ผลต่างระหว่างรุ่นของ "งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์"
ล ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 374: | บรรทัด 374: | ||
|} |
|} |
||
<br /> |
|||
== ผลงานเพลง == |
|||
* ลูกมาร์คไม่ใช่ลูกหมาก – [[มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]] |
|||
====เนื้อเพลง==== |
|||
<br>ตัวของผมนั้นชื่อลูกมาร์ค |
|||
<br>อยู่กับเพื่อนเพื่อนเรียกลูกหมาก |
|||
<br>พ่อแม่เรียกเรียก ไอ้มาร์ค |
|||
<br>ตุ๊ดแต่งตัวตุ้งติ้งติ๊งต๊อง |
|||
<br>[**]มาร์ค ม่าร์คมาร์คมาร์ค ม๊าร์คม่าร์คมาร์คม่าก มาร์คมาก |
|||
<br>มามะมาเชียร์ลูกมาร์ค ลูกมาร์คไม่ใช่ลูกหมาก |
|||
<br>ชักกะแด่ว/ไอไหรหนิ |
|||
<br>ฉันก็มีความฝัน |
|||
<br>(และ) เป็นฝันที่แม่เคยฝัน |
|||
<br>(และ) ที่คนธรรมดาไม่กล้าฝัน |
|||
<br>(และ) เป็นฝันที่เค้าให้มา |
|||
<br>งานบอลปี 74 พวกเราชาวลูกปรีดี |
|||
<br>ต้องทุบจุฬาสักที.....เนี่ยลุกมาร์คแม่ทัพปีนี้ |
|||
<br>ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดชิดเข้าไปอีกหน่อย |
|||
<br>มาเชียร์ลูกมาร์คตัวน้อย 18 ตุลาคม นี้ |
|||
<br>ลากมูกลูกมาร์คลามู เหมียวเอยกลอยใจหวานกรุบ |
|||
<br>บะลัก บะลัก บะลึกอุก |
|||
<br>ปัง ปัง ปังปูริเย้ว |
|||
<br>(ซ้ำ {*) |
|||
<br>(แร็บ) มามาพวกเติ้นมาฟัง (สำเนียงแหลงใต้) |
|||
<br>แล้วเดี๋ยวนุ้ยจะเล่าให้ฟัง |
|||
<br>ว่างานบอลนั้นมีไรมั้ง |
|||
<br>มามามามาตะมาฟัง |
|||
<br>ล้อการเมือง/แปรอักษร/แลนักบอล/สแตนเชียร์/เชียร์ลีดเดอร์ |
|||
<br>แล้วอย่าลืมมาเชียร์แม่ทัพเชียร์ |
|||
<br>(ซ้ำ {*) |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:49, 6 มกราคม 2563
งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ | |
Chula–Thammasat Traditional Football Match | |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
ข้อมูลทั่วไป | |
แข่งขันนัดแรก | 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477 |
สนามแข่งขันนัดแรก | ท้องสนามหลวง |
เจ้าภาพครั้งแรก | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
เจ้าภาพครั้งล่าสุด | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
ชนะติดต่อกันมากที่สุด | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 31 - 34 |
สนามแข่งขันประจำ | สนามศุภชลาศัย |
รางวัล | ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว |
ช่องทางรับชม | สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 (ครั้งที่ 42-50 // ความคมชัดมาตรฐาน, อนาล็อก) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ครั้งที่ 50-71, 73 - ปัจจุบัน // อนาล็อกช่วงแรก, ดิจิทัลความคมชัดสูงตั้งแต่ครั้งที่ 73 เป็นต้นไป) |
สัญลักษณ์ประจำทีมจุฬาฯ | พระเกี้ยว |
สัญลักษณ์ประจำทีมธรรมศาสตร์ | ธรรมจักร |
จำนวนครั้งที่ชนะ | |
จุฬาฯ | ธรรมศาสตร์ |
17 | 24 |
จำนวนครั้งที่เสมอ | |
32 |
งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ หรือ งานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ (หากมหาวิทยาลัยใดเป็นเจ้าภาพจะได้รับเกียรติเป็นชื่อขึ้นต้น) เป็นการแข่งขันฟุตบอลประเพณีระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2 มหาวิทยาลัยเก่าแก่ของประเทศไทย เริ่มจัดกิจกรรมครั้งแรกในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477[1] แต่ละมหาวิทยาลัยจะสลับกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทุกปี ชื่อของมหาวิทยาลัยที่เป็นเจ้าภาพจะได้รับเกียรติให้ขึ้นต้นชื่องานฟุตบอลประเพณีในปีนั้น สถานที่จัดการแข่งขันจะไม่สลับตามเจ้าภาพ แต่จะจัดงานที่สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ เป็นประจำทุกปี กองเชียร์ของมหาวิทยาลัยเจ้าภาพจะใช้อัฒจันทร์ฝั่งทิศเหนือ อีกฝ่ายจะใช้อัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้
กิจกรรมภายในงานอาจแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การแข่งขันฟุตบอล และกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างนิสิตจุฬาฯ กับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เช่น การเดินพาเหรด การเชียร์ การแปรอักษร ขบวนพาเหรดล้อการเมืองและกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์[2] ในทุกๆ ปี บรรยากาศภายในงานจะถ่ายทอดสดผ่านทาง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ตามลำดับ ยกเว้น ครั้งที่ 70 (มีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่องไบรต์ทีวีร่วมอยู่ด้วย) และ ครั้งที่ 72 ที่ถ่ายทอดสดเฉพาะช่องไทยรัฐทีวีในระบบความคมชัดสูง[3] รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการจัดงานทุกปีจะนำไปบริจาคเป็นสาธารณกุศล[1]
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาทรงเป็นผู้อัญเชิญธรรมจักร สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าสู่สนามศุภชลาศัย เมื่อครั้งยังทรงศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในงานฟุตบอลประเพณีครั้งที่ 54[4] สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาทรงเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวสัญลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อครั้งยังทรงศึกษาที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในงานฟุตบอลประเพณีครั้งที่ 62[5]
ผลการแข่งขันถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชนะ 24 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชนะ 17 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง
ประวัติ
งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2477 โดยกลุ่มนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อสร้างความสามัคคีนิสิตในหมู่นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัย เนื่องจากมุมมองของนักเรียนในสมัยก่อนว่า ผู้เข้าศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสำเร็จมัธยมศึกษา ส่วนผู้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ชื่อในขณะนั้น) ไม่สำเร็จมัธยมศึกษา ทำให้มีการดูถูกกันหรือไม่สนิทสนมกันเหมือนเดิม จึงเป็นแรงบันดาลใจให้นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมสานความสามัคคีและสร้างความปรองดองระหว่างกัน โดยมีแบบอย่างจากการแข่งขันเรือประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร และการแข่งขันเบสบอลประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยเคโอและมหาวิทยาลัยวาเซดะในประเทศญี่ปุ่น แต่กลุ่มผู้ริเริ่มถนัดและสนใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เมื่ออยู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จึงตกลงที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลขึ้น
ผู้ริเริ่มฝ่ายจุฬาฯ ประกอบด้วย ประถม ชาญสันต์ เป็นหัวหน้านิสิตคณะอักษรศาสตร์ในขณะนั้น กับทั้งประสงค์ ชัยพรรค และประยุทธ์ สวัสดิ์สิงห์ เวลานั้น หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิวัฒน์ นายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำเรื่องเสนอผ่านกองกิจการนิสิตซึ่งมีหม่อมราชวงศ์สลับ ลดาวัลย์ เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อขออนุมัติจัดงานจากอธิการบดี ส่วนผู้ริเริ่มฝ่ายธรรมศาสตร์ คือ ต่อศักดิ์ ยมนาค และบุศย์ สิมะเสถียร ได้ทำเรื่องเสนอเดือน บุนนาค เลขาธิการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เพื่อขออนุมัติจากผู้ประศาสน์การ เมื่อได้รับฉันทานุมัติจากมหาวิทยาลัยทั้งสองแล้ว งานก็ได้เริ่มขึ้นโดยมีธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพ จัดที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477 และมีการเก็บค่าผ่านประตูคนละ 1 บาท รายได้ทั้งหมดมอบให้แก่สมาคมปราบวัณโรคซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนั้น
ปีต่อมา ย้ายสถานที่จัดการแข่งขันมายังสนามฟุตบอลโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จนปี พ.ศ. 2492 ย้ายมาที่สนามศุภชลาศัยถึงปัจจุบัน รายได้ที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายแล้วมอบให้แก่หน่วยงานการกุศลทุกครั้ง จนปี พ.ศ. 2521 จึงเริ่มนำรายได้ถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
การพระราชทานถ้วยรางวัลมีขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2492 เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จมาเป็นองค์ประธาน จนปี พ.ศ. 2495 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานและพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เอง แต่ปัจจุบัน โปรดให้ผู้แทนพระองค์มาแทน
เหตุการณ์ที่ทำให้ต้องยกเลิกการจัดงานฟุตบอลประเพณีมีหลายครั้ง เช่น ในปี พ.ศ. 2485 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วกรุงเทพมหานคร ช่วงปี พ.ศ. 2487–2491 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ในปี พ.ศ. 2494 เกิดกบฏแมนฮัตตัน ช่วงปี พ.ศ. 2516 – 2518 องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เห็นว่าการจัดงานฟุตบอลประเพณีใช้งบประมาณมาก เป็นกิจกรรมที่ฟุ่มเฟือย ในปี พ.ศ. 2557 เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองและในปี พ.ศ. 2560 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จสวรรคต จึงยกเลิกกิจกรรมในปีนี้เพื่อเป็นการไว้อาลัย
เอกลักษณ์เด่น
ขบวนพาเหรด
ตามธรรมเนียมก่อนเข้าสู่การแข่งขัน จะมีการเดินพาเหรดขบวนล้อการเมือง โดยกลุ่มอิสระล้อการเมือง ม.ธรรมศาสตร์ เป็นส่วนหนึ่งในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ เป็นสิ่งแสดงความคิดความอ่านทางการเมืองของนักศึกษาที่จะต้องโตขึ้นไปอยู่ในสังคมที่ถูกขับเคลื่อนโดยแรงขับทางการเมือง ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม ดังนั้น การทำล้อการเมืองแสดงผ่านหุ่น ผ่านข้อความในป้ายผ้า เป็นบทกลอน จะสะท้อนความคิดเห็นของนักศึกษาหลากหลายคณะในมหาวิทยาลัยจากการเรียนในวิชาต่างๆ ออกมาเป็นตัวหุ่น เป็นป้ายผ้า ซึ่งล้อการเมืองมีมาทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นในยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือรัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมากกว่าหลายล้านเสียงก็ตาม ตรงนี้ล้อการเมืองก็ยังอยู่มาเรื่อยๆ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานของการล้อที่ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ล้อการเมืองจะไม่ขาดช่วงไปจากสังคมไทย[6]
ในขณะที่ขบวนสะท้อนสังคม ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับผิดชอบโดยกลุ่มสะท้อนสังคม เป็นการนำปัญหาของสังคมที่เกิดในรอบปี โดยการนำเสนอผ่านงานศิลปะ อาทิตัวหุ่น และป้ายผ้า ซึ่งการสะท้อนสังคมเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่สามารถทำได้ในฐานะนิสิต โดยเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่มีถูกผิด เพียงแค่ต้องอยู่ในกรอบเท่านั้น[7]
ทั้งขบวนล้อการเมือง และขบวนสะท้อนสังคม มีจุดประสงค์เพื่อเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคม โดยนำเสนอภายใต้ขอบเขต ซึ่งจะไม่โจมตีไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง เพื่อให้นิสิต-นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักและตื่นตัวต่อปัญหา/สถานการณ์ที่เกิดขึ้น และร่วมกันหาทางแก้ไขเพื่อให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การอัญเชิญพระเกี้ยว
การอัญเชิญพระเกี้ยวปรากฏหลักฐานครั้งแรกในหนังสือพิมพ์สยามนิกร (พิเศษ) ฉบับวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2507 โดยมีนิสิตหญิง 1 คน เป็นผู้อัญเชิญ โดยการอัญเชิญพระเกี้ยวเข้ามาสู่สนามการแข่งขันเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์ โดยจะคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นนิสิตชาย 1 คน และ นิสิตหญิง 1 คน เพื่อเป็นตัวแทนบรรดานิสิตอัญเชิญพระเกี้ยวเข้าสู่สนามแข่งขัน ถึงแม้ว่านิสิตทุกคนต่างมีฐานะเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว[8] แต่เนื่องจากในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถให้ทุกคนเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวได้ จึงต้องคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นตัวแทนนิสิตเพื่อทำหน้าที่นี้[9]
ประธานเชียร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือฝั่งจุฬาจะเรียกว่า "ประธานเชียร์" นอกจากจะทำหน้าที่นำเชียร์ ควบคุมจังหวะการร้องเพลงเชียร์ของสแตนด์แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนิสิตจุฬา ในการประชาสัมพันธ์งานฟุตบอลประเพณีฯ และบำเพ็ญประโยชน์แก่สาธารณะอีกด้วย ในระยะแรกนั้นผู้นำเชียร์หรือประธานเชียร์จะเป็นผู้ให้จังหวะปรบมือแก่กองเชียร์ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงท่าทางของผู้นำเชียร์ขึ้นใหม่ โดยเน้นหลักการสำคัญของผู้นำเชียร์แห่งจุฬาฯ นั้น มี 5 ประการ ได้แก่ การให้จังหวะ การควบคุมกองเชียร์ ความสวยงาม ความพร้อมเพรียง และรูปแบบในการนำเสนอ มีการแต่งตัวให้สวยงาม สร้างสีสันให้กับสแตนด์เชียร์ การสรรหาผู้นำเชียร์ฯ จากการเปิดรับสมัครคัดเลือกอย่างเป็นทางการจากนิสิตทั่วไป ไม่จำกัดคณะและชั้นปี ในแต่ละปีนั้นมีจำนวนผู้ผ่านการคัดเลือกแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของผู้สมัครในปีนั้น ๆ โดยทั่วไปแล้วมักมีจำนวนเฉลี่ยรุ่นละ 11-13 คน
จุฬาฯคทากร
จุฬาฯคทากรมีหน้าที่หลักคือ การเดินนำขบวนพาเหรดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนั้นยังมีหน้าที่แสดงควงคทาประกอบเพลงประจำมหาวิทยาลัยอีกด้วย
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์
ในอดีตผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักร ถ้วยพระราชทาน ป้ายนามมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และดรัมเมเยอร์ ได้มาจากการคัดเลือกเช่นเดียวกับการอัญเชิญพระเกี้ยวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาในปี พ.ศ. 2516 ประเพณีการคัดเลือกก็ได้งดไป เนื่องจากถูกมองว่าเป็นความฟุ่มเฟือยและเกิดเป็นที่มาของคำขวัญว่า "ธรรมจักรเป็นของชาวธรรมศาสตร์ทุกคน ทุกคนจึงมีสิทธิในการอัญเชิญได้" จึงคงไว้เพียงขบวนอัญเชิญธรรมจักรและรับสมัครทุกคนที่สนใจร่วมแบกเสลี่ยงอัญเชิญโดยไม่มีผู้แทน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2544 สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ฟื้นฟูผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์และทำหน้าที่ในการบำเพ็ญประโยชน์ ตลอดจนการรณรงค์และส่งเสริมให้นักศึกษาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกันมากขึ้นกลับมา ในชื่อว่า "ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" โดยเริ่มตั้งแต่ 2545 เป็นต้นมา หน้าที่ของทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์คือเป็นตัวแทนนักศึกษาในการนำขบวนพาเหรดทั้งหมดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าสู่สนาม โดยเป็นผู้อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย ถ้วยพระราชทาน อัญเชิญพานพุ่มนำขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์ รวมถึงการบำเพ็ญประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย การคัดเลือกทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะพิจารณาถึงทั้งลักษณะ บุคลิก ความรู้ความสามารถ ทั้งในด้านการเรียน และในความรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การมีจิตอาสา มีคุณธรรมและพร้อมที่จะช่วยเหลือแก่สังคม
แม่ทัพเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้นำเชียร์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือฝั่งธรรมศาสตร์จะเรียกว่า "แม่ทัพเชียร์" เป็นตัวแทนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสำหรับทำหน้านำกองเชียร์ร้องเพลงส่งเสียงเชียร์ ประกอบรหัส สัญญาณ การเคลื่อนไหวร่างกาย หรืออุปกรณ์ เพื่อความพร้อมเพรียง ความสวยงาม และความสนุกสนานของการเชียร์และแปรอักษร โดยทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีแนวคิดและต้นแบบแรงบันดาลใจจาก ผู้ควบคุมวงดนตรีหรือวาทยากร ที่ทำหน้าที่นำการเล่นดนตรีวงใหญ่หรือการร้องประสานเสียง ผู้นำเชียร์นั้นนอกจากจะมีท่วงท่าสง่างาม ยังมีรหัสสัญญาณมือที่สื่อความหมายสามารถประยุกต์ใช้กับการร้องเพลงเป็นหมู่คณะของกองเชียร์
เพลงประจำการแข่งขัน
เพลงพระราชนิพนธ์ของทั้งสองมหาวิทยาลัย เพลงของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ เพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง เพลงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ เพลงพระราชนิพนธ์มหาจุฬาลงกรณ์
เพลงจามจุรีประดับโดมในดวงใจ คือการนำเพลงของทั้งสองมหาวิทยาลัยมาร่วมกันคือเพลงจามจุรีประดับใจ และเพลงโดมในดวงใจ
เพลงชั่วดินฟ้า เป็นเพลงของจุฬา และธรรมศาสตร์บอกถึงความรักความสามัคคีของทั้งสองสถาบันนี้
เพลงธรรมศาสตร์-จุฬา สามัคคี แต่งโดยจิตร ภูมิศักดิ์
เพลงธรรมศาสตร์-จุฬา ภาราดรณ์
ไม่ปรากฏผู้แต่ง ]]
ผลการแข่งขัน
ผลการแข่งขันจนนับจากปี พ.ศ. 2477 ถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะ 24 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะ 17 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง ดังนี้[10]
จุฬาฯ ชนะ | ธรรมศาสตร์ชนะ | เสมอ |
|
|
รายนามประธานเชียร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแม่ทัพเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้นำหน้าอัฒจรรย์ของทั้งสองมหาวิทยาลัย สำหรับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะเรียกว่า'ประธานเชียร์' ภายใต้สังกัดองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ ในขณะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเรียกผู้ดำรงหน้าที่นี้ว่า 'แม่ทัพเชียร์' ภายใต้สังกัดชุมนุมเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งสองตำแหน่งมีบทบาทและหน้าที่เป็นผู้นำช่วยประชาสัมพันธ์กับสื่อมวลชนก่อนถึงวันงานฟุตบอลประเพณีฯ เป็นผู้นำหน้าสแตนด์ คอยควบคุม และดูแลงานส่วนของการเชียร์ในงานฟุตบอลประเพณีฯ
ครั้งที่ | ประธานเชียร์ | แม่ทัพเชียร์ |
---|---|---|
69 | ปรัชญานันท์ สุวรรณมณี | สิรภพ แก้วมาก |
70 | ศิริวัฒน์ ชูแสงนิล | นันทพัทธ์ ทองสอาด |
71 | จิณวัฒน์ แก้วไชยสง | พิชฌ์พสุภัทร วงศ์อำไพ |
72 | รักษ์พศิน กวินปฐมวงศ์ | หัสดี คงอ่อน |
73 | สิทธิเดช ซื่อสัตย์ศักดิ์ | สิทธินนท์ ทรงศิริ |
74 | พีรณัฐ วิริยะ | ศิวัช ศักดิ์เพชร |
รายนามผู้ที่ได้รับรางวัล popular vote แม่ทัพเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ครั้งที่ | รายชื่อ | ชื่ออื่น | ผลงาน |
---|---|---|---|
74 | ธนวัฒน์ จันผลึก | -อูฐ - มาร์ค - ลูกมาร์ค - ลูกหมาก - ธนวัฒน์ จันผลึกอนันตะเศรษฐกูล - มาร์ค หมาก ม่าร์ค หมากมาร์ค มาร์คหมาก |
ลูกมาร์คไม่ใช่ลูกหมาก |
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์. “งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์: สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ .” เว็บไซต์ สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์. http://www.cuaa.chula.ac.th/activities/cu-tu-football (2559 ธันวาคม 7 ที่เข้าถึง).
- ↑ สวัสดิ์ จงกล. “แรกมีในเมืองไทยเกี่ยวกับฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ ธรรมศาสตร์: หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.” เว็บไซต์ หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 18 มีนาคม 2553. http://www.memocent.chula.ac.th/article/ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์/ (8 ธันวาคม 2559 ที่เข้าถึง).
- ↑ www.thairath.co.th. (2018). จุฬาฯ-มธ. พร้อมลุยบอลประเพณี ไทยรัฐทีวี ถ่ายสด 3 ก.พ.. [online] Available at: https://www.thairath.co.th/content/1174057 [Accessed 2 Feb. 2018].
- ↑ Tribune, T. (2017). โปรดเกล้าฯตั้งพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาทรงดำรงตำแหน่งอัยการจ.ระยอง. [online] Thaitribune.org. Available at: http://www.thaitribune.org/contents/detail/378?content_id=26393&rand=1488822210 [Accessed 31 Jan. 2018].
- ↑ Prachachat Online. (2009). ชมภาพ ′เจ้าหญิงแฟชั่น′ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีฯรับพระราชทานปริญญาบัตรเกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาฯ. [online] Available at: http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1247140268 [Accessed 31 Jan. 2018].
- ↑ พาเหรดล้อการเมือง 'สะท้อนสังคม หรือ ท้าทายอำนาจ' ?. 5 กุมภาพันธ์ 2016. https://www.voicetv.co.th/read/322320
- ↑ พร้อมมากบอลประเพณี! จุฬาฯ เต้นโชว์ ชูคอนเซ็ปต์ตื่นเต้นได้เลือกตั้ง – มธ. งัดเซอร์ไพรส์กลางสนาม. 7 กุมภาพันธ์ 2562. https://www.amarintv.com/news-update/news-16819/335873/
- ↑ หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. “การอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณี: หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.” เว็บไซต์ หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 7 พฤศจิกายน 2552. http://www.memocent.chula.ac.th/article/อัญเชิญพระเกี้ยว/ (8 ธันวาคม 2559 ที่เข้าถึง).
- ↑ การอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณี จาก หอประวัติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ↑ ชมพู-เหลืองแสด, ฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ศึกแห่งตำนาน ศักดิ์ศรี และมิตรภาพ, สยามกีฬา, ปีที่ 28, ฉบับที่ 10184, 20 มกราคม 2556, หน้า 19
ดูเพิ่ม
- รักบี้ประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์
- จตุรมิตรสามัคคี การแข่งขันฟุตบอลประเพณีระดับมัธยมศึกษาระหว่างโรงเรียนชายล้วนเก่าแก่ 4 สถาบันของประเทศไทย
- กีฬา 5 พระเกี้ยว การแข่งขันฟุตบอลของโรงเรียนที่ใช้สัญลักษณ์พระเกี้ยว
- เชียร์ลีดเดอร์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ฟุตบอลประเพณีสิงห์แดง-สิงห์ดำ
แหล่งข้อมูลอื่น
- กลุ่มกิจกรรม
- ผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- กลุ่มตัวแทนนิสิตและผู้อัญเชิญพระเกี้ยวแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- จุฬาฯคทากร
- ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- บทความ