ราชวงศ์ที่สิบเก้าแห่งอียิปต์
ราชวงศ์ที่สิบเก้าแห่งอียิปต์ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1292 ปีก่อนคริสตกาล–1189 ปีก่อนคริสตกาล | |||||||||
อียิปต์และจักรวรรดิฮิตไทต์ในช่วงสมรภูมิคาเดช (1274 ปีก่อนคริสตกาล) | |||||||||
เมืองหลวง | ธีบส์, ภายหลัง เมมฟิส และ ไฟ-รามเสส | ||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาอียิปต์ | ||||||||
ศาสนา | ศาสนาอียิปต์โบราณ | ||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ | ||||||||
ฟาโรห์ | |||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ยุคสัมฤทธิ์ | ||||||||
• ก่อตั้ง | 1292 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||
• สิ้นสุด | 1189 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||
|
สมัยและราชวงศ์ของอียิปต์โบราณ |
---|
ทั้งหมดก่อนคริสต์ศักราช |
ดูเพิ่ม: รายชื่อฟาโรห์ตามช่วงเวลาและราชวงศ์ |
ราชวงศ์ที่สิบเก้าแห่งอียิปต์ หรือที่เรียกว่า ราชวงศ์แรเมซีส[1] จัดเป็นราชวงศ์ลำดับที่สองในสมัยช่วงราชอาณาจักรใหม่ของอียิปต์โบราณ ซึ่งปกครองนับตั้งแต่ 1292 ปีก่อนคริสตกาล ถึง 1189 ปีก่อนคริสตกาล นอกจากนี้ ราชวงศ์ที่สิบเก้าและราชวงศ์ที่ยี่สิบยังรวมกันกลุ่มของราชวงศ์ที่อยู่ในยุคที่เรียกว่า ยุครามเสส ราชวงศ์ดังกล่าวสถาปนาขึ้นโดยราชมนตรีรามเสสที่ 1 ซึ่งฟาโรห์ฮอร์เอมเฮบทรงเลือกให้เป็นผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์
ประวัติราชวงศ์
[แก้]เบื้องหลังของราชวงศ์ที่สิบเก้า
[แก้]ฟาโรห์นักรบในช่วงต้นราชวงศ์ที่สิบแปดแห่งอียิปต์ทรงต้องเผชิญกับการต่อต้านเพียงเล็กน้อยจากอาณาจักรใกล้เคียง ทำให้สามารถขยายขอบเขตอิทธิพลได้อย่างง่ายดาย แต่สถานการณ์ระหว่างประเทศได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ ชาวฮิตไทต์ค่อยๆ ขยายอิทธิพลเข้าไปในซีเรียและคานาอันจนกลายเป็นอำนาจสำคัญในการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นอำนาจที่ทั้งฟาโรห์เซติที่ 1 และฟาโรห์รามเสสที่ 2 ซึ่งเป็นพระราชโอรสจะเผชิญหน้ากันในอนาคต
ราชวงศ์ที่สิบเก้าแห่งอียิปต์
[แก้]ฟาโรห์เซติที่ 1 และฟาโรห์รามเสสที่ 2
[แก้]ราชอาณาจักรใหม่แห่งอียิปต์มาถึงจุดสูงสุดของอำนาจภายใต้การปกครองของฟาโรห์เซติที่ 1 และฟาโรห์รามเสสที่ 2 ("มหาราช") ซึ่งดำเนินการทางทหารต่อต้านชาวลิเบียและชาวฮิตไทต์อย่างจริงจัง โดยที่เมืองคาเดชถูกฟาโรห์เซติที่ 1 ยึดได้เป็นครั้งแรก ซึ่งตัดสินใจยอมจำนนต่อมูวาตัลลิที่ 2 แห่งฮิตไทต์ในสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างอียิปต์กับฮิตไทต์ ต่อมาฟาโรห์รามเสสที่ 2 พยายามแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวไม่สำเร็จในปีที่ 5 ของพระองค์โดยเริ่มโจมตีที่คาเดช ในการดำเนินการทางทหารซีเรียครั้งที่สองใน 1274 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ทรงถูกจับได้ในการซุ่มโจมตีทางทหารครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ด้วยการมาถึงของเน'อะริน (ซึ่งเป็นกองกำลังพันธมิตรกับอียิปต์) ฟาโรห์รามเสสทรงสามารถรวบรวมกองกำลังของพระองค์และเปลี่ยนกระแสของการสู้รบกับชาวฮิตไทต์ ต่อมาฟาโรห์รามเสสที่ 2 ทรงได้รับผลประโยชน์จากความระหองระแหงภายในของชาวฮิตไทต์ ในช่วงปีที่ 8 และ 9 ของการครองราชย์ เมื่อพระองค์ทรงดำเนินการทางทหารต่อต้านการครอบครองในซีเรีย ทรงยึดเมืองคาเดชและบางส่วนของซีเรียตอนใต้ และบุกขึ้นไปทางเหนือถึงเมืองทูนิป ซึ่งไม่ทหารอียิปต์เข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวเลยเป็นเวลา 120 ปี ในที่สุดพระองค์ก็ยอมรับว่าการดำเนินการทางทหารต่อต้านชาวฮิตไทต์เป็นการระบายคลังและการทหารของอียิปต์ ในปีที่ 21 แห่งการครองราชย์ ฟาโรห์รามเสสทรงได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพฉบับแรกที่สุดกับกษัตริย์ฮัตตูซิลิที่ 3 ซึ่งเป็นผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของกษัตริย์อูร์ฮิ-เทชุบ และด้วยการกระทำดังกล่าวความสัมพันธ์ระหว่างอียิปต์กับฮิตไทต์ก็ดีขึ้นอย่างมาก ฟาโรห์รามเสสที่ 2 ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงชาวฮิตไทต์สองคน โดยทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงพระองค์แรกหลังจากเทศกาลเซดครั้งที่สองของพระองค์
ฟาโรห์เมอร์เนพทาห์และผู้ปกครองพระองค์อื่น ๆ
[แก้]ราชวงศ์ที่สิบเก้าเสื่อมอำนาจลง เนื่องจากการแย่งชิงพระราชบัลลังก์ระหว่างรัชทายาทของฟาโรห์เมอร์เนพทาห์เพิ่มมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าฟาโรห์อเมนเมสเซทรงแย่งชิงพระราชบัลลังก์จากพระราชโอรสและผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของฟาโรห์เมอร์เนพทาห์พระนามว่า ฟาโรห์เซติที่ 2 แต่พระองค์ทรงปกครองอียิปต์เพียงสี่ปี หลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคต ฟาโรห์เซติที่ 2 ก็ทรงฟื้นคืนอำนาจและทำลายอนุสรณ์สถานส่วนใหญ่ของฟาโรห์อเมนเมสเซ ฟาโรห์เซติที่ 2 ทรงได้รับการรับใช้ในราชสำนักโดยอัครมหาเสนาบดีไบย์ ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียง 'อาลักษณ์หลวง' แต่ได้กลายมาเป็นหนึ่งในบุรุษที่มีอำนาจมากที่สุดในอียิปต์อย่างรวดเร็ว โดยได้รับสิทธิพิเศษอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในการสร้างสุสานของเขาเองในหุบเขาแห่งกษัตริย์ (เควี 13) ทั้งอัครมหาเสนาบดีไบย์และพระอัครมเหสีของฟาโรห์เซติที่ 2 นามว่า ทวอสเรต ต่างก็มีชื่อเสียงในทางลบในตำนานพื้นบ้านของอียิปต์โบราณ[2] หลังจากการสวรรคตของฟาโรห์ซิพทาห์ พระนางทวอสเรตก็ทรงปกครองอียิปต์ต่อไปอีกสองปี แต่พระองค์พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถรักษาอำนาจของพระองค์ไว้ได้ท่ามกลางการสมรู้ร่วมคิดและการแสดงอำนาจที่ฟักตัวในราชสำนัก พระองค์น่าจะทรงถูกขับไล่ในการก่อกบฏที่นำโดยฟาโรห์เซตนัคห์เต ซึ่งเป็นผู้สถานปนาราชวงศ์ที่ยี่สิบแห่งอียิปต์
รายพระนามฟาโรห์
[แก้]ฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่สิบเก้าทรงปกครองเป็นเวลาประมาณ 110 ปี นับตั้งแต่ราว 1292 ถึง 1187 ปีก่อนคริสตกาล ฟาโรห์หลายพระองค์ทรงถูกฝังพระบรมศพอยู่ในหุบเขากษัตริย์ในธีบส์ (เควี) สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Theban Mapping Project[3]
ฟาโรห์ | รูปภาพ | พระนามครองราชย์/พระนามประสูติ | รัชสมัย | สถานที่ฝังพระบรมศพ | พระมเหสี/พระสวามี |
---|---|---|---|---|---|
รามเสสที่ 1 | เมนเพติเร | 1292–1290 ปีก่อนคริสตกาล | เควี 16 | ซิตเร | |
เซติที่ 1 | เมนมาอัตเร | 1290–1279 ปีก่อนคริสตกาล[4] | เควี 17 | (มัต-)ทูยา | |
รามเสสที่ 2 | ยูเซอร์มาอัตเร เซเทปเอนเร | 1279–1213 ปีก่อนคริสตกาล | เควี 7 | เนเฟอร์ทาริ
ไอเซตโนเฟรต มาอัตฮอร์เนเฟรูเร เมริตอาเมน บินทานาธ เนเบตทาวี เฮนุตมิเร | |
เมอร์เนพทาห์ | บาเอนเร เมริเนทเจรู | 1213–1203 ปีก่อนคริสตกาล | เควี 8 | ไอเซตโนเฟรตที่ 2 | |
เซติที่ 2 | ยูเซอร์เคเปอร์เร เซเทปเอนเร | 1203–1197 ปีก่อนคริสตกาล | เควี 15 | ทาคัต? | |
อเมนเมสเซ | เมนมิเร เซเทปเอนเร | 1201–1198 ปีก่อนคริสตกาล | เควี 10 | ไม่ทราบ | |
ซิพทาห์ | เซคอาอิเอนเร เมริอามุน, ภายหลัง อัคเอนเร เซเทปเอนเร | 1197–1191 ปีก่อนคริสตกาล | เควี 47 | ไม่ทราบ | |
ทวอสเรต | ซิตเร เมริอามุน | 1191–1189 ปีก่อนคริสตกาล | เควี 14 | เซติที่ 2? |
เส้นเวลาของราชวงศ์ที่สิบเก้าแห่งอียิปต์
[แก้]ระเบียงภาพ
[แก้]-
เซติที่ 1
-
รามเสสที่ 2
-
ทวอสเรต
-
ชวาบติแห่งซิพทาห์
-
อัครมหาเสนาบดีไบย์
-
เซติที่ 2
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "The Rise of the Ramessides: How a Military Family from the Nile Delta Founded One of Egypt's Most Celebrated Dynasties". www.arce.org. สืบค้นเมื่อ 2021-09-20.
- ↑ Grimal, p. 270
- ↑ "Sites in the Valley of the Kings". Thebanmappingproject.com. สืบค้นเมื่อ 2012-09-22.
- ↑ J. von Beckerath (1997) (in German). Chronologie des Äegyptischen Pharaonischen. Phillip von Zabern. p. 190