ข้ามไปเนื้อหา

อองซก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อองซก (หวาง ซู่)
王肅
เสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. 256 (256)
กษัตริย์โจฮอง / โจมอ
เจ้าเมืองโห้หล้ำ (河南尹 เหอหนานอิ่น)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจฮอง
เจ้าเมืองกว่างผิง (廣平太守 กว่างผิงไท่โฉ่ว)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 240 (240) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจฮอง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิดค.ศ. 195
เสียชีวิตระหว่างวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 256 และ 31 มกราคม ค.ศ. 257[a] (61 ปี)
คู่สมรสหยางชื่อ (羊氏)[b]
เซี่ยโหวชื่อ (夏侯氏)[c]
บุตร
บุพการี
อาชีพขุนนาง
ชื่อรองจื่อยง (子雍)
สมัญญานามจิ่งโหว (景侯)
บรรดาศักดิ์หลานหลิงโหว (蘭陵侯)

อองซก[4][5] หรือ ออกสก[6] (ค.ศ. 195–256)[7] มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า หวาง ซู่ (จีน: 王肅; พินอิน: Wáng Sù) ชื่อรอง จื่อยง (จีน: 子雍; พินอิน: Zǐyōng) เป็นขุนนางและบัณฑิตลัทธิขงจื๊อของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน เป็นบุตรชายของอองลอง เมื่อบู๊ขิวเขียมเริ่มก่อกบฏในฉิวฉุน อองซกแนะนำสุมาสูให้บั่นทอนขวัญกำลังใจของกลุ่มกบฏโดยการปฏิบัติต่อครอบครัวของกลุ่มกบฏอย่างให้เกียรติ ต่อมาออกซกทูลขอโจมอให้สุมาเจียวเป็นผู้สืบทอดอำนาจถัดจากสุมาสูในฐานะผู้สำเร็จราชการแห่งวุยก๊ก[8]

บุตรสาวของอองซกชื่อหวาง ยฺเหวียนจี (王元姬) สมรสกับสุมาเจียวและให้กำเนิดสุมาเอี๋ยน (จักรพรรดิพระองค์แรกของราชวงศ์จิ้น) ในปี ค.ศ. 236 อองซกจึงเป็นตาของสุมาเอี๋ยน อองซกได้สืบทอดตำแหน่งและบรรดาศักดิ์หลานหลิงโหว (蘭陵侯) จากอองลองผู้บิดา[9]

อองซกรวบรวมขงจื่อเจีย-ยฺหวี่[d] (孔子家語; คำสอนในสำนักของขงจื๊อ) ฉบับที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นหนังสือรวมคำสอนของขงจื๊อที่ไม่ได้รวมอยู่ในหลุน-ยฺหวี่ (論語) นักวิชาการกังขามาเป็นเวลานานว่าอาจเป็นงานปลอมแปลงโดยอองซก[7] แต่ตำราที่ค้นพบในปี ค.ศ. 1977 จากสุสานซฺวางกู่ตุย (雙古堆; ปิดผนึกเมื่อ 165 ปีก่อนคริสตกาล) ที่มีชื่อว่า หรูเจียเจ่อเหยียน (儒家者言, คำสอนสำนักหรู) มีเนื้อหาที่คล้ายกับในขงจื่อเจีย-ยฺหวี่[10]

ประวัติ

[แก้]

อองซกเป็นชาวอำเภอถาน (郯縣 ถานเซี่ยน) เมืองตองไฮ (東海郡 ตงไห่จฺวิ้น) ซึ่งอยู่บริเวณอำเภอถานเฉิง มณฑลชานตงในปัจจุบัน บิดาของอองซกคืออองลองขุนนางและขุนศึกในช่วงปลายยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก อองซกเกิดในปี ค.ศ. 195 ในเมืองห้อยเข (會稽郡 ไคว่จีจฺวิ้น)[11] ขณะนั้นอองลองผู้บิดาดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองห้อยเข

ในปี ค.ศ. 212 อองซกมีอายุ 18 ปี ได้ศึกษาคัมภัร์ไท่เสฺวียนจิง (太玄經) กับซงต๋ง (宋忠 ซ่ง จง)[12]

ในรัชสมัยของโจผีจักรพรรดิผู้ก่อตั้งรัฐวุยก๊ก อองซกได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานทหารม้ามหาดเล็ก (散騎侍郎 ซ่านฉีชื่อหลาง) และเจ้าพนักงานสำนักประตูเหลือง (黃門侍郎 หฺวางเหมินชื่อหลาง) ในราชสำนักวุยก๊ก[13]

ในปี ค.ศ. 228 อองลองเสียชีวิต อองซกสืบทอดบรรดาศักดิ์หลานหลิงโหว (蘭陵侯) ของบิดา[14]

ในปี ค.ศ. 229 อองซกขึ้นมามีตำแหน่งเป็นนายทหารม้ามหาดเล็ก (散騎常侍 ซ่านฉีฉางชื่อ)[15] ภายหลังได้รับตำแหน่งเพิ่มเติมเป็นหัวหน้าห้องสมุดหลวง (祕書監 มี่ซูเจียน) และขุนนางผู้ประกอบพิธีบวงสรวงและสังเกตวรรณกรรม (崇文觀祭酒 ฉงเหวินกวานจี้จิ่ว)[16]

ในปี ค.ศ. 240 อองซกดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองกว่างผิง (廣平郡 กว่างผิงจฺวิ้น)[17] ภายหลังราชสำนักเรียกตัวอองซกกลับมาด้วยราชการใหญ่ และแต่งตั้งให้อองซกเป็นขุนนางที่ปรึกษา (議郎 อี้หลาง)[18] หลังจากนั้นไม่นานอองซกก็ได้ขึ้นเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) และเลื่อนขึ้นเป็นเสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง)[19] เวลานั้นโจซองขึ้นมามีอำนาจในราชสำนัก อองซกมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาด้านพิธีกรรมที่ศาลบรรพชนจึงถูกปลดจากตำแหน่ง[20] ต่อมาไม่นานได้รับราชการในตำแหน่งเจ้าเมือง (尹 อิ่น) ของเมืองโห้หล้ำ (河南郡 เหอหนานจฺวิ้น)[21]

ในปี ค.ศ. 254 โจฮองจักรพรรดิลำดับที่ 3 ของรัฐวุยก๊กถูกปลดจากตำแหน่งจักรพรรดิ อองซกได้ถืออาญาสิทธิ์ในตำแหน่งเสนาบดีพิธีการ และเดินทางไปยังงวนเสีย (元城 ยฺเหวียนเฉิง) เพื่อเชิญเสด็จโจมอมาขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่[22]

ในปี ค.ศ. 255 บู๊ขิวเขียมและบุนขิมก่อกบฏ อองซกเสนอให้สุมาสูยกทัพไปปราบกบฏทันที[23] ภายหลังจากที่กบฏถูกปราบปราม อองซกได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารกลาง (中領軍 จงลิ่งจฺวิน) ควบตำแหน่งนายทหารม้ามหาดเล็ก (散騎常侍 ซ่านฉีฉางชื่อ)[24]

ในปี ค.ศ.256 อองซกเสียชีวิตและได้รับสมัญญานามว่าจิ่งโหว (景侯)[25] บุตรชายอองซกชื่อหวาง ยฺวิ่น (王惲) ได้สืบทอดบรรดาศักดิ์ แต่ต่อมาหวาง ยฺวิ่นเสียชีวิตโดยไม่มีบุตรชาย เขตศักดินาที่ไม่มีผู้สืบทอดจึงถูกยกเลิกไป[26]

ในปี ค.ศ. 263 หวาง สฺวิน (王恂) บุตรชายอีกคนของอองซกได้รับบรรดาศักดิ์หลานหลิงโหวซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์แต่เดิมขอองอองซกอีกครั้ง[27]

ในปี ค.ศ. 264 เมื่อมีการก่อตั้งระบบบรรดาศักดิ์ 5 ขั้น หวาง สฺวินได้รับการตั้งให้มีบรรดาศักดิ์เจิ๋งจื่อ (氶子) ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์ขั้นที่ 4 เนื่องด้วยคุณงามความดีของอองซกผู้บิดา[28]

ดูเพิ่ม

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. บทชีวประวัติอองซกในสามก๊กจี่บันทึกว่าอองซกเสียชีวิตในศักราชกำลอ (甘露 กานลู่; ค.ศ. 256-260) ปีที่ 1 ในรัชสมัยของโจมอ[1] ในบทพระราชประวัติโจมอยังบันทึกว่าจักรพรรดิโจมอทรงเสด็จเยี่ยมสำนักศึกษาไท่เสฺว (太学) ในวันปิ่งเฉิน (丙辰) ของเดือน 4 ในปีนั้น ระหว่างการเสด็จเยือน อองซกได้ทูลตอบข้อซักถามของโจมอ อองซกจึงต้องเสียชีวิตหลังวันที่โจมอเสด็จเยือนซึ่งเทียบได้กับวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 256 ในปฏิทินจูเลียน ศักราชกำลอปีที่ 1 สิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 257 ในปฏิทินจูเลียน
  2. หยางชื่อเป็นมารดาของหวาง ยฺเหวียนจี ในปี ค.ศ. 267 หวางชื่อได้รับตำแหน่งหลังมรณกรรมเป็นเซี่ยนจฺวิน (县君) และได้รับสมัญญานามว่าจิ้ง (靖) สมัญญานามเต็มเป็น "ผิงหยางจิ้งจฺวิน" (平阳靖君)[2] ไม่ทราบแน่ชัดว่าหยางชื่อมีความเกี่ยวข้องกับเอียวเก๋า (羊祜 หยาง ฮู่) และหยาง ฮุย-ยฺหวี (羊徽瑜) หรือไม่
  3. เซี่ยโหวชื่อเป็นมารดาเลี้ยงของหวาง ยฺเหวียนจี ในปี ค.ศ. 286 เซี่ยโหวชื่อได้รับตำแหน่งหลังมรณกรรมเป็น"เซี่ยงจฺวินแห่งเอ๊งหยง" (荥阳乡君 สิงหยางเซี่ยงจฺวิน)[3]
  4. ขงจื่อเจีย-ยฺหวี่มีการแปลเป็นภาษาไทย 2 ครั้ง ครั้งแรกแปลในชื่อภาษาไทยว่า ขงจื๊อ ฉบับปราชญ์ชาวบ้าน แปลโดยอธิคม สวัสดิญาณ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2540 ครั้งที่สองแปลในชื่อภาษาไทยว่า ขงจื่อเจียอี่ว์ ปกิณกคดีขงจื่อ แปลโดยชัชชล ไทยเขียว ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2567

อ้างอิง

[แก้]
  1. (甘露元年薨, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  2. (帝以后母羊氏未崇谥号,泰始三年下诏曰:“...其封夫人为县君,依德纪谥,主者详如旧典。”于是使使持节谒者何融追谥为平阳靖君。) จิ้นชู เล่มที่ 31.
  3. (太康七年,追赠继祖母夏侯氏为荥阳乡君。) จิ้นชู เล่มที่ 31
  4. ("ฝ่ายสุมาสูป่วยจักษุเปนต้อให้หมอมาตัดแล้วใส่ยารักษาอยู่หลายวัน พอม้าใช้มาแจ้งว่ากองทัพเมืองห้วยหลำยกมา จึงให้เชิญอองซกขุนนางผู้ใหญ่เข้ามาปรึกษาว่า กองทัพบู๊ขิวเขียมยกมาเราจะคิดอ่านประการใด อองชกจึงว่า แต่ครั้งกวนอูทหารเอกฝีมือปรากฎทั้งแผ่นดิน ลิบองคิดอ่านเกลี้ยกล่อมครอบครัวทหาร ซึ่งอยู่ในเมืองเกงจิ๋วได้แล้วก็มีชัยชนะแก่กวนอู ครั้งนี้ข้าพเจ้าคิดว่าจะให้ไปเกลี้ยกล่อมครอบครัวทหารเมืองห้วยหลำซึ่งอยู่ในแดนเมืองวุยก๊กได้แล้ว เราจึงยกกองทัพไปตั้งสกัดไว้ที่ทางบู๊ขิวเขียมจะกลับไป เห็นจะมีชัยชนะเปนมั่นคง") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๑". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ June 19, 2024.
  5. ("ขุนนางผู้ใหญ่ชื่อว่าอองซกจึงทูลว่า ขอให้พระองค์ตั้งให้สุมาเจียวเปนมหาอุปราช ว่าราชการแทนที่พี่ชายให้มีน้ำใจ พระเจ้าโจมอเห็นชอบด้วยก็ใช้ให้อองซกถือหนังสือไปหาสุมาเจียวมา จะตั้งให้เปนที่มหาอุปราช") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๑". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ June 19, 2024.
  6. ("ฝ่ายโจมอมาถึงประตูทิศเหนีอ สุมาสูก็ให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยออกไปรับ ขุนนางไปถึงกระทำคำนับ โจมอก็ลงจากเกวียนกระทำคำนับขุนนางทั้งปวง ออกสกขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่งจึงว่า พระองค์อย่ากระทำคำนับข้าพเจ้าเลย โจมอจึงตอบว่าตัวข้าพเจ้านี้ก็เปนข้าแผ่นดิน จะมิคำนับท่านนั้นไม่ควร") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๑". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ June 19, 2024.
  7. 7.0 7.1 Goldin, Paul Rakita (1999). Rituals of the Way: The Philosophy of Xunzi. Open Court Publishing. p. 135. ISBN 978-0-8126-9400-0.
  8. สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  9. จิ้นชู เล่มที่ 31.
  10. Shaughnessy, Edward L. (2014). Unearthing the Changes: Recently Discovered Manuscripts of the Yi Jing ( I Ching) and Related Texts. Columbia University Press. p. 190. ISBN 978-0-231-16184-8.
  11. (肅父朗與許靖書云:肅生於會稽。) อรรถาธิบายของเผย์ ซงจือในสามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  12. (年十八,從宋忠讀太玄,而更爲之解。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  13. (黃初中,爲散騎黃門侍郎。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  14. (太和二年薨,謚曰成侯。子肅嗣。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  15. (太和三年,拜散騎常侍。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  16. (後肅以常侍領祕書監,兼崇文觀祭酒。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  17. (正始元年,出爲廣平太守。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  18. (公事徵還,拜議郎。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  19. (頃之,爲侍中,遷太常。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  20. (坐宗廟事免。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  21. (徙爲河南尹。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  22. (嘉平六年,持節兼太常,奉法駕,迎高貴鄉公于元城。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  23. (明年春,鎮東將軍毌丘儉、揚州刺史文欽反,景王謂肅曰:「霍光感夏侯勝之言,始重儒學之士,良有以也。安國寧主,其術焉在?」肅曰:「昔關羽率荊州之衆,降于禁於漢濵,遂有北向爭天下之志。後孫權襲取其將士家屬,羽士衆一旦瓦解。今淮南將士父母妻子皆在內州,但急往禦衞,使不得前,必有關羽土崩之勢矣。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  24. (景王從之,遂破儉、欽。後遷中領軍,加散騎常侍) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  25. (甘露元年薨,門生縗絰者以百數。追贈衞將軍,謚曰景侯。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  26. (子惲嗣。惲薨,無子,國絕。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  27. (景元四年,封肅子恂爲蘭陵侯。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.
  28. (咸熈中,開建五等,以肅著勳前朝,改封恂爲氶子。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 13.

บรรณานุกรม

[แก้]