ยุทธการที่มะนิลา (ค.ศ. 1945)
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
ยุทธการที่มะนิลา | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ การทัพฟิลิปปินส์ ค.ศ. 1944–1945 และ เขตสงครามแปซิฟิกในสงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||
![]() ภาพถ่ายทางอากาศของกำแพงเมืองอินทรามูรอสที่ถูกทำลาย ซึ่งถูกถ่ายในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
| |||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() | ||||||
กำลัง | |||||||
ทหารสหรัฐ 35,000 นาย กองโจรชาวฟิลิปปินส์ 3,000 นาย |
ทหารเรือและนาวิกโยธิน 12,500 นาย ทหาร 4,500 นาย[2]: 73 | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
เสียชีวิต 1,010 นาย บาดเจ็บ 5,565 นาย[2]: 195 | เสียชีวิต 16,665 นาย (นับรวมถึงการตายในอินทรามูรอสเพียงลำพัง)[2]: 174 | ||||||
พลเรือน: เสียชีวิต 100,000 คน ความสูญเสียทั้งหมด 250,000 ทั้งหมด[2]: 174 |
ยุทธการที่มะนิลา (ฟิลิปปินส์: Labanan sa Maynila; ญี่ปุ่น: マニラの戦い; สเปน: Batalla de Manila; 3 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม ค.ศ. 1945) เป็นการรบครั้งใหญ่ของการทัพฟิลิปปินส์ ค.ศ. 1944-45 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นการสู้รบทางกองกำลังทหารจากทั้งสหรัฐและฟิลิปปินส์ต่อสู้กับกองกำลังญี่ปุ่นในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ เป็นการสู้รบที่ยาวนานเป็นเดือน ส่งผลทำให้พลเรือนเสียชีวิตกว่า 100,000 คน และเมืองได้ถูกทำลายทั้งหมด เป็นยุทธภูมิการสู้รบภายในเมืองที่เลวร้ายที่สุดที่กองทัพอเมริกันในเขตสงครามแปซิฟิก กองกำลังญี่ปุ่นได้กระทำการสังหารหมู่พลเรือนชาวฟิลิปปินส์ในช่วงการสู้รบแต่กระนั้นการใช้อาวุธของทหารอเมริกันได้สังหารผู้คนไปมากมายเช่นกัน เช่น การยิงปืนใหญ่ของทหารอเมริกันยังได้ทำลายมรดกทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของกรุงมะนิลาที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งเมือง กรุงมะนิลากลายเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในช่วงสงครามทั้งหมด เทียบเท่ากับกรุงเบอร์ลินและกรุงวอร์ซอ การสู้รบครั้งนี้ได้ยุติการยึดครองทางทหารของญี่ปุ่นในฟิลิปปินส์เกือบสามปี (ค.ศ. 1942-1945) การรบชนะเป็นเครื่องหมายสำคัญสู่กุญแจแห่งชัยชนะในการทัพของนายพล ดักลาส แมกอาเธอร์ จนถึงปัจจุบัน