ปฏิบัติการเข็มทิศ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปฏิบัติการเข็มทิศ
ส่วนหนึ่งของ การทัพทะเลทรายตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่สอง

รถถังเบาวิกเกอส์ของอังกฤษระหว่างลาดตระเวนทะเลทราย
วันที่9 ธันวาคม 1940-9 กุมภาพันธ์ 1941
สถานที่
ผล ฝ่ายสัมพันธมิตรชนะ
คู่สงคราม

จักรวรรดิบริติช

 ฝรั่งเศสเสรี

อิตาลี

ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
สหราชอาณาจักร อาจิบาด วาเวล
สหราชอาณาจักร เฮนรี เมตแลนด์ วิลสัน
สหราชอาณาจักร ริชาร์ด โอ คอนนอร์
โรดอลโฟ กราซีอานี
อิตาโล การีบอลดี
มาริโอ เบอร์ที
จูเซปเป เทลเทอรา 
ปิเอโตร มาเลตทีนี 
เบลโล สปีริโต 
อานีบาเล เบอร์กอนโซลี
กำลัง
ทหาร 36,000 นาย
ปืนใหญ่ 120 กระบอก
รถถัง 275 คัน
อากาศยาน 142 ลำ
ทหาร 150,000 นาย
ปืนใหญ่ 1,600 กระบอก
รถถัง 600 คัน
อากาศยาน 331 ลำ
ความสูญเสีย
เสียชีวิต 500 นาย
สูญหาย 55 นาย
บาดเจ็บ 1,373 นาย
เครื่องบิน 15 ลำ
เสียชีวิต 3,000 นาย
เป็นเชลย 115,000 นาย
รถถัง 400 คัน
ปืนใหญ่ 1,292 กระบอก
อากาศยาน 1,249 ลำ

ปฏิบัติการเข็มทิศ (ยังเรียกอีกอย่างว่า la battaglia della Marmarica) เป็นปฏิบัติการทางทหารขนาดใหญ่ครั้งแรกของบริติชในการทัพทะเลทรายตะวันตก(ค.ศ. 1940-1943)ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพบริติช อินเดีย เครือจักรภพ และฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้าโจมตีต่อกองกำลังอิตาลีของกองทัพที่ 10 (จอมพล โรดอลโฟ กราซีอานี) ในอียิปต์ตะวันตกและไซเรไนกา จังหวัดทางตะวันออกของลิเบีย ตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 1940 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1941

กองกำลังทะเลทรายตะวันตก(WDF)(พลโท ริชาร์ด โอ คอนเนอร์) มีจำนวนประมาณ 36,000 นาย ได้รุกจากเมือง Mersa Matruh ในอียิปต์ ในการเข้าตีโฉบฉวยห้าวันปะทะกับตำแหน่งอิตาลีของกองทัพที่ 10 ซึ่งมีจำนวนประมาณ 150,000 นายในฐานที่มั่นป้อมปราการบริเวณรอบเมือง Sidi Barrani ในอียิปต์และในไซเรไนกา กองกำลังทะเลทรายตะวันตกได้เอาชนะอิตาลีอย่างรวดเร็วในฐานที่มั่นป้อมปราการของพวกเขาและที่เมือง Sidi Barrani และบริติชได้ใช้ประโยชน์จากความสำเร็จครั้งนี้ บีบบังคับให้ส่วนที่เหลือของกองทัพที่ 10 ออกไปจากอียิปต์และยึดท่าเรือตามชายฝั่งลิเบีย กองทัพที่ 10 ถูกตัดขาด ในขณะที่ล่าถอยกลับไปยังตริโปลิเตเนียและปราชัยที่ยุทธการที่ Beda Fomm ส่วนที่เหลือได้ถูกไล่ล่าไปยัง El Agheila ในอ่าว Sirte

บริติชได้จับกุมเชลยศึกชาวอิตาลีและลิเบียจำนวนกว่า 138,000 นาย รถถังจำนวนร้อยคัน และปืนจำนวนกว่า 1,000 กระบอก และเครื่องบินจำนวนมาก ส่วนกองกำลังทะเลทรายตะวันตกได้ประสบผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนกว่า 1,900 นาย ประมาณ 10 เปอร์เซ็นของทหารราบ กองกำลังทะเลทรายตะวันตกไม่สามารถดำเนินพ้นไปจาก El Agheila เนื่องจากยานพาหนะชำรุดและถูกเปลี่ยนหันเหในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1941 ของหน่วยกองกำลังที่มีอุปกรณ์ครบถ้วนในปฏิบัติการลัสเตอร์สำหรับยุทธการที่กรีซ กองกำลังเสริมของอิตาลีได้รีบมาถึงลิเบียเพื่อป้องกันตริโปลีโดยได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพน้อยแอฟริกาและลุฟท์วัฟเฟอ[1]

อ้างอิง[แก้]

  1. Churchill 1949, p.616

บรรณานุกรม[แก้]

  • Churchill, Winston (1949). Volume 2: Their Finest Hour. The Second World War (1st ed.). Houghton Mifflin Company.