) เซพี เพื่อให้องค์กรสามารถพัฒนาวัคซีนต่อได้ถ้าบริษัทเลิกลงทุนกับวัคซีนแคนดิเดตที่มีอนาคต
- เซพีต้องสามารถเข้าถึง หรือสามารถจัดการสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น สิทธิบัตร) สำหรับวัคซีนที่มีอนาคต
- เซพีจะได้รับผลประโยชน์ทางการเงินที่อาจพอกพูนขึ้นจากการพัฒนาวัคซีนที่เซพีสนับสนุน เพื่อนำกลับไปลงทุนเพื่อสนับสนุนภารกิจขององค์กรในการทำประโยชน์ทางสาธารณสุขในระดับโลก
- ความโปร่งใสของข้อมูลในระหว่างหุ้นส่วนการพัฒนาควรใช้เกณฑ์ "WHO Statement on Public Disclosure of Clinical Trial Results" และบังคับให้ตีพิมพ์ผลโดยเข้าถึงได้อย่างเสรี[761]
แต่ผู้ผลิตวัคซีนบางรายก็ต่อต้านข้อเสนอนี้เป็นบางส่วน[747][761]
กลุ่มนานาชาติบางกลุ่ม เช่น Centre for Artistic Activism และ Universities Allied for Essential Medicines สนับสนุนให้เข้าถึงวัคซีนโควิดที่อนุมัติได้อย่างยุติธรรม[762][763] นักวิทยาศาสตร์สนับสนุนให้องค์การอนามัยโลก เซพี บริษัท และรัฐบาลร่วมมือกันเพื่อจัดสรรวัคซีนโควิดที่จะได้โดยกำหนดด้วยความเสี่ยงต่อโรค[752][761] โดยเฉพาะการให้วัคซีนก่อนอย่างเร่งด่วนแก่บุคลากรทางแพทย์ กลุ่มประชากรที่อ่อนแอ และเด็ก[32][746][747] ในช่วงปีแม่แบบ:Nbsp2020 องค์การอนามัยโลก กาวี และเซพี ได้รวมกำลังก่อตั้งโคแว็กซ์ ซึ่งเป็นโปรแกรมประสานงานสร้างวัคซีนที่เข้าถึงได้อย่างยุติธรรมทั่วโลก[84][47]
นักวิทยาศาสตร์นานาชาติและบุคคลที่เป็นห่วงจำนวนหนึ่ง (รวมทั้งบุคลากรขององค์กรทางศาสนา) ได้ร้องให้ทำวัคซีนโควิดให้เป็นสาธารณสมบัติ ตามตัวอย่างการพัฒนาวัคซีนโปลิโอโดยแพทย์ชาวอเมริกันโจนัส ซอล์กผู้ไม่ได้จดสิทธิบัตร วัคซีนโควิด-19 ที่ได้ผลควรจะได้อนุมัติและผลิตในประเทศต่างแม่แบบ:Nbspๆ และศูนย์การผลิตยาทั่วโลก เพื่อให้สามารถแจกจำหน่ายได้อย่างยุติธรรมและมีราคาถูกยิ่งขึ้นในระดับโลก[764]
โซ่อุปทาน
[แก้]ในช่วงปีแม่แบบ:Nbsp2021 และหลังจากนั้น การแจกจำหน่ายวัคซีนโควิดต้องอาศัยการขนส่งและการติดตามวัคซีนถึง 10,000-19,000 ล้านขวด ซึ่งจะเป็นความท้าทายทางโซ่อุปทานอันยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์[29][765][758] จนถึงเดือนกันยายน 2020 ผู้เชี่ยวชาญทางโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ก็ยังแสดงความเป็นห่วงว่า เครือข่ายทั้งภายในประเทศและนานาชาติที่มีอยู่แล้วเพื่อแจกจำหน่ายวัคซีนอาจไม่พอรับรองจำนวนหรือความเร่งด่วนของวัคซีนโควิด เพราะสมรรถภาพการขนส่งได้เสื่อมลงเหตุการล็อกดาวน์และการลดจำนวนพนักงานในช่วงปีแม่แบบ:Nbsp2020[765][766][767] เมื่อกล่าวถึงความท้ายทายต่อองค์กรที่ต้องประสานงานกันต่างแม่แบบ:Nbspๆ รวมทั้งโปรแกรมโคแว็กซ์ บริษัทยาสากล ผู้รับจ้างผลิตวัคซีน บริษัทขนส่งทั้งในประเทศและนานาชาติ คลังจัดเก็บวัคซีน และองค์กรสาธารณสุขในแต่ละประเทศ ประธานบริหารของกาวีได้ระบุว่า "การส่งวัคซีนเป็นพันแม่แบบ:Nbspๆ ล้านโดสไปทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพจะมีอุปสรรคทางโลจิสติกส์และทางแผนการที่ซับซ้อนอย่างยิ่งตลอดทั้งโซ่อุปทาน"[768]
ตัวอย่างที่เน้นความใหญ่โตของปัญหาก็คือ สมาคมการขนส่งทางอากาศนานาชาติ (International Air Transport Association, IATA) ระบุว่า จะต้องมีเครื่องบินขนส่งโบอิง 747 ซึ่งประกอบกับตู้เย็นวัคซีนพิเศษที่รักษาอุณหภูมิอย่างแม่นยำถึง 8,000แม่แบบ:Nbspลำเพื่อใช้ส่งยาเพียงโดสหนึ่งไปยังประเทศเกิน 200 ประเทศทั่วโลก[769] โดยกาวีก็ระบุอีกว่า "สำหรับการระบาดทั่วที่แพร่ไปอย่างรวดเร็ว จะไม่มีใครปลอดภัยยกเว้นทุกคนปลอดภัย"[84]
เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีวัคซีนและงานวิจัยทางคลินิกระยะต้นแม่แบบ:Nbspๆ ที่ได้เงินทุนเป็นพันแม่แบบ:Nbspๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว โซ่อุปทานที่จำเป็นหลังวัคซีนได้อนุมัติกลับไม่ได้รับความสนใจเท่าในด้านการวางแผน การประสานงาน ความมั่นคงปลอดภัย และการลงทุน[765][766][770] ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ทรัพยากรเพื่อแจกจำหน่ายวัคซีนในประเทศที่มีรายได้ต่ำจนถึงปานกลาง (รวมทั้งประเทศไทย) โดยเฉพาะในการให้วัคซีนแก่เด็ก อาจไม่เพียงพอหรือไม่มีเลย แต่อาจปรับปรุงโดยมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดได้ถ้าสามารถซื้อและแจกจำหน่ายในระดับภูมิภาคหรือระดับชาติ[84][771]
ในเดือนกันยายน โปรแกรมโคแว็กซ์รวมประเทศ 172 ประเทศซึ่งประสานแผนงานเพื่อให้ได้โซ่อุปทานของวัคซีนโควิดที่ดีสุด[772] และกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติก็ได้เข้าร่วมกับโคแว็กซ์เพื่อตระเตรียมเงินทุนและโซ่อุปทานเพื่อให้วัคซีนแก่เด็กในประเทศกำลังพัฒนา 92 ประเทศ[773][774]
โลจิสติกส์
[แก้]แม่แบบ:ข้อมูลเพิ่มเติม การมีระบบโลจิสติกส์ในการให้วัคซีนจะช่วยให้มีเครื่องไม้เครื่องมือ บุคลากร และวัคซีนที่ได้อนุมัติอย่างข้ามพรมแดน[775] ซึ่งอาจรวมการจัดการและเฝ้าสอดส่องวัคซีน การบริหารการเก็บและขนส่งที่ต้องใช้ตู้เย็น และความปลอดภัยในการแจกจำหน่ายวัคซีนภายในระบบ[776] เป้าของโปรแกรมโคแว็กซ์ก็เพื่อรวมศูนย์และจัดการทรัพยากรทางโลจิสติกส์อย่างยุติธรรมในบรรดาประเทศที่เข้าร่วมด้วย โดยรวมเข้าด้วยกันซึ่งการผลิต การขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโซ่อุปทานโดยทั่วไป[84][770]และมีเครื่องมือในการพยากรณ์วัคซีน การประเมินความต้องการ การบริหารวัคซีนภายในประเทศ การจัดการวัคซีนที่อาจเสีย และการบริหารวัคซีนในคลัง[776] ปัจจัยทางโลจิสติกส์อื่นแม่แบบ:Nbspๆ ที่จะทำในระดับนานาชาติเมื่อแจกจำหน่ายวัคซีนโควิดอาจรวม[765][777][778]แม่แบบ:Div col
- การสืบติดตามวัคซีนแต่ละขวดได้ผ่านบาร์โค้ด
- การแชร์ผลการตรวจสอบ (audit) ผู้จัดจำหน่าย
- การแชร์ระบบติดตามขวดวัคซีนเริ่มจากผู้ผลิตไปจนถึงบุคคลที่ได้วัคซีน
- การใช้อุปกรณ์สอดส่องอุณหภูมิของวัคซีน
- การตรวจและการประกันความเสถียรของอุณหภูมิ
- เทคโนโลยีการบรรจุและการขนส่งใหม่แม่แบบ:Nbspๆ
- การเก็บสะสมวัคซีนในคลัง
- การจัดการเครื่องมือเครื่องใช้ภายในประเทศ (อุปกรณ์ป้องกันโรค สารทำให้เจือจาง กระบอกฉีดยา เข็มฉีดยา จุก เชื้อเพลิงหรือแหล่งพลังงานสำหรับตู้เย็นเก็บวัคซีน การจัดการของเสีย/ขยะ เป็นต้น)
- เทคโนโลยีการสื่อสาร
- การบริหารผลต่อสิ่งแวดล้อมในแต่ละประเทศแม่แบบ:Div col end
ตามผู้ผลิตวัคซีนรายหนึ่ง ปัญหาทางโลจิสติกส์ในขั้นใดขั้นหนึ่งอาจสะดุดโซ่อุปทานทั้งโซ่[779] และถ้าโซ่อุปทานของวัคซีนล้มเหลว ความเสียหายทางเศรษฐกิจและทางมนุษยชนเหตุการระบาดทั่วอาจยืดยาวเป็นปีแม่แบบ:Nbspๆ[767]
กำลังการผลิต
[แก้]จนถึงเดือนสิงหาคม 2020 แม้เมื่อมีวัคซีนแคนดิเดตเพียงไม่กี่อย่างที่กำลังทดลองทางคลินิกในระยะที่แม่แบบ:Nbsp3 โดยยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนเพื่อกำหนดความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ รัฐบาลต่างแม่แบบ:Nbspๆ ก็ได้สั่งวัคซีนล่วงหน้ามากกว่า 2,000 ล้านโดสโดยมีค่าใช้จ่ายเกิน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 158,000 ล้านบาท)[758][779][780] รัฐบาลอังกฤษได้สั่งวัคซีนสำหรับปีแม่แบบ:Nbsp2021 ล่วงหน้าเป็นจำนวน 5แม่แบบ:Nbspโดสต่อประชากรหนึ่งคน เป็นจำนวนที่ก่อความท้อใจแก่องค์กรต่างแม่แบบ:Nbspๆ เช่น องค์การอนามัยโลกและกาวีซึ่งกำลังโปรโมตการเข้าถึงวัคซีนอย่างยุติธรรมและทั่วถึงกันโดยเฉพาะสำหรับประเทศกำลังพัฒนา[758] ในเดือนกันยายน เซพีให้ทุนสนับสนุนทั้งงานวิจัยพื้นฐานและการทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนแคนดิเดต 9แม่แบบ:Nbspอย่าง โดยมีอีก 9แม่แบบ:Nbspอย่างที่กำลังประเมิน และตกลงจะผลิตวัคซีนที่ได้อนุมัติ 3แม่แบบ:Nbspอย่างเป็นจำนวน 2,000 ล้านโดสไม่เกินปีแม่แบบ:Nbsp2021[772] ทั่วไปแล้วก่อนปีแม่แบบ:Nbsp2022 ทั่วโลกอาจผลิตวัคซีนระหว่างเจ็ดพันถึงหมื่นล้านโดส แต่การสั่งวัคซีนล่วงหน้าของประเทศร่ำรวยก็อาจทำให้วัคซีนไม่มีสำหรับประเทศที่ยากจน[29][779][758]
หลังจากเข้าร่วมโปรแกรมโคแว็กซ์ในเดือนตุลาคม จีนก็ระบุว่าจะผลิตวัคซีน 600 ล้านโดสก่อนสิ้นปีแม่แบบ:Nbsp2020 และผลิตอีกพันล้านโดสในปีแม่แบบ:Nbsp2021 แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจำนวนเท่าไรจะใช้ในจีนเองซึ่งมีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน[781] ซิโนฟาร์มกล่าวว่า บริษัทอาจมีกำลังผลิตวัคซีนเกิน 1,000 ล้านโดสในปีแม่แบบ:Nbsp2021[782] โดยหุ้นส่วนในดูไบคือบริษัท G42 Healthcare ก็มุ่งจะผลิตให้ได้ถึง 100 ล้านโดสในปีแม่แบบ:Nbsp2021 ให้ใช้ในตะวันออกกลาง[783] ส่วนซิโนแว็กก็กล่าวว่า บริษัทมุ่งสร้างโรงงานที่สองให้เสร็จปลายปีแม่แบบ:Nbsp2020 เพื่อเพิ่มกำลังผลิตวัคซีน CoronaVac เป็น 600 ล้านโดสซึ่งเป็นทวีคูณจากจำนวนเดิม[784] โดยหุ้นส่วนในบราซิลคือ Instituto Butantan มีแผนจะผลิตให้ถึง 100 ล้านโดส[785] และหุ้นส่วนในอินโดนีเซียคือ Bio Farma ก็มีแผนจะผลิตให้ได้ 250 ล้านโดส[786]
สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียมีแผนจะผลิตวัคซีนอย่างน้อย 1,000 ล้านโดส แต่ก็ระบุแล้วว่าครึ่งหนึ่งจะใช้ในอินเดีย[758]
ส่วนประธานบริหารของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าระบุว่า "ปัญหาไม่ใช่การผลิตวัคซีนเอง มันอยู่ที่ขวดบรรจุ คือโลกไม่มีขวดบรรจุพอ"[787] เพื่อเตรียมตัวรับมือกับการสั่งขวดเป็นจำนวนมาก บริษัทผลิตภัณฑ์แก้วอเมริกันรายหนึ่งได้ลงทุน 163 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,100 ล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานผลิตขวดวัคซีน[788] แต่การมีแก้วพอและการควบคุมความปนเปื้อนก็อาจเป็นปัญหา[789] ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายการผลิตสูงขึ้นและกำไรน้อยลงสำหรับผู้พัฒนาวัคซีน ในสถานการณ์ที่เรียกร้องให้วัคซีนมีราคาพอจ่ายไหว[84][758][767]
วัคซีนต้องดูแลและขนส่งตามกฎควบคุมสากล [[การเก็บวัคซีน|ต้องรักษาไว้ที่อุณหภูมิอันแน่นอนต่างแม่แบบ:Nbspๆ กัน]]แล้วแต่เทคโนโลยีของวัคซีน และต้องใช้ก่อนเสื่อมเมื่อเก็บไว้ในคลัง[758][779] โซ่อุปทานของวัคซีนโควิดคาดว่าจะมีขนาดมหึมาเพื่อให้ส่งไปยังประชากรทั่วโลกได้[29][766] สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมตัวการขนส่งเยี่ยงนี้รวมอุปกรณ์และคลังเก็บที่ควบคุมอุณหภูมิ โครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม บุคลากรที่ได้ฝึกเพื่อให้วัคซีน และการเฝ้าติดตามอย่างระมัดระวัง[766][768][773] จะมีการใช้อาร์เอฟไอดี (การระบุตัวด้วยคลื่นวิทยุ) เพื่อติดตามและยืนยันวัคซีนของจริงโดยเริ่มจากผู้ผลิต ไปตามโซ่อุปทาน จนถึงผู้ได้วัคซีน[790]
โซ่เย็น (cold chain)
[แก้]แม่แบบ:ข้อมูลเพิ่มเติม วัคซีนและตัวเสริมไม่เสถียรโดยธรรมชาติเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน จึงทำให้ต้องมี "โซ่เย็น" (cold chain) คือมีการแช่เย็นในการขนส่งและการเก็บตลอดโซ่อุปทาน ปกติที่อุณหภูมิราว2–8 องศาเซลเซียส[778][791] เพราะวัคซีนโควิดใช้เทคโนโลยีต่างแม่แบบ:Nbspๆ จึงก่อปัญหาใหม่แม่แบบ:Nbspๆ ในการจัดการบริหารโซ่เย็น มีวัคซีนบางอย่างที่เสถียรเมื่อแช่แข็งแต่ไม่คงตัวเมื่อเจอความร้อน บางอย่างไม่ควรแช่แข็งเลย และบางอย่างเสถียรตลอดทุกอุณหภูมิ[791] ความเสียหายเหตุการแช่แข็งและการฝึกบุคลากรในพื้นที่ไม่ดีพอจึงอาจเป็นปัญหาสำคัญ[792]
ถ้าวัคซีนโควิดมากกว่าหนึ่งอย่างได้อนุมัติ โซ่เย็นวัคซีนอาจต้องแก้ปัญหาความไวอุณหภูมิในระดับต่างแม่แบบ:Nbspๆ ข้ามประเทศต่างแม่แบบ:Nbspๆ ที่มีภูมิอากาศต่างแม่แบบ:Nbspๆ และมีทรัพยากรในพื้นที่เพื่อรักษาอุณหภูมิต่างแม่แบบ:Nbspๆ กัน[791] วัคซีนของซิโนฟาร์มและซิโนแว็กเป็นตัวอย่างของวัคซีนอันใช้ไวรัสที่ฆ่าแล้วซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองระยะที่แม่แบบ:Nbsp3 อันสามารถขนส่งโดยระบบโซ่เย็นที่มีอยู่แล้วได้ กล่าวคือสามารถแช่เย็นในอุณหภูมิระหว่าง 2–8 องศาเซลเซียส[793][794]
วัคซีนอาร์เอ็นเออาจมีความยากลำบากในการผลิตในปริมาณมากแม่แบบ:Nbspๆ หรือรักษาไว้ไม่ให้เสื่อม คือต้องใช้ตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษเพื่อเก็บในคลังและในการขนส่ง[767] ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนอาร์เอ็นเอของโมเดอร์นาต้องใช้โซ่เย็นเพียงแค่เหนือจุดเยือกแข็งโดยเก็บได้เป็นเวลาจำกัด แต่วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคต้องเก็บในตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำ −80 ถึง −60 องศาเซลเซียสตลอดการขนส่งจนถึงจุดให้วัคซีน[795][796]
หลังจากเจาะขวดวัคซีนด้วยเข็มฉีดแล้ว ก็จะใช้ได้เพียงแค่ 6 ชม. แล้วก็ต้องทิ้งไป หน่วยบริการในพื้นที่จึงต้องบริหารการแช่แข็งและการให้วัคซีน[29][797] เพราะวัคซีนโควิดน่าจะขลาดแคลนเมื่อเริ่มใช้ในเบื้องต้น บุคลากรก็จะต้องหลีกเลี่ยงการทำของเสีย ซึ่งปกติอาจจะถึงร้อยละ 30 ของวัคซีนที่มี[765][797] โซ่อุปทานยังอาจมีปัญหากับวิธีการขนส่งวัคซีนในพื้นที่ชนบท เช่น ด้วยจักรยานยนต์หรือด้วยโดรนส่งของ กับการต้องให้วัคซีนครั้งที่สอง กับการใช้สารทำให้เจือจาง กับการเข้าถึงกลุ่มประชากรเป้าหมาย เช่น บุคลากรทางแพทย์ เด็ก และคนชรา[29][773][798]
การขนส่งทางอากาศและทางบก
[แก้]การประสานงานเครื่องบินขนส่งระดับนานาชาติจำเป็นในการแจกจำหน่ายวัคซีนโควิดที่มีจำกัดเวลาและอุณหภูมิ แต่จนถึงเดือนกันยายน 2020 เครือข่ายขนส่งเช่นนี้ก็ยังไม่พร้อมขนส่งวัคซีนในระดับนานาชาติ[766][769][799] ประธานบริหารของสมาคมการขนส่งทางอากาศนานาชาติ (แม่แบบ:Abbr) ได้กล่าวในเดือนกันยายนว่า "การขนส่งวัคซีนโควิด-19 อย่างปลอดภัยจะเป็นภาระหน้าที่ซึ่งศตวรรษหนึ่งมีครั้งเดียวของอุตสาหกรรมขนส่งทางอากาศทั่วโลก แต่นี่เป็นไปไม่ได้ถ้าไม่วางแผนล่วงหน้าอย่างระมัดระวัง ซึ่งต้องทำเดี๋ยวนี้ เราวิงวอนให้รัฐบาลเป็นผู้นำในการอำนวยการร่วมมือกันตลอดโซ่โลจิสติกส์เพื่อจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก ความมั่นคงและปลอดภัย และกระบวนการตรวจที่ชายแดนให้พร้อมกับงานขนาดยักษ์และซับซ้อนข้างหน้านี้"[799]
เพราะการลดจำนวนผู้โดยสารทางอากาศอย่างหนักในช่วงปีแม่แบบ:Nbsp2020 สายการบินต่างแม่แบบ:Nbspๆ จึงได้ไล่พนักงานออก ลดจุดหมายที่บริการ และนำเครื่องบินไปเก็บในโรงเก็บระยะยาว[766][799] ดังนั้น องค์กรผู้นำในการซื้อหาและแจกจำหน่ายวัคซีนโควิดภายในโปรแกรมโคแว็กซ์คือกาวีและกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ จึงกำลังเตรียมตัวส่งวัคซีนเป็นจำนวนมากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่เคยมี โดยประสานงานกับบริษัทขนส่งทางอากาศนานาชาติ การควบคุมคนเข้าเมืองและการตรวจอากรสินค้า และการใช้บริการของเครื่องบินขนส่งอาจถึง 8,000แม่แบบ:Nbspลำเพียงแค่จะส่งวัคซีนโดสเดียวไปยังประเทศต่างแม่แบบ:Nbspๆ[773][799]
วัคซีนสองอย่างแรกแม่แบบ:Nbspๆ ที่ได้อนุมัติคือ Tozinameran ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค และ mRNA-1273 ของโมเดอร์นาต้องแช่แข็งในระหว่างการขนส่ง โดยใช้ตู้บรรจุที่ออกแบบเป็นพิเศษแม่แบบ:Efn-ua และน้ำแข็งแห้ง แต่น้ำแข็งแห้งก็ปกติอนุญาตเป็นจำนวนจำกัดบนเครื่องบินเพราะแก๊สจากการการระเหิดอาจเป็นพิษ ในสหรัฐ องค์การบริหารการบินแห่งชาติจำกัดจำนวนน้ำแข็งแห้งสำหรับเครื่องบินโบอิง 777 เพียงแค่ 1.4แม่แบบ:Nbspตัน แต่ก็อนุญาตชั่วคราวให้สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ขนส่งถึง 6.8แม่แบบ:Nbspตัน คือเป็นวัคซีนเกือบ 1 ล้านโดส ระหว่างกรุงบรัสเซลส์จนถึงเมืองชิคาโก อเมริกันแอร์ไลน์ โบอิง และเดลตาแอร์ไลน์ก็กำลังเพิ่มสมรรถภาพการขนส่งน้ำแข็งแห้งสำหรับเที่ยวบิน โดยสายการบินอเมริกัน เดลตา และยูไนเต็ดต่างก็มีเครือข่ายขนส่งสินค้าแช่เย็นในสหรัฐของตนแม่แบบ:Nbspๆ ส่วนเฟดเอกซ์และยูพีเอสได้ติดตั้งตู้แช่เข็งเย็นพิเศษที่ศูนย์เครื่องบินขนส่งในยุโรปและอเมริกาเหนือ[800]
ความมั่นคงปลอดภัยและคอรัปชั่น
[แก้]ยาเป็นสินค้าปลอมที่มีค่ามากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าเกิน 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท) ซึ่งทำให้วัคซีนโควิดอันมีความต้องการอย่างยิ่งเสี่ยงถูกปลอม ถูกขโมย เสี่ยงการฉ้อฉลและการโจมตีทางไซเบอร์ (cyberattack) ตลอดโซ่อุปทาน[770][801] จนกระทั่งถึงเรียกวัคซีนว่าเป็น "ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในโลก" โดยตำรวจสากลเรียกมันว่า "ทองเหลว" และเตือนถึงการมีอาชญากรรมประเภทต่างแม่แบบ:Nbspๆ เกิดขึ้นพร้อมแม่แบบ:Nbspๆ กัน[802] ระบบป้องกันคอรัปชั่น การสร้างความโปร่งใส การระบุหน้าที่รับผิดชอบก็กำลังตั้งขึ้นเพื่อลดและกำจัดคอรัปชั่นเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องใช้ของวัคซีนโควิด[801][803] แต่การไร้กฎหมายที่มีโครงสร้างเดียวกันระหว่างประเทศต่างแม่แบบ:Nbspๆ การไร้สมรรถภาพทางเทคโนโลยี วัคซีนที่มีจำกัด และความไม่สามารถระบุหรือติดตามวัคซีนของจริงหรือของปลอม ก็อาจเป็นอัตรายต่อชีวิตของผู้ได้วัคซีน และอาจทำให้การระบาดทั่วของโควิดไม่สิ้นสุด[801] ดังนั้น ผู้ผลิตวัคซีนจึงใช้เทคโนโลยีติดตามเพื่อตามขวดวัคซีนไปจนตลอดโซ่อุปทาน[770] และใช้เครื่องมือดิจิตัลแบบชีวมาตร (biometric) เพื่อสร้างความปลอดภัยสำหรับวัคซีน[790][804]
ในเดือนธันวาคม 2020 ตำรวจสากลเตือนว่า พวกมาเฟียอาจแทรกตัวเข้าไปในโซ่อุปทานของวัคซีนแล้วขโมยวัคซีนหรือขโมยข้อมูล หรือแม้แต่ขายชุดวัคซีนปลอม[805] อนึ่ง วัคซีนที่ต้องแช่แข็งอยู่ตลอดก็เสี่ยงต่อวินาศกรรมด้วย[802]
อุปกรณ์จีพีเอสจะใช้ติดตามวัคซีนในสหรัฐ ในรัฐโคโลราโด เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐจะตามคุ้มครองวัคซีนที่ส่งจากท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ไปยังศูนย์ส่งต่อวัคซีนต่างแม่แบบ:Nbspๆ ในรัฐ 8แม่แบบ:Nbspแห่ง โดยแผนการขนส่งจะเก็บเป็นความลับและเจ้าหน้าที่จะอำพรางปิดบังภารกิจ[806]
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ยังอาจเกิดผลกระทบด้วย นักวิเคราะห์ทางความมั่นคงปลอดภัยของบริษัทไอบีเอ็มได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ ว่า บริษัทเคมีภัณฑ์ปิโตรเลียมได้กลายเป็นเป้าสำหรับนักเลงคอมพิวเตอร์เพราะบทบาทสำคัญของบริษัทในการผลิตน้ำแข็งแห้ง[802]
โครงสร้างพื้นฐานของชาติ
[แก้]องค์การอนามัยโลกได้สร้างระบบบริหารวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Vaccine Management)[807] ซึ่งรวมการจัดลำดับความสำคัญเพื่อเตรียมบุคลากรทั้งประจำประเทศและส่วนภูมิภาค เตรียมสถานบริการเพื่อแจกจำหน่ายวัคซีนรวมทั้งแม่แบบ:Div col
- ฝึกบุคลากรให้สามารถจัดการวัคซีนที่มีเวลาและอุณหภูมิจำกัด
- ระบบการเฝ้าสอดส่องที่ทนทานเพื่อให้สามารถเก็บและขนส่งวัคซีนได้ดีที่สุด
- การมีอุปกรณ์และสถานที่ที่ควบคุมอุณหภูมิได้
- การติดตามวัคซีนได้
- ความปลอดภัย
กระบวนการตรวจเมื่อเข้าเมืองเพื่อให้จัดการวัคซีนและผ่านกงศุลได้อย่างมีประสิทธิภาพในประเทศแต่ละประเทศอาจรวม[775][807]
- อำนวยความสะดวกแก่สายการบิน
- ยกเว้นเจ้าหน้าที่เครื่องบินจากการกักด่าน
- สร้างระบบปฏิบัติการที่ยืดหยุ่นได้เพื่อให้ใช้ในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- จัดลำดับให้เครื่องบินขนส่งลงก่อนเพื่อรักษาอุณหภูมิวัคซีน
ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์
[แก้]วันที่แม่แบบ:Nbsp4 กุมภาพันธ์ 2020 เลขาธิการกระทรวงบริการทางสาธารณสุขและมนุษย์สหรัฐได้ประกาศยกเว้นความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ที่ใช้สู้กับโควิด-19 คือ วัคซีนอะไรก็ได้ ที่ใช้รักษา วินิจฉัย ป้องกัน หรือลดอาการโควิด-19 หรือลดการแพร่เชื้อของ SARS-CoV-2 หรือของไวรัสที่กลายพันธุ์จากนั้น และระบุว่า ประกาศนี้กันการฟ้องคดีเกี่ยวกับความรับผิดชอบว่า ผู้ผลิตวัคซีนประมาทเลินเล่อ หรือแพทย์พยาบาลประมาทเลินเล่อเพราะให้ยาผิดขนาด/ผิดประเภท หากไม่ได้จงใจประพฤติไม่ชอบในหน้าที่[808] ประกาศนี้มีผลในสหรัฐจนกระทั่งถึงวันที่แม่แบบ:Nbsp1 ตุลาคม 2024
ข้อมูลผิดแม่แบบ:Nbspๆ
[แก้]สื่อสังคมได้ช่วยสนับสนุนทฤษฎีสมคบคิดที่อ้างว่า วัคซีนโควิด-19 มีอยู่แล้วเมื่อจริงแม่แบบ:Nbspๆ ยังไม่มี และจริงแม่แบบ:Nbspๆ สิทธิบัตรที่บทความต่างแม่แบบ:Nbspๆ ได้อ้างผิดแม่แบบ:Nbspๆ ก็เป็นสิทธิบัตรสำหรับลำดับดีเอ็นเอและวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่นแม่แบบ:Nbspๆ เช่น ไวรัสโคโรนาโรคซาร์ส ไม่ใช่สำหรับโควิด[809][810]
ในวันที่แม่แบบ:Nbsp21 พฤษภาคม 2020 องค์การอาหารและยาสหรัฐได้แถลงการณ์ว่า ได้ยื่นคำสั่งให้หยุดและไม่กระทำอีกต่อบริษัทในเมืองซีแอตเทิลคือ North Coast Biologics ผู้ได้ขายยาซึ่งอ้างว่าเป็น "วัคซีนโปรตีน spike ของ nCoV19"[811]
ดูเพิ่ม
[แก้]เชิงอรรถ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]อ่านเพิ่ม
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ↑ Li, YD; Chi, WY; Su, JH; Ferrall, L; Hung, CF; Wu, TC (December 2020). "Coronavirus vaccine development: from SARS and MERS to COVID-19". Journal of Biomedical Science. 27 (1): 104. doi:10.1186/s12929-020-00695-2. PMC 7749790. PMID 33341119.
- ↑ Padilla, TB (2021-02-24). "No one is safe unless everyone is safe". BusinessWorld. สืบค้นเมื่อ 2021-02-24.
- ↑ Vergano, Dan (2021-06-05). "COVID-19 Vaccines Work Way Better Than We Had Ever Expected. Scientists Are Still Figuring Out Why". BuzzFeed News. สืบค้นเมื่อ 2021-06-24.
- 1 2 3 4 5 6 "COVID-19 vaccine development pipeline (Refresh URL to update)". Vaccine Centre, London School of Hygiene and Tropical Medicine. 2021-07-12.
- ↑ "Approved Vaccines". COVID 19 Vaccine Tracker, McGill University. 2021-07-12.
- ↑ Beaumont, Peter (2020-11-18). "Covid-19 vaccine: who are countries prioritising for first doses?". The Guardian. ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2020-12-26.
- ↑ Plotkin, Stanley A.; Halsey, Neal (January 2021). "Accelerate COVID-19 Vaccine Rollout by Delaying the Second Dose of mRNA Vaccines". Clinical Infectious Diseases. doi:10.1093/cid/ciab068. PMC 7929065. PMID 33502467.
- ↑ Epperly, David (January 2021). "Evidence For COVID-19 Vaccine Deferred Dose 2 Boost Timing". SSRN 3760833.
- ↑ Wang, X (February 2021). "Safety and Efficacy of the BNT162b2 mRNA Covid-19 Vaccine". N Engl J Med (letter). 384 (11): 1576–78. doi:10.1056/NEJMc2036242. PMID 33596350.
- ↑ "More Evidence: Evidence For COVID-19 Vaccine Deferred Dose 2 Boost Timing". ReallyCorrect.com. 2021-05-25.
- ↑ "Coronavirus (COVID-19) Vaccinations". Our World in Data.
- ↑ "Which companies will likely produce the most COVID-19 vaccine in 2021?". Pharmaceutical Processing World (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-02-05. สืบค้นเมื่อ 2021-03-01.
- ↑
"China can hit 500-mln-dose annual capacity of CanSinoBIO COVID-19 vaccine this year". ca.sports.yahoo.com (ภาษาอังกฤษแบบแคนาดา). สืบค้นเมื่อ 2021-03-01.
{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - 1 2 Mullard, Asher (2020). "How COVID vaccines are being divvied up around the world". Nature. doi:10.1038/d41586-020-03370-6. ISSN 0028-0836.
- 1 2 3 So, Anthony D; Woo, Joshua (2020-12-15). "Reserving coronavirus disease 2019 vaccines for global access: cross sectional analysis". BMJ: m4750. doi:10.1136/bmj.m4750. ISSN 1756-1833.
- ↑ Coronavirus (COVID-19) Vaccinations. Our World in Data. Sourced from individual health agencies.
- ↑ Cavanagh, D (December 2003). "Severe acute respiratory syndrome vaccine development: experiences of vaccination against avian infectious bronchitis coronavirus". Avian Pathology. 32 (6): 567–82. doi:10.1080/03079450310001621198. PMC 7154303. PMID 14676007.
- ↑ Gao, W; Tamin, A; Soloff, A; D'Aiuto, L; Nwanegbo, E; Robbins, PD; และคณะ (December 2003). "Effects of a SARS-associated coronavirus vaccine in monkeys". Lancet. 362 (9399): 1895–6. doi:10.1016/S0140-6736(03)14962-8. PMC 7112457. PMID 14667748.
- ↑ Kim, E; Okada, K; Kenniston, T; Raj, VS; AlHajri, MM; Farag, EA; และคณะ (October 2014). "Immunogenicity of an adenoviral-based Middle East Respiratory Syndrome coronavirus vaccine in BALB/c mice". Vaccine. 32 (45): 5975–82. doi:10.1016/j.vaccine.2014.08.058. PMC 7115510. PMID 25192975.
- ↑ Greenough, TC; Babcock, GJ; Roberts, A; Hernandez, HJ; Thomas, WD; Coccia, JA; และคณะ (February 2005). "Development and characterization of a severe acute respiratory syndrome-associated coronavirus-neutralizing human monoclonal antibody that provides effective immunoprophylaxis in mice". The Journal of Infectious Diseases. 191 (4): 507–14. doi:10.1086/427242. PMC 7110081. PMID 15655773.
- ↑ Tripp, RA; Haynes, LM; Moore, D; Anderson, B; Tamin, A; Harcourt, BH; และคณะ (September 2005). "Monoclonal antibodies to SARS-associated coronavirus (SARS-CoV): identification of neutralizing and antibodies reactive to S, N, M and E viral proteins". Journal of Virological Methods. 128 (1–2): 21–8. doi:10.1016/j.jviromet.2005.03.021. PMC 7112802. PMID 15885812.
- ↑ Roberts, A; Thomas, WD; Guarner, J; Lamirande, EW; Babcock, GJ; Greenough, TC; และคณะ (March 2006). "Therapy with a severe acute respiratory syndrome-associated coronavirus-neutralizing human monoclonal antibody reduces disease severity and viral burden in golden Syrian hamsters". The Journal of Infectious Diseases. 193 (5): 685–92. doi:10.1086/500143. PMC 7109703. PMID 16453264.
- 1 2 Jiang, S; Lu, L; Du, L (January 2013). "Development of SARS vaccines and therapeutics is still needed". Future Virology. 8 (1): 1–2. doi:10.2217/fvl.12.126. PMC 7079997. PMID 32201503.
- ↑ "SARS (severe acute respiratory syndrome)". National Health Service. 2020-03-05. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-09. สืบค้นเมื่อ 2020-01-31.
- ↑ Shehata, Mahmoud M.; Gomaa, Mokhtar R.; Ali, Mohamed A.; Kayali, Ghazi (2016-01-20). "Middle East respiratory syndrome coronavirus: a comprehensive review". Frontiers of Medicine. 10 (2): 120–136. doi:10.1007/s11684-016-0430-6. PMC 7089261. PMID 26791756.
- ↑ Butler, D (October 2012). "SARS veterans tackle coronavirus". Nature. 490 (7418): 20. Bibcode:2012Natur.490...20B. doi:10.1038/490020a. PMID 23038444.
- ↑ Modjarrad, K; Roberts, CC; Mills, KT; Castellano, AR; Paolino, K; Muthumani, K; และคณะ (September 2019). "Safety and immunogenicity of an anti-Middle East respiratory syndrome coronavirus DNA vaccine: a phase 1, open-label, single-arm, dose-escalation trial". The Lancet. Infectious Diseases. 19 (9): 1013–1022. doi:10.1016/S1473-3099(19)30266-X. PMC 7185789. PMID 31351922.
- ↑ Yong, CY; Ong, HK; Yeap, SK; Ho, KL; Tan, WS (2019). "Recent Advances in the Vaccine Development Against Middle East Respiratory Syndrome-Coronavirus". Frontiers in Microbiology. 10: 1781. doi:10.3389/fmicb.2019.01781. PMC 6688523. PMID 31428074.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 Gates, Bill (2020-04-30). "The vaccine race explained: What you need to know about the COVID-19 vaccine". The Gates Notes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-14. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
- ↑ "World Health Organization timeline - COVID-19". World Health Organization. 2020-04-27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-29. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 Thanh Le, Tung; Andreadakis, Zacharias; Kumar, Arun; Gómez Román, Raúl; Tollefsen, Stig; Saville, Melanie; และคณะ (2020-04-09). "The COVID-19 vaccine development landscape". Nature Reviews Drug Discovery. 19 (5): 305–06. doi:10.1038/d41573-020-00073-5. ISSN 1474-1776. PMID 32273591.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 Gates, B (February 2020). "Responding to Covid-19: A once-in-a-century pandemic?". The New England Journal of Medicine. 382 (18): 1677–1679. doi:10.1056/nejmp2003762. PMID 32109012.
- ↑ Fauci, AS; Lane, HC; Redfield, RR (March 2020). "Covid-19: Navigating the uncharted". The New England Journal of Medicine. 382 (13): 1268–1269. doi:10.1056/nejme2002387. PMC 7121221. PMID 32109011.
- ↑ Grenfell, Rob; Drew, Trevor (2020-02-17). "Here's Why It's Taking So Long to Develop a Vaccine for the New Coronavirus". ScienceAlert. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-28. สืบค้นเมื่อ 2020-02-26.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 "Update on WHO Solidarity Trial - Accelerating a safe and effective COVID-19 vaccine". World Health Organization. 2020-04-27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-30. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
It is vital that we evaluate as many vaccines as possible as we cannot predict how many will turn out to be viable. To increase the chances of success (given the high level of attrition during vaccine development), we must test all candidate vaccines until they fail. [The] WHO is working to ensure that all of them have the chance of being tested at the initial stage of development. The results for the efficacy of each vaccine are expected within three to six months and this evidence, combined with data on safety, will inform decisions about whether it can be used on a wider scale.
- 1 2 3 4 5 6 Yamey, Gavin; Schäferhoff, Marco; Hatchett, Richard; Pate, Muhammad; Zhao, Feng; McDade, Kaci Kennedy (2020-05-02). "Ensuring global access to COVID‑19 vaccines" (PDF). The Lancet. 305: 1405–6.
CEPI estimates that developing up to three vaccines in the next 12-18 months will require an investment of at least US$2 billion. This estimate includes phase 1 clinical trials of eight vaccine candidates, progression of up to six candidates through phase 2 and 3 trials, completion of regulatory and quality requirements for at least three vaccines, and enhancing global manufacturing capacity for three vaccines.
- ↑ Schmidt, Charles (2020-06-01). "Genetic Engineering Could Make a COVID-19 Vaccine in Months Rather Than Years". Scientific American. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-26.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 Le, Tung Thanh; Cramer, Jakob P.; Chen, Robert; Mayhew, Stephen (2020-09-04). "Evolution of the COVID-19 vaccine development landscape". Nature Reviews Drug Discovery. 19 (10): 667–68. doi:10.1038/d41573-020-00151-8. ISSN 1474-1776. PMID 32887942. S2CID 221503034.
- ↑ Fox, Chris; Kelion, Leo (2020-07-16). "Russian spies 'target coronavirus vaccine'". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-04. สืบค้นเมื่อ 2020-08-01.
- ↑ "What is the ACT Accelerator?". World Health Organization. 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-25. สืบค้นเมื่อ 2020-08-29.
- ↑ "What is COVAX?". GAVI. 2020-09-01. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11.
- ↑ "COVAX: CEPI's response to COVID-19". Coalition for Epidemic Preparedness Innovations (CEPI). 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- 1 2 "New vaccines for a safer world". CEPI. 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- 1 2 3 4 "Our portfolio: partnerships to develop vaccines against COVID-19". CEPI. 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- ↑ "Global equitable access to COVID-19 vaccines estimated to generate economic benefits of at least US$ 153 billion in 2020-21, and US$ 466 billion by 2025, in 10 major economies, according to new report by the Eurasia Group". World Health Organization. 2020-12-04. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11.
- 1 2 3 Wake, Damon (2020-05-04). "EU spearheads $8 billion virus fundraiser". Yahoo Finance. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-29. สืบค้นเมื่อ 2020-05-04.
- 1 2 "More than 150 countries engaged in COVID-19 vaccine global access facility". World Health Organization. 2020-07-15. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-02. สืบค้นเมื่อ 2020-07-25.
COVAX is the only truly global solution to the COVID-19 pandemic. For the vast majority of countries, whether they can afford to pay for their own doses or require assistance, it means receiving a guaranteed share of doses and avoiding being pushed to the back of the queue, as we saw during the H1N1 pandemic a decade ago. Even for those countries that are able to secure their own agreements with vaccine manufacturers, this mechanism represents, through its world-leading portfolio of vaccine candidates, a means of reducing the risks associated with individual candidates failing to show efficacy or gain licensure.
- ↑ "GloPID: Novel coronavirus COVID-19". glopid-r.org. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-02. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
- 1 2 "Government of Canada's research response to COVID-19". Government of Canada. 2020-04-23. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-13. สืบค้นเมื่อ 2020-05-04.
- ↑ "ISARIC: COVID-19 clinical research resources". ISARIC. 2020-04-27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-30. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
- 1 2 3 "Global Vaccine Summit 2020: World leaders make historic commitments to provide equal access to vaccines for all". Global Alliance for Vaccines and Immunisation. 2020-06-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-06. สืบค้นเมื่อ 2020-06-04.
- ↑ "Bill & Melinda Gates Foundation pledges US$1.6 billion to Gavi, the Vaccine Alliance, to protect the next generation with lifesaving vaccines". PR Newswire. The Bill & Melinda Gates Foundation. 2020-06-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-04. สืบค้นเมื่อ 2020-06-04.
- ↑ Yamada, Haley; Schlosberg, Jon; Tienabeso, Seni (2020-12-10). "Bill and Melinda Gates Foundation announces $250 million COVID vaccine commitment". ABC News - Technology. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11.
- ↑ "Bill and Melinda Gates call for collaboration, continued innovation to overcome challenges of delivering COVID-19 scientific breakthroughs to the world". Bill & Melinda Gates Foundation. 2020-12-09. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 Steenhuysen, Julie; Eisler, Peter; Martell, Allison; Nebehay, Stephanie (2020-04-27). "Special Report: Countries, companies risk billions in race for coronavirus vaccine". Reuters. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-15. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 Sanger, David E.; Kirkpatrick, David D.; Zimmer, Carl; Thomas, Katie; Wee, Sui-Lee (2020-05-02). "With Pressure Growing, Global Race for a Vaccine Intensifies". The New York Times. ISSN 0362-4331. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-11. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
- ↑ Hamilton, Isobel Asher (2020-05-01). "Bill Gates thinks there are 8 to 10 promising coronavirus vaccine candidates and one could be ready in as little as 9 months". Business Insider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-16. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
- ↑ Jackson, Nick (2020-09-28). "Why we need a "portfolio approach" to COVID-19 vaccine development". CEPI. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- ↑ "CEPI's COVID-19 vaccine portfolio". CEPI. 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- ↑ "CEPI and SK bioscience extend collaboration to develop 'next generation' COVID-19 vaccine". CEPI. 2020-12-09. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- ↑ Abedi, Maham (2020-03-23). "Canada to spend $192M on developing COVID-19 vaccine". Global News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-09. สืบค้นเมื่อ 2020-03-24.
- ↑ "Government of Canada funds 49 additional COVID-19 research projects - Details of the funded projects". Government of Canada. 2020-03-23. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-22. สืบค้นเมื่อ 2020-03-23.
- ↑ Aiello, Rachel (2020-05-04). "'A global challenge': PM Trudeau commits $850 million to global fight against COVID-19". CTV News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-10. สืบค้นเมื่อ 2020-05-04.
- 1 2 Takada, Noriyuki; Satake, Minoru (2020-05-02). "US and China unleash wallets in race for coronavirus vaccine". Nikkei Asian Review. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-10. สืบค้นเมื่อ 2020-05-03.
- ↑ Talmazan, Yuliya; Simmons, Keir; Saravia, Laura (2020-05-18). "China's Xi announces $2B for coronavirus response as WHO faces calls for investigation". NBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-18. สืบค้นเมื่อ 2020-05-18.
- ↑ Ore, Diego (2020-07-23). "Mexico says China plans $1 billion loan to ease Latam access to virus vaccine". Reuters. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-25. สืบค้นเมื่อ 2020-08-16.
- ↑ "China promises Mekong neighbours access to Chinese Covid-19 vaccine". South China Morning Post. 2020-08-24. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-25. สืบค้นเมื่อ 2020-08-24.
- ↑ "CEPI: Our vaccine and platform portfolio". Coalition for Epidemic Preparedness Innovation (CEPI). 2020-04-30. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-07. สืบค้นเมื่อ 2020-05-03.
- ↑ "CEPI collaborates with the Institut Pasteur in a consortium to develop COVID-19 vaccine". Coalition for Epidemic Preparedness Innovations. 2020-03-19. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-22. สืบค้นเมื่อ 2020-03-23.
- ↑ "Coronavirus: Commission offers financing to innovative vaccines company CureVac". European Commission. 2020-03-16. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-19. สืบค้นเมื่อ 2020-03-19.
- ↑ "Corona-Impfstoff: Bundesregierung beteiligt sich an Impfstoffhersteller CureVac". www.spiegel.de (ภาษาเยอรมัน). Der Spiegel. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-16. สืบค้นเมื่อ 2020-06-15.
- ↑ Morriss, Emma (2020-04-22). "Government launches coronavirus vaccine taskforce as human clinical trials start". Pharmafield. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-17. สืบค้นเมื่อ 2020-05-03.
- 1 2 Gartner, Annelies; Roberts, Lizzie (2020-05-03). "How close are we to a coronavirus vaccine? Latest news on UK trials". The Telegraph. ISSN 0307-1235. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-04. สืบค้นเมื่อ 2020-05-03.
- ↑ "Landmark partnership announced for development of COVID-19 vaccine". University of Oxford. 2020-04-30. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-13. สืบค้นเมื่อ 2020-05-03.
- 1 2 Kuznia, Robert; Polglase, Katie; Mezzofiore, Gianluca (2020-05-01). "In quest for vaccine, US makes 'big bet' on company with unproven technology". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-13. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
- ↑ Lee, Carol E; Welker, Kristen; Perlmutter-Gumbiner, Elyse (2020-05-01). "Health officials eyeing at least one of 14 potential coronavirus vaccines to fast-track". NBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-11. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02.
- ↑ Griffith, Riley; Jacobs, Jennifer (2020-06-03). "White House Works With Seven Drugmakers in 'Warp Speed' Push". Bloomberg. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-03. สืบค้นเมื่อ 2020-06-04.
- ↑ "Fact-checking the battle for credit over Pfizer's vaccine announcement". CNN. สืบค้นเมื่อ 2020-11-13.
Pfizer is one of various vaccine manufacturers participating in Operation Warp Speed as a supplier of a potential COVID-19 vaccine," Castillo said in an email. "While Pfizer did reach an advanced purchase agreement with the U.S. government, the company did not accept (Biomedical Advanced Research and Development Authority) funding for the research and development process. All the investment for R&D was made by Pfizer at risk. Dr. Jansen was emphasizing that last point.
- 1 2 "Draft landscape of COVID 19 candidate vaccines". World Health Organization. 2020-12-10. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11.
- 1 2 3 4 5 "An international randomised trial of candidate vaccines against COVID-19: Outline of Solidarity vaccine trial" (PDF). World Health Organization. 2020-04-09. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-12. สืบค้นเมื่อ 2020-05-09.
- 1 2 Pallmann, P; Bedding, AW; Choodari-Oskooei, B; Dimairo, M; Flight, L; Hampson, LV; และคณะ (February 2018). "Adaptive designs in clinical trials: why use them, and how to run and report them". BMC Medicine. 16 (1): 29. doi:10.1186/s12916-018-1017-7. PMC 5830330. PMID 29490655.
- ↑ "Adaptive designs for clinical trials of drugs and biologics: Guidance for industry". U.S. Food and Drug Administration (FDA). 2019-11-01. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-13. สืบค้นเมื่อ 2020-04-03.
- ↑ McGrail, Samantha (2020-04-15). "Sanofi, GSK partner to develop adjuvanted COVID-19 vaccine". PharmaNewsIntelligence. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-09. สืบค้นเมื่อ 2020-05-04.
- 1 2 3 4 5 6 7 "COVAX: Ensuring global equitable access to COVID-19 vaccines". GAVI. 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-25. สืบค้นเมื่อ 2020-08-28.
- ↑ "R&D Blueprint: A coordinated global research roadmap - 2019 novel coronavirus" (PDF). World Health Organization. 2020-03-01. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-15. สืบค้นเมื่อ 2020-05-10.
- ↑ Jeong-ho, Lee; Zheng, William; Zhou, Laura (2020-01-26). "Chinese scientists race to develop vaccine as coronavirus death toll jumps". South China Morning Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-01-26. สืบค้นเมื่อ 2020-01-28.
- ↑ Wee, Sui-Lee (2020-05-04). "China's coronavirus vaccine drive empowers a troubled industry". The New York Times. ISSN 0362-4331. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-04. สืบค้นเมื่อ 2020-05-04.
- ↑ Simpson, Shmona; Kaufmann, Michael C.; Glozman, Vitaly; Chakrabarti, Ajoy (May 2020). "Disease X: accelerating the development of medical countermeasures for the next pandemic". The Lancet. Infectious Diseases. 20 (5): e108–e115. doi:10.1016/S1473-3099(20)30123-7. ISSN 1474-4457. PMC 7158580. PMID 32197097.
- 1 2 3 4 "Clinical Development Success Rates 2006-2015" (PDF). BIO Industry Analysis. June 2016. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-12. สืบค้นเมื่อ 2020-03-23.
- ↑ Blackwell, Tom (2020-04-20). "COVID-19 vaccine researchers say pandemic lockdown placing many serious obstacles to their work". National Post. สืบค้นเมื่อ 2020-05-03.
- ↑ Chen, Justin (2020-05-04). "Covid-19 has shuttered labs. It could put a generation of researchers at risk". STAT. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-06. สืบค้นเมื่อ 2020-05-04.
- 1 2 3 4 5 6 7 Diamond, Michael S; Pierson, Theodore C (2020-05-13). "The challenges of vaccine development against a new virus during a pandemic". Cell Host and Microbe. doi:10.1016/j.chom.2020.04.021. PMC 7219397. PMID 32407708.
- 1 2 "UK medicines regulator gives approval for first UK COVID-19 vaccine". Medicines and Healthcare Products Regulatory Agency, Government of the UK. 2020-12-02. สืบค้นเมื่อ 2020-12-02.
- 1 2 3 "Bahrain second in the world to approve the Pfizer/BioNTech Covid-19 vaccine". Bahrain News Agency. 2020-12-04. สืบค้นเมื่อ 2020-12-09.
- 1 2 "UAE: Ministry of Health announces 86 per cent vaccine efficacy". Gulf News. สืบค้นเมื่อ 2020-12-09.
- 1 2 3 "Regulatory Decision Summary - Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine". Health Canada, Government of Canada. 2020-12-09. สืบค้นเมื่อ 2020-12-09.
- ↑ "Coronavirus: Saudi Arabia approves Pfizer COVID-19 vaccine for use". Al Arabiya English. 2020-12-10. สืบค้นเมื่อ 2020-12-10.
- ↑ Thomas, Katie (2020-11-20). "F.D.A. Clears Pfizer Vaccine, and Millions of Doses Will Be Shipped Right Away". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11.
- 1 2 แม่แบบ:Cite news
- ↑ "Kuwait authorizes emergency use of Pfizer-BioNTech COVID-19 vaccine". Arab News. 2020-12-13. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- ↑ "Singapore approves use of Pfizer's COVID-19 vaccine". AP NEWS. 2020-12-14. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- ↑ "Jordan approves Pfizer-BioNTech Covid vaccine". France 24. 2020-12-15. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- ↑ "Oman issues licence to import Pfizer BioNTech Covid vaccine - TV". Reuters. 2020-12-15. สืบค้นเมื่อ 2020-12-16.
- ↑ "Arcsa autoriza ingreso al país de vacuna Pfizer-BioNTech para el Covid-19 - Agencia Nacional de Regulación, Control y Vigilancia Sanitaria" (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 2020-12-17.
- ↑ "Costa Rica authorizes Pfizer-BioNTech coronavirus vaccine". The Tico Times. 2020-12-16. สืบค้นเมื่อ 2020-12-16.
- ↑ "Panama approves Pfizer's COVID-19 vaccine - health ministry". Yahoo! Finance. สืบค้นเมื่อ 2020-12-16.
- ↑ "Chile approves Pfizer-BioNTech Covid-19 vaccine for emergency use". The Straits Times. 2020-12-17. สืบค้นเมื่อ 2020-12-17.
- ↑ "Qatar approves Pfizer and BioNTech COVID-19 vaccine emergency use". 2020-12-20.
- ↑ "Questions and Answers: COVID-19 vaccination in the EU". European Commission. 2020-12-21. สืบค้นเมื่อ 2020-12-21.
- ↑ Campbell, Denis (2020-12-16). "138,000 people in UK receive Covid vaccine in first week". The Guardian.
- 1 2 Thomas, Katie; LaFraniere, Sharon; Weiland, Noah; Goodnough, Abby; Haberman, Maggie (2020-12-12). "F.D.A. Clears Pfizer Vaccine, and Millions of Doses Will Be Shipped Right Away". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2020-12-12.
- ↑ "FDA Takes Additional Action in Fight Against COVID-19 By Issuing Emergency Use Authorization for Second COVID-19 Vaccine". U.S. Food and Drug Administration (FDA) (Press release). สืบค้นเมื่อ 2020-12-18.
- ↑ Oliver, Sara E.; Gargano, Julia W.; Marin, Mona; Wallace, Megan; Curran, Kathryn G.; Chamberland, Mary; และคณะ (December 2020). "The Advisory Committee on Immunization Practices' Interim Recommendation for Use of Moderna COVID-19 Vaccine — United States, December 2020" (PDF). MMWR. Morbidity and Mortality Weekly Report. 69 (5152). doi:10.15585/mmwr.mm695152e1.
- ↑ Lovelace Jr., Berkeley (2020-12-19). "FDA approves second Covid vaccine for emergency use as it clears Moderna's for U.S. distribution". CNBC. สืบค้นเมื่อ 2020-12-19.
- 1 2 "Vaccine Safety - Vaccines". vaccines.gov. US Department of Health and Human Services. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-22. สืบค้นเมื่อ 2020-04-13.
- 1 2 3 "The drug development process". U.S. Food and Drug Administration (FDA). 2018-01-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-22. สืบค้นเมื่อ 2020-04-12.
- 1 2 3 4 5 แม่แบบ:Cite journal
- ↑ "How flu vaccine effectiveness and efficacy are measured". Centers for Disease Control and Prevention, National Center for Immunization and Respiratory Diseases, US Department of Health and Human Services. 2016-01-29. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-07. สืบค้นเมื่อ 2020-05-06.
- ↑ "Principles of epidemiology, Section 8: Concepts of disease occurrence". Centers for Disease Control and Prevention, Center for Surveillance, Epidemiology, and Laboratory Services, US Department of Health and Human Services. 2012-05-18. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-06. สืบค้นเมื่อ 2020-05-06.
- ↑ "Vaxzevria (previously COVID-19 Vaccine AstraZeneca) EPAR". European Medicines Agency (EMA).
- ↑ "AstraZeneca & Serum Institute of India sign licensing deal for 1 million doses of Oxford vaccine". The Economic Times. สืบค้นเมื่อ 2020-06-15.
- ↑ "Covid-19 vaccine: Serum Institute signs up for 100 million doses of vaccines for India, low and middle-income countries". The Financial Express. 2020-08-07.
- ↑ Walsh, Nick; Shelley, Jo; Duwe, Eduardo; Bonnett, William (2020-07-27). "The world's hopes for a coronavirus vaccine may run in these health care workers' veins". CNN. São Paulo. สืบค้นเมื่อ 2020-08-03.
- 1 2 "Investigating a Vaccine Against COVID-19". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-05-26. NCT04400838. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "A Phase 2/3 study to determine the efficacy, safety and immunogenicity of the candidate Coronavirus Disease (COVID-19) vaccine ChAdOx1 nCoV-19". EU Clinical Trials Register (Registry). European Union. 2020-04-21. EudraCT 2020-001228-32. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-05. สืบค้นเมื่อ 2020-08-03.
- ↑ O'Reilly, Peter (2020-05-26). "A Phase III study to investigate a vaccine against COVID-19". ISRCTN (Registry). doi:10.1186/ISRCTN89951424. ISRCTN89951424.
- ↑ Gallagher, James; Triggle, Nick (2020-12-30). "Covid-19: Oxford-AstraZeneca vaccine approved for use in UK". BBC News Online. สืบค้นเมื่อ 2020-03-05.
- ↑ AstraZeneca COVID-19 Vaccine (PDF) (Product Monograph). AstraZeneca. 2021-02-26. 244627. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-03-30. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ "A Phase III Randomized, Double-blind, Placebo-controlled Multicenter Study in Adults to Determine the Safety, Efficacy, and Immunogenicity of AZD1222, a Non-replicating ChAdOx1 Vector Vaccine, for the Prevention of COVID-19". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-05-12. NCT04383574. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-23. สืบค้นเมื่อ 2020-08-26.
- 1 2 Voysey, M; SA, Costa Clemens; Madhi, SA; Weckx, LY; Folegatti, PM; Aley, PK; และคณะ (March 2021). "Single-dose administration and the influence of the timing of the booster dose on immunogenicity and efficacy of ChAdOx1 nCoV-19 (AZD1222) vaccine: a pooled analysis of four randomised trials". Lancet. 397 (10277): 881–91. doi:10.1016/S0140-6736(21)00432-3. PMC 7894131. PMID 33617777.
- ↑ "Trial of Oxford COVID-19 vaccine starts in Brazil". Jenner Institute. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-09. สืบค้นเมื่อ 2020-08-26.
- ↑ "Oxford COVID-19 vaccine final trials will be held in these 17 hospitals in India". mint. 2020-08-19.
- 1 2 3 Md, Jens D. Lundgren (2021-02-18). "National Cohort Study of Effectiveness and Safety of SARS-CoV-2/COVID-19 Vaccines (ENFORCE)". ClinicalTrials.gov. สืบค้นเมื่อ 2021-06-01.
- ↑ "Study to Describe the Safety, Tolerability, Immunogenicity, and Efficacy of RNA Vaccine Candidates Against COVID-19 in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-04-30. NCT04368728. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "A Multi-site Phase I/II, 2-Part, Dose-Escalation Trial Investigating the Safety and Immunogenicity of four Prophylactic SARS-CoV-2 RNA Vaccines Against COVID-19 Using Different Dosing Regimens in Healthy Adults". EU Clinical Trials Register (Registry). European Union. 2020-04-14. EudraCT 2020-001038-36. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-22. สืบค้นเมื่อ 2020-04-22.
- ↑ Farge, E; Revill, J (2021-01-05). "WHO recommends two doses of Pfizer COVID-19 vaccine within 21-28 days". Reuters. Geneva. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ Keaten, J (2021-01-08). "WHO: Amid short supplies, vaccine doses can be 6 weeks apart". Associated Press. Geneva. สืบค้นเมื่อ 2021-03-06.
- ↑ "COVID vaccine: Moderna shots can be 6 weeks apart, WHO says". Deutsche Welle. 2021-01-26. สืบค้นเมื่อ 2021-03-06.
- ↑ "Coronavirus (COVID-19) Update: FDA Allows More Flexible Storage, Transportation Conditions for Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine" (Press release). Food and Drug Administration (FDA). 2021-02-25. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ "Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine EUA Fact Sheet for Healthcare Providers" (PDF). Pfizer. 2021-02-25. สืบค้นเมื่อ 2021-02-25.
- ↑ "Pfizer and BioNTech Announce Publication of Results from Landmark Phase 3 Trial of BNT162b2 COVID-19 Vaccine Candidate in The New England Journal of Medicine". Pfizer. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11 – โดยทาง Business Wire.
- ↑ Lovelace Jr., Berkeley (2020-11-18). "Pfizer says final data analysis shows Covid vaccine is 95% effective, plans to submit to FDA in days". CNBC (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Polack, FP; Thomas, SJ; Kitchin, N; Absalon, J; Gurtman, A; Lockhart, S; และคณะ (December 2020). "Safety and Efficacy of the BNT162b2 mRNA Covid-19 Vaccine". The New England Journal of Medicine. 383 (27): 2603–15. doi:10.1056/NEJMoa2034577. PMC 7745181. PMID 33301246.
- ↑
"FDA Review of Efficacy and Safety of Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine Emergency Use Authorization Request". U.S. Food and Drug Administration (FDA). 2020-12-10. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11.
บทความนี้รวมเอาเนื้อความจากแหล่งอ้างอิงนี้ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ - ↑ Erman, Michael (2020-11-18). "Pfizer ends COVID-19 trial with 95% efficacy, to seek emergency-use authorization". Reuters. สืบค้นเมื่อ 2020-11-18.
- 1 2 3 Zimmer, Carl (2020-11-20). "2 Companies Say Their Vaccines Are 95% Effective. What Does That Mean? You might assume that 95 out of every 100 people vaccinated will be protected from Covid-19. But that's not how the math works". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2020-11-21.
- ↑ "A Study of Ad26.COV2.S in Adults". ClinicalTrials.gov, US National Library of Medicine. 2020-08-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-16. สืบค้นเมื่อ 2020-08-23.
- ↑ "A Study of Ad26.COV2.S for the Prevention of SARS-CoV-2-Mediated COVID-19 in Adult Participants". ClinicalTrials.gov. US National Library of Medicine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-26.
- ↑ Janssen Ad26.COV2.S Vaccine for the Prevention of COVID-19 (Briefing). U.S. Food and Drug Administration (FDA). 2021-02-26. p. 6. สืบค้นเมื่อ 2021-03-06.
The vaccine, known as Ad26.COV2.S, is a replication-incompetent adenovirus type 26 (Ad26) vectored vaccine encoding a stabilized variant of the SARS-CoV-2 S protein.
- 1 2 Ledford, H (January 2021). "J&J's one-shot COVID vaccine offers hope for faster protection". Nature. doi:10.1038/d41586-021-00119-7. PMID 33526898.
- ↑ "Johnson & Johnson Announces Single-Shot Janssen COVID-19 Vaccine Candidate Met Primary Endpoints in Interim Analysis of its Phase 3 ENSEMBLE Trial" (Press release). Johnson & Johnson. 2021-01-29. สืบค้นเมื่อ 2021-01-29.
- 1 2 3 4 "Janssen COVID-19 Vaccine - ad26.cov2.s injection, suspension". DailyMed. U.S. National Institutes of Health. สืบค้นเมื่อ 2021-03-15.
- 1 2 Chen, Wei; Al Kaabi, Nawal (2020-07-18). "A Phase III clinical trial for inactivated novel coronavirus pneumonia (COVID-19) vaccine (Vero cells)". Chinese Clinical Trial Registry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-15.
- ↑ Xia, S; Zhang, Y; Wang, Y; Wang, H; Yang, Y; Gao, GF; และคณะ (January 2021). "Safety and immunogenicity of an inactivated SARS-CoV-2 vaccine, BBIBP-CorV: a randomised, double-blind, placebo-controlled, phase 1/2 trial". The Lancet. Infectious Diseases. 21 (1): 39–51. doi:10.1016/S1473-3099(20)30831-8. PMC 7561304. PMID 33069281.
- ↑ Elbahrawy, F; Lyu, D; Omar, A; Che, C; Paton, J (2020-12-09). "China State-Backed Covid Vaccine Has 86% Efficacy, UAE Says". Bloomberg News. สืบค้นเมื่อ 2020-03-05.
CNBG's vaccine can be transported and stored at normal refrigerated temperatures.
- 1 2 3 Al Kaabi, N; Zhang, Y; Xia, S; Yang, Y; Al Qahtani, MM; Abdulrazzaq, N; และคณะ (May 2021). "Effect of 2 Inactivated SARS-CoV-2 Vaccines on Symptomatic COVID-19 Infection in Adults: A Randomized Clinical Trial". JAMA. doi:10.1001/jama.2021.8565. PMC 8156175. PMID 34037666.
- ↑ Yang, Yunkai. "A Study to Evaluate The Efficacy, Safety and Immunogenicity of Inactivated SARS-CoV-2 Vaccines (Vero Cell) in Healthy Population Aged 18 Years Old and Above". ClinicalTrials.gov. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-14. สืบค้นเมื่อ 2020-09-15.
- ↑ "Clinical Trial to Evaluate the Efficacy, Immunogenicity and Safety of the Inactivated SARS-CoV-2 Vaccine (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. สืบค้นเมื่อ 2020-09-28.
- ↑ "A Phase III clinical trial for inactivated novel coronavirus pneumonia (COVID-19) vaccine (Vero cells)". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Register (ChiCTR). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-12-31. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- ↑ "Bahrain allows Sinopharm COVID-19 vaccine candidate use in frontline workers". MSN. Reuters. สืบค้นเมื่อ 2020-11-03.
- ↑ "A Study to Evaluate Efficacy, Safety, and Immunogenicity of mRNA-1273 Vaccine in Adults Aged 18 Years and Older to Prevent COVID-19". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-07-14. NCT04470427. สืบค้นเมื่อ 2020-07-27.
- ↑ Palca, Joe (2020-07-27). "COVID-19 vaccine candidate heads to widespread testing in U.S." NPR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-03. สืบค้นเมื่อ 2020-07-27.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Study of 2019-nCoV Vaccine (mRNA-1273) for Prophylaxis of SARS-CoV-2 Infection (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. 2020-03-16. NCT04283461. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ "WHO experts issue recommendations on Moderna COVID-19 vaccine". Reuters. Geneva. 2021-01-26. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ "Fact Sheet for Healthcare Providers Administering Vaccine" (PDF) (Fact sheet). U.S. Food and Drug Administration (FDA). December 2020. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ "Promising Interim Results from Clinical Trial of NIH-Moderna COVID-19 Vaccine". National Institutes of Health (NIH). 2020-11-15.
- ↑ Baden, L; Essink, B; Kotloff, K; Frey, S; Novak, R; Diemert, D; และคณะ (December 2020). "Efficacy and Safety of the mRNA-1273 SARS-CoV-2 Vaccine". New England Journal of Medicine. doi:10.1056/NEJMoa2035389. PMID 33378609.
- ↑ "An Open Study of the Safety, Tolerability and Immunogenicity of the Drug "Gam-COVID-Vac" Vaccine Against COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2020-06-17. NCT04436471. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ Jones, I; Roy, P (February 2021). "Sputnik V COVID-19 vaccine candidate appears safe and effective". Lancet. 397 (10275): 642–43. doi:10.1016/S0140-6736(21)00191-4. PMC 7906719. PMID 33545098.
- ↑ Sagdiev, R; Ivanova, P (2020-11-16). "Russia focuses on freeze-dried vaccine doses as transport fix". Reuters. Moscow. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ "Clinical Trial of Efficacy, Safety, and Immunogenicity of Gam-COVID-Vac Vaccine Against COVID-19". clinicaltrials.gov. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-12. สืบค้นเมื่อ 2020-09-11.
- 1 2 Logunov, DY; Dolzhikova, IV; Shcheblyakov, DV; Tukhvatulin, AI; Zubkova, OV; Dzharullaeva, AS; และคณะ (February 2021). "Safety and efficacy of an rAd26 and rAd5 vector-based heterologous prime-boost COVID-19 vaccine: an interim analysis of a randomised controlled phase 3 trial in Russia". Lancet. 397 (10275): 671–81. doi:10.1016/S0140-6736(21)00234-8. PMC 7852454. PMID 33545094.
- ↑ "Clinical Trial of Efficacy, Safety, and Immunogenicity of Gam-COVID-Vac Vaccine Against COVID-19 in Belarus". ClinicalTrials.gov. Health Ministry of the Russian Federation. 2020-09-25. สืบค้นเมื่อ 2021-01-18.
- ↑ Kumar, Shivani (2020-12-01). "Sputnik-V from Russia arrives in India for clinal trials". Hindustan Times.
- ↑ "Clinical trial: 17 volunteers given Russia's Sputnik V Covid-19 vaccine in Pune". The Indian Express. 2020-12-06.
- ↑ "Clinical Trial of the Immunogenicity, Safety, and Efficacy of the Gam-COVID-Vac Vaccine Against COVID-19 in Venezuela". ClinicalTrials.gov. Health Ministry of the Russian Federation. 2020-11-24. สืบค้นเมื่อ 2021-01-18.
- ↑ "Clinical Trial of the Immunogenicity, Safety, and Efficacy of the Gam-COVID-Vac Vaccine Against COVID-19 in Venezuela". ClinicalTrials.gov. Health Ministry of the Russian Federation. 2020-11-24. สืบค้นเมื่อ 2021-01-18.
- ↑ "UAE begins trials of Russia's Sputnik V Covid-19 vaccine". ClinicalTrials. 2021-01-08.
- 1 2 "Safety and Immunogenicity Study of Inactivated Vaccine for Prevention of SARS-CoV-2 Infection (COVID-19) (Renqiu)". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-05-12. NCT04383574. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "Clinical Trial of Efficacy and Safety of Sinovac's Adsorbed COVID-19 (Inactivated) Vaccine in Healthcare Professionals (PROFISCOV)". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-07-02. NCT04456595. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-03.
- ↑ PT. Bio Farma (2020-08-10). "A Phase III, observer-blind, randomized, placebo-controlled study of the efficacy, safety, and immunogenicity of SARS-COV-2 inactivated vaccine in healthy adults aged 18-59 years in Indonesia". Registri Penyakit Indonesia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-15.
- ↑ "The Sinovac COVID-19 vaccine: What you need to know". World Health Organization. 2021-06-02. สืบค้นเมื่อ 2021-07-03.
- ↑ Tan, Yvette (2021-01-14). "Covid: What do we know about China's coronavirus vaccines?". BBC News Online. สืบค้นเมื่อ 2020-03-05.
- ↑ Tanriover, Mine Durusu; Doğanay, Hamdi Levent; Akova, Murat; Güner, Hatice Rahmet; Azap, Alpay; Akhan, Sıla; และคณะ (2021-07-08). "Efficacy and safety of an inactivated whole-virion SARS-CoV-2 vaccine (CoronaVac): interim results of a double-blind, randomised, placebo-controlled, phase 3 trial in Turkey". The Lancet (ภาษาอังกฤษ). doi:10.1016/S0140-6736(21)01429-X. ISSN 0140-6736. S2CID 235770533.
- ↑ "Reporte COVID-19: Vacuna Coronavac Tiene Un 90,3% De Efectividad Para Prevenir El Ingreso a UCI" [COVID-19 report: CoronaVac vaccine is 90.3% effective in preventing admission to the ICU]. Ministerio de Salud - Gobierno de Chile (ภาษาสเปน). 2021-05-17.
- ↑ "Coronavirus en Chile: Reporte Minsal 17 de Mayo" [Coronavirus in Chile: Minsal report May 17]. YouTube (ภาษาสเปน). 2021-05-17.
- ↑ Costa, AG (2021-04-11). "Estudo clínico que comprova maior eficácia da Coronavac é enviado para Lancet" [Clinical study proving greater efficacy of Coronavac is submitted to The Lancet]. CNN Brasil (ภาษาโปรตุเกส). São Paulo. สืบค้นเมื่อ 2021-04-12.
- ↑ "Tests show coronavirus vaccine by China's Sinovac is safe, says Brazil's Butantan Institute". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-29. สืบค้นเมื่อ 2020-10-29.
- ↑ "Study of the Commercial Scale SARS-CoV-2 Vaccine Against the Pilot Scale Among Adults, and Bridging Study of the Immunogenicity in Elderly Against That in Adults". ClinicalTrials.gov. 2020-11-05. NCT04617483. สืบค้นเมื่อ 2021-06-06.
- ↑ "Efficacy, Safety, and Immunogenicity of Two Vaccination Schedules of an Inactivated Vaccine Against COVID-19 in Adults (CoronaVac3CL)". ClinicalTrials.gov. 2020-12-03. NCT04651790. สืบค้นเมื่อ 2021-06-06.
- ↑ "Chile initiates clinical study for COVID-19 vaccine". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-10-29.
- ↑ "A Multi-center, Randomized, Double-blind, Placebo-controlled Phase II/III Clinical Trial to Evaluate the Safety and Immunogenicity of a SARS-CoV-2 Inactivated (Vero Cell) Vaccine in the Elderly 60-80 Years of Age, Coronovac ENCOV19 Study". registry.healthresearch.ph. Philippine Health Research Registry. สืบค้นเมื่อ 2021-04-23.
- ↑ "Randomized, Double-Blind, Placebo-Controlled Phase III Clinical Trial For Evaluation of Efficacy and Safety of SARS-CoV-2 Vaccine (Vero Cell), Inactivated". ClinicalTrials.gov. 2020-10-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-20. สืบค้นเมื่อ 2020-10-22.
- ↑ "An Effectiveness Study of the Sinovac's Adsorbed COVID-19 (Inactivated) Vaccine (Projeto S)". ClinicalTrials.gov. 2021-02-10. NCT04747821. สืบค้นเมื่อ 2021-06-01.
- ↑ "Effectiveness of the Adsorbed Vaccine COVID-19 (Coronavac) Among Education and Public Safety Workers With Risk Factors for Severity (COVACMANAUS)". ClinicalTrials.gov. 2021-03-09. NCT04789356. สืบค้นเมื่อ 2021-06-01.
- ↑ "Whole-Virion Inactivated SARS-CoV-2 Vaccine (BBV152) for COVID-19 in Healthy Volunteers (BBV152)". ClinicalTrials.gov. 2020-07-15. NCT04471519.
- 1 2 "Covovax, Biological E: What we know about India's new Covid-19 vaccines". BBC News Online. 2021-06-16. สืบค้นเมื่อ 2021-06-19.
The two doses are given four weeks apart. The vaccine can be stored at 2C to 8C.
- ↑ "An Efficacy and Safety Clinical Trial of an Investigational COVID-19 Vaccine (BBV152) in Adult Volunteers - Full Text View - ClinicalTrials.gov". clinicaltrials.gov (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-11-26.
- ↑ Koshy, Jacob (2021-04-21). "Updated data from Covaxin phase 3 trial shows 78% efficacy". The Hindu. ISSN 0971-751X. สืบค้นเมื่อ 2021-04-24.
- ↑ Jha, Sujeet (2021-06-24). "A prospective, longitudinal, observational, post licensure vaccine evaluation study to assess the effectiveness of COVID-19 vaccine among the Healthcare workers of Max group of hospitals". ctri.nic.in. Clinical Trials Registry India. CTRI/2021/01/030782. สืบค้นเมื่อ 2021-07-03.
- ↑ "Russia Approves Single-Dose Sputnik Light Covid Vaccine For Use". NDTV Coronavirus. 2021-05-06.
- 1 2 3 "Study to Evaluate Efficacy, Immunogenicity and Safety of the Sputnik-Light (SPUTNIK-LIGHT)".
- ↑ "Single dose vaccine, Sputnik Light, authorized for use in Russia" (Press release). Russian Direct Investment Fund. 2021-05-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-02. สืบค้นเมื่อ 2021-05-07.
- ↑ Leo, Leory (2021-05-07). "Russia OKs single-dose Sputnik Light vaccine". Mint.
- 1 2 "Clinical Trial of Recombinant Novel Coronavirus Vaccine (Adenovirus Type 5 Vector) Against COVID-19". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-11-13. NCT04540419. สืบค้นเมื่อ 2020-11-17.
- ↑ Zhu, FC; Guan, XH; Li, YH; Huang, JY; Jiang, T; Hou, LH; และคณะ (August 2020). "Immunogenicity and safety of a recombinant adenovirus type-5-vectored COVID-19 vaccine in healthy adults aged 18 years or older: a randomised, double-blind, placebo-controlled, phase 2 trial". Lancet. 396 (10249): 479–88. doi:10.1016/s0140-6736(20)31605-6. PMC 7836858. PMID 32702299.
- 1 2 3 4 Peshimam, G; Farooq, U (2021-02-08). "CanSinoBIO's COVID-19 vaccine 65.7% effective in global trials, Pakistan official says". Reuters. Islamabad. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
its single-dose regimen and normal refrigerator storage requirement could make it a favourable option for many countries
- ↑ Lazcano, Patricio (2020-11-15). "Así funcionan las cuatro vacunas que se probarán en Chile". La Tercera. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
- ↑ Martinez, Ana Isabel (2020-11-03). "CanSino Biologics delivers COVID-19 vaccine to Mexico for late-stage trial". Reuters. สืบค้นเมื่อ 2020-11-04.
- ↑ Ng, Eric (2020-10-28). "China's CanSino trials Covid-19 vaccine in 'high disease burden' nations". South China Morning Post. สืบค้นเมื่อ 2020-11-04.
- ↑ Nafisa, Eltahir (2020-08-09). "CanSino to start Phase III trial of COVID-19 vaccine in Saudi". Reuters. สืบค้นเมื่อ 2020-11-04.
- ↑ Gou, Jinbo. "Phase III Trial of A COVID-19 Vaccine of Adenovirus Vector in Adults 18 Years Old and Above". ClinicalTrials.gov. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-18. สืบค้นเมื่อ 2020-09-17.
- 1 2 China National Biotec Group Company Limited (2020-10-29). G42 Healthcare company, Abu Dhabi Health Services Company, Wuhan Institute of Biological Products Co., Ltd, Beijing Institute of Biological Products Co Ltd. "Multicenter, Randomized, Double Blind, Parallel Placebo Controlled, Phase III Clinical Trial to Evaluate the Protective Efficacy, Safety and Immunogenicity of Inactivated SARS-CoV-2 Vaccines (Vero Cell) in Healthy Population Aged 18 Years Old and Above". ClinicalTrials.gov.
- 1 2 Universidad Peruana Cayetano Heredia (2020-11-03). National University of San Marcos, Peru. "Efficacy, Safety and Immunogenicity of Inactivated SARS-CoV-2 Vaccines (Vero Cell) to Prevent COVID-19 in Healthy Adult Population In Peru Healthy Adult Population In Peru (Covid-Peru)". ClinicalTrials.gov.
- ↑ "Two Chinese-developed COVID-19 vaccines under review". National Medical Products Administration. 2021-02-25. สืบค้นเมื่อ 2021-04-11.
- ↑ Xia, S; Duan, K; Zhang, Y; Zhao, D; Zhang, H; Xie, Z; และคณะ (September 2020). "Effect of an Inactivated Vaccine Against SARS-CoV-2 on Safety and Immunogenicity Outcomes: Interim Analysis of 2 Randomized Clinical Trials". JAMA. 324 (10): 951–960. doi:10.1001/jama.2020.15543. PMC 7426884. PMID 32789505.
- ↑ "Chinese Clinical Trial Register (ChiCTR) - The world health organization international clinical trials registered organization registered platform". www.chictr.org.cn. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-12-31. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- 1 2 3 Ryzhikov, AB; Ryzhikov, EA; Bogryantseva, MP; Usova, SV; Danilenko, ED; Nechaeva, EA; และคณะ (2021). "A single blind, placebo-controlled randomized study of the safety, reactogenicity and immunogenicity of the "EpiVacCorona" Vaccine for the prevention of COVID-19, in volunteers aged 18-60 years (Phase I-II)". Russian Journal of Infection and Immunity. 11 (2): 283–96. doi:10.15789/2220-7619-ASB-1699.
- ↑ Ryzhikov, AB; Ryzhikov, EA; Bogryantseva, MP; Usova, SV; Danilenko, ED; Imatdinov, IR; และคณะ (2021). "Immunogenicity and Protectivityof the Peptide Vaccine againstSARS-CoV-2". Annals of the Russian Academy of Medical Sciences. 76 (1): 5–19. doi:10.15690/vramn1528.
- ↑ Benedyczak, J (2021-02-12). Russia's Problems in the Vaccine Race (Bulletin). Polish Institute of International Affairs. สืบค้นเมื่อ 2021-03-06.
the Sputnik V and EpiVacCorona can be transported and stored at temperatures of +2 to + 8° C
- ↑ "О регистрации вакцины ФБУН ГНЦ ВБ "Вектор" Роспотребнадзора "ЭпиВакКорона"" [On the registration of the vaccine FBSI SSC VB "Vector" Rospotrebnadzor "EpiVacCorona"]. rospotrebnadzor.ru (ภาษารัสเซีย). Federal Service for Surveillance on Consumer Rights Protection and Human Wellbeing. 2020-10-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-01. สืบค้นเมื่อ 2021-05-12.
Запланированы два пострегистрационных клинических исследования: клиническое исследование с участием 150 человек старше 60 лет и многоцентровое клиническое исследование с участием 40 000 добровольцев. (translated) Two post-marketing clinical trials are planned: a clinical trial involving 150 people over 60 years of age and a multicenter clinical trial involving 40,000 volunteers.
- ↑ "Russian EpiVacCorona Vaccine Has No Adverse Effects". OREANDA-NEWS. 2021-01-13.
- ↑ Center of Virology and Biotechnology "Vector" (2021-03-02). Multicenter Double-blind Placebo-controlled Comparative Randomized Study of the Tolerability, Safety, Immunogenicity and Prophylactic Efficacy of the EpiVacCorona Peptide Antigen-based Vaccine for the Prevention of COVID-19, With the Participation of 3000 Volunteers Aged 18 Years and Above (Phase III-IV). สืบค้นเมื่อ 2021-05-12.
- ↑ "Sputnik V's ugly cousin". Meduza. 2021-03-27. สืบค้นเมื่อ 2021-05-12.
- ↑ "Volunteers break rank to raise doubts in trial of Russia's second COVID-19 vaccine". Reuters. 2021-03-26. สืบค้นเมื่อ 2021-05-12.
- 1 2 "A Phase III Clinical Trial to Determine the Safety and Efficacy of ZF2001 for Prevention of COVID-19". ClinicalTrials.gov.
- ↑ "China's CAS COVID-19 vaccine induces immune response in mid-stage tests". Reuters. Beijing. 2020-12-23. สืบค้นเมื่อ 2021-03-08.
- ↑ Yang, S; Li, Y; Dai, L; Wang, J; He, P; Li, C; และคณะ (March 2021). "Safety and immunogenicity of a recombinant tandem-repeat dimeric RBD-based protein subunit vaccine (ZF2001) against COVID-19 in adults: two randomised, double-blind, placebo-controlled, phase 1 and 2 trials". The Lancet. Infectious Diseases. doi:10.1016/S1473-3099(21)00127-4. PMC 7990482. PMID 33773111.
- ↑ Pinghui, Z (2020-11-20). "Fifth Chinese Covid-19 vaccine candidate ready to enter phase 3 trials". South China Morning Post. สืบค้นเมื่อ 2020-12-26.
- ↑ Ying, TP (2020-12-07). "MYEG to conduct phase 3 clinical trial for China's Covid-19 vaccine in Msia". New Straits Times. สืบค้นเมื่อ 2020-12-28.
- 1 2 "ABDALA Clinical Study - Phase III". rpcec.sld.cu. Registro Público Cubano de Ensayos Clínicos. สืบค้นเมื่อ 2021-03-22.
- 1 2 Faiola, Anthony; Herrero, Ana Vanessa (2021-03-29). "Against the odds, Cuba could become a coronavirus vaccine powerhouse". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ 2021-07-02.
Cuban officials say they’re developing cheap and easy-to-store serums. They are able to last at room temperature for weeks, and in long-term storage as high as 46.4 degrees
- ↑ "Cuba says its Abdala vaccine among the most effective in the world". Financial Express. 2021-06-24. สืบค้นเมื่อ 2021-07-02.
- ↑ "Briefing with Deputy Prime Minister Tatyana Golikova, Health Minister Mikhail Murashko and Head of Rospotrebnadzor Anna Popova". Government of Russia. 2021-01-18. สืบค้นเมื่อ 2021-02-20.
- ↑ Ryumin, A (2021-02-20). "Russia registers its third COVID-19 vaccine CoviVac". TASS. Moscow. สืบค้นเมื่อ 2021-03-06.
- 1 2 Ivanova, P (2021-02-08). "Russia approves its third COVID-19 vaccine, CoviVac". Reuters. Moscow. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
'The CoviVac shot is given in two doses, 14 days apart. It is transported and stored at normal fridge temperatures, of 2 to 8 degrees Celsius (35.6 to 46.4 Fahrenheit),' Deputy Prime Minister Tatiana Golikova said in a government briefing in January.
- ↑ "Центр Чумакова обнародовал сроки третьей фазы испытаний вакцины против COVID-19" [Chumakov Center announced the timing of the third phase of trials of the vaccine against COVID-19]. govoritmoskva.ru (ภาษารัสเซีย). 2021-04-19. สืบค้นเมื่อ 2021-04-19.
- ↑ AFP (2021-02-20). "Russia registers third COVID-19 vaccine". The Times of Israel.
- ↑ Yergaliyeva, A (2020-12-20). "Kazakhstan Begins Vaccinating 3,000 Volunteers With Self-Made QazCovid-in". The Astana Times. สืบค้นเมื่อ 2021-03-02.
- ↑ Meyer, David (2021-04-26). "A new vaccine on the scene: Kazakhstan begins rollout of homegrown QazVac". Fortune. สืบค้นเมื่อ 2021-04-26.
- ↑ Gotev, Georgi (2021-04-23). "Kazakhstan launches QazVac, its own COVID-19 vaccine". EURACTIV.
- 1 2 "Immunogenicity, Efficacy and Safety of QazCovid-in COVID-19 Vaccine". ClinicalTrials.gov. 2020-12-31. NCT04691908.
- 1 2 "A Study to Evaluate the Efficacy, Safety and Immunogenicity of SARS-CoV-2 Vaccine (Vero Cells), Inactivated in Healthy Adults Aged 18 Years and Older (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. 2021-04-21. NCT04852705. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- ↑ "COVIran Barakat: Iran launches human trials of its COVID vaccine". aljazeera. 2019-12-29.
- 1 2 "A double-blind, randomized, placebo-controlled Phase II/III Clinical trial to evaluate the safety and efficacy of COVID-19 inactivated vaccine (Shifa-Pharmed) in a population aged 18 to 75 years". Iranian Registry of Clinical Trials. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-23. สืบค้นเมื่อ 2021-03-27.
- ↑ "COVIRAN vaccine closer to completing human trials". Theran Times. 2021-06-08.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Study of an Inactivated SARS-CoV-2 Vaccine for Preventing Against COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2020-06-02. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- 1 2 "The Efficacy, Safety and Immunogenicity Study of Inactivated SARS-CoV-2 Vaccine for Preventing Against COVID-19". ClinicalTrials.gov. NCT04659239. สืบค้นเมื่อ 2021-03-10.
- 1 2 "SOBERANA 02-FaseIII". Registro Público Cubano de Ensayos Clínicos. RPCEC00000354.
- ↑ Held, S (2021-03-04). "Cuba's Soberana 02 SARS-CoV-2 vaccine candidate moves to phase III trials". Bioworld. สืบค้นเมื่อ 2021-03-10.
- ↑ "Cuba Soberana 02 COVID-19 Vaccine". precisionvaccinations.com. 2021-06-08. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- 1 2 "A prospective, randomized, adaptive, phase I/II clinical study to evaluate the safety and immunogenicity of Novel Corona Virus -2019-nCov vaccine candidate of M/s Cadila Healthcare Limited by intradermal route in healthy subjects". ctri.nic.in (Registry). Clinical Trials Registry India. 2020-12-15. CTRI/2020/07/026352. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-22.
- ↑ "3-dose Zydus Cadila likely to seek emergency nod for ZyCoV-D in a week: Report". Hindustan Times. 2021-06-18. สืบค้นเมื่อ 2021-08-20.
- ↑ "Zydus receives EUA from DCGI for ZyCoV-D, the only needle-free COVID vaccine in the world". Cision PR Newswire. 2021-08-20.
- ↑ "Zydus Cadila gets DCGI nod to initiate Phase-3 clinical trials for COVID-19 vaccine". The Hindu. 2021-01-03.
- ↑ "Novel Corona Virus-2019-nCov vaccine by intradermal route in healthy subjects". ctri.nic.in. Clinical Trials Registry India. สืบค้นเมื่อ 2021-04-10.
- ↑ Thacker, T. "Zydus Cadila to test ZyCoV-D on 30,000 patients in Phase-3 trials". The Economic Times. สืบค้นเมื่อ 2020-12-16.
- ↑ "DBT-BIRAC supported indigenously developed DNA Vaccine Candidate by Zydus Cadila, approved for Phase III clinical trials" (Press release). Press Information Bureau. 2021-01-03.
- ↑ "COVID-19 vaccine tracker (Choose vaccines tab, apply filters to view select data)". Milken Institute. 2020-12-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-27. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11.
- ↑ "Evaluation of the Safety and Immunogenicity of a SARS-CoV-2 rS (COVID-19) Nanoparticle Vaccine With/Without Matrix-M Adjuvant". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-04-30. NCT04368988. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-14. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "Hope to launch Covovax by September, says Serum Institute CEO". mint. 2021-03-27. สืบค้นเมื่อ 2021-03-28.
- ↑ Wadman, M (November 2020). "The long shot". Science. 370 (6517): 649–53. Bibcode:2020Sci...370..649W. doi:10.1126/science.370.6517.649. PMID 33154120.
- ↑ Wadman, M (2020-12-28). "Novavax launches pivotal U.S. trial of dark horse COVID-19 vaccine after manufacturing delays". Science. doi:10.1126/science.abg3441.
- ↑ Parekh, N (2020-07-24). "Novavax: A SARS-CoV-2 Protein Factory to Beat COVID-19". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-22. สืบค้นเมื่อ 2020-07-24.
- ↑ Chung, YH; Beiss, V; Fiering, SN; Steinmetz, NF (October 2020). "COVID-19 Vaccine Frontrunners and Their Nanotechnology Design". ACS Nano. 14 (10): 12522–37. doi:10.1021/acsnano.0c07197. PMC 7553041. PMID 33034449.
- ↑ Moitra, P; Alafeef, M; Dighe, K; Frieman, MB; Pan, D (June 2020). "Selective Naked-Eye Detection of SARS-CoV-2 Mediated by N Gene Targeted Antisense Oligonucleotide Capped Plasmonic Nanoparticles". ACS Nano. 14 (6): 7617–27. doi:10.1021/acsanm.0c01978. PMC 7482545. PMID 32437124.
- ↑ "A Study Looking at the Effectiveness, Immune Response, and Safety of a COVID-19 Vaccine in Adults in the United Kingdom - Full Text View - ClinicalTrials.gov". สืบค้นเมื่อ 2020-11-22.
- ↑ "A Study Looking at the Efficacy, Immune Response, and Safety of a COVID-19 Vaccine in Adults at Risk for SARS-CoV-2". ClinicalTrials.gov. สืบค้นเมื่อ 2020-12-30.
- ↑ "The study to check the safety and immune response of (Covid-19 vaccine) COVOVAX in adults". ctri.nic.in. Clinical Trials Registry- India. 2021-02-25. สืบค้นเมื่อ 2021-06-15.
{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Covovax trials begin in India, launch hopefully in September: Adar Poonawalla". India Today. 2021-03-27. สืบค้นเมื่อ 2021-03-28.
- ↑ Keech, C; Albert, G; Cho, I; Robertson, A; Reed, P; Neal, S; Plested, JS; Zhu, M; Cloney-Clark, S; Zhou, H; Smith, G; Patel, N; Frieman, MB; Haupt, RE; Logue, J; McGrath, M; Weston, S; Piedra, PA; Desai, C; Callahan, K; Lewis, M; Price-Abbott, P; Formica, N; Shinde, V; Fries, L; Lickliter, JD; Griffin, P; Wilkinson, B; Glenn, GM (September 2020). "Phase 1-2 Trial of a SARS-CoV-2 Recombinant Spike Protein Nanoparticle Vaccine". The New England Journal of Medicine. doi:10.1056/NEJMoa2026920. PMC 7494251. PMID 32877576.
- ↑ "Trudeau Signs Deal to Make Novavax Covid-19 Vaccine in Canada". Bloomberg.com. 2021-02-02. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ "EMA starts rolling review of Novavax's COVID-19 vaccine (NVX-CoV2373)". European Medicines Agency (EMA) (Press release). 2020-12-01. สืบค้นเมื่อ 2021-02-04.
- ↑ "Ukraine secures 12 million AstraZeneca, Novavax COVID-19 vaccine doses". Reuters. 2021-02-05. สืบค้นเมื่อ 2021-02-24.
- ↑ "COVID-19: Ukraine set to launch coronavirus vaccination programme". euronews. 2021-02-08. สืบค้นเมื่อ 2021-02-24.
- ↑ "AstraZeneca and Novavax COVID Vaccines: What We Know So Far". NBC Chicago. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ "UK secures deal to bottle 60m Novavax vaccine doses in the North East". CityAM. 2021-03-29. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ "Novavax COVID vaccine takes first step toward Australian approval". Regulatory Affairs Professionals Society (RAPS). สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ biopharma-reporter.com. "New Zealand secures COVID-19 vaccines from Novavax and AstraZeneca". BioPharma-Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-12-20. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ "S.Korea says Novavax, Sputnik V COVID-19 vaccines submitted for regulatory approval". 2021-04-29.
- ↑ Magsambol, Bonz (2021-08-06). "Novavax applies for emergency use of its COVID-19 vaccine in Philippines". Rappler.
- 1 2 "Novavax seeks COVID-19 vaccine use in India, Indonesia, the Philippines ahead of U.S." CP24. 2021-08-05. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-05. สืบค้นเมื่อ 2021-08-06.
- ↑ "Study of Monovalent and Bivalent Recombinant Protein Vaccines Against COVID-19 in Adults 18 Years of Age and Older (VAT00008)". ClinicalTrials.gov. 2021-05-27. NCT04904549. สืบค้นเมื่อ 2021-05-28.
- ↑ "Safety and efficacy of Monovalent and Bivalent Recombinant Protein Vaccines against COVID-19 in Adults 18 Years of Age and Older". ctri.nic.in. Clinical Trials Registry India. CTRI/2021/06/034442. สืบค้นเมื่อ 2021-08-03.
- ↑ "Study of Recombinant Protein Vaccine with Adjuvant against COVID-19 in Adults 18 Years of Age and Older". pactr.samrc.ac.za. Pan African Clinical Trials Registry. สืบค้นเมื่อ 2021-03-24.
- ↑ "Tarjeta del participante del estudio VAT00008: ejemplo central para adaptación a nivel de país" [VAT00008 Study Participant Card: Central Example for Country-Level Adaptation] (PDF). incmnsz.mx. Salvador Zubirán National Institute of Health Sciences and Nutrition. 2021-04-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-06-30. สืบค้นเมื่อ 2021-10-09.
- ↑ "Study of Recombinant Protein Vaccine Formulations Against COVID-19 in Healthy Adults 18 Years of Age and Older". ClinicalTrials.gov. 2020-09-03. NCT04537208. สืบค้นเมื่อ 2021-03-11.
- ↑ "Study of Recombinant Protein Vaccine With Adjuvant Against COVID-19 in Adults 18 Years of Age and Older (VAT00002)". ClinicalTrials.gov. 2021-02-21. NCT04762680. สืบค้นเมื่อ 2021-03-11.
- ↑ "Sanofi and GSK confirm agreement with European Union to supply up to 300 million doses of adjuvanted COVID-19 vaccine". GSK (Press release). สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ "Sanofi and GSK sign agreements with the Government of Canada to supply up to 72 million doses of adjuvanted COVID-19 vaccine". GSK (Press release). สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ "U.S. Likely to Get Sanofi Vaccine First If It Succeeds". Bloomberg.com. 2020-05-13. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ "Coronavirus vaccine: UK signs deal with GSK and Sanofi". BBC News Online. 2020-07-29. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- 1 2 "A Study to Evaluate the Safety, Reactogenicity and Immunogenicity of Vaccine CVnCoV in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov, US National Library of Medicine. 2020-06-26. NCT04449276. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "COVID-19". CureVac. สืบค้นเมื่อ 2020-12-21.
- ↑ "A Study to Determine the Safety and Efficacy of SARS-CoV-2 mRNA Vaccine CVnCoV in Adults for COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2020-12-03. NCT04652102. สืบค้นเมื่อ 2021-07-22.
- ↑ "A Study to Evaluate the Safety and Immunogenicity of Vaccine CVnCoV in Healthy Adults in Germany for COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2020-12-19. NCT04674189. สืบค้นเมื่อ 2021-03-23.
- ↑ "A Study to Evaluate the Immunogenicity and Safety of the SARS-CoV-2 mRNA Vaccine CVnCoV in Elderly Adults Compared to Younger Adults for COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-04-09. NCT04838847. สืบค้นเมื่อ 2021-04-26.
- ↑ "A Study to Evaluate Safety, Reactogenicity and Immunogenicity of the SARS-CoV-2 mRNA Vaccine CVnCoV in Adults With Co-morbidities for COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-04-26. NCT04860258. สืบค้นเมื่อ 2021-04-26.
- ↑ "COVID-19: A Trial Studying the SARS-CoV-2 mRNA Vaccine CVnCoV to Learn About the Immune Response, the Safety, and the Degree of Typical Vaccination Reactions When CVnCoV is Given at the Same Time as a Flu Vaccine Compared to When the Vaccines Are Separately Given in Adults 60 Years of Age and Older (CV-NCOV-011)". ClinicalTrials.gov. 2021-04-19. NCT04848467. สืบค้นเมื่อ 2021-06-18.
- ↑ "COVID-19: A Phase 2b/3, Randomized, Observer-Blinded, Placebo Controlled, Multicenter Clinical Study Evaluating the Efficacy and Safety of Investigational SARS-CoV-2 mRNA Vaccine CVnCoV in Adults 18 Years of Age and Older". EU Clinical Trials Register. 2020-11-19. 2020-003998-22. สืบค้นเมื่อ 2020-12-19.
- ↑ "A Dose-Confirmation Study to Evaluate the Safety, Reactogenicity and Immunogenicity of Vaccine CVnCoV in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2020-08-17. NCT04515147. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-23. สืบค้นเมื่อ 2020-08-28.
- ↑ "EMA starts rolling review of CureVac's COVID-19 vaccine (CVnCoV)". European Medicines Agency (EMA) (Press release). 2020-12-01. สืบค้นเมื่อ 2021-02-12.
- ↑ "CureVac seeks Covid-19 shot approval in Switzerland". Swissinfo. 2021-04-20. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- ↑ "GSK, Medicago launch phase 2/3 clinical trials of plant-derived COVID-19 vaccine". PMLive (ภาษาอังกฤษ). 2020-11-13. สืบค้นเมื่อ 2020-11-16.
- ↑ "Medicago and GSK start Phase 3 trial of adjuvanted COVID-19 vaccine candidate" (Press release). GlaxoSmithKline. 2021-03-16. สืบค้นเมื่อ 2021-04-13.
- ↑ Chander, Vishwadha (2020-07-14). "Canada's Medicago begins human trials of plant-based COVID-19 vaccine". National Post. Reuters. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-01. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ Medicago (2020-11-18). "Randomized, Observer-Blind, Placebo-Controlled, Phase 2/3 Study to Assess the Safety, Efficacy, and Immunogenicity of a Recombinant Coronavirus-Like Particle COVID-19 Vaccine in Adults 18 Years of Age or Older".
- ↑ Ward, Brian J.; Gobeil, Philipe; Séguin, Annie; Atkins, Judith; Boulay, Iohann; Charbonneau, Pierre-Yves; Couture, Manon; D'Aoust, Marc-André; Dhaliwall, Jiwanjeet; Finkle, Carolyn; Hager, Karen (2020-11-06). "Phase 1 trial of a Candidate Recombinant Virus-Like Particle Vaccine for Covid-19 Disease Produced in Plants". MedRxiv (ภาษาอังกฤษ): 2020.11.04.20226282. doi:10.1101/2020.11.04.20226282. S2CID 226255762.
- ↑ Medicago (2020-10-21). "A Randomized, Partially-Blinded, Dose-Ranging Phase 1 Study to Assess the Safety, Tolerability, and Immunogenicity of a Recombinant Coronavirus-Like Particle COVID 19 Vaccine in Adults 18-55 Years of Age".
- ↑ "Safety, Tolerability and Immunogenicinity of a Coronavirus-Like Particle COVID-19 Vaccine in Adults Aged 18-55 Years". ClinicalTrials.gov. 2020-06-29. NCT04450004. สืบค้นเมื่อ 2021-03-17.
- ↑ "Medicago signs agreements with the Government of Canada to supply up to 76 million doses of its recombinant plant-derived COVID-19 vaccine". Medicago (Press release). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-03-23. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ "VLA2001 COVID-19 Vaccine". Precision Vaccinations. 2020-12-31. สืบค้นเมื่อ 2021-01-11.
- ↑ "Dose Finding Study to Evaluate Safety, Tolerability and Immunogenicity of an Inactiviated Adjuvanted Sars-Cov-2 Virus Vaccine Candidate Against Covid-19 in Healthy Adults". clinicaltrials.gov. U.S. National Library of Medicine. 2020-12-30. สืบค้นเมื่อ 2021-01-11.
- ↑ "Valneva Initiates Phase 3 Clinical Trial for its Inactivated, Adjuvanted COVID-19 Vaccine Candidate, VLA2001" (Press release). Valneva. 2021-04-21. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- ↑ "Study To Compare The Immunogenicity Against COVID-19, Of VLA2001 Vaccine To AZD1222 Vaccine (COV-COMPARE)". ClinicalTrials.gov. 2021-04-29. NCT04864561.
- ↑ "Immunogenicity of VLA2101 Compared to VLA2001". ClinicalTrials.gov. 2021-07-09. NCT04956224.
- ↑ "Evaluating COVID-19 Vaccination Boosters". isrctn.com. ISRCTN Registry. สืบค้นเมื่อ 2021-06-06.
- ↑ Balfour, Hannah (2021-01-15). "Valneva may provide Europe with the only inactivated virus vaccine for COVID-19". European Pharmaceutical Review.
- ↑ "Valneva Seeks UK Approval for Covid-19 Vaccine". Dow Jonese News Wire. 2021-08-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-09. สืบค้นเมื่อ 2021-10-09.
- ↑ "VN starts injection of homegrown COVID-19 vaccine in first-stage human trial". Viet Nam News. 2020-12-17.
- ↑ "Draft landscape and tracker of COVID-19 candidate vaccines". World Health Organization (WHO). 2021-02-26.
- ↑ "How much does first Made-in Vietnam COVID-19 vaccine cost?". Voice of Vietnam. 2020-12-11.
- ↑ "Local Nanocovax vaccine's phase 3 trial to begin next week". vietnamnet.vn. 2021-05-26. สืบค้นเมื่อ 2021-05-28.
- ↑ "Study to Evaluate the Safety, Immunogenicity, and Efficacy of Nanocovax Vaccine Against COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-06-11. NCT04922788. สืบค้นเมื่อ 2021-06-11.
- ↑ Le, C; Thu, A (2021-02-26). "Vietnam enters second phase of Covid-19 vaccine trials". VnExpress.
- ↑ Onishi, Tomoya (2021-06-15). "Vietnam homegrown COVID vaccine heads for full approval by year-end". Nikkei Asia.
- ↑ "A Study to Evaluate UB-612 COVID-19 Vaccine in Adolescent, Younger and Elderly Adult Volunteers". ClinicalTrials.gov. 2021-02-26. NCT04773067. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "A Study to Evaluate the Safety, Immunogenicity, and Efficacy of UB-612 COVID-19 Vaccine". ClinicalTrials.gov. 2020-12-24. NCT04683224. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ Liao, George (2021-06-27). "Taiwan's second domestic COVID vaccine's midterm performance in phase II trials inferior to local competitor: experts". Taiwan News. สืบค้นเมื่อ 2021-07-08.
- ↑ "A Study to Evaluate the Safety, Tolerability, and Immunogenicity of UB-612 COVID-19 Vaccine". ClinicalTrials.gov. 2020-09-11. NCT04545749. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ Strong, Matthew (2021-06-30). "Taiwan's United Biomedical applies for COVID vaccine EUA". Taiwan News.
- ↑ "Efficacy, Immunogenicity, and Safety of the Inactivated COVID-19 Vaccine (TURKOVAC) Versus the CoronaVac Vaccine". ClinicalTrials.gov. 2021-06-28. NCT04942405. สืบค้นเมื่อ 2021-06-29.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of Two Different Strengths of the Inactivated COVID-19 Vaccine ERUCOV-VAC (ERUCOV-VAC)". ClinicalTrials.gov. 2020-12-31. NCT04691947. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "Efficacy, Immunogenicity and Safety of Inactivated ERUCOV-VAC Compared With Placebo in COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-04-01. NCT04824391. สืบค้นเมื่อ 2021-04-04.
- ↑ "A Global Phase III Clinical Trial of Recombinant COVID- 19 Vaccine (Sf9 Cells)". ClinicalTrials.gov. 2021-05-27. NCT04904471. สืบค้นเมื่อ 2021-05-28.
- ↑ "Phase I Trial of a Recombinant SARS-CoV-2 Vaccine (Sf9 Cell)". ClinicalTrials.gov. 2020-08-28. NCT04530656. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "A Phase II Clinical Trial of Recombinant Corona Virus Disease-19 (COVID-19) Vaccine (Sf9 Cells)". ClinicalTrials.gov. 2020-11-23. NCT04640402. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "Phase IIb Clinical Trial of Recombinant Novel Coronavirus Pneumonia (COVID-19) Vaccine (Sf9 Cells)". ClinicalTrials.gov. 2021-01-22. NCT04718467. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "SCB-2019 as COVID-19 Vaccine". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-05-28. NCT04405908. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "Clover Biopharmaceuticals starts Phase I Covid-19 vaccine trial". Clinical Trials Arena. 2020-06-20. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-06-25.
- ↑ "About Us". Clover Biopharmaceuticals. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-01.
- ↑ "A Controlled Phase 2/3 Study of Adjuvanted Recombinant SARS-CoV-2 Trimeric S-protein Vaccine (SCB-2019) for the Prevention of COVID-19 (SCB-2019)". ClinicalTrials.gov. 2020-12-17. NCT04672395. สืบค้นเมื่อ 2021-03-10.
- ↑ "Clover Biopharmaceuticals and Dynavax Announce First Participants Dosed in SPECTRA, a Global Phase 2/3 Clinical Trial for Adjuvanted S-Trimer COVID-19 Vaccine Candidate". Dynavax. 2021-03-24. สืบค้นเมื่อ 2021-06-07.
- ↑ "A Study of Safety and Immunogenicity of Adjuvanted SARS-CoV-2 (SCB-2019) Vaccine in Adults With Chronic Immune-Mediated Diseases". ClinicalTrials.gov. 2021-08-19. NCT05012787. สืบค้นเมื่อ 2021-08-19.
- ↑ "Immunogenicity and Safety Study of Adjuvanted SARS-CoV-2 (SCB-2019) Vaccine in Adults in China". ClinicalTrials.gov. 2021-07-08. NCT04954131. สืบค้นเมื่อ 2021-07-08.
- ↑ "A Phase I clinical trial to evaluate the safety, tolerance and preliminary immunogenicity of different doses of a SARS-CoV-2 mRNA vaccine in population aged 18-59 years and 60 years and above". Chinese Clinical Trial Register (Registry). 2020-06-24. ChiCTR2000034112. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-06.
- ↑ "Company introduction". Walvax Biotechnology. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-01.
- ↑ "A Phase III Clinical Study to Evaluate the Protective Efficacy, Safety, and Immunogenicity of a SARS-CoV-2 Messenger Ribonucleic Acid (mRNA) Vaccine Candidate in Population Aged 18 Years and Above". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Registry. สืบค้นเมื่อ 2020-04-17.
- ↑ "A Global, Multi-center, Randomized, Double-Blind, Placebo-controlled, Phase III Clinical Study to Evaluate the Protective Efficacy, Safety and Immunogenicity of SARS-CoV-2 mRNA Vaccine in Population Aged 18 Years and Older". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Registry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-23. สืบค้นเมื่อ 2021-07-21.
- ↑ "A Phase I/II Clinical Trial to Evaluate the Immunogenicity and Safety of the SARS-CoV-2 mRNA Vaccine in Healthy Population Aged 60 Years and Older". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Registry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-23. สืบค้นเมื่อ 2021-08-02.
- ↑ "A Phase II clinical trial to evaluate the immunogenicity and safety of different doses of a novel coronavirus pneumonia (COVID-19) mRNA vaccine in population aged 18-59 years". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Registry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-03-16. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "Phase II Clinical Trial of CinnaGen COVID-19 Vaccine (SpikoGen)". ClinicalTrials.gov. 2021-06-29. NCT04944368. สืบค้นเมื่อ 2021-06-29.
- ↑ "Vaxine". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-01.
- ↑ ""Spikogen", A Joint Venture Between Vaxine And Cinnagen". Vaxine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-11. สืบค้นเมื่อ 2021-10-09.
- ↑
"A phase III, Randomized, Two-armed, Double-blind, Placebo controlled trial to evaluate efficacy and safety of an adjuvanted recombinant SARS-CoV-2 spike (S) protein subunit vaccine (SpikoGen®) produced by CinnaGen Co. (Two doses of 25µg with dosing interval of 21 days)". irct.ir. 2021-08-02. IRCT20150303021315N24. สืบค้นเมื่อ 2021-08-03.
{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Monovalent Recombinant COVID19 Vaccine (COVAX19)". ClinicalTrials.gov. 2020-07-01. NCT04453852. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "A phase II, Randomized, Two-armed, Double-blind, Placebo controlled trial to evaluate efficacy and safety of an adjuvanted recombinant SARS-CoV-2 spike (S) protein subunit vaccine (SpikoGen) produced by CinnaGen Co. (Two doses of 25µg with dosing interval of 21 days)". Iranian Registry of Clinical Trials. สืบค้นเมื่อ 2021-05-28.
- ↑ "GRAd-COV2 Vaccine Against COVID-19". ClinicalTrials.gov. United States National Library of Medicine. 2021-01-07. NCT04528641.
- ↑ "ReiThera Announces its GRAd-COV2 COVID-19 Vaccine Candidate is Well Tolerated and Induces Clear Immune Responses in Healthy Subjects Aged 18-55 Years". ReiThera Srl. Yahoo! Finance. 2020-11-24. สืบค้นเมื่อ 2021-01-12.
- ↑ "Study of GRAd-COV2 for the Prevention of COVID-19 in Adults (COVITAR)". ClinicalTrials.gov. 2021-03-10. NCT04791423. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "ReiThera's COVID-19 vaccine candidate enters Phase 2/3 clinical study". ReiThera. 2021-03-18. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "New ReiThera vaccine safe, response peak at 4 wks". ANSA. 2021-01-05.
- ↑ "SK Bioscience Submitted Phase 3 IND for COVID-19 Vaccine". SK Bioscience.
- ↑ "A Phase III Study to Assess the Immunogenicity and Safety of SK SARS-CoV-2 Recombinant Nanoparticle Vaccine Adjuvanted With AS03 (GBP510) in Adults Aged 18 Years and Older". ClinicalTrials.gov. 2021-08-17. NCT05007951. สืบค้นเมื่อ 2021-08-17.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Study of SARS-CoV-2 Nanoparticle Vaccine (GBP510) Adjuvanted With or Without AS03 (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. 2021-02-11. NCT04750343. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Study of SARS-CoV-2 Nanoparticle Vaccine (GBP510) Adjuvanted With Aluminum Hydroxide (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. 2021-02-08. NCT04742738. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- ↑ Raghavan, Prabha (2021-06-05). "'At-risk' policy change: Govt puts money on new-platform Covid-19 vaccine". The Indian Express.
- ↑ "A prospective open label randomised phase-I seamlessly followed by phase-II study to assess the safety, reactogenicity and immunogenicity of Biological E's novel Covid-19 vaccine containing Receptor Binding Domain of SARS-CoV-2 for protection against Covid-19 disease when administered intramuscularly in a two dose schedule (0, 28D) to healthy volunteers". ctri.nic.in. Clinical Trials Registry - India. 2021-01-13. CTRI/2020/11/029032. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-12.
- ↑ "CEPI partners with Biological E Limited to advance development and manufacture of COVID-19 vaccine candidate". cepi.net. Coalition for Epidemic Preparedness Innovations. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ Chui, M (2020-11-16). "Biological E. Limited and Baylor COVID-19 vaccine begins clinical trial in India". Baylor College of Medicine.
- ↑ "Coronavirus | Biological E gets nod to start Phase III trials of COVID-19 vaccine". The Hindu. 2021-04-24.
- ↑ "Biological E's CORBEVAX vaccine clinical study for protection against Covid-19 disease". ctri.nic.in. Clinical Trial Registry India. 2021-06-04. CTRI/2021/06/034014. สืบค้นเมื่อ 2021-06-09.
- ↑ Leo, L (2020-11-16). "Biological E initiates human trials of vaccine". Mint.
- ↑ "Safety, Tolerability and Immunogenicity of INO-4800 for COVID-19 in Healthy Volunteers". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-04-07. NCT04336410. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "IVI, INOVIO, and KNIH to partner with CEPI in a Phase I/II clinical trial of INOVIO's COVID-19 DNA vaccine in South Korea". International Vaccine Institute. 2020-04-16. สืบค้นเมื่อ 2020-04-23.
- ↑ Neumann, E; Schaefer-Ridder, M; Wang, Y; Hofschneider, PH (1982). "Gene transfer into mouse lyoma cells by electroporation in high electric fields". The EMBO Journal. 1 (7): 841–5. doi:10.1002/j.1460-2075.1982.tb01257.x. PMC 553119. PMID 6329708.
- ↑ Chang, Donald C. (2006-09-15), "Electroporation and Electrofusion", ใน Meyers, Robert A. (บ.ก.), Encyclopedia of Molecular Cell Biology and Molecular Medicine, Wiley-VCH Verlag GmbH & Co. KGaA, doi:10.1002/3527600906.mcb.200300026, ISBN 9783527600908
- ↑ "Safety, Immunogenicity, and Efficacy of INO-4800 for COVID-19 in Healthy Seronegative Adults at High Risk of SARS-CoV-2 Exposure". ClinicalTrials.gov. 2020-11-24. NCT04642638. สืบค้นเมื่อ 2021-03-12.
- ↑ "Safety, Tolerability and Immunogenicity of INO-4800 Followed by Electroporation in Healthy Volunteers for COVID19". United States National Library of Medincine. สืบค้นเมื่อ 2021-03-12.
- ↑ "A Phase II, Randomized, Double-Blinded, Placebo-Controlled, Dose-Finding Clinical Trial to Evaluate the Safety and Immunogenicity of Different Doses of COVID-19 DNA Vaccine INO-4800 Administered Intradermally Followed by Electroporation in Healthy Adult and Elderly Volunteers". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Registry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-03-20. สืบค้นเมื่อ 2021-03-27.
- ↑ "Study of COVID-19 DNA Vaccine (AG0301-COVID19)". ClinicalTrials.gov. 2020-07-09. NCT04463472. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "Study of COVID-19 DNA Vaccine (AG0302-COVID19)". ClinicalTrials.gov. 2020-08-26. NCT04527081. สืบค้นเมื่อ 2021-03-11.
- ↑ "About AnGes - Introduction". AnGes, Inc. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-01.
- ↑ "Phase II / III Study of COVID-19 DNA Vaccine (AG0302-COVID19)". ClinicalTrials.gov. 2020-12-07. NCT04655625. สืบค้นเมื่อ 2021-03-11.
- ↑ "Phase II Clinical Trial of Recombinant SARS-CoV-2 Spike Protein Vaccine (CHO Cell)". ClinicalTrials.gov. 2021-08-04. NCT04990544. สืบค้นเมื่อ 2021-08-04.
- ↑ "Phase I Clinical Trial of Recombinant SARS-CoV-2 Spike Protein Vaccine (CHO Cell)". ClinicalTrials.gov. 2021-07-04. NCT04982068. สืบค้นเมื่อ 2021-07-29.
- ↑ "评价重组新型冠状病毒融合蛋白疫苗在健康人群安全性和免疫原性随机、双盲、安慰剂对照的I期临床试验". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Registry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-03. สืบค้นเมื่อ 2021-04-21.
- ↑ "评价重组新型冠状病毒融合蛋白疫苗在健康人群免疫原性和安全性随机、双盲、安慰剂对照的II期临床试验". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Registry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-03. สืบค้นเมื่อ 2021-04-21.
- ↑ "A Phase II Clinical Trial of Influenza virus Vector COVID-19 Vaccine for intranasal Spray (DelNS1-2019-nCoV-RBD-OPT1)". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Registry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-14. สืบค้นเมื่อ 2021-03-24.
- ↑ "A Phase I Clinical Trial of Influenza virus Vector COVID-19 Vaccine for intranasal Spray (DelNS1-2019-nCoV-RBD-OPT1)". chictr.org.cn. Chinese Clinical Trial Registry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-03. สืบค้นเมื่อ 2021-03-24.
- ↑ "A Phase I/II Randomized, Multi-Center, Placebo-Controlled, Dose-Escalation Study to Evaluate the Safety, Immunogenicity and Potential Efficacy of an rVSV-SARS-CoV-2-S Vaccine (IIBR-100) in Adults". ClinicalTrials.gov. United States National Library of Medicine. 2020-11-01. NCT04608305.
- ↑ "Phase 2b Dose-confirmatory Trial to Evaluate the Safety, Immunogenicity and Potential Efficacy of an VSV-ΔG SARS-CoV-2 Vaccine (BRILIFE001)". ClinicalTrials.gov. 2021-07-29. NCT04990466. สืบค้นเมื่อ 2021-08-04.
- ↑ "As Israel goes vaccine-wild, will the homegrown version lose its shot?". The Times of Israel. 2020-12-29. สืบค้นเมื่อ 2021-01-01.
- ↑ "Phase II, Safety and Immunogenicity of RAZI SARS-CoV-2 recombinant Spike protein vaccine (RAZI Cov Pars) in adults aged 18-70 years; a Randomised, double blind, parallel 2 arms clinical trial". Iranian Registry of Clinical Trials. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-25. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- ↑ "Phase I, Safety and Immunogenicity of Razi SARS-CoV-2 recombinant Spike protein vaccine (Razi Cov Pars), in healthy adults aged 18-55 years; parallel 4 arms design (adjuvant only and three vaccine doses of 5, 10, and 20 μg/200μl); a Randomised, double blind, clinical trial". irct.ir. Iranian Registry of Clinical Trials. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "Phase 2 trial of safety and immunogenicity of 10 micro gram inactivated SARS-CoV-2 vaccine (FAKHRAVAC), two doses two weeks apart in adults aged 18-70 years: a randomized, double-blind, placebo-controlled, clinical trial". en.irct.ir. Iran Registry of Clinical Trials. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-16. สืบค้นเมื่อ 2021-06-15.
- ↑ "Phase 1, safety, immunogenicity and dose finding for two strengths of 0.5 × 10^6 and 2.5 × 10^6 (TCID50) inactivated SARS-CoV-2 vaccine FAKHRAVAC (MIVAC) injected in two schedules of two doses, 2 and 3 weeks apart in healthy adults aged 18-55 years: a randomized, double blind, placebo controlled, clinical trial". en.irct.ir. Iran Registry of Clinical Trials. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-28. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "Study of a Severe Acute Respiratory Syndrome Coronavirus-2 (SARS-CoV-2) Virus-like Particle (VLP) Vaccine (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. 2021-07-15. NCT04962893. สืบค้นเมื่อ 2021-07-15.
- ↑ "Study of a Severe Acute Respiratory Syndrome CoV-2 (SARS-CoV-2) Virus-like Particle (VLP) Vaccine in Healthy Adults (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. 2021-03-26. NCT04818281. สืบค้นเมื่อ 2021-04-03.
- ↑ "A Synthetic MVA-based SARS-CoV-2 Vaccine, COH04S1, for the Prevention of COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-07-26. NCT04977024. สืบค้นเมื่อ 2021-07-26.
- ↑ "A Synthetic MVA-based SARS-CoV-2 Vaccine, COH04S1, for the Prevention of COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2020-11-20. NCT04639466. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "Another Chinese adenovirus vector COVID-19 vaccine ready for human trials". Xinhua. 2020-12-28. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-27. สืบค้นเมื่อ 2021-07-27.
- ↑ "A Phase II Clinical Trial of the Recombinant SARS-CoV-2 Vaccine (Chimpanzee Adenoviral Vector)". chictr.org.cn. 2021-08-02. ChiCTR2100049530. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-23. สืบค้นเมื่อ 2021-08-02.
- ↑ "Phase I Clinical Trial of the Candidate Recombinant SARS-CoV-2 Vaccine (Chimpanzee Adenoviral Vector)". chictr.org.cn. 2021-05-23. ChiCTR2100046612. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-18. สืบค้นเมื่อ 2021-05-23.
- ↑ "Bavarian Nordic reports encouraging preclinical data for COVID-19 vaccine candidate ahead of first-in-human trial". Bavarian Nordic. 2021-03-08. สืบค้นเมื่อ 2021-04-13.
- ↑ "Bavarian Nordic Initiates Phase 2 Clinical Trial of COVID-19 Booster Vaccine". Bavarian Nordic. 2021-08-23. สืบค้นเมื่อ 2021-08-24.
- ↑ "Safety and Tolerability of ABNCoV2 (COUGH-1)". ClinicalTrials.gov. 2021-04-09. NCT04839146. สืบค้นเมื่อ 2021-04-13.
- ↑ "Arcturus Therapeutics Collaborates with Vingroup to Establish Manufacturing Facility in Vietnam for Arcturus' Investigational mRNA Vaccines for COVID-19". Business Wire. 2021-08-02.
- ↑ "Arcturus Allows Vietnam's Vingroup to Make Covid Vaccines". Bloomberg. 2021-08-02.
- ↑ "Vingroup collaborates with Arcturus Therapeutics to establish a manufacturing facility in Vietnam for Arcturus' mRNA Covid-19 vaccine". Yahoo! Finance. 2021-08-02.
- ↑ "Arcturus to start clinical trial of COVID-19 vaccine in Vietnam". Reuters. 2021-08-02.
- ↑ "Arcturus Therapeutics lines up Phase 1/2/3 trial for next-generation mRNA COVID-19 vaccine". Biopharma Reporter. 2021-08-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-03. สืบค้นเมื่อ 2021-10-09.
- ↑ "The ARCT-154 Self-Amplifying RNA Vaccine Efficacy Study (ARCT-154-01) (ARCT-154-01)". United States National Library of Medicine. 2021-08-19. NCT05012943. สืบค้นเมื่อ 2021-08-19.
- ↑ "Clover Announces Positive Preclinical Data for Second-Generation Protein-Based COVID-19 Vaccine Candidate Demonstrating Broad Neutralization Against Variants of Concern". Clover Biopharmaceutical. 2021-05-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-09. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ "Immunogenicity and Safety of Adjuvanted SCB-2020S Vaccines in Adults". United States National Library of Medicine. 2021-07-06. NCT04950751. สืบค้นเมื่อ 2021-07-06.
- ↑ "A Phase 1/2 Safety and Immunogenicity Trial of COVID-19 Vaccine COVIVAC". ClinicalTrials.gov. 2021-04-05. NCT04830800. สืบค้นเมื่อ 2021-04-13.
- ↑ "Assess the Safety and Immunogenicity of NDV-HXP-S Vaccine in Thailand". ClinicalTrials.gov. 2021-02-21. NCT04764422. สืบค้นเมื่อ 2021-04-07.
- ↑ "Vaccine COVID-19 "made in Vietnam" COVIVAC thử nghiệm giai đoạn 2". VTV. 2021-08-10. สืบค้นเมื่อ 2021-08-12.
- ↑ Zimmer, Carl (2021-04-05). "Researchers Are Hatching a Low-Cost Coronavirus Vaccine". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2021-04-07.
- ↑ "A Clinical Trial to Evaluate the Recombinant SARS-CoV-2 Vaccine (CHO Cell) for COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-05-03. NCT04869592. สืบค้นเมื่อ 2021-05-04.
- ↑ "CTI and Arcturus Therapeutics Announce Initiation of Dosing of COVID-19 STARR™ mRNA Vaccine Candidate, LUNAR-COV19 (ARCT-021) in a Phase 1/2 study". UK BioIndustry Association. 2020-08-13. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-23.
- ↑ "Ascending Dose Study of Investigational SARS-CoV-2 Vaccine ARCT-021 in Healthy Adult Subjects". clinicaltrials.gov. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-23.
- ↑ "Open Label Extension Study to Assess the Safety and Long-Term Immunogenicity of ARCT-021". ClinicalTrials.gov. 2021-01-28. NCT04728347. สืบค้นเมื่อ 2021-03-13.
- ↑ "A Trial Evaluating the Safety and Effects of an RNA Vaccine ARCT-021 in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2020-12-16. NCT04668339. สืบค้นเมื่อ 2021-03-10.
- ↑ "VBI Vaccines Announces Initiation of Enrollment in Adaptive Phase 1/2 Study of Prophylactic COVID-19 Vaccine Candidate, VBI-2902". VBI Vaccines (Press release). 2021-03-09. สืบค้นเมื่อ 2021-03-22.
- ↑ "Safety, Tolerability, and Immunogenicity of the COVID-19 Vaccine Candidate (VBI-2902a)". ClinicalTrials.gov. 2021-02-26. NCT04773665. สืบค้นเมื่อ 2021-03-15.
- ↑ "Novavax Announces Positive Preclinical Data for Combination Influenza and COVID-19 Vaccine Candidate". Novavax. 2021-05-10.
- ↑ "Evaluation of the Safety and Immunogenicity of Influenza and COVID-19 Combination Vaccine". ClinicalTrials.gov. 2021-07-14. NCT04961541. สืบค้นเมื่อ 2021-07-26.
- ↑ "Sanofi and Translate Bio initiate Phase 1/2 clinical trial of mRNA COVID-19 vaccine candidate" (Press release). Sanofi. 2021-03-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-27. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "Study of mRNA Vaccine Formulation Against COVID-19 in Healthy Adults 18 Years of Age and Older (VAW00001)". ClinicalTrials.gov. 2021-03-15. NCT04798027. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "Safety, Tolerance and Immunogenicity of EuCorVac-19 for the Prevention of COVID-19 in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2021-03-05. NCT04783311. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "Trial registered on ANZCTR". anzctr.org.au. Australian New Zealand Clinical Trials Registry. สืบค้นเมื่อ 2021-03-24.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Study of GX-19, a COVID-19 Preventive DNA Vaccine in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-06-24. NCT04445389. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Study of GX-19N, a COVID-19 Preventive DNA Vaccine in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2021-01-20. NCT04715997. สืบค้นเมื่อ 2021-03-16.
- ↑ "S. Korea's Genexine begins human trial of coronavirus vaccine". Reuters. 2020-06-19. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-06-25.
- ↑ "Genexine consortium's Covid-19 vaccine acquires approval for clinical trails in Korea". 2020-06-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-01.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of GX-19N, a COVID-19 Preventive DNA Vaccine in Elderly Individuals". ClinicalTrials.gov. 2021-06-07. NCT04915989. สืบค้นเมื่อ 2021-06-08.
- ↑ "Phase I-II Trial of Dendritic Cell Vaccine to Prevent COVID-19 in Adults". ClinicalTrials.gov. 2020-05-13. NCT04386252. สืบค้นเมื่อ 2021-03-23.
- ↑ "Dendritic Cell Vaccine to Prevent COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2020-12-28. NCT04685603. สืบค้นเมื่อ 2021-03-23.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of COVID-eVax, a Candidate Plasmid DNA Vaccine for COVID-19, in Healthy Adult Volunteers". ClinicalTrials.gov. 2021-03-09. NCT04788459. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- 1 2 "Safety and Immunogenicity of an Intranasal SARS-CoV-2 Vaccine (BBV154) for COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-02-12. NCT04751682. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-02-24.
- ↑ "Intranasal Vaccine For Covid-19". Bharat Biotech. สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
- ↑ Gaurav, Kunal (2021-08-13). "First nasal vaccine developed by Bharat Biotech gets nod for Phase 2/3 trial". Hindustan Times (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "ChulaCov19 mRNA Vaccine in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2020-09-28. NCT04566276. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- 1 2 "Safety and Immunity of Covid-19 aAPC Vaccine". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-03-09. NCT04299724. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- 1 2 "About Us". Shenzhen Genoimmune Medical Institute. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-01.
- 1 2 "Immunity and Safety of Covid-19 Synthetic Minigene Vaccine". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-02-19. NCT04276896. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
- ↑ "COVID-19 Vaccination Using a 2nd Generation (E1/E2B/E3-Deleted) Adenoviral Platform in Healthy South African Adults". ClinicalTrials.gov. 2021-01-14. NCT04710303. สืบค้นเมื่อ 2021-03-23.
- ↑ "COVID-19 Oral and Subcutaneous Vaccination Using a 2nd Generation (E1/E2B/E3-Deleted) Adenovirus Platform in Healthy Volunteers in USA". ClinicalTrials.gov. 2021-02-01. NCT04732468. สืบค้นเมื่อ 2021-03-23.
- ↑ "COVID-19 Vaccination Using a 2nd Generation (E1/E2B/E3-Deleted) Adenoviral-COVID-19 in Normal Healthy Volunteers". ClinicalTrials.gov. 2020-10-19. NCT04591717. สืบค้นเมื่อ 2021-03-23.
- ↑ "COVID-19 Subcutaneously and Orally Administered Supplemental Vaccine Boost to Enhance T Cell Protection in Those Who Have Already Received EUA S-Based Vaccines". ClinicalTrials.gov. 2021-04-14. NCT04845191. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- ↑ "COVID-19 Supplemental Vaccine Boost to Enhance T Cell Protection in Those Who Have Already Received EUA S-Based Vaccines". ClinicalTrials.gov. 2021-04-13. NCT04843722. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- ↑ "Indigenous mRNA vaccine candidate supported by DBT gets Drug Controller nod to initiate Human clinical trials". pib.gov.in. Press Information Bureau. สืบค้นเมื่อ 2021-01-13.
- ↑ "mRNA Vaccines - HGC019". Gennova Biopharmaceuticals Limited. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-03. สืบค้นเมื่อ 2021-01-13.
- ↑ "Safety and immunogenicity study of an mRNA based vaccine (HGCO19) for COVID19 in healthy adult participants". ctri.nic.in. Clinical Trials Registry India. สืบค้นเมื่อ 2021-09-09.
- ↑ "Safety and immunogenicity study of mRNA based vaccine (HGCO19) against COVID-19 in healthy adult participants". ctri.nic.in. Clinical Trials Registry India. สืบค้นเมื่อ 2021-06-05.
- ↑ "Safety and immunogenicity study of mRNA based vaccine (HGCO19) against COVID-19 in healthy adult participants". Cochrane COVID-19 Study Register. 2021-08-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-09-11.
- 1 2 "Made-in-Canada coronavirus vaccine starts human clinical trials". cbc.ca. 2021-01-26.
- ↑ "PTX-COVID19-B, an mRNA Humoral Vaccine, is Intended for Prevention of COVID-19 in a General Population. This Study is Designed to Evaluate Safety, Tolerability, and Immunogenicity of PTX-COVID19-B Vaccine in Healthy Seronegative Adults Aged 18-64". ClinicalTrials.gov. 2021-02-21. NCT04765436. สืบค้นเมื่อ 2021-04-22.
- 1 2 "VIDO COVID-19 vaccine moves to Phase 1 clinical testing". globalnews.ca. 2021-02-10.
- ↑ "A Clinical Trial of COVAC-2 in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2021-01-08. NCT04702178. สืบค้นเมื่อ 2021-04-20.
- ↑ "Serum Institute starts manufacturing Codagenix's nasal COVID-19 vaccine". mint. 2020-09-22.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of COVI-VAC, a Live Attenuated Vaccine Against COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2020-11-06. NCT04619628.
- ↑ "A Study of the Safety of and Immune Response to Varying Doses of a Vaccine Against COVID-19 in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2021-02-17. NCT04758962.
- ↑ "COVALIA study update: first healthy volunteers dosed in needle-free SARS-CoV2 DNA vaccine phase 1 trial". Bionet Asia. 2021-06-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-19. สืบค้นเมื่อ 2021-07-19.
- ↑ "The Safety and Immunogenicity of a DNA-based Vaccine (COVIGEN) in Healthy Volunteers (COVALIA)". ClinicalTrials.gov. 2021-02-08. NCT04742842.
- ↑ "Meissa Announces IND Clearance for Phase 1 Study of Intranasal Live Attenuated Vaccine Candidate for COVID-19". Business Wire. 2021-03-16. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of an Intranasal RSV Vaccine Expressing SARS-CoV-2 Spike Protein (COVID-19 Vaccine) in Adults". ClinicalTrials.gov. 2021-03-15. NCT04798001. สืบค้นเมื่อ 2021-03-20.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of an Intranasal RSV Vaccine Expressing SARS-CoV-2 Spike Protein (COVID-19 Vaccine) in Adults". jrct.niph.go.jp. Japan Registry of Clinical Trials. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-07. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "KBP-201 COVID-19 Vaccine Trial in Healthy Volunteers". ClinicalTrials.gov. 2020-07-16. NCT04473690. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Study of AdCLD-CoV19: A COVID-19 Preventive Vaccine in Healthy Volunteers". ClinicalTrials.gov. 2020-12-14. NCT04666012. สืบค้นเมื่อ 2021-03-23.
- ↑ "A Study to Evaluate the Safety and Immunogenicity of COVID-19 (AdimrSC-2f) Vaccine". ClinicalTrials.gov. 2020-08-21. NCT04522089. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "Anti-COVID19 AKS-452 - ACT Study (ACT)". ClinicalTrials.gov. 2020-12-23. NCT04681092. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "GLS-5310 Vaccine for the Prevention of SARS-CoV-2 (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. 2020-12-17. NCT04673149. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "A Clinical Trial of a Plasmid DNA Vaccine for COVID-19 [Covigenix VAX-001] in Adults". ClinicalTrials.gov. 2020-10-19. NCT04591184. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of a SARS-CoV-2 Vaccine (NBP2001) in Healthy Adults (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. 2021-02-18. NCT04760743. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Trial of Multi-peptide Vaccination to Prevent COVID-19 Infection in Adults (pVAC)". ClinicalTrials.gov. 2020-09-14. NCT04546841. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "B-pVAC-SARS-CoV-2: Study to Prevent COVID-19 Infection in Adults With Bcell/ Antibody Deficiency (B-pVAC)". ClinicalTrials.gov. 2020-07-08. NCT04954469. สืบค้นเมื่อ 2021-07-08.
- ↑ "Evaluating the Safety, Tolerability and Immunogenicity of bacTRL-Spike Vaccine for Prevention of COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2020-04-06. NCT04334980. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "CORVax12: SARS-CoV-2 Spike (S) Protein Plasmid DNA Vaccine Trial for COVID-19 (SARS-CoV-2) (CORVax12)". ClinicalTrials.gov. 2020-11-13. NCT04627675. สืบค้นเมื่อ 2021-03-21.
- ↑ "Chimpanzee Adenovirus and Self-Amplifying mRNA Prime-Boost Prophylactic Vaccines Against SARS-CoV-2 in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2021-03-01. NCT04776317. สืบค้นเมื่อ 2021-03-22.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Trial of an Oral SARS-CoV-2 Vaccine (VXA-CoV2-1) for Prevention of COVID-19 in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2020-09-24. NCT04563702. สืบค้นเมื่อ 2021-03-22.
- ↑ "Ph 1b: Safety & Immunogenicity of Ad5 Based Oral Norovirus Vaccine (VXA-NVV-104)". ClinicalTrials.gov. 2021-04-22. NCT04854746. สืบค้นเมื่อ 2021-05-25.
- ↑ "SARS-COV-2-Spike-Ferritin-Nanoparticle (SpFN) Vaccine With ALFQ Adjuvant for Prevention of COVID-19 in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov. 2021-03-05. NCT04784767. สืบค้นเมื่อ 2021-03-24.
- ↑ "Safety, Tolerability and Immunogenicity of the Candidate Vaccine MVA-SARS-2-S Against COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2020-09-29. NCT04569383. สืบค้นเมื่อ 2021-03-24.
- ↑ "Safety, Tolerability and Immunogenicity of the Candidate Vaccine MVA-SARS-2-ST Against COVID-19 (MVA-SARS-2-ST)". ClinicalTrials.gov. 2021-05-20. NCT04895449. สืบค้นเมื่อ 2021-05-21.
- ↑ "Safety, Reactogenicity and Immunogenicity Study of ReCOV". ClinicalTrials.gov. 2021-03-26. NCT04818801. สืบค้นเมื่อ 2021-04-02.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of the Inactivated Koçak-19 Inaktif Adjuvanlı COVID-19 Vaccine Compared to Placebo". ClinicalTrials.gov. 2021-04-08. NCT04838080. สืบค้นเมื่อ 2021-04-03.
- ↑ "A Study to Evaluate Safety, Reactogenicity, and Immunogenicity of mRNA-1283 and mRNA-1273 Vaccines in Healthy Adults Between 18 Years and 55 Years of Age to Prevent COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-03-24. NCT04813796. สืบค้นเมื่อ 2021-04-13.
- ↑ "Daiichi Sankyo Initiates Phase 1/2 Clinical Trial for mRNA COVID-19 vaccine in Japan" (PDF) (Press release). Daiichi Sankyo. สืบค้นเมื่อ 2021-04-17.
- ↑ "Daiichi takes mRNA COVID-19 vaccine into clinic as Japanese R&D belatedly fires up". Fierce Biotech. 2021-03-22. สืบค้นเมื่อ 2021-04-12.
- ↑ "Study of DS-5670a (COVID-19 Vaccine) in Japanese Healthy Adults and Elderly Subjects". ClinicalTrials.gov. 2021-03-29. NCT04821674. สืบค้นเมื่อ 2021-04-12.
- ↑ "First-In-Human Study Of Orally Administered CoV2-OGEN1 In Healthy Subjects". ClinicalTrials.gov. 2021-05-19. NCT04893512. สืบค้นเมื่อ 2021-05-26.
- ↑ "Japan's KM Biologics begins clinical trial of COVID-19 vaccine candidate". Reuters. 2021-03-22.
- ↑ "20歳以上65歳未満の健康成人、及び65歳以上の健康な高齢者を対象に、COVID-19に対するワクチン(KD-414)の安全性及び免疫原性を検討するための、プラセボを対照とする多施設共同二重盲検ランダム化並行群間比較試験". jrct.niph.go.jp. Japan Registry of Clinical Trials. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-01. สืบค้นเมื่อ 2021-05-07.
- ↑ "OSE Immunotherapeutics Receives Authorization for Phase 1 Clinical Trial of its Multi-Target Multi-Variant COVID-19 Vaccine". BioSpace. 2021-04-01. สืบค้นเมื่อ 2021-04-13.
- ↑ "To Evaluate the Safety, and Immunogenicity of Vaccine Candidate Against COVID-19, in Healthy Adults (COVEPIT 3)". ClinicalTrials.gov. 2021-05-13. NCT04885361. สืบค้นเมื่อ 2021-05-13.
- ↑ "Phase 1 Study to Assess Safety, Reactogenicity and Immunogenicity of the HDT-301 Vaccine Against COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-04-14. NCT04844268. สืบค้นเมื่อ 2021-04-17.
- ↑ "A Phase 1, First-In-Human Study of the Investigational COVID-19 Vaccine SC-Ad6-1 in Healthy Volunteers". ClinicalTrials.gov. 2021-04-09. NCT04839042. สืบค้นเมื่อ 2021-04-17.
- ↑ "Study of a Severe Acute Respiratory Syndrome-Coronavirus-2 (SARS-CoV-2) Adjuvanted Inactivated Vaccine in Healthy Adults (COVID-19)". ClinicalTrials.gov. 2021-04-29. NCT04866069. สืบค้นเมื่อ 2021-04-30.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of EXG-5003". ClinicalTrials.gov. 2021-04-28. NCT04863131. สืบค้นเมื่อ 2021-05-02.
- ↑ "Randomized, double-blind, placebo-controlled phase I clinical trial to evaluate the safety and immunogenicity of mRNACOVID-19 vaccine in healthy susceptible populations aged 18 years and older people". Chinese Clinical Trial Registry (ChiCTR). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-15. สืบค้นเมื่อ 2021-05-15.
- ↑ "Icosavax Initiates Phase 1/2 Trial of COVID-19 VLP Vaccine Candidate". Icosavax. 2021-06-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-20. สืบค้นเมื่อ 2021-10-09.
- ↑ "A Study to Evaluate the Safety and Immunogenicity of COVID-19 Vaccine (IVX-411) in Healthy Adults". Australian New Zealand Clinical Trials Registry. สืบค้นเมื่อ 2021-06-14.
- ↑ "НАЧАТЫ КЛИНИЧЕСКИЕ ИССЛЕДОВАНИЯ СУБЪЕДИНИЧНОЙ ВАКЦИНЫ ПРОТИВ COVID-19, РАЗРАБОТАННОЙ УЧЁНЫМИ НИИПББ". Biosafty and Biotechnology Journal. 2021-06-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-26. สืบค้นเมื่อ 2021-10-09.
- ↑ "Reactogenicity, Safety and Immunogenicity of QazCoVac-P COVID-19 Vaccine". ClinicalTrials.gov. 2021-06-18. NCT04930003. สืบค้นเมื่อ 2021-06-22.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of LNP-nCOV saRNA-02 Vaccine Against SARS-CoV-2, the Causative Agent of COVID-19 (COVAC-Uganda)". ClinicalTrials.gov. 2021-06-22. NCT04934111. สืบค้นเมื่อ 2021-06-22.
- ↑ "IRGC starts clinical trial of "Noora" coronavirus vaccine". Tehran Times. 2021-06-27. สืบค้นเมื่อ 2021-07-01.
- ↑ "A randomized, double-blinded, placebo-controlled phase I clinical trial to evaluate the safety and immunogenicity of three dose regimens of COVID-19 RBD protein recombinant vaccine (AmitisGen; 80µg and 120µg) in a healthy population". Iranian Clinical Trials Registry. 2021-06-25. IRCT20210620051639N1. สืบค้นเมื่อ 2021-07-01.
- ↑ Rujivanarom, Pratch (2021-06-06). "Local jabs yet to join Covid fight". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 2021-07-08.
- ↑ "A Study to Evaluate Safety, Tolerability, and Reactogenicity of an RBD-Fc-based Vaccine to Prevent COVID-19". ClinicalTrials.gov. 2021-07-07. NCT04953078. สืบค้นเมื่อ 2021-07-07.
- ↑ "Phase 1 Intranasal Parainfluenza Virus Type 5-SARS CoV-2 S Vaccine in Healthy Adults (CVXGA1-001)". ClinicalTrials.gov. 2021-07-08. NCT04954287. สืบค้นเมื่อ 2021-07-08.
- ↑ "FMBA begins clinical trials of its coronavirus vaccine, press service says". Russian News Agency. 2021-07-19. สืบค้นเมื่อ 2021-07-20.
- ↑ "Phase I clinical trial to evaluate the safety, tolerability and preliminary immunogenicity of the new coronavirus mRNA vaccine (LVRNA009) in Chinese people aged 18 years and over". chictr.org.cn. 2021-07-31. ChiCTR2100049349. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-03. สืบค้นเมื่อ 2021-07-31.
- ↑ Limon, Raul (2021-08-12). "First Spanish Covid-19 vaccine approved for human clinical trial". El Pais. สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Study of Recombinant Protein RBD Candidate Vaccine Against SARS-CoV-2 in Adult Healthy Volunteers (COVID-19)". clinicaltrials.gov. 2021-08-16. NCT05007509. สืบค้นเมื่อ 2021-08-16.
- ↑ "Randomized Controlled-trial to Evaluate Safety and Immunogenicity of a Novel Vaccine for Prevention of Covid-19 in Adults Previously Immunized". clinicaltrials.gov. 2021-08-23. NCT05016934. สืบค้นเมื่อ 2021-08-23.
- ↑ "신형코로나비루스후보왁찐을 새로 개발". North's State Commission of Science and Technology. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-03. สืบค้นเมื่อ 2021-10-09.
- ↑ "China's new recombinant COVID-19 vaccine starts human tests". Xinhua. 2021-04-25. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-25. สืบค้นเมื่อ 2021-05-05.
- ↑ "Dự kiến cuối quý 3-2021, Việt Nam sẽ có vaccine phòng Covid-19 đầu tiên". Nhân Dân. 2021-03-22. สืบค้นเมื่อ 2021-03-25.
- ↑ "INOVIO's Pan-COVID-19 Vaccine Candidate (INO-4802) Induces Broad Immunity Against Major Viral Variants in Preclinical Studies". Inovio Pharmaceutical. 2021-05-12. สืบค้นเมื่อ 2021-06-10.
- ↑ "Bangavax Vaccine: Permission sought for clinical trial". thedailystar.net. The Daily Star. 2021-01-18.
- ↑ "Bangladesh joins global COVID-19 vaccine race with Bongavax set for clinical trial". arabnews.com. Arab News. 2021-01-08.
- ↑ "Bangavax first buzzed with hope, then fizzled". bdnews24. 2021-05-06. สืบค้นเมื่อ 2021-05-09.
- ↑ "The vaccine is expected to provide long-lasting protection with a single dose administration with an anticipated safety profile similar to other licensed vaccines for active immunization" (PDF). Indian Immunologicals. 2020-04-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-05-11. สืบค้นเมื่อ 2021-07-24.
- ↑ Medeiros, Danielle (2020-12-31). "EpiVax and EpiVax Therapeutics Advance COVID-19 Vaccine Program, EPV-CoV-19". EpiVax.
- ↑ "Second-Generation COVID-19 Vaccine Candidate, CV2CoV, Demonstrates High Immunogenicity Against Virus Variants in Preclinical Study". CureVac. 2021-05-13.
- ↑ "Sorrento and Dyadic Announce Binding Term Sheet to License Dyadic's Lead COVID-19 Vaccine Candidate "DYAI-100" and C1 Technology for Protein-Based Coronavirus Vaccines and Therapeutics". Sorrento Therapeutics. 2021-08-11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-20. สืบค้นเมื่อ 2021-08-20.
- ↑ "Sorrento Announces Its Lead Protein-Based COVID-19 Vaccine Candidate - DYAI-100 - Elicits Strong Neutralizing Immune Responses in Vaccinated Animals Against SARS-CoV-2 and Multiple Major Variants of Concern". Sorrento Therapeutics. 2021-08-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-19. สืบค้นเมื่อ 2021-08-20.
- ↑ "Malaysian mRNA vaccine against Covid-19 under development, says Adham". The Edge. 2021-06-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-29. สืบค้นเมื่อ 2021-06-22.
- ↑ "Arcturus Announces Approval of Singapore Clinical Trial Application to Advance ARCT-154 and ARCT-165, Next Generation STARR™ mRNA Vaccines Targeting SARS-CoV-2 Variants of Concern, in a Phase 1/2 Study". Arcturus Therapeutics. 2021-08-03.
- ↑ "Safety and Immunogenicity of AdCOVID in Healthy Adults (COVID-19 Vaccine Study)". ClinicalTrials.gov. 2020-12-22. NCT04679909. สืบค้นเมื่อ 2021-03-22.
- ↑ "Altimmune Announces Update On AdCOVID Phase 1 Clinical Trial". Altimmune. 2021-06-29. สืบค้นเมื่อ 2021-07-01.
- ↑ Ward, Denise; McCormack, Sheena (2020-05-22). "Clinical trial to assess the safety of a coronavirus vaccine in healthy men and women". ISRCTN (Registry). doi:10.1186/ISRCTN17072692. ISRCTN17072692.
- ↑ "Clinical Trial to Evaluate the Safety and Immunogenicity of the COVID-19 Vaccine (COVID-19-101)". ClinicalTrials.gov. 2020-08-04. NCT04497298. สืบค้นเมื่อ 2021-03-23.
- ↑ "A Study on the Safety, Tolerability and Immune Response of SARS-CoV-2 Sclamp (COVID-19) Vaccine in Healthy Adults". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-08-03. NCT04495933. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11. สืบค้นเมื่อ 2020-08-04.
- ↑ "UQ-CSL V451 Vaccine". www.precisionvaccinations.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-12-19. สืบค้นเมื่อ 2020-12-11.
- ↑ "Dose Ranging Trial to Assess Safety and Immunogenicity of V590 (COVID-19 Vaccine) in Healthy Adults (V590-001)". ClinicalTrials.gov. 2020-09-30. สืบค้นเมื่อ 2021-01-26.
- ↑ "A Study to Assess Safety, Tolerability, and Immunogenicity of V591 (COVID-19 Vaccine) in Healthy Participants (V591-001)". ClinicalTrials.gov. 2020-08-04. สืบค้นเมื่อ 2021-01-26.
- ↑ "Participant Enrollment Begins for Phase I Trial of IAVI-Merck COVID-19 Vaccine Candidate". IAVI. สืบค้นเมื่อ 2021-03-14.
- ↑ "V591 SARS-CoV-2 Vaccine". www.precisionvaccinations.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-03-02. สืบค้นเมื่อ 2021-03-14.
- ↑ "Merck Discontinues Development of SARS-CoV-2/COVID-19 Vaccine Candidates; Continues Development of Two Investigational Therapeutic Candidates". Merck (Press release). 2021-01-25. สืบค้นเมื่อ 2021-01-25.
- 1 2 "Joint CDC and FDA Statement on Vaccine Boosters". U.S. Food and Drug Administration (FDA) (Press release). 2021-07-08. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
บทความนี้รวมเอาเนื้อความจากแหล่งอ้างอิงนี้ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ - ↑ "Coronavirus (COVID-19) Update: FDA Authorizes Additional Vaccine Dose for Certain Immunocompromised Individuals". U.S. Food and Drug Administration (FDA) (Press release). 2021-08-12. สืบค้นเมื่อ 2021-08-13.
- ↑ "COVID-19 Vaccines for Moderately to Severely Immunocompromised People". Centers for Disease Control and Prevention. 2021-08-13. สืบค้นเมื่อ 2021-08-13.
- ↑ Ledford, Heidi (2021-02-18). "Could mixing COVID vaccines boost immune response?". Nature. 590 (7846): 375–376. Bibcode:2021Natur.590..375L. doi:10.1038/d41586-021-00315-5. ISSN 0028-0836. PMID 33547431. S2CID 231946137.
- ↑ "Angela Merkel receives Moderna dose after first AstraZeneca shot". Al Jazeera. 2021-06-22. สืบค้นเมื่อ 2021-06-28.
- ↑ "Getting One Vaccine Is Good. How About Mix-and-Match?". The New York Times. 2021-03-30. สืบค้นเมื่อ 2021-06-30.
- ↑ "About". Com-COV. สืบค้นเมื่อ 2021-06-28.
- 1 2 Stuart, Arabella; Shaw, Robert; Walker, Laura (2021-01-29). "Comparing coronavirus (COVID-19) vaccine schedule combinations". ISRCTN Registry. doi:10.1186/ISRCTN69254139. ISRCTN69254139. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ "Safety and Immunogenicity Report from the Com-COV Study - a Single-Blind Randomised Non-Inferiority Trial Comparing Heterologous And Homologous Prime-Boost Schedules with An Adenoviral Vectored and mRNA COVID-19 Vaccine". June 2021. SSRN 3874014.
- 1 2 Vichos, Iason; Snape, Matthew (2021-03-12). "Comparing COVID-19 vaccine schedule combinations - stage 2". ISRCTN Registry. doi:10.1186/ISRCTN27841311. ISRCTN27841311. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ Faust, Saul (2021-04-27). "Evaluating COVID-19 Vaccination Boosters". ISRCTN Registry. doi:10.1186/ISRCTN73765130. ISRCTN73765130. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ "Combination of the first component of Sputnik V vaccine (Sputnik Light vaccine) with vaccines by AstraZeneca, Sinopharm and Moderna demonstrates high safety profile during the study in Argentina's Buenos-Aires province" (Press release). Moscow: Russian Direct Investment Fund. 2021-08-04. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-05. สืบค้นเมื่อ 2021-08-05.
- ↑ "Study on Sequential Immunization of Recombinant COVID-19 Vaccine (Ad5 Vector) and RBD-based Protein Subunit Vaccine". ClinicalTrials.gov. 2021-04-06. NCT04833101. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ "Vaccination With COMIRNATY in Subjects With a VAXZEVRIA First Dose (CombiVacS)". ClinicalTrials.gov. 2021-04-27. NCT04860739. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ "Mix and Match of the Second COVID-19 Vaccine Dose for Safety and Immunogenicity (MOSAIC)". ClinicalTrials.gov. 2021-05-20. NCT04894435. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ "Compare Immunological Efficacy of a Vaccine Regimen Combining Two Covid19 mRNA Vaccines (Pfizer-BioNTech and Moderna) With That of a Homologous Vaccination of Each Covid19 mRNA Vaccine (ARNCOMBI)". ClinicalTrials.gov. 2021-05-25. NCT04900467. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ "Heterologous Vaccination With an Vaxzevria (ChAdOx1-S) Prime and a Comirnaty (BNT162b2) Boost Compared With Homolog Vaccination With Vaxzervria (Prime/Boost) or Comirnaty (Prime/Boost) (HeVacc)". ClinicalTrials.gov. 2021-05-28. NCT04907331. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ Kuy, Hugo van der (2021-06-16). "A Trial Among HealthCare Workers (HCW) Vaccinated With Janssen Vaccine: the SWITCH Trial (SWITCH)". ClinicalTrials.gov. NCT04927936. สืบค้นเมื่อ 2021-07-09.
- ↑ "Public statement for collaboration on COVID-19 vaccine development". World Health Organization. 2020-04-13. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-09. สืบค้นเมื่อ 2020-04-20.
- 1 2 3 4 Gouglas, D; T, Thanh Le; Henderson, K; Kaloudis, A; Danielsen, T; Hammersland, NC; Robinson, JM; Heaton, PM; Røttingen, JA (December 2018). "Estimating the cost of vaccine development against epidemic infectious diseases: a cost minimisation study". Lancet Global Health. 6 (12): e1386-96. doi:10.1016/S2214-109X(18)30346-2. PMC 7164811. PMID 30342925.
- ↑ Strovel, J; Sittampalam, S; Coussens, NP; Hughes, M; Inglese, J; Kurtz, A; และคณะ (2016-07-01). "Early Drug Discovery and Development Guidelines: For Academic Researchers, Collaborators, and Start-up Companies". Assay Guidance Manual. Eli Lilly & Company and the National Center for Advancing Translational Sciences. PMID 22553881. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-19. สืบค้นเมื่อ 2020-04-21.
- ↑ DiMasi, JA; Grabowski, HG; Hansen, RW (May 2016). "Innovation in the pharmaceutical industry: New estimates of R&D costs". Journal of Health Economics. 47: 20–33. doi:10.1016/j.jhealeco.2016.01.012. hdl:10161/12742. PMID 26928437. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-14.
- ↑ Kleinnijenhuis, J; van Crevel, R; Netea, MG (January 2015). "Trained immunity: consequences for the heterologous effects of BCG vaccination". Transactions of the Royal Society of Tropical Medicine and Hygiene. 109 (1): 29–35. doi:10.1093/trstmh/tru168. PMID 25573107.
- ↑ de Vrieze, Jop (2020-03-23). "Can a century-old TB vaccine steel the immune system against the new coronavirus?". Science. doi:10.1126/science.abb8297. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-12. สืบค้นเมื่อ 2020-04-11.
- ↑ O'Neill, LA; Netea, MG (June 2020). "BCG-induced trained immunity: can it offer protection against COVID-19?". Nat. Rev. Immunol. 20 (6): 335–337. doi:10.1038/s41577-020-0337-y. PMC 7212510. PMID 32393823.
- ↑ Escobar, LE; Molina-Cruz, A; Barillas-Mury, C (July 2020). "BCG vaccine protection from severe coronavirus disease 2019 (COVID-19)". Proc. Natl. Acad. Sci. U.S.A. doi:10.1073/pnas.2008410117. PMID 32647056.
- ↑ Koti, M; Morales, A; Graham, CH; Siemens, DR (July 2020). "BCG vaccine and COVID-19: implications for infection prophylaxis and cancer immunotherapy". J Immunother Cancer. 8 (2). doi:10.1136/jitc-2020-001119. PMC 7342862. PMID 32636240.
- ↑ "Bacille Calmette-Guérin (BCG) vaccination and COVID-19". World Health Organization (WHO). 2020-04-12. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-30. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01.
- ↑ "Reducing health care workers absenteeism in SARS-CoV-2 pandemic by enhanced trained immune responses through Bacillus Calmette-Guérin vaccination, a randomized controlled trial (COVID-19)". EU Clinical Trials Register (Registry). European Union. 2020-03-17. EudraCT 2020-000919-69. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-04. สืบค้นเมื่อ 2020-04-11.
- ↑ "Murdoch Children's Research Institute to trial preventative vaccine for COVID-19 healthcare workers". Murdoch Children's Research Institute. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-30. สืบค้นเมื่อ 2020-04-11.
- ↑ "BCG Vaccination to Protect Healthcare Workers Against COVID-19 (BRACE)". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-03-31. NCT04327206. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-11. สืบค้นเมื่อ 2020-04-11.
- ↑ "Measles Vaccine in HCW (MV-COVID19)". ClinicalTrials.gov (Registry). United States National Library of Medicine. 2020-04-22. NCT04357028. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-07. สืบค้นเมื่อ 2020-04-24.
- ↑ Mohapatra, Prasanta Raghab; Mishra, Baijayantimala; Behera, Bijayini (2020-08-07). "BCG vaccination induced protection from COVID-19". The Indian Journal of Tuberculosis. doi:10.1016/j.ijtb.2020.08.004. PMC 7413058.
- 1 2 Curtis, Nigel; Sparrow, Annie; Ghebreyesus, Tedros A.; Netea, Mihai G. (2020-05-16). "Considering BCG vaccination to reduce the impact of COVID-19". The Lancet. 395 (10236): 1545–1546. doi:10.1016/S0140-6736(20)31025-4. PMC 7252177. PMID 32359402 – โดยทาง www.thelancet.com.
- ↑ Takahashi, Harutaka (2020-11-04). "Role of latent tuberculosis infections in reduced COVID-19 mortality: Evidence from an instrumental variable method analysis". Medical Hypotheses. 144: 110214. doi:10.1016/j.mehy.2020.110214. PMC 7448767. PMID 33254521.
- ↑ "BCG: Can a vaccine from 1921 save lives from Covid-19?". 2020-10-11 – โดยทาง www.bbc.com.
- ↑ "BRACE | College of Medicine and Health | University of Exeter". medicine.exeter.ac.uk.
- 1 2 3 Tregoning, John S.; Russell, Ryan F.; Kinnear, Ekaterina (2018-01-25). "Adjuvanted influenza vaccines". Human Vaccines and Immunotherapeutics. 14 (3): 550–64. doi:10.1080/21645515.2017.1415684. ISSN 2164-5515. PMC 5861793. PMID 29232151.
- 1 2 3 4 Wang, Jieliang; Peng, Ying; Xu, Haiyue; Cui, Zhengrong; Williams, Robert O. (2020-08-05). "The COVID-19 vaccine race: Challenges and opportunities in vaccine formulation". AAPS PharmSciTech. 21 (6): 225. doi:10.1208/s12249-020-01744-7. ISSN 1530-9932. PMC 7405756. PMID 32761294.
- ↑ "FDA Briefing Document: Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine" (PDF). U.S. Food and Drug Administration (FDA). 2020-12-10. สืบค้นเมื่อ 2021-01-01.
- ↑ "#DoNotSqueezeMyArm: Doctor Sounds Alarm on How to Properly Inject COVID-19 Vaccine".
- ↑ Ng, Jia Yu (2021-06-01). "Inadvertent subcutaneous injection of COVID-19 vaccine". Postgraduate Medical Journal. 97 (1148): 400. doi:10.1136/postgradmedj-2021-139870. PMC 7886662. PMID 33589486 – โดยทาง pmj.bmj.com.
- ↑ "COVID-19 Vaccine Administration Errors and Deviations" (PDF). CDC. 2021-05-08. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-27.
- ↑ Branswell, H (2021-02-02). "Comparing three Covid-19 vaccines: Pfizer, Moderna, J&J". Stat. สืบค้นเมื่อ 2021-02-28.
- ↑ "Bharat's Intranasal Covid-19 Vaccine Moves Forward". 2021-08-16.
- ↑ Randolph, HE; Barreiro, LB (May 2020). "Herd Immunity: Understanding COVID-19". Immunity. 52 (5): 737–41. doi:10.1016/j.immuni.2020.04.012. PMC 7236739. PMID 32433946.
- ↑ "The FDA's cutoff for Covid-19 vaccine effectiveness is 50 percent. What does that mean?". NBCNews.com. สืบค้นเมื่อ 2021-01-08.
- ↑ "EMA sets 50% efficacy goal - with flexibility - for COVID vaccines". Regulatory Affairs Professionals Society (RAPS). สืบค้นเมื่อ 2021-01-08.
- ↑ Krause, P; Fleming, TR; Longini, I; Henao-Restrepo, AM; Peto, R; Dean, NE; และคณะ (2020-09-12). "COVID-19 vaccine trials should seek worthwhile efficacy". The Lancet. 396 (10253): 741–743. doi:10.1016/S0140-6736(20)31821-3. PMC 7832749. PMID 32861315.
- 1 2 Bartsch, SM; O'Shea, KJ; Ferguson, MC; Bottazzi, ME; Wedlock, PT; Strych, U; และคณะ (October 2020). "Vaccine Efficacy Needed for a COVID-19 Coronavirus Vaccine to Prevent or Stop an Epidemic as the Sole Intervention". American Journal of Preventive Medicine. 59 (4): 493–503. doi:10.1016/j.amepre.2020.06.011. PMC 7361120. PMID 32778354.
- ↑ "FDA Briefing Document for mRNA 1273". 2020-12-17. สืบค้นเมื่อ 2021-08-18.
{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Anderson, Evan J.; Rouphael, Nadine G.; Widge, Alicia T.; Jackson, Lisa A.; Roberts, Paul C.; Makhene, Mamodikoe; Chappell, James D.; Denison, Mark R.; Stevens, Laura J.; Pruijssers, Andrea J.; McDermott, Adrian B. (2020-12-17). "Safety and Immunogenicity of SARS-CoV-2 mRNA-1273 Vaccine in Older Adults". New England Journal of Medicine. 383 (25): 2427–2438. doi:10.1056/NEJMoa2028436. ISSN 0028-4793. PMC 7556339. PMID 32991794.
- ↑ Hunziker, Patrick (2021-07-24). "Personalized-dose Covid-19 vaccination in a wave of virus Variants of Concern: Trading individual efficacy for societal benefit". Precision Nanomedicine (ภาษาอังกฤษ). 4 (3): 805–820. doi:10.33218/001c.26101.
- ↑ Dooling, Kathleen (2021-08-13). "Evidence to Recommendations Framework: Additional doses of mRNA COVID-19 vaccines as part of a primary series for immunocompromised" (PDF). CDC Advisory Board for Immunization Practices.
{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Chen, Zhimin; Liu, Kaihui; Liu, Xiuxiang; Lou, Yijun (February 2020). "Modelling epidemics with fractional-dose vaccination in response to limited vaccine supply". Journal of Theoretical Biology (ภาษาอังกฤษ). 486: 110085. Bibcode:2020JThBi.48610085C. doi:10.1016/j.jtbi.2019.110085. PMID 31758966.
- ↑ Dean, N; Madewell, Z (2021-03-05). "Understanding the spectrum of vaccine efficacy measures". The BMJ Opinion. สืบค้นเมื่อ 2021-03-10.
- ↑ "AZD1222 US Phase III primary analysis confirms safety and efficacy". AstraZeneca. 2021-03-25.
- 1 2 Committee for Medicinal Products for Human Use (2021-02-19). Assessment report: Comirnaty (PDF) (European public assessment report). Corr.1. European Medicines Agency. COVID-19 Case Definitions; tables 2, 5, 12, 13. EMA/707383/2020. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-20. สืบค้นเมื่อ 2021-06-23.
- 1 2 "Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine - rna ingredient bnt-162b2 injection, suspension". DailyMed. U.S. National Institutes of Health. สืบค้นเมื่อ 2020-12-14.
- ↑ "FDA Briefing Document: Janssen Ad26.COV2.S Vaccine for the Prevention of COVID-19". US Food & Drug Administration (FDA). 2021-02-26. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- 1 2 3 "Moderna COVID-19 Vaccine - cx-024414 injection, suspension". DailyMed. U.S. National Institutes of Health. สืบค้นเมื่อ 2020-12-20.
- ↑ "Summary of Clinical Trial Data of Sinovac's COVID-19 Vaccine (CoronaVac)" (Press release). Sinovac Biotech. 2021-04-03. สืบค้นเมื่อ 2021-04-12.
- ↑ Palacios, Ricardo; Batista, Ana Paula; Albuquerque, Camila Santos Nascimento; Patiño, Elizabeth González; Santos, Joane do Prado; Tilli Reis Pessoa Conde, Mônica; และคณะ (April 2021). "Efficacy and Safety of a COVID-19 Inactivated Vaccine in Healthcare Professionals in Brazil: The PROFISCOV Study". SSRN 3822780.
- 1 2 Toscano, Cristiana (2021-04-29). "Evidence Assessment: Sinovac/CoronaVac COVID-19 vaccine" (PDF). World Health Organization (WHO).
- ↑ Kay, Chris (2021-04-21). "Homegrown Indian Covid Vaccine Already in Use Shows 78% Efficacy". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2021-04-25.
- ↑ "Ocugen's COVID-19 Vaccine Co-Development Partner, Bharat Biotech, Shares Second Interim Results demonstrating 100% Protection against Severe Disease including Hospitalization" (Press release). Malvern, Pennsylvania: GlobeNewswire. Ocugen. 2021-04-21. สืบค้นเมื่อ 2021-04-26.
- ↑ "Single dose vaccine, Sputnik Light, authorized for use in Russia" (Press release). Russian Direct Investment Fund. 2021-05-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-02. สืบค้นเมื่อ 2021-07-01.
The single dose Sputnik Light vaccine demonstrated 79.4% efficacy according to analyzed data taken from 28 days after the injection was administered as part of Russia’s mass vaccination program between 5 December 2020 and 15 April 2021.
- ↑ Kaabi, NA; Zhang, Y; Xia, S; Yang, Y; Qahtani, MM; Abdulrazzaq, N; และคณะ (2021-05-26). "Effect of 2 Inactivated SARS-CoV-2 Vaccines on Symptomatic COVID-19 Infection in Adults". JAMA. doi:10.1001/jama.2021.8565. ISSN 0098-7484. PMC 8156175. PMID 34037666.
- ↑ "El candidato vacunal Abdala mostró una eficacia de un 92,28% en su esquema de tres dosis". BioCubaFarma (Press release). 2021-06-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-30. สืบค้นเมื่อ 2021-07-01.
- ↑ "Soberana 02 muestra una eficacia de un 62 por ciento en su esquema de dos dosis". BioCubaFarma (Press release). 2021-06-20. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-30. สืบค้นเมื่อ 2021-07-01.
- ↑ Wadman, M; Cohen, J (2021-01-28). "Novavax vaccine delivers 89% efficacy against COVID-19 in UK - but is less potent in South Africa". Science. doi:10.1126/science.abg8101.
- ↑ "Novavax COVID-19 Vaccine Demonstrates 89.3% Efficacy in UK Phase 3 Trial". Novavax Inc. (Press release). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-06. สืบค้นเมื่อ 2021-03-03.
- ↑ "Novavax COVID-19 Vaccine Demonstrates 90% Overall Efficacy and 100% Protection Against Moderate and Severe Disease in PREVENT-19 Phase 3 Trial". Novavax Inc. (Press release). 2021-06-14. สืบค้นเมื่อ 2021-06-15.
- ↑ "CureVac Final Data from Phase 2b/3 Trial of First-Generation COVID-19 Vaccine Candidate, CVnCoV, Demonstrates Protection in Age Group of 18 to 60". CureVac (Press release). 2021-06-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-12. สืบค้นเมื่อ 2021-07-01.
- ↑ "Zydus applies to the DCGI for EUA to launch ZyCoV-D, the world's first Plasmid DNA vaccine for COVID-19" (PDF). Cadila Healthcare (Press release). 2021-07-01. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-07-02. สืบค้นเมื่อ 2021-07-01.
- ↑ "What is the difference between efficacy and effectiveness?". GAVI. 2020-11-18. สืบค้นเมื่อ 2021-04-21.
- ↑ Tal, A; Cohen, E (2021-01-29). "Israel's health data suggests Pfizer and Moderna vaccines may be more effective than we thought". CNN. สืบค้นเมื่อ 2021-03-27.
- 1 2 3 Thompson, MG; Burgess, JL; Naleway, AL; Tyner, HL; Yoon, SK; Meece, J; และคณะ (April 2021). "Interim Estimates of Vaccine Effectiveness of BNT162b2 and mRNA-1273 COVID-19 Vaccines in Preventing SARS-CoV-2 Infection Among Health Care Personnel, First Responders, and Other Essential and Frontline Workers - Eight U.S. Locations, December 2020-March 2021" (PDF). MMWR Morb Mortal Wkly Rep. 70 (13): 495–500. doi:10.15585/mmwr.mm7013e3. PMC 8022879. PMID 33793460.
- ↑ Hall, VJ; Foulkes, S; Saei, A; Andrews, N; Oguti, B; Charlett, A; และคณะ (February 2021). "Effectiveness of BNT162b2 mRNA Vaccine Against Infection and COVID-19 Vaccine Coverage in Healthcare Workers in England, Multicentre Prospective Cohort Study (the SIREN Study)". SSRN 3790399.
- 1 2 "Real-World Evidence Confirms High Effectiveness of Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine and Profound Public Health Impact of Vaccination One Year After Pandemic Declared". Pfizer. 2021-03-11. สืบค้นเมื่อ 2021-04-01.
- ↑ Tande, AJ; Pollock, BD; Shah, ND; Farrugia, G; Virk, A; Swift, M; และคณะ (March 2021). "Impact of the COVID-19 Vaccine on Asymptomatic Infection Among Patients Undergoing Pre-Procedural COVID-19 Molecular Screening". Clinical Infectious Diseases. doi:10.1093/cid/ciab229. PMC 7989519. PMID 33704435.
- ↑ Bernal J, Lopez; Andrews, N; Gower, C; Robertson, C; Stowe, J; Tessier, E; และคณะ (May 2021). "Effectiveness of the Pfizer-BioNTech and Oxford-AstraZeneca vaccines on covid-19 related symptoms, hospital admissions, and mortality in older adults in England: test negative case-control study". BMJ. 373: n1088. doi:10.1136/bmj.n1088. ISSN 1756-1833. PMC 8116636. PMID 33985964.
- ↑ COVID-19 vaccine surveillance report (week 21) (PDF) (Technical report). Public Health England. 2021-05-27. GOV-8481.
- ↑ COVID-19 vaccine surveillance report (week 20) (PDF) (Technical report). Public Health England. 2021-05-20. GOV-8401.
- ↑ Haas, EJ; Angulo, FJ; McLaughlin, JM; Anis, E; Singer, SR; Khan, F; และคณะ (May 2021). "Impact and effectiveness of mRNA BNT162b2 vaccine against SARS-CoV-2 infections and COVID-19 cases, hospitalisations, and deaths following a nationwide vaccination campaign in Israel: an observational study using national surveillance data". Lancet. 397 (10287): 1819–1829. doi:10.1016/S0140-6736(21)00947-8. PMC 8099315. PMID 33964222.
- ↑ Dagan, N; Barda, N; Kepten, E; Miron, O; Perchik, S; Katz, MA; และคณะ (April 2021). "BNT162b2 mRNA Covid-19 Vaccine in a Nationwide Mass Vaccination Setting". New England Journal of Medicine. 384 (15): 1412–23. doi:10.1056/NEJMoa2101765. PMC 7944975. PMID 33626250.
- 1 2 "Tercer estudio de efectividad de vacunación anti SARS-CoV-2 en Uruguay al 30 de junio de 2021" [Third study of effectiveness of vaccination against SARS-CoV-2 in Uruguay as of June 30, 2021]. Ministerio de Salud Pública (ภาษาสเปน). 2021-07-03. สืบค้นเมื่อ 2021-07-07.
- ↑ Hall, VJ; Foulkes, S; Saei, A; Andrews, N; Oguti, B; Charlett, A; และคณะ (May 2021). "COVID-19 vaccine coverage in health-care workers in England and effectiveness of BNT162b2 mRNA vaccine against infection (SIREN): a prospective, multicentre, cohort study". The Lancet. 397 (10286): 1725–35. doi:10.1016/S0140-6736(21)00790-X. ISSN 0140-6736. PMC 8064668. PMID 33901423.
- ↑ "Ministros de Salud de todo el país consensuaron redoblar esfuerzos para completar los esquemas de vacunación en mayores de 40 años" [Health ministers from all over the country agreed to redouble their efforts to complete vaccination schedules in people over 40 years of age] (ภาษาสเปน). Government of Argentina. Ministry of Health (Argentina). 2021-07-01. สืบค้นเมื่อ 2021-07-12.
- ↑ "INS: Vacuna de Sinopharm tiene efectividad de hasta 94% para reducir muerte por COVID-19". RPP (ภาษาสเปน). 2021-07-22. สืบค้นเมื่อ 2021-07-28.
{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Russia's Sputnik V vaccine 97.6% effective in real-world study". Reuters. Moscow. 2021-04-19. สืบค้นเมื่อ 2021-04-21.
- ↑ "Sputnik V demonstrates 97.6% efficacy according to analysis of data from 3.8 million vaccinated persons in Russia making it the most efficient COVID-19 vaccine in the world" (Press release). Moscow: Russian Direct Investment Fund. 2021-04-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-21. สืบค้นเมื่อ 2021-04-21.
- ↑ "Sputnik V has demonstrated 97.8% efficacy against COVID cases and 100% efficacy against severe cases of COVID in UAE" (Press release). Moscow: Russian Direct Investment Fund. 2021-06-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-08. สืบค้นเมื่อ 2021-07-02.
- ↑ Jara, Alejandro; Undurraga, Eduardo A.; González, Cecilia; Paredes, Fabio; Fontecilla, Tomás; Jara, Gonzalo; Pizarro, Alejandra; Acevedo, Johanna; Leo, Katherine; Leon, Francisco; Sans, Carlos; Leighton, Paulina; และคณะ (2021-07-07). "Effectiveness of an Inactivated SARS-CoV-2 Vaccine in Chile". New England Journal of Medicine. doi:10.1056/NEJMoa2107715. ISSN 0028-4793.
- ↑ Aditya, Arys. "China Sinovac Shot Seen Highly Effective in Real World Study". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2021-05-15.
- ↑ "Kajian Cepat Kemenkes : Vaksin Sinovac Efektif Cegah Kematian" [Ministry of Health Quick Study: Sinovac Vaccine Effectively Prevents Death]. Sehat Negeriku (ภาษาอินโดนีเซีย). 2021-05-12. สืบค้นเมื่อ 2021-05-15.
- ↑ "Mass vaccination creates healthy oasis in Brazilian city". Reuters. 2021-05-31. สืบค้นเมื่อ 2021-06-02.
- ↑ "Sinovac vaccine restores a Brazilian city to near normal". Associated Press. 2021-06-01. สืบค้นเมื่อ 2021-06-02.
- ↑ "Sputnik-V tiene una efectividad con una sola dosis de 78,6% para evitar casos" [Sputnik-V is 78.6% effective with a single dose in preventing cases] (ภาษาสเปน). Government of Buenos Aires Province. 2021-06-02. สืบค้นเมื่อ 2021-06-29.
- ↑ "Sputnik Light vaccine (the first component of Sputnik V vaccine) demonstrates 78.6-83.7% efficacy among the elderly in Argentina" (Press release). Russian Direct Investment Fund. 2021-06-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-08. สืบค้นเมื่อ 2021-06-29.
- ↑ Fine, P; Eames, K; Heymann, DL (2011-04-01). ""Herd Immunity": A Rough Guide". Clinical Infectious Diseases. 52 (7): 911–916. doi:10.1093/cid/cir007. ISSN 1058-4838. PMID 21427399.
- ↑ Billah, MA; Miah, MM; Khan, MN (2020-11-11). "Reproductive number of coronavirus: A systematic review and meta-analysis based on global level evidence". PLOS ONE. 15 (11): e0242128. Bibcode:2020PLoSO..1542128B. doi:10.1371/journal.pone.0242128. PMC 7657547. PMID 33175914.
- ↑ "Science Brief: COVID-19 Vaccines and Vaccination". Centers for Disease Control and Prevention. 2021-05-27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-16. สืบค้นเมื่อ 2021-06-17.
Substantial reductions in SARS-CoV-2 infections (both symptomatic and asymptomatic) will reduce overall levels of disease, and therefore, viral transmission in the United States. However, investigations are ongoing to assess further the impact of COVID-19 vaccination on transmission.
- ↑ Dyer, Owen (2021-08-02). "Covid-19: Delta infections threaten herd immunity vaccine strategy". BMJ. 374: n1933. doi:10.1136/bmj.n1933. ISSN 1756-1833. PMID 34340962. S2CID 236778544.
- ↑ Katella, Kathy (2021-08-13). "5 Things To Know About the Delta Variant". Yale Medicine News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-11-17. สืบค้นเมื่อ 2021-08-18.
- ↑ Burioni, R; Topol, EJ (2021-06-21). "Has SARS-CoV-2 reached peak fitness?". Nature Medicine. doi:10.1038/s41591-021-01421-7. PMID 34155413.
- ↑ Office of the Commissioner (2021-02-23). "Coronavirus (COVID-19) Update: FDA Issues Policies to Guide Medical Product Developers Addressing Virus Variants". U.S. Food and Drug Administration (FDA). สืบค้นเมื่อ 2021-03-07.
- ↑ Mahase, E (March 2021). "Covid-19: Where are we on vaccines and variants?". BMJ. 372: n597. doi:10.1136/bmj.n597. PMID 33653708. S2CID 232093175.
- ↑ "Inside the B.1.1.7 Coronavirus Variant". The New York Times. 2021-01-18. สืบค้นเมื่อ 2021-01-29.
- 1 2 3 4 Weekly epidemiological update on COVID-19 - 8 June 2021 (Situation report). World Health Organization. 2021-06-08. Table 3. สืบค้นเมื่อ 2021-06-14.
- ↑ Muik, A; Wallisch, AK; Sänger, B; Swanson, KA; Mühl, J; Chen, W; และคณะ (March 2021). "Neutralization of SARS-CoV-2 lineage B.1.1.7 pseudovirus by BNT162b2 vaccine-elicited human sera". Science. 371 (6534): 1152–53. Bibcode:2021Sci...371.1152M. doi:10.1126/science.abg6105. PMC 7971771. PMID 33514629.
- 1 2 Wang, P; Nair, MS; Liu, L; Iketani, S; Luo, Y; Guo, Y; และคณะ (March 2021). "Antibody Resistance of SARS-CoV-2 Variants B.1.351 and B.1.1.7". Nature. 593 (7857): 130–35. Bibcode:2021Natur.593..130W. doi:10.1038/s41586-021-03398-2. PMID 33684923.
- ↑ Emary, KR; Golubchik, T; Aley, PK; Ariani, CV; Angus, BJ; Bibi, S; และคณะ (2021). "Efficacy of ChAdOx1 nCoV-19 (AZD1222) Vaccine Against SARS-CoV-2 VOC 202012/01 (B.1.1.7)". SSRN 3779160.
- ↑ Mahase, E (February 2021). "Covid-19: Novavax vaccine efficacy is 86% against UK variant and 60% against South African variant". BMJ. 372: n296. doi:10.1136/bmj.n296. PMID 33526412. S2CID 231730012.
- ↑ Kuchler, H (2021-01-25). "Moderna develops new vaccine to tackle mutant Covid strain". Financial Times. สืบค้นเมื่อ 2021-01-30.
- ↑ Liu, Y; Liu, J; Xia, H; Zhang, X; Fontes-Garfias, CR; Swanson, KA; และคณะ (February 2021). "Neutralizing Activity of BNT162b2-Elicited Serum - Preliminary Report". The New England Journal of Medicine. doi:10.1056/nejmc2102017. PMID 33596352.
- 1 2 Hoffmann, M; Arora, P; Gross, R; Seidel, A; Hoernich, BF; Hahn, AS; และคณะ (March 2021). "1 SARS-CoV-2 variants B.1.351 and P.1 escape from neutralizing antibodies". Cell. 184 (9): 2384-2393.e12. doi:10.1016/j.cell.2021.03.036. PMC 7980144. PMID 33794143.
- ↑ "Pfizer and BioNTech Confirm High Efficacy and No Serious Safety Concerns Through Up to Six Months Following Second Dose in Updated Topline Analysis of Landmark COVID-19 Vaccine Study". Pfizer (Press release). 2021-04-01. สืบค้นเมื่อ 2021-04-02.
- ↑ "Johnson & Johnson Announces Single-Shot Janssen COVID-19 Vaccine Candidate Met Primary Endpoints in Interim Analysis of its Phase 3 ENSEMBLE Trial" (Press release). Johnson & Johnson. 2021-01-29. สืบค้นเมื่อ 2021-01-29.
- ↑ Francis, D; Andy, B (2021-02-06). "Oxford/AstraZeneca COVID shot less effective against South African variant: study". Reuters. สืบค้นเมื่อ 2021-02-08.
- 1 2 "Covid: South Africa halts AstraZeneca vaccine rollout over new variant". BBC News Online. 2021-02-08. สืบค้นเมื่อ 2021-02-08.
- ↑ Booth, W; Johnson, CY (2021-02-07). "South Africa suspends Oxford-AstraZeneca vaccine rollout after researchers report 'minimal' protection against coronavirus variant". The Washington Post. London. สืบค้นเมื่อ 2021-02-08.
South Africa will suspend use of the coronavirus vaccine being developed by Oxford University and AstraZeneca after researchers found it provided 'minimal protection' against mild to moderate coronavirus infections caused by the new variant first detected in that country.
- ↑ "A Phase 2A/B, Randomized, Observer-blinded, Placebo-controlled Study to Evaluate the Efficacy, Immunogenicity, and Safety of a SARS-CoV-2 Recombinant Spike Protein Nanoparticle Vaccine (SARS-CoV-2 rS) With Matrix-M1 Adjuvant in South African Adult Subjects Living Without HIV; and Safety and Immunogenicity in Adults Living With HIV". ClinicalTrials.gov. United States National Library of Medicine. 2020-10-30.
- ↑ Weekly epidemiological update on COVID-19 - 15 June 2021 (Situation report). World Health Organization. 2021-06-15. สืบค้นเมื่อ 2021-06-16.
- ↑ Weekly epidemiological update on COVID-19 - 8 June 2021 (Situation report). World Health Organization. 2021-06-08. สืบค้นเมื่อ 2021-06-14.
- ↑ "PANGO lineages". cov-lineages.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-03. สืบค้นเมื่อ 2021-04-18.
- ↑ Koshy, J (2021-04-08). "Coronavirus | Indian 'double mutant' strain named B.1.617". The Hindu (ภาษาIndian English).
- ↑ "India's variant-fuelled second wave coincided with spike in infected flights landing in Canada". Toronto Sun. 2021-04-10. สืบค้นเมื่อ 2021-04-10.
- ↑ "Weekly epidemiological update on COVID-19 - 11 May 2021". World Health Organization. 2021-05-11. สืบค้นเมื่อ 2021-05-12.
- ↑ "COVID strain first detected in India found in 53 territories: WHO".
- ↑ "British scientists warn over Indian coronavirus variant". Reuters. 2021-05-07. สืบค้นเมื่อ 2021-05-07.
- ↑ "SARS-CoV-2 variants of concern as of 6 May 2021". European Centre for Disease Prevention and Control (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-05-12.
- ↑ "expert reaction to VUI-21APR-02/B.1.617.2 being classified by PHE as a variant of concern". Science Media Centre. 2021-05-07. สืบค้นเมื่อ 2021-05-15.
- ↑ "SARS-CoV-2 Variant Classifications and Definitions". CDC.gov. Centers for Disease Control and Prevention. 2021-05-12. สืบค้นเมื่อ 2021-05-16.
- ↑ Thorp, H. Holden (2020-03-27). "Underpromise, overdeliver". Science. 367 (6485): 1405. doi:10.1126/science.abb8492. PMID 32205459.
- ↑ "Ten health issues WHO will tackle this year". World Health Organization. 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-11-11. สืบค้นเมื่อ 2020-05-26.
- 1 2 Dubé, Eve; Laberge, Caroline; Guay, Maryse; Bramadat, Paul; Roy, Réal; Bettinger, Julie (2013-08-01). "Vaccine hesitancy: an overview". Human Vaccines and Immunotherapeutics. 9 (8): 1763–1773. doi:10.4161/hv.24657. ISSN 2164-554X. PMC 3906279. PMID 23584253.
- 1 2 Malik, Amyn A; McFadden, SarahAnn M; Elharake, Jad; Omer, Saad B (2020). "Determinants of COVID-19 vaccine acceptance in the US". EClinicalMedicine, the Lancet. 26: 100495. doi:10.1016/j.eclinm.2020.100495. ISSN 2589-5370. PMC 7423333. PMID 32838242.
- ↑ Thunström, Linda; Ashworth, Madison; Finnoff, David; Newbold, Stephen C (2020). "Hesitancy towards a COVID‑19 vaccine and prospects for herd immunity". Covid Economics. 35. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-11.
- 1 2 3 Iwasaki, Akiko; Yang, Yexin (2020-04-21). "The potential danger of suboptimal antibody responses in COVID-19". Nature Reviews Immunology. doi:10.1038/s41577-020-0321-6. ISSN 1474-1733. PMC 7187142. PMID 32317716.
- 1 2 3 4 Wiedermann, Ursula; Garner-Spitzer, Erika; Wagner, Angelika (2016). "Primary vaccine failure to routine vaccines: Why and what to do?". Human Vaccines and Immunotherapeutics. 12 (1): 239–243. doi:10.1080/21645515.2015.1093263. ISSN 2164-554X. PMC 4962729. PMID 26836329.
- ↑ #invoke:Citation/CS1
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 4 5 6 7 แม่แบบ:Cite journal
- 1 2 3 4 5 6 แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 แม่แบบ:Cite journal
- 1 2 แม่แบบ:Cite journal PMID แม่แบบ:Url.
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite press release
- ↑ แม่แบบ:Cite press release
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite press release แม่แบบ:PD-notice
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite web แม่แบบ:PD-notice
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite press release
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- 1 2 3 4 5 6 7 8 แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite press release
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite press release
- ↑ แม่แบบ:Cite press release
- 1 2 แม่แบบ:Cite press release
- 1 2 แม่แบบ:Cite press release
- ↑ แม่แบบ:Cite press release
- 1 2 3 4 5 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite news
- 1 2 3 4 5 แม่แบบ:Cite news
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite journal
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite journal PMID แม่แบบ:Url.
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 4 5 6 7 8 แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- 1 2 3 4 5 แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 4 5 6 แม่แบบ:Cite news
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite news
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite news
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite journal
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 แม่แบบ:Cite journal
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite journal
- 1 2 แม่แบบ:Cite journal
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- 1 2 แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 4 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- 1 2 3 แม่แบบ:Cite web
- 1 2 3 แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite journal
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite news
- 1 2 แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ แม่แบบ:Cite web
- ↑ ของ Kangtai Biological Products Co. Ltd และบริษัทลูกคือ Beijing Minhai Biotechnology Co.
- ↑ สหราชอาณาจักร[93] บาห์เรน[94] สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[95] แคนาดา[96] ซาอุดีอาระเบีย[97] สหรัฐ[98] เม็กซิโก[99] คูเวต[100] สิงคโปร์[101] จอร์แดน[102] โอมาน[103] เอกวาดอร์[104] คอสตาริกา[105] ปานามา[106] ชิลี[107] สวิตเซอร์แลนด์[108] และกาตาร์[109]
<ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "upper-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="upper-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน