ข้ามไปเนื้อหา

ฟาโรห์อไมร์เตอุส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อไมร์เตอุส (กรีก: Ἀμυρταῖος Amyrtaios ซึ่งเป็นพระนามภาษากรีก โดยมีพระนามภาษาอียิปต์โบราณว่า อเมนอิร์ดิซู) แห่งซาอิส เป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณเพียงพระองค์เดียวจากราชวงศ์ที่ยี่สิบแปดแห่งอียิปต์[2] และสันนิษฐานว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเชื้อพระวงศ์ที่มาจากราชวงศ์ที่ยี่สิบหกแห่งอียิปต์ (ระหว่าง 664 – 525 ปีก่อนคริสตกาล) พระองค์ทรงต่อต้านการยึดครองของชาวเปอร์เซียครั้งแรกเหนือราชอาณาจักรอียิปต์ได้สำเร็จ (ราชวงศ์ที่ยี่สิบเจ็ดแห่งอียิปต์ ซึ่งปกครองระหว่าง 525 – 404 ปีก่อนคริสตกาล) และทรงครองราชย์ตั้งแต่ 404 จนถึง 399 ปีก่อนคริสตกาล[3] การที่ฟาโรห์อไมร์เตอุสได้ทรงลุกฮือต่อต้านจักรวรรดิอะคีเมนิดและทรงประสบความสำเร็จนั้น ได้ทำให้ราชอาณาจักรอียิปต์กลับมามีอิสรภาพอีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้ายในนามของรัฐอิสระของชนพื้นเมืองชาวอียิปต์ ซึ่งได้กินระยะเวลาไปประมาณ 60 ปี จนกระทั่งชาวเปอร์เซียยึดครองราชอาณาจักรอียิปต์อีกครั้ง[4]

พระราชประวัติ

[แก้]

หลักฐานและการมีตนตัว

[แก้]

เซกตัส จูเลียส แอฟริกานัส ได้ขานพระนามของพระองค์ว่า "อไมร์ทีออส (Amyrteos)" แต่ในขณะที่ยูเซเบียสแห่งซีซาเรีย ได้ขานพระนามของพระองค์ว่า "อมิร์ไทออส (Amirtaios)"[2] ซึ่งทั้งคู่บันทึกว่า พระองค์ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา 6 ปี ในบันทึกคำพยากรณ์อียิปต์โบราณหรือประชุมพงศาวดารเดมอติก (เขียนขึ้นราวศตวรรษที่ 3/2 ก่อนคริสตกาล) ได้กล่าวว่า:

ผู้ปกครองพระองค์แรกที่ปกครองต่อจากชาวต่างชาติที่เป็นชาวมีเดีย [เปอร์เซีย] คือฟาโรห์อเมนอิร์ดาอิส [อมิร์ไทออส]

— จากประชุมพงศาวดารเดมอติก[5]>

ฟาโรห์อไมร์เตอุสน่าจะเป็นหลานชายของอไมร์เตอุสแห่งซาอิส ซึ่งเป็นผู้นำการก่อกบฏระหว่าง 465 ปีก่อนคริสตกาล และ 463 ปีก่อนคริสตกาล ต่อผู้ปกครองท้องถิ่นของกษัตริย์อาร์ตาเซอร์ซีสที่ 1 ร่วมกับผู้ปกครองกบฏนามว่า อินารอสที่ 2 ผู้ซึ่งเป็นพระราชนัดดาของฟาโรห์พซัมเตกที่ 3[2] พระองค์เป็นที่ทราบจากแหล่งบันทึกภาษาอาราเมคและกรีกโบราณ และถูกกล่าวถึงในประชุมพงศาวดารเดมอติกว่าเป็น "ผู้ปกครองที่แทบจะไม่มีใครทราบเลย"[3] ไม่ทราบว่าพระองค์ทรงมีอนุสาวรีย์ใดบ้าง[6] และพระนามของพระองค์ในภาษาอียิปต์ได้รับการขนานพระนามขึ้นใหม่จากคำบอกกล่าวในประชุมพงศาวดารเดมอติกเท่านั้น ไม่พบการเขียนพระนามของพระองค์แบบอักษรอียิปต์โบราณ[2][7]

เหรียญดาริกของกษัตริย์อาร์ตาเซอร์ซีสที่ 2 ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ฟาโรห์อไมร์เตอุสทรงก่อกบฏจากกาบิเนต์ เด เมไดลล์ กรุงปารีส

การก่อกบฏและการครองราชย์

[แก้]

ก่อนหน้าที่พระองค์จะทรงขึ้นครองพระราชบัลลังก์แห่งอียิปต์นั้น ฟาโรห์อไมร์เตอุสได้ทรงก่อกบฏต่อกษัตริย์ดาริอัสที่ 2 แห่งจักรวรรดิอะคีเมนิด (ปกครองระหว่าง 423 – 404 ปีก่อนคริสตกาล) ในช่วงเวลาที่เร็วที่สุดประมาณ 411 ปีก่อนคริสตกาล โดยทรงเป็นผู้นำการรบแบบกองโจรในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ฝั่งทางตะวันตกรอบ ๆ เมืองซาอิส ซึ่งเป็นสถานที่พระราชสมภพของพระองค์[3]

หลังจากการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์ดาริอัส ฟาโรห์อไมร์เตอุสก็ทรงประกาศพระองค์ขึ้นเป็นฟาโรห์ในช่วง 404 ปีก่อนคริสตกาล[3] ตามคำกล่าวของไอโซเครติส กษัตริย์อาร์ตาเซอร์ซีสที่ 2 ได้ทรงรวบรวมกองทัพในฟีนิเซียภายใต้บัญชาการของอาโบรโคมัส เพื่อยึดอียิปต์คืนหลังจากขึ้นครองพระราชบัลลังก์เปอร์เซียได้เพียงระยะเวลาไม่นาน แต่ปัญหาทางการเมืองกับไซรัส ผู้เยาว์ ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระองค์ได้ขัดขวางไม่ให้เกิดการปราบปรามกบฏในอียิปต์ จึงปล่อยให้ชาวอียิปต์มีเวลาเพียงพอที่จะทำให้ตนเองหลุดออกจากการปกครองของจักรววรดิอะคีเมนิด ในขณะที่การปกครองของฟาโรห์อไมร์เตอุสในบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำฝั่งตะวันตกได้สถาปนาขึ้นในช่วง 404 ปีก่อนคริสตกาล แต่กษัตริย์อาร์ตาเซอร์ซีสที่ 2 ก็ยังคงทรงได้รับการยอมรับว่าเป็นฟาโรห์ที่แอลเลเฟนไทน์จนถึงช่วง 401 ปีก่อนคริสตกาล แต่ในบันทึกภาษาอรามาอิกจากบริเวณดังกล่าวได้กล่าวถึง ปีที่ 5 แห่งการครองราชย์ของฟาโรห์อไมร์เตอุสในช่วงเดือนกันยายน ราว 400 ปีก่อนคริสตกาล[8][9] และบันทึกแห่งแอลเลเฟนไทน์ยังได้แสดงให้เห็นด้วยว่าในช่วงระหว่าง 404 ถึง 400 ปีก่อนคริสตกาล (หรือ 398 ปีก่อนคริสตกาล) อียิปต์บนยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเปอร์เซียอยู่ ในขณะที่กองกำลังของฟาโรห์อไมร์เตอุสนั้นปกครองอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์

สฟิงซ์ของฟาโรห์เนเฟริเตสที่ 1 จากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงปารีส

ในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกนามว่า ดิโอโดรัส ซิคูลัส ได้บันทึกไว้ใน Bibliotheca Historicala (XIV, 35.3–5) ว่า กษัตริย์พระองค์หนึ่งพระนามว่า พซัมเตก (Psamtik) ซึ่งดูเหมือนจะระบุถึงฟาโรห์อไมร์เตอุส[2] บางทีอาจเป็น "พซัมเตก" พระนามที่สูญหายหายไปของพระองค์[6] ซึ่งได้ทรงสังหารนายพลชาวกรีกนามว่า ทามอส ผู้ซึ่งได้ลี้ภัยในราชอาณาจักรอียิปต์หลังจากความพ่ายแพ้ของการก่อกบฏของไซรัส[10] หากข้อเท็จจริงนั้นถูกต้องจะทำให้ดูเหมือนว่า ฟาโรห์อไมร์เตอุสจะทรงกระทำในลักษณะนี้เพื่อทรงเอาใจกษัตริย์อาร์ตาเซอร์ซีสที่ 2[2] และเป็นไปได้ว่าฟาโรห์อไมร์เตอุสทรงเข้าไปเป็นพันธมิตรกับชาวสปาร์ตาโดยนัยว่า อียิปต์ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสปาร์ตาเพื่อแลกกับเมล็ดธัญพืช[6]

การล่มสลายและการสวรรคต

[แก้]

ฟาโรห์อไมร์เตอุสได้ทรงพ่ายแพ้ในการต่อสู้เปิดโดยผู้ปกครองต่อจากพระองค์นามว่า ฟาโรห์เนเฟริเตสที่ 1 แห่งเมนเดส[11] และทรงถูกสำเร็จโทษที่เมืองเมมฟิส ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ปรากฏในบันทึกปาปิรุสอราเมอิกบรูคลินหมายเลข 13 ได้กล่าวเป็นนัยว่าน่าจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ราว 399 ปีก่อนคริสตกาล หลังจากนั้น ฟาโรห์เนเฟริเตสที่ 1 ก็ทรงย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองเมนเดส (บริเวณอียิปต์ล่าง)[2] ไม่ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปกครอง การล่มสลายและการสวรรคตของ ฟาโรห์อไมร์เตอุสอีกเลย โดยฟาโรห์เนเฟริเตสที่ 1 ทรงครองราชย์จนถึง 393 ปีก่อนคริสตกาล และมีพระราชโอรสทรงสืบทอดราชสมบัติต่อในพระนามฟาโรห์ฮาคอร์

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Amyrtaeus in hieroglyphs".
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 Cimmino 2003, p. 385.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 Clayton 1999, p. 202.
  4. Lloyd 2003, p. 377.
  5. The Demotic Chronicle
  6. 6.0 6.1 6.2 "Amyrtaeus - Livius". www.livius.org (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-05-05.
  7. Clayton 1999, pp. 201, 203.
  8. Sachau, Eduard (1909). "Ein altaramareischer Papyrus aus der Zeit der aegyptischen Koenigs Amyrtaeus", in Florilegium: ou, Recueil de travaux d'érudition dédiés à monsieur le marquis Melchior de Vogüé à l'occasion du quatre-vingtième anniversaire de sa naissance, 18 octobre 1909. Paris: Imprimerie Nationale. pp. 529-538.
  9. Cowley, Arthur (1923). Aramaic papyri of the fifth century B.C. Oxford: Clarendon Press. pp. 129–131.
  10. Kuhrt, Amélie (2013-04-15). The Persian Empire: A Corpus of Sources from the Achaemenid Period (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN 9781136017025.
  11. Cimmino 2003, p. 388.

บรรณานุกรม

[แก้]
  • Cimmino, Franco (2003). Dizionario delle Dinastie Faraoniche. Milan: Bompiani. ISBN 978-8845255311.
  • Clayton, Peter A. (1999). Chronicles of the Pharaohs. London: Thames and Hudson. ISBN 978-0500050743.
  • Lemaire, A. (1995). La fin de la première période perse in Égypte et la chronologie judéene vers 400 av. J.-C., Transeuphratène 9, Leuven: Peeters Publishers. pp. 51–61.
  • Lloyd, Alan B. (2003). The Late Period, in The Oxford History of Ancient Egypt, edited by I. Shaw. Oxford: University Press. ISBN 978-0192804587.
  • Perdu, O. (2010). Saites and Persians (664—332), in A.B. Lloyd (ed.), A Companion to Ancient Egypt Chichester: Wiley-Blackwell. ISBN 978-1118785140. pp. 140–58 (at pp. 153–7).
  • Ray, J.D. (1987). Egypt: Dependence and Independence (425-343 B.C.), in: Achaemenid History I: Sources, Structures, and Syntheses, edited by H. Sancisi-Weerdenburg. Leiden: Nederlands Instituut voor het Nabije Oosten. pp. 79–95.