ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 53: บรรทัด 53:
== ผลการแข่งขัน ==
== ผลการแข่งขัน ==


ผลการแข่งขันจนนับจากปี พ.ศ. 2477 ถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะ 24 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะ 18 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง ดังนี้<ref>ชมพู-เหลืองแสด, ฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ศึกแห่งตำนาน ศักดิ์ศรี และมิตรภาพ, สยามกีฬา, ปีที่ 28, ฉบับที่ 10184, 20 มกราคม 2556, หน้า 19</ref>
ผลการแข่งขันจนนับจากปี พ.ศ. 2477 ถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะ 24 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะ 18 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง ดังนี้

{|class="wikitable sortable" style="width: 25em; font-size: 95%;"
|-
|style="text-align:center; background:#DB7093"| จุฬาฯ ชนะ
|style="text-align:center; background:#FBC200"| ธรรมศาสตร์ชนะ
|style="text-align:center;"| เสมอ
|-
|}

{| width="100%" style="text–align:center;margin–left:1em;"
|-
|
{|class="wikitable sortable"
!class="unsortable"|ครั้งที่
!class="unsortable"|วันที่
!ฝ่ายที่ชนะ
!จำนวนประตู
|-
|1 ||4 ธันวาคม พ.ศ. 2477||เสมอ||1–1
|-
|2||พ.ศ. 2478||เสมอ||3–3
|-
|3 ||พ.ศ. 2479|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||4–1
|-
|4 ||พ.ศ. 2480|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||2–1
|-
|5 ||พ.ศ. 2481|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||2–1
|-
|6 ||พ.ศ. 2482||เสมอ||0–0
|-
|7||พ.ศ. 2483||เสมอ||2–2
|-
|8||พ.ศ. 2484|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||2–0
|-
|9||พ.ศ. 2486|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||3–1
|-
|10||30 ธันวาคม พ.ศ. 2492|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||3–2
|-
|11||30 ธันวาคม พ.ศ. 2493|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ||5–3
|-
|12||27 ธันวาคม พ.ศ. 2495||เสมอ ||0–0
|-
|13||19 ธันวาคม พ.ศ. 2496|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||3–1
|-
|14||25 ธันวาคม พ.ศ. 2497|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||1–0
|-
|15||24 ธันวาคม พ.ศ. 2498||เสมอ||2–2
|-
|16||25 ธันวาคม พ.ศ. 2499||เสมอ||0–0
|-
|17||21 ธันวาคม พ.ศ. 2500|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||3–1
|-
|18||20 ธันวาคม พ.ศ. 2501|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||3–2
|-
|19||26 ธันวาคม พ.ศ. 2502|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||2–1
|-
|20||27 ธันวาคม พ.ศ. 2503||เสมอ||1–1
|-
|21||23 ธันวาคม พ.ศ. 2504||เสมอ||1–1
|-
|22||22 ธันวาคม พ.ศ. 2505||เสมอ||0–0
|-
|23||8 มกราคม พ.ศ. 2506|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์ ||3–1
|-
|24||26 ธันวาคม พ.ศ. 2507|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||3–0
|-
|25||25 ธันวาคม พ.ศ. 2508|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||2–1
|-
|26||24 ธันวาคม พ.ศ. 2509|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||2–0
|-
|27||30 ธันวาคม พ.ศ. 2510||เสมอ||1–1
|-
|28||21 ธันวาคม พ.ศ. 2511|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ||2–0
|-
|29||27 ธันวาคม พ.ศ. 2512|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||1–0
|-
|30||30 มกราคม พ.ศ. 2514||เสมอ||0–0
|-
|31||29 มกราคม พ.ศ. 2515|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||4–0
|-
|32||23 ธันวาคม พ.ศ. 2515|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||2–1
|-
|33||31 มกราคม พ.ศ. 2519|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||2–0
|-
|34||21 มกราคม พ.ศ. 2521|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||1–0
|-
|35||20 ธันวาคม พ.ศ. 2522|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||2–0
|-
|36||20 มกราคม พ.ศ. 2523||เสมอ||0–0
|-
|37
|31 มกราคม พ.ศ. 2524
|เสมอ
|1–1
|-
|}
|valign="top"|<!-- แยกตารางซ้ายขวา -->
{|class="wikitable sortable"
!class="unsortable"|ครั้งที่
!class="unsortable"|วันที่
!ฝ่ายที่ชนะ
!จำนวนประตู
|-
|38||27 มกราคม พ.ศ. 2525||เสมอ||2–2
|-
|39||29 มกราคม พ.ศ. 2526||เสมอ||1–1
|-
|40||21 มกราคม พ.ศ. 2527|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||1–0
|-
|41||27 มกราคม พ.ศ. 2528||เสมอ||1–1
|-
|42||26 มกราคม พ.ศ. 2529||เสมอ||1–1
|-
|43||25 มกราคม พ.ศ. 2530|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||1–0
|-
|44||30 มกราคม พ.ศ. 2531|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||2–1
|-
|45||21 มกราคม พ.ศ. 2532|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||2–0
|-
|46||20 มกราคม พ.ศ. 2533||เสมอ||1–1
|-
|47||19 มกราคม พ.ศ. 2534||เสมอ||0–0
|-
|48||18 มกราคม พ.ศ. 2535||เสมอ||1–1
|-
|49||23 มกราคม พ.ศ. 2536|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||2–1
|-
|50||22 มกราคม พ.ศ. 2537||เสมอ||2–2
|-
|51||21 มกราคม พ.ศ. 2538|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||2–1
|-
|52||20 มกราคม พ.ศ. 2539|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||1–0
|-
|53||18 มกราคม พ.ศ. 2540||เสมอ||1–1
|-
|54||7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541||เสมอ||0–0
|-
|55||23 มกราคม พ.ศ. 2542|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||2–1
|-
|56||15 มกราคม พ.ศ. 2543||เสมอ||0–0
|-
|57||20 มกราคม พ.ศ. 2544|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||2–0
|-
|58||19 มกราคม พ.ศ. 2545||เสมอ||2–2
|-
|59||25 มกราคม พ.ศ. 2546||เสมอ||0–0
|-
|60||24 มกราคม พ.ศ. 2547||เสมอ||0–0
|-
|61||22 มกราคม พ.ศ. 2548|| style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์ ||1–0
|-
|62||21 มกราคม พ.ศ. 2549|| style="background: #DB7093;" |จุฬาฯ ||2–0
|-
|63||20 มกราคม พ.ศ. 2550||เสมอ||1–1
|-
|64||17 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ||เสมอ ||0–0
|-
|65||31 มกราคม พ.ศ. 2552 || style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์||2–0
|-
|66||16 มกราคม พ.ศ. 2553 || เสมอ|| 0–0
|-
|67||5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 || style="background: #DB7093;" | จุฬาฯ || 3–1
|-
|68||25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 || style="background: #DB7093;" | จุฬาฯ || 1–0
|-
|69||2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 || style="background: #DB7093;" | จุฬาฯ || 1–0
|-
|70||7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 || style="background:#FBC200" |ธรรมศาสตร์ || 2–0
|-
|71||13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 || style="background:#FBC200" | ธรรมศาสตร์ || 5–1
|-
|[[ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72|72]]||3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 || เสมอ
|| 1–1
|-
|[[ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 73|73]]||9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 || style="background: #DB7093;" | จุฬาฯ || 2–1
|-
|[[ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74|74]]||8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563​ || style="background: #DB7093;" | จุฬาฯ || 2–1
|-
|}
|}


== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:03, 26 พฤศจิกายน 2565

งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ หรือ งานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ เป็นการแข่งขันประเพณีระหว่างกับ 2 มหาวิทยาลัยเก่าแก่ของ เริ่มจัดกิจกรรมครั้งแรกในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477 แต่ละมหาวิทยาลัยจะสลับกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทุกปี ชื่อของมหาวิทยาลัยที่เป็นเจ้าภาพจะได้รับเกียรติให้ขึ้นต้นชื่องานฟุตบอลประเพณีในปีนั้น สถานที่จัดการแข่งขันจะไม่สลับตามเจ้าภาพ แต่จะจัดงานที่สนามศุภชลาศัย เป็นประจำทุกปี กองเชียร์ของมหาวิทยาลัยเจ้าภาพจะใช้อัฒจันทร์ฝั่งทิศเหนือ อีกฝ่ายจะใช้อัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้

กิจกรรมภายในงานอาจแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การแข่งขันฟุตบอล และกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างนิสิตจุฬาฯ กับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เช่น การเดินพาเหรด การเชียร์ การแปรอักษร ขบวนพาเหรดล้อการเมืองและกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ในทุกๆ ปี บรรยากาศภายในงานจะถ่ายทอดสดผ่านทาง และ ตามลำดับ ยกเว้น ครั้งที่ 70 (มีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่องร่วมอยู่ด้วย) และ ครั้งที่ 72 และ 74 ที่ถ่ายทอดสดเฉพาะช่องในระบบความคมชัดสูง รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการจัดงานทุกปีจะนำไปบริจาคเป็นสาธารณกุศล

ผลการแข่งขันถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชนะ 24 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชนะ 18 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง

ราชกุศัย

กระราชทานถ้วยรางวัลมีขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2492 เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารดนองค์ประธาน จนปี พ.ศ. 2495 พระบาทสมเด็จูิตรเสด็จพระราชดำเนินมาธานและพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เอง แต่ปัจจุให้ผู้แทนพระองค์มาแทน

เหตุการณ์ที่ทำให้ต้องยกเลิกการจัดงานฟุตบอลประเพณีมีหลายครั้ง เช่น ในปี พ.ศ. 2485 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่ว ช่วงปี พ.ศ. 2487–2491 เกิพ.ศ. 2516ค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เห็นว่าการจัดงานฟุตบอลประเพณีใช้งบประมาณมาก เป็นกิจกรรมที่ฟุ่มเฟือย ในปี พ.ศ. 2557 เกิด ในปี พ.ศ. 2560 ยกกรรมเพื่อเป็นการแสดงความอาลัยในช่วง และในปี พ.ศ.กรรมเพื่อป้องกันของ

เอกลักษณ์เด่น

ขบวนพาเหรด

ตามธรรมเนียมก่อนเข้าสู่การแข่งขัน จะมีการเดินพาเหรดขบวนล้อการเมือง โดยกลุ่มอิสระล้อการเมือง ม.ธรรมศาสตร์ เป็นส่วนหนึ่งในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ เป็นสิ่งแสดงความคิดความอ่านทางการเมืองของนักศึกษาที่จะต้องโตขึ้นไปอยู่ในสังคมที่ถูกขับเคลื่อนโดยแรงขับทางการเมือง ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม ดังนั้น การทำล้อการเมืองแสดงผ่านหุ่น ผ่านข้อความในป้ายผ้า เป็นบทกลอน จะสะท้อนความคิดเห็นของนักศึกษาหลากหลายคณะในมหาวิทยาลัยจากการเรียนในวิชาต่างๆ ออกมาเป็นตัวหุ่น เป็นป้ายผ้า ซึ่งล้อการเมืองมีมาทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นในยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือรัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมากกว่าหลายล้านเสียงก็ตาม ตรงนี้ล้อการเมืองก็ยังอยู่มาเรื่อยๆ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานของการล้อที่ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ล้อการเมืองจะไม่ขาดช่วงไปจากสังคมไทย

ในขณะที่ขบวนสะท้อนสังคม ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับผิดชอบโดยกลุ่มสะท้อนสังคม เป็นการนำปัญหาของสังคมที่เกิดในรอบปี โดยการนำเสนอผ่านงานศิลปะ อาทิตัวหุ่น และป้ายผ้า ซึ่งการสะท้อนสังคมเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่สามารถทำได้ในฐานะนิสิต โดยเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่มีถูกผิด เพียงแค่ต้องอยู่ในกรอบเท่านั้น

ทั้งขบวนล้อการเมือง และขบวนสะท้อนสังคม มีจุดประสงค์เพื่อเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคม โดยนำเสนอภายใต้ขอบเขต ซึ่งจะไม่โจมตีไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง เพื่อให้นิสิต-นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักและตื่นตัวต่อปัญหา/สถานการณ์ที่เกิดขึ้น และร่วมกันหาทางแก้ไขเพื่อให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การอัญเชิญพระเกี้ยว

การอัญเชิญปรากฏหลักฐานครั้งแรกในหนังสือพิมพ์สยามนิกร (พิเศษ) ฉบับวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2507 โดยมีนิสิตหญิง 1 คน เป็นผู้อัญเชิญ โดยการอัญเชิญเข้ามาสู่สนามการแข่งขันเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์ โดยจะคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นนิสิตชาย 1 คน และ นิสิตหญิง 1 คน เพื่อเป็นตัวแทนบรรดานิสิตอัญเชิญพระเกี้ยวเข้าสู่สนามแข่งขัน ถึงแม้ว่านิสิตทุกคนต่างมีฐานะเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว แต่เนื่องจากในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถให้ทุกคนเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวได้ จึงต้องคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นตัวแทนนิสิตเพื่อทำหน้าที่นี้

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564 องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) มีมติในการประชุมสามัญ 29:0 เสียง เห็นควรให้มีการยกเลิกกิจกรรมการคัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีฯ เนื่องจากเห็นว่าเป็นธรรมเนียมที่สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียม และพบว่ามีการบังคับนิสิตให้มาแบกเสลี่ยงโดยอ้างว่าจะมีผลต่อคะแนนการคัดเลือกผู้มีสิทธิ์ใช้หอพัก

ประธานเชียร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือฝั่งจุฬาจะเรียกว่า "ประธานเชียร์" นอกจากจะทำหน้าที่นำเชียร์ ควบคุมจังหวะการร้องเพลงเชียร์ของสแตนด์แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนิสิตจุฬา ในการประชาสัมพันธ์งานฟุตบอลประเพณีฯ และบำเพ็ญประโยชน์แก่สาธารณะอีกด้วย ในระยะแรกนั้นผู้นำเชียร์หรือประธานเชียร์จะเป็นผู้ให้จังหวะปรบมือแก่กองเชียร์ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงท่าทางของผู้นำเชียร์ขึ้นใหม่ โดยเน้นหลักการสำคัญของผู้นำเชียร์แห่งจุฬาฯ นั้น มี 5 ประการ ได้แก่ การให้จังหวะ การควบคุมกองเชียร์ ความสวยงาม ความพร้อมเพรียง และรูปแบบในการนำเสนอ มีการแต่งตัวให้สวยงาม สร้างสีสันให้กับสแตนด์เชียร์ การสรรหาผู้นำเชียร์ฯ จากการเปิดรับสมัครคัดเลือกอย่างเป็นทางการจากนิสิตทั่วไป ไม่จำกัดคณะและชั้นปี ในแต่ละปีนั้นมีจำนวนผู้ผ่านการคัดเลือกแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของผู้สมัครในปีนั้น ๆ โดยทั่วไปแล้วมักมีจำนวนเฉลี่ยรุ่นละ 11-13 คน

จุฬาฯคทากร

จุฬาฯคทากรมีหน้าที่หลักคือ การเดินนำขบวนพาเหรดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนั้นยังมีหน้าที่แสดงควงคทาประกอบเพลงประจำมหาวิทยาลัยอีกด้วย

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์

ในอดีตผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในขบวนอัญเชิญ ถ้วยพระราชทาน ป้ายนามมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และดรัมเมเยอร์ ได้มาจากการคัดเลือกเช่นเดียวกับการอัญเชิญพระเกี้ยวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งหลังในปี พ.ศ. 2516 ประเพณีการคัดเลือกก็ได้งดไป เนื่องจากถูกมองว่าเป็นความฟุ่มเฟือยและเกิดเป็นที่มาของคำขวัญว่า "ธรรมจักรเป็นของชาวธรรมศาสตร์ทุกคน ทุกคนจึงมีสิทธิในการอัญเชิญได้" จึงคงไว้เพียงขบวนอัญเชิญธรรมจักรและรับสมัครทุกคนที่สนใจร่วมแบกเสลี่ยงอัญเชิญโดยไม่มีผู้แทน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2544 สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ฟื้นฟูผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์และทำหน้าที่ในการบำเพ็ญประโยชน์ ตลอดจนการรณรงค์และส่งเสริมให้นักศึกษาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกันมากขึ้นกลับมา ในชื่อว่า "ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" โดยเริ่มตั้งแต่ 2545 เป็นต้นมา หน้าที่ของทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์คือเป็นตัวแทนนักศึกษาในการนำขบวนพาเหรดทั้งหมดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าสู่สนาม โดยเป็นผู้อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย ถ้วยพระราชทาน อัญเชิญพานพุ่มนำขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์ รวมถึงการบำเพ็ญประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย การคัดเลือกทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะพิจารณาถึงทั้งลักษณะ บุคลิก ความรู้ความสามารถ ทั้งในด้านการเรียน และในความรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การมีจิตอาสา มีคุณธรรมและพร้อมที่จะช่วยเหลือแก่สังคม

แม่ทัพเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผู้นำเชียร์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือฝั่งธรรมศาสตร์จะเรียกว่า "แม่ทัพเชียร์" เป็นตัวแทนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสำหรับทำหน้านำกองเชียร์ร้องเพลงส่งเสียงเชียร์ ประกอบรหัส สัญญาณ การเคลื่อนไหวร่างกาย หรืออุปกรณ์ เพื่อความพร้อมเพรียง ความสวยงาม และความสนุกสนานของการเชียร์และแปรอักษร โดยทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีแนวคิดและต้นแบบแรงบันดาลใจจาก ผู้ควบคุมวงดนตรีหรือ ที่ทำหน้าที่นำการเล่นดนตรีวงใหญ่หรือการร้องประสานเสียง ผู้นำเชียร์นั้นนอกจากจะมีท่วงท่าสง่างาม ยังมีรหัสสัญญาณมือที่สื่อความหมายสามารถประยุกต์ใช้กับการร้องเพลงเป็นหมู่คณะของกองเชียร์

เพลงประจำการแข่งขัน

  • เพลงพระราชนิพนธ์ของทั้งสองมหาวิทยาลัย
    • เพลงของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ เพลงพระราชนิพนธ์
    • เพลงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ เพลงพระราชนิพนธ์
  • เพลงจามจุรีประดับโดมในดวงใจ เป็นการนำเพลงของทั้งสองมหาวิทยาลัยมาร่วมกันคือเพลง และเพลง
  • เพลงชั่วดินฟ้า เป็นเพลงของจุฬา และธรรมศาสตร์บอกถึงความรักความสามัคคีของทั้งสองสถาบันนี้
  • เพลงธรรมศาสตร์-จุฬา สามัคคี แต่งโดย
  • เพลงธรรมศาสตร์-จุฬา ภาราดรณ์ ไม่ปรากฏผู้แต่ง

ผลการแข่งขัน

ผลการแข่งขันจนนับจากปี พ.ศ. 2477 ถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะ 24 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะ 18 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง ดังนี้

เชิงอรรถ

อ้างอิง

ดูเพิ่ม