ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Toneder (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
Toneder (คุย | ส่วนร่วม)
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 222: บรรทัด 222:
[[หมวดหมู่:ทางหลวงแผ่นดิน|106]]
[[หมวดหมู่:ทางหลวงแผ่นดิน|106]]
[[หมวดหมู่:ทางหลวงแผ่นดินภาคเหนือ|3-106]]
[[หมวดหมู่:ทางหลวงแผ่นดินภาคเหนือ|3-106]]
[[หมวดหมู่:ถนนในจังหวัดลำพูน]]
[[หมวดหมู่:ถนนในจังหวัดสุโขทัย]]
[[หมวดหมู่:ถนนในจังหวัดลำปาง]]
[[หมวดหมู่:ถนนในจังหวัดลำปาง]]
[[หมวดหมู่:ถนนในจังหวัดลำพูน]]
[[หมวดหมู่:ถนนในจังหวัดเชียงใหม่]]
[[หมวดหมู่:ถนนในจังหวัดเชียงใหม่]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:01, 28 ธันวาคม 2564

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106
ข้อมูลของเส้นทาง
ความยาว167.204 กิโลเมตร (103.896 ไมล์)
ทางแยกที่สำคัญ
จากอ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
ถึงบ.อุโมงค์ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน
ตำแหน่งที่ตั้ง
ประเทศไทย
ระบบทางหลวง

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 สายสวรรคโลก–อุโมงค์[1] เป็นถนนขนาด 2 ช่องจราจร มีแนวเส้นทางเริ่มจากทางเข้าสวรรคโลก (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1370) อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ผ่านอำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง อำเภอลี้ อำเภอบ้านโฮ่ง อำเภอป่าซาง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน และตัดเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ สิ้นสุดที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางลัดจากถนนพหลโยธิน ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญ เช่น อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติออบหลวง โดยไม่ต้องผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ และสามารถใช้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 108 เข้าสู่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้โดยไม่ต้องเริ่มจากตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ไม่เป็นที่นิยมนักเนื่องจากช่วงอำเภอเถิน ถึงอำเภอลี้ (รอยต่อระหว่างจังหวัดลำปางและจังหวัดลำพูน) เป็นทางแคบ ตัดขึ้นภูเขาสูง และคดเคี้ยวมาก จึงไม่เหมาะในการสัญจรในเวลากลางคืน โดยส่วนที่แคบและคดเคี้ยวนั้นคือส่วนที่ตัดผ่านอุทยานแห่งชาติดอยจง

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 ช่วงจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่นั้น มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คือ มีต้นขี้เหล็กและต้นยางนาสูงใหญ่ปลูกเรียงรายตลอดสองข้างทางตั้งแต่ลำพูนจนถึงเชียงใหม่ จนเรียกกันว่าเป็น "ถนนสายต้นยาง" หรือ "ถนนต้นยาง"[2]

สำหรับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 ช่วงสวรรคโลก–เถิน กรมทางหลวงได้ทำการรวมเส้นทางกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1048 และทางเข้าดอนไชยหรือถนนพหลโยธินสายเก่า (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1352) บางส่วน

ประวัติ

ถนนช่วงเชียงใหม่-ลำพูน เป็นเส้นทางที่ผูกพันกับปิงห่าง ต้นยาง และต้นขี้เหล็ก ในอดีตแม่น้ำปิงจะไหลผ่านทางทิศตะวันออกของเวียงกุมกาม เมืองหริภุญชัย และวัดอรัญญิกรัมการาม (วัดดอนแก้ว) ซึ่งเป็นสี่มุมเมืองในสมัยพระนางจามเทวี เมื่อคราวที่พญามังรายยึดครองเมืองหริภุญชัย และสร้างเมืองใหม่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหริภุญชัย ชื่อว่า เมืองชะแว ได้เกิดน้ำท่วม จึงย้ายไปสร้างเมืองแห่งใหม่ คือ เวียงกุมกาม ทำให้แม่น้ำปิง เกิดการเปลี่ยนทางไหลผ่านเข้าในตัวเมืองหริภุญชัย และไหลผ่านหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยในสมัยพญามังราย

ในราว พ.ศ. 2101 สมัยพญาแม่กุแม่น้ำปิงยังไหลผ่านทางทิศตะวันออกของเวียงกุมกาม และตัวเมืองหริภุญชัยอยู่ ในระหว่างปี พ.ศ. 2101–2317 อาณาจักรบริเวณนี้อยู่ภายใต้การปกครองของพม่า จนถึงราวปี พ.ศ. 2317 มีบันทึกว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกทัพตามแม่น้ำปิง (สายปัจจุบัน) ที่ไหลผ่านทิศตะวันตกของเวียงกุมกามและเมืองหริภุญชัย ซึ่งแสดงว่าแม่น้ำปิง เกิดการเปลี่ยนร่องน้ำ ในระหว่างที่พม่าปกครองพื้นที่ดังกล่าว

แม้ว่าแม่น้ำปิงจะมีการเปลี่ยนร่องน้ำ แต่ยังปรากฏว่ามีการตั้งถิ่นฐานของราษฎรตามแนวแม่น้ำปิงสายเดิม (ปิงห่าง) ทำให้เกิดเส้นทางคมนาคมทางบกเลียบตามแนวแม่น้ำสายดังกล่าว เป็นเส้นทางสายหลักในการติดต่อค้าขายระหว่างชาวเมืองเชียงใหม่ และเมืองลำพูนมาจนปัจจุบัน

ถนนสายเลียบแม่น้ำปิงห่าง หรือถนนเชียงใหม่-ลำพูน มีการสร้างถนนอย่างเป็นทางการขึ้น โดยพระยาทรงสุรเดช (อั้น บุนนาค) ข้าหลวงใหญ่รักษาราชการมณฑลลาวเฉียง ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2438 เริ่มสร้างตั้งแต่เชิงสะพานนวรัฐ (หน้าโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียนในปัจจุบัน) เลียบตามแนวแม่น้ำปิงห่างจนถึงเมืองลำพูน

พระยาทรงสุรเดช...จะทำถนนระหว่างเมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูลให้เกวียนเดินได้ด้วย การที่ไม่เปนไปโดยพลันทันทีได้เพราะขัดข้องด้วยเรื่องการภาษีอากรเมืองเชียงใหม่อยู่ ถ้าได้จัดการเรียบร้อยแล้ว พระยาทรงสุรเดชจะได้ลงมือจัดการแต่งสร้างถนนหนทางขึ้นให้สมควรแก่สมัยที่เจริญขึ้นได้

[3]

สันนิษฐานว่าถนนคงจะแล้วเสร็จก่อนเดือนกันยายน พ.ศ. 2440 เพราะปีแอร์ โอร์ต (Pierre Orts) ที่ปรึกษากฎหมายชาวเบลเยี่ยมที่เดินทางขึ้นไปร่วมพิจารณาพิพากษาคดีที่นครเชียงใหม่แล้วเลยไปตรวจราชการหัวเมืองต่างๆ ในมณฑลลาวเฉียง ได้บันทึกไว้เมื่อวันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2440 ว่า

ข้าพเจ้าออกจากเชียงใหม่เมื่อเวลาบ่าย 3 โมง นับว่าเป็นการออกเดินทางที่เอิกเกริกมาก มีข้าราชการสองคนตามไปส่งพร้อมด้วยพวกเจ้าพนักงานชั้นผู้น้อย ถนนจากเชียงใหม่ไปลำพูนซึ่งข้าพเจ้าเคยกล่าวถึงด้วยความชื่นชมนั้นมิได้มีสิ่งใดพิเศษ เป็นเพียงเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมาใต้ต้นไม้สูงหรือป่า มีธารน้ำไหลผ่านหลายแห่ง ภูมิประเทศดูเหมือนว่ามีราษฎรอาศัยอยู่หนาแน่น เราพบฝูงวัวควายที่ดูน่าชมหลายฝูง อีกราว 2 กิโลเมตรจะถึงเมืองลำพูน ข้าพเจ้าพบเจ้านายลำพูน 3 องค์ที่มาคอยรับล่วงหน้า ตอน 6 โมงครึ่งข้าพเจ้าก็มาถึงเมืองลำพูน

— Diaries of a Belgian Assistant Legal Advisor During the Reign of King Chulalongkorn 3 August 1897 - 5 January 1898

[4]

ต่อมาในคราวที่พระยาศรีสหเทพ (เส็ง วิรยศิริ) ราชปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยเป็นข้าหลวงพิเศษขึ้นมาจัดระเบียบราชการในมณฑลตวันตกเฉียงเหนือเมื่อปลายปี ร.ศ. 118 (พ.ศ. 2442) ก็ได้มีการกล่าวถึงถนนสายเชียงใหม่–ลำพูนในรายงานประชุมปรึกษาข้อราชการที่เมืองนครเชียงใหม่ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก 118 ว่า

มิสเตอร์คอลลินซ์ (Rev. David G. Collins) กล่าวขึ้นว่า ได้ทราบข่าวจากชาวเมืองลำพูนว่าได้ตกลงกันจะปูอิฐตลอดถนนในระหว่างเมืองลำพูนแลเชียงใหม่ มิสเตอร์คอลลินซ์เห็นว่าถนนสายนี้เป็นถนนดีมาก ถ้าจะเอาอิฐปูเข้า เข้าใจว่ากลับทำให้ถนนเสียลง

ที่ประชุมได้ปรึกษากันช้านาน พระยาศรีสหเทพจึงพูดว่า ได้ฟังเสียงในที่ประชุมเห็นกันโดยมากว่าไม่ควรจะปูอิฐตามถนนในระหว่างเมืองเชียงใหม่แลเมืองลำพูน แต่ควรจะซ่อมแซมถนนให้ดีขึ้นนั้น พระยาศรีสหเทพมีความยินดีที่ได้ทราบดังนั้น ราษฎรจะได้ไม่มีความลำบากที่จะต้องทำถนน เพราะฉะนั้นจะได้ทดลองเอาอิฐปูตามถนนบางแห่งเพื่อจะได้ทราบว่าอิฐจะทนน้ำฝนได้เพียงไร และขอให้บรรดาท่านทั้งหลายที่ได้เคยไปมาตามถนนลำพูนได้โปรดชี้แจงว่าควรจะซ่อมตอนใดบ้าง

มิสเตอร์เกรก (H. W. Clarke) กล่าวว่าชาวบ้านมักจะทำนาบนถนน ควรจะมีข้อบังคับให้เปิดทางไว้ให้คนเดินได้บ้าง

มิสเตอร์แฮริซ (Rev. Dr. William Harris) ชี้แจงว่าในเรื่องทำนาบนถนนนี้ มิสเตอร์แฮริซได้ทราบเหตุเรื่องหนึ่งที่มีท่านผู้หนึ่งต้องเสียเงิน 15 รูเปียเพื่อเป็นค่าทำขวัญที่ต้องเดินตัดนาไป

พระยาศรีสหเทพจึงได้ตกลงว่าต่อไปจะได้ห้ามมิให้ราษฎรทำนาบนถนนใหญ่ แต่จะต้องเปิดทางเดินไว้ให้กว้าง 6 ฟิตเสมอ แต่ข้อที่จะห้ามนี้เฉพาะแต่ถนนใหญ่ ถ้าเป็นทางเดินเล็กน้อยไม่เป็นที่ห้ามอย่างใด

[5]

3 เดือนถัดมาจากการประชุม พ.ศ. 2443 หม่อมอุดมพงษ์เพ็ญสวัสดิ์ (ม.ร.ว.ประยูร อิศรศักดิ์) ข้าหลวงประจำนครเชียงใหม่ ได้มีโทรเลขรายงานไปยังกระทรวงมหาดไทยว่า

ในโทรเลข ข้าพระพุทธเจ้า หม่อมอุดมพงษ์เพ็ญสวัสดิ์ ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม รัตนโกสินทร์ศก 119 ว่าถนนที่เมืองนครเชียงใหม่ ตั้งแต่สนามแข่งม้าจนถึงต่อแดนเมืองนครลำพูน หม่อมอุดมพงษ์เพ็ญสวัสดิ์ ได้ให้เจ้าราชบุตรเปนแม่กองใหญ่ เจ้าน้อยมหาวัน พระยาสุนทร พระยาธรรมพิทักษ์ พระยาเทพวงษ์ ท้าวขุนแก้ว เปนผู้ช่วยให้แบ่งน่าที่กันทำเปนตอน ๆ ถนนสายนี้ได้ทำเสร็จแล้ว เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม รัตนโกสินทร ศก 119 เจ้าอุปราชแลข้าราชการอีกหลายนาย พร้อมด้วยหม่อมอุดมพงษ์เพ็ญสวัสดิ์ ได้ไปตรวจดูถนนสายนี้ เห็นด้วยเกล้าฯ ว่าเรียบร้อยดีพอใช้ รถเทียมม้าได้ตลอดทาง แลเปนที่กว้างมาก ข้างริมคันถนน เจ้าราชบุตรได้สั่งให้ปลูกต้นยางได้ปลูกแล้วบ้าง แลยังกำลังปลูกอีกต่อไป การทำถนนสำเร็จได้โดยเร็วดังนี้ ควรเปนที่สรรเสริญเจ้าราชบุตร แลผู้ที่ช่วยทำนั้นเปนอันมาก กับทั้งเจ้าอุปราชก็ได้ช่วยเปนธุระสั่ง ในเรื่องทำถนนสายนี้โดยแขงแรง แลการทำถนนนั้นถ้าทำเสร็จแล้วไม่มีการรักษาก็คงซุดโซมเร็ว หม่อมอุดมพงษ์เพ็ญสวัสดิ์จะได้จัดระเบียบการที่จะรักษาต่อไป

[6]

จากโทรเลขนี้ ทำให้ทราบว่าผู้ที่ปลูกต้นยางตลอดสองข้างทางถนนในเขตเชียงใหม่ คือเจ้าราชบุตร (เจ้าน้อยคำตื้อ) บุตรของเจ้าอุปราช (บุญทวงษ์) แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดเป็นคนปลูกต้นขี้เหล็กในถนนฝั่งลำพูน

ส่วนถนนทางด้านเมืองลำพูน ปรากฏในโทรเลขที่เจ้าอินทยงยศโชติ เจ้านครลำพูน รายงานไปยังกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 188 ว่า

เจ้านครลำพูนพร้อมกับพระยาศรีสหเทพได้จัดที่นอกเวียงข้างเหนือทำเป็นตลาดหลวงใหญ่ตลอดออกไปจากถนนในเวียง เจ้านครลำพูนรับก่ออิฐถนนก่ออิฐตั้งตะแคงอย่างถนนในกรุงเทพฯ แต่เมืองนครลำพูนไปจนต่อเขตร์แดนเมืองนครเชียงใหม่ กำหนดจะแล้วใน 4 เดือน

[7]

พ.ศ. 2448 ได้มีการปรับปรุงและขยายผิวถนนสายเชียงใหม่-ลำพูนอีกครั้ง ตามใบบอกของพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ข้าหลวงใหญ่รักษาราชการมณฑลพายัพ ลงวันที่ 26 กรกฎาคม ร.ศ. 124 ว่า

ถนนสายนครเชียงใหม่ไปนครลำพูนที่ทำไว้แล้วแต่ก่อนแคบไปบ้าง กว้างไปบ้างไม่เท่ากัน และชำรุดทรุดโทรมไปมาก ถนนสายนี้เป็นทางสำคัญลูกค้าได้อาไศรย์ใช้ล้อเกวียนเป็นประโยชน์ในการค้าขายแลคนเดินทางมาก เค้าสนามหลวงนครเชียงใหม่กับนครลำพูนได้ตกลงกันจะช่วยซ่อมแซมทำให้ดีขึ้น...ได้ให้มิศเตอร์โรเบิตตี้ที่ข้าหลวงโยธาออกไปเป็นผู้แนะนำ แลในแขวงเชียงใหม่จัดให้เจ้าบุรีรัตน์กับกรมการแขวงป่ายางเป็นผู้ดูแล ส่วนแขวงลำพูนจัดให้เจ้าราชภาติกะวงษ์เป็นผู้ดูแล ทั้งสองกองนี้ได้ขอแรงราษฎรมาช่วยทำเดือนเศษจึงแล้วเสร็จ ถนนสายที่ทำนี้ทำโดยกว้าง 3 วา ยาว 665 เส้น

[8][9]

รายชื่อทางแยก

รายชื่อทางแยกบน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 ทิศทาง: ดอนไชย–อุโมงค์
จังหวัด กม.ที่ ชื่อจุดตัด ซ้าย ขวา
ดอนไชย–ลำพูน
ลำปาง 0+000 แยกดอนไชย ทล.1352 จาก ตาก ทล.1352 จาก ลำปาง
0+455 สะพาน ข้ามแม่น้ำวัง
7+700 ทางหลวงชนบท ลป.3021 ไป บ.ล้อมแรด ไม่มี
ลำพูน 46+900 แยกโรงพยาบาลลี้ ทล.1087 ไป บ.ก้อทุ่ง, อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ไม่มี
50+000 แยกเมืองลี้ ไม่มี ทล.1274 ไป ลำปาง
68+495 แยกแม่เทย ไม่มี ทล.1219 ไป อ.ทุ่งหัวช้าง
73+992 แยกแม่ตืน ทล.1103 ไป อ.ดอยเต่า ไม่มี
113+262 สะพาน ข้ามแม่น้ำลี้
118+533 แยกม่วงโตน ทล.1010 ไป อ.เวียงหนองล่อง ไม่มี
128+802 แยกแม่อาว ไม่มี ทล.1184 ไป อ.ทุ่งหัวช้าง
133+300 แยกสันห้างเสือ ทล.1031 (เดิม) ไป อ.เวียงหนองล่อง, อ.จอมทอง ไม่มี
139+675 แยกสะปุ๋ง ทล.116 ไป อ.สันป่าตอง ทล.116 ไป เชียงใหม่
145+848 แยกสบทา ทล.1156 ไป อ.เวียงหนองล่อง, อ.จอมทอง ไม่มี
146+135 สะพาน ข้ามแม่น้ำกวง
149+556 แยกท่าจักร
(แยกเลี่ยงเมืองลำพูนด้านใต้)
ถนนเลี่ยงเมืองลำพูน ไปบรรจบ ทล.11, ลำปาง ทล.1033 ไป อ.แม่ทา
153+903 ตรงไป: ลพ.ถ 2-0003 ถนนลำพูน-ป่าซาง เข้าเมืองลำพูน
ลำพูน–เชียงใหม่ (ถนนเชียงใหม่-ลำพูน)
ลำพูน 158+556 เชื่อมต่อจาก: ลพ.ถ 2-0002 ถนนเจริญราษฎร์ จากเมืองลำพูน
160+085
(แยกเลี่ยงเมืองลำพูนด้านเหนือ)
ถนนเลี่ยงเมืองลำพูน ไป อ.แม่ทา ทล.1136 ไปบรรจบ ทล.11, ลำปาง
แยกป่าเห็ว ถนนป่าเห็ว–ริมปิง ไป ต.ริมปิง, อ.สันป่าตอง, บรรจบ ทล.1015 ไม่มี
เชียงใหม่ แยกกองทราย ทล.121 ไป อ.หางดง ทล.121 ไป อ.สันกำแพง
ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ไป อ.หางดง ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ไป อ.สันกำแพง
แยกหนองหอย ถนนมหิดล ไป แม่ฮ่องสอน, ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ถนนมหิดล ไป อ.สันกำแพง
ตรงไป: ชม.ถ 2-0030 ถนนเชียงใหม่–ลำพูน เข้าเมืองเชียงใหม่ (แยกสะพานนวรัฐ)
      สะพาน              กำลังก่อสร้างหรือโครงการในอนาคต

สิ่งสืบเนื่อง

อ้างอิง

  1. http://roadnet2.doh.go.th
  2. หนึ่งเดียวในไทย ถนนต้นยางนาอายุกว่า 150 ปี นับพันต้น รุกขมรดกของแผ่นดิน
  3. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ ม.๕๘/๓๙ เรื่อง ซ่อมและสร้างถนนกับที่ว่าการมณฑลพายัพ (๔ มีนาคม ๑๑๔ – ๑๖ กุมภาพันธ์ ๑๑๖)
  4. ปีแอร์ โอร์ต . พิษณุ จันทร์วิทัน (แปล). ล้านนาไทยในแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: สายธาร, 2546.
  5. เจ้าราชบุตร. (อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตรีเจ้าราชบุตร(วงษต์วัน ณ เชียงใหม่) ป.ช., ป.ม., ท.จ.ว. ณ เมรุวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2561). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหาร 2516.
  6. ราชกิจจานุเบกษา, โทระเลขข้าหลวงประจำนครเชียงใหม่ แลใบบอกข้าหลวงประจำเมืองน่าน, เล่ม 17, ตอน 12, 17 มิถุนายน ร.ศ. 119, หน้า 114.
  7. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ ม.๕๘/๔๒ เรื่อง พระยาศรีสหเทพ ตรวจจัดราชการต่างๆ ในมณฑลพายัพ (๓๐ มกราคม – ๒๖ มีนาคม ๑๑๘).
  8. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ ม.๕๘/๔๖ เรื่องก่อสร้างซ่อมถนนถนนหนทาง แลตะพานในมณฑลพายัพ (๒๗ กรกฎาคม ๑๒๐ – ๓๐ สิงหาคม ๑๒๔).
  9. วรชาติ มีชูบท. ถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน.
  • คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมาย เหตุในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ, วัฒนธรรมพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัดลำพูน, 2542, หน้า 275-277.

แหล่งข้อมูลอื่น