ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง"
ย้อนการแก้ไขที่ 6469582 สร้างโดย 223.24.44.14 (พูดคุย) |
ปรับภาษา ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{กล่องข้อมูล การรบ |
|||
{{ยังไม่ได้แปล}} |
|||
⚫ | |||
{{Infobox Military Conflict |
|||
| |
| สงคราม = [[สงครามโลกครั้งที่สอง]] |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
| |
| คำบรรยาย = แผนที่แสดงดินแดนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2483 |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
| ผลลัพธ์ = |
|||
⚫ | |||
| result = |
|||
* จีนได้รับชัยชนะ |
* จีนได้รับชัยชนะ |
||
* การยอมแพ้อย่างไม่เป็นทางการของทหารญี่ปุ่นในจีนแผ่นดินใหญ่ (ไม่รวมในดินแดนแมนจูเรีย [[เกาะฟอร์โมซา]]และ[[อินโดจีนฝรั่งเศส]]เหนือเส้นขนานที่ 16 ขึ้นไป) |
* การยอมแพ้อย่างไม่เป็นทางการของทหารญี่ปุ่นในจีนแผ่นดินใหญ่ (ไม่รวมในดินแดนแมนจูเรีย [[เกาะฟอร์โมซา]]และ[[อินโดจีนฝรั่งเศส]]เหนือเส้นขนานที่ 16 ขึ้นไป) |
||
บรรทัด 15: | บรรทัด 14: | ||
* จีนเข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวร[[คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ]] |
* จีนเข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวร[[คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ]] |
||
| |
| คู่ขัดแย้ง1 = {{flagicon|ROC}} [[สาธารณรัฐจีน (2455-2492)|สาธารณรัฐจีน]]<br /> |
||
* {{flagicon image|Flag of the Chinese Communist Party.svg}} [[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]]<br /> |
* {{flagicon image|Flag of the Chinese Communist Party.svg}} [[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]]<br /> |
||
* {{flagicon|United States|1912}} [[สหรัฐอเมริกา]] <sup>1</sup><br /> |
* {{flagicon|United States|1912}} [[สหรัฐอเมริกา]] <sup>1</sup><br /> |
||
* {{flag|สหภาพโซเวียต}} |
* {{flag|สหภาพโซเวียต}} |
||
| |
| คู่ขัดแย้ง2 = {{flagicon|Japan}} [[จักรวรรดิญี่ปุ่น]]<br /> |
||
* {{flagicon|Manchukuo}} [[แมนจูกัว]] |
* {{flagicon|Manchukuo}} [[แมนจูกัว]] |
||
* [[ไฟล์:Flag of the Mengjiang.svg|25px]] [[เหม่งเจียง]] |
* [[ไฟล์:Flag of the Mengjiang.svg|25px]] [[เหม่งเจียง]] |
||
บรรทัด 49: | บรรทัด 48: | ||
{{flagicon|Manchukuo}} [[จักรพรรดิปูยี]] <br /> |
{{flagicon|Manchukuo}} [[จักรพรรดิปูยี]] <br /> |
||
[[ไฟล์:Flag of the Republic of China-Nanjing (Peace, Anti-Communism, National Construction).svg|24px]] [[วาง จิงเว่ย]]<br /> |
[[ไฟล์:Flag of the Republic of China-Nanjing (Peace, Anti-Communism, National Construction).svg|24px]] [[วาง จิงเว่ย]]<br /> |
||
| |
| กำลังพล1 = ทหารจีน 5,600,000 นาย <br /> เครื่องบินสหรัฐ 900+ ลำ<ref>Taylor, Jay, The Generalissimo, p.645.</ref> <br /> ที่ปรึกษาและนักบินโซเวียต 3600+ นาย<br /> |
||
| |
| กำลังพล2 = ทหารญี่ปุ่น 3,900,000 นาย<ref>Chung Wu Taipei "History of the Sino-Japanese war (1937-1945)" 1972 pp 535</ref> ,<br /> ทหารไส้ศึกจีน 900,000 นาย <ref>Jowett, Phillip, Rays of the Rising Sun, หน้า 72.</ref> <br /> |
||
| |
| กำลังสูญเสีย1 = ทหารจีน (รวมที่บาดเจ็บ, เชลย, และสูญหาย) 3,220,000 นาย, พลเมือง 17,530,000 คน<ref>Clodfelter, Michael "Warfare and Armed Conflicts: A Statistical Reference", Vol. 2, pp. 956.</ref><br /> |
||
ทหารโซเวียต 227 นาย<ref>http://www.soldat.ru/doc/casualties/book/chapter4_4.html</ref> |
ทหารโซเวียต 227 นาย<ref>http://www.soldat.ru/doc/casualties/book/chapter4_4.html</ref> |
||
| |
| กำลังสูญเสีย2 = ทหารญี่ปุ่น (รวมที่บาดเจ็บ, เชลย, และสูญหาย) 1,100,000 นาย |
||
| notes = <sup>1 </sup> ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2485 กองบินฟลายอิ้งไทเกอร์ได้รับการยกระดับเป็นกองทัพอากาศสหรัฐกองบินที่ 14<br /> <sup>2 </sup> สหภาพโซเวียตได้ให้ความข่วยเหลือทางทหารแก่จีนระหว่างปี พ.ศ. 2480 ถึง พ.ศ. 2484 <br /> <sup>3 </sup>ทหารส่วนใหญ่มาจาก[[ประเทศแมนจูกัว]] ซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่น |
| notes = <sup>1 </sup> ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2485 กองบินฟลายอิ้งไทเกอร์ได้รับการยกระดับเป็นกองทัพอากาศสหรัฐกองบินที่ 14<br /> <sup>2 </sup> สหภาพโซเวียตได้ให้ความข่วยเหลือทางทหารแก่จีนระหว่างปี พ.ศ. 2480 ถึง พ.ศ. 2484 <br /> <sup>3 </sup>ทหารส่วนใหญ่มาจาก[[ประเทศแมนจูกัว]] ซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่น |
||
}} |
}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:04, 11 มิถุนายน 2559
สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง | |||
---|---|---|---|
| |||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||
เจียงไคเช็ก |
จักรพรรดิฮิโรฮิโต | ||
1 ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2485 กองบินฟลายอิ้งไทเกอร์ได้รับการยกระดับเป็นกองทัพอากาศสหรัฐกองบินที่ 14 2 สหภาพโซเวียตได้ให้ความข่วยเหลือทางทหารแก่จีนระหว่างปี พ.ศ. 2480 ถึง พ.ศ. 2484 3 ทหารส่วนใหญ่มาจากประเทศแมนจูกัว ซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่น |
สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (อังกฤษ: Second Sino-Japanese War ; จีน: 中国抗日战争 ; ญี่ปุ่น: 日中戦争) ระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 ถึงวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2488 เป็นสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่สองต่อมากลายเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สองเรียกว่า "สงครามแปซิฟิก" และดำเนินเรื่อยมาจนยุติลงพร้อมกับสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียในศริสต์ศวรรษที่ 20 [1]
ย้อนกลับไปใน พ.ศ. 2474 ญี่ปุ่นได้เข้ารุกรานแมนจูเรีย ซึ่งเหตุการณ์นี้เรียกว่ากรณีมุกเดน ทำให้ญี่ปุ่นสามารถเข้าไปมีอิทธิพลในดินแดนจีนแผ่นดินใหญ่ได้ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ ณ สะพานมาร์โค โปโล อันเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของสงครามครั้งนี้
ตั้งแต่เริ่มต้นสงครามจนถึง พ.ศ. 2484 จีนต้องต่อสู้กับญี่ปุ่นโดยลำพัง กระทั่งญี่ปุ่นได้โจมตีฐานทัพเรือสหรัฐที่เพิร์ลฮาเบอร์ อันเป็นเหตุให้สหรัฐอเมริกาต้องเข้าร่วมสงคราม ทำให้สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่สองขยายวงกว้างขึ้น กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สองในที่สุด
ภูมิหลัง
ความเป็นมาของสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สามารถมองย้อนหลังกลับไปเมื่อครั้ง สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง ระหว่างปี พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2438 ซึ่งประเทศจีนในสมัยนั้น ปกครองโดยจักรพรรดิราชวงศ์ชิง พ่ายแพ้สงครามแก่ประเทศญี่ปุ่น จึงจำต้องทำสนธิสัญญาชิโมะโนะเซะกิ ซึ่งมีผลบังคับให้จีนต้องยกดินแดนเผิงหูและคาบสมุทรเหลียวตงให้แก่ญี่ปุ่น และต้องรับรองเอกราชแก่เกาหลี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ราชวงศ์ชิงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตกต่ำอย่างยิ่ง ทั้งจากเหตุการณ์จลาจลภายในประเทศ และภัยจากลัทธิจักรวรรดินิยมภายนอกประเทศ ขณะเดียวกันในประเทศญี่ปุ่นสามารถรวบรวมอำนาจภายในประเทศให้เป็นปึกแผ่น อันเป็นผลทำให้ญี่ปุ่นสามารถปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ[2]
กระทั่งมีการสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นในปี พ.ศ. 2455 หลังจากเหตุการณ์การปฏิวัติซินไฮ่ อันเป็นการล้มล้างราชวงศ์ชิง อย่างไรก็ตามสาธารณรัฐใหม่ก็ยังคงมีความอ่อนแอกว่าสมัยก่อน ทั้งปัญหาการแย่งชิงอำนาจของขุนศึกท้องถิ่นผู้มีอำนาจ ทำให้การพยายามที่จะรวบรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่น การขับไล่ลัทธิจักรจรรดินิยมออกไปจากจีนเป็นเรื่องที่ยากลำบาก[3] ทำให้ขุนศึกบางคนต้องใช้นโยบายใกล้ชิดกับต่างชาติ ตัวอย่างเช่น ขุนศึก จาง จัวหลิน แห่งแมนจูเรีย ได้ร่วมมือกับญี่ปุ่น ในเรื่องความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และทางทหาร[4]
ในปี พ.ศ. 2458 ญี่ปุ่นได้ประกาศความต้องการ 21 ประการ ในการรีดบังคับทั้งในเรื่องการเมืองและสิทธิประโยชน์ทางการค้าจากจีน ภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ญี่ปุ่นได้เข้ายึดดินแดนเขตอิทธิพลของจักรวรรดิเยอรมันในเขตมณฑลชานตง[5] ทำให้เกิดกระแสการต่อต้านญี่ปุ่นขึ้นในแผ่นดินจีน แต่กระนั้นรัฐบาลจีนในขณะนั้น ยังคงแตกความร่วมมือกันอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถต้านทานการบุกรุกล้ำดินแดนของญี่ปุ่นได้ เพื่อเป็นการรวบรวมจีนและกำจัดเหล่าขุนศึกตามท้องถิ่นให้หมดสิ้นไป พรรคก๊กมินตั๋งซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองกวางโจว ได้ก่อตั้งกองทัพปฏิวัติแห่งชาติ ออกเดินทางไกลขึ้นเหนือ[6] ในปี พ.ศ. 2469 – พ.ศ. 2471 พรรคก๊กมินตั๋งและกองทัพปฏิวัติแห่งชาติ ได้ปราบปรามขยายขอบเขตอิทธิพลกระทั่งประชิดดินแดนชานตง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของขุนนศึก จาง จงชาน ผู้ได้รับการช่วยเหลือจากญี่ปุ่น กองทัพปฏิวัติแห่งชาติถูกต่อต้านอย่างหนักจากกองทัพของจาง จงชาน ที่เมืองจี๋หนาน ในปี พ.ศ. 2471 เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า“วิกฤตการณ์จี๋หนาน”สุดท้ายพรรคก๊กมินตั๋งและกองทัพปฏิวัติแห่งชาติต้องล่าถอยออกมาจากจี๋หนาน[7]
ในปีเดียวกัน จาง จัวหลิน ถูกลอบสังหารหลังได้รับการช่วยเหลือจากญี่ปุ่นไม่นาน[8] จากนั้นบุตรชายของเขา จาง เฉวเหลียง ได้เข้าครอบครองดินแดนแมนจูเรียต่อจากบิดาทันที ประกาศยกเลิกการขอรับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่น และประกาศยอมเข้าสวามิภักดิ์ต่อพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งในขณะนั้นนำโดย เจียง ไคเชก อันเป็นผลทำให้พรรคก๊กมินตั๋งสามารถรวบรวมดินแดนประเทศจีนได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2481[9]
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2473 ได้เกิดเหตุการณ์จลาจลระหว่างขุนศึกผู้ที่เคยร่วมมือกับพรรคก๊กมินตั๋งในระหว่างการเดินทางไกลขึ้นเหนือ กับรัฐบาลกลางของเจียง ไคเช็ก ยกตัวอย่างเช่น พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ได้ก่อการจลาจลต่อรัฐบาลกลาง ภายหลังเหตุการณ์การสังหารหมู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ในปี พ.ศ. 2470 ดังนั้นรัฐบาลกลาง จึงได้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจในเรื่องความไม่สงบภายในประเทศ โดยได้ประกาศ “นโยบายสงบภายในก่อนที่จะต้านทานภายนอก”
มูลเหตุของสงคราม
การรุกรานแมนจูเรีย การแทรกแซงในจีน
สถานการณ์ภายในของจีนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นสามารถดำเนินนโยบายรุกรานแมนจูเรียได้โดยสะดวก ญี่ปุ่นเล็งเห็นผลประโยชน์ในดินแดนแมนจูเรียหลายประการ เช่น ดินแดนแมนจูเรียมีทรัพยากรทางธรรมชาติและวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมมหาศาล และสามารถเป็นแหล่งกระจายสินค้าของญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นรัฐกันชนระหว่างญี่ปุ่นกับดินแดนไซบีเรียของสหภาพโซเวียต
ญี่ปุ่นจึงเริ่มรุกรานดินแดนแมนจูเรียอย่างเปิดเผยภายหลังกรณีมุกเดน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2474 หลังจากการประทะกันนาน 5 เดือน ญี่ปุ่นได้จัดตั้งรัฐหุ่นเชิดแมนจูกัวขึ้น โดยอัญเชิญจักรพรรดิปูยี อดีตจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิง เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและจักรพรรดิแต่เพียงในนาม รัฐบาลจีนไม่สามารถตอบโต้ทางทหารได้ จึงร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังสันนิบาตชาติ
สันนิบาตชาติดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและออกแถลงการณ์ลิตตัน เพื่อประณามการกระทำของญี่ปุ่นในการรุกรานแมนจูเรีย ทำให้ญี่ปุ่นขอถอนตัวออกจากสันนิบาตชาติโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังไม่มีชาติใดกล้าดำเนินนโนบายตอบโต้ทางทหารอย่างชัดเจนแก่ญี่ปุ่น
ภายหลังจากกรณีมุกเดน เกิดการประทะกันอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2475 กำลังทหารของจีนและญี่ปุ่นได้เปิดการประทะกันในกรณี 28 มกราคม ผลจากการประทะกันครั้งนี้ได้เกิดการจัดตั้งเขตปลอดทหารเซี่ยงไฮ้ขึ้น ทำให้ทางกองทัพจีนไม่สามารถคงกำลังทหารไว้ในเมืองเซี่ยงไฮ้ของตนเองได้ ทางด้านแมนจูกัวญี่ปุ่นพยายามดำเนินตามนโยบายของตนในการทำลายกองกำลังอาสาสมัครต่อต้านญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นและกระจายเป็นวงกว้าง
ในปี พ.ศ. 2476 ญี่ปุ่นเข้าโจมตีบริเวณกำแพงเมืองจีน หลังจากนั้นได้มีการเจรจาพักรบตางกู ให้อำนาจญี่ปุ่นมีเหนือดินแดนเร่อเหอ อีกทั้งยังจัดตั้งเขตปลอดทหารบริเวณกำแพงเมืองจีนกับเมืองปักกิ่ง - เทียนจิน ในจุดนี้ญี่ปุ่นพยายามจะจัดตั้งรัฐหุ่นเชิดขึ้นอีกหนึ่งแห่งระหว่างดินแดนแมนจูกัวกับดินแดนของคณะรัฐบาลแห่งชาติจีนที่มีฐานบัญชาการอยู่ที่นานกิง
ญี่ปุ่นพยายามยุยงให้มีความแตกแยกภายในกันเองของจีน เพื่อเป็นการบั่นทอนกำลังทหารของจีนให้อ่อนแอลง ซึ่งญี่ปุ่นทราบจุดอ่อนของรัฐบาลแห่งชาติดีว่า ภายหลังการเดินการขึ้นเหนือของคณะรัฐบาลแห่งชาติจีน อำนาจการปกครองประเทศของรัฐบาลแห่งชาตินั้นจำกัดอยู่เฉพาะในดินแดนบริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเท่านั้น หากแต่ดินแดนในส่วนอื่นนั้นยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเหล่าขุนศึกท้องถิ่นอยู่ ญี่ปุ่นจึงพยายามผูกไมตรีและให้ความช่วยเหลือแก่เหล่าขุนศึกท้องถิ่นในการจัดตั้งรัฐอิสระขึ้นโดยให้เป็นไมตรีกับญี่ปุ่น ดินแดนเหล่านี้ได้แก่ ฉาเห่ย์ สุยหย่วน เหอเป่ย์ ซานซี และซานตง
นโยบายของญี่ปุ่นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในดินแดนที่ปัจจุบันคือบริเวณมองโกเลียในและมณฑลเหอเป่ย์ ในปี พ.ศ. 2478 ญี่ปุ่นกดดันให้รัฐบาลจีนยอมลงนามในข้อตกลงเหอ-อุเมะซุ ซึ่งมีเนื้อหาห้ามมิให้รัฐบาลก็กมินตั๋งเข้าไปมีอำนาจปกครองในมณฑลเหอเป่ย์ ในปีเดียวกันจีนจำต้องลงนามในข้อตกลงชิน-โดะอิฮะระอีกฉบับหนึ่ง เป็นการกำจัดอำนาจของรัฐบาลก็กมินตั๋งออกจากฉาเห่ย์ ด้วยเหตุนี้ นับตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2478 เป็นต้นมา รัฐบาลแห่งชาติจีนจึงไม่มีอำนาจปกครองเหนือดินแดนดังกล่าวอีกต่อไป ญี่ปุ่นได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งสภาปกครองตนเองเหอเป่ย์ตะวันออกขึ้น ซึ่งต่อมาทางการญี่ปุ่นได้เปลี่ยนสถานะการปกครองใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็นเหม่งเจียงเป็นรัฐหุ่นเชิดแห่งที่สองโดยได้ส่งเจ้าชายมองโกลเดมชูงดอมรอปช์ไปปกครองและให้การสนับสนุนด้านการทหารและเศรษฐกิจ ทางด้านจีนได้มีการจัดตั้งกองอาสาสมัครต่อต้านญี่ปุ่นขึ้น ญี่ปุ่นจึงเริ่มเข้ารุกรานแมนจูเรียและในฉาเห่ย์ สุยหย่วน
การรุกรานจีนอย่างเต็มตัว
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ส่วนมากได้ระบุจุดเริ่มต้นของสงครามจีนญี่ปุ่นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 1937 ตั้งแต่เหตุการณ์สะพานมาร์โคโปโล เมื่อสงครามรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อเมืองปักกิ่งถูกโจมตีโดยกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเนื่องจากกองทัพภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนที่มีการรับมือแบบไม่มีประสิทธิภาพทำให้ญี่ปุ่นเข้ายึดเมืองเป่ยผิงแลเทียนจินอย่างง่ายดาย
ศูนย์กองบัญชาการกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในโตเกียวได้เริ่มลังเลถึงการขยายความขัดแย้งที่เข้าสู่สงครามเต็มตัวเป็นความเห็นด้วยที่มีชัยชนะเกิดขึ้นได้ในภาคเหนือของจีนต่อไปนี้เหตุการณ์สะพานมาร์โคโปโล อย่างไรก็ตามรัฐบาลกลางจีนได้กำหนดว่า"จุดแตกหัก"ของการรุกรานของญี่ปุ่นได้รับถึงและ เจียงไคเชกได้ระดมกองทัพอย่างรวดเร็วของรัฐบาลกลางและได้เริ่มการพัฒนากองทัพอากาศจีนคณะชาติภายใต้คำสั่งโดยตรงของเขาในการโจมตีกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นในเซี่ยงไฮ้เมื่อ 13 สิงหาคม 1937 ซึ่งนำไปสู่การยุทธการเซี่ยงไฮ้กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นที่มีการระดมกำลังทหารกว่า 200,000 ควบคู่กับกองเรือและเครื่องบินจำนวนมากในการยึดเซี่ยงไฮ้หลังจากเกินสามเดือนของการต่อสู้ที่รุนแรงกับความสูญเสียที่ไกลเกินความคาดหวังตั้งแต่เริ่มต้นทำให้สร้างความยากลำบากในการที่จะยึดเซี่ยงไฮ้.[10] กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้เข้ายึดเมืองนานกิงเมืองหลวงของรัฐบาลกลางจีนและส่านซีตอนเหนือโดยปลายปี ค.ศ. 1937 ในสงครามที่เกี่ยวข้องกับทหารจำนวน 350,000 คนของญี่ปุ่นซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารของแมนจูกัว
นักประวัติศาสตร์ได้ประมาณการชาวจีนถึง 300,000 คนที่ถูกสังหารหมู่ในการสังหารหมู่นานกิงซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของเมืองนานกิง ในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1937 ในขณะที่นักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นบางคนได้แก้ไขปรับปรุงประวัติศาสตร์ซึ่งได้ปฏิเสธการสังหารหมู่ของญี่ปุ่น
กองกำลังเปรียบเทียบ
กองทัพปฏิวัติชาติ
กองทัพปฏิวัติชาติมีเจียงไคเช็กเป็นผู้บัญชาการสูงสุด กองทัพปฏิวัติชาติเป็นที่รับรู้ว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธแบบครบวงจรของจีนในช่วงสงคราม กองทัพปฏิวัติชาติประกอบด้วยทหารประมาณ 4,300,000 นาย มี 370 กองพล (จีนตัวย่อ: 正式师; จีนตัวเต็ม: 正式師), 46 กองพลใหม่ (จีนตัวย่อ: 新编师; จีนตัวเต็ม: 新編師), 12 กองพลทหารม้า (จีนตัวย่อ: 骑兵师; จีนตัวเต็ม: 騎兵師), 8 กองพลทหารม้าใหม่ (จีนตัวย่อ: 新编骑兵师; จีนตัวเต็ม: 新編騎兵師), 66 กองพลชั่วคราว (จีนตัวย่อ: 暂编师; จีนตัวเต็ม: 暫編師), และ 13 กองพลสำรอง (จีนตัวย่อ: 预备师; จีนตัวเต็ม: 預備師), รวมทั้งสิ้น 515 หน่วย
แต่หลายกองพลเกิดจากการรวมกันของสองกองพลหรือมากกว่า จำนวนทหารในแต่ละกองพลมีประมาณ 4,000-5,000 นาย กำลังพลของกองทัพจีนคณะชาติถ้าเทียบกับกองพลญี่ปุ่นแล้วมีจำนวนใกล้เคียงกัน แต่เนื่องจากกองทัพจีนคณะชาตินั้นขาดแคลนด้านปืนใหญ่, อาวุธหนัก, และยานยนต์ที่ใช้ขนส่งกำลังพล ทำให้ 4 กองพลของจีนคณะชาติมีอำนาจในการรบเท่ากับ 1 กองพลของกองทัพญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีปัญหาในการบริหารและควบคุมกองทัพอีกด้วย เนื่องจากอำนาจในการควบคุมไม่เป็นระบบ สื่อข่าวกรอง, การส่งกำลังบำรุงในการทหาร, การสื่อสาร, และการพยาบาลนั้นถือว่าย่ำแย่ อำนาจควบคุมกองทัพจีนคณะชาตินั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือ กองทัพกลาง ซึ่งเป็นการรวมตัวของกองพลที่ฝึกในโรงเรียนทหาร ฮ่วมปั่ว ซึ่งเป็นกองพลที่จงรักภักดีต่อเจียงไคเช็ค กลุ่มที่สองคือ กองทัพรวม เป็นการรวมตัวของกองพลที่บัญชาการโดยแม่ทัพของมณฑลต่างๆ
หลังจากบทเรียนความพ่ายแพ้ของจีนในการรุกรานแมนจูเรียของญี่ปุ่น ทำให้พรรคก๊กมินตั๋งไม่นิ่งนอนใจต่อการคุกคามของญี่ปุ่นอีกต่อไป กองทัพปฏิวัติชาติได้พยายามก่อตั้งกองทัพขนาดใหญ่โดยซื้ออาวุธจากเยอรมันและทำการฝึกทหารใหม่ จัดซื้ออาวุธใหม่ๆเข้าประจำในกองทัพ กองทัพปฏิวัติชาติขยายกำลังพลอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาไม่กี่ปีก็มีจำนวนทหารส่วนใหญ่ได้รับการฝึกแบบกองทัพเยอรมัน มีการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญหรือนักการทหารกับเยอรมันอย่างต่อเนื่อง
กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น
กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นมีกำลังพลประมาณ 3,200,000 นาย ส่วนใหญ่ประจำการอยู่ที่ประเทศจีนมากกว่าที่สมรภูมิแปซิฟิค จำนวนทหารในแต่ละกองพลมีประมาณ 20,000 นาย มี 51 กองพล ซึ่ง 35 กองพลประจำการอยู่ที่จีน และ 39 กองพลน้อย คิดเป็น 80% ของกำลังพลทั้งหมดของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีหน่วยพิเศษด้านปืนใหญ่, ทหารม้า, ต่อต้านอากาศยาน, และยานเกราะ เมื่อเทียบกับกองทัพจีนคณะชาติ ทหารกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นมียุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า ทหารมีประสบการณ์ในการรบมากกว่า และมีแผนการรบที่เหนือกว่าในช่วงต้นของสงคราม
ในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ประจำการอยู่ที่จีน แต่ในปี ค.ศ. 1942 ได้เริ่มส่งทหารไปประจำการที่ฮ่องกง, ฟิลิปปิน, ไทย, พม่า, หมู่เกาะอินเดียตะวันออกของดัตช์, และ มาลายา เพื่อขยายอิทธิพลยึดครองภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกแต่ละประเทศที่บุกยึดได้ก็จะ ต้องคอยส่งเสบียง และ ช่วยในการผลิตอาวุธ รวมถึงการเกณฑ์ผู้คนและเชลยศึกไปเป็นแรงงานในการสร้างค่ายทหาร,สร้าง ถนน,สร้างทางรถไฟ เพื่อสะดวกในการขนเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆไปแนวหน้า ส่วนพวกผู้หญิงก็จะถูกจับตัวไปเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่น.
การยุทธครั้งสำคัญในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง
รายการต่อไปนี้แสดงถึงการยุทธครั้งสำคัญในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ภาพธงที่แสดงด้านหน้าหมายถึงฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ
- มุกเดน กันยายน พ.ศ. 2474
- การรุกรานแมนจูเรีย กันยายน พ.ศ. 2474
- การทัพเจียงเกียว ตุลาคม พ.ศ. 2474
- Resistance at Nenjiang Bridge พฤศจิกายน พ.ศ. 2474
- จินโจว ธันวาคม พ.ศ. 2474
- การป้องกันเมืองฮาร์บิน มกราคม พ.ศ. 2475
- เซี่ยงไฮ้ (พ.ศ. 2475) มกราคม พ.ศ. 2475
- Pacification of Manchukuo มีนาคม พ.ศ. 2475
- การป้องกันกำแพงเมืองจีน มกราคม พ.ศ. 2476
- Battle of Rehe กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476
- ปฏิบัติการในมองโกเลียใน (พ.ศ. 2476-79)
- Suiyuan Campaign ตุลาคม 1936
- สะพานมาร์โค โปโล 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 (จุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของสงคราม)
- ปักกิ่ง-เทียนสิน กรกฎาคม พ.ศ. 2480
- Chahar สิงหาคม พ.ศ. 2480
- ยุทธการเมืองเซี่ยงไฮ้ สิงหาคม พ.ศ. 2480
- Beiping–Hankou สิงหาคม พ.ศ. 2480
- Tianjin–Pukou สิงหาคม พ.ศ. 2480
- ไท่หยวน กันยายน พ.ศ. 2480
- Battle of Pingxingguan กันยายน พ.ศ. 2480
- Battle of Xinkou กันยายน พ.ศ. 2480
- ยุทธการนานกิง ธันวาคม พ.ศ. 2480
- ยุทธการซูโจว ธันวาคม พ.ศ. 2480
- Battle of Taierzhuang มีนาคม พ.ศ. 2481
- การรบในมณฑลเหอหนานตอนเหนือและตะวันออก มกราคม พ.ศ. 2481
- Battle of Lanfeng พฤษภาคม พ.ศ. 2481
- เซียะเหมิน (เอ้หมึง) พฤษภาคม พ.ศ. 2481
- ยุทธการอู่ฮั่น มิถุนายน พ.ศ. 2481
- กวางตุ้ง ตุลาคม พ.ศ. 2481
- เกาะไหหลำ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2482
- Battle of Nanchang มีนาคม พ.ศ. 2482
- Battle of Xiushui River มีนาคม พ.ศ. 2482
- Battle of Suixian-Zaoyang พฤษภาคม พ.ศ. 2482
- Shantou มิถุนายน พ.ศ. 2482
- ยุทธการฉางชา กันยายน พ.ศ. 2482
- ยุทธการกวางสีใต้ พฤศจิกายน พ.ศ. 2482
- ยุทธการช่องเขาคุนลุ้น ธันวาคม พ.ศ. 2482
- การรุกในฤดูหนาว พ.ศ. 2482-83 พฤศจิกายน พ.ศ. 2482
- ยุทธการเมืองอู๋หยวน มีนาคม พ.ศ. 2483
- Battle of Zaoyang-Yichang พฤษภาคม พ.ศ. 2483
- การรุกร้อยกรมทหาร (Hundred Regiments Offensive) สิงหาคม พ.ศ. 2483
- การขยายอิทธพลสู่เวียดนาม กันยายน พ.ศ. 2483
- หูเป่ยตอนกลาง พฤศจิกายน พ.ศ. 2483
- ยุทธการเหอหนานใต้ มกราคม พ.ศ. 2484
- เหอเป่ยตะวันตก มีนาคม พ.ศ. 2484
- Battle of Shanggao มีนาคม พ.ศ. 2484
- ยุทธการส่านซีใต้ พฤษภาคม พ.ศ. 2484
- ยุทธการเมืองฉางชา (พ.ศ. 2484) กันยายน พ.ศ. 2484
- ยุทธการเมืองฉางชา (พ.ศ. 2485) มกราคม พ.ศ. 2485
- ยุทธการถนนสายยูนนาน-พม่า มีนาคม พ.ศ. 2485
- ยุทธการเจ้อเจียง-เจียงซี เมษายน พ.ศ. 2485
- ยุทธการหูเป่ยตะวันตก พฤษภาคม พ.ศ. 2486
- ยุทธการพม่าเหนือและยูนนานตะวันตก ตุลาคม พ.ศ. 2486
- Battle of Changde พฤศจิกายน พ.ศ. 2486
- Operation Ichi-Go
- Operation Kogo Battle of Central Henan เมษายน พ.ศ. 2487
- Operation Togo 1 ยุทธการเมืองฉางชา (พ.ศ. 2487)
- Operation Togo 2 and Operation Togo 3 Battle of Guilin-Liuzhou สิงหาคม พ.ศ. 2487
- ยุทธการหูหนานตะวันตก เมษายน - มิถุนายน พ.ศ. 2488
- Second Guangxi Campaign เมษายน - กรกฎาคม พ.ศ. 2488
- การรุกรานแมนจูเรียของสหภาพโซเวียต
อ้างอิง
- ↑ Bix, Herbert P. "The Showa Emperor's 'Monologue' and the Problem of War Responsibility", บทความญี่ปุ่นศึกษา, Vol. 18, No. 2. (ฤดูร้อน, พ.ศ. 7422), หน้า. 295–363.
- ↑ Wilson, Dick, When Tigers Fight: The story of the Sino-Japanese War, 1937-1945, p.5
- ↑ Wilson, Dick, p.4
- ↑ "Foreign News: Revenge?". Time magazine. 13 August 1923.
{{cite news}}
: ไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัปตัวเอียงหรือตัวหนาใน:|publisher=
(help) - ↑ Palmer and Colton, A History of Modern World, p.725
- ↑ Taylor, Jay, p.57
- ↑ Taylor, Jay, p.79, p.82
- ↑ Boorman, Biographical Dictionary, vol.1, p.121
- ↑ Taylor, Jay, p.83
- ↑ Fu Jing-hui, An Introduction of Chinese and Foreign History of War, 2003, p.109–111
แหล่งข้อมูลอื่น
- จดหมายเหตุหนังสือพิมพ์สงครามโลกครั้งที่สอง - สงครามในจีน, พ.ศ. 2480 - พ.ศ. 2488
- บันทึกของฟลายอิง ไทเกอร์
- (จีน)/(อังกฤษ) KangZhan.org - ประวัติและรูปภาพของสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง
- ทหารญี่ปุ่นในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง, พ.ศ. 2480 - พ.ศ. 2488 (ภาษาญี่ปุ่น)
- History and Commercial Atlas of China, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พ.ศ. 2478, โดย Albert Herrmann, Ph.D. ดูด้านล่างของรายชื่อแผนที่ พ.ศ. 2473
- Perry-Castañeda Library Map Collection, แผนที่จีน มาตราส่วน 1:250,000, Series L500, แผนที่ทหารสหรัฐฯ, พ.ศ. 2497- . แผนที่จีนประหว่างสงคราม.
- Perry-Castañeda Library Map Collection Manchuria 1:250,000, Series L542, แผนที่ทหารสหรัฐฯ, พ.ศ. 2493- . แผนที่ดินแดนแมนจูเรียระหว่างสงคราม.
- งานศึกษาร่วมสงครามจีน-ญี่ปุ่น, มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด. โครงการเพื่อสืบค้นและขยายการวิจัยเพื่อการพัฒนาความร่วมมือระหว่างนักวิชาการและสถาบันของจีน, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, และชาติอื่นๆ [1]