ตันเกี๋ยน
ตันเกี๋ยน (เฉิน เชียน) | |
---|---|
陳騫 | |
ราชครู (太傅 ไท่ฟู่) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – 22 ธันวาคม ค.ศ. 281 หรือ ค.ศ. 292 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
มหาองครักษ์ (太保 ไท่เป่า) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – 22 ธันวาคม ค.ศ. 281 หรือ ค.ศ. 292 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
เสนาบดีกลาโหม (大司馬 ต้าซือหม่า) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 276 – ค.ศ. ? | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
เสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เว่ย์) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 274 – ค.ศ. 276 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
มหาขุนพล (大將軍 ต้าเจียงจฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. 274 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
ขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. 274 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
ขุนพลทหารม้าและรถรบ (車騎將軍 เชอฉีเจียงจฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 266 – ค.ศ. ? | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ค.ศ. 201 หรือ ค.ศ. 212 นครเทียนฉาง มณฑลอานฮุย |
เสียชีวิต | 22 ธันวาคม ค.ศ. 281[a] หรือ ค.ศ. 292[b] |
บุตร | เฉิน ยฺหวี |
บุพการี |
|
อาชีพ | ขุนพล, ขุนนาง |
ชื่อรอง | ซิวเยฺวียน (休淵) |
สมัญญานาม | อู่ (武) |
บรรดาศักดิ์ | เกาผิงกง (高平公) |
ตันเกี๋ยน[1] หรือ ตังเขียน[2][3][4] (ค.ศ. 201 - 22 ธันวาคม ค.ศ. 281[a]; บางแหล่งระบุเป็น ค.ศ. 212 - 292[b]) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า เฉิน เชียน (จีน: 陳騫; พินอิน: Chén Qiān) ชื่อรอง ซิวเยฺวียน (จีน: 休淵; พินอิน: Xiūyuān) เป็นขุนพลของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน ภายหลังเป็นขุนพลและขุนนางของราชวงศ์จิ้นตะวันตก
ประวัติช่วงต้น
[แก้]ตันเกี๋ยนเป็นชาวอำเภอตงหยาง (東陽縣 ตงหยางเซี่ยน) เมืองหลินหฺวาย (臨淮郡 หลินหฺวายจฺวิ้น) ซึ่งปัจจุบันคือนครเทียนฉาง มณฑลอานฮุย[8] บิดาของตันเกี๋ยนคือตันเกียว (陳矯 เฉิน เจี่ยว) เสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู) ของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊ก เดิมตันเกียวเกิดในตระกูลเล่า (劉 หลิว) แห่งเมืองกองเหลง (廣陵 กว่างหลิง) ต่อมาตระกูลตัน (陳 เฉิน) ซึ่งเป็นตระกูลของมารดารับไปเลี้ยงดู จึงเปลี่ยนชื่อสกุลจาก "เล่า" เป็น "ตัน"[9]
ตันเกี๋ยนเป็นคนเรียบง่ายแต่มั่นคงตั้งแต่วัยเด็กและมีไหวพริบดี ชื่อ-ยฺหวี่ (世語) ของกัว ปาน (郭颁) มีบันทึกว่าในช่วงที่ตันเกียวบิดาของตันเกี๋ยนดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการ (尚書令 ช่างชูลิ่ง) ของวุยก๊ก ครั้งหนึ่งตันเกียวรู้สึกกังวลเพราะเล่าหัวใส่ร้าย ในเวลานั้นตันเกียวบอกกับบุตรชายสองคนให้ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เฉิน เปิ่น (陳本) บุตรชายคนโตไม่สามารถเสนอความคิดใด ๆ ได้ แต่ตันเกี๋ยนบุตรชายคนรองพูดกับบิดาว่า "ฝ่าบาททรงเป็นเจ้าแผ่นดินผู้มีสติปัญญาแจ่มแจ้ง และท่านพ่อก็เป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ผู้รับพระบัญชา แม้เจ้าแผ่นดินและเสนาบดีมีความไม่ลงรอยใด ๆ แต่ความเสียหายใหญ่สุดของท่านก็เป็นเพียงการไม่อาจขึ้นถึงตำแหน่งระดับซันกง (三公) เท่านั้นเอง" ผลปรากฏว่าแม้มีคำว่าร้ายของเล่าหัว แต่จักรพรรดิโจยอยก็ไม่ได้ทรงดำเนินใด ๆ กับตันเกียวจริง ๆ[10][11] นอกจากนี้ ครั้งหนึงตันเกี๋ยนในวัยเยาว์ถูกแฮเฮาเหียนดูถูก แต่ตันเกี๋ยนไม่ใส่ใจในเรื่องนี้เลย กลับทำให้แฮเฮาเหียนรู้สึกแปลกใจและเริ่มชื่นชมตันเกี๋ยน[12] จะเห็นได้ว่าตันเกี๋ยนมองเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างกระจ่างแจ้งตั้งแต่อยู่ในวัยเยาว์ และรู้วิธีการจัดการกับเรื่องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
การรับราชการกับวุยก๊ก
[แก้]ต่อมาตันเกี๋ยนเข้ารับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการ (尚書郎 ช่างชูหลาง) ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองจงชาน (中山郡 จงชานจฺวิ้น) และเจ้าเมืองของเมืองอันเป๋ง (安平郡 อานผิงจฺวิ้น) ตามลำดับ ตันเกี๋ยนปกครองอย่างมีธรรมมาภิบาลทำให้ตันเกี๋ยนมีชื่อเสียงขึ้น[13] ภายหลังย้ายไปมีตำแหน่งนายกองพันของอัครมหาเสนาบดี (相國司馬 เซียงกั๋วซือหม่า), หัวหน้าเสมียน (長史 จ๋างฉื่อ) และผู้ช่วยขุนนางตรวจสอบ (御史中丞 ยฺหวี่ฉื่อจงเฉิง) แล้วเลื่อนขึ้นเป็นราชเลขาธิการ (尚書 ช่างชู) กับได้รับบรรดาศักดิ์อานกั๋วถิงโหว (安國亭侯)[14] ในช่วงเวลานั้นทัพของรัฐจ๊กก๊กที่เป็นรัฐอริของวุยก๊กยกพลมาทางหล่งโย่ว (隴右) หลายครั้ง ตันเกี๋ยนเข้ารักษาตำแหน่งขุนพลโจมตีจ๊ก (征蜀將軍 เจิงฉู่เจียงจฺวิ้น) เอาชนะทัพจ๊กก๊กได้และยกกลับมา[15]
ในปี ค.ศ. 257 จูกัดเอี๋ยนขุนพลวุยก๊กก่อกบฏที่อำเภอฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน; ปัจจุบันคืออำเภอโช่ว นครลู่อาน มณฑลอานฮุย) เพื่อต่อต้านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สุมาเจียว ตันเกี๋ยนได้รับการตั้งให้รักษาการขุนพลสงบตะวันออก (安東將軍 อานตงเจียงจฺวิน) และเข้าร่วมในการปราบกบฏ[16]
ในปี ค.ศ. 258 หลังสุมาเจียวปราบกบฏจูกัดเอี๋ยนได้สำเร็จ สุมาเจียวมอบอาญาสิทธิ์ในตันเกี๋ยนในการกำกับดูแลราชการทหารทั้งหมดในภูมิภาคหฺวายเป่ย์ (淮北) ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำห้วย (淮河 หฺวายเหอ) และแต่งตั้งให้ตันเกี๋ยนเป็นขุนพลสงบตะวันออกอย่างเป็นทางการ กับให้มีบรรดาศักดิ์เป็นเฮาแห่งกองเหลง (廣陵侯 กว่างหลิงโหว)[17]
ในปี ค.ศ. 259 ตันเกี๋ยนย้ายไปดูแลราชการทหารทั้งหมดในมณฑลอิจิ๋วและได้รับการตั้งให้เป็นข้าหลวงมณฑล (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลอิจิ๋ว[18] ภายหลังได้ย้ายไปดูแลราชการทหารในกังหนำ (江南 เจียงหนาน) และเกงจิ๋ว ได้เลื่อนยศเป็นเป็นมหาขุนพลโจมตีภาคใต้ (征南大將軍 เจิงหนานต้าเจียงจฺวิน) และได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นถานโหว (郯侯)[19]
ในปี ค.ศ. 265 สุมาเจียวเสียชีวิต สุมาเอี๋ยนบุตรชายสืบทอดฐานันดรศักดิ์จีนอ๋อง (晉王 จิ้นหวาง) ตันเกี๋ยนและขุนพลโจเป๋า (石苞 ฉือ เปา่) ทูลโจฮวนจักรพรรดิแห่งวุยก๊กหลายครั้งว่ารัฐวุยก๊กถึงคราวสิ้นสุดแล้ว โน้มน้าวพระองค์ให้คล้อยตามลิขิตฟ้าและสละราชบัลลังก์[20]
การรับราชการกับราชวงศ์จิ้น
[แก้]ในปี ค.ศ. 266 จักรพรรดิโจฮวนสละราชบัลลังก์ให้สุมาเอี๋ยน สุมาเอี๋ยนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิและก่อตั้งราชวงศ์จิ้นตะวันตก ตันเกี๋ยนได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลทหารม้าและรถรบ (車騎將軍 เชอฉีเจียงจฺวิน) และมีบรรดาศักดิ์เป็นเกาผิงจฺวิ้นกง (高平郡公) ต่อมาตันเกี๋ยนได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) และมหาขุนพล (大將軍 ต้าเจียงจฺวิน) ขึ้นมากำกับดูแลราชการทหารทั้งหมดของมณฑลยังจิ๋ว ได้รับพระราชทานขวานเหลืองอาญาสิทธิ์[21]
ในปี ค.ศ. 274 ตันเกี๋ยนได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกลาโหมในชื่อตำแหน่งทายอุ้ย (太尉 ไท่เว่ย์)[22]
ในปี ค.ศ. 276 ตันเกี๋ยนได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกลาโหมในชื่อตำแหน่งต้ายสุม้า (大司馬 ต้าซือหม่า)[23]
ครั้งหนึ่งตันเกี๋ยนเข้าไปในราชสำนักและทูลจักรพรรดิสุมาเอี๋ยนว่า "เฮาเหลก (胡烈 หู เลี่ย) และคันห่อง (牽弘 เชียน หง) สองคนนี้ต่างก็เป็นนายทหารที่กล้าหาญแต่ไร้แผนการ หัวแข็งและเอาแต่ใจ ไม่ฟังคำผู้ใด ไม่เหมาะที่จะดูแลชายแดน หากไม่หาขุนพลที่ดีกว่ามาแทนที่ย่อมสร้างความอับอายให้ราชวงศ์ หวังว่าฝ่าบาทจะทรงพิจารณาอย่างรอบคอบ" ในเวลานั้นคันห่องดำรงตำแหน่งข้าหลวงมณฑลของมณฑลยังจิ๋ว และครั้งหนึ่งคันห่องเคยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของตันเกี๋ยนที่เป็นผู้บังคับบัญชา สุมาเอี๋ยนจึงทรงเห็นว่าคำทูลของตันเกี๋ยนมาจากเพียงเพราะความไม่ลงรอยกันระหว่างตันเกี๋ยนและคันห่อง เพื่อจะทรงแสดงความให้เกียรติต่อตันเกี๋ยน สุมาเอี๋ยนจึงทรงมีรับสั่งให้เรียกคันห่องมาที่ราชสำนัก แต่คันห่องได้รับการแต่งตั้งให้เป็รข้าหลวงมณฑลเลียงจิ๋ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระองค์ไม่ได้ใส่พระทัยต่อคำทูลของตันเกี๋ยน หลังจากตันเกี๋ยนทราบเรื่องการตัดสินพระทัยของสุมาเอี๋ยนก็ถอนหายใจ โดยเห็นว่าการตัดสินพระทัยครั้งนี้จะจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผลปรากฏว่าในช่วงที่เฮาเหลกและคันห่องป้องกันชายแดนได้เกิดความขัดแย้งกับชนเผ่าต่างชาติ ทั้งสองเสียชีวิตในที่รบ ในที่สุดความวุ่นวายเหล่านี้ก็คลี่คลายหลังการใช้กำลังปราบปรามเป็นเวลาหลายปี ในภายหลังจักรพรรดิสุมาเอี๋ยนก็ทรงโทมนัสกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น[24]
ในช่วงบั้นปลายชีวิตของตันเกี๋ยน ตันเกี๋ยนที่ขึ้นมามีตำแหน่งขุนนางสูงสุดเริ่มคิดเรื่องการเกษียณตนเอง ในปี ค.ศ. 277 ตันเกี๋ยนขอมารับราชการเป็นขุนนางในราชสำนัก ไม่ต้องการจะปฏิบัติหน้าที่ในส่วนภูมิภาคอีกต่อไป ตันเกี๋ยนกลับมาที่ราชสำนักในตำแหน่งเสนาบดีกลาโหม ต่อมาตันเกี๋ยนขอลาออกจากตำแหน่งหลายครั้งโดยอ้างเหตุผลเรื่องอาการป่วย จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนออกพระราชโองการว่าแผ่นดินต้องการให้ตันเกี๋ยนอยู่ในตำแหน่งให้ดูแลราชกิจและปฏิเสธที่จะให้ตันเกี๋ยนลาออก ตันเกี๋ยนกลับไปบ้านอย่างไม่พอใจ สุมาเอี๋ยนส่งขุนนางมหาดเล็กให้ไปเชิญตันเกี๋ยนกลับไปสำนักของเสนาบดีกลาโหม ตันเกี๋ยนก็ยังคงทูลขอลาออกอีกหลายครั้ง ในที่สุดสุมาเอี๋ยนจึงทรงยอมให้ตันเกี๋ยนออกจากตำแหน่งเสนาบดีกลาโหม แล้วตั้งให้มีตำแหน่งกิตติมศักดิ์เป็นมหาองครักษ์ (太保 ไท่เป่า) และราชครู (太傅 ไท่ฟู่) รวมถึงพระราชทานไม้เท้าพิธีการ ตั้งให้มีบรรดาศักดิ์เป็นเกาผิงกง (高平公) ไม่จำเป็นต้องมาเข้าเฝ้าที่ราชสำนัก และได้รับการส่งกลับไปบ้านด้วยรถเทียมม้า 4 ตัว สุมาเอี๋ยนทรงให้ความเคารพตันเกี๋ยนอย่างสูงและปฏิบัติต่อตันเกี๋ยนด้วยความสุภาพยิ่ง เนื่องด้วยตันเกี๋ยนเป็นนายทหารผ่านศึกอาวุโส[25]
เสียชีวิต
[แก้]ตันเกี๋ยนเสียชีวิตวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 281[a] (บางแหล่งข้อมูลระบุว่าเสียชีวิตในปี ค.ศ. 292[b]) ขณะอายุ 81 ปี ราชสำนักแต่งตั้งย้อนหลังให้เป็นราชครู (太傅 ไท่ฟู่) ตั้งสมัญญานามว่า "อู่" (武)[26] เฉิน ยฺหวี(陳輿) บุตรชายของตันเกี๋ยนได้สืบทอดบรรดาศักดิ์[27]
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 บทพระราชประวัติสุมาเอี๋ยน (จักรพรรดิจิ้นอู่ตี้) ในจิ้นชูระบุว่าตันเกี๋ยนเสียชีวิตในวันเหรินอิ๋น (壬寅) ในเดือน 11 ของศักราชไท่คาง (太康) ปีที่ 2 ในรัชสมัยของสุมาเอี๋ยน[5] วันที่นี้เทียบได้กับวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 281 ในปฏิทินกริกอเรียน
- ↑ 2.0 2.1 2.2 บทชีวประวัติของตันเกี๋ยนในจิ้นชูระบุว่าตันเกี๋ยนเสียชีวิตในศักราชยฺเหวียนคาง (元康) ปีที่ 2 (ค.ศ. 292)[6] ส่วนบทพระราชประวัติสุมาเอี๋ยน (จักรพรรดิจิ้นอู่ตี้) ในจิ้นชู และในจือจื้อทงเจี้ยนระบุว่าตันเกี๋ยนเสียชีวิตในศักราชไท่คาง (太康) ปีที่ 2 (ค.ศ. 281)[5][7]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ("ฝ่ายทหารเมืองวุยก๊กไม่มีรับสั่งให้ตีสกัดไว้ ก็ปล่อยกองทัพเมืองกังตั๋งเข้าไปในเมือง จึงเอาเนื้อความไปแจ้งแก่สุมาเจียว ๆ รู้แล้วจึงว่ากองทัพกังตั๋งแบ่งกันเข้าไปช่วยรักษาเมืองไว้ จูอี้ก็จะยกเข้าตีเรา สมคะเนที่เราคิดไว้ จึงให้หาอองกี๋ตันเกี๋ยนนายทหารสองคนมาสั่งว่า ท่านยกทหารไปซุ่มที่ทางกองทัพจูอี้จะยกมา ถ้าเขาคล้อยเข้ามาหน่อยหนึ่งแล้วจึงให้ทหารโห่ร้องไล่ฆ่าฟันตามหลังเข้ามา อองกี๋ตันเกี๋ยนก็พาทหารไปซุ่มอยู่ตามสั่ง") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๒". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ August 14, 2024.
- ↑ ("พระเจ้าโจมอขัดมิได้ก็รับว่าจะไป จึงมีตรารับสั่งให้เกณฑ์กองทัพในเมืองหลวงทั้งสองเมืองได้ยี่สิบหกหมื่น ตั้งอองกี๋เปนทัพหน้า ตังเขียนเปนปลัดทัพหน้า โจเป๋าเปนปีกขวา จิวท่ายเจ้าเมืองกุนจิ๋วเปนปีกซ้าย") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๒". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ August 14, 2024.
- ↑ ("สุมาเจียวเห็นชอบด้วย ก็สั่งให้โจเป๋าจิวท่ายคุมทหารเปนสองกองไปซุ่มอยู่ต้นทางเมืองโจเทาเสีย ให้อองกี๋กับตังเขียนคุมทหารไปซุ่มอยู่ปลายทางนั้น") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๒". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ August 14, 2024.
- ↑ ("จูกัดเอี๋ยนตกใจกลัวถอยทัพ ก็เห็นอองกี๋กับตังเขียนคุมทหารตีกระนาบเข้ามา") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๒". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ August 14, 2024.
- ↑ 5.0 5.1 [(太康)二年......十一月壬寅,大司馬陳騫薨。] จิ้นชู เล่มที่ 3
- ↑ (元康二年薨,年八十一) จิ้นชู เล่มที่ 35
- ↑ (十一月,壬寅,髙平武公陳騫薨。) จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 81
- ↑ (陳騫,臨淮東陽人也。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (父矯,魏司徒。矯本廣陵劉氏,為外祖陳氏所養,因而改焉。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (劉曄以先進見幸,因譖矯專權。矯懼,以問長子本,本不知所出。次子騫曰:「主上明聖,大人大臣,今若不合,不過不作公耳。」) อรรถาธิบายจากชื่อ-ยฺหวี่ในสามก๊กจี่ เล่มที่ 22.
- ↑ (初,矯為尚書令,侍中劉曄見幸于魏明帝,譖矯專權。矯憂懼,以問騫。騫曰:「主上明聖,大人大臣,今若不合意,不過不作公耳。」後帝意果釋) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (騫尚少,為夏侯玄所侮,意色自若,玄以此異之。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (起家尚書郎,遷中山、安平太守,並著稱績。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (徵為相國司馬、長史、禦吏中丞,遷尚書,封安國亭侯。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (蜀賊寇隴右,以尚書持節行征蜀將軍,破賊而還。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (會諸葛誕之亂,復以尚書行安東將軍。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (壽春平,拜使持節、都督淮北諸軍事、安東將軍,進爵廣陵侯。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (轉都督豫州諸軍事、豫州刺史,持節、將軍如故。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (又轉都督江南諸軍事,徙都督荊州諸軍事、征南大將軍,封郯侯。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ ((石苞)後每與陳騫諷魏帝以歷數已終,天命有在。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (武帝受禪,以佐命之勳,進車騎將軍,封高平郡公,遷侍中、大將軍,出為都督揚州諸軍事,餘如故,假黃鉞。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ ((泰始十年)九月癸亥,以大將軍陳騫為太尉。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
- ↑ ((咸寧二年八月)己亥,以太保何曾為太傅,太尉陳騫為大司馬) จิ้นชู เล่มที่ 3.
- ↑ (騫因入朝,言於帝曰:「胡烈、牽弘皆勇而無謀,強于自用,非綏邊之材,將為國恥。願陛下詳之。」時弘為揚州刺史,不承順騫命。帝以為不協相構,於是征弘,既至,尋復以為涼州刺史。騫竊歎息,以為必敗。二人後果失羌戎之和,皆被寇喪沒,征討連歲,僅而得定,帝乃悔之。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (既位極人臣,年逾致仕,思欲退身。咸寧三年,求入朝,因乞骸骨。賜袞冕之服,詔曰:「騫元勳舊德,統乂東夏,方弘遠績,以一吳會,而所苦未除,每表懇切,重勞以方事。今聽留京城,以前太尉府為大司馬府,增置祭酒二人,帳下司馬、官騎、大車、鼓吹皆如前,親兵百人,廚田十頃,廚園五十畝,廚士十人,器物經用皆留給焉。又給乘輿輦,出入殿中加鼓吹,如漢蕭何故事。」騫累稱疾辭位,詔曰:「騫履德論道,朕所諮詢。方賴謀猷,以弘庶績,宜時視事。可遣散騎常侍諭意。」騫輒歸第,詔又遣侍中敦諭還府。遂固請,許之,位同保傅,在三司之上,賜以几杖,不朝,安車駟馬,以高平公還第。帝以其勳舊耆老,禮之甚重。又以騫有疾,聽乘輿上殿。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (元康二年薨,年八十一,加以袞斂,贈太傅,諡曰武。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
- ↑ (子輿嗣爵。) จิ้นชู เล่มที่ 35.
บรรณานุกรม
[แก้]- ตันซิ่ว (ศตวรรษที่ 3). สามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ).
- เผย์ ซงจือ (ศตวรรษที่ 5). อรรถาธิบายสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อจู้).
- ฝาน เสฺวียนหลิง (648). จิ้นชู.