ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พรรคประชาธิปัตย์"
ล gcache removed this entry |
ล gcache removed this entry |
||
บรรทัด 101: | บรรทัด 101: | ||
{{บทความหลัก|คดีระหว่างนายทะเบียนพรรคการเมือง กับพรรคประชาธิปัตย์ (2553)}} |
{{บทความหลัก|คดีระหว่างนายทะเบียนพรรคการเมือง กับพรรคประชาธิปัตย์ (2553)}} |
||
[[อภิชาต สุขัคคานนท์]] [[นายทะเบียนพรรคการเมือง]] ได้ยื่น[[คำร้อง]]ต่อ[[ศาลรัฐธรรมนูญ (ประเทศไทย)|ศาลรัฐธรรมนูญ]] กล่าวหาว่า ใน [[พ.ศ. 2548]] พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาค จำนวนสองร้อยห้าสิบแปดล้านบาท จาก [[บริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)]] แต่ไม่แจ้ง[[คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ประเทศไทย)|คณะกรรมการการเลือกตั้ง]] ทราบ และใช้จ่ายไปโดยผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ซึ่งเงินจำนวนยี่สิบเก้าล้านบาท ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดสรรให้จาก[[กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง]] ขัดต่อ [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541]] มาตรา 66 อนุมาตรา (2) และ (3) จึงขอให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ และตัดสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ตาม [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550]] มาตรา 98<ref name = "Thairath-6May10"> (2553, 6 พฤษภาคม). ''กกต. เตรียมเชือดบุญจง แจกเบี้ยยังชีพ.'' [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <[http:// |
[[อภิชาต สุขัคคานนท์]] [[นายทะเบียนพรรคการเมือง]] ได้ยื่น[[คำร้อง]]ต่อ[[ศาลรัฐธรรมนูญ (ประเทศไทย)|ศาลรัฐธรรมนูญ]] กล่าวหาว่า ใน [[พ.ศ. 2548]] พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาค จำนวนสองร้อยห้าสิบแปดล้านบาท จาก [[บริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)]] แต่ไม่แจ้ง[[คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ประเทศไทย)|คณะกรรมการการเลือกตั้ง]] ทราบ และใช้จ่ายไปโดยผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ซึ่งเงินจำนวนยี่สิบเก้าล้านบาท ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดสรรให้จาก[[กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง]] ขัดต่อ [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541]] มาตรา 66 อนุมาตรา (2) และ (3) จึงขอให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ และตัดสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ตาม [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550]] มาตรา 98<ref name = "Thairath-6May10"> (2553, 6 พฤษภาคม). ''กกต. เตรียมเชือดบุญจง แจกเบี้ยยังชีพ.'' [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <[http://web.archive.org/web/20090510092241/http://www.thairath.co.th/content/pol/4110 ลิงก์]>. (เข้าถึงเมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553).</ref><ref name = "Thairath-3Jan10"> (2553, 3 มกราคม). ''สำนวนหลวม กกต.พริ้ว คดีเงินบริจาคปชป.'' [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <[https://archive.is/20121121071253/www.thairath.co.th/content/pol/56599 ลิงก์]>. (เข้าถึงเมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553).</ref> |
||
คดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ด้วยมติสี่ต่อสองว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้ร้องยื่นคำร้องมาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ปรากฏแก่ตนว่าผู้ถูกร้องฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นเหตุให้ถูกยุบได้ มว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องมาล่วงระยะเวลาสิบห้าวันดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบที่จะพิจารณาวินิจฉัยคำร้องสืบไป และให้ยกคำร้อง<ref> (30 พฤศจิกายน 2553). [http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVE13TVRFMU13PT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHhNUzB6TUE9PQ== บัญญัติปัดวุ่น-รู้4:2 ปชป.รอด โต้ 2มาตรฐาน]. ข่าวสด. สืบค้นเมื่อ 30-11-2553.</ref> |
คดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ด้วยมติสี่ต่อสองว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้ร้องยื่นคำร้องมาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ปรากฏแก่ตนว่าผู้ถูกร้องฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นเหตุให้ถูกยุบได้ มว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องมาล่วงระยะเวลาสิบห้าวันดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบที่จะพิจารณาวินิจฉัยคำร้องสืบไป และให้ยกคำร้อง<ref> (30 พฤศจิกายน 2553). [http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVE13TVRFMU13PT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHhNUzB6TUE9PQ== บัญญัติปัดวุ่น-รู้4:2 ปชป.รอด โต้ 2มาตรฐาน]. ข่าวสด. สืบค้นเมื่อ 30-11-2553.</ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:23, 25 พฤษภาคม 2557
พรรคประชาธิปัตย์ | |
---|---|
ไฟล์:Democrat Party logo.png | |
หัวหน้า | อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ |
เลขาธิการ | จุติ ไกรฤกษ์ |
โฆษก | ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต |
คำขวัญ | สจฺจํเว อมตา วาจา (คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย) |
ก่อตั้ง | 5 เมษายน พ.ศ. 2489 |
ที่ทำการ | 67 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร |
สี | สีฟ้า |
เว็บไซต์ | |
http://www.democrat.or.th/ | |
อุดมการณ์ | ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ, เสรีนิยมคลาสสิก, เสรีนิยมอนุรักษ์ |
การเมืองไทย รายชื่อพรรคการเมือง การเลือกตั้ง |
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งหรือเกี่ยวข้องกับ |
พรรคการเมืองหลักที่เกี่ยวข้อง
|
การเมืองไทย • ประวัติศาสตร์ไทย |
พรรคประชาธิปัตย์ (อังกฤษ: Democrat Party - DP, ย่อ: ปชป.) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2489 เป็นพรรคการเมืองจดทะเบียนที่เก่าแก่ที่สุดของไทยที่ยังดำเนินการอยู่[1] พรรคมีสมาชิกที่ได้แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองไว้ จำนวน 2,884,574 คน นับเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกมากที่สุดในประเทศไทย และมีสาขาพรรคจำนวน 179 สาขา[2]
สัญลักษณ์ของพรรค
- ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่สอง ได้บัญญัติชื่อ "พรรคประชาธิปัตย์" โดยมีความหมายว่า "ผู้บำเพ็ญประชาธิปไตย" หรือ "ประชาชนผู้ถืออำนาจอธิปไตย" และมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Democrat Party โดยหมายจะให้เป็นพรรคของคนจน เช่นเดียวกับพรรคเดโมแครตของสหรัฐอเมริกา โดยก่อนหน้าที่จะใช้ชื่อ "ประชาธิปัตย์" ได้มีกลุ่มบุคคลพยายามจดทะเบียนชื่อพรรคก่อนหน้า ม.ร.ว.เสนีย์ แต่รวบรวมเสียงได้น้อยกว่า จึงจดทะเบียนไม่สำเร็จ[3] เนื่องจากในปีนั้น เพิ่งมีกฎหมายจดทะเบียนพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการออกมาเป็นครั้งแรก โดยที่ก่อนหน้านั้น สถานภาพพรรคการเมืองในประเทศไทยยังไม่มีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ เพียงแต่กฎหมายให้การรับรองไว้เท่านั้น
- สัญลักษณ์ของพรรคเป็นรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม มีฟ่อนข้าวประดับอยู่เป็นขอบ โดยมีความหมายว่า พระแม่ธรณีบีบมวยผม หมายถึง การเอาชนะมารหรือความชั่วร้ายต่าง ๆ ฟ่อนข้าว หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ได้ใช้แม่พระธรณีเป็นสัญลักษณ์ของพรรค ตั้งแต่วันก่อตั้งพรรค เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2489 ส่วนเหตุผลที่เลือกแม่พระธรณีเป็นสัญลักษณ์นั้นไม่แน่ชัด บางกล่าวว่าในวันที่ประชุมเพื่อก่อตั้งพรรคมีคนถามว่า จะเอาสัญลักษณ์ใดมาเป็นของพรรค แต่ไม่มีคนเสนอประธานในที่ประชุมเลยเสนอเอารูปแม่พระธรณี เพราะบังเอิญเหลือบไปเห็นปฏิทินที่มีรูปแม่พระธรณีบิดมวยผมอยู่ ปรากฏว่า ในที่ประชุมเห็นชอบ เพราะมีความหมายดีกล่าว คือ ให้ความร่มเย็นแก่ประชาชน นอกจากนั้น จากบทความ “ย้อนอดีตแม่พระธรณี” ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวันได้ระบุว่า เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2525 ภายหลังจากนายพิชัย รัตตกุล ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และได้ย้ายที่ทำการพรรคจากสวนรื่นฤดีมาที่ถนนเศรษฐกิจ ที่ตั้งปัจจุบัน จึงมีความคิดว่าน่าจะมีสัญลักษณ์พรรค เมื่อมีที่ทำการใหม่จึงให้บรรดาสมาชิกช่วยกันคิด และคนที่ชื่อปราโมทย์ สุขุม ส.ส.กรุงเทพฯ เป็นผู้เสนอให้ใช้ “แม่พระธรณีบิดมวยผม” จากนั้น ก็มีการหล่อองค์แม่พระธรณีเป็นทองเหลือง ประดิษฐานไว้ที่หน้าที่ทำการพรรคมานานกว่า 10 ปี จนมีตะไคร่จับองค์แม่พระธรณี ต้องมีการซ่อมแซมมาโดยตลอด และมีคนทักท้วงว่า พระแม่องค์นี้อยู่ในท่าปาง “ปราบมาร” ท่านั่งชันเข่า ไม่ตรงกับลักษณะข้อเท็จจริง จึงมีการเรี่ยไรเงินสมาชิกพรรคเพื่อสร้างองค์ใหม่ในปาง “ เบญจกัลยาณี” และย้ายมาประดิษฐานที่บริเวณลานประชาธิปไตย หน้าอาคารมูลนิธิควง อภัยวงศ์ อย่างไรก็ดี ได้มีความคิดที่จะเปลี่ยนองค์แม่พระธรณีจากทองเหลืองมาเป็นหินอ่อนแกะสลักโดยมีช่างฝีมือช่างเชียงราย แต่เกิดอุบัติเหตุขณะเคลื่อนย้ายเสียก่อน จึงได้มีการอัญเชิญแม่พระธรณีองค์เดิมที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่ ขึ้นประดิษฐานบนแท่นที่สร้างขึ้นใหม่ บริเวณด้านหน้าอาคารมูลนิธิควง อภัยวงศ์ เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของสมาชิกพรรคและผู้คนที่ผ่านไปมา นับแต่นั้นเป็นต้นมา[4]
- สีประจำพรรค คือ สีฟ้า
ประวัติ
นายควง อภัยวงศ์ ได้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นเมื่อ 5 เมษายน พ.ศ. 2489[3] โดยการประชุมรวมตัวกันของนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่บริษัทของนายควง ที่ย่านเยาวราช แต่ทางพรรคถือเอาวันที่ 6 เมษายน เป็นวันก่อตั้งพรรค เพื่อให้ตรงกับวันจักรี มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นฝ่ายค้านคานอำนาจของ นายปรีดี พนมยงค์[3] ต่อมานายปรีดีลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังถูกกดดันจากกรณีสวรรคต ร.8 และรัฐสภาลงคะแนนให้ พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้ใกล้ชิดนายปรีดี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสืบต่อ
ในช่วงปี พ.ศ. 2489 ที่ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ร.ต.ถวัลย์ ยาวนานถึง 7 วัน 7 คืนติดต่อกัน รวมถึงการหาเสียงในเดือนสิงหาคมด้วย [3] ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 รัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ถูกนายทหารฝ่ายจอมพล ป. ที่นำโดย พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ ทำรัฐประหารยึดอำนาจ นายควงได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ และมีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2491 ผลการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียงมากที่สุดจึงได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรก
หลังจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีก 6 ครั้งจนถึงปัจจุบัน คือในปี พ.ศ. 2518, 2519 (2 ครั้ง) , 2535, 2540 และ 2551 ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล 4 ครั้ง และเป็นพรรคฝ่ายค้านอีกรวม 16 ครั้ง โดยเป็นพรรคที่ได้รับเสียงข้างมากในกรุงเทพมหานครทันที และครองจำนวนที่นั่งในกรุงเทพมหานครจนถึงปี พ.ศ. 2522 ทั้งนี้ ประชาธิปัตย์ยังเป็นพรรคแรกที่หาเสียงด้วยวิธีการปราศรัยด้วย โดยเริ่มใช้ตั้งแต่การเลือกตั้งในเดือนสิงหาคมปี พ.ศ. 2489[3]
ในปี พ.ศ. 2550 พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดทำ "โครงการยุทธศาสตร์ประเทศไทย" (Thailand Strategy Project หรือ TSP) ขึ้น โดยมี นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ เพื่อรวบรวมข้อมูลทางวิชาการใน 19 ยุทธศาสตร์หลัก ใช้เป็นฐานข้อมูลในการพัฒนานโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ และจัดทำเป็นแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเพื่อแลกเปลี่ยนทรรศนะกับชุมชนวิชาการและประชาชนที่สนใจทั่วไป ผ่านทางเว็บไซต์ และเอกสารเผยแพร่ของโครงการ
ในปี พ.ศ. 2551 ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ มีสถานะเป็น "พรรคฝ่ายค้านพรรคเดียว" เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าน ได้ประกาศจัดตั้ง คณะรัฐมนตรีเงา ขึ้นตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาลและนำเสนอแนวทางการบริหารประเทศ ควบคู่ไปกับการบริหารงานของรัฐบาล ตามรูปแบบรัฐบาลเงาในระบบเวสต์มินสเตอร์ของประเทศอังกฤษ ขึ้นเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551[5]
ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลัง พรรคพลังประชาชน ถูกพิพากษายุบพรรคจาก คดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2551 ทำให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย จาก การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551
การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2548
พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงอันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีจำนวนที่นั่ง 96 ที่นั่ง (จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง) มีฐานเสียงใหญ่อยู่ที่ภาคใต้ ใน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในไทย พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงจากภาคใต้ถึง 52 ที่นั่งจาก 54 ที่นั่ง อย่างไรก็ตามพรรคไม่ได้รับการสนับสนุนมากนักในส่วนอื่น ๆ ของประเทศ (ยกเว้นในเขตกรุงเทพมหานคร ที่คะแนนเสียงแปรผันไปตามสถานการณ์ทางการเมืองแต่ละสมัย ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 พรรคฯ ได้เสียงจากกรุงเทพเพียง 4 ที่นั่ง จาก 37 ที่นั่ง โดยที่พรรคคู่แข่งคือ พรรคไทยรักไทย ได้ถึง 32 ที่นั่ง) ลักษณะเช่นนี้เหมือนกับพรรคเสรีนิยมของสหราชอาณาจักรที่ผู้สนับสนุนอย่างเหนียวแน่นส่วนใหญ่จะอยู่ในแคว้นสก็อตแลนด์ คือเป็นลักษณะภูมิภาคนิยม ดังจะเห็นได้ชัดเจนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีจำนวนที่นั่งในสภาผู้แทนสูงถึง 136 ที่นั่ง แต่พรรคได้รับเลือกเพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น
- ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 พรรคประชาธิปัตย์ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน จากประชาชนทั่วประเทศ ในระบบบัญชีรายชื่อจำนวน 7,210,742 เสียง
- โดยการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 นั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้ใช้แนวทางการหาเสียงว่า "เลือกให้ถึง 201 ที่นั่ง" และ "ทวงคืนประเทศไทย" อันเนื่องจากต้องการสัดส่วนที่นั่งในสภาฯให้ถึง 200 ที่ เพื่อที่ต้องการจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 นั่นเอง
- หลังการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ได้ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ 6 คณะ คือ
- คณะกรรมาธิการการตำรวจ มี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง เป็นประธาน
- คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง มี นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก เป็นประธาน
- คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ มี นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา เป็นประธาน
- คณะกรรมาธิการติดตามมติสภา มี นายวินัย เสนเนียม ส.ส.สงขลา เป็นประธาน
- คณะกรรมาธิการการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน มี นายสุวโรช พะลัง ส.ส.ชุมพร เป็นประธาน
- คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข มี นายธีระ สลักเพชร ส.ส.ตราด เป็นประธาน
คดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549
ช่วงวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พรรคประชาธิปัตย์ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมอีก 2 พรรค คือ พรรคชาติไทย และ พรรคมหาชน คว่ำบาตรการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 ด้วยการไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง โดยมีเหตุผลว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยุบสภา โดยไม่ชอบธรรม และต่อมามีคำวินิจฉัยของศาลให้การเลือกตั้ง 2 เมษายน พ.ศ. 2549 เป็นโมฆะ เนื่องจาก กกต. จัดการเลือกตั้งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น มีการหันคูหาเลือกตั้งที่ทำให้การลงคะแนนไม่เป็นการลงคะแนนลับ
ในช่วงเวลาเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำการฟ้องร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนั้น ให้ดำเนินคดียุบพรรคไทยรักไทย เนื่องจากกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยมีการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์ร้อยละ 20 ตามกฎหมาย และพรรคประชาธิปัตย์มีพยานบุคคลจากพรรคเล็กยืนยัน แต่ต่อมาพยานดังกล่าวได้กลับคำให้การกลางคัน และพรรคไทยรักไทยที่เป็นผู้ต้องหาในคดีกลับฟ้องร้องต่อ กกต. ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวหาว่ามีการจ้างพรรคเล็กให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย และมีพฤติกรรมที่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงมีการนำคดีขึ้นสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
ต่อมาภายหลังการ รัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดย คปค. ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และมีคณะตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2549 ประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายตุลาการคือ ประธานศาลฎีกา และประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นต้น รับโอนอรรถคดีจากศาลรัฐธรรมนูญมาดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป จนกระทั่งวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยกคำร้องในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ และมีมติให้ยุบ พรรคไทยรักไทยและพรรคเล็กที่ถูกฟ้องร่วมในคดี และวินิจฉัยให้ตัดสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและพรรคเล็กทั้งหมด เป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์ว่ากรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งจริง และขณะเดียวกันไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าพรรคประชาธิปัตย์จ้างพรรคเล็กให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยหรือมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองตามฟ้องแต่อย่างใด
หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549
หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 พรรคประชาธิปัตย์ถูกงดกิจกรรมทางการเมืองชั่วคราว จนกระทั่งได้มีกำหนดการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอนโยบายบริหารประเทศชื่อว่า "วาระประชาชน" ใจความสำคัญว่า "ประชาชนต้องมาก่อน" ในการรณรงค์เลือกตั้ง โดยได้เสนอต่อสาธารณะนับตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2549 มีกลุ่มนโยบาย 4 หัวข้อใหญ่
ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้อันดับ 2 รวม 165 ที่นั่ง รองจากพลังประชาชนได้คะแนนอันดับ 1 ที่ได้ 232 ที่นั่ง โดยพรรคประชาธิปัตย์แบ่งตามภาคได้ดังนี้
เขตพื้นที่ | จำนวนที่นั่ง | ได้ |
---|---|---|
กรุงเทพมหานคร | 36 | 27 |
กลาง | 98 | 35 |
ตะวันออกเฉียงเหนือ | 135 | 5 |
ใต้ | 56 | 49 |
เหนือ | 75 | 16 |
สัดส่วน | 80 | 33 |
รวม | 480 | 165 |
พรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสม ร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ๆ คือ พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคชาติไทย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช โดยมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคฝ่ายค้านพรรคเดียวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย[ต้องการอ้างอิง]
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ประกาศจัดตั้ง "รัฐบาลเงา" หรือ "ครม.เงา" เพื่อตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาลและนำเสนอแนวทางการบริหารประเทศควบคู่ไปกับการบริหารงานของรัฐบาล ตามรูปแบบ "คณะรัฐมนตรีเงา" ใน "ระบบเวสมินสเตอร์" ของอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551[6] โดยมีเว็บไซต์ www.shadowdp.com ในการเผยแพร่การปฏิบัติหน้าที่ของ ครม.เงา
รัฐบาลผสม
ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคการเมืองซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล (พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย) และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งส่งผลให้สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นต้องพ้นจากตำแหน่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาลผสมโดยร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ๆ คือ พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และพรรคกิจสังคม (ภายหลังพรรคมาตุภูมิได้เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแทนพรรคเพื่อแผ่นดิน) พร้อมกับสนับสนุนให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ชนะพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก จากพรรคเพื่อแผ่นดิน ด้วยคะแนน 235 ต่อ 198 เสียง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ. 2553
อภิชาต สุขัคคานนท์ นายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหาว่า ใน พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาค จำนวนสองร้อยห้าสิบแปดล้านบาท จาก บริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) แต่ไม่แจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบ และใช้จ่ายไปโดยผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ซึ่งเงินจำนวนยี่สิบเก้าล้านบาท ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดสรรให้จากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ขัดต่อ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 66 อนุมาตรา (2) และ (3) จึงขอให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ และตัดสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 98[7][8]
คดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ด้วยมติสี่ต่อสองว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้ร้องยื่นคำร้องมาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ปรากฏแก่ตนว่าผู้ถูกร้องฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นเหตุให้ถูกยุบได้ มว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องมาล่วงระยะเวลาสิบห้าวันดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบที่จะพิจารณาวินิจฉัยคำร้องสืบไป และให้ยกคำร้อง[9]
หลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2554
หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศ ยุบสภาในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เพื่อให้จัดตั้งการเลือกตั้งทั่วไป และหลังจากที่ พรรคประชาธิปัตย์ได้แพ้การเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2554 นายอภิสิทธิ์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 และเป็นเหตุให้คณะเลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค ที่ปฏิบัติหน้าที่นั้น ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งหมด หลังจากนั้นได้มีการลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ และผลออกมาในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 หลังนายอภิสิทธิ์ พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับเลือกให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง พ.ศ. 2556
บุคลากร
หัวหน้าพรรค
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
รายนามเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน
ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ทางพรรคได้จัดประชุมใหญ่เพื่อคัดเลือกผู้บริหารพรรคชุดใหม่ 37 คน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ปรากฏว่าผลการคัดเลือก ได้แก่
- ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
- อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค
- หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองหัวหน้าพรรค
- อภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรค
- เกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรค
- จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค
- ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค
- จุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค
- กนก วงษ์ตระหง่าน รองเลขาธิการพรรค
- นราพัฒน์ แก้วทอง รองเลขาธิการพรรค
- เทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการพรรค
- ศิริโชค โสภา รองเลขาธิการพรรค
- เจิมมาศ จึงเลิศศิริ รองเลขาธิการพรรค
- องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กทม.
- สาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ภาคกลาง
- อัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ
- นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ภาคใต้
- กัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรค ภาคอีสาน
- ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค
- จุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ รองโฆษกพรรค
- มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรค
- ราเมศวร์ รัตนเชวง รองโฆษกพรรค และ คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาชาธิปัตย์
- ผ่องศรี ธาราภูมิ นายทะเบียน
- ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ เหรัญญิก
- เจะอามิง โตะตาหยง กรรมการบริหารพรรค
- ธนิตพล ไชยนันทน์ กรรมการบริหารพรรค
- รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรค
- วิรัช ร่มเย็น กรรมการบริหารพรรค
- สรรเสริญ สมะลาภา กรรมการบริหารพรรค
- นาตยา เบญจศิริวรรณ กรรมการบริหารพรรค
- อรรถพร พลบุตร กรรมการบริหารพรรค
- คำรณ บำรุงรักษ์ (สก.เขตบางนา/รองประธานสภากรุงเทพฯ) กรรมการบริหารพรรค (ตัวแทนท้องถิ่น)
- นิพนธ์ บุญทองซุ่น (ส.อบจ.ระนอง) กรรมการบริหารพรรค (ตัวแทนท้องถิ่น)
- ตรีสิทธิ ศิริวรรณ (สก.เขตพระโขนง) กรรมการบริหารพรรค (ตัวแทนท้องถิ่น)
- ขนิษฐา นิภาเกษม กรรมการบริหารพรรคฯ (ตัวแทนประธานสาขาพรรค)
- สมชาญ ศรีสองชัย กรรมการบริหารพรรคฯ (ตัวแทนประธานสาขาพรรค)
- สมบัติ ตั้งธนไพบูลย์ กรรมการบริหารพรรคฯ (ตัวแทนประธานสาขาพรรค)
- กัลยาณี ประสพสุข กรรมการบริหารพรรคฯ (ตัวแทนประธานสาขาพรรค)
- ชูศักดิ์ จึงพานิช กรรมการบริหารพรรคฯ (ตัวแทนประธานสาขาพรรค)
นายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์
ชื่อ–สกุล | ภาพ | วาระดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|
ควง อภัยวงศ์ | 2489; 2490-2491 | |
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช | 2518; 2519 | |
ชวน หลีกภัย | 2535-2538; 2540-2544 | |
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | 2551-2554 |
ผลการเลือกตั้งทั่วไป
การเลือกตั้ง | จำนวนที่นั่ง | คะแนนเสียงทั้งหมด | สัดส่วนคะแนนเสียง | ผลการเลือกตั้ง | ผู้นำเลือกตั้ง |
---|---|---|---|---|---|
ก.พ. 2500 | 31 / 283
|
31 ที่นั่ง | ควง อภัยวงศ์ | ||
ธ.ค. 2500 | 39 / 160
|
9 ที่นั่ง | |||
2512 | 57 / 219
|
18 ที่นั่ง | หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช | ||
2518 | 72 / 269
|
3,176,398 | 17.2% | 15 ที่นั่ง; พรรคร่วมรัฐบาล | |
2519 | 114 / 279
|
4,745,990 | 25.3% | 43 ที่นั่ง; พรรคร่วมรัฐบาล | |
2522 | 33 / 301
|
2,865,248 | 14.6% | 81 ที่นั่ง; ฝ่ายค้าน | พันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ |
2526 | 56 / 324
|
4,144,414 | 15.6% | 23 ที่นั่ง; พรรคร่วมรัฐบาล | พิชัย รัตตกุล |
2529 | 100 / 347
|
8,477,701 | 22.5% | 44 ที่นั่ง; พรรคร่วมรัฐบาล | |
2531 | 48 / 357
|
4,456,077 | 19.3% | 52 ที่นั่ง; พรรคร่วมรัฐบาล | |
มี.ค. 2535 | 44 / 360
|
4,705,376 | 10.6% | 4 ที่นั่ง; ฝ่ายค้าน | ชวน หลีกภัย |
ก.ย. 2535 | 79 / 360
|
9,703,672 | 21.0% | 35 ที่นั่ง; พรรคร่วมรัฐบาล | |
2538 | 86 / 391
|
12,325,423 | 22.3% | 7 ที่นั่ง; ฝ่ายค้าน | |
2539 | 123 / 393
|
18,087,006 | 31.8% | 37 ที่นั่ง; ฝ่ายค้าน | |
2544 | 128 / 500
|
7,610,789 | 26.6% | 5 ที่นั่ง; ฝ่ายค้าน | |
2548 | 96 / 500
|
4,018,286 | 16.1% | 32 ที่นั่ง; ฝ่ายค้าน | บัญญัติ บรรทัดฐาน |
2549 | 0 / 500
|
0 | 0% | คว่ำบาตร - เป็นโมฆะ | อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ |
2550 | 165 / 480
|
14,084,265 | 39.63% | 69 ที่นั่ง; ฝ่ายค้าน | |
2554 | 159 / 500
|
11,433,762 | 35.15% | 14 ที่นั่ง; ฝ่ายค้าน |
อ้างอิง
- ↑ ประวัติพรรคประชาธิปัตย์
- ↑ ข้อมูลพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่ ณ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 หนังสือชีวลิขิต โดย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
- ↑ http://www.democrat.or.th/th/news-activity/article/detail.php?ID=5387
- ↑ amp;id_main=60&p=0&ca=62&mt=175.92.185.153.216.238.33.205& amp;st=172.102.168.190.167.250.47.206 "'ปชป.' แถลงรายชื่อ 'ครม.เงา' ย้ำ เพื่อติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประชาชน". พรรคประชาธิปัตย์. 8 ก.พ. 2551. สืบค้นเมื่อ 10 ก.พ. 2551.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่า|url=
(help); ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help); ไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัปตัวเอียงหรือตัวหนาใน:|publisher=
(help)" - ↑ "'ปชป.' แถลงรายชื่อ 'ครม.เงา' ย้ำ เพื่อติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประชาชน". พรรคประชาธิปัตย์. 8 ก.พ. 2551. สืบค้นเมื่อ 10 ก.พ. 2551.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ (2553, 6 พฤษภาคม). กกต. เตรียมเชือดบุญจง แจกเบี้ยยังชีพ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <ลิงก์>. (เข้าถึงเมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553).
- ↑ (2553, 3 มกราคม). สำนวนหลวม กกต.พริ้ว คดีเงินบริจาคปชป. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: <ลิงก์>. (เข้าถึงเมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553).
- ↑ (30 พฤศจิกายน 2553). บัญญัติปัดวุ่น-รู้4:2 ปชป.รอด โต้ 2มาตรฐาน. ข่าวสด. สืบค้นเมื่อ 30-11-2553.
- ↑ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคราชกิจจานุเบกษา เล่ม 103 ตอนที่ 82ก วันที่ 15 พฤษภาคม 2529
- ↑ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยอมรับการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ตามนัยมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 104 ตอนที่ 47ก วันที่ 16 มีนาคม 2530
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหาร พรรคประชาธิปัตย์ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 117 ตอนที่ 110ง วันที่ 31 ตุลาคม 2543
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120 ตอนที่ 61ง วันที่ 30 พฤษภาคม 2546
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 122 ตอนที่ 32ง วันที่ 21 เมษายน 2548
- ↑ “อภิสิทธิ์”นั่งหัวหน้า ปชป.-โหวต“เฉลิมชัย”เป็นเลขาธิการพรรค จากแนวหน้า
แหล่งข้อมูลอื่น
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ พรรคประชาธิปัตย์
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์