รายพระนามพระมหากษัตริย์ลาว
พระมหากษัตริย์ลาว (ลาว: ພຣະມະຫາກະສັຕຍ໌ລາວ) ลำดับกษัตริย์ลาว อ้างอิงตาม พงศาวดารหลวงพระบาง ชินกาลมาลีปกรณ์ และตำนานพระแก้วมรกต กรณีศักราชไม่ตรงกัน จะยึดตามตำนานพระแก้วมรกตเป็นหลัก
พระมหากษัตริย์ แห่งพระราชอาณาจักรลาว | |
---|---|
ราชาธิปไตยในอดีต | |
ตราแผ่นดินราชอาณาจักรลาว | |
| |
ปฐมกษัตริย์ | ขุนลอ (ตามตำนาน) พระเจ้าฟ้างุ้ม (ตามสากลนิยม) |
องค์สุดท้าย | สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา |
สถานพำนัก | หลวงพระบาง ราชอาณาจักรลาว |
เริ่มระบอบ | ราวพุทธศตวรรษที่ 13 (นครเชียงทอง) พ.ศ. 1896 (ค.ศ. 1353) (ล้านช้าง) |
สิ้นสุดระบอบ | 2 ธันวาคม พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) (622 ปี) |
ผู้อ้างสิทธิ์ | สมเด็จเจ้าฟ้าชายสุริวงศ์สว่าง |
ขุนบรมราชาธิราช (พ.ศ. 1240 – 1293) ได้ย้ายจากหนองแส (เมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้า) มาอยู่ที่ใหม่เรียกว่า นาน้อยอ้อยหนู (เมืองแถนหรือเมืองกาหลง) ปัจจุบันเรียกว่าเชียงรุ่งเขตสิบสองพันนา พร้อมทั้งขยายอาณาเขตออกไปโดยส่งโอรส 7 องค์ไปครองเมืองต่าง ๆ คือ
- ขุนลอ - ปกครองเมืองชวา(หลวงพระบาง)
- ท้าวผาล้าน - ปกครองเมืองหอแต(ต้าหอ)
- ท้าวจุลง - ปกครองเมืองโกดแท้แผนปม
- ท้าวคำผง - ปกครองเมืองเชียงใหม่
- ท้าวงั่วอิน - ปกครองเมืองศรีอยุธยา (ละโว้)
- ท้าวกม - ปกครองเมืองมอน (อินทรปัต)
- ท้าวเจือง - ปกครองเมืองพวน (เชียงขวาง)
ราชวงศ์ล้านช้างหลวงพระบาง |
---|
|
นครเชียงทอง
[แก้]ขุนลอ องค์ปฐมกษัตริย์ลาว ผู้ตั้งเมืองชวาเป็นราชธานีครั้งแรกเมื่อ (พ.ศ. 1300) และได้เปลี่ยนนามใหม่ว่า เมืองเชียงทอง มีกษัตริย์สืบต่อมา 16 ขุน 6 ท้าว จนมาถึงองค์ที่ 23 คือ พระยาลังธิราช
ลำดับ | รายพระนาม | ครองราชย์ (พ.ศ.) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ขุนลอ | ราวพุทธศตวรรษที่ 13 - พ.ศ. 1323 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
2 | ขุนชวา | พ.ศ. 1323 จนสิ้นรัชกาล | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
3 | ขุนชวาเลา | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
4 | ขุนสูง | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
5 | ขุนเค็ด | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
6 | ขุนคุม | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
7 | ขุนคีบ | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
8 | ขุนคบ | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
9 | ขุนเคา | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
10 | ขุนคาน | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
11 | ขุนแพง | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
12 | ขุนเพ็ง | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
13 | ขุนเพิง | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
14 | ขุนพี | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
15 | ขุนคำ | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
16 | ขุนฮุ่ง | 1406 - ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
17 | ท้าวแท่นโม | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
18 | ท้าวยุง | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
19 | ท้าวเยิก | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
20 | ท้าวพิน | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
21 | ท้าวพาด | ไม่ปรากฏ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | ท้าวหว่าง | ไม่ปรากฏ - 1814 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | พระยาลังธิราช | 1814 - 1859 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | พระยาสุวรรณคำผง | 1859 - 1887 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | เจ้าฟ้าเงี้ยว | 1887 - 1894 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | เจ้าฟ้าคำเฮียว | 1894 - 1896 |
อาณาจักรล้านช้าง
[แก้]พระเจ้าฟ้างุ้มเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง [1] จนถึงรัชสมัยพระหน่อแก้วกุมารได้สิ้นสุดราชวงศ์ที่สืบมาแต่ขุนลอ เมื่อพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราชได้ก่อตั้งราชวงศ์เจ้าวรวงศาปกครองล้านช้าง กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรล้านช้างคือพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2
ลำดับ | รายพระนาม | ครองราชย์ (พ.ศ.) | |||
---|---|---|---|---|---|
1 | สมเด็จพระเจ้าฟ้างุ้มมหาราช | 1896 - 1915 | |||
2 | สมเด็จพระเจ้าสามแสนไทไตรภูวนาท | 1916 - 1959 | |||
3 | พระยาล้านคำแดง (กษัตริย์หุ่น) | 1959 - 1971 | |||
4 | เจ้าพรหมทัต (กษัตริย์หุ่น) | 1971 - 1972 | |||
5 | เจ้าคำเต็มซ้า (กษัตริย์หุ่น) | 1973 | |||
6 | พระยาหมื่นบ้าน (กษัตริย์หุ่น) | 1973 | |||
7 | เจ้าไค้บัวบาน (กษัตริย์หุ่น) | 1974 - 1977 | |||
8 | เจ้าก้อนคำ (กษัตริย์หุ่น) | 1978 | |||
9 | เจ้ายุคล (กษัตริย์หุ่น) | 1979 | |||
10 | เจ้าคำเกิด (กษัตริย์หุ่น) | 1979 - 1981 | |||
11 | นางแก้วพิมพา หรือ พระมหาเทวีอามพัน | 1981 | |||
12 | พระเจ้าไชยจักรพรรดิแผ่นแผ้ว | 1981 - 2023 | |||
13 | พระเจ้าสุวรรณบัลลังก์ | 1981 - 2029 | |||
14 | พระยาหล้าแสนไทไตรภูวนาถ | 2029 - 2039 | |||
15 | เจ้าชมพู | 2039 - 2044 | |||
16 | พระเจ้าวิชุลละราช | 2044 - 2063 | |||
17 | พระเจ้าโพธิศาละราช | 2063 - 2090 | |||
18 | เจ้ากิจธนวราธิราชหรือเจ้าท่าเรือ | 2090 - 2091 | |||
19 | สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช | 2091 - 2114 | |||
20 | พระยาแสนสุรินทร์ลือชัย | 2114 - 2118 | |||
21 | พระเจ้าศรีวรวงษาธิราช หรือ พระมหาอุปราชศรีวรวงษา | 2118 - 2123 | |||
22 | พระยาแสนสุรินทร์ลือชัย (ครั้งที่ 2) | 2123 - 2125 | |||
23 | พระยานครน้อย | 2125 - 2126 | |||
24 | พระหน่อเมือง (ประกาศอิสรภาพจากพม่า) | 2134 - 2139 | |||
25 | พระวรปิตา | 2139 - 2140 | |||
26 | พระเจ้าวรวงศาธรรมิกราช | 2140 - 2165 | |||
27 | พระอุปยุวราช | 2165 - 2166 | |||
28 | พระบัณฑิตโพธิศาละราช | 2166 - 2170 | |||
29 | พระหม่อมแก้ว | 2170 - 2176 | |||
30 | เจ้าวิชัย | 2176 - 2179 | |||
31 | เจ้าต่อนคำ | 2179 - 2181 | |||
32 | พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช | 2181 - 2238 | |||
33 | พระยาจันทสีหราช | 2238 | |||
34 | เจ้าองค์หล่อ | 2239 - 2242 | |||
35 | เจ้านันทราช | 2242 - 2245 | |||
36 | พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (พระไชยองค์เว้) | 2241 - 2250 |
ยุคแตกแยกของอาณาจักรล้านช้าง
[แก้]ราชอาณาจักรล้านช้าง ได้แตกออกเป็นอาณาจักรต่างๆ ได้แก่ อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ เป็นต้น
ลำดับ | รายพระนาม | ครองราชย์ | สิ้นสุด | หมายเหตุ | |
---|---|---|---|---|---|
1 | พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (พระไชยองค์เว้) |
พ.ศ. 2250 | พ.ศ. 2273 | พระราชนัดดาในพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช | |
2 | เจ้าองค์ลอง | พ.ศ. 2273 | พ.ศ. 2283 | พระราชโอรสในพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 | |
3 | เจ้าอุปราช (ท้าวนอง) | พ.ศ. 2283 | พ.ศ. 2294 | พระราชอนุชาในพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 เเละยังเป็นพระราชบิดาของพระวอพระตา เเห่งหนองบัวลุ่มภู | |
4 | พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 (พระเจ้าศิริบุญสาร) |
พ.ศ. 2294 | พ.ศ. 2323 | พระราชโอรสในเจ้าองค์ลอง | |
ตกเป็นประเทศราชแก่สยามในราวกลางปี พ.ศ. 2323[2] พระเจ้าศิริบุญสารหนีไปอยู่เมืองคำเกิด | |||||
สยามให้พระยาสุโภ รั้งเมืองเวียงจันทน์ | |||||
4 | พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 (พระเจ้าศิริบุญสาร) |
ธันวาคม
พ.ศ. 2323 |
พ.ศ. 2325 | ราวเดือนธันวาคม พระเจ้าศิริบุญสารกลับจากเมืองคำเกิดกลับมาสังหารพระยาสุโภ แล้วครองเวียงจันทน์ตามเดิม[3] | |
5 | พระเจ้านันทเสน | พ.ศ. 2325 | พ.ศ. 2337 | พระราชโอรสในพระเจ้าศิริบุญสาร, ปีครองราชย์ตามพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา | |
6 | พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 4 (พระเจ้าอินทวงศ์) |
พ.ศ. 2337 | พ.ศ. 2348 | พระราชอนุชาในพระเจ้านันทเสน, พระอัยกาในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ในรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ | |
7 | พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 5 (เจ้าอนุวงศ์) |
พ.ศ. 2348 | พ.ศ. 2371 | พระราชอนุชาในพระเจ้านันทเสนและพระเจ้าอินทวงศ์, สิ้นวงศ์กษัตริย์เวียงจันทน์ หลังพระองค์พยายามแยกตัวเป็นอิสระจากสยามกรุงเทพฯ แต่ไม่สำเร็จ |
ลำดับ | รายพระนาม | ครองราชย์ | สิ้นสุด | หมายเหตุ | ||
---|---|---|---|---|---|---|
1 | พระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร | พ.ศ. 2256 | พ.ศ. 2280 | พระราชนัดดาของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช | ||
2 | พระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร | พ.ศ. 2280 | พ.ศ. 2334 | พระราชโอรสในพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร เสียเอกราชแก่สยามในปี พ.ศ. 2322 | ||
3 | พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช (เจ้าหน้า) |
พ.ศ. 2334 | 20 สิงหาคม
พ.ศ. 2354[4] |
พระโอรสพระวรราชปิตาแห่งหนองบัวลำภู เชื้อสายเจ้าอุปราชนองเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ ได้เป็นเจ้าประเทศราชผู้ครองนครจำปาศักดิ์ในชั้นพระสุพรรณบัฏ โดยได้ความชอบในการปราบปรามกบฏอ้ายเชียงแก้ว พระอนุชาของพระปทุมววรราชสุริยวงษ (ท้าวคำผง) แห่งเมืองอุบลราชธานีศรีวะนาไลประเทษราช ในสมัยพระวิไชยฯ นี้เองเป็นเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานจารึกพระนามเจ้าประเทศราชในชั้นพระสุพรรณบัฏ (สูงสุด) องค์สุดท้าย หลังจากนี้เจ้านครจำปาศักดิ์ถูกลดฐานะเจ้าผู้ครองนครลงมาเป็นเพียงชั้นหิรัญบัฏเเละสัญญาบัตร | ||
4 | เจ้านู | ตุลาคม
พ.ศ. 2354 |
21 ตุลาคม[5]
พ.ศ. 2354 |
พระราชโอรสในพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร ถึงแก่พิราลัยหลังรับสัญญาบัตรเจ้าเมืองได้ 3 วัน | ||
5 | เจ้าหมาน้อย | พ.ศ. 2356 | พ.ศ. 2360 | พระราชนัดดาในพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร | ||
6 | เจ้าราชบุตร (โย้) | พ.ศ. 2362 | พ.ศ. 2370 | พระราชโอรสในเจ้าอนุวงศ์ ร่วมกับเจ้าอนุวงศ์ประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากไทยในปี พ.ศ. 2369 - 2370 | ||
7 | เจ้าฮุย | พ.ศ. 2371 | พ.ศ. 2383 | พระราชนัดดาในพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร | ||
8 | เจ้านาค | พ.ศ. 2384 | พ.ศ. 2393 | พระเชษฐาของเจ้าฮุย | ||
9 | เจ้าบัว | พ.ศ. 2396 | พ.ศ. 2398 | หนังสือ ลำดับกษัตริย์ลาว ระบุว่า ยุคนี้ว่างเจ้าผู้ครองนคร 5 ปี (2394-98) | ||
10 | เจ้ายุติธรรมสุนทร (คำใหญ่) | พ.ศ. 2399 | พ.ศ. 2401 | พระราชโอรสในเจ้าฮุย หลังถึงแก่พิราลัย เจ้าอุปราช (จู) รักษาราชการแทน | ||
11 | เจ้ายุติธรรมธร (คำสุก ณ จำปาศักดิ์) | พ.ศ. 2405 | พ.ศ. 2443 | พระราชโอรสในเจ้าฮุย พระราชอนุชาในเจ้ายุติธรรมสุนทร (คำใหญ่) | ||
12 | เจ้ายุติธรรมธร (หยุย ณ จำปาศักดิ์) | พ.ศ. 2443 | พ.ศ. 2489 | พระราชโอรสในเจ้ายุติธรรมธร (คำสุก ณ จำปาศักดิ์) หลัง พ.ศ. 2446 ฝรั่งเศสลดฐานะเป็นผู้ว่าราชการนครจำปาศักดิ์ ต่อมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครจัมปาศักดิ์ ภายใต้การปกครองของไทย พ.ศ. 2484 - 2489 |
ลำดับ | พระรูป | รายพระนาม | ครองราชย์ | สิ้นสุด | หมายเหตุ | ||
---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | เจ้ากิ่งกิสราช | พ.ศ. 2246 | พ.ศ. 2265 | พระราชนัดดาในพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช | |||
2 | เจ้าองค์คำ | พ.ศ. 2265 | พ.ศ. 2266 | พระราชโอรสในเจ้าอินทรกุมาร เชื้อสายกษัตริย์เมืองเชียงรุ้ง | |||
3 | เจ้าอินทโฉม | พ.ศ. 2266 | พ.ศ. 2292 | พระราชอนุชาในเจ้ากิ่งกิสราช | |||
4 | เจ้าอินทพรหม | พ.ศ. 2292 | พ.ศ. 2293 | พระราชโอรสในเจ้าอินทโฉม ครองราชย์ 8 เดือน จึงถวายราชสมบัติให้เจ้าโชติกะ | |||
5 | เจ้าโชติกะ | พ.ศ. 2293 | พ.ศ. 2314 | พระเชษฐาองค์โตในเจ้าอินทพรหม | |||
6 | เจ้าสุริยวงศ์ | พ.ศ. 2314 | พ.ศ. 2334 | พระราชอนุชาในเจ้าโชติกะ เสียเอกราชแก่สยามเมื่อปี พ.ศ. 2322 | |||
7 | เจ้าอนุรุทธ | พ.ศ. 2334 | พ.ศ. 2359 | พระราชโอรสองค์ที่ 2 ในเจ้าอินทโฉม พระเชษฐาในเจ้าสุริยวงศ์ | |||
8 | เจ้ามันธาตุราช | พ.ศ. 2359 | พ.ศ. 2378 | พระราชโอรสในเจ้าอนุรุทธ | |||
9 | เจ้าสุกเสริม | พ.ศ. 2381 | พ.ศ. 2393 | พระราชโอรสในเจ้ามันธาตุราช | |||
10 | พระเจ้าจันทรเทพประภาคุณ (เจ้าจันทราช) |
พ.ศ. 2395 | พ.ศ. 2414 | พระราชอนุชาในเจ้าสุกเสริม | |||
11 | พระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร (เจ้าอุ่นคำ) |
พ.ศ. 2415 | พ.ศ. 2431 | พระราชอนุชาในพระเจ้าจันทรเทพประภาคุณ พระราชโอรสในเจ้ามันธาตุราช, เกิดเหตุโจรจีนฮ่อยกทัพปล้นสะดมตามหัวเมืองลาวต่างๆ เป็นเวลาหลายปี เมืองหลวงพระบางถูกเผาจากเหตุการณ์ครั้งนี้, รัชกาลที่ 5 ทรงให้ออกจากตำแหน่งเจ้านครหลวงพระบาง ฐานหย่อนสมรรถภาพ และอยู่ในฐานะจางวางเจ้าประเทศราช, ถึงแก่พิราลัยใน พ.ศ. 2438 | |||
12 | พระเจ้าสักรินทรฤทธิ์ (เจ้าคำสุก) |
พ.ศ. 2432 | พ.ศ. 2448 | พระราชโอรสในพระเจ้ามหินทรเทพนิภาธร สมัยนี้ดินแดนลาวตกเป็นของฝรั่งเศส | |||
13 | พระเจ้าศรีสว่างวงศ์ | พ.ศ. 2447 | พ.ศ. 2488 | พระราชโอรสในพระเจ้าสักรินทรฤทธิ์ หลัง พ.ศ. 2488 ทรงเปลี่ยนพระราชฐานะเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรลาว |
(ພຣະຣາຊອານາຈັກລາວ) | ||||||
ลำดับ | พระรูป | รายพระนาม | ครองราชย์ | สิ้นสุด | หมายเหตุ | |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | พระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ | พ.ศ. 2488 | พ.ศ. 2502 | ก่อนหน้านี้มีพระอิสริยยศเป็น พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง | ||
2 | พระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา |
พ.ศ. 2502 | พ.ศ. 2518 | สละราชสมบัติ หลังพรรคประชาชนปฏิวัติลาวเข้ากุมอำนาจรัฐสำเร็จ ต่อมาถูกส่งตัวไปค่ายสัมมนาที่เมืองเวียงชัย และเสด็จสวรรคตที่นั่น |
ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์ลาว
[แก้]ลำดับ | พระรูป | รายพระนาม | ครองราชย์ | สิ้นสุด | หมายเหตุ | ||
---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | พระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา | พ.ศ. 2518 | พ.ศ. 2521?2527 | อ้างสิทธิในราชบัลลังก์ลาว หลังถูกถอดออกจากราชสมบัติ | |||
2 | สมเด็จเจ้าฟ้าชายมกุฎราชกุมารวงศ์สว่าง | พ.ศ. 2521 | พ.ศ. 2524 | ||||
3 | สมเด็จเจ้าฟ้าชายสุริวงศ์สว่าง | พ.ศ. 2524 | ปัจจุบัน | พระโอรสในเจ้าฟ้าชายมกุฎราชกุมารวงศ์สว่าง |
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ http://www.royalark.net/Laos/lanxang1.htm
- ↑ "พงศาวดารย่อเมืองเวียงจันทน์ - วิกิซอร์ซ". th.wikisource.org.
- ↑ นางชาญสงคราม (แฉล้ม ชาลีจันทน์).พงศาวดารเมืองล้านช้าง และลำดับสกุลชาลีจันทร์ ราชตระกูลล้านช้างเวียงจันทน์.กรมศิลปากรเผยแพร่ไฟล์ดิจิตอล.พงศาวดารเมืองล้านช้าง.หน้า36
- ↑ หม่อมอมรวงศ์วิจิตร (ม.ร.ว.ปฐม คเนจร).2458.พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาน.หน้า27
- ↑ หม่อมอมรวงศ์วิจิตร (ม.ร.ว.ปฐม คเนจร).2458.พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาน.หน้า28
- เติม วิภาคย์พจนกิจ. ประวัติศาสตร์อีสาน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2546.
- คำหมั้น วงกตรัตนะ,เจ้า.พงศาวดารชาติลาว. พิมพ์ครั้งที่ 2 .เวียงจันทน์:หอสมุดแห่งชาติ.1971.
- สุรศักดิ์ ศรีสำอาง. ลำดับกษัตริย์ลาว. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร. 2545.