ไฟเซอร์
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ประเภท | บริษัทมหาชน (NYSE: PFE) |
---|---|
ISIN | US7170811035 |
อุตสาหกรรม | เภสัชภัณฑ์ |
ก่อตั้ง | ค.ศ. 1849 |
ผู้ก่อตั้ง | คาร์ล ไฟเซอร์ ชาร์ล เอฟ. เออร์ฮาร์ต |
สำนักงานใหญ่ | นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา |
พื้นที่ให้บริการ | ทั่วโลก |
บุคลากรหลัก | อัลเบิร์ต บัวร์ลา (ประธาน, CEO) |
รายได้ | 81.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[1] (ค.ศ. 2021) |
รายได้สุทธิ | 31,372,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (พ.ศ. 2565) |
สินทรัพย์ | 154,229,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (พ.ศ. 2563) |
พนักงาน | 79,000 คน (ค.ศ. 2021)[1] |
เว็บไซต์ | www.pfizer.com |
ไฟเซอร์ (อังกฤษ: Pfizer Inc.) (NYSE:PFE เก็บถาวร 2008-10-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน) เป็นบริษัทยาสัญชาติอเมริกัน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นผู้ผลิตยาลิปิเตอร์ (อะโทวาสแตติน) ซึ่งเป็นยาที่ขายดีที่สุดในโลก[ต้องการอ้างอิง] (เป็นยาลดคอเลสเตอรอลในเลือด) ยาต้านเชื้อรา ไดฟลูแคน (ฟลูโคนาโซน-fluconazole) ยาปฏิชีวนะออกฤทธิ์นาน ไซโทรแมกซ์ (อะซิโทรมัยซิน-azithromycin) ยารักษาโรคย้อนสมรรถภาพทางเพศ (erectile dysfunction) ไวอะกรา (ซิลเดนาฟิลซิเตรต - sildenafil citrate) และยาบรรเทาปวด ซีลีเบรกซ์ (ซีลีโคซิบ-celecoxib)
หุ้นของไฟเซอร์อยู่ในดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2004 ในปี ค.ศ. 2019 ไฟเซอร์เป็นบริษัทยาที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกจากการจัดอันดับของนิตยสาร ฟอบส์[2]
ประวัติ
[แก้]ไฟเซอร์ตั้งชื่อตามคาร์ล ไฟเซอร์ (Karl Pfizer, ค.ศ. 1824–1906) นักเคมีชาวเยอรมัน
- ค.ศ. 1849 เริ่มทำธุรกิจเคมีในวิลเลียมเบิร์ก บรูกลิน (Williamsburg, Brooklyn) ผลิตภัณฑ์เริ่มแรกคือยาต้านปรสิต (antiparasitic) ชื่อแซนโตนิน (santonin)
- ค.ศ. 1880 ธุรกิจเริ่มประสบความสำเร็จเมื่อได้ผลิตกรดซิตริก
- ค.ศ. 1910 บริษัทมียอดขายประมาณ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นผู้เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีการหมัก (fermentation) ที่ใช้ในการผลิตยา เพนนิซิลิน (penicillin) ยาปฏิชีวนะตัวแรกที่มีบทบาทช่วยรักษาแผลที่เกิดจากการติดเชื้อในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง มันถูกเรียกว่าเป็นยามหัศจรรย์ ("the miracle drug") ในสมัยนั้น
- ค.ศ. 1919 บริษัทผลิตกรดซิตริกสำหรับใช้ในการผลิตของตนด้วยกระบวนการหมัก จนพัฒนาเป็นการผลิตวัตถุดิบได้เอง ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้อย่างมหาศาล
- ค.ศ. 1944 ไฟเซอร์ประสบความสำเร็จในการผลิตเพนิซิลินด้วยกระบวนการหมักแบบ deep-tank และกลายเป็นผู้ผลิตยาเพนิซิลินรายใหญ่ที่สุดของโลก ยาเพนิซิลินส่วนใหญ่ที่ใช้ในกองกำลังพันธมิตรผลิตโดยไฟเซอร์
- ค.ศ. 1950 เทอราไมซิน (ออกซีเตตราไซคลีน) เป็นยาปฏิชีวนะที่มีขอบข่ายการออกฤทธิ์กว้าง เป็นผลงานการวิจัยชิ้นแรกของบริษัท ที่จำหน่ายภายใต้สิทธิบัตรของไฟเซอร์ จากนั้นไฟเซอร์ได้ขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศและเปิดฝ่ายธุรกิจต่างประเทศขึ้น ไฟเซอร์ขยายธุรกิจไปสู่เบลเยียม, บราซิล, แคนาดา, คิวบา, เม็กซิโก, ปานามา, เปอร์โตริโกและอังกฤษ
- ค.ศ. 1954 เริ่มวางตลาดเตตราไซคลีน ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้าง และเป็นยาปฏิชีวนะชนิดแรกที่สังเคราะห์และค้นพบโดยนักวิจัยของไฟเซอร์
- ค.ศ. 1961 ไฟเซอร์ก้าวเข้าสู่ช่วงของการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่กลางเมืองแมนฮัตตัน
- ค.ศ. 1982 เฟลดีน (ไพรอกซิแคม) กลายเป็นยาแก้อักเสบตามใบสั่งแพทย์ที่ขายดีที่สุดในโลก และเป็นผลิตภัณฑ์แรกของไฟเซอร์ที่ทำยอดขายได้ถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ค.ศ. 1988 แผนกเกษตรกรรมเปลี่ยนชื่อเป็นฝ่ายเวชภัณฑ์สัตว์ และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นความก้าวหน้าล่าสุดออกสู่ตลาด ได้แก่ แอดโวซิน (ดาโนฟ ลอกซาซิน) เอวิแอกซ์ (เซมดูราไมซิน) และเดคโทแมกซ์ (โดราเมคทิน) ในสองสามปีต่อมา
- ค.ศ. 1989 วางตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ โพรคาร์เดียเอกซ์แอล (ไนเฟดิพีน) ยาเม็ดออกฤทธิ์ระยะยาวที่รับประทานวันละครั้ง สำหรับรักษาโรคหัวใจขาดเลือดและโรคความดันโลหิตสูง
- ค.ศ. 1992 ไฟเซอร์วางตลาดยาใหม่ที่สำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ โซลอฟต์ (เซอร์ทราลีนไฮโดรคลอไรด์) นอร์แวส (แอมโลดิพีนเบซีเลต) และซิโทรแมกซ์ (แอกซิโทรไมซิน)
- ค.ศ. 1993 ริเริ่มโครงการ Sharing the Care ซึ่งเป็นโครงการบริจาคยา
- ค.ศ. 1995 ไฟเซอร์ซื้อธุรกิจเวชภัณฑ์สัตว์ของสมิท ไคลน์ บีแชม ทำให้ไฟเซอร์กลายเป็นผู้นำรายหนึ่งของโลกด้านการค้นคว้า พัฒนาและผลิตเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง
- ค.ศ. 1998 เปิดตัวไวอะกร้า (ซิลเดนาฟิลซิเตรต) ซึ่งเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการผลิตยาสำหรับรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในชาย บริษัทได้ลงทุนกว่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการวิจัย
- ค.ศ. 1999 ไฟเซอร์ฉลองอายุครบ 150 ปี และได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทยาชั้นนำของโลก นิตยสารฟอร์บส์ยังได้ประกาศให้ไฟเซอร์เป็น "บริษัทชั้นนำแห่งปี" เนื่องจากความสำเร็จในการค้นคว้าและพัฒนายาใหม่สำหรับมนุษย์และสัตว์
- ค.ศ. 2000 ไฟเซอร์ ควบรวมกิจการกับ วอร์เนอร์-แลมเบอร์ต (Warner-Lambert) เพื่อให้ได้สิทธิเต็มในการทำตลาด ลิปิเตอร์ (อะโทวาสแตติน) และก้าวสู่ไฟเซอร์ยุคใหม่ ซึ่งเป็นช่วงสำคัญและมีการเจริญเติบโตอย่างมาก การควบรวมกิจการครั้งนี้ทำให้ไฟเซอร์ยุคใหม่เป็น บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดและมีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก
- ค.ศ. 2002 ไฟเซอร์ควบรวมกิจการกับฟาร์มาเซีย (Pharmacia) กลายเป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเพื่อให้ได้สิทธิเต็มในการทำตลาด ยาบรรเทาปวด ซีลีเบรกซ์ (ซีลีโคซิบ)
- ค.ศ. 2003 เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2546 บริษัทไฟเซอร์ และ บริษัทฟาร์มาเซียซึ่งเป็นสองบริษัทยาที่มีการเติบโตเร็วที่สุดและมีการค้นคว้าพัฒนามากที่สุดในโลกได้รวมการดำเนินธุรกิจเข้าด้วยกัน นอกจากนั้น ไฟเซอร์ ยังได้วางตลาดยา เรลแพกส์ (อิเล็กทริปทัน เอชบีอาร์) ซึ่งเป็นยาสำหรับบำบัดไมเกรนโดยเฉพาะ
- ค.ศ. 2020 ไฟเซอร์และไบออนเทคเสร็จสิ้นการทดสอบวัคซีนไวรัสโคโรนาที่พัฒนาขึ้น โดยมีประสิทธิภาพโดยรวมในการต้านไวรัสโคโรนา 95% โดยที่ในขณะนั้นยังไม่พบผลข้างเคียง[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "Pfizer Inc. 2021 Form 10-K Annual Report" (PDF). Pfizer.
- ↑ "The World's Largest Public Companies 2019 ranking". Forbes. สืบค้นเมื่อ 12 March 2020.
- ↑ Fox, Maggie; Sealy, Amanda (18 November 2020). "Pfizer and BioNTech say final analysis shows coronavirus vaccine is 95% effective with no safety concerns". CNN. สืบค้นเมื่อ 18 November 2020.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ไฟเซอร์ ประเทศไทย
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ไฟเซอร์