ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศฟิลิปปินส์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 276: บรรทัด 276:
== เศรษฐกิจ ==
== เศรษฐกิจ ==
=== โครงสร้างเศรษฐกิจ ===
=== โครงสร้างเศรษฐกิจ ===
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)


=== การท่อง ===
694.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

{{บทความหลัก|สื่อสารมวลชนในประเทศฟิลิปปินส์}}
GDP รายหัว

7,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

อัตราการเจริญเติบโต GDP

6.2% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

GDP แยกตามภาคการผลิต

• ภาคการเกษตร 10.7%
• ภาคอุตสาหกรรม 31.5%
• ภาคการบริการ 57.8% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

อัตราการว่างงาน

7.2% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

อัตราเงินเฟ้อ (Consumer Prices)

4.5% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

ผลผลิตทางการเกษตร

อ้อย มะพร้าว ข้าว ข้าวโพด กล้วย มันสำปะหลังอัดเม็ด สัปปะรด มะม่วง เนื้อสุกร ไข่ เนื้อวัว ปลา

อุตสาหกรรม

ประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้า เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากไม้ แปรรูปอาหาร กลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ตกปลา

อัตราการเกิบโตภาคอุตสาหกรรม

7.5% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

หนี้สาธารณะ

48.4% ของ GDP (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

ดุลบัญชีเดินสะพัด

8.668 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

มูลค่าการส่งออก

53.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ f.o.b (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

สินค้าส่งออก

ผลิตภัณฑ์สารกึ่งตัวนำและอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์การขนส่ง เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ทองแดง ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม น้ำมันมะพร้าว ผลไม้

ประเทศคู่ค้า (ส่งออก)ที่สำคัญ

Japan 21.2%, US 14.5%, China 12.2%, Hong Kong 8.2%, Singapore 7.4%, South Korea 5.8%, Germany 4% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2556)

มูลค่าการนำเข้า

72.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ f.o.b (ค่าประมาณ พ.ศ. 2557)

สินค้านำเข้า

ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า แร่เชื้อเพลิง เครื่องจักรและอุปกรณ์การขนส่ง เหล็กและเหล็กกล้า สิ่งทอ ธัญพืช เคมีภัณฑ์ พลาสติก

ประเทศคู่ค้า (นำเข้า)ที่สำคัญ

China 13%, US 10.8%, Japan 8.4%, South Korea 7.8%, Singapore 6.8%, Thailand 5.5%, Saudi Arabia 4.6%, Indonesia 4.4% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2556)

สกุลเงิน

เปโซ (Philippine Peso)

สัญลักษณ์เงิน

PHP

; เกษตรกรรม : พืชเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ [[มะพร้าว]] [[อ้อย]] [[ป่านอบากา]] และ[[ข้าวเจ้า]]
; ป่าไม้ : มีป่าไม้หนาแน่น เป็นรายได้สำคัญ คือ ไม้มะฮอกกานี
; เหมืองแร่ : ฟิลิปปินส์ไม่มีแร่ดีบุก แร่ส่งออกสำคัญ คือ [[เหล็ก]] [[โครไมต์]] [[ทองแดง]] [[เงิน]]
; อุตสาหกรรม : ใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น โรงงานเยื่อกระดาษ แปรรูปไม้ [[ปูนซีเมนต์]]

;นโยบายเศรษฐกิจและสังคม :

ฟิลิปปินส์มีระบบเศรษฐกิจที่คล้ายคลึงกับไทย กล่าวคือ เป็นประเทศเกษตรกรรม ประชากร ร้อยละ 60 ประกอบอาชีพเกษตรกร อย่างไรก็ดี สภาพภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกมีน้อย โดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณที่ราบต่ำและเนินเขาที่ปรับให้เป็นขั้นบันไดในบริเวณเกาะลูซอน ขณะเดียวกันประชากรฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่นิยมประกอบอาชีพในต่างประเทศ ฟิลิปปินส์จึงพึ่งพารายได้จากแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศเพื่อการพัฒนาประเทศเป็นส่วนใหญ่

รัฐบาลภายใต้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีอาคีโน ที่สาม เน้นนโยบายสร้างวินัยทางการคลัง โดยการบริหารงบประมาณแบบสมดุล (zero - budgeting policy) เพื่อแก้ไขภาวะงบประมาณขาดดุล อันเป็นปัญหาสืบเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน ในปี 2553 รัฐบาลได้กำหนดงบประมาณขาดดุลอัตราร้อยละ 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หรือประมาณ 625 พันล้านเปโซ เนื่องจากความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณเพื่อเร่งพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค และอัดฉีดเม็ดเงินให้กับครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยสนับสนุนการสร้างกลไกความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ - เอกชน (public - private partnerships) และเร่งแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของต่างชาติ ผลักดันกฎหมายป้องกันการผูกขาด (anti - trust law) เพื่อส่งเสริมการแข่งขันอย่างเท่าเทียม รวมทั้งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนในสาขาสาธารณูปโภค การท่องเที่ยว ธุรกิจบริการ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เหมืองแร่ และเกษตรกรรม

=== การท่องเที่ยว ===
{{บทความหลัก|การท่องเที่ยว}}

== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== การคมนาคม และ โทรคมนาคม ===
==== เส้นทางคมนาคม ====
{{โครง-ส่วน}}

==== โทรคมนาคม ====
{{โครง-ส่วน}}

=== การศึกษา ===
{{บทความหลัก|การศึกษาในฟิลิปปินส์}}
*นโยบายทางการศึกษาในยุคที่เป็นอาณานิคมของสเปน
หลังจากที่ฟิลิปปินส์ตกเป็นอาณานิคมของสเปนอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1571 ระบบการศึกษาในฟิลิปปินส์ได้รับอิทธิพลจากนโยบายของจักรวรรดิสเปน สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญในการเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษาในสมัยนั้น คือ ระบบการศึกษาแบบคาทอลิก โดยศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาระบบการศึกษาทั้งในระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยภายในฟิลิปปินส์ เพราะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของสเปนในการเผยแผ่คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกในฟิลิปปินส์
ปัจจัยที่ส่งผลให้ศาสนจักรโรมันคาทอลิกประสบความสำเร็จในการปฏิรูประบบการศึกษาในประเทศฟิลิปปินส์คือ ปัจจัยด้านการถือครองที่ดิน เหตุเพราะศาสนาโรมันคาทอลิกถือครองที่ดินเป็นจำนวนมากภายในฟิลิปปินส์ ซึ่งส่งผลให้นักบวชนิกายโรมันคาทอลิกมีอิทธิพลและมีอำนาจมากในการปฏิรูประบบการศึกษา และประสบความสำเร็จในการเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกภายในฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ ระบบการศึกษาในประเทศฟิลิปปินส์ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในปี ค.ศ.1863 ผ่านกฎหมายการศึกษา (Educational Decree) ที่เน้นให้ระบบการศึกษาภายในประเทศมีความเป็นระบบ มีหลักสูตรที่มีมาตรฐาน และก่อตั้งโรงเรียนเพิ่มมากยิ่งขึ้นเพื่อรองรับประชาชนทั่วไปภายในประเทศ อย่างไรก็ดี ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบการศึกษาของคนในประเทศยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ชายและผู้หญิง และความเหลื่อมล้ำระหว่างครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและยากจน
นอกเหนือจากศาสนาและระบบการศึกษาที่เป็นระบบ ภาษาสเปนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สเปนได้ทิ้งไว้แก่ประเทศอาณานิคม ซึ่งเห็นได้จากร่องรอยของมรดกทางภาษาสเปน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาษาตากาล็อกที่ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากภาษาสเปน เช่นเดียวกับการตั้งชื่อคนในประเทศ ถนนหนทาง หรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในฟิลิปปินส์ที่ยังคงถูกเรียกขานเป็นภาษาสเปนจนถึงปัจจุบัน
นโยบายทางการศึกษาในยุคที่เป็นอาณานิคมของสหรัฐ
ในการปฏิรูประบบการศึกษาภายในฟิลิปปินส์ภายใต้อาณานิคมของสหรัฐ ยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐ คือ ความพยายามที่จะทำให้ชาวฟิลิปปินส์มีความเป็นอเมริกันมากขึ้น (Americanization) ผ่านนโยบายการศึกษาที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวอเมริกัน
ตลอดระยะเวลาที่สหรัฐปกครองฟิลิปปินส์ มีการสนับสนุนให้ใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น เพื่อลดบทบาทการใช้ภาษาท้องถิ่น โดยกว่า 5 ทศวรรษของระบบการศึกษาแบบอเมริกัน นักเรียนฟิลิปปินส์ต้องศึกษาบทประพันธ์ของกวีตะวันตกชื่อดังมากมาย อาทิ วิลเลี่ยม เชคสเปียร์ เป็นต้น ส่งผลทำให้ชาวฟิลิปปินส์ให้ความสนใจกับวรรณคดีท้องถิ่นน้อยลง และใช้ภาษาอังกฤษในชั้นเรียนและในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ถึงแม้ว่าสหรัฐ พยายามสอดแทรกวรรณกรรมตะวันตกในชีวิตประจำวันของชาวฟิลิปปินส์ แต่เมื่อเทียบกับยุคที่สเปนปกครองฟิลิปปินส์ก่อนหน้านั้น ถือได้ว่าชาวฟิลิปปินส์มีเสรีภาพในการแสดงผลงานด้านบทประพันธ์ กลอน และวารสารต่างๆ ในภาษาท้องถิ่นมากกว่าในยุคที่เป็นอาณานิคมของสเปน
อย่างไรก็ตาม ผลงานวรรณกรรมของชาวฟิลิปปินส์กลับไม่ได้รับการบรรจุในวิชาภาษาและวรรณคดีในชั้นเรียนเท่าที่ควร ซึ่งส่งผลทำให้ระบบการศึกษาแบบอเมริกันแตกต่างจากระบบการศึกษาในยุคที่เป็นอาณานิคมของสเปนโดยสิ้นเชิง นั่นคือ ชาวฟิลิปปินส์ในยุคที่ถูกปกครองโดยสหรัฐ ไม่มีโอกาสได้เรียนภาษาประจำชาติของตัวเอง เพราะภาษาท้องถิ่นถูกใช้เป็นเพียงตัวช่วยในการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ เท่านั้น อีกทั้งสหรัฐยังผูกขาดการใช้ภาษาอังกฤษในระบบการศึกษา จวบจน ค.ศ. 1940 ภายหลังจากที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองฟิลิปปินส์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ญี่ปุ่นไม่ได้มีบทบาทในการพัฒนาการศึกษาภายในประเทศฟิลิปปินส์

*นโยบายการศึกษาภายหลังยุคที่เป็นอาณานิคมของสหรัฐจวบจนปัจจุบัน
ภายหลังจากที่ฟิลิปปินส์มีอิสระในการกำหนดนโยบายการศึกษาแล้ว ฟิลิปปินส์ยังคงให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษในระบบการศึกษา พิจารณาได้จากรัฐธรรมนูญของประเทศฟิลิปปินส์ฉบับปี ค.ศ.1987 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ภาษาทางการที่ใช้ในการเรียนการสอนในโรงเรียนคือภาษาฟิลิปปินส์และภาษาอังกฤษ กระทรวงศึกษาธิการของฟิลิปปินส์ได้กำหนดให้ใช้ภาษาทั้งสองในวิชาที่แตกต่างกันในการเรียนการสอน
ในปัจจุบัน นโยบายการศึกษาของฟิลิปปินส์ยังคงเป็นไปในรูปแบบอเมริกันที่เน้นภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการเรียนการสอน ในขณะเดียวกันสถาบันทางการศึกษาหลายต่อหลายแห่งยังคงขึ้นตรงต่อระบบการศึกษาแบบคาทอลิก อาทิ มหาวิทยาลัย ดา ลา ซาน (De La Salle University) และมหาวิทยาลัย อาเตเนโอ เด มานิล่า (Ateneo de Manila University) เป็นต้น
โดยสรุป การที่นโยบายทางการศึกษาของฟิลิปปินส์ถูกควบคุมโดยประเทศเจ้าอาณานิคมอย่างสเปนและ สหรัฐ ส่งผลดีและผลเสียแตกต่างกันไป
ผลดีสำหรับฟิลิปปินส์คือ ระบบการศึกษาของฟิลิปปินส์มีคุณภาพ มีมาตรฐานและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ผ่านการปฏิรูปทางการศึกษาของสเปน รวมไปถึงการที่ประชาชนภายในประเทศมีระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่สูงขึ้นภายใต้ระบบการศึกษาแบบอเมริกัน
ผลเสียภายใต้การปกครองโดยสเปนและสหรัฐ คือ การถูกลิดรอนอิสรภาพในการกำหนดทิศทางทางการศึกษาด้วยตัวเอง อาทิ ประชาชนฟิลิปปินส์ได้รับอิทธิพลและกฎเกณฑ์ต่างๆ ภายใต้ระบบการศึกษาแบบคาทอลิก หรือการที่เอกลักษณ์ของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกรรมและภาษาท้องถิ่นได้รับการอนุรักษ์และให้ความสำคัญที่น้อยลงภายใต้ระบบการศึกษาแบบอเมริกัน

=== วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี ===
{{โครง-ส่วน}}

=== สาธารณสุข ===
{{โครง-ส่วน}}

=== สวัสดิการสังคม ===
{{โครง-ส่วน}}

== ประชากรศาสตร์ ==
{{105,000,000 ในวันที่ 1 มีนาคม 2013}}
[[ไฟล์:Philippine ethnic groups per province.PNG|thumb|200px|แผนที่แสดงชนกลุ่มน้อยต่างๆ ในฟิลิปปินส์]]
มีปัญหาชนกลุ่มน้อยมุสลิมใน[[เกาะมินดาเนา]] ซึ่งต้องการแยกตัวเป็นอิสระ เรียกว่า "[[แนวปลดปล่อยแห่งชาติโมโร]]"

=== ภาษา ===
{{บทความหลัก|ภาษาในประเทศฟิลิปปินส์}}
มีการใช้[[ภาษา]]มากกว่า 170 ภาษา โดยส่วนมากเกือบทั้งหมดนั้นเป็นตระกูลภาษาย่อยมาลาโย-โปลินีเซียนตะวันตก แต่ในปี [[พ.ศ. 2530]] รัฐธรรมนูญได้ระบุให้[[ภาษาตากาล็อก|ภาษาฟิลิปีโน]]และ[[ภาษาอังกฤษ]]เป็น[[ภาษาทางการ]]

ส่วนภาษาต่างประเทศอื่น ๆ ที่ใช้กันมากในประเทศฟิลิปปินส์มีทั้งหมด 8 ภาษา ได้แก่ [[ภาษาสเปน]] [[สำเนียงฮกเกี้ยน|ภาษาจีนฮกเกี้ยน]] [[สำเนียงแต้จิ๋ว|ภาษาจีนแต้จิ๋ว]] [[ภาษาอินโดนีเซีย]] [[ภาษาซินด์]] [[ภาษาปัญจาบ]] [[ภาษาเกาหลี]] และ[[ภาษาอาหรับ]]

โดยฟิลิปปินส์นั้น มีภาษาประจำชาติคือ ภาษา ตากาล็อก

หมายเหตุ:
จากการพูดคุยกับชาวฟิลิปปินส์ (รวมถึงนั่งดูรายการทีวีและฟังจากสถานีวิทยุ) ทราบว่า ปัจจุบัน ชาวฟิลิปปินส์ มีการใช้ภาษาที่เรียกว่า ทากรีส (Tagalog + English) คือพูดตากาล็อกคำอังกฤษคำ ผสมกันไปในประโยคสนทนา แต่เป็นที่เข้าใจกันในหมู่ของประชาชน แม้แต่ในรายการทีวีและรายการวิทยุ

=== ศาสนา ===
{{บทความหลัก|ศาสนาในประเทศฟิลิปปินส์}}
{{Bar box
| title = {{สี|white|ศาสนาในประเทศฟิลิปปินส์}}
| titlebar = blue
| left1 = '''ศาสนา'''
| right1 = '''%'''
| float = right
| bars =
{{Bar percent|[[ศาสนาคริสต์|คริสต์]]|Blue|92.9}}
{{Bar percent|[[ศาสนาอิสลาม|อิสลาม]]|Green|5.6}}
{{Bar percent|[[ศาสนาฮินดู|ฮินดู]]|red|1}}
{{Bar percent|ศาสนาอื่น ๆ|orange|0.5}}
}}
[[ไฟล์:Philippines Christian-Muslim Division Map (by majority).png|thumb|200px|สัดส่วนของศาสนาต่างๆ ในฟิลิปปินส์ สีน้ำเงินคือ[[ศาสนาคริสต์]] สีเขียวคือ[[ศาสนาอิสลาม]]]]
ในปี ค.ศ. 2014<ref>[https://en.wikipedia.org/wiki/Religion_in_the_Philippines] Religion in the Philippines</ref> ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีประชากรนับถือ แบ่งได้ดังนี้ [[ศาสนาคริสต์]] 92.9% ([[นิกายโรมันคาทอลิก]] 82.9% [[นิกายโปรเตสแตนต์]] 10%) [[ศาสนาอิสลาม]] 5.6% [[ศาสนาฮินดู]] 1% และศาสนาอื่น ๆ 0.5%

== วัฒนธรรม ==
{{บทความหลัก|วัฒนธรรมฟิลิปปินส์}}
ฟิลิปปินส์เป็นประเทศเดียวใน[[เอเชียตะวันออกเฉียงใต้]]ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตกก่อนจะได้มีโอกาสพัฒนาวัฒนธรรมของตัวเอง วัฒนธรรมฟิลิปปินส์จะมีส่วนคล้ายกับประเทศใน[[ละตินอเมริกา]] ประชาชนแบ่งออกเป็นชุมนุมชนทางเชื้อชาติและภาษาที่แตกต่างกัน

=== อาหาร ===
{{บทความหลัก|อาหารฟิลิปปินส์}}
[[อาโดโบ]] เป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของประเทศฟิลิปปินส์ และเป็นที่นิยมของนักเดินทางหรือนักเดินเขา ทำจากหมูหรือไก่ที่ผ่านกรรมวิธีหมักและปรุงรสโดยจะใส่ซีอิ๊วขาว น้ำส้มสายชู กระเทียมสับ ใบกระวาน พริกไทยดำ นำไปทำให้สุกโดยใส่ในเตาอบหรือทอด และรับประทานกับข้าว

=== ศิลปะ ===
{{โครง-ส่วน}}

=== สื่อสารมวลชน ===
{{บทความหลัก|สื่อสารมวลชนในประเทศฟิลิปปินส์}}
{{โครง-ส่วน}}

=== กีฬา ===
{{บทความหลัก|ฟิลิปปินส์ในโอลิมปิก|ฟิลิปปินส์ในเอเชียนเกมส์}}
== ดูเพิ่ม ==

== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง|}}

== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{Sister project links|voy=Philippines}}

; รัฐบาล
* [http://www.gov.ph/ Official website of the Official Gazette of the Philippines]
* [http://www.congress.gov.ph/ Official website of the House of Representatives of the Philippines]
* [http://www.judiciary.gov.ph/ Official website of the Supreme Court of the Philippines]
* [http://www.bsp.gov.ph/ Official website of Bangko Sentral ng Pilipinas (Central Bank of the Philippines)]
* [http://www.neda.gov.ph/ Official website of the National Economic and Development Authority (NEDA)]
* [http://www.bas.gov.ph/ Official website of the Bureau of Agricultural Statistics]
* [http://www.pnp.gov.ph/ Official website of the Philippine National Police (PNP)]
* [http://www.tourism.gov.ph/ Official website of the Department of Tourism]

; ข้อมูลพื้นฐาน
* [https://www.cia.gov/library/publications/world-leaders-1/world-leaders-p/philippines.html Chiefs of State and Cabinet Members]
* [http://www.bbc.co.uk/news/world-asia-15521300 Philippines profile] from the [[BBC News]]
* [http://web.archive.org/web/20110521230339/http://ucblibraries.colorado.edu/govpubs/for/philippines.htm Philippines] at UCB Libraries GovPubs
* [http://www.wiki.answers.com/Q/FAQ/2802 WikiAnswers: Q&A about the Philippines]
* {{Wikia|Philippines|Philippines}}
* {{CIA World Factbook link|rp|Philippines}}
* {{dmoz|Regional/Oceania/Philippines}}
* [http://www.britannica.com/EBchecked/topic/456399/Philippines Philippines] at ''[[Encyclopædia Britannica]]''
* [http://www.noypi.ph/ Philippine News and Current Events]
* [http://www.pima.org/contentpage/News.aspx Philippines News and Press Release Distribution]
* [http://www.ifs.du.edu/ifs/frm_CountryProfile.aspx?Country=PH Key Development Forecasts for the Philippines] from [[International Futures]]

; หนังสือ และ หัวข้อที่นาสนใจ
* [http://www.gutenberg.org/browse/authors/b#a2296 History of the Philippine Islands] in many volumes, from [[Project Gutenberg]] (indexed under [[Emma Helen Blair]], the general editor)
* [http://newsweek.washingtonpost.com/postglobal/america/philippines/ Washington Post – How the Philippines Sees America]

; สื่อ
<!--Do not add commercial links or your website. Suggest them via the discussion page. Failure to do so will mean the deletion of your websites as spam.-->
* [[meta:Wikimedia Philippines|Wikimedia Philippines]]
* {{Wikiatlas|Philippines}}

; อื่นๆ
<!--Do not add commercial links or your website. Suggest them via the discussion page. Failure to do so will mean the deletion of your websites as spam.-->
* [http://www.adb.org/ Asian Development Bank (ADB)]
* [http://www.filipiniana.net/ Filipinana.net – Free digital library and a research portal]
* [http://www.wikimapia.org/#y=12554564&x=122915039&z=6&l=0&m=a WikiSatellite view of Philippines] at [[WikiMapia]]
* {{Wikivoyage|Philippines}}


{{ประเทศฟิลิปปินส์}}
{{ประเทศฟิลิปปินส์}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:11, 30 สิงหาคม 2560

สาธารณรัฐฟิลิปปินส์

Republic of the Philippines (อังกฤษ)
Republika ng Pilipinas (ฟิลิปปินส์)
คำขวัญMaka-Diyos, Makatao, Makakalikasan, at Makabansa
"เพื่อพระเป็นเจ้า ประชาชน ธรรมชาติ และประเทศ"
เพลงชาติLupang Hinirang
"แผ่นดินที่ถูกเลือก"
สถานที่ตั้งประเทศฟิลิปปินส์ (สีเขียว) ประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่มอาเซียน (สีเทาเข้ม)
สถานที่ตั้งประเทศฟิลิปปินส์ (สีเขียว)
ประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่มอาเซียน (สีเทาเข้ม)
เมืองหลวงมะนิลา
เมืองใหญ่สุดนครเกซอน
ภาษาราชการภาษาฟิลิปีโน
ภาษาอังกฤษ
การปกครองสาธารณรัฐเดี่ยวระบบประธานาธิบดี
โรดรีโก ดูแตร์เต
• รองประธานาธิบดี
เลนี โรเบรโด
ได้รับเอกราช 
• ประกาศ
12 มิถุนายน พ.ศ. 2441
• เป็นที่ยอมรับ
4 กรกฎาคม พ.ศ. 2489
25 มีนาคม พ.ศ. 2529
พื้นที่
• รวม
300,000 ตารางกิโลเมตร (120,000 ตารางไมล์) (72)
0.6
ประชากร
• 8 สิงหาคม 2560 ประมาณ
104,424,000 (13)
276 ต่อตารางกิโลเมตร (714.8 ต่อตารางไมล์) (42)
จีดีพี (ราคาตลาด) 2560 (ประมาณ)
• รวม
$ 329.716 พันล้าน
$ 3,102
เอชดีไอ (2558)เพิ่มขึ้น 0.682
ข้อผิดพลาด: ค่า HDI ไม่ถูกต้อง · 116th
สกุลเงินเปโซฟิลิปปินส์ (PHP)
เขตเวลาUTC+8 (PST)
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)
ไม่ใช้
ขับรถด้านขวามือ
รหัสโทรศัพท์63
รหัส ISO 3166PH
โดเมนบนสุด.ph

ฟิลิปปินส์ (อังกฤษ: Philippines; ฟิลิปปินส์: Pilipinas) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (อังกฤษ: Republic of the Philippines; ฟิลิปปินส์: Republika ng Pilipinas) เป็นประเทศเอกราชที่เป็นหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ประกอบด้วยเกาะ 7,641 เกาะ[1] ซึ่งจัดอยู่ในเขตภูมิศาสตร์ใหญ่ 3 เขตจากเหนือจรดใต้ ได้แก่ ลูซอน, วิซายัส และมินดาเนา เมืองหลวงของประเทศคือมะนิลา ส่วนเมืองที่มีประชากรมากที่สุดคือนครเกซอน ทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของเมโทรมะนิลา[2] ฟิลิปปินส์มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลจีนใต้ทางทิศตะวันตก ทะเลฟิลิปปินทางทิศตะวันออก และทะเลเซเลบีสทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีพรมแดนทางทะเลร่วมกับไต้หวันทางทิศเหนือ ปาเลาทางทิศตะวันออก มาเลเซียและอินโดนีเซียทางทิศใต้ และเวียดนามทางทิศตะวันตก

ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในแถบวงแหวนไฟและใกล้กับเส้นศูนย์สูตร ทำให้มีแนวโน้มสูงที่จะประสบภัยจากแผ่นดินไหวและไต้ฝุ่น แต่ก็ทำให้มีทั้งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยิ่งเช่นกัน ฟิลิปปินส์มีเนื้อที่ประมาณ 300,000 ตารางกิโลเมตร (115,831 ตารางไมล์)[3] และมีประชากรประมาณ 100 ล้านคน[4][5] นับเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ในเอเชีย และเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของโลก นอกจากนี้ ณ ปี พ.ศ. 2556 ยังมีชาวฟิลิปปินส์อีกประมาณ 10 ล้านคนอาศัยอยู่ในต่างประเทศ[6] รวมแล้วถือเป็นกลุ่มคนพลัดถิ่นที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก ความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมปรากฏให้เห็นตลอดทั้งหมู่เกาะ ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์กลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งรกรากในหมู่เกาะแห่งนี้คือกลุ่มชนนิกรีโต ตามมาด้วยกลุ่มชนออสโตรนีเซียนที่อพยพเข้ามาอย่างต่อเนื่อง[7] มีการติดต่อแลกเปลี่ยนกับชาวจีน มลายู อินเดีย และอาหรับ จากนั้นก็เกิดนครรัฐทางทะเลขึ้นมาหลายแห่งภายใต้การปกครองของดาตู, ลากัน, ราชา หรือสุลต่าน

เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน ได้มาขึ้นฝั่งที่เกาะโฮโมนโฮน (ใกล้กับเกาะซามาร์) ในปี พ.ศ. 2063 (ค.ศ. 1521) นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคแห่งอิทธิพลและอำนาจของสเปน ในปี พ.ศ. 2085 (ค.ศ. 1542) นักสำรวจชาวสเปนชื่อ รุย โลเปซ เด บิยาโลโบส ได้ตั้งชื่อเกาะซามาร์และเลเตรวมกันว่า "หมู่เกาะเฟลีเป" หรือ "อิสลัสฟิลิปินัส" ([Islas Filipinas] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) เพื่อเป็นเกียรติแด่เจ้าชายเฟลีเปแห่งอัสตูเรียส (ต่อมา อิสลัสฟิลิปินัสได้กลายเป็นชื่อเรียกกลุ่มเกาะทั้งหมด) ในปี พ.ศ. 2108 (ค.ศ. 1565) มิเกล โลเปซ เด เลกัซปี ได้จัดตั้งนิคมสเปนแห่งแรกบนเกาะเซบู[8] ฟิลิปปินส์กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิสเปนเป็นเวลานานกว่า 300 ปี ส่งผลให้ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกกลายเป็นศาสนาหลักของผู้คนในหมู่เกาะ ในช่วงเวลานี้ มะนิลามีฐานะเป็นศูนย์กลางการบริหารของจักรวรรดิสเปนในเอเชีย และยังเป็นศูนย์กลางทางทิศตะวันตกของการค้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก โดยเชื่อมโยงเอเชียเข้ากับเมืองอากาปุลโกในอเมริกาผ่านทางเรือใบมะนิลา[9]

ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 25 (ปีท้าย ๆ ของคริสต์ศตวรรษที่ 19) ความพยายามต่อต้านการปกครองของสเปนได้ปะทุขึ้นเป็นการปฏิวัติฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ที่ 1 ได้รับการสถาปนาขึ้นแต่ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นาน เพราะสเปนได้ยกฟิลิปปินส์ให้แก่สหรัฐอเมริกาหลังจากแพ้สงครามสเปน-สหรัฐอเมริกา ความไม่ลงรอยกันระหว่างรัฐบาลปฏิวัติกับสหรัฐอเมริกาก่อให้เกิดสงครามฟิลิปปินส์-สหรัฐอเมริกาอันนองเลือด โดยกองทัพสหรัฐเป็นฝ่ายมีชัย[10] นอกเหนือจากช่วงที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองแล้ว สหรัฐอเมริกาสามารถรักษาอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะนี้ไว้ได้จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อฟิลิปปินส์ได้รับการรับรองว่าเป็นประเทศเอกราช ตั้งแต่นั้นมา ฟิลิปปินส์ก็ประสบความวุ่นวายทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งรวมถึงการล้มล้างผู้เผด็จการโดยการปฏิวัติที่ปราศจากความรุนแรง[11]

ฟิลิปปินส์เป็นสมาชิกจัดตั้งองค์การสหประชาชาติ องค์การการค้าโลก สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย[12] ปัจจุบันประเทศนี้ได้รับการพิจารณาว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ (emerging market) และเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่[13] ซึ่งมีระบบเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบที่พึ่งพิงภาคเกษตรกรรมเป็นระบบที่พึ่งพิงภาคบริการและภาคการผลิตมากขึ้น[14]

ภูมิศาสตร์ ประเทศลาวๆ

นาขันบันได

ฟิลิปปินส์มีที่ราบอยู่น้อย เป็นที่ราบแคบ ๆ ที่ราบสำคัญ คือ ที่ราบตอนกลางของเกาะลูซอน เรียกว่า ที่ราบมะนิลา เป็นที่ราบที่ใหญ่ที่สุด

ลักษณะภูมิอากาศ : มรสุมเขตร้อน ได้รับความชุ่มชื้นจากลมมรสุมทั้ง 2 ฤดูได้รับฝนจากลมพายุไต้ฝุ่น และดีเปรสชัน บริเวณที่ฝนตกมากที่สุด คือ เมืองบาเกียว เป็นเมืองที่ฝนตกมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเด็กหัวเกรียนเต็มประเทศ

ประวัติศาสตร์ หัวคุ

ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เงื่ยนนโวยยยยยยยยยย

Ferdinand Magellan

หลักฐานทางโบราณคดีและโบราณชีววิทยาบ่งบอกว่ามีมนุษย์โฮโมเซเปียนส์ เคยอาศัยอยู่ในเกาะปาลาวันตั้งแต่ประมาณ 50,000 ปีก่อน ชนเผ่าที่พูดภาษาในตระกูลออสโตรนีเซียนซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะฟอร์โมซา (Formasa) หรือไต้หวันในปัจจุบันได้อพยพโดยทางเรือเข้ามาตั้งรกรากในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และจัดตั้งเส้นทางเครือข่ายการค้ากับเอเชียอาคเนย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดตั้งแต่ 5,000 ปีก่อนคริสตกาล สภาพดั่งเดิมของฟิลิปปินส์ อยู่ในสภาพของยุคหินใหม่ ยังไม่ได้รับอิทธิพลของอารยธรรมอินเดียและจีน ดังเช่นประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชนชาวพื้นเมืองดั้งเดิมเป็นชนเชื้อสายอินโดนีเซีย – มลายูซึ่งอพยพเข้ามาตั่งถิ่นฐานบริเวณเกาะต่าง ๆ ของฟิลิปปินส์ การมาตั้งถิ่นฐานนั้น มาโดยเรือเป็นกลุ่ม ๆ แต่ละกลุ่มแยกย้ายไปตั้งหมู่บ้านเรีนกว่า บารังไก (Barangay) ตามชื่อเรือที่ใช้อพยพมา มีหัวหน้าหมู่บ้านเรียกว่า ดาดู (Datu) ซึ่งเคยเป็นกัปตันเรือ การตั้งหมู่บ้านจะกระจายไปตามเกาะ ทำให้การติดต่อระหว่างกันไม่ค่อยมี ส่วนในด้านการปกครองนั้นเป็นแบบพ่อปกครองลูก โครงสร้างทางการปกครองเป็นแบบง่าย ๆ มี 4 ชนชั้นคือ ดาตู แลครอบครัว ขุนนาง อิสระชน ทาส ในส่วนของกฎหมายและกฎระเบียบการปกครองนั้นยังไม่มี สถาบันที่สำคัญคือ ศาสนา ซึ่งมีพ่อมดหมอผีเป็นผู้มีอิทธิพลในสังคม จากการนับถือศาสนาเป็นแบบ นับถือภูตผี บูชาธรรมชาติ พวกเขาเชื่อว่ามีพระผู้สร้างโลกสูงสุด คือ บาฮารา (Bathala) และบาอารามีสาวก ฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว เรียกว่า ดิวาทาส (Diwatas) เป็นผู้กำหนดการประกอบพิธีบวงสรวง เทพฝ่ายดีและฝ่ายชั่วคือ พ่อมด หมอผี ว่าจะประกอบพิธีเมื่อไหร่ ที่ใด สถานที่ประกอบพิธีนั้นไม่มีเฉพาะ พ่อมด หมอผีจะเป็นผู้กำหนด ที่เป็นดังนี้เพราะสภาพภูมิศาสตร์ และสภาพธรรมชาติของหมู่เกาะ ซึ่งฟิลิปปินส์นั้นมีภัยธรรมชาติอยู่เนือง ๆ จึงทำให้พ่อมด หมอผีมีอิทธิพลต่อประชาชนมาก และมากกว่าหรือเท่ากับดาตู อีกทั้งยังได้รับค่าประกอบพิธี เครื่องเซ่นสังเวยจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ทางด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาชนทำการเกษตรและการประมง ไม่มีการค้าขาย มีแต่การแลกเปลี่ยนสินค้า และไม่มีการใช้เงินตรา นาน ๆ ครั้งจะมีพ่อค้าต่างชาติแวะมาจอดเรือแลกเปลี่ยนสินค้า

ยุคอิสลาม ผมอาสะมะบินราดิน

นับแต่คริสต์ศตวรรษที่ 9 ศาสนาอิสลามได้แผ่เข้าสู่หมู่เกาะทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์หรือมานบูลาส แล้วครั้นถึงปี ค.ศ. 1380 ชาวมุสลิมก็สามารถสถาปนารัฐอิสลามขึ้นในหมู่เกาะซูลู โดยมีนักเผยแผ่ศาสนาที่ชื่อ ชันค์ ชะรีฟ กะรีม มัคดุม เข้ามาเผยแผ่อิสลามในหมู่เกาะต่างๆ ของซูลู ก่อนหน้านั้นเป็นเวลานาน จนกระทั่ง ซัยยิด อบูบักร อิบนุ ชะรีฟ มุฮำหมัด อิบนิ อะลี อิบนี ซัยบิลอาบีดีน ได้เดินทางจากรัฐสุลต่านแห่งยะโฮร์ (Johor) มายังหมู่เกาะซูลูในราวปี ค.ศ. 1450 ซัยยิด อบูบักรได้มาถึงซูลูหลังจากรายา บะกินดา จากมินังกะเบา สุมาตรา ได้ลงพำนัก และเผยแผ่ศาสนาอิสลามในหมู่เกาะซูลูเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ซัยยิด อบูบักรได้สมรสกับบุตรีของรายาบะกินดา ที่มีนามว่า ประไหมสุหรี เมื่อรายาบะกินดา สิ้นชีวิต ซัยยิด อบูบักร ก็กลายเป็นผู้สืบทอดอำนาจและได้รับการขนานนามว่า สุลต่านแห่งซูลู

ยุคอาณานิโกเมโซโกลัมปัสคิคิคุคุ

เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน มาถึงหมู่เกาะฟิลิปปินส์ในปี ค.ศ. 1521 (พ.ศ. 2064) มีเกล โลเปซ เด เลกัซปี มาถึงฟิลิปปินส์ในปี ค.ศ. 1565 (พ.ศ. 2108) และตั้งชุมชนชาวสเปนขึ้น ซึ่งนำไปสู่การตั้งอาณานิคมในเวลาต่อมา หลังจากนั้น นักบวชศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกได้แปรศาสนาของชาวเกาะทั้งหมดให้หันมานับถือศาสนาคริสต์ ในช่วง 300 ปีนับจากนั้น กองทัพสเปนได้ต่อสู้กับเหตุการณ์กบฏต่าง ๆ มากมาย ทั้งจากชนพื้นเมืองและจากชาติอื่นที่พยายามเข้ามาครอบครองอาณานิคม ซึ่งได้แก่ อังกฤษ จีน ฮอลันดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และโปรตุเกส สเปนสูญเสียไปมากที่สุดในช่วงที่อังกฤษเข้าครอบครองเมืองหลวงเป็นการชั่วคราวในช่วงสงครามเจ็ดปี (Seven Years' War) หมู่เกาะฟิลิปปินส์อยู่ใต้การปกครองของสเปนในฐานะอาณานิคมของสเปนใหม่ (New Spain) นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1565 (พ.ศ. 2108) ถึงปี ค.ศ. 1821 (พ.ศ. 2364) และนับจากนั้นฟิลิปปินส์ก็อยู่ใต้การปกครองของสเปนโดยตรง การเดินเรือมะนิลาแกลเลียน (Manila Galleon) จากฟิลิปปินส์ไปเม็กซิโก เริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 และหมู่เกาะฟิลิปปินส์เปิดตัวเองเข้าสู่การค้าโลกในปี ค.ศ. 1834

รัฐอารักขาของสหรัฐอเมริกา

การเมืองการปกครอง

บริหารงานและการปกครองที่กากจิงๆ

นิติบัญญัติกากๆ

ตุลาการลาวๆ

สิทธิมนุษยชน

การแบ่งเขตการปกครอง

ฟิลิปปินส์แบ่งเป็นหน่วยรัฐบาลท้องถิ่น (local government units, LGUs) โดยที่มีจังหวัดเป็นหน่วยหลัก ปัจจุบันมี 81 จังหวัด (provinces) แบ่งออกเป็น นคร (cities) และ เทศบาล (municipalities) ซึ่งหน่วยการปกครองทั้งสองยังประกอบไปด้วย บารังไกย์ (barangay) อีกทอดหนึ่ง ถือเป็นหน่วยรัฐบาลท้องถิ่นที่เล็กที่สุด

ฟิลิปปินส์แบ่งออกเป็น 17 เขต (regions) ซึ่งทุกจังหวัดได้ถูกจัดอยู่ใน 16 เขตเพื่อความสะดวกในการปกครอง ยกเว้นเขตนครหลวง (National Capital Region) ที่แบ่งออกเป็นเขตพิเศษ 4 แห่ง

หน่วยงานของรัฐบาลส่วนใหญ่จะตั้งสำนักงานในแต่ละภูมิภาค เพื่อรับใช้ประชาชนในจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาคนั้น ๆ ภูมิภาคไม่มีรัฐบาลท้องถิ่นแยกต่างหาก ยกเว้นเขตปกครองตนเองในมินดาเนามุสลิมและเขตบริหารคอร์ดิลเลราซึ่งปกครองตนเอง ไม่ได้ให้ผู้อื่นปกครอง

เขตและจังหวัด


เขตบริหาร เขตปกครองตนเอง
จังหวัด

นโยบายประเทศ

ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา

ฟิลิปปินส์มีความผูกพันแน่นแฟ้นกับสหรัฐ ฯ มากที่สุด จนกล่าวกันว่า ฟิลิปปินส์เป็นรัฐ 51 ของสหรัฐ ฯ ในขณะนั้น หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐ ฯ ได้ให้ความช่วยเหลือทางทหาร เศรษฐกิจและวัฒนธรรมแก่ฟิลิปปินส์เป็นอันมาก ได้มีข้อตกลง และสัญญาทางทหารระหว่างกันอยู่สามฉบับ หลังจากเวียดนามใต้ และกัมพูชาตกเป็นของคอมมิวนิสต์ เมื่อปี พ.ศ. 2518ได้มีการกล่าวถึงปัญหาฐานทัพสหรัฐ ฯ ในฟิลิปปินส์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2519สหรัฐ ฯ และฟิลิปปินส์ได้นำข้อตกลงฉบับแรกที่ทำไว้ เมื่อปี พ.ศ. 2490 มาทบทวน เพื่อแก้ไขใหม่ มีการเจรจากันหลายครั้ง ในที่สุดได้บรรลุข้อตกลงในปี พ.ศ. 2522 โดยสหรัฐ ฯ ยืนยันในอธิปไตยของฟิลิปปินส์ เหนือฐานทัพสหรัฐ ฯ ในฟิลิปปินส์ทุกแห่ง

กองทัพประยุธ

กองทัพนิโก

กองทัพเกย์

กองทัพกะหงี่

กองกำลังกึ่งเพศ

เศรษฐกิจ

โครงสร้างเศรษฐกิจ

การท่อง

  1. "More islands, more fun in PH". CNN Philippines. February 20, 2016. สืบค้นเมื่อ February 20, 2016. {{cite news}}: ไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัปตัวเอียงหรือตัวหนาใน: |publisher= (help)
  2. "Metro Manila Official Website". Metro Manila Development Authority. สืบค้นเมื่อ December 17, 2015.
  3. "Geoba.se: Gazetteer – The World – Top 100+ Countries by Area – Top 100+ By Country ()". geoba.se. สืบค้นเมื่อ December 17, 2015.
  4. "Philippines joyous as baby Chonalyn's arrival means population hits 100m". the Guardian.
  5. "Philippine population officially hits 100 million". Rappler.
  6. "Stock Estimate of Filipinos Overseas As of December 2013" (PDF). Philippine Overseas Employment Administration. สืบค้นเมื่อ 2015-09-19.
  7. Isidore Dyen (1965). "A Lexicostatistical Classification of the Austronesian Languages". Internationald Journal of American Linguistics, Memoir. 19: 38–46.
  8. "History of Cebu". Cebu City Tour. สืบค้นเมื่อ February 22, 2013.
  9. Kane, Herb Kawainui (1996). "The Manila Galleons". ใน Bob Dye (บ.ก.). Hawaiʻ Chronicles: Island History from the Pages of Honolulu Magazine. Vol. I. Honolulu: University of Hawaii Press. pp. 25–32. ISBN 0-8248-1829-6.
  10. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Constantino1975
  11. "The Original People Power Revolution". QUARTET p. 77. สืบค้นเมื่อ February 28, 2008.
  12. admin. "Departments and Offices". Asian Development Bank. Asian Development Bank. สืบค้นเมื่อ November 26, 2015.
  13. "The N-11: More Than an Acronym – Goldman Sachs" (PDF). The Goldman Sachs Group, Inc. March 28, 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-07-19.
  14. CIA World Factbook, Philippines, Retrieved May 15, 2009.